กุนซือเจ้าสำราญ ตะลุยสามก๊ก ตอนที่ 36

กุนซือเจ้าสำราญ ตะลุยสามก๊ก ตอนที่ 36

กุนซือเจ้าสำราญ ตะลุยสามก๊ก ตอนที่ 36
โดย saradio

เมื่อไปถึงเรือนหอเจ้าสาว พอเคาะห้อง เสี่ยวจูก็เป็นผู้มาเปิด เมื่อก้าวเข้าไปข้างใน ก็เห็นห้องหับถูกตกแต่งประดับประดาไปด้วยผ้าผวยสีแดงสด และจุดเทียนมงคลเล่มใหญ่ไว้สองเล่ม ส่องแสงสว่างสลัวสร้างบรรยากาศน่าเสียตัวยิ่งนัก บนโต๊ะยังมีสุรามงคลไว้อีกปานหนึ่งพร้อมกลับแกล้ม เมื่อมองไปที่เตียง ก็เห็นเจ้าสาวนั่งสงบเสงี่ยมเรียบร้อยคอยท่าอยู่
เสี่ยวจูเมื่อเปิดประตูให้ผมเข้ามาแล้ว นางก็ขอตัวออกจากห้อง ผมจึงเดินไปหาเจ้าสาวด้วยใจอันตื่นเต้น
เจ้าสาวเองก็ดูตื่นเต้นใจไม่แพ้กัน มือทั้งสองของนางขยับมากุมกันไว้ แล้วกำบีบมือตัวเอง พอผมเลิกผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออก ก็ปรากฏภาพสาวงามวัยแรกรุ่น ที่หน้าตาสวยหมดจรด ดูพริ้มพรายน่าเชยชม ชนิดที่เห็นแล้วต้องตะลึงตาค้าง เพราะไม่คิดว่า นางจะเติบโตเป็นสาวขึ้นมางดงามได้ถึงเพียงนี้
งิวอี้หลางมีอาการเขินหน้าแดงซ่าน แต่ก็ยังบังคับตัวเองให้ดูปกติ พูดเบาๆ ว่าอาจารย์
ผมจึงพูดเหย้าแหย่นางว่า
“เจ้ายังเรียกข้าว่าอาจารย์อยู่อีกหรือ ควรเรียก สามีจึงถูกต้อง เมื่อครู่ไยไม่ใช่เรากราบไหว้ฟ้าดินกันแล้ว”
งิวอี้หลางก้มหน้ากัดริมฝีปาก ยิ้มอย่างนึกอาย ไม่กล้าเรียกคำนั้นออกมา เลยเบือนหน้า พยายามปั้นหน้าให้ราบเรียบ กล่าวเฉไฉว่า
“ท่านอาจารย์ มีภรรยามากหลาย คำนั้นย่อมมีคนกล่าวเรียกอยู่แล้วมิใช่หรือ ข้าพเจ้าไร้ความสำคัญใด ไยต้องให้ข้าพเจ้าต้องกล่าวเรียกอีก”
วาจางิวอี้หลางฟังดูแอบมีตีกระทบ ทั้งยังแอบแฝงความเง้างอนอยู่ไม่น้อย อาจเป็นที่ผมไม่ติดต่อกลับมาหานางเลยตั้งแต่จากไป นางจึงนึกเคืองใจอยู่ ผมมองดูก็รู้ อีกทั้งดูแล้วนางก็คงไม่ได้โกรธเคืองผมจริงจัง หาไม่คงไม่มานั่งเป็นเจ้าสาว ณ ที่นี่
ผมจึงเย้าแหย่นางกลับคืน โดยยิ้มเยาะ ทำหน้าสงสัย พูดว่า
“อ่าว เมื่อเจ้าไม่คิดเรียก ข้าว่า สามี แล้วมาเข้าพิธีเพื่อการใด”
“ก็เพราะ …”
คำถามนี้จี้ใจดำ ทำเอานางอึกอัก เหมือนจะนึกคำพูดได้ไม่ทัน สะดุดไปช่วงหนึ่ง แต่แล้วก็นึกออกรีบพูดว่า
“ก็เพราะ เหล่าภรรยาของท่าน ไม่อยากให้ท่านเข้าพิธีกับฮูหยินรอง จึงโน้มน้าวขู่เข็ญให้ ข้าพเจ้ามา ข้าพเจ้าก็เลยจำต้องมา”
ผมเชื่อว่านางพูดความจริง แต่ไม่น่าจะจริงทั้งหมด ก็เลย ยิ้มแสร้งทำเป็นเชื่อ พูดคิดวิเคราะห์ ว่า
“อ้อ เพราะเหล่าภรรยาข้าวุ่นวายเรื่องไม่เป็นเรื่องนี่เอง เลยทำให้คุณหนูงิวต้องลำบากมาสับเปลี่ยนเป็นตัวแทนขัดขวางพิธี แต่คิดแล้วก็แปลก ไฉนไม่เป็นภรรยาข้าคนใดคนหนึ่งมาแทน ไม่เห็นจะต้องลำบากไปบังคับขู่เข็ญผู้ใดให้ยุ่งยาก แต่ เอ… แล้วภรรยาข้าใช้วิธีไหนน้า ถึงโน้มน้าวขู่เข็ญคุณหนูงิว ให้มาได้ เพราะแม้กระทั้งม้าเฉียวกับฮูหยินรอง จะบังคับให้คุณหนูงิวให้ไปตบแต่งด้วย ก็ยังไม่สามารถโน้มน้าวขู่เข็ญได้ น่าแปลกใจจริงๆ”
งิวอี้หลางฟังผมพูดวิเคราะห์ ก็รู้ว่าผมอ่านพิรุธ เดาเหตุการณ์ได้หมดแล้ว ยิ่งฟังผมใช้สรรพนามเรียกนางอย่างเหินห่างเป็นคุณหนูงิว ก็ยิ่งขุ่นข้องหมองใจ ยามนั้นพลันไร้คำถกเถียงใดๆ ได้แต่นั่งนิ่งเงียบ มิรู้จะพูดอะไร
ผมจึงกระลิ้มกระเหลี่ยไปนั่งข้างๆ งิวอี้หลางกลับขยับตัวออกห่าง ผมเขยิบเข้าไปอีก นางก็ขยับหนีอีก จนไปสุดชิดติดขอบเตียงไร้ทางหนี ผมจึงคว้าตัวนางมากอด งิวอี้หลางร้อง อุ้ย จะดิ้นตัวหนีออกจากอ้อมกอด แต่ผมกอดรัดไว้แน่น และพูดว่า
“เจ้าโกรธข้าอยู่หรือ”
“หามิได้ ข้าพเจ้าไม่ได้โกรธ”
นางบอก พร้อมกับพยายามบิดตัวดึงแขนออกจากการถูกกอดรัด แถมหัวใจเต็นเร็วจนผมรู้สึกได้ เพราะหน้าอกผมแนบชิดอยู่กับตัวนาง แถมกลิ่นหอมจากกายนาง ก็หมอระรื่นจมูกชวนรัญจวนใจ ผมจึงยิ้มเย้าแหย่อีกว่า
“เหรอ แต่เหมือนคุณหนูงิวจะโกรธอยู่นะ เอาเถอะ ข้ารู้ว่าท่านโกรธข้าเรื่องอะไร ท่านคงโกรธข้าที่หายไปโดยที่ไม่ติดต่อกลับมาเลยใช่หรือไม่”
งิวอี้หลางดิ้นรนออกจากออมกอดไม่เป็นผล ก็ไม่ดิ้นรนอีก พลันพูดน้ำเสียงขุ่นเง้างอนออกมาแทน ว่า
“ท่านเมื่อรู้ดังนั้นแล้ว ไยต้องให้ข้าพเจ้าตอบอันใดอีก”
ผมพอได้ยิน รู้สึกคันไปถึงหัวใจจนยากจะเกา ยิ่งได้กอดรัด หอมได้กลิ่นกาย เลยอดใจไม่ไหว หอมแก้มนางเสียฟอดหนึ่ง งิวอี้หลางอายจนหน้าแดง ร้อยโอ้ย แล้วก้มหน้างุดลง ยามนั้นผมมองดูนาง ยิ่งดูกลับยิ่งน่ารัก จึงหอมแก้มไปอีกติดๆกัน งิวอี้หลางอายจนเบี่ยงหน้าหลบ แต่หลบไม่พ้น โดนหอมแก้มไปหลายครั้ง ใจยิ่งเต้นระทึกตูมตาม พลันยกไหล่แนบหน้ากันแก้มตัวเองไม่ให้โดนหอมอีก แล้วร้องว่า
“ท่านอาจารย์ พอแล้ววว”
ผมจึงพอตามที่นางบอก และเปลี่ยนท่าทีเป็นนุ่มนวล ยิ้มและพูดเสียงทุ้มเบาๆ ว่า
“คุณหนูงิว ใช้ว่าข้าจะผิดสัญญากับท่าน หากแต่ตอนนั้นท่านยังเป็นเพียงเด็กสาว ข้าไม่รู้ว่าท่านจะจริงจังขนาดนี้ คิดแต่ว่าเมื่อท่านเติบโตอีกหน่อย ก็คงหลงลืมมันไป อีกทั้งในตอนนั้นข้าก็เป็นเพียงขุนนางต่ำต้อย เป็นผู้ติดตามบิดาท่าน ไหนเลยกล้าอาจเอื้อมเด็ดดอกฟ้า แต่มาตอนนี้ได้รู้ความจริงจากปากตั๋งไป่ จึงรู้ว่าท่านรักมั่นต่อข้าไม่เปลี่ยนแปลง จึงซาบซึ่งใจนัก เลยหมายมั่นว่า ไม่ว่าจะอย่างไร ต้องนำท่านมาเป็นภรรยาของข้าให้ได้ ข้าถึงได้พยายามช่วยท่านไม่ให้ท่านแต่งงานกับม้าเฉียว”
งิวอี้หลาง เฝ้ารอคำพูดนี้มานาน เมื่อได้ยิน ก็หายขุ่นเคือง พลันรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาแทน แต่รู้สึกขัดใจเล็กน้อย ตรงที่มันกล่าวเรียกคุณหนูงิวไม่ขาดปาก จึงพูดงอนเบาๆ ว่า
“ไฉนท่านอาจารย์ เอาแต่เรียกข้าคุณหนูงิว ไม่เรียกอี้หลางเหมือนอย่างเคย ฟังแล้วข้าพเจ้ารู้สึกไม่คุ้นเคยนัก”
“แล้วที่เจ้าเล่า ขนาดแต่งงานกันแล้ว ยังเรียกข้าว่าอาจารย์ ไม่เรียกว่า สามี ข้าก็รู้สึกไม่คุ้นเคยนัก..เอาอย่างนี้เถอะ หาก เจ้าเรียกข้า สามี ข้าก็จะเรียกเจ้า อี้หลาง ดีหรือไม่ แต่หากเจ้ายังห่างเหิน เรียกข้าอย่างนับถือให้เป็นอาจารย์ ข้าก็จะเรียกเจ้า เป็นคุณหนู อยู่เช่นนี้”
“ท่านอาจารย์ ก็……”
งิวอี้หลาง ถึงกับ งอแง เมื่อโดนหยอกย้อน จนหาคำกล่าวแย้งไม่ได้ ผมจึงเย้าแหย่ต่อว่า
“ไหน ลองเรียก สามี ให้ชื่นใจหน่อยเป็นไร”
พร้อมกับพูด ผมก็ระดมหอมแก้มนางติดต่อกันหลายครั้งอย่างกับจะกัดฟัดให้หายมันเขี้ยว จนนางจั๊กจี้หลุดหัวเราะน้อยๆอย่างเขินอาย ร้องอ้อยยยยยย อย่างคนหมดทางสู้
ไม่นานนักก็ถูกผมผลักดันให้ล้มตัวลงนอนบนเตียง ยามนั้นผมยังกอดนางมิได้ปล่อย รูปร่างของนางนั้น กอดได้ถนัดแขนยิ่ง อีกทั้งกลิ่นกายที่หอมระรื่นจมูก พลันปลุกกำหนัดจนยากที่จะอดใจไหวจริงๆ ผมจึงเลิกเล่นแหย่เย้า หันมาเอาจริง จูบหอมนางอย่างนิ่มนวลขึ้น งิวอี้หลางเองก็รู้ตัวแล้ว ว่าไม่อาจรักษาความบริสุทธิ์ต่อไปได้อีก จึงยอมปล่อยตัวให้เคลิบเคลิ้มไปกับความวาบหวานรันจวนใจที่ได้รับสัมผัสจากบุรุษเป็นครั้งแรก
เมื่อผมกอดหอมแก้มนางจนอิ่มเอมใจแล้ว ก็เริ่มไล่ริมฝีปากตัวเองไปหาริมฝีปากของนาง แล้วจูบประกบปากชักชวนเอาลิ้นแลกลิ้นพลัดกันชิมของกันและกัน งิวอี้หลางนั้นยังไม่เคยถูกจูบมาก่อน พอปากประกบปาก รู้สึกถึงรสริมฝีปากฝ่ายตรงข้าม ใจก็เต้นไหวไม่หยุด ยิ่งพอถูกลิ้นสอดแทรกเข้าไปดิ้นก่อกวนในปาก ยิ่งตื่นเต้นหนักกว่าเดิม แถมยังรู้สึกเพิ่มเติม เป็นความวาบหวามใจในรสจูบ ที่ชวนให้เคลิบเคลิ้มลุ่มหลงไปหับรสชาติของมัน แต่ยามนั้นนางก็ยังไม่ประสีประสาว่าต้องตอบสนองอย่างไร จึงทำได้เพียงอ้าปากให้ผมโลมเลีย
แต่พอนางถูกลิ้นผมของตวัดช้อนเกาะเกี่ยวแทะโลมลิ้นของนาง ไม่นานนักนางก็เรียนรู้ว่าจะตอบโต้อย่างไร นับว่านางมีไหวพริบเรียนรู้ได้รวดเร็วและมีความต้องการจะตอบสนอง ลิ้นของนางพลันโต้กลับมาในปากผมบ้าง
อืมมมมส์ ม๊วบ จ๊วบๆ อืมส์ จ๊วบๆ ม๊วบๆ
พวกเราเริ่มดูดปากแลกลิ้นกันอย่างได้รสชาติ และมือของผมก็เริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าของนางออก จนเสื้อผ้าของนางหลุดหลวมออกจากร่าง ผิวพรรณที่ขาวเนียนดังหยกก็ค่อยๆ เผยออกมาให้เห็น
รูปร่างของนางนั้นงามงดหมดจรด เต้านมเด็กสาววัยแรกรุ่นก็ตูมเต่งจนน่าจับ อีกทั้งหัวนมก็ชูชันน่าดูดเลีย ผิวพรรณนางก็เรียบลื่นน่าสัมผัส เพียงจับต้องลูบไล้ก็ได้อารมณ์ มือของผมจึงลื่นไหลตามเรือนร่างนาง ลูบไล้สัมผัสจับบีบไปทั่ว
นางบิดกายสยิวตามมือผมลูบไล้ ปากก็ถูกผมชวนจูบอย่างดูดดื่ม
ม๊วบ จ๊วบๆ อืมส์ จ๊วบๆ ม๊วบๆ
“อืมส์ ๆๆ ท่านอาจารย์. อืมส์ ๆๆ ข้าพเจ้า. อืมสๆๆ ข้าพเจ้าหายใจไม่ทันแล้ว อืมส์ ๆๆ”
นางถูกผมจูบปากปานจะกลืนกิน ส่งเสียง อืมส์ๆ พูดหายใจติดขัด ยามนั้นผมจึงผ่อนปรนให้นางได้หายใจ เริ่มเลื่อนปากมาจูบแก้มไล่ลงปลายคาง จนไซ้ซอกคอ นางสยิวจน ร้อง อืมมมมม แหงนหน้าหลับตายืดคอให้ผมซุกไซ้ แล้วผมก็โลมเลียต่ำลง จนไปถึงเนินหน้าอก จากนั้นก็เริ่มโลมเลียกินนมทั้งสองเต้าอย่างกระหายใคร่อยาก
“อ๊ายยยยยย ท่านอาจารย์ ซีดดดส์”
งิวอี้หลาง แอ่นตัวร้อง เมื่อลิ้นผมระรั่วเล่นหัวนมนาง นมคู่นี้ไม่เคยต้องลิ้นใด ยามโดนครั้งแรกถึงกับสะท้านหวั่นไหว จนผมอดคิดไม่ได้ว่า แค่หัวนมนางยังเสียวสยิวขนาดนี้ นี่ถ้าโดนตรงจุดนั้น มิร่ำร้องดีดดิ้นเลยหรือ ยิ่งนึกยิ่งอยากลิ้มรส จึงละจากเต้าปทุมถัน ซุกไซ้ไล่ลงต่ำ แค่ถึงหน้าท้องตรงหัวน่าว นางก็ผวาตัวสยิว ร้อง อ้อยยยยยยยยย ออกมา
แล้วก็มาถึงจุดที่ผมมั่นหมาย จับขานางแยกถ่างออก งิวอี้หลางอับอายจนเอาท่อนแขนปิดหน้า แต่มิได้ร้องห้ามมิได้ขัดขวาง เพราะนางไม่รู้เรื่องกามใดๆ จึงปล่อยให้ผมเป็นผู้นำพาไป
เมื่อผมจับขาแหวกแยกออกแล้ว หีงามงดสดใหม่ ก็เผยตัวออกมาให้เห็น กลีบแคมนางยังขาวใสไร้มลทิน อีกทั้งเนื้อในมีสีชมพูสดดูฉ่ำน้ำ เม็ดแตดก็เม็ดใหญ่น่าเอาปากเม้มดูดเล่น เมื่อเห็นเช่นนี้แล้วก็ยากจะอดใจไหว จึงก้มลงไปใช้ลิ้นชิมอย่างตั้งใจ
จ๊วบบบบบ แจ๊บบบบ แผล่บ อืมส์ อาห์ จ๊วบบบบบ
“อุ้ย… ซีดดดดส์ อ้อยยยย อืมมมมมส์ อ้อยยยยยยย ซีดดดดดดส์”
งิวอี้หลางบิดตัวร้องคราง ไปมาตามจังหวะการเสียวสะท้าน ตอนนั้นลิ้นผมยังไม่ได้เร่งร้านัก แต่เพราะนางไม่เคยได้รับรสสัมผัสแห่งกามารมณ์ พอความกำหนัดก่อเกิดและถูกกระตุ้นด้วยลิ้น ก็ทำให้นางสยิวสะท้านไปหมดทั้งตัว เพียงไม่นานนักน้ำเงี่ยนนางก็เริ่มเยิ้มฉ่ำออกมาเต็มช่องหี
ผมยิ่งโลมเลีย ก็ยิ่งอร่อย เลยยิ่งเร่งเร้า จนเริ่มกินหีนางอย่างตระกละตระกาม
จ๊วบบ ๆ แจ๊บบบๆ จ๊วบบบๆ แผล่บๆๆๆๆ แจ๊บๆๆๆ
“อ้อยยยยย ซีดดดดส์ ท่าน.. ท่าน. ท่านอาจารย์ ซีดดดดส์ ข้าพเจ้าสยิวเสียวไปทั้งตัวแล้วว อ้อยยยย”
งิวอี้หลางเริ่มทนต่อความเสียวไม่ไหว มือหนึ่งกำจิกที่นอนจนย่นยู่ อีกมือหนึ่งพยายามผลักดันหัวผมให้ออกเพื่อหยุดกระทำ อาการนี้เป็นอาการทรมานเสียว หญิงสาวที่ไม่เคยมาก่อน ย่อมต่อสู้ได้ยาก พอเสียวทรมานถึงจุดนี้ มักต่อต้านไปตามสัญชาติญาณ ทางเดียวที่ให้นางผ่านจุดนี้ไปได้ ก็คือ จับนางไม่ให้ดิ้นและให้ถูกกระทำจนเสร็จ ผมจึงล็อกกดขานางไว้ให้แบะถ่าง และยังก้มหน้าโลมเลียเล่นหีนางอย่างไม่หยุด
จ๊วบบ ๆ แจ๊บบบๆ จ๊วบบบๆ แผล่บๆๆๆๆ แจ๊บๆๆๆ
“อ๊ายยยยยยย อาจารย์ ข้าพเจ้าข้อร้อง ซีดดดดดส์ ข้าพเจ้าไม่ไหวแล้ว ซีดดดส์ มันเสียวทรมานเหลือเกิน อ้อยยยย.”
งิวอี้หลางดิ้นตัวอย่างหนัก เพื่อจะหุบขาไม่ให้ผมทำต่อ แต่ก็ทำไม่ได้เพราะขาโดนกดทับจนไม่อาจดิ้นหลุด ยามนั้นนางจึงได้แต่ผลักดันและร่ำร้อง แต่ไม่ว่านางร่ำร้องอย่างไรผมก็หาได้ปราณีไม่ มีแต่จะเร่งลิ้นระรั่วจุดเสียวของนางหนักข้อกว่าเก่า
“อ้อยยยย อ้อยยยยย พอแล้วๆ ไม่ไหวแล้วว ท่านอาจารย์ ซีดดดส์ อ้อยยยย ซีดดดส์”
งิวอี้หลางร้องบอก พร้อมพยายามผลักดันศีรษะผมออกให้หยุดการกระทำ เพราะรู้สึกกระสันเสียวสยิวจนฉี่จะแตก นางมิเข้าใจ ความสำเร็จความใคร่นี้ จึงอับอายไม่กล้าปลดปล่อย แต่ตอนนี้นับว่าช้าไปเสียแล้ว งิวอี้หลางไม่สามารถอดทนอั้นต่อไปได้อีก
น้ำหีนางค่อยๆ แตกทะเล็ดออกมา พร้อมกับที่นางรู้สึกเสร็จสมไปด้วย ยามนั้นผมถึงได้หยุดการกระทำ และปล่อยนาง งิวอี้หลางรีบหุบขานอนตะแคง นึกอับอายจนต้องใช้มือปิดหน้า แต่ความรู้สึกที่แสนวิเศษ ที่ได้ปลดปล่อยความกำหนัด ก็ทำให้นางรู้สึกเหมือนได้เคลิ้มฝันจนล่องลอย ทำให้นอนหอบหายใจ สองมือปิดหน้าแน่นิ่งไป
** หญิงบริสุทธิ์ ก็มีสิทธิ เสร็จน้ำหีแตกได้เหมือนกัน เพราะ จริงๆ น้ำหีที่เสร็จพุ่งออกมา ก็คือน้ำในกระเพาะปัสสาวะ ที่ถูกกระตุ้นด้วยความเสียวจนหลั่ง และน้ำนี้จะไม่มีกลิ่นเหมือนฉี่ เพียงแต่มีกลิ่นอับ เพราะเป็นน้ำที่ยังไม่ถูกการหมักหมม ก็ถูกกระตุ้นให้หลั่งออกมาเสียก่อน***
ผมเห็นนางรู้สึกอายเช่นนั้น จึงเข้าไปนอนประกบกอด จูบศีรษะนางเป็นการปลอบ พร้อมกระซิบว่า
“คุณหนูงิวอย่าได้อายไปเลย เอามือออกเถอะ ผู้หญิงเมื่อแต่งงานกับสามี ก็ถือว่าเป็นคนๆเดียวกัน ไยต้องมาอายกันอีก”
งิวอี้หลาง ไม่ได้ตอบคำ แต่ก็ไม่ได้เอามือออก ผมจึงไปจับมือนางให้ออกจากการปกปิดหน้า ที่แรกงิวอี้หลางยังแข็งขืน แต่เมื่อผมพรมจูบหอม พูดปลอบรบเร้ากล่อมเกลา นางก็ไม่กล้าแข็งขืนอีก ปล่อยให้ผมจับมือนางออกโดยง่าย เพียงแต่มีสีหน้ามุดมุ่ยคล้ายเด็กงอแง ผมจึงยิ้มอย่างเอ็นดูและกอดจูบนางใหม่
คราวนี้มือมิได้เถลไถลไปไหน มุ่งเน้นไปที่หว่างขาของนาง โดยลูบไล้เกาเล่นที่ทุ่งหญ้าเรียบเตียน ก่อนจะลงลึงไปถึงร่องหลืบ ปากก็ชวนจูบอย่างดื่มด่ำมิได้หยุด เมื่อนิ้วได้เริ่มเขี่ยเล่นบริเวณร่องหลืบนั้น งิวอี้หลางรู้สึกเสียวกำหนัดอย่างเพลิดเพลิน แต่เมื่อนิ้วเริ่มแหย่เข้ารู งิวอี้หลางถึงกับผวาสะดุ้งเจ็บ ร้องเบาๆ ว่า
“เอาะ… อ้อยยยย ท่านอาจารย์ ข้าพเจ้าเจ็บ ซีดดส์”
“มิต้องกลัว เจ็บเล็กน้อยเท่านั้น”
ผมบอกปลอบ พร้อมกับจูบหอมนางปลอบ แต่นิ้วก็พยายามแหย่รูเข้าไปเปิดทางทำลายเยื่อพรมจันทร์ เมื่อได้ทีชำแรกผ่านเข้าไป งิวอี้หลางพลันขมวดคิ้วหรี่ยี้ตา ซีดส์ปาก นางกอดรัดคอผมแน่น ซุกหน้ากับซอกคอผม ผมรู้สึกได้จากภายในของนางว่า เยื่อพรมจันทร์ของนางนั้นตอนนี้ถูกนิ้วผมทะลวงขาดแล้ว ก็ดีที่นางมีเยื่อพรมจันทร์ที่ไม่แน่นหนามากนัก อีกทั้งภายในก็มีน้ำเงี่ยนหล่อลื่นมาก จึงทำให้ง่ายต่อการสอดใส่ให้นิ้วนำไปก่อน และนางก็ไม่ได้รับความเจ็บปวดอะไรมากมาย เมื่อนิ้วขยับเข้าออกไปสักพัก นางก็เริ่มผ่อนคลาย คลายการกอดรัดผมลง ผมจึงกระซิบถามนางว่า
“หายเจ็บแล้วหรือ”
นางแม้ยังเจ็บอยู่แต่ก็เป็นเพียงเล็กน้อย จึงพยักหน้ารับ ผมจึงยิ้มถามนางว่า
“งั้น คุณหนูงิวพร้อมจะเป็นภรรยาข้าหรือยัง”
งิวอี้หลางพอฟังต้องนึกงอน พูดเสียงขุ่นเคืองว่า
“จนปานนี้ท่านยังเรียกข้าพเจ้าว่าคุณหนูงิวอีกหรือ”
ผมก็ยิ้ม พูดสวนว่า
“ก็เจ้ายังเรียกข้าว่าอาจารย์อยู่เลย”
งิวอี้หลาง จ้องมองผมอย่างกึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง ไม่ได้พูดอะไร แต่จูๆ ก็กอดรัดคอผมเข้ามาแล้ว พูดเบาๆ ว่า
“สามี”
นางพูดอย่างนึกอาย ลืมความเจ็บที่หีกำลังถูกนิ้วแยงแหย่เล่นอยู่ ในตอนนี้ ผมยิ้มหัวร่อถูกใจอย่างไม่มีเสียง พร้อมกับที่จูบนาง จากนั้นก็พูดว่า
“เมื่อเจ้าเรียกข้าออกมาแบนี้แล้ว ก็คงจะยัดเยียดความเป็นผัวให้เจ้าโดยสมบูรณ์”
งิวอี้หลางถึงกับร้องตัดพ้อเอียงอายในคำพูดผม ผมจึงเลิกใช้นิ้วแยงแหย่หีนาง เพราะได้เวลาของพญามังกร ที่แข็งตัวอัดอั้นมานาน เลยขยับตัวเพื่อมาถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกจนหมด
ตอนนั้น ควยแข็งตั้งเด่ แถมหัวควยก็มีน้ำเยิ้มเหนียวเพราะทนอุดอู้กำหนัดมานาน งิวอี้หลางพอเห็นก็หน้าแดง ไม่กล้ามองตรงๆ จึงเอียงหน้าหลบไปทางหนึ่ง ผมเมื่อแก้ผ้าเสร็จแล้ว ก็จับงิวอี้หลางให้นอนหงาย แล้วผมก็แทรกตัวเข้าไปตรงหว่างขานาง
เมื่อเข้าที่เข้าทางดีแล้ว ผมก็จับควยจอตรงปากรู เอาควยถูไถน้ำที่เยิ้มรูของนาง ให้ช่วยหล่อลื่นก่อน จากนั้นก็ค่อยๆ ดันควยเข้าไป
“เอาะ อ้อยยยยยย เจ็บ ซีดดดดดส์”
งิวอี้หลางร้อง ผวากอดคอผม สีหน้านางเจ็บปวดเอาการ เพราะควยใหญ่กว่านิ้วมากนัก ผมเลยต้องปลอบว่า
“ไม่เป็นไร นิดเดียวนะ นิดเดียว เจ้าอย่าเกร็ง ค่อยๆ ปล่อยไปตามสบาย”
ปากก็พร่ำปลอบ ควยก็ดันเข้า ขยับเข้า ขยับออก จนเข้าไปได้จนมิด งิวอี้หลางรู้สึกแน่นคับรู จนขมิบเกร็งหลายรอบ ผมต้องคอยหลอบให้ผ่อนคลายอยู่ตลอด จนสักพักนางเริ่มคุ้นเคย ควยผมจึงเริ่มเย็ดเนิบๆได้
“อู๊ยยยยย ซีดดดส์ รัดแน่น จริงๆ ซีดดดส์”
ผมซีดดดส์ปาก มีอาการเจ็บควยเล็กน้อย จากการถูกบีบรัด แต่ก็เสียวซีดส์ได้ใจ ยามนั้นเห็นควยที่ขยับเข้าออกช้าๆ เริ่มมีเลือดติดมา ก็แสดงว่าเยื่อพรมจันทร์นางถูกทำลายไปโดยสมบูรณ์แล้ว
งิวอี้หลาง ตอนนั้นทั้งเจ็บเสียว จนมีสีหน้าย่นยู่ หลับตาปี๋ แต่พอโดนเย็ดเนิบๆ ไปสักพัก สีหน้าก็ค่อยๆ เริ่มผ่อนคลาย ความเจ็บบรรเทาลงแต่ความเสียวกับมากขึ้น น้ำเงี่ยนในหีก็เริ่มหลั่งออกมามากขึ้น จนทำให้ผมเริ่มเย็ดได้สะดวก
“โอ้วววว ซีดดดส์ อาห์ แบบนี้ละ อู๊ยยย ซีดดดส์ กำลังมันส์เลย ซีดดดส์”
อาห์ ซีดดส์ อาห์ ซีดดส์ อาห์ ซีดดส์ อาห์
ผมซีดส์ปากระบายความมัน ตามการโยกเย็ด งิวอี้หลาง ก็เริ่มจะครางรับออกมา นางส่งเสียงดัง อี้ อี้ อี้ ตามความแน่นเสียวหีที่ได้รับ พอนานเข้าความมันส์ก็ได้ระดับ แต่ไม่อาจกระเด้าเย็ดแรงได้ ผมจึงใช้วิธีบดหมุนแทน
ตอนนั้นงิวอี้หลางถึงกับผวาร้อง เพราะโดนควยเข้าลึกสุดๆ มันเจ็บในครั้งแรกแต่ต่อไปก็ไม่ค่อยรู้สึกเจ็บเท่าไหร่ ยิ่งโดนบดเบียดเย็ดแบบนี้ เม็ดแตดบดบี้กับหัวน่าวผม ยิ่งเพิ่มความเสียวให้นาง จนต้องครางร้อง
“อ้อยยยยย ซีดดดดส์ ท่านพี่ อ้อยยยย อ้อยยยยยย”
“โอ้วววว ซีดดดส์ อ้อออ อี้หลางเจ้าชอบแบบนี้หรือไม่ ซีดดดส์”
“อ้อยยยยย ชอบบ ซีดดดดส์ แต่ข้าพเจ้ารู้สึกทรมานเหมือนในตอนแรกอีกแล้ว ซีดดส์ อ้อยยย”
“อ้อออ โอ้ววววว ซีดดดส์ งั้นเจ้าอยากให้ข้าหยุดทำหรือไม่ ซีดดดส์”
“อ้อยยย ไม่ ซีดส์ ท่านพี่ แม้ข้าจะทรมาน อ้อยยย ซีดดส์ แต่ข้าก็รู้แล้วว่า มันเป็นความทรมานที่สุขสม ท่านทำเถอะ อย่าได้หยุด ซีดดส์ ทำให้ข้าสำเร็จถึงสวรรค์เหมือนในตอนแรก อ้อยยย ซีดดดส์”
ผมจึงบดสะโพกหมุนเย็ดเร็วๆ ตามที่นางร้องขอ เพราะไม่เพียงนางจะเสร็จเท่านั้น ผมเองก็ใกล้จะเสร็จแล้วเหมือนกัน แล้วไม่นานก็ถึงฝั่งฝัน งิวอี้หลางพลันร้อง ว่า
“อ้อยยยยยย ข้าถึงแล้ววว ข้าถึงแล้ววววว ”
แม้น้ำหีนางไม่แตก แต่ก็สำเร็จเสร็จตามความมุ่งหมาย ผมเองก็ถูกหีนางขมิบตอดจากอาการเสร็จ จนกระตุ้นให้ผมแตกเสร็จตาม
“โอ้วววว เจ้าสุดยอกจริงๆ อี้หลาง ซีดดส์ หีตอดควยดีเหลือเกิน ซีดดส์”
ผมดันกดควยจนสุดแตกน้ำใส่จนหมด จากนั้นก็ล้มตัวลงไปกอดจูบนาง นางก็จูบกอดผมตอบสนอง
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง รู้สึกเจ็บมากหรือไม่”
ผมถาม พร้อมกับใช้ จมูกแตะจมูกนาง งิวอี้หลาง มีรอยยิ้มเคอะเขินที่ดูมีความสุข นางไม่ได้ตอบเพียงแต่ส่ายหน้าเล็กน้อย
ผมจึงจูบนางต่อ ขณะที่อารมณ์กำลังเคลิ้มเคลิบจะต่อรอบสอง ก็ได้ยินเสียงเคาะห้องเบาๆ ผมเลยต้องสะดุด รีบผละจากงิวอี้หลางไปที่ประตู ถามเบาๆ ว่า
“นั่นใคร”
พลันได้ยินเสียงเสี่ยวจู ตอบมาว่า
“เป็นบ่าว เสี่ยวจู”
ผมจึงเปิดประตูให้นางเข้ามา เสี่ยวจูเมื่อเข้ามาก็รีบแจ้งว่า ตูตู้หลุนให้มาตาม ตอนนี้หนทางสะดวกได้เวลาหลบหนีแล้ว ผมแม้นึกเสียดายไม่ได้ต่อรอบสอง แต่ก็ตัดใจทำตามแผน จึงให้เสี่ยวจูรีบไปแต่งตัวให้งิวอี้หลาง ส่วนผมก็จัดการของตัวเอง
เมื่อพร้อมสรรพ ก็พากันตามเสี่ยวจูลงไปด้านล่าง ยามนี้แขกเหลือกลับกันหมดแล้ว ที่หลงเหลือยังไม่กลับก็เมาหลับกันเสียส่วนใหญ่ แม้แต่งิวกกุยก็หลับเป็นตายอยู่คาโต๊ะ พอลักลอบลงไปเจอกับตูตู้หลุนที่หน้าประตู ก็เห็นตูตู้หลุนพร้อมบรรดาลูกศิษย์ท้งสี่ของนางรอคอยอยู่
ผมเมื่อเจอหน้าตูตูหลุน พลันรู้สึกกระดากอายเล็กน้อย ที่ไปเอากับภรรยาใหม่แต่ทิ้งให้ภรรยาเก่า ให้ทำหน้าทีอารักขาพาหนีจนวุ่นวาย ยิ่งงิวอี้หลางนี่ไม่ต้องพูดถึง ไม่กล้าสบตาตูตู้หลุนแม้แต่น้อย คล้ายกลัวนางกล่าวคำถามมากมาย เพราะอายที่จะตอบ ก็โชคดีที่ตูตู้หลุนเป็นคนที่ไม่ใส่ใจกับเรื่องหยุมหยิม และไม่ได้มีนิสัยชอบกระเส้าเย้าแหย่ผู้ใดนัก เมื่อเห็นพวกผมพากันออกมา ก็รีบพาไปขึ้นรถม้าที่เตรียมรอไว้อยู่
ผม งิวอี้หลาง และเสี่ยวจูจึงขึ้นไปบนรถม้านั้น แล้ว ตูตู้หลุนก็ทำหน้าที่เป็นสารถีขับขี่ โดยมีลูกศิษย์ทั้งสี่ของนางขี่ม้าคนละตัววิ่งตามอารักขา แล้วค่ำคืนนั้นพวกผมก็พากันออกนอกเมืองกันไป แล้วมุ่งหน้าไปหา อาเจิน ตั๋งไป่ และเสี่ยวถิง ที่รออยู่ที่กระท่อมกลางป่านอกเมือง
เมื่อได้เจอกัน ก็เห็นอาเจิน ยิ้มอย่างมั่นไส้รอต้อนรับอยู่แล้ว ผมพอเห็นก็มิต้องรอให้ผู้ใดกล่าวบอก รีบเข้าไปโอบกอด หอมแก้ม ออดอ้อนเอาใจ กล่าวว่า
“เมียจ๋า ข้าคิดถึงเจ้ายิ่งนัก ขอข้าหอมเจ้าให้ชื่นใจหน่อย”
อาเจินค้อนยิ้มอย่างมั่นไส้ พูดค่อนแคะว่า
“นับวัน ท่านยิ่งกระล่อนปากหวาน ไม่รู้ว่าลับหลัง จะนำข้าพเจ้าไปด่านินทาให้ผู้อื่นฟังหรือไม่”
คำพูดของอาเจิน ทำเอาผมสะดุ้ง นึกถึงเรื่องในบ่อน้ำที่นินทาด่าพวกนางให้ฮูหยินรองฟัง ในตอนนั้นเสี่ยวถิงก็อยู่ มิใช่ว่านางนำความมาบอกอาเจินจนหมดสิ้นแล้วหรือ แต่ยังไม่แน่ใจเลยเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง ว่า
“เอ๋ ไป่เอ๋อ ไปไหน ทำไมไม่แลเห็น”
อาเจินรู้เค้นเสียงดัง ชิ อย่างรู้ทัน แต่ไม่ได้ติดใจอะไร เลยพูดว่า
“ท่านทำสิ่งใดไว้ก็ไปแก้เอาเองเถิด นางงอนท่าน จึงหลบหน้าเข้าไปในกระท่อมตั้งแต่เห็นท่านมาแต่ไกลแล้ว”
“นางโกรธงอนข้าเรื่องอันใด หรือเรื่องที่ข้ารับงิวอี้หลางเป็นภรรยาอีกคน”
อาเจินกลับยิ้มอย่างนึกเห็นเรื่องขบขัน พลันพูดว่า
“เรื่องนั้นคงไม่ใช่ เพราะนางเป็นตัวตั้งตัวตี ให้งิวอี้หลางมาเป็นภรรยาท่าน เอ๋.นี่ท่านไม่รู้จริงหรือแสร้งไม่รู้กันแน่ เอาเถอะ.จะบอกให้ก็ได้ว่า เรื่องที่ท่านนินทาพวกเราให้ฮูหยินรองฟัง เราได้รู้หมดแล้ว สำหรับข้าพเจ้ากับตูตู้หลุนนั้นย่อมเข้าใจได้ ว่าสิ่งที่ท่านพูดไปนั้นเพื่อต้องการให้ฮูหยินรองตายใจ แต่สำหรับไป่เอ๋อ นางกลับคิดว่า สิ่งที่ท่านพูดดูมีมูลความจริงเกี่ยวกับตัวนางอยู่ด้วยจริงๆ นางจึงได้โมโหอยู่มิรู้หาย ท่านก็ตามเข้าไปง้อเถอะ”
นั่นไง กูว่าแล้ว ยามนั้นคิดจะไปต่อว่าตำหนิเสี่ยวถิง นางก็ไปพูดคุยดีใจอยู่กับเสี่ยวจู ที่ได้เจอกันอยู่ห่างออกไป จึงไม่สะดวกกับการว่ากล่าวในตอนนี้ เลยตัดสินใจเดินเข้าไปในกระท่อมเพื่อหาตั๋งไป่
เห็นตั๋งไป่ นั่งกอดเข่าขดตัวอยู่มุมเตียงนอน พอเห็นผมเข้ามาก็จ้องเขม่ง สีหน้าบึ้งตึง มิพูดสิ่งใด ผมจึงพูดก่อนว่า
“ท่านหญิง พวกเราจะไปกันแล้ว ไฉนท่านยังนั่งอยู่ที่นี่อีก”
ตั๋งไป่ ก็พูดว่า
“ข้าเป็นคนหน้ารำคาญ สร้างแต่ความวุ่นวาย ไร้ความเป็นสตรี มีแต่ปัญหา ไฉนเจ้าต้องมาสนใจ”
“โธ่ ท่านหญิง ท่านก็รู้ว่าข้าพูดไปเพื่อเอาใจ ฮูหยินรอง ท่านจะเอามาใส่ใจไปทำไม”
“เชอะ …ถึงเจ้าจะพูดไปเพื่อการณ์นั้น แต่ใจเจ้าก็คิดเช่นนั้นด้วยใช่หรือไม่”
“ข้าคิดที่ไหนเล่า …เอาเถอะเราไม่มีเวลามากนัก ท่านรีบออกไปข้างนอกเพื่อเตรียมตัวเดินทางเถอะ”
“ข้าไม่ไป..จนกว่าเจ้าจะคุกเข่าขอโทษข้าก่อน”
“เอาอีกแล้ว คุกเข่าอีกแล้ว ตอนนี้เจ้าเป็นเมียข้านะ ยังต้องให้ข้าคุกเข่าอีกเหรอ”
“ไม่รู้ ไม่ทำข้าก็ไม่ไป”
ผมต้องหงุดหงิด เกาหัวอย่างจนปัญญา กับความดื้อดึงของนาง บทตั๋งไป่จะดื้อก็ดื้อได้ใจ ผมจึงตะโกนเรียก อาเจินว่า
“อาเจิน เจ้ามาจัดการน้องเล็กเจ้าที หาไม่เราจะไม่ทันการณ์”
อาเจิน กลับตอบมาว่า
“ท่านเรียนผูก ก็ต้องเรียนแก้ ก็หาวิธีง้องอนเอาเองเถอะ”
สุ่มเสียงของฃอาเจิน ดูมีความสุขแถมมีเสียงสตรีหัวร่อ คิ คิ ให้ได้ยิน ราวกับเห็นเป็นเรื่องขบขัน ผมเลยคิดว่า ผมโดนที่เด็ดเหล่าภรรยาเข้าให้แล้ว สงสัยที่ ตั๋งไป่กล้าดื้อดึงกับผมขนาดนี้ เพราะมีเหล่าภรรยาผมให้ท้ายด้วยนี่เอง สงสัยพวกนางต้องการสั่งสอนผม ที่เอาพวกนางไปด่านินทา
ผมเลยอับจนปัญญา เลยตัดสินใจพูดว่า
“ก็ได้ เมื่อพวกเจ้าอยากเห็นข้ากล่าวขอโทษข้าก็จะทำให้”
พลัน คุกเข่าลงต่อหน้าตั๋งไป่ แล้วเอามือตบปากตัวเองทั้งซ้ายทั้งขวา พร้อมพูดว่า
“ข้ามันปากพล่อย พูดจาไม่ให้เกียรติภรรยา สมควรตบให้ปากแตกเลือดหลั่งไหล”
ตั๋งไป่ ตกใจ ที่คิดไว้แค่ให้คุกเข่าขอโทษ ไหนเลยต้องการให้มันทำร้ายตัวเอง รีบเข้ามาห้ามว่า
“เจ้าบ้าแล้วรึ ข้าต้องการให้ท่านแค่คุกเข่า ไหนเลยให้ท่านต้องทำร้ายตัวเอง”
ผมจึงได้ที เข้าโอบกอดนางไว้ พูดบอกว่า
“เจ้ากลัวข้าบาดเจ็บขนาดนี้ ยังมิให้ข้ารักเจ้าอีกหรือ เจ้าก็เป็นคนหนึ่งที่ข้ารักไม่แตกต่างกับผู้อื่น ที่พูดนินทาเจ้าไปนั้น ไม่ได้คิดอย่างที่ปากพูดไปแม้แต่น้อย ที่นี้เจ้าเข้าใจหรือยัง”
ตั๋งไป่พอฟังก็หน้าแดง ค่อยหายโกรธ จึงยิ้มออกอย่างเคอะเขินเล็กน้อย ผมพอเห็นนางหายโกรธแล้ว จึงชวนออกไปข้างนอก พบว่าเหล่าภรรยาผมล้วนออยืนกันอยู่หน้าประตูไปหมด แม้แต่งิวอี้หลางเองก็ไม่เว้น แต่ละคนล้วนมีสีหน้าใคร่รู้ใคร่เห็น แต่พอเห็นผมออกมาก็รีบตีสีหน้าราบเรียบสลายตัวกัน
อาเจิน พลันพูดกลบเกลื่อนเรื่องราวว่า
“เอาละ ไม่มีอะไรแล้ว พวกเรารีบเดินทางเถอะ”
ทุกคนจึงขึ้นขี่ม้าที่เตรียมไว้คนละตัว แล้วมุ่งเดินทางออกจากดินแดนเสหลียง กลับสู่เตียนอัน และตามไปสมทบกับเตียวสิ้วให้ทัน
ยามนั้นรีบเร่งเดินทางทั้งกลางวันกลางคืน เพียง 5 วันก็พบเห็นร่องรอยสดใหม่ของกองทัพม้าเท้งที่ล่วงหน้ามาก่อน แสดงว่าเข้าใกล้มันแล้ว เพื่อไม่ให้มันพบเห็นผมจึงใช้ทางหลีกเลี่ยงและรีบเร่งไปก่อนหน้าผม
เมื่อเข้าวันที่ 8 ได้ย้อนกลับเข้ามาเดินทางในเส้นทางหลัก ก็พบกับทหารสอดแนม ของเตียวสิ้ว ที่ถูกทิ้งไว้ ให้เฝ้าจับตาดูม้าเท้ง และรอคอยพบผม นายกองทหารสอดแนมผู้นี้กลับเป็น เตียนเข๋ง อดีตลูกน้องของบิดาตูตู้หลุน ที่เคยติดตามผมให้มาฝากตัวเป็นทหารของเตียวสิ้ว
ยามนี้ได้เจอกันอีกครั้งมันก็ยินดี รีบเข้ามาคาราวะ และรายงานว่า เตียวสิ้ว ได้โจมตีกองคาราวานทั้งสองขบวนย่อยยับไปแล้ว ขนได้เสบียงส่วนหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่ต้องทำลายทิ้งเพราะไม่สามารถขนไปได้ และตอนนี้เตียวสิ้วได้เดินทางไปยังด่านเองเปงก๋วน ยึดเป็นที่มั่น รอผมไปสมทบ
ผมดีใจยิ่งนับว่าสำเร็จตามแผน จึงรีบเดินทางไปสมทบที่ด่านเองเปงก๋วน เมื่อทั้งหมดได้เจอกัน ก็เป็นที่ยินดี ในตอนนั้นไม่เพียงเจอเตียวสิ้ว ยังได้พบกับ อุ้ยกังกับอุ้ยกี่ สองพี่น้อง ที่เป็นลูกน้องเดิมของบิดาตูตู้หลุน ที่ถูกนำมาฝากให้มาเป็นทหารพร้อมกับเตียนเข๋ง ทั้งสองให้ความเคารพผมกับตูตู้หลุนเป็นอันมาก เมื่อเจอก็ดีใจรีบเข้ามาคาราวะทักทาย และอีกคนที่เข้ามาคาราวะทักทายภายหลังก็คือเลี้ยวตู้ เลี้ยวตู้ผู้นี้ ครั้งหนึ่งเป็นชาวบ้านอพยพหนีภัยสงครามมาหลบภัยที่ค่ายของเตียวสิ้ว ผมเห็นมันเป็นคนมีความรู้ความสามารถจึงให้มาช่วยงานในกองพลาธิการ ภายหลังเมื่อผมลาออก ก็ได้แนะนำมันให้กับเตียวสิ้ว ให้มันทำหน้าที่กองพลาธิการแทน ในตอนนี้มันไม่เพียงทำหน้าที่กองพลาธิการให้กับเตียวสิ้วยังเป็นที่ปรึกษาให้กับเตียวสิ้วอีกด้วย เตียวสิ้วยังเอ่ยชื่นชมมันให้ผมฟังว่า ที่สามารถโจมตียึดเสบียงกองคาราวานของม้าเท้งได้โดยง่ายดายนั้น เพราะแผนการความคิดของเลี้ยวตู้โดยแท้
และเตียวสิ้วได้บอกอีกว่า ได้ส่งข่าวม้าเท้งเคลื่อนทัพจะตีเตียนอันไปให้ลิฉุยทราบแล้ว ไม่นานคงส่งกำลังทหารมาช่วยป้องกันด่านเองเปงก๋วน ก่อนม้าเท้งจะมาถึง
แต่การณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อลิฉุยรู้ข่าว กลับเชื่อคำ ลิบ้องกับอ่องหอง ที่จะให้กองทัพส่วนใหญ่อยู่ปกป้องพระนคร จึงให้ม้าเร็วนำสารไปบอกเตียวสิ้ว ให้ปกป้องด่านเองเปงก๋วนอย่างสุดความสามารถ ตัดกำลังรบข้าศึก หากสู้ไม่ได้ค่อยให้ถอนกำลังกลับเตียนอัน
ผมเมื่อได้อ่านสารจากลิฉุย ก็นึกหงุดหงิดใจ แต่ตอนนี้จะส่งสารไปหาลิฉุยเพื่อขอทหารอีก ก็เกรงจะไม่ทันการณ์ จึงบอกเตียวสิ้วว่าสมควรทิ้งด่างเองเปงก๋วนเสีย แล้วกลับเตียนอัน เพราะจะอย่างไรก็สู้ไม่ได้ ทหารม้าเท้งมีเรือนแสน แต่เตียวสิ้วมีทหารเพียงหยิบมือ มีหรือจะเอาไข่ไปกระทบหิน แต่การจะทิ้งไปง่ายๆ ก็ดูจะไม่รับผิดชอบหน้าที่ จึงได้บอกเตียวสิ้ว ให้ใช้อุบายกับดัก วางสกัดทัพม้าเท้ง โดยให้เร่งขุดหลุมพรางนอกกำแพงด่าน พร้อมกับให้ทหารไปตัดกิ่งไม้ขอนไม้มาทำเป็นหุ่นสวมเสื้อผ้าทหารเอาไปวางไว้บนเชิงเทิน ทำให้ดูเหมือนมีทหารประจำการอยู่มาก
จากนั้นให้แบ่งกำลังทหารเป็นสองกอง กองหนึ่งให้คุ้มครองนำพาสัมภาระและครอบครัวทหารที่เดินทางมาด้วยรวมไปถึงเหล่าภรรยาของผมกลับไปเตียนอันก่อน เว้นเสียแต่ตูตู้หลุนที่เหล่าภรรยาผมลงความเห็นว่าสมควรให้นางอยู่อารักขาผมด้วยกันที่นี่
ส่วนทหารอีกกองหนึ่ง ให้เตียวสิ้วคัดแต่ทหารฉกรรจ์ ให้ใช้ธนูเป็นอาวุธ ขึ้นประจำเชิงเทิน และให้เตรียมม้าสำหรับหนีให้ครบทุกคน และม้าแต่ละตัวต้องมีเสบียงแห้งติดไว้สำหรับคนหนึ่งกินได้ 7วัน เพราะเมื่อถอนกำลังทุกคนจะต้องมุ่งหน้ากลับเตียนอันโดยที่ใครก็จะไม่ต้องเป็นภาระใคร
ในตอนนั้นม้าเท้งเดินทัพมาถึงจุดนัดพบเสบียง แต่มิเห็นแม้แต่เงา พอส่งคนไปสืบข่าว ก็รู้ว่าถูกเตียวสิ้วตีชิงทำลายไป จึงรู้ว่าหลงกลกาเซี่ยงเสียแล้ว พลันตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากจะเดินหน้าต่อก็ไม่ได้ จะถอยหลังก็ไม่ดี ยิ่งนึกยิ่งหน้าโมโห สั่งให้ม้าเร็วนำข่าวไปเสเหลี่ยง ให้จับกาเซี่ยงฆ่าเสีย ม้าเร็วนำข่าวม้าเท้งออกไปได้ไม่เท่าไหร่ ม้าเร็วจากเสเหลี่ยงก็เข้ามารายงาน ว่า กาเซี่ยงหนีออกนอกเมืองไปแล้ว ม้าเท้งถึงกับโมโหเจ็บใจ ครุ่นคิดเครียดแค้น ประกาศลั่นว่า หากเจอกาเซี่ยนอีกเมื่อใดจะสับมันให้ละเอียดไม่ให้เหลือชิ้นดี
แต่ตอนนั้นหันซุยก็มาบรรจบทัพถึง ม้าเท้งเห็นเสบียงหันซุยมีมากไม่ได้ถูกปล้นชิงสามารถอาศัยเสบียงของหันซุยได้ จึงปรึกษากับหันซุยลงความเห็นว่าจะไปต่อ มั่นใจว่าสามารถยึดเตียนอันได้ก่อนเสบียงจะหมด
พอไปถึงด่านเองเปงก๋วนกลับพบ ทหารประจำการอยู่จำนวนมาก ก็ชะลอทัพ ให้ม้าเฉียวนำทหารหนึ่งหมื่นเป็นทัพหน้า ไปบุกโจมตีก่อน
ม้าเฉียวนำทัพอย่างหาวหาญ สั่งทหารบุตีกำแพงด่าน ไม่คาดว่า แนวหน้าที่บุกเข้าไปประชิดกำแพงด่านถูกยิงสกัดด้วยธนู และตกหลุมพรางตายกันเป็นเบือ ม้าเฉียวเห็นเสียที จึงสั่งให้ถอยทัพกลับมาก่อน ทหารที่สามารถบุกไปถึงชิดติดกำแพงเมืองแล้ว แล้วรอกกลับมาก็รายงานม้าเฉียวว่า ความจริงทหารประจำด่านมีไม่มาก ที่แลเห็นเยอะนั้นส่วนใหญ่เป็นหุ่นไม้ใส่ชุดทหารให้แลดูเยอะ ม้าเฉียวพอรู้ว่าหลงกลก็โกรธ สั่งจัดทัพใหม่ ให้เตรียมบุกโจมตีอีกครั้ง
เตียวสิ้วยืนบัญชาการอยู่บนเชิงเทิน พอเห็นม้าเฉียวสั่งทหารถอยแล้ว ก็ถึงคราวที่ทหารของมันจะล่าถอยบ้าง จึงสั่งให้ทหารทิ้งด่าน และหนีกลับเตียนอัน
พอม้าเฉียวบุกโจมตีอีกที่ ปรากฏว่าไร้การต่อต้านใดๆ ไม่มีแม้แต่ธนูที่ยิงออกมาสักดอก จึงตีประตูด่านแตกได้อย่างง่ายดาย แต่กลับพบว่าเหลือแต่เพียงด่าน และทหารหุ่นไม้ ส่วนเตียวสิ้วและทหารหลบหนีไปหมดแล้ว ม้าเฉียวถึงกับฉุนโกรธ นึกถึงตนเองเสียทหารทั้งบาดเจ็บล้มตายไปเกือบสามพัน แต่ฆ่าฝั่งตรงข้ามไม่ได้แม้แต่คนเดียว ยามเดือดดาลจึงอาละวาด ใช้ทวนแทงตีหุ่นไม้ใกล้มือเป็นที่ระบายอารมณ์

Share the Post:

Related Posts

แอบดูจนหนูโดนเย็ด

เรื่องเสียว แอบดูจนหนูโดนเย็ด เรื่องเสียวมันเริ่มต้นขึ้นเพราะว่าบ้านของฉันที่เป็นโรงงานทำขนมไทยเล็ก ๆ มันเริ่มเติบโต สิ่งที่เกิดขึ้นมาในตอนนี้ก็คือ กิจการมันเติบโต และนั่นก็ทำให้พ่อของฉันเตรียมการที่จะขยายส่วนของโรงงานให้กว้างมากขึ้นกว่าเดิม เลยจัดการจ้างทีมเหมาคนงานก่อสร้างมา พ่อเองใช้ตึกแถวด้านหลังให้เป็นที่พักคนงาน ส่วนที่อาบน้ำก็ตีสังกะสีล้อมรอบเอาไว้ แล้วทำอ่างน้ำชั่วคราวเอาไว้ในนั้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นก็คือ มันไม่มีหลังคา และมันอยู่ใกล้เคียงกับห้องของฉันไม่น้อยเลยทีเดียว ฉันไม่ใช่พวกยี่หระกับเรื่องอะไรแบบนี้อยู่แล้ว พ่อเองก็เหมือนจะรู้ว่าฉันไม่ได้จะสนใจคนงานก่อสร้าง จนกระทั่งหนึ่งในนั้น มีผู้ชายที่ค่อนข้างโดดเด่นทั้งเรื่องหน้าตาและรูปร่างปรากฏขึ้น เขาเป็นคนที่สูงที่สุดในกลุ่ม

Read More

อยากได้โทรศัพท์ใหม่ ก็มาให้เย็ดสิครับ

เรื่องเสียว อยากได้โทรศัพท์ใหม่ ก็มาให้เย็ดสิครับ ผมตามจีบ “แพม” มาเกือบปี เธอตัดรอดผมไปจนหมดสิ้น ผมไม่เหลือความหวังกับเธอแล้ว ทั้งที่ก่อนหน้า ผมคิดถึงเรื่องเสียวระหว่างผมกับเธออยู่บ่อยครั้ง และเพื่อนของผมก็เชียร์ให้ผมจีบเธอ หน้าตาของผมก็ไม่ได้แย่ จัดว่าหน้าตาดีด้วยซ้ำ แต่ก็เข้าใจครับ ว่าการที่ผมหน้าตาดีไม่ได้แปลว่าเธอจะชอบเสมอไป…แต่รู้อะไรไหม วันนี้เธอกลับมาหาผม มาหาง่าย ๆ แต่ว่าผมไม่ได้มีโอกาสที่จะเป็นแฟนกับเธอหรอกนะครับ เธอมาหาผมเพราะว่าต้องการให้ผมนั้นช่วยสนับสนุนเงินในการซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่

Read More