กุนซือเจ้าสำราญ ตะลุยสามก๊ก ตอนที่ 44

กุนซือเจ้าสำราญ ตะลุยสามก๊ก ตอนที่ 44

กุนซือเจ้าสำราญ ตะลุยสามก๊ก ตอนที่ 44
โดย saradio

เมื่อโจโฉยกทัพมาถึงเขตเมืองลกเอี้ยน ก็ได้ยินข่าวว่าพระเจ้าเหี้ยนเต้ หนีลิฉุยกุยกี มาตั้งค่ายพักทัพอยู่ตรงประตูเมืองลกเอี้ยนทางตะวันตก โจโฉจึงรีบเร่งเดินทัพตามไปสมทบ จนได้มาเจอกัน
พระเจ้าเหี้ยนเต้จึงเรียกโจโฉให้เข้าเฝ้า โจโฉจึงคุกเข่าถวายบังคมกราบทูลว่า
“ข้าพเจ้า โจโฉ มาอารักขาฝ่าบาทล่าช้า มีโทษสมควรตายแล้ว”
พระเจ้าเหี้ยนเต้ ไหนเลยถือโทษโกรธเคือง รีบไปประคองโจโฉให้ลุกขึ้น บอกให้มิต้องคุกเข่า แล้วพูดว่า
“ตอนนี้ลิฉุยกับกุยกี กำลังตามหลังเรามา ไม่ช้านานก็คงถึง ท่านก็เร่งคิดอ่านเถิดว่าจะทำประการใด”
โจโฉจึงกราบทูลว่า
“เรื่องนี้ ฝ่าบาทมิต้องเป็นกังวล ข้าพเจ้าจะจัดการเอง”
พลันหันไปสั่งการแม่ทัพ ด้วยน้ำเสียงมีอำนาจเฉียบขาด ว่า
แฮหัวตุ้นเจ้าเป็นกองหน้านำทหารไปห้าหมื่น สกัดขวางทางไว้ โจหอง ลิเตียน เจ้าสองคนนำทหารไปคนละสามหมื่น เป็นกองปีกซ้ายและขวา คอยทำการตีขนาบข้าง อิกิ๋ม งักจิ้น พวกเจ้านำทหารไปคนละสองหมื่นคอยเป็นกองหนุน หากทัพใดเพลี่ยงพล้ำให้ทำการเข้าหนุนเสริม โจหยิน เตียนอุน เจ้าสองคนไปกับทัพใหญ่ของข้า ส่วนเคาทู และเทียหยก เจ้านำทหารที่เหลือตั้งค่ายอารักขาพระเจ้าเหี้ยนเต้ไว้”
พรเจ้าเหี้ยนเต้พอฟัง โจโฉสั่งการรบ ก็รู้สึกอุ่นใจ พลันตรัสชมว่า
“โจโฉ สั่งทหารจัดทัพได้อย่างชาญฉลาด ช่างเชี่ยวชาญชำนาญการศึกนัก สมควรให้ช่วยทำนุบำรุงแผ่นดิน”
จึงมีรับสั่งแต่งตั้งให้โจโฉให้เป็นขุนนางผู้ใหญ่มีอำนาจเด็ดขาดทางการทหาร เอียวฮองกับหันเซียมพอได้ฟัง ก็ไม่พอใจนัก เนื่องเพราะพวกมันสองคนสู้อุตสาห์เสี่ยงตายกันพาพระเจ้าเหี้ยนเต้หนีมา แต่ตอนนี้ความดีความชอบทั้งหมดกลับไปตกอยู่กับโจโฉ คนทั้งสองรู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับความยุติธรรม แต่ตอนนั้นก็ทำอะไรไม่ได้เนื่องจากโจโฉมีกำลังมากกว่ามากนัก จึงได้เก็บความแค้นไว้
โจโฉเมื่อเตรียมกำลังพร้อมศัพท์ ก็ทยอยกันเดินทัพไปรับมือลิฉุย แฮหัวตุ้นเป็นกองหน้ารุดหน้าไปก่อน เพียงไม่นานก็เจอกับกองทหารของลิฉุยกุยกี ที่นำโดยตวนอุยกับงอสิบ ทั้งสองคนนำทหารมาสามสี่หมื่นมาเป็นกองหน้าเร่งรุดนำหน้ามาก่อน เพื่อเร่งตามทัพพระเจ้าเหี้ยนเต้ให้ทัน ตามคำสั่งของลิฉุยกับกุยกี
ไม่คาดว่า ก่อนจะถึงเมืองลกเอี้ยน กลับเจอกับกองทัพทหารของของแฮหัวตุ้นมาสกัดขวางทางอยู่ ทั้งสองฝ่ายจึงเข้ารบกันเป็นสามารถ พลันแฮหัวตุ้นควบม้าพาทหารส่วนหนึ่งรุกฝ่าแนวทหารหลุดไปถึงแนวหลังของศัตรูได้ ก็ควบม้าถือทวน โจนทะยานเข้าหาตวนอุยกับงอสิบ หมายจะฆ่าแม่ทัพฝ่ายตรงข้าม
ทั้งตวนอุยกับงอสิบต่างช่วยกันรุมรบกับแฮหัวตุ้นแบบสองต่อหนึ่ง แต่พอรุกรบกันไม่กี่เพลง ตวนอุยกับงอสิบกลับเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำจนต้องชักม้าหนีโดนแฮหัวตุ้นควบขี่ม้าไล่ฆ่า เมื่อเป็นดังนี้ทหารแฮหัวตุ้นยิ่งฮึกเหิม เดินหน้าฆ่าศัตรูอย่างไม่หยุดยั้ง ผลักดันจนทหารฝ่ายนั้นเริ่มเสียขวัญและเริ่มถอยหนี ไม่นานนักก็พากันแตกทัพหนีตายกันไปคนละทาง
ตวนอุยกับงอสิบเองก็ควบม้าหนีแฮหัวตุ้นอย่างไม่คิดชีวิต จนต้องทิ้งกองทัพหนีหายไป แฮหัวตุ้นไล่ตามสักระยะหนึ่งก็ไม่ไล่ตามอีกเพราะกลัวไปเจอทัพใหญ่ฝ่ายตรงข้าม
ตอนอุยกับงอสิบเมื่อหนีไปได้แล้วก็รีบกลับไปรายงานทัพใหญ่ ว่าเจอทัพทหารของโจโฉมาสกัดขัดขวาง พวกมันมีกำลังพลถึงสิบหมื่น จึงสู้ไม่ได้โดนตีแตกพ่ายกลับมา ตวนอุยกับงอสิบพากันพูดปลดเรื่องจำนวนทหาร เพราะเกรงว่าหากรายงานตามจริงอาจต้องโทษได้
ลิฉุยกุยกีก็เชื่อตามนั้น ไม่ได้ว่าอะไรคนทั้งสอง แต่นึกแปลกใจ ว่าไฉนโจโฉถึงยืนมือเข้ามาสอดได้ ฟังว่ามันมีทหารจำนวนมาก อีกทั้งพระเจ้าเหี้ยนเต้ก็ตกอยู่ในมือมันแล้ว ภายภาคหน้าก็จะเป็นภัย จึงผนึกกำลังกันสองทัพนับได้ถึงสามสิบหมื่น เดินทัพไปพร้อมกันหวังปราบโจโฉเอาตัวพระเจ้าเหี้ยนเต้กลับคืน
คราวนี้รบประจันกันทั้งสองฝ่าย พอทัพใหญ่ลิฉุยมาถึงก็บุกข้าตีทัพแฮหัวตุ้น ไม่คาดว่า ถูกกองทัพของ โจหอง และ ลิเตียน บุกเข้าตีขนาบทั้งซ้ายขวา ยามนั้นชุลมุนรบกันอยู่นานจนเริ่มเห็นผล ทหารลิฉุยกับกุยกีเริ่มเสียแนวรบ ล้มตายไปจำนวนมาก
โจโฉมองสังเกตุการณ์รบอยู่บนยอดเนิน เห็นว่าแม้แฮหัวตุ้นจะถูกบุกตีจนถอยรน แต่ปีกซ้ายขวากลับเข้าตีมันจนเสียรูปขบวน ถือว่าอยู่ในสถานะได้เปรียบ จึงให้โบกธงเป็นสัญญาณให้ อิกิ๋ม กับงักจิ้น นำกองหนุนไปเสริมปีกซ้ายขวา ส่วนโจโฉเองก็นำทัพใหญ่เข้าไปเสริมช่วยแฮหัวตุ้น
ทั้งสองฝ่ายมีจำนวนทหารพอฟัดพอเหวี่ยงกัน แต่รูปแบบขบวนรบของโจโฉเป็นไปตามพิชัยยุทธสงคราม ทำให้ได้เปรียบในการรบ อีกทั้งแม่ทัพก็มีความเก่งกล้าสามารถควบคุมทหารในสนามรบได้ไม่ให้สับสน ทำให้ลิฉุยกับกุยกีอยากจะต่อกร พอโจโฉนำทัพใหญ่มาเสริมตรงกลางช่วยแฮหัวตุ้น ยิ่งเสริมขวัญกำลังใจทหารเป็นอักโข พากันเข่นฆ่าทหารของลิฉุยกับกุยกี บุกฝ่าไปข้างหน้าจนเป็นทางสายเลือด
ทัพของลิฉุยกับกุยกีเริ่มต้านไม่อยู่ ทั้งซ้ายและขวา เริ่มระส่ำจะแตกแนว ตรงกลางกลับยิ่งแย่หนัก เพราะโจโฉพาทหารเดินหน้าฆ่าลูกเดียว ทำให้ทหารลิฉุยกับกุยกีที่รักษาแนวรบตรงกลางเริ่มถอยกันมาไม่เป็นขบวน ไม่นานก็รักษาแนวรบไว้ไม่ได้ ทหารโจโฉเริ่มรุกมาถึงแนวหลังแทบทุกๆด้าน
ลิฉุยกับกุยกี ต่างเห็นว่าเป็นที่ย่ำแย่ เพราะไม่นานพวกทหารของโจโฉก็คงบุกมาถึงตัว จึงรีบสั่งให้ถอยทัพ แล้วพวกมันก็พาทหารแนวหลังรีบหนีไปก่อน ทิ้งทหารที่ติดอยู่ในแนวรบให้เผชิญชะตากรรมกันเอง ทัพสามสิบหมื่นของลิฉุยกับกุยกีจึงแตกพ่ายถอยหนี เหลือรอดไปไม่กี่หมื่นคน ส่วนที่เหลือหากไม่ตกตายหรือหนีหาย ก็ยอมจำนนกับโจโฉจนสิ้น
ยามนั้นโจโฉจะตามไปรุกฆาต คิดจะไล่ตามมันให้ถึงที่สุด แต่กลับมีมาเร็วนำข่าวจาก เทียหยกมารายงานว่า เอียวฮองกับหันเซียม คิดไม่ซื่อ จะก่อการชิงตัวพระเจ้าเหี้ยนเต้ แต่ไม่สำเร็จ ตอนนี้ถูกเคาทูนำทหารล้อมไว้แล้ว
โจโฉถึงกับร้อง เพ้ย พูดเหมือนนึกไว้อยู่แล้ว ว่า
“ดีที่คิดไว้แล้ว ว่าพวกมันจะต้องไม่ซื่อ เลยให้เทียหยกอยู่กับเคาทู คอยจับตาดูพวกมันไว้ พวกมันกลับไม่ซื่อจริงๆ เฮอะ ที่พวกมันช่วยพระเจ้าเหี้ยนเต้หนีมา ก็คงคิดจะเป็นใหญ่เสียเองเป็นแน่”
พลันคิดว่า ลิฉุยกับกุยกี ยังไงก็หนีไม่รอดเงื้อมือ ก็เลยไม่ติดตามไป แต่ให้ทหารทั้งหมดตั้งค่ายรอไว้ ณ ที่นี่ แล้วให้โจหยินเป็นผู้บัญชาการชั่วคราว ส่วนตัวมันนำเตียนอุนและทหารจำนวนหนึ่ง ไปสมทบกับเคาทูเพื่อไปจัดการกับ เอียวฮองกับหันเซียม ที่คิดก่อการจะชิงตัวพระเจ้าเหี้ยนเต้
โจโฉเมื่อกลับมาถึงค่ายที่ประทับพระเจ้าเหี้ยนเต้ ก็เห็นพระองค์ทรงปลอดภัยไร้เรื่องราว โดยมีเทียหยก นำทหารคุ้มกันเฝ้าอารักขาอยู่ จึงได้ถามว่า พวกเอียวฮองอยู่ที่ใด เทียหยก จึงตอบว่า
“พวกมันชิงตัวพระเจ้าเหี้ยนเต้ไม่สำเร็จ และได้หนีไปทางเนินเขาลูกนู้น เคาทูนำทหารตามไปปิดล้อมพวกมันไว้”
โจโฉจึงรีบตามไปยังเนินเขาที่ว่า
ยามนั้นที่เนินเขา พวกเอียวฮองพยายามฝ่าวงล้อมหนี แต่ตีฝ่าออกไปไม่ได้ แถมยังถูกโต้กลับจนถอยรนกันหนีขึ้นไปบนเขา แต่ยังมีนายทหารของเอียวฮองผู้หนึ่งยังสู้ติดพันอยู่กับเคาทู จึงไม่ได้ถอยหนีตามพวกพร้องมันก็คือซิหลง เคาทูเห็นมันฝีมือดีจึงกระตุ้นความอยากเอาชนะด้วยฝีมือ จึงสั่งไม่ให้ทหารยุ่งเกี่ยว แล้วเข้ารบกับมันตัวต่อตัว โจโฉมาถึงก็หยุดดู เห็นสู้กันถึงแปดสิบเพลงยังไม่ปรากฏแพ้ชนะ จึงนึกชมชอบในฝีมือ เลยถามทหารแถวนั้นว่า มันเป็นใคร
ยามนั้นก็มีคนตอบมาว่า มัน คือซิหลง นายทหารของเอียวฮอง แลข้าพเจ้าเคยเป็นสหายสนิทกับมัน คนที่ตอบเป็นนายทหารยศต่ำคนหนึ่งของโจโฉ ชื่อหมันทอง โจโฉก็นึกอยากได้ตัว ถามหมันทองว่า มีทางใดจะเกลี่ยกล่อมให้มันมารับใช้ข้าได้ หมันทองเห็นเป็นโอกาสที่จะสร้างความดีความชอบจึงขออาสาไปเกลี่ยกล่อม โจโฉยินดียิ่ง จึงสั่งให้ไปบอกเคาทูให้หยุดสู้แล้วกลับมา
เคาทูเมื่อได้รับคำสั่งจากโจโฉ แม้รู้สึกขัดใจแต่ก็จำต้องหยุด พลันชักม้าแยกถอยควบกลับเขาแนวทหาร ซิหลงก็ไม่ตามไป และชักม้าหันกลับควบขี่ขึ้นเนินเขาไปตามหาพวกพ้อง
พอตกกลางคืน หมันทองจึงปลอมเป็นทหารฝ่ายเอียวฮอง แล้วลักลอบขึ้นเนินเขา ไปตามหาซิหลง จนไปเจอพวกมันตั้งค่ายพักกันอยู่บนเนินเขา หมันทองจึงลักลอบไปหาซิหลงในกระโจม แล้วเกลี่ยกล่อมให้เข้ากับโจโฉ ด้วยหมันทองเป็นคนฉลาดรู้จักพูด พูดชี้แจ้งเหตุผลต่างๆจนซิหลงคล้อยตาม แต่ติดที่ซิหลงยังมีความซื่อสัตว์อยู่ เลยลังเลตัดสินใจไม่ได้ หมันทองจึงพูดว่า
“อันคนเราหากมีความสามารถ ย่อมต้องใช้ความสามารถนั้นกับคนที่เห็นคุณค่า เอียวฮองนั้นหามีสติปัญญาส่งเสริมท่านไม่ อีกทั้งยังมิแลเห็นความสำคัญ ต่อให้ท่านรับใช้จนตาย ก็หาได้มีคนรู้คุณค่าในตัวท่านไม่ ท่านก็รองไตร่คตรองดูเถิด”
ซิหลง นึกคิดก็เห็นจริง พลันทอดถอนใจ ตกลงเข้าร่วมกับโจโฉ หมันดีใจยิ่ง จึงแนะนำให้ซิหลงไปตัดหัวเอียวฮองกับหันเซียม แล้วพาทหารไปยอมจำนนแก่โจโฉเพื่อเป็นของกำนัล แต่ซิหลงไม่เห็นด้วย พูดว่า
“ข้าทรยศเขาก็ผิด แล้วจะให้ต้องไปฆ่าเขาอีก ข้าคงไม่ทำ อีกทั้งยามมาหาเขาข้าก็มาตัวคนเดียว หากจะไปจากเขาก็ขอไปตัวคนเดียวไม่เอาอะไรไปด้วย”
หมันทองเห็นมันคิดตันสินใจเช่นนั้นก็ยอมรับ แล้วชักชวนให้รีบไป ทั้งสองคนจึงลอบหนีออกจากค่าย แต่มีคนเห็นเสียก่อน ทำให้เอียวฮองกับหันเซียมรู้ตัว พอรู้ว่าซิหลงทรยศแล้ว ก็นำคนตามไปไล่ล่าหมายฆ่าให้ตาย
ทั้งสองหนีจึงวิ่งหนีกันอย่างอุตลุด พอหลุดรอดลงจากเนินเขาหมันทองก็ร่ำร้องเรียกหาทหารฝ่ายโจโฉให้มาช่วย ไม่คาดว่าผู้ที่นำทหารฝ่ายโจโฉมาช่วย ก็คือตัวโจโฉเอง มันกลับเฝ้ารอรับหมันทองที่ไปเกลี่ยกล่อมซิหลงอยู่ด้วยตัวเอง
พอโจโฉพาขับไล่ทหารเอียวฮองที่ตามซิหลงกับหมันทองหนีกลับขึ้นเนินไปแล้ว ก็ชักม้าวิ่งไปหาซิหลง พูดหัวเราะอย่างยินดีว่า
“ข้ามารอรับเจ้าอยู่นานแล้ว”
ซิหลงเห็นโจโฉให้ความสำคัญตนถึงเพียงนี้ ก็ซาบซึ่งใจยิ่งนัก แต่มีเรื่องหนึ่งติดค้างในใจ ใคร่ข้อร้องโจโฉ จึงพูดว่า
“ข้าพเจ้าทรยศนายเก่า มาหานายใหม่ รู้สึกตัวเองมีความผิดที่ไม่อาจยอมรับ ดังนั้นใคร่ขอร้องท่าน ให้ปล่อยเอียวฮองหับหันเซียมไป ถือว่าชดเชยความผิดของข้าพเจ้าให้เขาเป็นครั้งสุดท้าย ภายภาคหน้าหากเจอพวกเขาอีก ก็จะได้ไม่มีสิ่งใดติดค้างกัน และข้าพเจ้าจะได้รับใช้ท่านโดยซื่อสัตย์ ไม่มีวันแปรพักต์”
โจโฉนิ่งคิดครู่หนึ่งก็หัวเราะ ฮ่าฮ่าฮ่า แล้วพูดว่า
“ได้ ทำไมจะไม่ได้ ได้เจ้ามา อุปมาเหมือนได้เสือ ปล่อยพวกนั้นไปก็เหมือนปล่อยสุนัข เหตุใดข้าจะไม่ทำเพื่อเจ้ากันเล่า”
พลันมีคำสั่งให้ทหารที่ล้อมเขาลูกนี้อยู่ ให้ถอนทัพกลับไปรวมค่ายกันกับค่ายที่ประทับพระเจ้าเหี้ยนเต้ ซิหลงตื้นตันใจยิ่ง จึงคุกเข่าลง เรียกโจโฉว่านายท่าน โจโฉก็รีบลงจากหลังม้า ไปพยุงมันลุกขึ้น แล้วให้ทหารเอาม้ามาให้มันขี่ไปด้วยกัน ส่วนหมันทองนั้นโจโฉเห็นว่ามันเป็นคนฉลาด ไม่ควรมาเป็นทหารเช่นนี้ อีกทั้งยังมีความดีความชอบนำตัวซิหลงมาได้ จึงเลื่อนขันให้ไปเป็นฝ่ายเสนาธิการแทน
เมื่อหมดเรื่องราวทางนี้แล้ว โจโฉก็เร่งปราบลิฉุยกับกุยกี เดินทัพบุกไปถึงเมืองเตียนอัน ลิฉุยกับกุยกีก็พยายามต้านทาน แต่รบเท่าไหร่ก็แพ้ จนสุดท้ายถอยร่นกันไปต้านรับกันที่กำแพงเมืองเตียนอัน แต่ไม่นานนักก็ถูกโจโฉตีประตูเมืองแตกเข้ายึดเตียนอันไว้ได้ ลิฉุยกับกุยกีกลับต้องพากันหนีตายออกจากเมืองเตียนอันโดยไม่คิดชีวิต
ทั้งคู่พากันหนีมาถึงตำบลหนึ่ง ใกล้กับเมืองเซียงไส ยามนั้นมีตวนอุยกับงอสิบและทหารไม่ถึงพันหนีมาด้วยกัน แต่เสบียงอาหารไม่มีติดมา พากันอดยากโหยหิ้ว จนต้องล้มม้ามากินเป็นอาหาร
ลิฉุยกับกุยกี พากันนั่งคิดอับจนหนทาง เพราะไม่รู้จะหนีไปไหนได้อีกแล้ว จึงคิดว่าพวกมันคงต้องตายเป็นแน่ เลยพากันหมดอาลัยตายอยาก เมือนึกถึงว่าตนเองอยู่ในเขตเมืองเซียงไส ก็พาลให้นึกถึงอดีต ตอนที่หนีอองอุ้นกับลิโป้ มาหลบอยู่ที่เมืองเซียงไส ยามนั้นก็อับจนหนทางไม่ต่างอะไรจากตอนนี้ แต่พวกมันสี่สหายพร้อมกับกาเซี่ยงก็สามารถพลิกฟื้น กลับไปเอาชนะอองอุ้นกับลิโป้จนได้ครองเมืองหลวงได้ ภาพในอดีตจึงปรากฏขึ้นมาในหัวเป็นฉากๆ ลิฉุยถึงกับหลั่งน้ำตา รำพันว่า
“หากข้าเชื่อกาเซี่ยง ก็คงไม่ตกอยู่มรสภาพนี้”
กุยกีเองก็กลั่นน้ำตาไม่อยู่ เมื่อนึกถึงหวนเตียว พูดร่ำไห้ว่า
“เรากลับฆ่าพี่น้องกันเอง เพราะความหลุมหลงมัวเมาแท้ๆ”
แล้วทั้งคู่ก็ได้สำนึกพากันกอดคอกันร้องไห้ ยามนั้นพลันไม่ได้ระวังสิ่งใด ตวนอุยกับงอสิบ ก็เดินมาทางข้างหลังพวกมัน แล้วใช้ดาบตัดหัวพวกมันจนขาดสะบั่นไปด้วยกันทั้งคู่
ทั้งตวนอุยกับงอสิบต่างเห็นว่าหมดทางรอดแล้ว เลยคิดว่าทางเดียวที่จะรอดได้คือเอาหัว ลิฉุยกับกุยกีไปขอสวามิภักดิ์ จึงลอบฆ่าคนทั้งสองในตอนที่พวกมันเผลอ แต่ตวนอุยกับงอสิบก็ไม่รอดดังใจคิด เพราะโจโฉก็เอาพวกมันไปตัดหัว เพราะไม่ต้องการเลี้ยงคนที่ทรยศเจ้านายแบบนี้
เมื่อโจโฉปราบลิฉุยกับกุยกีและตีได้เตียนอันแล้ว ก็เร่งปราบสมุนลิฉุยกับกุยกีตามหัวเมืองหน้าด่านรอบๆเตียนอัน โดยเฉพาะเมืองฮองหลงของเตียวเจ ที่อยู่ใกล้เตียนอัน เมืองฮองหลงของเตียวเจจึงถูกโจโฉบุกตี จนเตียวเจต้องถอยหนีลงใต้ มายึดเอาเมือง อ้วนเสีย ใกล้ชายแดนเล่าเปียวเป็นที่ตั้ง
โจโฉครอบครอง บริเวณอาณาเขตเมืองหลวงไว้ทั้งหมด แต่ตอนนั้นเห็นว่าจะให้พระเหี้ยนเต้อยู่เตียนอันนั้นไม่เหมาะสมแล้ว เนื่องเพราะเตียนอันเพิ่งผ่านส่งครามเสียหายไปไม่ใช่น้อย อีกทั้งยังเป็นแหล่งอิทธิพลเก่าของพวกลิฉุย เกรงจะเกิดการแย่งชิงตัวฮ่องเต้อีก จึงพาพระเจ้าเหี้ยนเต้ไปพำนับอยู่ที่ฮูโต๋แทน และตั้งเมืองฮูโต๋ให้เป็นเมืองหลวงแทนเตียนอัน เพราะที่ฮูโต๋นั้นเป็นเขตอิทธิพลของโจโฉ ย่อมอยู่ได้อย่างไม่หวาดระแวง
ส่วนทางผมนั้น หลังจากออกจากเตียนอันมา ก็พาขบวนเดินทางลงทางใต้ หนีภัยการเมืองทางสงคราม ยามนั้นอาเจนกับตั๋งไป่มีท้องแก่กันแล้ว จึงเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่เปลี่ยวร้าง ในตอนนั้นนอกจากผมและเหล่าภรรยาและเสี่ยวถิงกับเสี่ยวจูแล้ว ยังมีลูกศิษย์ทั้งสี่ของตูตู้หลุนและบ่าวทาสอีกนับสิบติดตามมาด้วย จึงได้ปลูกสร้างบ้านพักกันเป็นการชั่วคราว คิดว่า เมื่ออาเจินและตั๋งไป่คลอดลูกและแข็งแรงกันดีแล้ว ค่อยคิดอ่านกันอีกทีว่าจะทำอย่างไรต่อ
วันหนึ่งกลับไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนผ่านทางมาทางนี้ คนผู้นี้เป็นคนวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบ มาพร้อมเด็กหนุ่มวัยไล่เรี่ยกันอีกสามคน ทั้งหมดก็หลีกหนีสงครามภาคกลางกันมาเช่นกัน พอเห็นที่นี่เป็นชุมชนพออยู่อาศัย จึงมาขอพำนับชั่วคราว
พอมาถึง คนผู้นั้นก็แนะนำตัว ว่า
“ข้าพเจ้า มีนามว่า สุมาเต็กโช เด็กพวกนี้คือลูกศิษย์ข้าพเจ้า คนหนึ่ง จูกัดเหลียง คนหนึ่งบังทอง และอีกคนหนึ่งคือ ชีซี พวกเราหนีภัยสงครามผ่านมาทางนี้ ไม่ทราบว่าจะขอพึงพิงท่านเป็นการชั่วคราวได้หรือไม่”

Share the Post:

Related Posts

แท็กซี่เขาอ่อย หนูเลยให้เขาเล่นของหนู

เรื่องเสียว แท็กซี่เขาอ่อย หนูเลยให้เขาเล่นของหนู เอิร์นนะคร้า เป็นสาวมหาลัยในเชียงใหม่นี้เองค่า เอิร์นเป็นสาวมหาลัยปีสองแล้วค่ะ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องผู้ชายเลย ยุคนี้แล้วเนอะ ไม่ใช่แค่ผู้ชายนะคะที่ล่าแต้ม เอิร์นเองก็กินมาเยอะเหมือนกันค่ะ สูงยาว ลำอวบ ใหญ่ยาว กินมาหมดแล้วค่า ชีวิตครั้งนึงเนอะ เรื่องพวกนี้ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ต้องมีบ้างอยู่แล้วใช่ไหมค่ะ และแน่นอนว่าเอิร์นเลยกินแต่วัยเดียวกัน รู้ตัวอีกทีได้แอบกินรุ่นใหญ่พี่แท็กซี่ซะอย่างนั้นเลยค่ะ ที่สำคัญไม่เคยเจอมังกรที่ใหญ่ยักษ์ขนาดนี้มาก่อน มาเริ่มเรื่องกันเลยดีกว่าค่ะ ด้วยความที่อยู่เชียงใหม่ที่เที่ยวเยอะ

Read More

จากทำอาหาร ทำไมโดนเขาทำเสียว

เรื่องเสียว จากทำอาหาร ทำไมโดนเขาทำเสียว “ตั้งกล้องเรียบร้อยแล้ว มึงพร้อมยังจะได้กดเริ่ม” วันนี้เรามีถ่ายคลิปวิดีโอทำอาหารที่คอนโดของพวกเราสองคนที่เป็นเพื่อนกัน เรามองเม็กที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมสองเม็ดจนเห็นแผงอกที่เป็นมัดกล้าม กางเกงขาขั้นสั้นสบาย ๆ แต่พอมาอยู่บนร่างกายของเม็กแล้วมันดูดีไม่น้อยเลย ถึงแม้เราทั้งสองจะเป็นเพื่อนกัน แต่พอมาเจอมันในลุคนี้ก็ทำให้เราใจสั่นไม่น้อย “มึงกูสวยยัง” “สวยแล้ว” พอได้รับคำตอบที่สร้างความมั่นใจให้กับตัวเองแล้ว เราก็พยักหน้าให้มันเริ่มกดบันทึกภาพวิดีโอทันที การถ่ายทำดำเนินไปเรื่อย ๆ จนถึงขั้นตอนการชิมอาหาร “อะ

Read More