ยอดยุทธสะท้านบู๊ลิ้ม ตอนที่ 29 การแก้แค้นของหลงจินหู่

ยอดยุทธสะท้านบู๊ลิ้ม ตอนที่ 29 การแก้แค้นของหลงจินหู่

ยอดยุทธสะท้านบู๊ลิ้ม ตอนที่ 29 การแก้แค้นของหลงจินหู่
โดย zeech

เรื่องเสียว อ่านเรื่องเสียว เล่าเรื่องเสียว ประสบการณ์เสียว เรื่องเล่าเสียว เล่าเสียว อ่านเสียว เรื่องเสียวแม่ลูก doujin sak รวมเรื่องเสียว

เฟยอี้ใช้สองมือยึดเอวอันคอดกิ่วของเหม่ยผิงไว้อย่างแน่นหนา พลางกระแทกกระทั้นช่วงเอวของมันเข้าออก
ไปที่ร่างของนางอย่างหักโหม จนเสียงร่ำร้องคร่ำครวญของเหม่ยผิงดังกระชั้นถี่ขึ้นทุกครั้งที่นางถูกลำแก่นกาย
อันแข็งเกร็งของมันกระแทกกระทั้นเข้ามา ความกำหนัดที่รุมเร้านางอยู่ก็คล้ายกับได้ถูกปลดปล่อยผ่อนคลายลงไป
จนนางถึงกับเผยอริมฝีปากออกแล้วหลับตาพริ้มลง พลางแอ่นร่างรับการกระแทกกระทั้นที่ถาโถมเข้ามาอย่างพึงพอใจ

“ตั้บ…..ตั้บ…..ตั้บ…..ตั้บ…..ตั้บ…..ตั้บ…..ตั้บ…..ตั้บ……”

“ฮ้าาา……….ซี๊ดดดด……..ฮ้าาาาา…….ซี๊ดดดด…….ฮ้าาาาา…..ซี๊ดดดด…….

เรื่องเสียว อ่านเรื่องเสียว เล่าเรื่องเสียว ประสบการณ์เสียว เรื่องเล่าเสียว เล่าเสียว อ่านเสียว เรื่องเสียวแม่ลูก doujin sak รวมเรื่องเสียว

ฮ้าาาา….”

เฟยอี้ยิ่งกระทำก็ยิ่งซ่านเสียวมากยิ่งขึ้น เสียงครวญครางของเหม่ยลี่คล้ายดังเป็นตัวเร่งให้มันเร่งความเร็ว
กระแทกกระทั้นไปที่ร่างของเหม่ยผิงมากยิ่งขึ้นไปอีก จนเหม่ยผิงบังเกิดความเสียวซ่านถึงขีดสุด
แอ่นร่างขึ้นจนสูงโด่งแล้วค้างนิ่ง ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวเหยเก เผยอปากร่ำร้องออกมาด้วยเสียงอันสั่นพร่า
เฟยอี้เห็นเช่นนั้นก็ยิ่งกดบั้นเอวของมันลงจนแนบแน่นกับเนินสวาทที่แอ่นขึ้นมาจนโคกนูน แล้วบดคลึง
หมุนควงลงไปอย่างหนักหน่วง

เหม่ยผิงถูกกระทำเข้าเช่นนี้ ก็ถึงกับบรรลุจุดสุขสม ปลดปล่อยเสียงดังยาวออกมาด้วยความซ่านเสียวอย่างที่สุด

“โอ้วว…ซี๊ดดด…โอ้ว….ซี๊ดดด….โอ้ววว…เฟยอี้…โอ้ววว…..ข้า..ข้า…..โอ้ววววววววววววววว……”

พลังหยินแห่งความสุขสมจากเรือนร่างของเหม่ยผิงแพร่ผ่านเข้าสู่ร่างของเฟยอี้ จนทำให้มันรู้สึกผ่อนคลายสบายตัวยิ่งนัก
จนมันถึงกับหยุดนิ่งแล้วหลับตาลงอย่างอิ่มเอม

ขณะนั้นเอง เหม่ยเยี่ยซึ่งเฝ้าแต่ลูบไล้เรือนกายของเฟยอี้ด้วยความรุ่มร้อนในอารมณ์จากฤทธิ์ของยาเหมยฟ้ารัญจวน
ก็ไม่สามารถทานทนได้อีกต่อไป นางตรงเข้ามาผลักร่างของเฟยอี้ให้ออกไปจากร่างของเหม่ยผิง แล้วอ้าปากอมแก่นกาย
ของเฟยอี้ไว้พร้อมกับดูดกินมันอย่างรุนแรง

เฟยอี้ยังคงคั่งค้างอยู่ในอารมณ์ซ่านเสียวจากเหม่ยผิง ครั้นถูกความอบอุ่นนุ่มนิ่มจากริมฝีปากของเหม่ยเยี่ยดูดกินอย่างรุนแรง
เข้าเช่นนั้น มันก็ถึงกับครวญครางเสียงดังออกมา แล้วโยกย้ายบั้นเอวของมันเข้าและออกจากปากของเหม่ยเยี่ย
อย่างเมามันในอารมณ์

“โอ้วววววววววววววววว…เหม่ยเยี่ย….เจ้า……เจ้าช่างดียิ่งนัก..”

ยิ่งนาน อารมณ์ซ่านเสียวของเฟยอี้ก็ยิ่งเร่าร้อนขึ้น สองมือของมันยึดศรีษะของเหม่ยเยี่ยไว้อย่างแนบแน่น แล้วโยกย้ายท่อนล่าง
ของมันส่ายควงไปมาอยู่ในช่องปากของนางอย่างเพลิดเพลิน จนมันเกือบที่จะปลดปล่อยธารารักของมันออกมา มันจึงเร่งถอนแก่นกาย
ออกจากปากของนาง แล้วลุกขึ้นจับร่างของนางให้พลิกคว่ำลง

เหม่ยเยี่ยในยามนี้กลับคล้ายล่วงรู้ความต้องการของมัน นางขยับสะโพกอันงอนงามของนางให้ชี้โด่งขึ้น จนมองเห็นกลีบสวาทที่เบียดชิด
อยู่ระหว่างเรียวขาทั้งสองข้างได้ชัดถนัดตา เฟยอี้มองเห็นเช่นนั้นก็ไม่รอช้า มันจับแก่นกายอันแข็งเกร็งของมันเบียดแทรกเข้าไป
ในร่องสวาทอันคับแน่นนั้นทันที

“อูยยยยยยยย…………………….”

“ตั้บ…………..ตั้บ……………ตั้บ……………..ตั้บ…………..ตั้บ………ตั้บ…….ตั้บ…….ตั้บ…….”

เฟยอี้ดันแก่นกายของมันเข้าไปในโพรงสวาทของเหม่ยเยี่ยจนมิดลำแล้วโยกกลับออกมาอย่างเชื่องช้า ก่อนที่จะกระทำซ้ำ
อีกครั้งหนึ่ง วนเวียนอยู่เช่นนี้หลายครั้งจนมันรับรู้ถึงอาการตอดรัดจากร่องสวาทของเหม่ยเยี่ยที่ทวีความรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ 

เรื่องเสียว อ่านเรื่องเสียว เล่าเรื่องเสียว ประสบการณ์เสียว เรื่องเล่าเสียว เล่าเสียว อ่านเสียว เรื่องเสียวแม่ลูก doujin sak รวมเรื่องเสียว

เหม่ยเยี่ยเองก็รับรู้ถึงความคับแน่นที่ชำแรกเข้ามาในกายนางพร้อมกับความซ่านเสียวที่พุ่งพล่านขึ้นมา จนนางต้องถึงกับ
ห่อปากระบายลมออกมา ครั้นพอมันถอยกลับออกไป แล้วชำแรกแก่นกายเข้ามาใหม่อีกครั้ง ความซ่านเสียวก็เพิ่มพูนขึ้นอีก
จนนางรู้สึกโหยหาต้องการให้เกิดความซ่านเสียวกระชั้นถี่ขึ้นเรื่อยๆ

แล้วนางก็รู้สึกสมใจเมื่อเฟยอี้เร่งเร้าจังหวะเปลี่ยนเป็นกระชั้นถี่ขึ้นคล้ายกับล่วงรู้ความต้องการของนาง จนนางต้องหลับตาพริ้ม
แหงนใบหน้าส่งเสียงครางออกมาอย่างมีความสุข ยิ่งนานความเสียวซ่านของนางก็ยิ่งเพิ่มระดับยิ่งขึ้น จนเสียงร้องครวญคราง
ของนางบังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย สะโพกอันโด่งงอนของนางเกิดอาการตอบสนองอย่างไร้การควบคุม มันขยับเข้าหา
แก่นกายของเฟยอี้ที่กำลังส่งแรงกระแทกกระทั้นเข้ามาจนบังเกิดเป็นเสียงเนื้อกระทบกันจนดังระรัวถี่

“ตั้บ…..ตั้บ…..ตั้บ…..ตั้บ…..ตั้บ…..ตั้บ…..ตั้บ…..ตั้บ……”

“ฮ้าาา……….ซี๊ดดดด……..ฮ้าาาาา…….ซี๊ดดดด…….ฮ้าาาาา…..ซี๊ดดดด……..”

ร่องสวาทของเหม่ยเยี่ยเริ่มตอดรัดแก่นกายของเฟยอี้อย่างหนักหน่วง แล้วทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเฟยอี้เคลิบเคลิ้ม
เข้าใกล้ถึงจุดสุขสม มันจึงหยุดรั้งรอเพื่อที่จะยับยั้งมิให้ธารารักของมันหลั่งไหลออกมา แต่เหม่ยเยี่ยมิยินยอมนางเองก็กำลัง
อยู่ในช่วงอารมณ์ที่ซ่านเสียวใกล้จะถึงขีดสุดเช่นเดียวกัน สะโพกของนางถูกดันเข้าหาแก่นกายของเฟยอี้แล้วส่ายวนอยู่ไปมา

แล้วนางก็ส่งเสียงร้องดังยาวออกมาพร้อมกระตุกร่างขึ้นน้อยๆ ก่อนที่จะทอดร่างฟุบลงกับพื้นอย่างมีความสุข

“โอ้ววววววววววววววววววววววววว……………………………….”

เฟยอี้เองตั้งใจจะยับยั้งเพื่อถ่วงเวลาเอาไว้ แต่กลับถูกเหม่ยเยี่ยกระทำเข้าเช่นนี้ จนมันเองก็มิอาจจะทานทนได้อีกต่อไป
ทำนบแห่งธารารักของมันก็พังทลายลง ปลดปล่อยน้ำรักของมันออกมาจนท่วมท้นโพรงสวาทของนางแล้วฟุบร่างลงทาบทับ
ร่างของเหม่ยเยี่ยไว้อย่างสุขสม

เฟยอี้ทั้งรู้สึกเป็นสุขจากการเสพสม ทั้งได้รับความสบายผ่อนคลายจากพลังหยินของเหม่ยเยี่ย ที่แพร่ผ่านมาสู่ร่างของมัน
มันนอนสวมกอดร่างของเหม่ยเยี่ยไว้แล้วยิ้มออกมาอย่างผ่อนคลาย

แต่แล้วเหม่ยลี่กลับตรงเข้ามาผลักร่างของมันให้พลิกหงาย แล้วนางก็ทรุดตัวลงนั่งในท่าควบอาชาบนตัวมันอีกครั้ง
เฟยอี้แม้ถึงจุดสุขสมไปแล้วแต่น่าประหลาดยิ่งนัก แก่นกายของมันกลับยังคงชี้ชันอยู่เช่นเดิม ทั้งยังกลับขยายตัวแข็งเกร็งเพิ่มขึ้นอีก
เมื่อถูกเนินสวาทของเหม่ยลี่ถูไถอยู่ไปมา แต่มันก็กระทำเพียงจ้องมองดูเหม่ยลี่ขยับเรือนร่างของนางไปมาบนเรือนร่างของมัน
ด้วยความอ่อนเพลียยิ่ง

ในคราแรกเฟยอี้ก็ไม่คิดที่จะต่อสู้กับนาง แต่ครั้นถูกนางใช้เนินสวาทถูไถไปมาในท่าควบอาชาเช่นนั้น เพลิงสวาทของมัน
ก็กลับลุกโชนขึ้นมาอีก มันจึงเริ่มใช้มือทั้งสองลูบไล้ปทุมถันของเหม่ยลี่ ขณะที่นางกำลังควบอาชาอยู่บนร่างของมัน
จนบางคราโพรงสวาทของนางก็กลืนกินแก่นกายของมัน จนหายเข้าไปในกายของนางจนมิด

โพรงสวาทอันหยุ่นแน่นของนาง สร้างสัมผัสอันแสนสุขให้มันจนต้องถึงกับเป็นฝ่ายครวญครางออกมา

“โอ้วววว……….เหม่ยลี่……อู้ววววว…………..ซี๊ดดดดด……..” 

เรื่องเสียว อ่านเรื่องเสียว เล่าเรื่องเสียว ประสบการณ์เสียว เรื่องเล่าเสียว เล่าเสียว อ่านเสียว เรื่องเสียวแม่ลูก doujin sak รวมเรื่องเสียว

ยิ่งบังเกิดความซ่านเสียว สองมือของมันก็ยิ่งเพิ่มความรุนแรงบีบเค้นปทุมถันทั้งสองของเหม่ยลี่อย่างหนักมือ

เหม่ยลี่ในยามปกตินางดูเป็นดรุณีแรกรุ่นที่มีความสวยงามและไร้เดียงสา แต่ในยามนี้นางกลับดูเป็นดรุณีที่ยั่วยวน
เพลิงสวาทของมันยิ่งนัก ท่าทีที่นางควบอาชาแอ่นทรวงอกให้มันบดคลึงพลางเชิดใบหน้าแล้วส่งเสียงครวญคราง
ออกมาเช่นนี้ ช่วยเร่งเร้าให้เฟยอี้มีกำหนัดกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง

“ซี๊ดดดดดดดดดด………………………….ซี๊ดดดดดดดดดดดด……………ซี๊ดดดดดดดดดด………….”

เฟยอี้ลดมือทั้งสองจากทรวงอกของนางลงมา แล้วจับยึดที่สะโพกของนางไว้อย่างแนบแน่น พลางแอ่นท่อนล่างของมัน
ตอบโต้การควบอาชาของนางอย่างเร็วถี่จนเหม่ยลี่ เปลี่ยนเสียงคร่ำครวญของนางเป็นระรัวถี่ตามจังหวะที่มันกระแทก
กระทั้นใส่เรือนร่างของนาง

“อูยยยยย………ซี๊ดดดดด……………อูยยยยย………ซี๊ดดดดด……………อูยยยยย………ซี๊ดดดดด…………….”

“เฟยอี้……….อูยยยยยยยย………….ข้า…..ข้า………..เสียวยิ่งนัก…………..อ้าาาาาา………”

ถึงตอนนี้เฟยอี้ก็มิอาจนอนนิ่งให้นางกระทำต่อมันเพียงฝ่ายเดียวแล้ว มันยันกายลุกกลับมาเป็นฝ่ายทาบทับเรือนร่าง
ของเหม่ยลี่ไว้ แล้วจุมพิตนางอย่างดูดดื่ม แก่นกายของมันที่ยังคงจมลึกอยู่ในร่องสวาทของนาง พลางหมุนคว้านบดคลึง
เนินสวาทที่โคกนูนของนางอยู่ไปมา

แล้วมันก็รั้งเรียวขาข้างหนึ่งของนางไว้ในวงแขนมัน จนร่องสวาทของนางเผยอแย้มออกมาอย่างกว้างขวาง
ยิ่งทำให้แก่นกายของมันล้วงลึกเข้าไปในกายของนางมากขึ้นไปอีก พลางกระแทกกระทั้นลงไปอย่างระรัวถี่

“โอ้ววววววววว……..ซี๊ดดดดด………โอ้ววววววววว……..ซี๊ดดดดด………โอ้ววววววววว……..ซี๊ดดดดด……….”
“โอ้วววว …….เฟยอี้…เฟยอี้…..ข้า…..ข้า…..ข้าจะปัสสาวะออกมาแล้ว…..อู้วววววววว……………”

เฟยอี้กระทำต่อเหม่ยลี่จนนางล่องลอยไปสู่จุดสุขสม ปลดปล่อยความฉ่ำเยิ้มออกมาจนเจิ่งนอง
ร่างของนางสั่นกระตุก อยู่สามสี่ครั้งแล้วพริ้มตาลงอย่างอ่อนเพลีย

——–

ตั้งแต่หานไป่เจี้ยนประลองฝีมือกับ หลงจินหู่ จนได้รับชัยชนะเมื่อหลายปีก่อน ได้สร้างความเจ็บแค้น
ให้บังเกิดกับหลงจินหู่เป็นอันมาก จนถึงกับแสวงหาหนทางที่จะเอาชนะหานไป่เจี้ยนด้วยการแฝงตัว
เข้าไปในลัทธิเบญจธาตุ เพื่อลักลอบขโมยกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ประจำลัทธิ พร้อมกับคัมภีร์กระบี่อัสนีบาต
ที่สูญหายไปจากยุทธภพมาเป็นเวลาช้านาน แล้วเร้นกายฝึกฝนเพลงกระบี่อ้สนีบาตอยู่ ณ ที่ห่างไกลผู้คน

ด้วยพื้นฐานพลังยุทธที่กล้าแข็ง ประกอบกับจิตใจที่ผูกพยาบาทของมัน หลงจินหู่สามารถหล่อหลอม
จิตวิญญาณของตนเป็นหนึ่งเดียวกับ กระบี่เก้าศ้ตรา อันมีดวงวิญญาณที่เต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาท
นับร้อยนับพัน ของเชลยศึกแห่งแคว้นฉีที่สิงสถิตย์อยู่ในตัวกระบี่ได้สำเร็จ ประกอบกับ เพลงกระบี่อัสนีบาต
ก็เป็นแนวทางเดียวกันกับ เจ็ดกระบี่ปลิดชีพ อันเป็นวรยุทธ์เดิมของมันซึ่งเปี่ยมไปด้วยความอำมหิต
และมีวิถีกระบี่ที่รวดเร็วยิ่งนัก ทำให้หลงจินหู่สามารถฝึกฝนเพลงกระบี่อัสนีบาตได้สำเร็จในระยะเวลาอันสั้น
ทั้งยังสามารถแผ่อานุภาพของกระบี่ออกมาได้อย่างเต็มที่อีกด้วย

มันพร้อมแล้วที่จะเผชิญหน้ากับหานไป่เจี้ยนรวมทั้ง เว่ยฉิงคัง และเฟยอี้ ที่สร้างความเจ็บแค้นด้วยการยัดเยียด
ความปราชัยให้แก่มัน หลงจินหู่ตัดสินใจเดินทางออกจากหมู่บ้านอันเงียบสงบที่มันเร้นกายอยู่ แล้วมุ่งหน้า
ไปยังวังหุบผาภูตเพื่อสืบหาเบาะแสของหานไป่เจี้ยนและแก้แค้นเฟยอี้ เด็กน้อยที่กล้าบังอาจลบหลู่มัน
และครั้งนี้มันจะทำให้ทั้งยุทธภพสยบอยู่ภายใต้คมกระบี่ของมันให้จงได้

ทางด้านหานไป่เจี้ยนก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นฝ่ายมีชัยต่อหลงจินหู่ แต่ก็เป็นการมีชัยเพียง
ครึ่งกระบวนท่าเท่านั้น หานไป่เจี้ยนทราบอุปนิสัยของหลงจินหู่เป็นอย่างดีว่า มันเป็นบุคคลที่มักผูกพยาบาท
และคาดการณ์ไว้ว่า วันหนึ่งมันจะต้องกลับมาล้างแค้นตนเป็นแน่ จึงได้หลีกเร้นออกจากยุทธภพ
ไปยังเกาะอันโดดเดี่ยวแห่งหนึ่ง เพื่อซุ่มฝึกฝน เพลงกระบี่เทพวายุสามกระบวนท่าสุดท้ายเอาไว้เพื่อรับมือมัน

เวลาล่วงผ่านไปสามปีที่หานไป่เจี้ยน เฝ้าเพียรพยายามฝึกฝนเพลงกระบี่เทพวายุสามกระบวนท่าสุดท้าย
ในที่สุดมันก็ได้พบกับความสำเร็จ แต่ก็เป็นเพียงสองกระบวนท่าเท่านั้น มันมิอาจเข้าถึง
วิถีแห่งกระบี่เทพวายุขั้นสุดท้ายได้ แม้ว่าจะเพียรพยายามเท่าใดก็ตาม จนในที่สุดมันก็ตัดสินใจ
เดินทางกลับเข้าสู่แผ่นดินจงหยวนอีกครั้ง

ครั้นเมื่อก้าวเท้าเข้าสู่แผ่นดินจงหยวน มันก็ได้รับทราบเรื่องราวเกี่ยวกับลัทธิเบญจธาตุที่รุกรานแผ่นดินจงหยวน
แล้วยกกองกำลังไปก่อกวน อ๋องลีลู่ปังที่วังหุบผาภูต เพื่อที่จะสืบหาตัวมัน เพราะเข้าใจว่ามันเป็นผู้ลักลอบ
ขโมยกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิไป ตามคำยุยงของหลงจินหู่ที่ปลอมแปลงตนเป็นเทวทูตหน้าทอง
มันจึงคิดที่จะเดินทางไปเยี่ยมเยียนอ๋องลีลู่ปัง สหายเก่าเพื่อไปแสดงความเสียใจที่ตนเองเป็นต้นเหตุให้ อ๋องลีลู่ปัง
ต้องได้รับความเดือดร้อน

ณ. ประตูทางเข้าด้านทิศตะวันตกของวังหุบผาภูต ปรากฎร่างของบรุษวัยประมาณห้าสิบเศษผู้หนึ่ง
ห่มคลุมด้วยผ้าสีดำตลอดร่าง ใบหน้าของมันเสี้ยมแหลม มีดวงตาเรียวเล็กประดุจเหยี่ยว มือซ้ายของมัน
ถือกระบี่ที่มีด้ามประดับด้วยอ้ญมณีสีดำสนิท ในฝักหนังสลักเป็นรูปมังกรพันกายอยู่โดยรอบ

บุรุษผู้นั้นเดินตรงเข้ามายังประตูวังหุบผาภูต แล้วหยุดยืนนิ่งอยู่หน้าประตู แผ่รังสีประหลาดออกมาจากตัว
จนทหารทั้งสองที่ยืนรักษาประตูอยู่รู้สึกได้ ต่างจ้องมองไปยังมันแล้วมองหน้ากันคล้ายกับจะให้อีกฝ่าย
เป็นผู้ซักถามและขับไล่มันให้ออกจากเขตประตูวังไป

ในที่สุด ทหารรักษาประตูผู้หนึ่งก็ตัดสินใจพูดขึ้นว่า
“ที่นี่เป็นอาณาเขตแห่งวังหุบผาภูต ห้ามมิให้ผู้ใดล่วงล้ำเข้าไป จนกว่าจะได้รับการอนุญาตจากท่านอ๋องลีลู่ปัง
หากเจ้าไม่มีกิจอันใด ก็เร่งหลีกไปเสีย อย่าได้มายืนขวางประตูอยู่เช่นนี้”

บุรุษผู้นั้น จ้องมองไปยังทหารรักษาประตูทั้งสอง ดวงตาของมันเบิกกว้าง ฉายแววแห่งความอำมหิตอย่างแรงกล้า
ออกมา พลันบังเกิดประกายแวววับขึ้นวูบหนึ่ง ทันใดร่างของทหารรักษาประตูทั้งสองก็ขาดออกเป็นสองท่อน
ล่วงหล่นลงสู่พื้น ทั้งที่ตัวมันเองก็มิทันได้รู้ตัวว่าร่างของมันได้ถูกบั่นออกเป็นสองท่อนแล้ว

บุรุษผู้นั้นเดินผ่านร่างของทหารทั้งสอง ไปยังประตูใหญ่โดยมิได้แตะต้องบานประตู แต่ประตููใหญ่นั้น
กลับปรากฎเป็นเสียงลั่นขึ้น แล้วฉีกขาดออกเป็นสองท่อนล่วงหล่นลงสู่พื้นต่อหน้าบรุษผู้นั้น มันหยุดรออยู่ครู่หนึ่ง
ก่อนที่จะก้าวข้ามเศษซากประตูวังเข้าไปยังพื้นที่ส่วนใน

ทหารรักษาการณ์ภายใน ครั้นได้ยินเสียงประตูใหญ่ ถูกบั่นขาดออกเป็นสองท่อนล่วงหล่นลงสู่พื้น
จนบังเกิดเสียงดังโครมใหญ่ ก็พากันหันหน้าไปดู เห็นเป็นบุรุษที่ห่มคลุมด้วยผ้าดำ กำลังเดินผ่านเข้ามาภายใน
อาณาเขตของวัง ต่างก็กรูกันเข้าไปสกัดขวางทางไว้

“หยุดนะ เจ้าคือผู้ใด ใยจึงกล้ารุกล้ำเข้ามาในอาณาเขตของวังหุบผาภูต ”

บรุษผู้นั้น กวาดตามองไปโดยรอบด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย แล้วกล่าวขึ้นว่า
“ไปตามนายของพวกเจ้ามาพบข้า”

ทหารผู้หนึ่ง ยกกระบี่ในมือชี้ไปที่ใบหน้าใบหน้าบรุษผู้นั้น พร้อมกับกล่าวว่า
“เฮอะ…เจ้าเป็นตัวอะไร ใยท่านอ๋องต้องออกมาพบเจ้า จงตามข้าไปรับโทษที่บังอาจบุกรุกวังหุบผาภูติเดี๋ยวนี้”

“ทหาร จับตัวมันไปลงโทษให้เข็ดหลาบ”

สิ้นคำสั่ง ทหารรักษาการณ์นับสิบคนก็เคลื่อนร่างตรงเข้ามายังบุรุษผุู้นั้น แต่ยังมิทันที่ก้าวแรกจะถึงพื้น ก็บังเกิด
ประกายแวววับขึ้นวูบหนึ่ง โดยมิมีใครได้เห็นชัดว่ามันคือสิ่งใด ร่างของทหารรักษาการณ์เหล่านั้นก็ล้มลงอยู่ ณ ที่นั้น
บ้างร่างขาดออกเป็นสองท่อน บ้างศรีษะหลุดกระเด็นออกจากร่าง บ้างแขนขาดกระเด็นออกไป โลหิตสดๆ
พุ่งกระจายเจิ่งนองอยู่ ณ ที่นั้นอย่างอุจาดตา

นายทหารผู้นั้นเห็นเหตุการณ์โดยตลอด แต่ก็มิทันได้เห็นชัดว่าทหารเหล่านั้นถูกฟาดฟันด้วยสิ่งใด
มันตกใจตื่นกลัวแทบสิ้นสติ วิ่งหนีออกมาจาก ณ ที่นั้น ตรงเข้ามาภายในวังส่วนใน
เป็นเวลาเดียวกันกับที่อ๋องลีลู่ปังอยู่ท่ามกลางที่ประชุมกับเหล่าบริวารชั้นผู้ใหญ่ อ๋องลีลู่ปังละสายตา
จากที่ประชุมมองเห็นอาการตื่นกลัวของนายทหารผู้นั้น ก็ถามขึ้นอย่างสงสัยว่า

“มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น เจ้าจึงมีท่าทีตื่นกลัว และร้อนรนเช่นนี้”

นายทหารผู้นั้น ได้ยินเสียง อ๋องลีลู่ปังเอ่ยถามก็ได้สติ หยุดยืนกระทำคารวะต่ออ๋องลีลู่ปัง แล้วกล่าวขึ้นว่า

“คารวะท่านอ๋อง ที่หน้าประตูใหญ่ มีบรุษแปลกหน้าผู้หนึ่งรุกล้ำอาณาเขตของวังเข้ามา ฆ่าฟันทหารของเรา
ล้มตายลงเป็นจำนวนมาก ฝีมือของมันรวดเร็วนัก จนข้าน้อยมิอาจมองเห็นได้ว่ามันใช้สิ่งใดฆ่าฟันทหารของเรา”

อ๋องลีลู่ปัง และเหล่าบริวารชั้นผู้ใหญ่ที่ชุมนุมในที่นั้น ต่างตกใจลุกขึ้นแล้วหันมองไปยังอ๋องลีลู่ปังคล้ายกับ
รอคอยคำสั่งในทันที

อ๋องลีลู่ปัง นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า

“ข้าจะออกไปดูว่ามันคือผู้ใด และมาที่นี่ด้วยประสงค์สิ่งใด”

สิ้นคำ อ๋องลีลู่ปังก็เร่งฝีเท้าเดินออกไปยังประตูวังด้านทิศตะวันตก พร้อมกับเหล่าบริวารในทันที

ครั้นมาถึงประตูทางด้านทิศตะวันตกของวัง อ๋องลีลู่ปังก็พบร่างของบุรุษในอาภรณ์สีดำ
ยืนนิ่งสงบคล้ายกับรอคอยการมาของตนอยู่ ดวงตาอันเรียวเล็กประดุจนัยน์ตาเหยี่ยวของมันจ้องมอง
ตรงมายังร่างของอ๋องลีลู่ปังด้วยท่าทีที่นิ่งสงบ แต่แฝงไปด้วยรังสีคุกคามจนอ๋องลีลู่ปังรู้สึกได้

อ๋องลีลู่ปังสบตากับมันอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ต้องถึงกับปล่อยเสียงรำพึงออกมาอย่างตกใจ

“หลงจินหู่”

อ๋องลีลู่ปังคาดไม่ถึงว่าจะได้พานพบมัน ในสภาวะเช่นนี้ จึงแสร้งพูดไต่ถามออกไปว่า

“หลงจินหู่ ท่านมาถึงวังของข้าด้วยกิจอันใด แล้วเหตุใดจึงต้องสังหารบริวารของข้าด้วย
นี่มิเป็นการเสียมารยาทต่อเจ้าบ้านไปรึ”

หลงจินหู่หลี่ตาเพ่งมอง แล้วพูดขึ้นว่า
“ก็บริวารของท่านมันแส่หาที่ตาย ข้าจึงต้องส่งเสริมมัน
ท่านอ๋อง ท่านเองก็รู้ว่าข้ามาที่นี่ด้วยเหตุอันใด จงบอกที่ซ่อนของหานไป่เจี้ยนต่อข้า มิเช่นนั้นเห็นที
ข้าจำเป็นต้องล่วงเกินท่านแล้ว”

อ๋องลีลู่ปังได้รับฟังคำขู่เช่นนั้น แม้รู้ว่าพลังฝีมือของตนอ่อนด้อยกว่า แต่ก็มิอาจหักใจยินยอมได้
ตอบโต้ออกไปว่า

“หลงจินหู่ ท่านสังหารบริวารของข้า ซ้ำยังใช้ถ้อยคำข่มขู่เช่นนี้ ท่านคิดว่าข้าจะเกรงกลัวท่านรึ”

หลงจินหู่ได้ยินเช่นนั้น ก็แย้มยิ้มขึ้นที่มุมปาก ส่งเสียงหัวเราะอยู่ในลำคอ แล้วพูดว่า

“หึ..หึ..หึ ….ประเสริฐ แล้วศิษย์ของท่านอยู่ที่ใดเล่า เหตุใดจึงมิเรียกมันออกมาด้วย ข้าจะได้ส่งมันไปนรก
พร้อมกับท่านในวันนี้เลย”

สิ้นคำหลงจินหู่ก็สลัดผ้าคลุมสีดำออกจากร่าง ยืนจ้องมองอ๋องลีลู่ปังนิ่งอยู่ แต่ในอาการนิ่งสงบนั้น
อ๋องลีลู่ปังกลับสัมผัสได้ถึงรังสีคุกคามประหลาดที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างของมัน พลันก็ปรากฎประกายวาววับ
เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว พุ่งตรงเข้ามายังร่างของอ๋องลีลู่ปังที่คอยระวังตัวอยู่แล้ว มันจึงดีดร่างให้พ้นไปจาก ณ ตำแหน่ง
ที่ยืนอยู่ได้ทันท่วงทีแล้วมาหยุดยืน ณ ที่ห่างออกไป ท่ามกลางเสียงร้องเรียกของบริวารที่กรูกันเข้ามาด้วยความเป็นห่วง

“ท่านอ๋อง….ท่านอ๋อง………….”

อ๋องลีลู่ปังยกมือขึ้นห้ามมิให้บริวารผู้ใดถลันเข้ามา มันรู้สึกตื่นตระหนกกับเหตุการณ์เมื่อครู่เป็นอย่างยิ่ง
ชั่วชีวิตของมันที่ผ่านมา ได้คบหาและแลกเปลี่ยนวรยุทธ์กับยอดคน มาหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยพบพาน
แนวทางกระบี่อันแปลกประหลาด ที่มีทั้งความรวดเร็ว และเต็มไปด้วยพลังอันรุนแรงเช่นนี้มาก่อน
อีกทั้งยังเป็นวิถีกระบี่ที่ไร้ต้นทาง แต่ปลายทางกลับบรรลุถึงตัวแล้ว

แต่แล้ว อ๋องลีลู่ปังก็รู้สึกเย็นวาบขึ้นที่หน้าอก จึงใช้มือสัมผัสที่อกเสื้อของตนแล้วพลิกขึ้นดู ปรากฏคราบโลหิตสีแดงสด
เปอะเปลื้อนอยู่เต็มฝ่ามือของตน ก็สำนึกได้ทันทีว่าที่แท้กระบี่ของมันเมื่อครู่ มิได้พลาดเป้า แต่กลับบรรลุเป้าหมาย
โดยที่ตนเองก็มิทันรู้ตัว

อ๋องลีลู่ปังหลับตานิ่งลงครู่หนึ่ง เพื่อรวบรวมพลังใจเข้าหักหาญกับหลงจินหู่ มันทราบดีอยู่แล้วว่า ด้วยกำลังฝีมือที่ตนเองมีอยู่
มิใช่คู่มือของหลงจินหู่ในตอนนี้ แต่มันก็พร้อมที่จะแลกด้วยชีวิตหากว่าจะต้องก้มหัวให้กับบุคคลเช่นมัน
มันเสียดายอยู่เพียงว่า ยังมิได้สั่งเสียร่ำลาบุตรีอันเป็นที่รัก รวมทั้งฝากภาระกิจทั้งปวงให้กับเฟยอี้ ศิษย์เอกเพียงผู้เดียวของมัน

อ๋องลีลู่ปังลืมตาขึ้น แล้วเพ่งมองไปยังร่างของหลงจินหู่ที่ยืนอยู่เบื้องหน้า แล้วเร่งเร้าลมปราณในร่างขึ้น มันคิดใช้ฝ่ามือภูคำรามขั้นที่หก
เข้าจู่โจมใส่หลงจินหู่ อย่างแลกชีวิตโดยไม่คิดหลบหลีกหากถูกตอบโต้ออกมาด้วยคมกระบี่ และแล้วร่างของอ๋องลีลู่ปังเคลื่อนจู่โจมเข้าใส่
หลงจินหู่อย่างรวดเร็ว

หลงจินหู่ ถลึงตาจนเบิกโพลง พลันบังเกิดเป็นประกายกระบี่วาววับ พุ่งตรงไปยังร่างของอ่องลีลู่ปังที่กำลังจู่โจมเข้ามาอย่างไม่คำนึงถึง
ชีวิตของตนเอง

ในขณะนั้นเอง มีวัตถุสิ่งหนึ่งส่องแสงประกายเป็นสีขาวนวล หมุนควงลงมาจากอากาศเบื้องบน แล้วพุ่งตรงเข้ามาขัดขวาง
ประกายกระบี่ของหลงจินหู่ จนบังเกิดเป็นเสียงอาวุธกระทบกันครั้งหนึ่ง แล้วสะท้อนล่องลอยกลับคืนสู่ผู้ที่เป็นเจ้าของมัน
บุรุษผู้นั้นมีร่างผอมบาง วัยใกล้เคียงกับหลงจินหู่ ผมของมันเป็นสีขาวโพลนไปทั้งศรีษะปลิวไสวไปตามแรงลม
ยืนนิ่งสงบมองมายังหลงจินหู่ วัตถุสิ่งนั้นคือ กระบี่ศิลาขาว อันเป็นกระบี่คู่มือของ หานไป่เจี้ยนนั่นเอง

แม้ว่ากระบี่ศิลาขาวของหานไป่เจี้ยน จะเข้ามาขัดขวางประกายกระบี่ของหลงจินหู่ได้ทันเวลา แต่ก็ทำได้เพียงลดทอนพลังอันรุนแรง
ของมันลงเท่านั้น ร่างของอ๋องลีลู่ปังทรุดนั่งลงกับพื้น ปรากฏร่องรอยกระบี่พาดขวางกลางลำตัวของอ๋องลีลู่ปังจนหลั่งโลหิตออกมา
โทรมกาย บริวารของอ๋องลีลู่ปังที่รายล้อมอยู่เห็นเช่นนั้น ก็ร้องเรียกออกมาด้วยความตกใจ แล้วพากันวิ่งเข้ามาประคองร่างของอ๋องลีลู่ปัง
ออกไป

หลงจินหู่มิต้องหันไปมองดูผู้ที่เข้ามาขัดขวางตน ก็ล่วงรู้ว่า มันคือ หานไป่เจี้ยน มันถึงกับแย้มยิ้มออกมาด้วยความสมใจแล้วกล่าวออกมาว่า

“ในที่สุด ท่านก็มาแล้ว”

หานไป่เจี้ยน เดินเข้ามาตรวจสอบอาการของ อ๋องลีลู่ปัง ก็พบว่าอาการบาดเจ็บสาหัสนัก จึงหันไปกล่าวต่อหลงจินหู่ว่า
” หลงจินหู่ พวกเราค่อยมาประลองฝีมือกันในวันหลังได้หรือไม่ ท่านอ๋องมีอาการสาหัสนัก ขอให้ข้าได้ดูแลอาการบาดเจ็บของท่านก่อน”

หลงจินหู่ แผดเสียงตอบกลับไปด้วยอาการที่เกรี้ยวกราดว่า

“ไม่ได้ ท่านเป็นผู้ที่ซุ่มซ่อนตัวได้ดีเลิศยิ่งนัก หลายปีที่ผ่านมาหามีผู้ใดสามารถเข้าถึงตัวท่านไม่ หากว่าข้าปล่อยให้ท่าน
กลับไปได้อีก เกรงว่าชีวิตนี้ข้าคงจะมิได้พบเห็นท่านแล้ว”

หานไป่เจี้ยนได้ยินเช่นนั้น ก็ถอนหายใจยาวออกมา โดยแท้จริงแล้วมันก็ล่วงรู้ว่าจะอย่างไรในวันนี้ก็ต้องปะทะฝีมือกับ
หลงจินหู่อย่างแน่แท้

และแล้วทั้งสองสุดยอดฝีมือกระบี่ ก็ยืนประจัญหน้ากันนิ่งอยู่ หานไป่เจี้ยนยืนปิดเปลือกตานิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ครั้นพอเปิดเปลือกตาขึ้นมาอีกครั้ง
สีหน้าและแววตาของหานไป่เจี้ยน ก็แปรเปลี่ยนเป็นเข้มขรึม ดุดัน เท้าทั้งสองข้างยืนตั้งมั่นอยู่ที่พื้นในลักษณะคุมเชิงนิ่งอย่างรัดกุม
มือขวาของมันจับด้ามกระบี่ศิลาขาวชี้ลงยังพื้นดิน ก้มหน้านิ่งอยู่ คล้ายรอคอยโอกาสอย่างสงบ

หลงจินหู่ก็มีอาการที่ไม่ต่างกัน ยามที่สุดยอดมือกระบี่ปะทะฝีมือกัน แม้ปรากฏช่องโหว่เพียงน้อยนิดก็จะถือเป็น
จุดอ่อนให้อีกฝ่าย ตรงเข้าจู่โจมจนเป็นสาเหตุให้พ่ายแพ้ได้ ทั้งสองยืนนิ่งปานประหนึ่งรูปสลักศิลา มีเพียงเส้นผมของคนทั้งสอง
ที่พรายพริ้วไปแรงลมที่มาต้องกระทบ

ฉับพลันนั้นเอง บุคลลทั้งสองก็ทะยานร่างขึ้นสู่เบื้องบน ปรากฏเสียงฟาดฟันกระบี่ดังระรัวถี่จนดูคล้ายกับเป็นเสียงดังยาวอย่างต่อเนื่อง
ผู้คนที่เบื้องล่างแหงนมองดูการต่อสู้ของบุคคลทั้งสองอย่างตื่นเต้น แต่มิมีผู้ใดมองเห็นการฟาดฟันกระบี่ของคนทั้งสอง เห็นแต่เพียงประกายวาววับ
สลับไปมาอย่างต่อเนื่อง

หานไป่เจี้ยนรู้สึกสะท้านไปทั้งข้อมือ ยามกระบี่ศิลาขาวปะทะกับ กระบี่เก้าศัสตราที่หลงจินหู่ฟาดฟันลงมา มันทำได้เพียงแต่ตั้งรับและถดถอย
ออกมา เนื่องด้วยเพลงกระบี่ของหลงจินหู่ ทั้งรวดเร็วและรุนแรง จนไร้ช่องโหว่ อีกทั้งมันเป็นกระบี่เก้าศัตราที่หล่อหลอมมาจากโลหะพิเศษเก้าชนิด
หากแม้นว่ามิใช่กระบี่ศิลาขาว ซึ่งหล่อหลอมมาจากโลหะพิเศษเช่่นเดียวกันก็คงจะหักสะบั้นไปแล้ว

หานไป่เจี้ยนถูกหลงจินหู่รุกไล่ จนจวนตัว ก็คิดใช้ เพลงกระบี่เทพวายุ สองในสามกระบวนท่าสุดท้ายที่พึ่งฝึกฝนสำเร็จเข้ารับมือ
พลันกระบวนท่าของหานไป่เจี้ยนกลับแปรเปลี่ยนเป็นพิศดารขึ้น กระบี่ศิลาขาวจากหนึ่งกลับดูคล้ายกลับกลายเป็นสิบกระบี่ เข้าฟาดฟัน
รายล้อมหลงจินหู่ไว้

หลงจินหู่กำลังฮึกเหิมรุกไล่ หานไป่เจี้ยนอย่างหักโหมก็ถึงกับตื่นตะลึง มันไม่คาดคิดว่าช่วงเวลาที่ผ่านมา หานไป่เจี้ยนเองก็กลับมีพลังฝีมือ
ที่ก้าวหน้าขึ้นมาเช่นกัน กระบี่ศิลาขาวของหานไป่เจี้ยนแผ่ประกายครอบคลุม จนหลงจินหู่ต้องกวัดแกว่งกระบี่ปัดป้องไปโดยรอบอย่างร้อนรน
จนในที่สุดมันก็ผละหนีออกมาจากวงล้อม รัศมีเรืองของกระบี่ศิลาขาว มาหยุดยืนอยู่ ณ ที่ห่างออกไปแล้วพูดขึ้นว่า

“หานไป่เจี้ยน หลายปีมานี้ กระบี่เทพวายุของท่านก็นับว่ารุดหน้าไปเป็นอย่างมาก”

หานไป่เจี้ยนร่อนร่างลงมา แล้วกล่าวตอบไปว่า
“แต่ก็ยังห่างชั้นกับเพลงกระบี่ใหม่ของท่าน ขอบคุณที่ท่านยังออมมือไว้”

หลงจินหู่ส่งเสียงหัวเราะ แล้วพูดว่า
“ฮ่า..ฮ่า..ฮ้่า…ฮ่า…. ใช่แล้ว แต่ครั้งนี้ข้าจะให้ท่านได้ชมเพลงกระบี่อัศนีบาตอย่างเต็มตาสักครั้ง”

สิ้นคำ หลงจินหู่ก็เปลี่ยนแววตาเป็นถมึงทึง ร่ายรำกระบี่เก้าศัสตราอยู่ไปมา พลันปรากฏแสงเรืองรองเปล่งประกายออกมาจากตัวกระบี่
แล้วมันก็แผดเสียงดังออกมา พร้อมกับฟาดฟันกระบี่ออกไปเบื้องหน้าสามสี่ครั้ง

“รับมือ”

บังเกิดเป็นสายพลังตามแรงฟาดฟันกระบี่ของมันสามสี่สาย สายพลังเหล่านั้นพุ่งแหวกอากาศมาพร้อมเสียงประหลาดที่ร่ำร้องออกมาอย่างน่าพรั่นพรึง
พุ่งตรงมายังหานไป่เจี้ยนสามสี่สายติดๆกัน

หานไป่เจี้ยนยกกระบี่ศิลาขาวขึ้นตั้งรับ แต่ก็มิอาจทานพลังอำนาจของเพลงกระบี่อัสนีบาต ซึ่งประสานเข้ากับพลังผูกพยาบาทของภูตผี
ที่สิงสถิตย์ในกระบี่เก้าศัสตราได้ ทันทีที่กระบี่ศิลาขาวสัมผัสกับสายพลังเหล่านั้น ร่างของหานไป่เจี้ยนก็กระเด็นลอยละล่อง
ออกไปทันที

หลงจินหู่เห็นเช่นนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง มันฟาดฟันกระบี่ตามติดออกมาอีกหลายกระบี่ หานไป่เจี้ยนในยามนี้ทำได้แต่
ทะยานร่างหลบหลีกเพื่อเอาชีวิตรอด ร่างของมันล้มลุกคุกคลานไปกับพื้นดินหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ต้องเร่งรีบพยุงร่างลุกขึ้นมา
เพื่อหลบหลีก สายพลังที่หลงจินหู่ฟาดฟันตามติดออกมาโดยหมายจะเอาชีวิต

หานไป่เจี้ยนเห็นจวนตัวยิ่งนัก คิดจะหลบหลีกออกไปให้พ้นภัยก่อน ก็คิดเป็นห่วงอ๋องลีลู่ปังที่ยังบาดเจ็บอยู่ หากมันหลบหนีออกไปได้
หลงจินหู่คงต้องเอาชีวิตของอ๋องลีลู่ปังเป็นแน่ มันทะยานร่างหลบหลีกไปพลางครุ่นคิดไปพลาง แล้วก็ตัดสินใจกระโจนเข้าไปรวบร่างของ
อ๋องลีลู่ปังแบกใส่บ่า โดยคิดจะทะยานร่างหลบหนีออกไป

หลงจินหู่เห็นเช่นนั้น ก็ทะยานร่างตรงเข้าไปหาหานไป่เจี้ยนในทันที ร่างของมันคล้ายดั่งล่องหนจากที่หนึ่งไปปรากฏอยู่อีกที่หนึ่ง
ในเพียงชัวพริบตา เข้าสกัดขวางหน้าหานไป่เจี้ยนไว้ หานไป่เจี้ยนก็จี้กระบี่ใส่แล้วหมุนควงเป็นวงกลมพร้อมกับผลักดันไปเบื้องหน้า
หลงจินหู่ยกกระบี่ขึ้นปัดป้องเป็นวงกลมเช่นกัน พร้อมกับถดถอยเพื่อลดทอนพลังกระบี่ที่จู่โจมเข้ามาให้เบาบางลง
ปรากฏเป็นเสียงของยอดกระบี่ทั้งสองเสียดสีกันดังแหลมออกมาอย่างน่าหวาดเสียว

หลงจินหู่ถดถอยออกมาได้ระยะหนึ่ง ก็ตั้งหลักได้ มันหยุดเท้าลงแล้วปัดป่ายกระบี่ตอบโต้ออกมาอย่างรวดเร็วและรุนแรง
พร้อมกับสะอึกไปเบื้องหน้า จู่โจมรุกกลับ ความรวดเร็วและรุนแรงของการฟาดฟันของมันในครั้งนี้ทำให้ หานไป่เจี้ยน
ถึงกับเอ็นข้อมือขาด กระบี่ศิลาขาวหลุดลอยออกไป แล้วหลงจินหู่ก็ทิ่มแทงกระบี่ไปยังร่างของหานไป่เจี้ยนในทันที
หานไป่เจี้ยนไร้กระบี่ปัดป้อง ทำได้เพียงเบี่ยงร่างหลบ แต่ไม่พ้นถูกคมกระบี่ของหลงจินหู่ลากผ่านไปยังทรวงอก
จนบังเกิดเป็นบาดแผลลากเป็นทางยาวหลั่งโลหิตออกมา หานไป่เจี้ยนยกเท้าเตะซ้ำไปอีกครั้ง
ถูกเข้าที่ร่างของหานไป่เจี้ยนซึ่งแบกร่างของ อ๋องลีลู่ปังไว้ที่เบื้องหลัง จนร่างของคนทั้งสองกลิ้งไกลออกไปราวสิบวา

หานไป่เจี้ยนรู้สึกเจ็บแปลบที่ทรวงอกจนต้องใช้มือประคองแล้วพยายามจะดันร่างของตนเองให้ลุกขึ้น แต่ก็มิอาจจะกระทำได้สำเร็จ
หลงจินหู่เดินอย่างเชื่องช้าเข้ามา ใช้กระบี่จ่อที่ลำคอของหานไป่เจี้ยน แล้วกล่าวอย่างเหี้ยมเกรียมขึ้นว่า

“ในที่สุด ข้าก็เป็นฝ่ายมีชัยเหนือท่าน ชีวิตของท่านขอให้ข้าเถอะ”

หานไป่เจี้ยนปิดเปลือกตา ยืดคอรอความตายอย่างนิ่งสงบ แต่แล้วก็กลับได้ยินหลงจินหู่กล่าวออกมาว่า

“เอาเถอะ เห็นแก่ในครั้งก่อนที่ท่านมีชัยต่อข้า ท่านได้ปล่อยให้ข้ามีชีวิตกลับไป ครั้งนี้ ข้าก็จะไม่เอาชีวิตท่าน
เป็นการตอบแทน แต่ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ข้าจะกลับมาที่นี่อีก ถึงเวลานั้นหากท่านยังมีศักดิ์ศรีอยู่ก็จงมาตามนัด
พวกเราจะประลองฝีมือกันอีกครั้ง ”

แล้วหลงจินหู่ก็หันไปกล่าวกับอ๋องลีลู่ปังว่า

“ท่านอ๋อง ท่านจงบอกต่อเจ้าเด็กน้อย ศิษย์ผู้โอหังของท่านด้วยว่า อีกหนึ่งเดือนข้าจะกลับมาที่นี่อีก และหากถึงวันนั้น
ข้ามิเห็นมัน ข้าจะล้างผลาญชีวิตคนของวังหุบผาภูติให้หมดสิ้น ไม่เว้นแม้แต่ตัวท่าน”

หลังจากหลงจินหู่ เดินจากไปแล้ว บริวารของวังหุบผาภูต ก็พากันเข้ามาพยุงร่างของอ๋องลีลู่ปัง และหานไป่เจี้ยน
เข้าไปรักษาอาการภายในวัง หานไป่เจี้ยนเฝ้ามองดูอาการของอ๋องลีลู่ปังด้วยความเป็นห่วง เนื่องด้วยเห็นอาการบาดเจ็บนั้น
สาหัสนัก มันจึงตรงเข้าไปตรวจสอบชีพจรก็พบว่า อ๋องลีลู่ปังมิเพียงแต่มีบาดแผลที่ภายนอก แต่ภายในกลับบอบช้ำสาหัสนัก

“ท่านอ๋อง เป็นเช่นไรบ้าง”

อ๋องลีลู่ปัง ลืมตาขึ้นด้วยความอ่อนล้า แล้วกล่าวว่า

“จอมยุทธหาน ข้าดีใจยิ่งนักที่ได้พบท่านอีกครั้ง และขอขอบคุณที่ท่านสอดมือเข้าช่วยเหลือ จนท่านเอง
ต้องได้รับบาดเจ็บไปด้วย”

หานไป่เจี้ยนส่ายศรีษะไปมา แล้วกล่าวว่า

“ท่านอ๋อง ท่านกล่าวอะไรเช่นนั้น ข้าต่างหากที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้ท่านต้องมีสภาพเช่นนี้”

อ๋องลีลู่ปังแย้มยิ้ม อย่างอ่อนล้า แล้วกล่าวว่า

“ข้าคงมีเวลาอีกไม่นานนัก เสียดายที่ยังมิได้สั่งเสียต่อบุตรี และศิษย์อันเป็นที่รัก”

บริวารที่รายล้อมอ๋องลีลู่ปังอยู่ด้วยความเป็นห่วงได้ยินเช่นนั้น ก็ร่ำไห้ร่ำร้องออกมาโดยทั่วหน้า

“ท่านอ๋อง…..ท่านอ๋อง….ท่านต้องไม่เป็นอะไร…..ข้า..ข้าจะออกติดตาม หาตัวองค์หญิงฯ และ
ท่านเฟยอี้มาหาท่านให้จงได้ ขอท่านจงอดทนรอข้าด้วย”

บริวารสนิทคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยหยาดน้ำตาที่นองหน้า แล้วเร่งรีบควบม้าออกไปจากวังหุบผาภูตในทันที

———

อาการของเฟยอี้ในตอนนี้คลายความรุ่มร้อนในร่างลงไปเป็นอย่างมาก เนื่องจากได้รับพลังหยินจากเรือนร่าง
ของเหม่ยเยี่ย เหม่ยผิง และ เหม่ยลี่ สติของมันก็เริ่มฟื้นคืนกลับมาเหมือนดังเดิม เฟยอี้จ้องมองไปรอบกายของมัน
ก็พบเห็นเหล่าสตรีอันเป็นที่รักใคร่ของมันรวมอยู่ในที่นี้ทั้งสิ้น ทำให้มันบังเกิดความยินดียิ่งนัก แต่ครั้นเห็นลักษณะ
อาการของพวกนาง มันก็หยั่งทราบในทันทีว่าพวกนางได้รับยาเหมยฟ้ารัญจวนเข้าไปในร่าง และมีเพียงหนทาง
เดียวที่จะช่วยเหลือพวกนางได้ นั่นก็คือการเสพสมกับพวกนาง

ขณะที่มันกำลังครุ่นคิดอยู่ และยังมิทันที่จะตัดสินใจทำสิ่งใดต่อไป ธิดาเทพก็เข้ามาโอบกอดร่างของมันไว้ แล้วกล่าวว่า

“เจ้าทึ่ม……..ข้าคิดถึงเจ้ายิ่งนัก”

แล้วนางก็ตรงเข้าสวมกอดพร้อมกับจุมพิตมันอย่างดูดดื่ม เฟยอี้เองก็ระลึกถึงนางอยู่เช่นกันและไม่คาดหวังว่า
จะได้พบกับนางในสภาพเยี่ยงนี้ ครั้นถูกนางจุมพิตอย่างดูดดื่มเช่นนั้นก็พลันบังเกิดทั้งความวาบหวามรัญจวนด้วยความรัก
มันจึงโอบกอดร่างของนางตอบอย่างแนบแน่น

ธิดาเทพถอนริมฝีปากออกจากการจุมพิต แล้วกล่าวออกมาด้วยเสียงที่สั่นพร่า

“เจ้าทึ่ม…ข้ารู้สึกรุ่มร้อนยิ่งนัก..เจ้า…เจ้ารักข้าหรือไม่……”

แล้วนางก็เริ่มเปลื้องเสื้อผ้าของนางออก แต่ยังมิทันจะเสร็จสิ้น พลันบังเกิดเสียงหนึ่งดังขึ้นที่เบื้องหลัง

“ธิดาเทพ เจ้าเป็นผู้ที่มาภายหลัง สมควรรอคอยให้กับผู้ที่มาก่อน”

ที่แท้เป็นเสียงของภูตแพรขาว ที่ก้าวเข้ามาแล้วผลักร่างของธิดาเทพให้หลบออกไป แล้วตามติดมาด้วย ภูตแพรแดง
ภูตแพรเหลือง และภูตแพรเขียว ทั้งสี่นางต่างยิ้มอย่างยั่วยวนให้กับเฟยอี้ แล้วรุมล้อมกอดรัดร่างของมันอย่างชุลมุน

ภูตแพรขาวเปลื้องท่อนบนของนางออกจนเปลือยเปล่า แล้วเคลื่อนร่างเข้าประชิดติดพันกับเรือนร่างของเฟยอี้
จนปทุมถันขาวผุดผ่องทั้งสองบดบี้อยู่กับทรวงอกของมัน นางเอื้อมแขนทั้งสองโน้มลำคอของเฟยอี้เข้ามา จนใบหน้าของมัน
จ่อมจมอยู่ระหว่างปทุมถันอันเต่งตึงทั้งสอง เฟยอี้รู้ความหมายดีว่านางต้องการให้มันช่วยคลี่คลายความกำหนัดให้แก่นาง 

เรื่องเสียว อ่านเรื่องเสียว เล่าเรื่องเสียว ประสบการณ์เสียว เรื่องเล่าเสียว เล่าเสียว อ่านเสียว เรื่องเสียวแม่ลูก doujin sak รวมเรื่องเสียว

มันจึงสูดดมกลิ่นกายอันเย้ายวนของนางสลับอยู่ไปมาที่ปทุมถันทั้งสอง แล้วใช้ลิ้นออกมาโลมเลียขบกัดอย่างแผ่วเบาไปทั่วบริเวณ

ฝ่ามือข้างหนึ่งของเฟยอี้ล้วงลึกเข้าไปในกางเกงของภูตแพรขาว แล้วเกาะกุมเข้าที่เนินเนื้อกลางลำตัวของนางจนเต็มฝ่ามือ
นิ้วกลางของมันจมลึกหายเข้าไปในร่องสวาทด้วยความรวดเร็วยิ่ง จนมันพานพบกับความฉ่ำเยิ้มที่บังเกิดรอไว้อยู่แล้ว

ภูตแพรขาวถูกปลายลิ้นของเฟยอี้ลากผ่านอยู่ไปมาระหว่างถันทั้งสอง อีกทั้งช่วงล่างก็ถูกนิ้วของมันบดบี้ติ่งเสียว
ของนางอย่างระรัวถี่ ทำให้นางรู้สึกเคลิบเคลิ้มกับความกำหนัดที่ได้รับการตอบสนองยิ่งนัก จนต้องส่งเสียงครวญครางออกมา
อย่างสั่นพร่า

เฟยอี้เห็นอาการของนางเป็นเช่นนั้นก็ทราบว่า นางกำลังเป็นสุขที่ได้รับการความผ่อนคลายจากกำหนัดที่รุมเร้าอยู่
จึงคิดที่จะช่วยเหลือนางให้ถึงจุดสุขสมโดยไว มันเปลี่ยนมือมาตระกองกอดร่างของนางไว้ในอ้อมแขน แล้วผลักดันร่างของนาง
ให้ถอยหลังไปติดกับโต๊ะบูชาฟ้าดิน แล้วโน้มกายลงทาบทับร่างของนางให้นอนลงบนโต๊ะ จากนั้นมันก็ทรุดกายลง
แล้วรูดกางเกงของนางลงมารอที่ปลายเท้า จนเผยให้เห็นเนินสวาทขาวผุดผ่องนูนเด่นออกมา เฟยอี้จ้องมองดูเนินสวาทอันสวยงามนั้น
อย่างใกล้ชิดแล้วจึงลากลิ้นโลมเลียอย่างเชื่องช้าไปตามกลีบสวาททั้งสอง

ลิ้นของมันชอนไขไปจนถ้วนทั่วเนินสวาทงามโดยมิมีเนื้อที่ส่วนใดรอดพ้นจากสัมผัสของมัน สร้างความซ่านเสียว
ให้กับภูตแพรขาวอย่างที่สุด

“อูยยยยยยยยยย……….ซี๊ดดดดดด…………….ฮ้าาาาาาาาาาาาาา…….เฟยอี้ …….ข้าเสียวเหลือเกิน..โอวววว…….เฟยอี้….”

ภูตแพรขาวถึงกับร้องพร่ำเพ้อเรียกชื่อของมันไม่หยุดปาก เฟยอี้ยิ่งเห็นนางมีความสุขก็คิดที่จะเพิ่มพูนความเสียวซ่านให้กับนางเพิ่มขึ้น
สองมือของมันแบะกลีบสวาทของนางออก จนเผยให้เห็นโพรงสวาทสีชมพูระเรื่อและฉ่ำเยิ้มแล้วฉกปลายลิ้นของมันหมุนวนโลมเลียไปจน
ถ้วนทั่ว สลับกับใช้ปลายลิ้นระรัวที่ติ่งสวาทอันชี้ชันของนาง

ภูตแพรขาวถูกกระทำเข้าเช่นนี้ ก็ถึงกับร้องครวญครางกระชั้นถี่คล้ายกับจะขาดใจ พลางโยกย้ายสะโพกหนีลิ้นของเฟยอี้
เพื่อลดทอนความเสียวที่แผ่ซ่านเข้ามาจนนางสุดจะทานทน

“ฮ๊ายยยยยยย………….อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยย……..อูยยยยยยย……..ฮ๊ายยยยยยยยยยย….อ๊ายยยยยยยยย…อ๊ายยยยย……..”

เฟยอี้ต้องการให้นางไปจุดสุขสมด้วยปากของมัน จึงเร่งมือด้วยการดูดกินติ่งสวาทที่ชี้ชันของนางอย่างรุนแรงทันที
จนภูตแพรขาวถึงกับดิ้นพล่าน แอ่นสะโพกโยกย้ายไปมาพร้อมกับส่งเสียงร่ำร้องจนดังก้องไปทั้งถ้ำ

“อ๊ายยยยยย…..อ๊ายยยยยย…..อ๊ายยยยยย…..อ๊ายยยยยย…..อ๊ายยยยยย………โอ๊ะ….โอ้วววววววววววววว……..”

ร่างของนางสั่นกระตุกหลายครั้ง ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวอยู่ครู่หนึ่งแล้วแปรเปลี่ยนมาเป็นผ่อนคลาย ดวงตาของนางเลื่อนลอย
หายใจหอบถี่ แล้วปิดตาลงด้วยใบหน้าที่อิ่มเอมไปด้วยความสุข

เฟยอี้ไม่ล่วงรู้เลยว่าในระหว่างที่มันดูดกินติ่งเสียวของนาง พลังหยินจากเรือนร่างของนางได้แพร่ผ่านเข้ามาในกายของมัน
ตลอดเวลา จนเมื่อนางถึงจุดสุขสมด้วยปากของมัน พลังหยินของนางก็ยิ่งเพิ่มพูนแพร่ผ่านเข้ามามากยิ่งขึ้น จนระดับสมดุลย์
แห่งหยินและหยางในกายมันเป็นไปในทางที่ดีขึ้น ก่อเกิดพลังวัตรเพิ่มพูนขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง

เฟยอี้เห็นอาการที่นางสุขสมเช่นนั้น ก็ก่อให้เกิดอารมณ์กำหนัดเพิ่มพูนขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง มันจึงลุกขึ้นยืนจับเรียวขาทั้งสอง
ของภูตแพรขาวให้กางออก แล้วทิ่มแทงแก่นกายของมันไปยังเนินสวาทที่กำลังเปิดอ้าออกอย่างกว้างขวาง
จนภูตแพรขาวพึ่งที่ถึงจุดสุขสมไปเมื่อครู่ ถึงกับอ้าปากร้องออกมาคำหนึ่ง

“โอ้วววว…………”

เฟยอี้ยืนโยกร่างกระแทกกระทั้นไปยังร่างของภูตแพรขาวที่นอนอยู่บนโต๊ะจนร่างของนางสั่นไหวไปตามจังหวะของมัน

ขณะนั้นเอง ภูตแพรอีกสามนางซึ่งคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง เมื่อเห็นว่าภูตแพรขาวผู้พี่มีความผ่อนคลายลงไปแล้ว
ก็น่าถึงคราวของพวกตนบ้าง ภูตแพรแดงพลันทอดร่างลงบนโต๊ะเคียงข้างร่างของภูตแพรขาว เพ่งมองมายังเฟยอี้
ด้วยแววตาที่หยาดเยิ้ม แล้วกล่าวออกมาว่า

“เฟยอี้ ใยเจ้ามีความรักให้เพียงพี่แพรขาว ไม่แบ่งปันความรักนั้นต่อข้าบ้าง”

นางพูดไปพลาง เปลื้องเสื้อผ้าออกจากร่างไปพลางจนเหลือเพียงร่างที่เปลือยเปล่า แล้วทำอาการอ้าขากว้างออกดุจดัง
อาการของภูตแพรขาว

เฟยอี้จ้องมองดูภูตแพรแดงด้วยความรัก ใคร่ที่จะช่วยผ่อนคลายความกำหนัดให้แก่นาง จึงถอนแก่นกายของมัน
ออกจากร่างของภูตแพรขาว แล้วแทรกร่างเข้ามาในวงเรียวขาของภูตแพรแดง

มันแย้มยิ้มให้แก่นางด้วยความรักแล้วกล่าวว่า

“แพรแดง เจ้าช่างงดงามน่ารักนัก”

ภูตแพรขาวเห็นอาการของภูตแพรแดงเป็นเช่นนั้นก็หยั่งทราบ ยันกายลุกออกหลบทางให้แก่นาง
เฟยอี้จับแก่นกายอันแข็งเกร็งของมัน ถูไถไปมาที่เนินสวาทของภูตแพรแดง บางคราก็ทำทีคล้ายดังจะดันหายเข้าไปในร่องสวาทของนาง
แต่ก็กลับชะงักค้างคาไว้แล้วหมุนวนไปมาอยู่ที่ติ่งเสียวของนาง บางคราก็นำออกมาทาบทับลงไปบนเนินเนื้ออันโคกนูนนั้นแทน

ภูตแพรแดงถูกเฟยอี้กลั่นแกล้งเข้าเช่นนั้น ก็ยิ่งรู้สึกโหยหารัญจวนใจมากยิ่งขึ้น นางอ้าปากหายใจหอบถี่จ้องมองมายังมัน
ด้วยดวงตาที่อ้อนวอน เฟยอี้เห็นว่าเนินสวาทของของนางฉ่ำเยิ้มเพียงพอแล้ว ก็สอดแก่นกายของมันผลุบเข้าไปในร่องสวาท
ของนาง แล้วค่อยๆผลักดันแก่นกายของมันจนหายเข้าไปจนมิดลำ

“อู้วววววววว…………ซี๊ดดดดดดดดด……………………” 

เรื่องเสียว อ่านเรื่องเสียว เล่าเรื่องเสียว ประสบการณ์เสียว เรื่องเล่าเสียว เล่าเสียว อ่านเสียว เรื่องเสียวแม่ลูก doujin sak รวมเรื่องเสียว

ภูตแพรแดงถึงกับร้องออกมาด้วยความสาสมใจ นางหลับตาพริ้มลงรับรู้รสสัมผัสอันคับแน่นที่ถูกผลักดันเข้ามาจนลึกถึงช่องท้อง
เฟยอี้ถอยตัวออกมาอย่างเชื่องช้า แล้วก็กลับผลักดันเข้าไปใหม่อีกครั้งด้วยความหนักแน่นแล้วแช่นิ่งบดคลึง จนก่อเกิดความเสียวสะท้าน
แน่นเกร็งไปทั้งช่องท้องของนาง แล้วเวียนวนเช่นนี้อยู่หลายครั้ง

พลันจังหวะของเฟยอี้ก็กลับแปรเปลี่ยนเป็นเร็วถี่ขึ้นและรุนแรงขึ้น มันโน้มกายยันมือไว้บนโต๊ะ ขยับแก่นกายกระแทกกระทั้นไปที่่ร่างของนาง
อย่างหนักหน่วงระรัวถี่ จนนางต้องยึดจับแขนทั้งสองของมันไว้แล้วบีบแน่น พลางปลดปล่อยเสียงแห่งความซ่านเสียวออกมา

“อ้าาาา……ซี๊ดดดดดด…….อ้าาาา……ซี๊ดดดดดด……อ้าาาา……ซี๊ดดดดดด……อ้าาาา……ซี๊ดดดดดด……”

ภูตแพรเหลือง และภูตแพรเขียว จ้องมองสภาพของภูตแพรแดงอย่างใกล้ชิด แล้วบังเกิดความรัญจวนวาบหวามขึ้นในอารมณ์
จนมิอาจทนนิ่งเฉยมองดูอย่างเดียวได้ นางทั้งสองทอดกายลงนอนเคียงข้างกับภูตแพรแดงทั้งสองฝั่ง แล้วเปลื้องผ้าทำกิริยา
ดุจเดียวกับภูตแพรแดงโดยหมายจะให้เฟยอี้ช่วยปลดเปลื้องความกำหนัดที่รุมเร้าพวกนางอยู่ให้ผ่อนคลายลงไป

เฟยอี้มองดูอาการของนางทั้งสองด้วยความรัก แล้วใช้มือทั้งสองของมันเกาะกุมที่เนินสวาทของนางทั้งสอง พลางสอดนิ้วมือล้วงลึก
ไปในโพรงสวาทแล้วระรัวนิ้วขึ้นพร้อมกันทั้งสองข้าง

อาการของเฟยอี้ในยามนี้จึงมีทั้งขยับท่อนล่างของมันใส่เรือนร่างของภูแพรแดงอย่างหักโหม ทั้งยังใช้สองมือเกี่ยวกระหวัดที่เนินสวาท
ของภูตแพรเหลือง และภูตแพรเขียวโดยพร้อมกัน

และแล้วภูตแพรแดงก็บังเกิดความซ่านเสียวเพิ่มพูนขึ้นใกล้ถึงขีดสุด นางยันกายลุกขึ้นแล้วโอบกอดร่างของเฟยอี้ไว้อย่างแนบแน่น
ท่อนล่างของนางขยับเข้าหาแก่นกายของเฟยอี้จนแนบชิด เฟยอี้หยั่งทราบอาการของนางดีมันจึงแอ่นท่อนล่างของมันบี้บดตอบโต้นางไป
อย่างหนักแน่นรุนแรงเพิ่มขึ้น จนภูตแพรแดงได้พานพบกับความซ่านเสียวอย่างสูงสุด นิ้วมือทั้งสิบของนางจิกลงบนหลังเฟยอี้
พร้อมกับส่งคร่ำครวญอย่างสุขสมออกมา

“อู้ววววววววววววว………………ฮ้าาาาาาาาาาาาาาาาาา………..” 

เรื่องเสียว อ่านเรื่องเสียว เล่าเรื่องเสียว ประสบการณ์เสียว เรื่องเล่าเสียว เล่าเสียว อ่านเสียว เรื่องเสียวแม่ลูก doujin sak รวมเรื่องเสียว

 ———-

เป็นเวลารุ่งเช้าที่บ้านของบ้อเมี่ยวเล่านั้ง ทิกุ้ยชิ่ว หลวงจีนหลี่เต๋อ บ้อเมี่ยวเล่านั้ง และหมอวิปลาส กำลังสนทนากันด้วยใบหน้าที่เบิกบาน
ตอนหนึ่ง ทิกุ้ยชิ่วได้กล่าวขึ้นต่อหมอวิปลาสขึ้นว่า

“ข้าไม่คาดคิดจริงๆ ว่าจะมีวิธีการเช่นนี้ในการช่วยชีวิตคน นับว่าเป็นวิธีพิสดารที่สุดที่ข้าเคยพานพบมา
สมแล้ว….สมแล้ว….ที่ท่านไดรับสมญานามว่า หมอวิปลาส”

บ้อเมี่ยวเล่านั้ง ได้ยินเช่นนั้นก็ใช้มือลูบเคราของตนเอง ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างชอบใจแล้วพูดว่า

“ฮ่า….ฮ่า….ฮ่า….ฮ่า…..วิธีลามกสัปดนเช่นนี้ มีเพียงเจ้าเฒ่าลามกผู้นี้เท่านั้นที่สามารถคิดออกมาได้”

หมอวิปลาสจ้องมองคนทั้งสอง แล้วกล่าวขึ้นว่า

“นี่…ท่านทิกุ้ยชิ่ว เจ้าเฒ่าบ้อเมี่ยว พวกท่านกำลังชมเชยข้า หรือว่าถากถางข้ากันแน่ หากไม่ใช่เพราะข้าป่านนี้
เฟยอี้มิต้องตายไปแล้วรึ ด้วยวิธีของข้า เฟยอี้จะได้รับประโยชน์ถึงสามประการ”

หลวงจีนหลี่เต๋อซึ่งนั่งฟังการสนทนาโดยเงียบงันมาโดยตลอด ได้ยินหมอวิปลาสกล่าวเช่นนั้นก็ถามขึ้นว่า

“ประโยชน์สามประการที่ท่านว่า มีสิ่งใดบ้างรึ”

หมอวิปลาสแย้มยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ แล้วพูดขึ้นว่า

“ประการแรก เฟยอี้จะรอดพ้นจากความตาย ด้วยพลังหยินจากเรือนร่างของนางทั้งสิบสามจะไปสร้างสมดุลย์
กับพลังหยางในร่างของมัน หากโชคดีพลังทั้งสองนั้นถึงจุดถ่วงดุลย์กันพอดี เฟยอี้ก็จะหายขาดจากอาการหยางกำเริบ
เสียที

ประการที่สอง เฟยอี้จะมีกำลังภายในที่รุดหน้าไปหลายสิบปี เนื่องด้วยสามารถสำเร็จลมปราณฟ้าดิน-หยินหยาง
จากหยาง และ หยินที่สมดุลย์

ประการที่สาม มันสามารถตบแต่งภรรยาได้พร้อมกันถึงสิบสามคน นี่นับว่าศิษย์ของข้าผู้นี้เป็นเป็นยอดแห่งบุรุษแล้ว”

ระหว่างนั้น ลิ่มบ้อฮวย และ เยี่ยกุ้ยอิง ก็เดินเข้ามาร่วมวงสนทนาพอดี ลิ่มบ้อฮวยได้ยินคำพูดสุดท้ายของหมอวิปลาสเข้าพอดี
จึงกล่าวออกมาว่า

“ท่านหมอเมี่ยว ท่านเองก็อย่าได้คิดเดินตามรอยศิษย์ของท่าน มิเช่นนั้น อย่าหาว่า ข้าและกุ้ยอิงโหดร้ายกับท่านนะ”

สิ้นคำของลิ่มบ้อฮวย บ้อเมี่ยวเล่านั้ง ทิกุ้ยชิ่ว และ หลวงจีนหลี่เต๋อ ก็ส่งเสียงหัวเราะดังออกมาอย่างชอบใจ

วงสนทนานั้นได้พูดคุยหยอกล้อกันต่อไปอย่างมีความสุข ด้วยทุกคนมีความมั่นใจว่าเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับเฟยอี้
จะผ่านพ้นไปด้วยดีในไม่ช้า

ในระหว่างนั้น นกพิราบขาวตัวใหญ่ได้บินมาเกาะอยู่ที่ชานหน้าบ้านของบ้อเมี่ยวเล่านั้ง
ที่เท้าของมันข้างหนึ่งมีข้อความเหน็บติดอยู่

บ้อเมี่ยวเล่านั้งเห็นดังนั้น ก็รีบเดินตรงไปที่นกพิราบแล้วปลดข้อความที่เท้าของมันออก แล้วปล่อยมันบินจากไป
จากนั้นก็เปิดข้อความออกอ่านในทันที

ใบหน้าของบ้อเมี่ยวเล่านั้งสลดลงวูบหนึ่ง แล้วกลับเปลี่ยนแปรเป็นโกรธแค้น จนทิกุ้ยชิ่วเห็นเช่นนั้นก็ร้องถามขึ้น

“ท่านบ้อเมี่ยว มีเรื่องราวอันใดเกิดขึ้นรึ”

บ้อเมี่ยวเล่านั้ง ถอนหายใจยาวออกมาครั้งหนึ่ง แล้วกล่าวว่า

“นกพิราบสื่อสาร จากคนที่ข้าจ้างวานให้ไปสืบข่าวของเว่ยฉิงคัง ส่งข้อความกลับมาว่า
เว่ยฉิงคังนำพาเหล่าชาวยุทธจงหยวนไปโจมตีวังเบญจธาตุจนได้รับชัยชนะ จากนั้นมันก็ออกคำสั่งให้ไล่ฆ่าฟัน
บริวารภายในวังเบญจธาตุจนตายหมดสิ้น”

ทิกุ้ยชิ่วได้ยินเช่นนั้น ก็กล่าวว่า

“อันที่จริงก็นับว่าเป็นข่าวดี แม้ว่าจะดูโหดร้ายไปบ้างที่สั่งฆ่าคนไม่เลือกหน้าเช่นนั้น”

บ้อเมี่ยวเล่านั้งส่ายศรีษะ แล้วกล่าวตอบต่อทิกุ้ยชิ่วขึ้นว่า

“หากมันเป็นเพียงเท่านั้น ข้าก็จะไม่เครียดแค้นมันเพียงนี้ แต่นี่เจ้าชั่วนั่นคิดที่จะรวมรวมชาวยุทธทุกสำนัก
ให้เหลือเพียงสำนักเดียว แล้วแต่งตั้งตนเองเป็นประมุข หากสำนักใด หรือผู้ใดไม่ยินยอมมันก็ไล่ฆ่าฟันชาวยุทธ
เหล่านั้นให้ตายจนหมดสิ้น นี่มิเรียกว่า ชั่วร้ายกว่าตอนที่ลัทธิเบญจธาตุรุกรานเราอยู่หรอกรึ”

หมอวิปลาสได้ยินเรื่องราวจากบ้อเมี่ยวเล่านั้งกลับรู้สึกมีความทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง มันคิดเป็นห่วง หยางเพ่ยจือ ที่อยู่
ณ วังเบญจธาตุเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้จะมีชะตากรรมอันใดเกิดขึ้นกับนาง มันได้แต่
ยืนนิ่งใคร่ครวญด้วยสีหน้าอันเคร่งเครียด

พลันหมอวิปลาสก็กล่าวขึ้นว่า

“ข้าจะออกไปหาตัวยาบำรุงมาเตรียมให้กับเฟยอี้ หากว่ามันออกมาก่อนที่ข้าจะกลับ ฝากพวกท่านช่วยดูแลมันด้วย”

แล้วมันก็ก้าวเท้าเดินออกไป โดยมิฟังคำโต้ตอบใดๆจากวงสนทนา

——-

หยางเพ่ยจือ หลบหนีออกจากวังเบญจธาตุด้วยทางลับที่ไม่มีใครล่วงรู้ จนบรรลุถึงดินแดนแห่งทะเลทราย
เหลียวมองไปทางใดนางก็พบแต่ความเวิ้งว้าง และความร้อนระอุ เวลาล่วงผ่านจากกลางวันเปลี่ยนแปรเป็นกลางคืน
อันหนาวเหน็บ นางก็ได้แต่พักแรมหลบอยู่กับกลุ่มหินเตี้ยๆ ที่พอจะใช้บดบังกระแสลมแรงในช่วงกลางคืน
จนพอผ่านพ้นเข้าวันใหม่ไปได้

ครั้นรุ่งเช้านางก็อับจนหนทาง มิรู้จะเดินทางต่อไปยังทิศใดได้แต่เพียงมองไปยังเบื้องหน้า เดินทางตามทิศ
แห่งแสงตะวันไป จนล่วงเข้าสู่เวลาบ่าย แสงแห่งดวงตะวันก็ทวีความร้อนแรงขึ้น แผ่นพื้นทะเลทรายระอุเป็นไอ
หยางเพ่ยจือประสบทั้งความหิวกระหายและอ่อนเพลีย มองเห็นภาพกลุมคนอันเลือนลางกำลังเดินเข้ามาหานาง
ก่อนที่สติของนางจะดับวูบลง

Share the Post:

Related Posts

เป็นผัวพี่ได้เหล้าฟรีทุกวัน เอาไหม ?

เรื่องเสียว เป็นผัวพี่ได้เหล้าฟรีทุกวัน เอาไหม ? บ้านของฉันเป็นร้านขายของชำ อยู่ข้างกำแพงวัดแห่งหนึ่ง ซึ่งขาประจำ นอกจากจะเป็นชาวบ้านชาวช่องแล้ว ก็ยังมีเด็กวัด ที่ชอบมาซื้อเหล้า ซื้อบุหรี่ที่ร้านของฉัน ซึ่งพอเราสนิทกันมากขึ้น ก็ชอบที่จะมาซื้อกันตอนดึก ๆ ดื่น ๆ ซึ่งสำหรับฉันแล้ว ไอ้เมฆ ก็เป็นแค่เด็กวัดที่ทะเล้นทะลึ่งคนหนึ่งเท่านั้นแหละ หน้าตาก็ใช้ได้

Read More

เย็ดกันกับผู้ชาย ที่กลายมาเป็นพี่เขย

เรื่องเสียว เย็ดกันกับผู้ชาย ที่กลายมาเป็นพี่เขย มันเป็นเรื่องเสียวที่ทำให้ฉันรู้เลยว่าโลกกลมมาก ๆ ที่ฉันเคยนัดเย็ดกับผู้ชายคนหนึ่ง ก่อนเราจะกลายมาเป็นคู่เย็ดของกันและกัน เพราะว่าเขาเย็ดมันส์มาก ๆ เขาเป็นคนที่ทำให้ฉันมีประสบการณ์เสียวที่ไม่เหมือนใครที่เย็ดมาเลยสักคนเดียว และเพราะแบบนั้น ฉันเองก็เลยติดใจในเขาด้วยเช่นกัน แต่วันนี้เขากลับมาเป็นขี่เขยของฉัน เราก็เลยแทบจะไม่มีช่วงเวลาที่ได้สร้างเรื่องเสียว ๆ ด้วยกันเลย แต่ว่านึกย้อนไปแล้วครั้งแรกที่เราได้เจอกันนั้นมันสุดยอดจริงๆ ค่ะเลยเอามาเล่าเรื่องเสียวให้ได้ฟังกัน ย้อนกลับไปเมื่อราว ๆ

Read More