กามลิขิต ชีวิตหฤหรรษ ตอนที่ 21
โดย saradio
เมื่อ คาบุกิโจเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ปลอดภัยการท่องเที่ยวในย่านนี้ยิ่งคึกคักกว่าเดิมมีทั้งคนในและนอกประเทศให้ความสนใจเมื่อคนนิยมมากันมาก วงจรธุรกิจของแก็งค์คิมิยะไม่ว่าธุรกิจสีเทาหรือว่าสีขาวที่มีสาขาที่ชินจูกุ ต่างได้รับผลประโยชน์ทางอ้อม ทำให้มีรายได้มากขึ้นตามไปด้วย
ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรม 5 ดาวธุรกิจการทำทัวร์ท่องเที่ยว ธุรกิจร้านอาหาร ผับ บาร์ บ่อน ซ่องร่วมไปถึงร้านปาจิงโกะ ก็มีผลกำไรมากกว่าแต่ก่อน
ผมเลยถูกตามตัวไปพบ ท่านประธานทาเอดะตอนนั้น ทาเอดะ มีอาการป่วยเรื้อรัง ต้องอยู่โรงพยาบาลตลอดแทบอาศัยโรงพยาบาลเป็นบ้านเลยไปเลยที่เดียว ผมเลยต้องไปพบทาเอดะที่โรงพยาบาลซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ตระกูลคิมิยะ ถือหุ้นใหญ่อยู่ ดังนั้นบนชั้นที่ 15 จึงถูกจัดไว้เขตพิเศษสำหรับให้ทาเอดะรักษาตัวโดยเฉพาะ และมีการ์ดรักษาความปลอดภัยเพียบทั้งชั้น
ผมไปพบท่านประธานที่ห้องนั่งเล่นพักผ่อน เมื่อผมเข้าไปก็ ก็เห็นท่านประธานนั่งเอนหลังบนโซฟาอ่านหนังสือพิมพ์อยู่นอกจากสายอ๊อกซิเจนทางจมูกที่ใส่อยู่ประจำแล้ว ที่แขนตอนนี้ยังถูกเจาะให้น้ำเกลืออีกผมโค้งคำนับตามมารยาททำเนียบปฏิบัติ กล่าวทักทายสวัสดี
ท่านประธานจึงเงยหน้าจากหนังสือพิมพ์ขึ้นมามองผมแล้วยิ้มทักทาย หน้าของท่านประธานดูซูบซีดอิดโรย กว่าตอนที่ผมเจอตอนแรกๆมากทั้งที่เพิ่งผ่านมาไม่กี่เดือน
“มาแล้วรึ…มานั่งนี่สิ”
ท่านประธานเรียกผมเข้าไปนั่งตรงโซฟาใกล้ๆ ผมยังไม่ได้เข้าไปทันทีแต่มองรอบห้องหาเรกะ แต่ก็ไม่เจอ ท่านก็บอกอย่างอ่านใจออกว่า
“เรกะไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก ช่วงนี้เธอต้องทำงานแทนฉัน อาจจะยุ่งจนไม่ค่อยมีเวลาว่างแกคงไม่ว่าเธออะไรนะ.”
“คะ.ครับ”
ผมรับคำ คิดในใจว่าใครจะไปกล้าว่าได้ แค่มองหาเฉยๆเท่านั้นแหละแล้วรีบเข้าไปนั่งตรงโซฟาข้างๆ ท่านประธานเมื่อเห็นผมนั่งเรียบร้อย ก็พูดว่า
“ฉันได้รับข่าว เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง คาบุกิโจ ของแกแล้ว และถือว่าดีมากที่แกทำให้ไอ้พวกกระเลวกระราดพวกนั้น มาทำงานให้เป็นระบบเลิกพฤติกรรมที่ทำให้แหล่งท่องเที่ยวเสียหาย และสร้างผลกำไรให้เรามากขึ้นกว่าเดิม..แกรู้มั๊ยความจริงฉันก็อยากจะทำแบบนี้ตั้งนานแล้ว เพราะฉันคิดว่า ยากูซ่า สมัยใหม่มันต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย ถึงจะอยู่รอดต่อไปได้ การหากินแบบผิดกฎหมายเดิมๆสุดท้ายมันก็ไม่พ้นเงื้อมือกฎหมาย แล้วที่สร้างมามันก็จะไม่เหลืออะไรฉันใช้เวลาทั้งชีวิตเปลี่ยนแก็งค์คิมิยะมันมาครึ่งหนึ่งแล้วเหลืออีกครึ่งยังต้องหาคนมาสานต่อ คงต้องเป็นแกแล้วละมั่ง ถือว่าเรกะ ดูคนได้ไม่ผิด”
ผมฟังคำพูดของทาเอดะ เหมือนจะยอมรับผมกลายๆ แอบรู้สึกดีใจอยู่ลึกๆ รับคำแบบไม่รู้จะพูดอะไรว่าครับ ทาเอดะเลยยิ้ม พูดว่า
“เอาละ..ฉันให้แกคบกับเรกะก็ได้…แต่ฉันยังมีงานให้แกทำอีกเรื่องหนึ่ง”
ผมดีใจจนเนื้อเต้น รีบพูดว่า
“เรื่องอะไรครับ”
ทาเอดะ ไม่ได้บอกทันที เอื้อมมือไปหยิบกล่องใบหนึ่ง แล้วเปิดออกข้างในมีรูปถ่ายเก่าใบหนึ่ง และเครื่องประดับผู้หญิงสองสามชิ้นทาเอดะหยิบรูปถ่ายออกมาให้ผมดู เป็นผู้หญิงที่สวยทีเดียวในภาพถ่ายเธอใส่ชุดกิโมโนถ่ายคู่กับทาเอดะเหมือนเป็นคนรักกัน
แล้วทาเอดะ ก็บอกว่า
“ตามหาผู้หญิงคนนี้ แล้วพามาหาฉัน ฉันมีอะไรอยากจะถามเธอก่อนที่ฉันจะตาย..เธออยู่ที่ประเทศไทย”
ผมมีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย ที่ได้ยินว่า ประเทศไทย แสดงว่าผู้หญิงคนนี้เธอไปอยู่ที่ประเทศไทยยังงั้นหรือ ผมเลยถามรายละเอียดท่านประธาน ถึงได้รู้ว่าผู้หญิงในรูปเป็นคนไทย ชื่อ จิตตรา จันทร์แจ่ม เคยมาทำงานที่ญี่ปุ่นและเคยเป็นคนรักกับท่านประธาน ส่วนเรื่องท่านประธานอยากพบเธอด้วยเรื่องอะไรไม่ได้บอกและกำชับว่า ให้ผมทำงานนี้อย่างลับๆ แม้แต่เรกะก็ไม่ให้รู้
ผมรับปากว่าจะพยายามหาเธอให้เจอ และก่อนลาท่านประธาน ผมขอท่านประธานเรื่องพวกมิซากิ ที่ถูกโกนหัวห้ามไว้ผม จากการที่พวกมันทำผิดช่วยโคอิจิคิดการใหญ่ ผมบอกท่านประธานว่าพวกมันมีส่วนช่วยในการปรับปรุง ให้คาบุกิโจ ดีขึ้น และตอนนี้ได้สำนึกกันหมดแล้วท่านประธานจึงยกโทษให้ ให้พวกมันไว้ผมได้
จากนั้นผมก็เตรียมตัวไปประเทศไทยโดยฝากงานดูแลสาขาให้มิซากิดูแลแทนชั่วคราว ขณะที่ผมกำลังจะไปสนามบินเรกะโทรมาหาผม ถามเรื่องไปเมืองไทย ผมบอกตามที่ท่านประธานบอก ว่าท่านประธานให้ผมเรียนรู้ดูงานการลงทุนในประเทศไทย ของบริษัทเงินทุน คิมิยะเนื่องจากผมเป็นคนไทยอยู่แล้ว น่าจะเรียนรู้และเข้าใจได้เร็ว
เรกะ ก็ไม่ได้สงสัย และบอกว่าจะไปส่งผมที่สนามบินพอถึงเวลาจะเดินทาง รถรีมูซีนสีขาวของเธอพร้อมรถเก๋งติดตามหลังมาอีก 1 คัน ก็มาจอดรอผมที่หน้าสาขา คนของเธอจากรถติดตามลงมายกสัมภาระผมไปเก็บท้ายรถ แล้วการ์ดของเธอที่รถรีมูซีนก็เปิดประตูให้ผมขึ้นห้องโดยสารไปเจอเธอข้างใน
เธอนั่งอย่างกับผู้นำหญิงที่งามสง่า ในที่นั่งเบาะหลังที่เป็นเหมือนโซฟาโค้งรูปตัวยู และใบหน้าเธอก็ดูหยิ่งและเย็นชาเหมือนเดิมเพียงแต่เมื่อเธอเจอผม ความหยิ่งความเย็นชาของเธอก็มะลายหายไปเกิดเป็นร้อยยิ้มที่ผมคุ้นเคยตอนที่เราติดเกาะด้วยกัน
“คุณจะไปนานเท่าไหร่”
เธอถามทันที่ ที่ผมเข้าไปนั่งคู่เธอ
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ก็ไม่น่าจะนานหรอก แล้วแต่ท่านประธานนั่นแหละ”
“ยังเรียกท่านประธานอีกเหรอ”
เธอพูดแล้วยิ้มเป็นในๆ ผมรู้เธอหมายถึงอะไร แต่แกล้งซื่อบอกว่า
“อ่าว ..ไม่ให้ผมเรียกท่านประธาน แล้วให้เรียกอะไรหละ”
เรกะรู้ว่าผมแกล้งยั่วเธอกึ่งยิ้มกึ่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แล้วก็เอามือจิกหัวผมจนหน้าหงาย แกล้งพูดเสียงดุว่า
“ฉันรู้ว่าพ่อฉันบอกคุณไปแล้ว ยังทำเป็นไม่เข้าใจที่ฉันพูดอีกเหรอที่นี่ไม่ใช่บนเกาะร้างที่ฉันสู้คุณไม่ได้นะ อยากไปนอนคุยกับปลาใต้ก้นทะเลหรือไง”
“โอ้ยยย มันเจ็บนะเรกะ ปล่อยเหอะ”
“บอกก่อน ว่าเข้าใจที่ฉันพูดหรือป่าว”
“เข้าใจแล้ว. เข้าใจแล้วจ้า แม่คุณ แม่ทูนหัวผมจะร่วงหมดอยู่แล้ว อยากได้ผัวหัวล้านหรือไง”
เรกะต้องหลุดหัวเราะและหน้าแดงเมื่อฟังผมร้องบอก แล้วเธอก็ปล่อยมือจากหัวผม ผมเลยเอาคือรีบโถมกอดดันเธอล้มลงนอนบนโซฟาเบาะรถ ทำเหมือนจะปลุกปล้ำ เธอดิ้นสู้เหมือนเล่นกันแล้วผมก็จี้เอวเธอ จนเธอจั๊กจี้ดิ้นพล่าน
“นี่แหนะ นี่ แหนะ เก่งนักเวลาเจอพวกเนี่ย ที่ตอนติดเกาะตัวคนเดียวเดินตามฉันต้อยๆเลยนะ นี่แหนะๆ ”
เรกะหัวเราะจนน้ำตาไหล บอกพอแล้วๆ ยอมแล้วๆ ผมเลยหยุดมือ บอกเธอแกมหยอกเล่นว่า
“จำไว้ ที่หลังอย่ามาซ่ากับโอกิ”
เธอยังหัวเราะค้างอยู่หน่อยๆ และมีอาการหอบเหนื่อยจากการหัวเราะมากดีที่ห้องโดยสารตอนหลังถูกแยกส่วนมิดชิดจากตอนหน้าคนขับทำให้พวกการ์ดไม่รู้ว่าเราเล่นอะไรกัน ถ้าเธอไม่ได้เปิดอินเตอร์โฟนเปิดเสียงให้พวกมันได้ยิน
จากการที่เราเล่นและได้สัมผัสตัวกันพร้อมกับรอยยิ้มหัวเราะของเรกะ ที่ยังค้างอยู่บนหน้า ทำให้ผมหลงใหลและหักห้ามใจไม่ได้ผมจึงดึงร่างที่เหนื่อยอ่อนจากการหัวเราะนั้นมากอดแล้วบรรจงจูบเธอที่ริมฝีปากอย่างแผ่วเบา ก่อนจะแลกลิ้น และบดริมฝีปากหนักหน่วงขึ้นจากแรงเสน่หาที่ต้องการกันและกัน
มือของผมเริ่มเลื่อนลูบไล้ไปตามเรือนร่างของเธออย่างกับใช้มันให้ส่งผ่านความรู้สึกให้เธอรับรู้ว่าผมต้องการเธอเพียงใดจนมือผมซุกเข้าไปในกระโปรงสั้นเหนือเข่าของเธอไปเคล้าคลึงอยู่ต้องเนินท้องน้อยเหนือเขตสงวนเล็กน้อย
แต่ก่อนที่จะลุกลามไปมากกว่านั้นเรกะก็ดันอกผมออก ถอนปากออกมาพูดเบาๆว่า
“มันใกล้จะถึงแล้วนะ ไม่น่าจะเกิด 10 นาที เธอคิดว่าจะทันเหรอ”
“ทันไม่ทันไม่รู้แล้วแหละ วินาทีนี้ ขอก่อน”
ผมบอกอย่างหน้ามืด หื่นและด้าน ดึงกางเกงในเธอออกมาเลย เพื่อทำเวลาเรกะไม่ได้ขัดขืน แต่หัวเราะขำผม แล้วผมก็ขยับตัว ปลดถลกกางเกงตัวเองลงอย่างรีบร้อนจนเห็นควยเก้านิ้วโด่เด่แกว่งไปมาจากการขยับตัวเร็วๆของผมแล้วผมก็ขึ้นไปค่อมเธอที่นอนอยู่บนโซฟา จับขาเธอถ่างออกเอาควยถูร่องหีเรียกน้ำเงี่ยนสองสามที จากนั้นก็ค่อยๆกดหัวควยเข้าไป
ตอนนั้นมันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อบอวนชวนฝันเพราะผมเคยรู้สึกว่าเธออยู่สูงไกลเกินเอื้อม ที่ไม่ว่าจะเอื้อมมืออย่างไรก็ไม่ถึงแต่ในที่สุดก็ไขว่คว้ามาได้ แถมด้วยอารมณ์ที่โหยหากันมานานคิดว่าเอาช้างมาฉุดผมก็คงไม่อยู่
เมื่อผมยัดควยเข้าไปได้ ก็ดันเข้าไปจนมิดเรกะคิ้วขมวดคลายลมหายใจผวาตัวกอดผมอย่างกับเธอไม่ได้โดนควยมานานแล้วตั้งแต่ออกจากเกาะมันทั้งลึกทั้งแน่นจนเธอเสียวเกร็งผมเลยกอดจูบเธอให้เธอผ่อนคลายแล้วก็เริ่มโยกช้าๆ แล้วก็เริ่มเร็วขึ้นเมื่อมันเข้าที่เข้าทาง
ตับ.. ตับ.. ตับ.. ตับ ตับตับตับ ตับๆๆๆๆๆ
.”โอ้ววว ซีดดดส์ เรกะ ไม่นึกไม่ฝันเลยฉันจะได้มารักกับเธออีก ซีดดดส์หีเธอยังเย็ดมันเสียวควยเหมือนเดิมเลย ซีดดส์”
ผมกระซิบบอกเธอ พร้อมกระเด้าควยใส่อย่างสมใจอยาก เรกะหลับตาครางรับอิ๊.. อิ๊ .. อิ๊ ตามแรงกระแทก สองมือก็กอดคอผมไว้แน่น ราวกับไม่อยากให้ผมจากไปไหน
“อาห์ คุณรักฉันมั๊ย อ๊ออออยยย อาห์ คุณรักฉันหรือป่าว”
เธอครางเสียกระเส่าถาม อารมณ์ครุกรุ่นไปด้วยความสุขสมหวัง
“อาห์ ซีดดดส์ รักสิ ผมรักคุณ ผมรักคุณจริงๆ เรกะซีดดส์”
ผมบอกด้วยความรู้สึกที่แท้จริง พร้อมกระแทกกระทั้นเธออย่างเต็มอารมณ์รัก จนหีเธอมีน้ำเงี่ยนไหลเยิ้มออกมาหล่อลื่นควยผมบานฉ่ำผมยิ่งสามารถเย็ดเธอได้สมใจอยากยิ่งขึ้น
ตับๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
“อิ๊. อิ๊ อิ๊ๆๆ อ๊ายยยยฉันไม่ไหวแล้ว ฉันจะเสร็จแล้วที่รัก คุณเสร็จพร้อมฉันเถอะ อ้ออออยยยไม่ไหวแล้วจริงๆ”
ผมก็เร่งจะให้เสร็จพร้อมเธอ แต่เธอเสร็จก่อนแล้วผมก็แตกตามจนน้ำเต็มหีเธอ เวลาแห่งความสุขมันช่างผ่านไปเร็วจริงๆจังหวะที่ผมเสร็จ รถก็มาจอดที่หน้าสนามบินเรียบร้อยเธอไม่อยู่ในสภาพที่จะลงไปส่งผมได้เพราะน้ำควยผมยังเต็มหีเธออยู่เลยแถมไปเปื้อนกระโปรงเธอด้วยจนเป็นคราบเธอเลยได้แต่บอกลาผมบนรถ แล้วผมก็ลงรถมาคนเดียว
จากนั้นก็เอาสัมภาระไปเช็คอินรอเวลาบินกลับสู่ดินแดนมาตูมิ
—————————————————————————————————————–