กุนซือเจ้าสำราญ ตะลุยสามก๊ก ตอนที่ 34

กุนซือเจ้าสำราญ ตะลุยสามก๊ก ตอนที่ 34

กุนซือเจ้าสำราญ ตะลุยสามก๊ก ตอนที่ 34
โดย saradio

ฮูหยินรองเมื่อแปรพักตร์มาข้างผมเต็มตัว ค่ำคืนนั้นนางจึงอ่อนหวานออเซาะเอาใจเป็นพิเศษ แม้ปากยังเจ็บมีแผลภายใน ก็มิย่นย่อ ยังเอาอกเอาใจดูดเลียควยผมอย่างมินำพาความปวดแสบในปาก แต่ถึงกระนั้น มันก็มีสะดุดหยุดไม่ต่อเนื่องเพราะความเจ็บแสบ บางครั้งถึงกับแสดงออกผ่านทางสีหน้าออกมาให้เห็น ผมเห็นแล้วแทนที่จะมีอารมณ์ กับรู้สึกเวทนาสงสาร เลยดึงนางขึ้นมากอด มิให้ทำต่อ กระซิบบอกนางว่า
“เจ้าอย่าได้ทำต่อเลย หากเจ็บก็อย่าได้ฝืนทน จะทรมานเสียเปล่าๆ”
ฮูหยินรองกลับเข้าใจว่าผมรักเป็นห่วงนาง พลันรู้สึกซาบซึ้งใจจนยิ้มกริ่ม แต่รอยยิ้มพลันหดหาย กลายเป็นขุ่นเคือง เมื่อผมพูดต่อไปว่า
“ข้าเห็นเสี่ยวจูยืนเฝ้าอยู่หน้าห้อง ไฉนนางจึงไม่เข้ามา หากนางอยู่ด้วยก็อาจช่วยบรรเทาแรงเจ้า”
ฮูหยินรองพลันสะบัดตัวลุกขึ้นจากอ้อมกอด สีหน้าขุ่นเคือง พูดแง่งอนตัดพ้อว่า
“ทีแรกนึกว่าท่านเป็นหวง หลงดีใจ ที่ไหนได้ ที่แท้ท่านก็หาข้ออ้างให้เสี่ยวจูเข้ามานี่เอง”
อากัปกิริยาของ ฮูหยินรองทำเอาผมนึกเอะใจ เลยพลันได้คิดได้ว่า หรือที่เสี่ยวจูไม่ได้เข้ามา เพราะฮูหยินรองไม่อนุญาต อาจเกิดจากการหึงหวง จึงลุกขึ้นนั่งแล้วขยับเข้าไปงอนง้อ โอบกอดประกบนางจากด้านหลัง แล้วลองถามหยังเชิงดูว่า
“เจ้าหึงหวงรึ เสี่ยวจูเป็นคนของเจ้าแท้ๆ เจ้าหามาปรนเปรอข้า แต่เจ้ากลับนึกหึงหวงนาง นี่ไม่แปลกไปหรือ”
ฮูหยินรองเหมือนถูกจี้ใจดำ ก็เง้างอนกว่าเดิม เลยพูดว่า
“ผู้ใดจะทนไม่หึงหวงได้ เพราะท่านมิได้ยึดถือธรรมเนียม มักชอบเล่นหูเล่นตากับนาง นางเป็นเพียงนางทาสบำเรอ ก็ควรยึดถือนางเป็นเพียงที่ระบายความใคร่ หาใช่กระทำเยี่ยงนางเป็นหญิงสาวในห้องหอ ถึงกับคิดจุมพิตพลอดรักกัน ข้าพเจ้าไหนเลยทนทานได้”
ฮูหยินรองเมื่อบอกกล่าว ผมถึงได้รู้ว่าคืนนั้นนางยังไม่ได้หลับสนิท ยังดูผมกับเสี่ยวจูอยู่ ดีที่เสี่ยวจูยังยับยั้งชั่งใจ ไม่ให้ผมจูบปากนาง มิเช่นนางคงโดนเล่นงานหนักมิใช่น้อย ผมเลยยิ้มออดอ้อนว่า
“ถ้าเช่นนั้นก็ช่างเถอะ มิต้องให้นางเข้ามาก็ได้ หากเจ้าไม่สบายใจ ขอเพียงมีเจ้าคนเดียวก็พอแล้ว”
ผมบอกพร้อมก้มลงจูบ ซุกไซ้ซอกคอนาง มือหนึ่งกุมเค้นปทุมถัน อีกมือหนึ่งเลื่อนลงต่ำเข้าหว่างขา ลูบไล้ที่นาผืนน้อย เมื่อเอามือถูบดวนไปกับผืนนา ก็พบร่องตาน้ำ ที่เริ่มกำลังมีน้ำไหลซึม จากนั้นก็เริ่มบรรเลงเพลงรัก สองมือล้วงควักจับบีบ ปากก็จูบไซ้ไปถ้วนทั่ว จนนางตัวอ่อนระทวย เมื่อนวดจนได้ที่ ก็ถึงทีเล่นที่เด็ด จับนางถ่างขาเลียเม็ด นำพานางให้เสร็จสู่สวรรค์
“อ้อยยยย ซีดดดศ์ ลิ้นของท่าน ช่างวิเศษแท้ ซีดดดดศ์”
ฮูหยินรองครางร้อง ก้มหน้างุดจนติดไหล่ เสียวเกร็งจนตัวสั่น เมื่อถูกลิ้นตวัดโดนจุดกระสันและจู่โจมเล่นมันอย่างเร่งร้อน น้ำเงี่ยนในหีนางถึงกับหยาดเยิ้มหลั่งไหลจนเยิ่มเข้ามาในปากผม ยิ่งเพิ่มรสชาติหีของนางให้น่าลิ้มรสขึ้นไปอีก
แจ๊บๆ แจ๊บๆ แจ๊บๆ “ออาห์ ซีดดส์ เจ้าอยากน้ำหีแตกหรือไม่” แจ๊บๆๆๆ
“อ้อยยยย ซีดดดส์ อยาก ข้าอยาก ซีดดดส์”
ฮูหยินรองร้องบอกพร้อมกับร่อนหีสู้ ดูแล้วอยากน้ำหีแตกจริงๆ ผมจึงเร่งลิ้น เล้าระรัวขึ้นไปอีก จนนางเสียวทรมานจนอยากถอยหนี แต่อีกใจหนึ่งก็ฮึดสู้ เพราะอยากสำเร็จถึงสวรรค์
ฉับพลัน ฮูหยินรองกรีดร้องดัง อ๊ายยยยยยยยย ประตูสวรรค์พลันจะเปิด จึงแอ่นตัวเด้งหี ปล่อยน้ำพุ่งกระฉูดออกมา ผมมองอย่างขบเขี้ยวครุ่นคิด เมื่อค่ำคืนนี้นางไม่ให้มีเสี่ยวจู ก็ควรจัดให้นางเสียสองรูเต็มๆ เลยจับนางเย็ดเสียเจ็ดแปดท่า ทั้งรูหน้าและรูหลัง จนน้ำควยแตกถึง 4 ครั้งคาเต็มหีเต็มตูด พร้อมน้ำหีนางที่แตกกระฉูดไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง นางถึงกับวิญญาณล่องลอยออกจากร่าง หมดแรงหลับไป

ในวันรุ่งขึ้น
ผมก็บอกฮูหยินรอง ว่าจะไปหาเตียวสิ้ว เพื่อปรึกษาหารือเรื่องแผนการพาเราหลบหนี ตามที่ตกลงไว้ ฮูหยินรองก็ไม่ได้คิดสงสัยอันใด แต่ตอนนี้การจะออกจากบ้านตะกูลงิวไปไหนมาไหนเป็นเรื่องอยากเสียแล้ว เพราะเมื่อร่วมมือแนะนำแผนการให้ม้าเท้ง ม้าเท้งนั้นก็ย่อมส่งคนจับตาดูผมทุกฝีก้าว ถึงแม้จะเชื่อว่าผมแปรพักตร์มาเข้ากับมันแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่ไว้วางใจสนิทนัก เพราะหากเกิดผมเปลี่ยนใจ แจ้งข่าวไปบอกเตียนอัน มันก็มีแต่ฉิบหายเท่านั้น
ม้าเท้งมันจึงวางคนซุ่มซ่อนแฝงตัวไว้ อยู่ตามถนนหนทางรอบบ้านตระกูลงิว หากเมื่อไรผมออกจากบ้านก็จะสะกดรอยติดตามทันที เพื่อสืบข่าวว่าผมไปไหน และหาใคร พวกมันจะได้วิเคราะห์อ่านความเคลื่อนไหวได้
ผมรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว เพราะตอนพวกลิฉุยเข้าเมืองหลวงได้มีอำนาจกันใหม่ๆ ผมก็แนะนำให้มันใช้วิธีนี้จับตาดู พวกบรรดาขุนนางที่ดูเป็นปรปักษ์ จะได้รู้ข่าวคราวว่าพวกมันคิดการใดอยู่หรือไม่
ดังนั้นวิธีหลบหลีสายตาพวกมัน ผมจึงคิดไว้แล้ว โดยการให้รถม้าไปจอดหน้าบ้าน ในรถม้ามีหีบใหญ่อยู่หนึ่งใบ แล้วผมก็ทำเป็นขึ้นรถม้าให้พวกมันเห็น จากนั้นก็เข้าไปซ่อนในหีบ แล้วบ่าวทาสก็ขึ้นรถม้าตามมาแล้วยกหีบลงไป
สายของม้าเท้งถึงไม่รู้ว่าเป็นหีบอะไร แต่คิดว่าผมยังอยู่บนรถม้า เมื่อรถม้าวิ่งไป พวกมันก็จะสะกดรอยรถม้าคันนั้นไป ส่วนผมก็ต้องปลอมตัวนิดหน่อย ให้ดูเป็นคนแก่ท่าทางชาวบ้าน แล้วเดินออกจากบ้านไปอย่างธรรมดา โดยที่ไม่มีใครสนใจ เพราะพวกมันคงตามรถม้ากันไปหมดแล้ว แล้วสักพักรถม้าคันนั้นก็จะพาพวกมันวิ่งวนกลับมาที่เดิมเองเมื่อผมออกไปแล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้ผมก็เลยเดินไปหาเตียวสิ้วได้อย่างสบายใจเฉิบ ทั้งยังมีเวลาเดินแซวสาวชมตลาดอีกด้วย แต่ก็ไกลโขอยู่ไม่น้อย หากนั่งรถม้าหรือขี่ม้าสักตัว ก็จะสบายกว่านี้
ในที่สุดผมก็ออกมาถึงนอกเมือง ไปยังค่ายทหารของเตียวสิ้ว แล้วแจ้งทหารยามของมันว่า เหวิ่นเหอ มาหา เมื่อทหารยามไปแจ้ง เตียวสิ้วก็รู้ว่าเป็นใคร รีบให้เชิญเข้ามาพบ เมื่อเตียวสิ้วเจอหน้าผมในทีแรก มันจำไม่ได้ แต่รู้ว่าเป็นผม มันถึงกับหัวเราะ พูดแซวว่า
“เจ้าปลอมตัวได้แยบเนียนยิ่ง ดูเป็นคนแก่จริงๆก็มิปาน หรือแท้จริงเจ้าสูญเสียน้ำรักมากไป เลยทำให้แก่ลงไปจริงๆ ระวังเถอะ อยู่กับฮูหยินรองนานวัน จะโดนสูบน้ำรักจนซีดเซียว แห้งเหี่ยวตาย”
เรื่องผมกับฮูหยินรองมันคงรู้จากปากคำตูตู้หลุนหมดแล้ว จึงเอ่ยปากแซวมาเช่นนี้ ผมก็เลยได้แต่สายหน้า จิ๊ ปาก พูดว่า
“เจ้าพูดเหมือนรู้กิติศัพท์นางดี มิใช่เคยกันแล้วรึ”
“ฮ่ะ ฮ่า คนอย่างข้ามีตาไว้มองบนไม่ได้มีไว้มองล่าง คนอย่างนางข้าไม่เข้าไปเกลือกกรั่ว ให้ชีวิตวุ่นวาย รู้สึกจะได้ยินว่า เมียหลวงถึงกับไปตาม ด่ากันปานจะตบตีกันเชียวเลยรึ”
(มึงนี่รู้ดีจริงๆ) “เอาเถอะ เข้าเรื่องดีกว่า ที่ไหว้วานไว้ได้เรื่องอย่างไรบ้าง”
เตียวสิ้วหัวเราะ ที่ผมเปลี่ยนเข้าเรื่องทันที มิโต้เถียงต่อ มันก็ไม่อยากเย้าแย่เพิ่ม จึงบอกความคืนหน้าให้รู้ ผมกับเตียวสิ้วในตอนนี้ กลายเป็นสหายที่สนิทกันปานพี่น้อง เนื่องเพราะพลัดกันช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาตลอด ผมเคยช่วยชีวิตมัน มันก็เคยช่วยเหลือผม มันนั้นเคยเป็นเจ้านายผมเมื่อครั้งสงครามโจรโพกผ้าเหลือง แต่ตอนนี้ผมกลับมีมีตำแหน่งสูงกว่ามันมาก เราสองคนสลับไปมา แต่ก็ยึดถือน้ำใจสหาย ไม่ถือยศถืออย่างตำแหน่งใดๆ นับวันจะมีแต่พูดจาเล่นหัวสนิทกันมากกว่าเดิม
ยามนั้น เตียวสิ้ว บอกว่า กองคาราวานเสบียงของม้าเพิ่งเดินทางออกไปเมื่อคืน แบ่งเป็นสองกองใหญ่ มีทหารปลอมเป็นคนคุ้มกันไปจำนวนมาก มันได้ส่งคนตามสะกดรอยไปแล้ว เพียงแต่ตอนนี้คิดว่าน่าจะมีปัญหาใหม่ตามมา เพราะสืบรู้มาว่า ม้าเท้งมีการให้ตั้งด่านนอกเมือง ในเส้นทางไปเตียนอัน ดักทางไว้หลายด่าน คาดเดาว่า ม้าเท้งจะไม่ยอมให้มันยกกองทหารกลับเตียนอันไปโดยง่าย
ผมพิเคราะห์แล้ว ก็น่าจะจริง และคิดว่าม้าเท้งคงคิดกำจัดเตียวสิ้วเป็นแน่ ก่อนที่มันจะเคลื่อนทัพไปตีเตียนอัน คงไม่ปล่อยเตียวสิ้วให้นำทหารไปเสริมให้เตียนอันเป็นแน่ จึงหลับตาครุ่นคิดหาทางออกให้เตียมสิ้ว หาวิธีนำพาทหารออกไป และแล้วพลันคิดได้วิธีหนึ่ง จึงยิ้มออก บอกเตียวสิ้วว่า
“ท่านไม่ต้องห่วงแล้ว ข้ามีวิธีจัดการ”
“วิธีการใด” เตียวสิ้วถามอย่างสงสัยใคร่รู้ ผมจึงว่า
“ข้าจะนำพาท่านไปสวามิภักดิ์ต่อม้าเท้ง บอกว่าท่านจะไปเป็นไส้ศึกเปิดประตูเตียนอันให้ เท่านี้มันก็จะให้ท่านกลับเตียนอันไปโดยง่าย”
เตียวสิ้วเห็นว่าแผนนี้ดีจึงเห็นด้วย แต่ยังข้องใจว่า ม้าเท้งจะยอมเชื่อได้ง่ายดายเชียวหรือ ผมจึงบอกว่า หากผมคนเดียว ม้าเท้งอาจจะไม่ไว้ใจยินยอมเชื่อมากนัก แต่คราวนี้ผมมีฮูหยินรองเป็นพวกอยู่ด้วย ม้าเท้งยังไม่รู้ว่านางแปรพักตร์ปันใจมาทางผม ย่อมต้องเชื่อข้อมูลจากปากนาง ดังนั้นจึงจะคิดใช้นางให้เป็นประโยชน์
แล้วจึงอธิบายแผนการให้เตียวสิ้วฟังจนหมดสิ้น เตียวสิ้วก็เห็นคล้อยตาม มั่นใจว่าหากเป็นเช่นนี้ ม้าเท้งต้องยินยอมเชื่ออย่างไม่มีข้อสงสัย เมื่อหมดธุระการรงานคุยกันแล้ว ผมก็ถามหาถึงเหล่าภรรยาผมและคุณหนูงิว เตียวสิ้วจึงว่า เหล่าภรรยาผมกับคุณหนูงิวต่างปลอดภัยดี ตอนนี้ให้ทหารไปปลูกสร้างกระท่อมให้พวกนางหลบซ่อนตัวอยู่ที่ท้ายป่า ห่างค่ายทหารของมันออกไปประมาณ 5 ลี้
ผมฟังดังนั้นก็เบาใจ ใจจริงคิดแวะเยี่ยมพวกนางอยู่ แต่ตอนนี้ติดภารกิจมากมาย จำต้องไปดำเนินแผนการแข่งกับเวลา จึงต้องตัดใจ ลาเตียวสิ้วกลับบ้านตระกูลงิวก่อน และฝากแผนการนัดแนะกับพวกนางผ่านทางเตียวสิ้วเอาไว้
เมื่อกลับถึงบ้านตระกูลงิว ผมจึงบอกฮูหยินรองว่า เตียวสิ้วยอมช่วยเหลือ แต่ติดที่มันเองตอนนี้ ก็นำพาทหารออกจากเสเหลียงได้อยากลำบาก จึงมีเรื่องใคร่ขอร้องให้ฮูหยินรองช่วย แล้วผมจึงบอกแผนการ หลอกสวามิภักดิ์ เพื่อพาทหารออกนอกเมือง ให้ฮูหยินรองทราบ แล้วแสร้งถามนาง ว่าจะมีวิธีใดทำให้ม้าเท้งยอมเชื่อได้ ที่ผมถามนางเพราะรู้ว่า ฮูหยินรองรู้จักม้าเท้งดีมากกว่าผม ดังนั้นนางย่อมมีวิธีการทำให้ม้าเท้งเชื่อได้ดีกว่าผม
แล้วก็จริงดังคาด ฮูหยินรองนิ่งคิดอยู่ครูหนึ่ง แล้วมีสีหน้าเหมือนกัยไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ก่อนจะบอกว่า
“เรื่องนี้ข้าพเจ้าจัดการเอง คืนนี้ข้าพเจ้าจะไปหาม้าเท้ง บอกเรื่องเตียวสิ้วจะสวามิภักดิ์ให้มันได้ทราบ รับรองว่า หากข้าพเจ้าเป็นคนบอกมันต้องเชื่อแน่”
ผมพอฟังว่านางจะไปหาม้าเท้งด้วยตัวเอง ก็พอรู้แล้วว่านางจะทำให้ม้าเท้งเชื่อด้วยวิธีการใด ดูท่าค่ำคืนนี้นางคงไม่ได้กลับมาง่ายอย่างแน่นอน
แล้วพอตะวันลับฟ้า ฮูหยินออกเดินทางนั่งรถม้าไปหาม้าเท้ง เพียงลำพัง ฮูหยินรองเมื่อไม่อยู่ ผมจึงมีโอกาสได้พูดคุยกับเสียวจู ตอนนั้นหลังจากที่ส่งฮูหยินรองขึ้นรถม้าไปแล้ว นางก็นั่งเฝ้ารออยู่หน้าประตู ท่าทางกังวลใจ
ผมจึงเดินเข้าไปใกล้ๆ ให้นางเห็น พอนางเห็นก็ตกใจ รีบลุกขึ้นย่อคาราวะ เรียกนายท่าน คำหนึ่ง
ผมจึงถามว่า
“เจ้านั่งเหม่อมองประตู กังวลใจถึงสิ่งใดรึ”
เสี่ยวจู เมื่อมีโอกาสได้พูด จึงบอกว่า
“บ่าว กำลังนั่งคิดถึงเสี่ยวถิง นางออกไปส่งคุณหนูงิวนานแล้ว ไฉนจึงยังไม่กลับ”
นางพูดจบ ก็ไม่อาจสะกดกั้นน้ำตาได้ เพราะเศร้าใจต่อคุณหนูงิวที่ติดโรคร้ายแล้วยังไม่พอ เสี่ยวถิงก็ยังไม่กลับมา เลยกลัวว่านางจะติดโรคร้ายไปอีกคน ทั้งสองเรื่องประเดประดัง จนนางไม่อาจกั้นน้ำตาสืบต่อไปได้
ผมดูแล้ว ท่าทางเสี่ยวถิงจะไม่ได้บอกอันใดให้นางรู้ เพราะเสี่ยวจูดูจะเป็นคนซื่อ คงกลัวว่าจะกุมความลับไม่อยู่ หรือถูกหลอกถามเอาง่ายๆ พาลจะทำให้ช่วยคุณหนูงิวไม่สำเร็จ เสี่ยวถิงจึงจัดการด้วยตัวคนเดียว
ผมเห็นนางมิรู้เรื่องอันใด ต้องมากังวลใจจนหลั่งน้ำตา จึงนึกเอ็นดู เอื้อมมือไปปานเช็ดน้ำตาให้นาง เสี่ยวจูกลับพลันสะดุ้ง รีบถอยห่างออกไป พูดว่า
“นายท่าน บ่าวเป็นเพียงทาส มิสมควรที่นายท่านจะปฏิบัติดีต่อบ่าวเยี่ยงนี้”
ผมจึงแสร้งทำหน้าฉงน พูดหยอกว่า
“อ่าว แล้ว ข้าควรทำอย่างไร ต้องขึ้นเสียงดุด่า เจ้าตลอดหรือ ก็ได้ เจ้าจะร้องไห้หาพระแสงอันใด หากยังไม่รีบหยุด ข้าจะเฆี่ยนเจ้าให้ตูดลาย”
ผมแสร้งพูดหยอกล้อ พูดด้วยน้ำเสียงโมโห แต่หน้าตาท่าทางตลกขบขัน จนนางกลั้นหัวเราะไม่อยู่ ปล่อยเสียงหัวเราะหลุด ดัง คริ ออกมา พอผมเห็นนางจะหัวเราะ ผมก็หัวเราะเสริมไปอีก เพื่อดึงนางในบ้าจี้ กลั้นหัวเราะไม่ได้ จนหัวเราะตาม และควบคุมให้หยุดไม่ได้ จนต้องร่ำร้องปนหัวเราะ ว่า
“นายท่าน อย่าได้แกล้งบ่าวแล้ว”
ผมจึงหยุดหัวเราะแหย่ นางจึงพอหยุดหัวเราะได้ ยามนั้นเห็นนางสีหน้าแช่มชื่นขึ้น ผมจึงพูดว่า
“เจ้าเมื่อหัวเราะได้ ก็จะบอกความจริงให้ฟัง แต่ต้องสัญญาว่าจะเก็บไว้เป็นความลับ ห้ามแพล่นพลายบอกใคร แม้กระทั้งนายหญิงเจ้า”
เสี่ยวจู มีสีหน้าประหลาดใจ ไม่ทราบว่าความจริงอันใด แต่ก็ไม่ได้กล่าวถาม เพียงแต่รอฟัง ผมจึงบอกเรื่องที่คุยกับเสี่ยวถิงในคืนนั้นให้ฟัง โดยไม่ได้บอกเล่าทั้งหมด บอกแต่เพียงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพวกนางเท่านั้น ว่า เสี่ยวถิงจะไม่กลับมาแล้ว และกำลังเตรียมจะหนี โดยข้อร้องให้ผม พาเสี่ยวจูหนีไปหานางด้วย เพื่อพวกนางจะได้หนีไปด้วยกัน
เสี่ยวจูพอฟัง ก็ตกใจ จนทำอะไรไม่ถูก ในใจรู้สึกหวาดกลัว เพราะการเป็นทาสแล้วหนีเจ้านายนั้น หากถูกจับได้จะมีโทษถึงตาย ยามนั้นพลันพูดอะไรไม่ออกท่าทางลังเล แต่แล้วพลันตัดสินใจ คุกเข่ากราบกราน พูดว่า
“เมื่อเสี่ยวถิงตัดสินใจเยี่ยงนี้ บ่าวก็ต้องเห็นตามนาง นายท่านหากช่วยส่งเสริม บ่าวจะสำนึกบุญคุณไปชั่วชีวิต”
ผมไม่ได้กล่าวกระไร เพียงแต่มองนางที่หมอบคุกเข่ากราบกาน มีท่าทางที่อ้อนนอบน้อมราวกับเชื่อฟังทุกคำสั่ง พลันกระตุ้นอารมณ์บุรุษผู้มีอำนาจ วันนี้โอกาสเหมาะ ฟ้าฝนเปิดทาง สมควรพานางเข้าห้องหอเสียโดยไว
เลยพูดว่า
“เจ้าลุกขึ้นเถอะ เมื่อข้ารับปากเสี่ยวถิงแล้ว ย่อมต้องทำตาม เพียงแต่วันนี้ข้าเดินมากจนปวดเมื่อย เจ้าขึ้นไปบีบนวดให้ได้หรือไม่”
เสี่ยวจูพาซื่อ รับคำว่าเจ้าค่ะ มิได้คิดว่าผมจะแอบแฝงอันใด เลยเดินตามผมขึ้นห้องไปอย่างไม่ได้สงสัย

Share the Post:

Related Posts

แท็กซี่เขาอ่อย หนูเลยให้เขาเล่นของหนู

เรื่องเสียว แท็กซี่เขาอ่อย หนูเลยให้เขาเล่นของหนู เอิร์นนะคร้า เป็นสาวมหาลัยในเชียงใหม่นี้เองค่า เอิร์นเป็นสาวมหาลัยปีสองแล้วค่ะ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องผู้ชายเลย ยุคนี้แล้วเนอะ ไม่ใช่แค่ผู้ชายนะคะที่ล่าแต้ม เอิร์นเองก็กินมาเยอะเหมือนกันค่ะ สูงยาว ลำอวบ ใหญ่ยาว กินมาหมดแล้วค่า ชีวิตครั้งนึงเนอะ เรื่องพวกนี้ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ต้องมีบ้างอยู่แล้วใช่ไหมค่ะ และแน่นอนว่าเอิร์นเลยกินแต่วัยเดียวกัน รู้ตัวอีกทีได้แอบกินรุ่นใหญ่พี่แท็กซี่ซะอย่างนั้นเลยค่ะ ที่สำคัญไม่เคยเจอมังกรที่ใหญ่ยักษ์ขนาดนี้มาก่อน มาเริ่มเรื่องกันเลยดีกว่าค่ะ ด้วยความที่อยู่เชียงใหม่ที่เที่ยวเยอะ

Read More

จากทำอาหาร ทำไมโดนเขาทำเสียว

เรื่องเสียว จากทำอาหาร ทำไมโดนเขาทำเสียว “ตั้งกล้องเรียบร้อยแล้ว มึงพร้อมยังจะได้กดเริ่ม” วันนี้เรามีถ่ายคลิปวิดีโอทำอาหารที่คอนโดของพวกเราสองคนที่เป็นเพื่อนกัน เรามองเม็กที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมสองเม็ดจนเห็นแผงอกที่เป็นมัดกล้าม กางเกงขาขั้นสั้นสบาย ๆ แต่พอมาอยู่บนร่างกายของเม็กแล้วมันดูดีไม่น้อยเลย ถึงแม้เราทั้งสองจะเป็นเพื่อนกัน แต่พอมาเจอมันในลุคนี้ก็ทำให้เราใจสั่นไม่น้อย “มึงกูสวยยัง” “สวยแล้ว” พอได้รับคำตอบที่สร้างความมั่นใจให้กับตัวเองแล้ว เราก็พยักหน้าให้มันเริ่มกดบันทึกภาพวิดีโอทันที การถ่ายทำดำเนินไปเรื่อย ๆ จนถึงขั้นตอนการชิมอาหาร “อะ

Read More