กุนซือเจ้าสำราญ ตะลุยสามก๊ก ตอนที่ 35
โดย saradio
ในยุคสมัย ที่ยึดถืออำนาจเป็นใหญ่ บุคคลใดมีอำนาจแล้วมิรู้จักใช้ก็ถือว่าโง่งม แต่อำนาจมันคือดาบสองคม หากใช้มันให้ถูกวิธีย่อมมีประโยชน์กับตนเอง แต่หากมิรู้วิธีใช้หรือใช้ไม่ถูกต้องย่อมนำมาซึ่งความวิบัติ
ผมเองแม้มาจากยุคที่สิทธิมนุษย์เท่าเทียม แต่ต้องหลงมาในยุคที่แบ่งชนชั้นความเป็นมนุษย์ ในช่วงแรกๆนั่น แม้รับไม่ได้ กับอะไรหลายๆอย่างที่พบเห็น และเกินเลยกับคำว่าสิทธิมนุษยชน แต่จนใจไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เมื่ออยู่ไปนานๆ ก็ต้องทำใจและเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน และบางครั้งการได้เป็นเจ้าคนนายคน ที่สามารถลิขิตชีวิตผู้อื่นได้ มันย่อมปลุกความบ้าอำนาจที่มีอยู่ในทุกผู้ทุกคนให้ตื่นขึ้นมา แม้แต่ผมเองก็ไม่เว้น โดยเฉพาะเมื่อเห็นสาวน้อยพร้อมทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย และเรียกผมว่านายท่าน ก็บันดาลให้นึกถึงหนังเอวี เมดกับนายท่าน ขึ้นมาในหัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยามนี้ไม่มีใครมาขัดขวาง ย่อมเปิดทางให้ผมเล่นบทรักกับนางได้สมใจ
เมื่อพานางถึงห้องแล้ว ก็คัดดานลงกลอนประตู ชวนนางมุดผ้าม่าน ขึ้นไปบนเตียง แล้วถอดเสื้อผ้าตัวเองออกจนเปล่าเปลือย
เสี่ยวจูตกใจไม่น้อย รีบพูดว่า
“นายท่าน ทำเช่นนี้ไม่เหมาะ หากนายหญิงรู้เข้า บ่าวอาจโดนโทษทัณฑ์ได้”
เสี่ยวจูมีสีหน้าหวาดกลัว เมื่อเห็นผมถอดเสื้อผ้าจนหมดก็รู้แล้วว่าจะทำการใด แต่เนื่องเพราะนางทาสบำเรอ ไม่สามารถร่วมหลับนอนกับสามีของนายหญิงของตนลับหลังได้ มิเช่นนั้นอาจต้องโทษถึงตาย นางจึงหวั่นใจขึ้นมา
ผมรู้ข้อนี้ดีอยู่แล้ว จึงยิ้มแล้วพูดว่า
“เจ้าเองจะหนีจากฮูหยินรองไปกับเสี่ยวถิงมิใช่หรือ แล้วใยต้องกลัวเกรงนางยึดถือธรรมเนียมปฏิบัติอีก และอีกประการ เสี่ยวถิงได้บอกกับข้าว่า หากช่วยเหลือนางกับเจ้าแล้ว นางก็จะขอติดตามรับใช้ข้าไปตลอดชีวิต เช่นนี้มิถือว่า ข้าเป็นเจ้านายพวกเจ้าหรอกรึ”
เสี่ยวจู พลันลังเลครุ่นคิดจนก้มหน้านิ่ง ดูจะไม่มีคำใดโต้แย้งใดๆ เพียงแต่ในใจนางขลาดเขลาเกิดจะตัดสินใจได้ในเรื่องนี้ เพราะถ้าหากถูกจับได้ ว่าแอบร่วมรักลับหลังกับสามีนายหญิงตนเอง จะถูกกล่าวหาว่าเป็นชู้ จะโดนจับใส่กระสอบถ่วงน้ำ แต่กับฝ่ายชายที่เป็นนายท่านมิต้องโทษใดๆเลย อาจจะโดนตำหนิต่อว่าจากภรรยาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้นางไหนเลยกล้าพลีพล่าม ทำไปตามคำชักจูง
ผมจึงกล่อมปลอบ นางว่า
“เจ้ามิต้องหวั่นวิตกไปหรอก ต่อไปเมื่อเจ้าเป็นคนของข้าแล้ว ก็จะมิยินยอมให้ใครมาทำร้ายเจ้าเป็นเด็ดขาด หากฮูหยินรองคิดจะเอาโทษเจ้า ข้าก็จะปกป้องเจ้าถึงที่สุด”
เสี่ยวจู ยังมิแน่ใจในคำพูด จึงตัดสินใจพูดว่า
“ขอเพียงนายท่านรับปาก ว่าต่อไปจะปกป้องดูแล บ่าวกับเสี่ยวถิงแล้ว มิว่าคำสั่งใด บ่าวก็ยินดีปรนนิบัติรับใช้”
ผมจึงดึงนางมากอด แล้วให้คำมั่นสัญญา เสี่ยวจูจึงดูคลายความกังวลลงไป ยามนั้นจึงค่อยยิ้มออกและแลดูเขินอายขึ้นมา ผมจึงจับมือนางให้มากำรูดควยให้ พร้อมกับหอมแก้มนางแล้วโลมไล้ไปใกล้ริมฝีปาก พูดเบาๆว่า
“ที่นี่เจ้าจะยอมจูบปากข้าแล้วหรือไม่”
เสี่ยวจูยิ้มเขินอาย แล้วก้มหน้าหลบ แล้วผงกศีรษะเบาๆ ผมจึงชอนหน้านางให้เงยขึ้น แล้วบรรจงจุมพิตเบาๆ ริมฝีปากเมื่อกระทบกัน นางตัวสั่นเล็กน้อย คงเคยถูกจุมพิตเป็นครั้งแรก มือที่กำรูดควยถึงกับหยุดชะงัก ดูเหมือนกับกำลังตื่นเต้นใจจดจออยู่กับรสลิ้นผมที่กำลังแทรกตัวชำแรกเข้ามาในปากนาง
แต่เพียงลิ้นผมไปเกาะเกี่ยวลิ้นของนางชวนเริงระบำ นางก็ตอบสนองได้อย่างมีทวงทำนอง และดูดดื่ม ยามนั้นแม้นึกสงสัย ว่านางทาสบำเรอเมื่อถูกห้ามจูบปากแล้ว ไฉนจึงเรียนรู้วิธีจูบมาได้ แต่ยามเคลิบเคลิ้มกำลังฟิน ก็เลยไม่ได้ติดใจสงสัยมากนัก ยังคงบรรเลงเพลงลิ้นเริงระบำหรรษากับนางอย่างดูดดื่ม
รสลิ้นการจูบของนางมีความนุ่มนวลละมุนชวนเงี่ยน จนควยผมกระดก มือของเสี่ยวจูที่กำคาอยู่ ก็รับรู้ได้ นางจึงขยับมือสาวให้เป็นการตอบสนองอย่างรู้งาน ผมเองก็อยากตอบสนองให้นางบ้าง จึงเอามือลูบล้วงไปในอกเสื้อของนางบีบเค้นเต้านมที่อูมเต็มมือ ส่วนอีกมือก็ซุกเข้ากระโปรงของนาง ไปเกาเขี่ยเล่นหีตรงหว่างขา
เสี่ยวจูเริ่มเงี่ยนกำหนัด รสจูบยิ่งร้อนแรง ลมหายใจหนักหน่วง และมือที่สาวควยยิ่งบีบรัด จนผมคัดควยแข็งปั๋ง ผมจึงถอนจูบจากปากนาง แล้วลุกขึ้นยืนขยับเอาควยไว้ตรงหน้าเสี่ยวจู
เสี่ยวจูก็รู้ที จับประคองควยด้วยสองมืออย่างถะนุถนอม แล้วเอาปากจูบควยอย่างเอ็นดูก่อนจะอ้าปากงับ กลืนกินเข้าปาก
“ซีดดดส์ เจ้าอมควยได้เยี่ยม จริงๆ โอ้วววว ซีดดดส์”
เสี่ยวจูพลันตอบสนองคำชม ยิ่งอมดูดเลียให้ถึงใจกว่าเดิม นางจับควยผมหงายตั้งขึ้น แล้วซุกหน้าเข้าไปโลมเลียไข่ ไล่จากโคนไปถึงปลาย แล้วเล่นลิ้นฉกตอดกับปลายหัวควย จนผมสยิวยืนตัวเกร็ง
“โอ้วววว เยี่ยม จริงๆ ทำให้น้ำแตกคาปากเลย”
เสี่ยวจูทำตามที่บอก เร่งรัดดูดควยผม ดังจ๊วบๆ มือหนึ่งก็จับโคนสาวช่วย อีกมือก็บีบคลึงไข่เล่นกระตุ้น จนผมมันส์เสี่ยวยืนเกร็งตัวแอ่นสะโพกโยกกระเด้าควยเสริมไปตามจังหวะเร่งเร้าของนาง
“โอ้ววววว เสี่ยวจู ข้าน้ำจะแตกแล้ววว ”
เสี่ยวจูรีบ อ้าปากแลบลิ้นออกมารองรับ ส่งเสียง อ้า อ้า มือก็จับสาวควยเร่งให้ถี่ยิบ ท่าทางที่พร้อมรับน้ำเข้าปากของนางอย่างพร้อมใจต้องการ ยิ่งกระตุ้นให้อยากน้ำแตกใส่ ไม่ช้าก็ทนไม่ไหว พ่นใส่เข้าปากนาง จนทะลักทะล้น ผมหอบหายใจระบายยาวๆ แล้วบอกเสี่ยวจูให้เอาควยถูเล่นน้ำรักกับปากของนาง
เสี่ยวจูทำให้อย่างไม่นึกรังเกียจ เพราะเป็นวิถีทาสที่นางพึงปฏิบัติตามคำสั่งของผู้เป็นนาย จึงเค้นน้ำรักของผมที่เต็มปากออกมาให้ไหลล้นออกมาข้างแก้ม แล้วจับเอาควยผมที่ยังผงกหัวหงึกๆ จากการพ่นน้ำรัก มาถูไถไปกับปากแก้มนาง ละเลงจนน้ำรักเยิ้มหน้านางเป็นคราบมัน พร้อมกับมองผมด้วยสายตาที่คล้ายถามว่า นายท่านถูกใจหรือไม่
ผมยิ้มรับโดยไม่ต้องบอก และภาพที่เห็นยิ่งสร้างความเงี่ยนหงี่ ยิ่งควยผมถูกถูไถไปกับน้ำรักบนหน้านาง แม้จะเพิ่งพ่นน้ำรักไปก็พลันแข็งขึ้นมาอีก นางก็ยิ่งจับถูไถได้สะดวก และดูดอมเลียให้จนสะอาด
“เสี่ยวจู เจ้าทำดีมาก ที่นี้เจ้าก็ถอดเสื้อผ้าเถอะ ข้าจะทำให้เจ้าบ้าง”
“เจ้าค่ะ นายท่าน”
เสี่ยวจูรับคำเบาๆ พลางถอดเสื้อผ้าออกจนหมด ท่าทางดูเขินอายประหม่าอยู่บ้าง เพราะไม่เคยต้องร่วมรักเพียงลำพัง แต่ตอนนี้ถึงขั้นยอมอมควยให้แตกปากแล้ว ก็คงไม่อาจเปลี่ยนใจเป็นอื่น
เมื่อนางแก้ผ้าหมดแล้ว ผมจึงบอกให้นาง คลานโก่งโค้ง แอ่นตูดสูงๆ นางก็ทำตามอย่างว่าง่าย แล้วผมก็เข้าไปทางด้านหลัง จับแหวกแก้มก้นดูหีดูตูดของนางเล่น
“โอ้ววว ครานี้เพิ่งได้เห็นถนัด หีตูดเจ้างามนัก น่าโลมเลียอย่างยิ่ง”
เสี่ยวจูรู้แล้วว่าจะโดนอะไร พลันนึกกระสันปนความเขินอาย ทรุดหน้าลงแอบกับท่อนแขน บดบังรอยยิ้มแห่งความขัดเขินไว้
ผมแหวกตูดนางด้วยสองมือ เคล้าคลึงเล่นดูอยู่สักพัก ยามนี้ไม่ได้รีบร้อน ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอ อีกทั้งเสี่ยวจูก็ดูยินยอมพร้อมใจ ย่อมเล่นได้อย่างสบายใจ ดังใจนึกคิด พลางยิ้มระรื่นพูดว่า
“คราก่อน จะเลียหีเจ้า แต่ติดที่ ฮูหยินรองขัดขวาง ยามนี้นางไม่อยู่ คงต้องเลียกินเจ้าให้สมใจ”
พลางแหวกแก้มก้นนางแหกออก เปิดทางให้ซุกหน้าไปโลมเลียได้ เพียงลิ้นแตะสัมผัส เสี่ยวจูก็ตัวกระตุกสะดุ้งเสียว ส่งเสียงตกใจเบาๆ ดัง อุ้ย พร้อมกับซีดส์ปากเบาๆ
จ๊วบ แจ๊บ แจ๊บ แผล่บๆ แจ๊บ อืมส์ จ๊วบ จั๊บๆ แจ๊บๆ
“อ้อยยย ซีดสส์ อืมส์ น…นายท่าน ซีดดดส์ ”
เสียงผมดูดเลียเสียงดังชะโลมลิ้นทั้วทั้งรูหีรูตุดแม้กระทั้งแก้มก้น เสี่ยวจูถึงกับเสียวสะท้านใจหวั่นไหว หลับตาส่งเสียงครางออกมา ไม่ช้าไม่นานน้ำเงี่ยนในหีนางก็เยิ้มออกมาผสมผสานกับน้ำลายผม และเพิ่มรสชาติความมันหอมของหีสาววัยสิบเจ็ดให้น่ากินขึ้นไปอีก ผมจึงตวัดลิ้นวอนไชเข้าไปในรูหีนาง และเล่นลิ้นวนเวียนอยู่แถวเม็ดแตด เพื่อเพิ่มความเสียวให้นางยิ่งขึ้นไปอีก
แจ๊บๆๆ จ๊วบ อืมส์ อาห์ จ๊วบบ แจ๊บๆ
“อ๊ายย ซีดส์ นายท่าน บ่าว… บ่าว เสียว.. ซีดสสส์”
เสี่ยวจูร้องและยันแขนเท้าที่นอนดันตัวเชิดขึ้นพร้อมแอ่นสะโพกสุดตัวจนเอวหักงอ แล้วนางก็ดันสะโพกสู้กับหน้าผมที่ซุกอยู่ เพื่อผมเล่นลิ้นทำให้นางได้สุดๆ ท่าทีแบบนี้ เป็นที่น่าสงสัย คล้ายกับนางมีประสบการณ์โดนลิ้นในท่านี้มาแล้ว จึงสามารถรู้ว่าจะขยับตัวอย่างไร เพื่อให้ผมใช้ลิ้นในท่าทางแบบนี้ได้ถนัด พลันเกิดคำถามขึ้นในใจแต่ก็ไม่ ใส่ใจเอาความมากนัก
ยามนั้นโลมเลียจนถึงจุด เสี่ยวจูเกร็งตัวก้มหน้าหลับตาจนคิ้วขมวด สักพักมิอาจทนทานได้ ร้องดัง อ้ายยยยยยยย
“นายท่าน บ่าว.บ่าว ทนไม่ไหวแล้วววววว”
น้ำหีพลันทะลักแตกพุ่ง ตัวสั่นกระตุกเสร็จตามมา ผมกลับไม่ได้เอาหน้าหนี ยังดูดเลียหีนางต่อไปอีก น้ำหีนางจึงแตกใส่หน้าผมเปียกโชก เสี่ยวจูเสร็จน้ำหีแตกแล้ว แต่ยังถูกลิ้นกระตุ้นอีกไม่หยุด เสี่ยวจูยิ่งกระสันเสียวจนทนไม่ได้ รู้สึกใจจะขาดเสียให้ได้ พลันดิ้นตัวหนีโดยธรรมชาติ โดยทิ้งตัวลงไปนอน
แต่ผมกับยังไม่ยอม ไปจับนางแหกขาเอาลิ้นเล่นอีก นางถึงกับร่ำร้องปานจะขาดใจ น้ำหีแตกเล็ดออกมาอีก
“นายท่าน บ่าวไม่ไหวแล้วววว อ้อยยยยยย บ่าว.. แตกอีกแล้วววว”
นางถึงกับเสร็จติดๆ กันสองครั้ง น้ำหีแตกชุมโชก เสียวจนหายใจติดขัด ตัวอ่อนแรง ผมพอเลียหีนางหนำใจแล้ว จึงปลดปล่อยนางให้หลุดจากลิ้น แต่ก็จับควยยัดเย็ดต่อโดยไม่รั้งรอ ผมในตอนนี้ไม่รู้เป็นอะไร รู้สึกมีพลังขับดันทางเพศมากมายเหลือเกิน นี่อาจเพราะกินยาเม็ดบำรุงของอาเจินอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังฝึกลมปราณกำลังภายใน เลยส่งผลให้คึกคักราวกับม้า
พอควยสอดเสียบดันเข้าไปได้ ก็จับนางแหวกขาถ่างจนกว้าง โยกสะโพกกระเด้าใส่ดัง ตับ ตับ
ตับๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
“อ้อยยยยยยยยย น.นายท่าน บ่าว บ่าว คงขาดใจแน่ แล้วววว ให้บ่าวได้พักหายใจก่อนเถิด ซีดดดส์”
เสี่ยวจูถูกกระตุ้นเสียวไม่หยุด โดนลิ้นเสร็จน้ำหีแตกยังไม่สะเด็ดน้ำดี ก็ถูกควยยัดเย็ดกระหน่ำไม่หยุด ยิ่งกระตุ้นความเสียวเพิ่มทวีต่อเนื่อง จนเสร็จน้ำหีเล็ดติดๆกันหลายรอบ พลันรู้สึกทรมานจนไม่ไหว อยากให้ผมผ่อนปรนให้นางบ้าง ถึงกับร่ำร้องขอ แต่ผมตอนนั้นไหนเลยฟังเสียง ยังกระเด้าเย็ดใส่เร็วๆอย่างต่อเนื่อง ด้วยท่าทางหืนกระหาย กระเด้าใส่ไม่หยุด
นี่ถ้ากับเมียผม ร่ำร้องขนาดนี้ ผมยังมีความเกรงใจคงต้องยอมถอยผ่อนปรนให้พวกนางบ้าง แต่กับเสี่ยวจูไม่รู้เป็นอะไร แม้เห็นนางร่ำร้องทรมานจะขาดใจเยี่ยงนี้ก็ยังไม่ยอมหยุด แถมยังยิ่งรู้สึกอยากกระหนำซ้ำเติมไปอีก หรือเพราะเสี่ยวจูเป็นทาสที่ยินยอมทำตามทุกอย่าง ผมจึงไร้ความเกรงใจ นี่นับว่าผมถูกยุคสมัยสิ่งแวดล้อมในสามก๊ก ทำให้เริ่มเปลี่ยนแปลงไปคล้ายคนยุคนี้ไปทุกที
ตับๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
“โอ้วววว เสี่ยวจู เจ้าทำข้ามีความสุขจริงๆ เย็ดได้มันควยดีเหลือเกิน”
ตับๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เสี่ยวจูพอฟังผมร้องชมอย่างมี ความสุข นางก็มิกล้าร่ำร้องขออีก พลันอดทนจนถึงที่สุด แต่เมื่อค่อยๆเริ่มชาชินกับความเสียวทรมานที่เสียวเสร็จต่อเนื่องนี้แล้ว พลันกลับกลายเป็นความหรรษาที่ไม่เคยได้พบพานมาก่อน ถึงกับสติหลุดลอย ยิ้มค้าง นัยน์เหม่อลอย คราง อ๋อยๆ ไม่หยุด
“อ้ากกกกก เสี่ยวจู น้ำรักข้าจะแตกแล้วววว”
ผมร้องบอกเสียงดัง อย่างความมันถึงที่สุด แล้วก็พ่นน้ำรักอัดเต็มรูหีนาง น้ำรักผมที่พุ่งฉีดเข้าไปภายในยิ่งกระตุ้นให้เสี่ยวจูเสร็จอีกตามมา นางถึงกับผวาร้อง อ้ายยยยยย……. ลากเสียงยาว ผวาตัวกอดผมไว้แน่น คราวนี้ผมถึงได้นึกสงสารเอ็นดูนาง จึงกอดตอบไว้แน่นแนบอก โดยที่ควยผมยังคาอยู่ในหี และหีนางก็มีการกระตุกตอดไม่หยุด
เสี่ยวจูตอนนั้น ตัวสั่นเทาไม่หยุด ไม่รู้ว่านางเสร็จไปแล้วกี่ครั้งต่อกี่ครั้งจนไม่สามารถนับจำนนวนได้ กว่าจะหยุดสงบนิ่งได้ก็นานพอดู ผมจึงปล่อยให้นางได้พักสักพัก ก่อนขยับตัวมาจูบปากหอมแก้ม แล้วบอกว่า
“เสี่ยวจู เจ้าให้ข้าดู หีเจ้าตอนนี้ทีสิ ข้าอยากดูความสำเร็จของข้า”
เสี่ยวจูนึกเขิน เพราะไม่เคยเห็นบุรุษใด นึกอยากดูเช่นนี้ แต่เมื่อผมเอ่ยปาก นางก็ไม่กล้าขัด แม้กระดากอาย ยังขยับตัวถ่างขา ให้ผมเห็นหีนางที่เต็มไปด้วยน้ำรัก เมื่อขาถูกแยกถ่างออก ปากหีเปิดช่อง น้ำรักที่อยู่ภายในก็ไหลย้อยออกมาเป็นก้อนน้ำเหนียว หยาดเยิ้มลงมาถึงร่องก้น นางแม้มิได้ดูก็นึกสภาพออก รู้สึกอายจนต้องเอาท่อนแขนปิดหน้า
ผมเห็นแล้วรู้สึกสมใจอยาก เพราะรู้สึกอยากเย็ดผู้หญิงสั่งได้แบบนี้มานานแล้ว พลันเอานิ้วเข้าไปแหยงแหย่เล่น แล้วล้วงควักน้ำรักออกมา เสี่ยวจูเสียวสะท้านไม่น้อย จนขากระตุกจะหุบ แต่ก็ฝืนแบะออกไปใหม่ ไม่ให้ขาหุบเข้ามาทำลายความหรรษาของผม
ผมจึงยิ้มกริ่มพูดว่า
“ยิ่งเห็นของเจ้าแบบนี้ ยิ่งอยากเย็ดต่อ งั้นเจ้าก็ขึ้นทำให้ข้าเถอะ”
ผมบอกพร้อมเลิกเล่นหีนาง แล้วทิ้งตัวลงไปนอนหงายพร้อมสาวควยให้แข็งรอ เสียวจู รับคำ ว่าเจ้าค่ะ ขยับตัวอย่างอ่อนล้า ขึ้นมาขึ้นคร่อมให้ แล้วจับควยผมจอเสียบเข้าหีนาง น้ำรักที่ค้างอยู่ภายในพลันทำหน้าที่หล่อลื่นจนควยผมรูดลื่นไหลอย่างกับปลาไหล พอนางกดตัวนั่ง ควยผมก็มุดหายเข้าหีนางไปอย่างง่ายดาย ทั้งที่ควยผมก็ทั้งใหญ่ทั้งยาว
“อ้อยยยย ซีดดดส์ นายท่าน”
นางครางเรียก เมื่อควยมุดเข้าไปจนสุด จากนั้นนางก็เริ่มร่อนสะโพกโยกขย่มตามแบบที่นางชำนาญ ในตอนนั้นน้ำรักผมที่อยู่ในหีนางถูกควยผมก่อกวนจนแตกฟองขาวย้อยไหลออกมา ยิ่งนางร่อนบดเบียด ก็เหมือนกับโม่หินที่คั้นน้ำกะทิ น้ำรักข้างในถูกบดคั้นออกมาจนเปียกเป็นฟองขาวเต็มหน้าขาและหัวหน่าวผม พร้อมกับเสียงน้ำเหนียวแนบเนื้อ ดัง แจ๊ะๆๆๆๆ ไม่หยุดยามที่นางร่อนบดเบียดเย็ดควยผม
“อ้าห์ ซีดดดส์ เด็ดเหลือเกินเสี่ยวจู เจ้ารีบเถิด ข้าอยากแตกในใส่เจ้าอีกรอบแล้ว”
เสี่ยวจูรับ คำ เจ้าค่ะ นายท่าน แล้วเร่งเร้าร่อนสะโพกเอาหีเย็ดควยผมอย่างเร่งร้อน คราวนี้นางเป็นคนคุมเกม สามารถผ่อนปรนตัวเองได้ จึงทำได้อย่างเพลิดเพลิน พออารมณ์ถึงจุด นางก็ขยับเปลี่ยนมานั่งย่องๆ คร่อมขย่ม จนดังตับๆๆ แล้วนางก็เร่งให้ผมเสร็จ โดยขย่มใส่ไม่หยุด
ตับๆๆๆๆๆๆๆ
“อ้อยยยย ซีดดดส์ นายท่าน อย่างนี้ดีหรือไม่ ซีดดดส์”
“โอ้ววววว ดี เสี่ยวจู ทำเร็วๆ ทำให้น้ำแตกเลย ซีดสสส์”
“อ้อยยย ซีดดดส์ เจ้าค่ะ นายท่าน”
ตับๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
“โอ้ววววว เสียวควยดีเหลือเกิน ข้าน้ำจะแตกแล้ววว ”
“อ้อยยยยย นายท่าน บ่าว เองก็ไม่ไหวแล้ว เช่นกัน ซีดดดดส์”
ตับๆๆๆๆๆๆๆ
“โอ้ววววว ข้าแตกแล้ว เสี่ยวจู”
ผมบอกพร้อมดึงสะโพกนางไว้ ไม่ให้ขยับขย่ม แล้วพ่นพิษน้ำรักแตกใสหีนาง เสี่ยวจูนั้นเป็นนางทาสบำเรอ จึงเจตนาทำให้ผมเสร็จมากว่าตัวนางเสร็จเอง ตอนที่ผมเสร็จนั้นนางยังมิทันเสร็จ ผมก็รู้ดี เลยถอดควยออกมา แล้วใช้นิ้วทำต่อให้นางจนนางเสร็จน้ำหีแตกคามือ
พอเสร็จสมอารมณ์หมายแล้ว ผมก็นอนโอบกอดนาง เสี่ยวจูไม่เคยได้ล้มรสไออุ่นเยี่ยนี้มาก่อน ถึงกับนอนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่ได้หุบ ผมจึงชวนนางพูดจาแหย่เล่น ถามนางว่าเสร็จไปกี่ครั้ง เสี่ยวจูกลับตอบไม่ถูก เพราะหลายครั้งมากจนนับไม่ถูก ผมถามนางว่ามีความสุขหรือไม่ นางยิ้มอย่างเคอะเขิน มิได้ตอบ แต่รอยยิ้มที่มีความสุขของนางก็บอกได้แทนคำตอบแล้ว
คืนนั้นเย็ดเสี่ยวจูไปอย่างมันส์หยด และนอนเย้าแย่คุยกันจนถึงเที่ยงคืน ผมจึงได้ให้เสี่ยวจูออกไป เพราะไม่แน่อูหยินรองอาจจะกลับมา เสี่ยวจูก่อนจะไปยังไม่ลืมทำลายหลักฐาน นางเอาผ้าปูห่มที่นอนใหม่มาเปลี่ยนให้ และตรวจดูว่ามีอะไรที่ผิดตาไปอีก แล้วจัดการให้เรียบร้อย
ยามนั้นอารมณ์เหมือนลักลอบเป็นชู้กันไม่มีผิด พาชวนตื่นเต้นใจกันไม่น้อย
๑
ค่ำคืนนั้น ฮูหยินรองกลับมาตอน ตีสาม ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาตอนนางเข้าห้อง นางเมื่อเห็นผมตื่นก็รีบเล่าให้ฟัง ว่า นางไปหาม้าเท้งและทำมาเป็นแจ้งข่าวในทางลับ ว่าได้ยินผมเปรยว่าจะไปชวนเตียวสิ้วมาเข้าร่วมด้วย แล้วนางก็เพิ่มเติมออกความเห็นไปว่า เตียวสิ้วกับผมเป็นเพื่อนกันมาหลายปี สนิทกันมาก ดังนั้น ผมจะต้องดึงเตียวสิ้วมาร่วมได้แน่ ม้าเท้งได้ฟังก็ยินดีมากหากเตียวสิ้วสวามิภักดิ์ ดังนั้นมันจึงเชื่อเสียสนิทใจ
ผมยิ้มรับอย่างยินดี และชวนนางนอนหลับพักผ่อน โดยไม่ได้ถามถึงว่าเหตุใดนางถึงกลับช้า เพราะรู้อยู่แล้วว่า เรื่องนี้ ฮูหยินรองกับม้าเท้งคงคุยกันบนเตียงเป็นแน่
พอเช้าอีกวัน ผมไปหาเตียวสิ้วใหม่ คราวนี้ไปแบบปกติโดยนั่งรถม้าไป มิได้พลางตัวแต่อย่างไร เพราะต้องการให้คนของม้าเท้งเห็น เมื่อไปถึงค่ายทหารของเตียวสิ้ว ก็ทำทีเป็นหายเข้าไปพูดคุยกันสักพัก ก่อนจะชักชวนกันออกมา แล้วร่วมเดินทางไปด้วยกัน หาม้าเท้งที่จวนเจ้าเมือง
ม้าเท้งพอรู้ว่าผมพาเตียวสิ้วมา ก็รีบออกมาต้อนรับ พอผมเกริ่นว่าเตียวสิ้วจะสวามิภักดิ์ ม้าเท้งความจริงรู้อยู่ก่อนแล้ว ก็แสร้งทำเป็นยินดีปรีดา จะตั้งเตียวสิ้วที่ตอนนี้เป็นแม่ทัพระดับสาม ให้เป็นแม่ทัพของมัน ขึ้นมาเป็นแม่ทัพระดับสอง
เตียวสิ้วรีบน้อมคาราวะขอบคุณ แต่กล่าวว่า
“ข้าพเจ้านั้น มีทหารเพียงสามพัน มิสามารถทำคุณประโยชน์กับท่านได้มากนัก อีกทั้งจะสร้างผลงานในสนามรบก็คงยากเย็น ดังนั้นข้าพเจ้าคิดสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่ ช่วยให้ท่านยึดเตียนอันให้สำเร็จได้โดยง่าย จึงอาสากลับไปเป็นไส้ศึกในเมืองเตียนอัน ยามใดที่ท่านยกทัพถึงเตียนอัน ข้าพเจ้าก็จะช่วยก่อการ เปิดประตูเมืองให้”
ม้าเท้งฟังแล้วถึงกับนัยน์ตาลุกโชติช่วง เช่นนี้ก็เท่ากับว่า เตียนอันตกอยู่ในมือมันแล้ว จึงพูดว่า
“ดี…ดียิ่ง หากการนี้สำเร็จ ข้าจะตั้งท่านให้เป็นแม่ทัพเอก เลยทีเดียว”
เตียวสิ้วรีบกล่าวรับคำ และขอบคุณ จากนั้นผมกับเตียวสิ้วและม้าเท้ง ก็ปรึกษาหารือกันต่อไปอีกสักพัก ด้วยแผนการต่างๆ ดูจะเห็นผลสำเร็จมาก ยิ่งมีไส้ศึกคอยเปิดประตูเมืองให้จากภายใน ยิ่งมองยังไงก็ชนะ ม้าเท้งยินดีปรีดาเสียจนไว้วางใจผมกับเตียวสิ้วมากกว่าเดิมถึงกับเผยวันเคลื่อนทัพของมันและหันซุยพี่น้องร่วมสาบานของมันให้รู้ ซึ่งก็คืออีกไม่กี่วันข้างหน้า เลยบอกเตียวสิ้วให้รีบกลับไปเตียนอัน เพื่อไปเตรียมการ
เตียวสิ้วเลยขอตัวกลับไปก่อน แล้วกลับไปเตรียมทหารของตัวเอง พาทหารออกจากเสเหลียงไปได้อย่างสบายใจเฉิบ
ผมยังนั่งคุยกับม้าเท้งอยู่ต่อ พอทราบวันเดินทัพของมันแล้ว คำนวณดูก็เห็นควรว่า ต้องหนีได้แล้ว แต่ม้าเท้งเหมือนต้องการให้ผมเดินทางติดกองทัพไปกับมันด้วย นับว่าเป็นปัญหาอยู่ไม่น้อย เพราะถ้าขืนเดินทางติดกองทัพไปกับมัน จะหาทางหนีก็คงอยาก พลันทำเป็นมีเรื่องกลัดกลุ่มใจ ให้ม้าเท้งสังเกตเห็น ม้าเท้งพอเห็นก็ถามว่า
“น้องเซี่ยง เจ้ามีเรื่องกลุ่มใจอันใดรึ”
ผมจึงถอนหายใจ พูดว่า
“พอดีข้าพเจ้าได้ฤกษ์มงคลมา จะตบแต่งฮูหยินรอง เพียงแต่ว่า ท่านจะเดินทัพเสียก่อน จึงนึกกังวลใจ เพราะถ้าหากติดตามทัพไปกับท่าน คงไม่ได้ตบแต่งเป็นแน่ หากพ้นฤกษ์นี้แล้ว ปีนี้ก็ไม่มีวันดีอีก เลยลังเลใจอยู่ เลยมิรู้จะตัดสินใจอย่างไร”
ม้าเท้งฟังแล้วรู้สึกมิถูกหู จึงพูดว่า
“ลูกผู้ชาย เรื่องงานสำคัญกว่า มิเห็นว่าจะตัดสินใจยากอย่างไร”
ผมก็ทำเป็นครุ่นคิดหนักใจอีก พูดแย้งเรื่องฤกษ์ยามต่างๆ หากไม่แต่งวันนั้น ก็จะเสียฤกษ์ไป จะได้แต่งอีกก็คงเป็นปีหน้า ซึ่งรอคอยไม่ไหว ม้าเท้งนั้นก็ยังไม่เห็นด้วย และว่าเมื่อการใหญ่สำเร็จแล้วจะแต่งตอนไหนก็ย่อมได้ ผมจึงบอกว่า
“เช่นนี้เถอะ ท่านเดินทัพล่วงหน้าไปก่อน พอข้าพเจ้าแต่งงานเสร็จพิธีแล้วจะรีบเดินทางไปสมทบกับท่าน จะอย่างไรเสีย ข้าพเจ้าก็ตามกองทัพท่านได้ทันก่อนที่จะถึงด่านเองเปงก๋วน ดูแล้ววิธีนี้น่าจะดีที่สุด”
ม้าเท้งเห็นผมยืนกรานจะแต่งให้ได้ แม้ไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกมาก เพราะงานใหญ่รออยู่ตรงหน้า ไม่อยากให้แตกคอกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้ พลันครุ่นคิดดูถูกในใจ ว่า คนผู้นี้ถึงกับมัวเมาสตรี จนไม่แยกแยะไม่ออกทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง ดังนั้นขี้เกลียดแยแสสนใจ เพราะจะอย่างไรก็ไม่ใช้งานมันนานนัก พอเสร็จงานลุล่วงแล้วค่อยกำจัดมันทิ้ง ตอนนี้มันอยากจะทำสิ่งใดก็ให้ทำไปเถอะ
จึงตกลงใจตามไปตามนั้น
เมื่อได้ข้อตกลงแล้วผมจึงลากลับไปบ้านตระกูลงิว แล้วบอกต่อฮูหยินรองว่า แผนการช่วยเตียวสิ้วพาทหารออกนอกเมืองสำเร็จแล้ว เมื่อเตียวสิ้วพาทหารพ้นไปสักระยะ จะส่งทหารกองหนึ่งปลอมปนมาเป็นชาวบ้าน แล้วกลับมาคุ้มกันเราและพาหนีไปด้วยกัน ตอนนั้นม้าเท้งคงยกทัพออกนอกเมืองไปแล้ว ดังนั้นการหลบหนีคงไม่ใช่เรื่องยาก เลยคิดว่าเราจะแต่งงานกันก่อน แล้วค่อยพากันหนีไปเตียนอันด้วยกัน
ฮูหยินรองพอฟัง ก็ยินดียิ่งคิดว่าเป็นความจริง พอใกล้ถึงวันก็สั่งบ่าวทาสให้เตรียมจัดงานแต่งอย่างใหญ่โต ม้าเท้งได้ข่าวดังนั้นก็ไม่ได้สงสัย เพียงคิดว่าผมเป็นคนไม่รู้กาลเทศะ ทั้งที่มีสมองปราดเปรื่องแต่กลับไม่รู้ว่าอันไหนควรทำก่อนทำหลัง เลยไม่อยากแยแสสนใจ เร่งจัดการกองทัพ เตรียมจะเคลื่อนผล
ผ่านไปห้าวัน ถึงวันเดินทัพ กองทัพม้าเท้งเคลื่อนทัพนับแสนออกไป มันกลับซ่องสุ่มกำลังทหารไว้มากมายถึงเพียงนี้ นับว่าเป็นกองทัพที่ใหญ่เอาการ แถมยังมีฝูงวัวฝูงแกะอีกนับหมื่น ถูกต้อนให้ตามหลังกองทัพไปเป็นเสบียงอีกด้วย
พออีกสองวันถัดมา ก็เป็นวันแต่งงานของผมกับฮูหยินรอง พิธีเริ่มจัดกันเสียแต่ตอนเช้า แขกเหรื่อมากันมากมาย งิวกุยบุตรชายฮูหยินรองก็มาร่วมพิธีด้วย โดยทำหน้าที่ต้อนรับแขก มันเองก็ยินดีปรีดา คิดว่าอนาคตภายภาคหน้าของมันต้องเจริญรุ่งเรื่องแน่
ภายนอกกำลังวุ่นวาย แต่ภายในกลับเงียบสงบ ที่เรือนรับรอง ที่ห้องหนึ่ง ถูกตกแต่งเป็นห้องเจ้าสาวรอเจ้าบ่าวมารับตัวตามพิธี เพื่อจะได้ไปดำเนินพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน
ฮูหยินรองนั่งรออยู่ในชุดเจ้าสาว พร้อมกับเสี่ยวจูที่เป็นหญิงรับใช้ แม้ตอนนี้เสี่ยวถิงไม่อยู่ กลับไม่มีใครติดใจสงสัย เมื่อสารถีรถม้ากลับมาบอกว่า เสี่ยวถิงยอมตายพร้อมคุณหนู โดยจะขออยู่ปรนนิบัติคุณหนูงิวจนวาระสุดท้าย ตอนนี้ก็คิดว่านางคงติดโรคร้ายไปอีกคนแล้ว ก็เลยไม่มีใครคิดเสาะหาติดตามนาง
ขณะที่ฮูหยินรองนั่งรอเจ้าบ่าว ด้วยใจตื่นเต้นชื่นมื่น กลับมีคนห้าคนตรงมายังห้องเจ้าสาว พวกมันหอบหิ้วลังใบใหญ่มา วางหน้าประตู คนผู้หนึ่งจึงเคาะห้อง พูดว่า
“ข้าพเจ้านำของขวัญจากม้าเท้งมามอบให้เจ้าสาวเป็นการส่วนตัว ขอฮูหยินรองช่วยเปิดประตู”
ฮูหยินรองนึกสงสัย จึงใช้ให้เสี่ยวจูไปเปิด พอประตูเปิดออก เสี่ยวจูก็ถูกกรงเล็บครากุมคอหอยบีบรัดไม่ให้ส่งเสียง คนอีกผู้หนึ่งก็กระโจนอย่างว่องไวเข้าไปประชิดตัวฮูหยินรอง พร้อมกับตบสะกัดจุดนางให้สลบก่อนที่จะส่งเสียงร้อง พวกมันลงมือกันอย่างรวดเร็ว พอจัดการเสร็จ คนข้างนอกอีกสองคนก็ช่วยกันถือหีบลังเข้ามาในห้อง แล้วทิ้งคนไว้ข้างนอกคนหนึ่งเพื่อดูลาดเลา
เสี่ยวจูยามนั้นตกตะลึงพึงเพิด ไม่รู้ว่าคนบุกเข้ามาได้อย่างไร และต้องการสิ่งใด เห็นคนที่ใช้กรงเล็บครากุมคอหอยตนเองมีหน้าตาหล่อเหลาประดุดหยก มิเคยเห็นหน้ามาก่อน มันพลันพูดว่า
“อย่าได้ส่งเสียงร้อง เราเป็นคนของอาจารย์กาเซี่ยง มาเพื่อดำเนินแผนการช่วยเจ้า”
สุ่มเสียงของนางกังวานใสดุจอิสตรี เสี่ยวจูพอมองดูดีๆแล้ว จึงค่อยจำได้ ว่าแท้จริงแล้วนางก็คือตูตู้หลุนภรรยาของกาเซี่ยง คราวนี้นางปลอมตัวเป็นบุรุษประปนเข้ามาในงาน ส่วนผู้ชายอีกสี่คนที่ติดตามมา ก็คือเหล่าลูกศิษย์ทั้งสี่ของนาง
เสี่ยวจูเมื่อจดจำออกแล้วจึงพยักหน้ารับ ตูตู้หลุนเห็นเสี่ยวจูไม่ดื้อดึงไม่ขัดขืนจึงปลดปล่อย แล้วให้ลูกศิษย์ของนางไปเปิดหีบลังออก ภายในกลับซุกซ่อนหญิงสาวไว้คนหนึ่ง เมื่อลุกขึ้นพ้นออกมาจากหีบลัง เสี่ยวจูแลเห็นถึงกับร่ำไห้
“คุณหนู นี่ท่านหายแล้วหรือ”
นางร้องออกมาอย่างยินดี แล้วเข้าไปหาประคองจับมือทั้งสองของคุณหนูงิว คุณหนูงิวยามนี้ผดผื่นหายสนิท หน้าตากลับมาผ่องใสสวยหมดจรดเหมือนเดิม นางเองก็ยินดีที่ได้เจอเสี่ยวจู จึงยิ้มรับ จับมือเสี่ยวจูตอบ พูดว่า
“เป็นเราเอง เราหายดีแล้ว”
ยามนั้นตูตู้หลุนเห็นว่า อาจจะพูดคุยกันมากความ จึงพูดแทรกว่า
“อี้หลาง เจ้ารีบเปลี่ยนชุดเถอะ”
พลันสั่งให้ลูกศิษย์ทั้งหมดของนาง ออกไปรอนอกห้อง แล้วจัดแจงถอดชุดเจ้าสาวของฮูหยินรองออก สับเปลี่ยนให้งิวอี้หลางสวมใส่ แล้วจับฮูหยินรองมัดใส่หีบลังลงไปแทน เสี่ยวจูแม้เป็นคนซื่อแต่ไม่ใช่คนโง่นัก พอเห็นเช่นนี้ก็พอเดาออกว่าจะมีการเปลี่ยนตัวเจ้าสาว แต่ก็ยังไม่เข้าใจทั้งหมด จนตูตู้หลุนบอกกำชับแผนการทั้งหมด นางจึงได้เข้าใจ แต่ก็งงงันไม่น้อยที่เมื่อรู้ว่า ผมไม่มีส่วนรู้เห็นกับการสับเปลี่ยนเจ้าสาวครั้งนี้
เมื่อเรียบร้อยแล้ว ตูตู้หลุนกับบรรดาเหล่าลูกศิษย์ก็พากันสลายตัวออกไปจากห้อง ทิ้งให้งิวอี้หลางและเสี่ยวจู นั่งรอเจ้าบ่าวมารับตัว เมื่อถึงเวลาผมจึงมารับตัวเจ้าสาวปกติ แต่ตอนนั้นมีคนติดตามมามาก เสี่ยวจูจึงไม่มีโอกาสได้บอก ทำให้ผมคิดว่าเจ้าสาวนั้นยังคงเป็นฮูหยินรอง เพราะชุดเจ้าสาวจีนนั้นจะมีผ้าปกปิดหน้าอยู่
จนกระทั้งกราบไหว้ฟ้าดินเสร็จสรรพ เสี่ยวจูถึงได้บอกผมว่า เจ้าสาวคือคุณหนูงิว ผมถึงกับงงงัน ว่าไฉนคุณหนูงิวถึงมาแทนฮูหยินรองได้ นางสมควรอยู่กับเหล่าภรรยาผมจึงถูก แต่พอเสี่ยวจูบอกว่าใครพามา และฝากบอกผมว่า พวกนางไม่ยอมรับการกราบไหว้ฟ้าดินกับฮูหยินรอง จึงส่งเจ้าสาวตัวจริงมาให้แทน ผมฟังดังนั้นนึกจะหัวร่อก็หัวร่อไม่ออก คิดว่าผู้หญิงนี่บางทีเรื่องเล็กน้อยก็เอาไปคิดกันวุ่นวาย ดูท่าแผนการนี้คงมีคนเดียวที่คิดได้ คงไม่พ้นอาเจินเป็นแน่
แต่ตอนนั้น คนในชุดเจ้าสาวที่ยื่นข้างๆ ผมเป็นคุณหนูงิว ใจก็เต้นไม่เป็นส่ำ แทบใครเปิดผ้าปิดหน้าของนางออกดูเพื่อให้เห็นหน้านาง เพราะตั้งแต่มาผมยังไม่เห็นหน้างิวอี้หลางเลย มาเห็นเอาตอนหนึ่งหน้านางก็เต็มไปด้วยผดผื่นแดงจนน่าเกลียด เลยไม่รู้ว่านางตอนนี้โตขึ้นมีหน้าตาเป็นอย่างไรบ้าง แต่ก็ไม่อาจทำได้ มิเช่นนั้นคนอื่นก็รู้เช่นกัน จึงต้องสะกดใจเอาไว้
รอจนเสร็จพิธี ส่งเจ้าสาวขึ้นเรือนหอ ผมก็แทบจะขึ้นตามไปในทันทีโดยไม่สนว่าผู้ใดชวนดื่มยังไงหรือไม่