กุนซือเจ้าสำราญ ตะลุยสามก๊ก ตอนที่ 23 (ตอนนี้ขอเช็คเรทติ้งหน่อยนะครับ)
โดย saradio
ตั๋งไป่นั้นหลังจากตกเป็นเมียผมแล้ว ก็ค่อยดูน่ารักน่าเอ็นดูขึ้นมามาก ตอนนี้นางไม่กล้ายโสอวดเบ่งอำนาจเหมือนแต่ก่อน เพราะรู้ซึ้งแล้วว่าอำนาจบารมีที่นางเคยมีนั้น มันได้อันตรธานหายไปสิ้นพร้อมกับตั๋งโต๊ะ จนไม่มีผู้ใดเกรงกลัวตำแหน่งท่านหญิงของนางอีกต่อไป แถมนางยังถูกหวนเตียวข่มขู่อย่างใช้อำนาจกดหัว ทำให้นางได้ตระหนักรู้รสชาติถึงการถูกกดขี่ข่มเหงว่ารู้สึกเยี่ยงไร จึงทำให้นางพอได้สำนึกในสิ่งที่ตนเองเคยทำ จึงเริ่มจะปรับเปลี่ยนนิสัยบ้าง
แต่อย่างไรก็ตาม นิสัยไม่ใช่จะเปลี่ยนกันได้ง่ายๆ บางครั้งนางก็มีเผลอมีแผงฤทธิ์บ้าง เพียงไม่กี่วัน นางลงมือกับบ่าวรับใช้สองคน เนื่องจากไม่พอใจ ที่พวกนางใช้ไม่ได้ดังใจ ทำให้นางโมโหลงมือกับบ่าวรับใช้สองคน
ผมเมื่อกลับมาจากงานราชการที่วังหลวง พอรู้เข้าก็โมโห จึงทำโทษนาง โดยทำเป็นเครียดขึงและเย็นชาต่อนาง พอตกกลางคืนก็มิชวนนางเริงรักด้วย ผมจึงสนุกสุขสรรกับตูตู้หลุนเพียงสองคน โดยมีตั๋งไป่นอนร่ำไห้สะอึกอื้นข้างๆ
ตูตู้หลุนรู้สึกลำบากใจและเห็นใจตั๋งไป่อยู่ไม่น้อย พยายามจะพูดแก้ต่างให้แทน แต่ผมไหนเลยรับฟัง จึงพูดกับตูตู้หลุนว่า
“หลุนเอ๋อ หากเจ้าคิดพูดออกหน้าแทนให้นาง ข้าก็ไม่สนใจเจ้าเช่นกัน”
ตูตู้หลุนจึงไม่กล้ากล่าวอันใดอีก ผมจึงชวนจูบและเล้าโลมตูตู้หลุน จากนั้นก็จับนางเปลือยผ้าเล่นท่าหกเก้า โดยตูตู้หลุนอยู่บนผมอยู่ล่าง ช่วยทำรักด้วยปากให้กัน เสียงดูดดื่มจ๊วบจ๊าบเล่นลิ้นลงรักกับอวัยวะ ทำเอาตั๋งไป่ยิ่งร่ำไห้สะอื้นหนักกว่าเดิม รู้สึกตัวเองเหมือนโดนทอดทิ้งเดียวดาย ไหนเลยทานทนได้ ต้องสะอื้นไห้เสียงดัง เรียกร้องความสนใจ
แต่ผมไหนเลยสนใจ ทำเป็นไม่ได้ยินและมองไม่เห็น เหมือนกับว่านางไม่ได้มีตัวตนอยู่ตรงนั้น ยังคงเลียหีตูตู้หลุนอย่างอร่อย และส่งเสียงครางกระสัน กระเด้าเอวเอาควยสู้กับลิ้นตู้ตู้หลุน
ตั๋งไป่เห็นดังนั้น ก็โมโหที่ผมไม่สนใจ พลันร่ำไห้หงุดหงิดจนเอาสองมือทุบตีที่นอน ผมก็ไม่ได้สนใจอีก และจับตูตู้หลุนเปลี่ยนท่า ให้นางโก่งโค้งท่าหมาแอนตูด แล้วโลมเลียร่องก้นของนางจนถึงร่องหี ตูตู้หลุนเสียวจนยืดแขนดันที่นอนไม่ไหว จำต้องพับแขนใช้ข้อศอกยันพื้นที่นอนแทน นั่นยิ่งทำให้ก้นนางยิ่งแอ่นโด่ง โดนลิ้นชอนไชได้โดยง่าย
“อ้อยยยย พี่เจ๋ง อ๊ายยยย ซีดดดส์ ข้าพเจ้าใจจะขาดอยู่แล้ววว อ้อยยยยย”
จ๊วบๆๆ แจ๊บบบ แผล่บๆๆๆ
“อาห์ โอ้วววว หีเจ้าอร่อยดีเหลือเกิน หลุนเอ๋อ ซีดดส์”
ตอนนั้นน้ำหีตูตู้หลุนฉ่ำเยิ้มเปื้อนเต็มปากผม บอกผมให้รุ้ว่านางเงี่ยนมากปานใด ผมจึงเปลี่ยนจากลิ้นมาใช้ควยกดเกาหีให้นางแทน ผมค่อยกดควยเข้าไป แล้วสอดเข้าออกช้าๆ ให้นางลิ้มรสมันอย่างเต็มรสชาติ ควยของผมเปื้อนเยิ้มน้ำเงี่ยนในหีนางจนเป็นเมือกขุ่นขาว เยิ้มหยดออกมา ตั๋งไป่พอมองเห็นพลางลืมสะอื้นร่ำไห้ แต่เพียงไม่นานนางก็สะอื้นต่อ และหงุดหงิดงุ่นง่าน จนลุกออกจากเตียงจะออกนอกห้อง ผมเลยตวาดว่า
“หากเจ้าออกไป ก็ไม่ต้องกลับเข้ามาอีก”
ตั๋งไป่ ก็ไม่กล้าออก ต้องร่ำร้อง ตีอกชกหัว ดีดดิ้นเท้า เพราะทำอะไรไม่ได้ พลันร้องว่า
“กาเซี่ยง เจ้ารักแกข้า เจ้ารักแกข้า”
ตูตู้หลุนรู้สึกเห็นใจนาง จึงพูดบอกนางว่า
“ไป่เอ๋อ เจ้าก็สำนึกผิด อ้อนวอนข้อร้องให้ท่านพี่ยกโทษให้เถอะ อย่าได้ดื้อรั้นไปเลย”
นางบอกเสียงกระเส่า เพราะควยผมโยกเข้าออกหีเธอจนน้ำเยิ้มไปหมด ส่วนผมนั้นก็ไม่ได้สนใจ กระเด้าเย็ดตูตู้หลุนอย่างเริ่มมันควย จึงจับกดเอวตูตู้หลุนจนตูดแอ่น แล้วดึงตัวนางกระเด้าใส่แรงๆเร็วๆ
ตับๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
“อ๊อออยยยยยย พี่เจ๋ง อ๊ายยยยยยยย อ้อยยยยย ข้าพเจ้าเสียวจนไม่ไหวแล้ว ซีดดดส์ อ้อยยยย”
ตับๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ตั๋งไป่เห็นแบบนั้นก็ทานทนต่อไปไม่ได้ ร่ำไห้ร้องว่า
“ข้าขอโทษ ข้าจะไม่ทำอีกแล้ว กาเซี่ยงเจ้าอย่าทำกับข้าแบบนี้ อย่าเย็นชากับข้าอีกเลย”
ผมยังไม่พูดอะไรยังเย็ดตูตู้หลุนต่อ ตั๋งไป่เห็นดังนั้นยิ่งร่ำไห้หนัก พูดว่า
“ข้าบอกแล้วว่าข้าขอโทษ ข้าสำนึกแล้ว เจ้าจะเอาอย่างไรอีก ต้องให้ข้าตายหรือไรเจ้าถึงพอใจ”
เสียงของนางทั้งตัดพ้ออ้อนวอน คิดว่าน่าจะสำนึกแล้วจริงๆ
ผมจึงพูดว่า
“ก็ได้ งั้นเจ้าก็เข้ามา อ้ออยยย ซีดดดส์ อาห์”
ผมบอกโดยไม่ได้หยุดกระเด้า
ตับๆๆๆๆๆๆ
ตั๋งไป่สีหน้าแปลเปลี่ยนเป็นดีใจ รีบปีนกลับขึ้นมาบนที่นอน เข้ามากอดข้างกายผม ขณะที่ผมกำลังกระเด้าใส่ตูตู้หลุนอย่างเมามันส์ แล้วผมก็เอามือข้างหนึ่งโอบเอวตั๋งไป่ไว้ ขณะที่มืออีกข้างหนึ่งดันบีบขยำแก้มก้มของตูตู้หลุน จนแหวกเห็นหีที่โดนควยแทงสวนใส่
ตับๆๆๆๆๆ
ตอนนั้นตูตู้หลุนเสียวจนอยากทะลักทะล้นออก พลันร้องครางว่า
“อี๊ยยยยยย์ อ้อยยยยย ไม่ไหวแล้ว น้ำหีข้าพเจ้าจะแตกแล้วววว ”
“โอ้วววว เจ้าจะเสร็จแล้วรึ หลุนเอ๋อ อ้อยยย ซีดดส์”
ตับๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
“อ้อยยยย พี่เจ๋ง โหมข้าเยี่ยงนี้มีหรือข้าจะทานทน อ้อยยยย แตกกก แล้วววว แตกแล้ววว”
ตูตู้หลุนร้องบอก พร้อมน้ำแตกควยที่กระเด้าเย็ดออกมา ผมจึงรีบดึงควยออกให้นางได้แตกน้ำรักได้สะดวก น้ำในหีนางฉีดพุ่งออกมาจนเหมือนฉี่ ทั้งยังมีอาการตัวสั่นสยิวจนตัวกระตุก หีก็ขมิบตอดไม่หยุด
จากนั้นผมก็หันไปบอกตั๋งไป่ว่า
“เจ้าก็รีบถอดผ้าเร็วๆ”
ผมแสร้งทำเป็นยังไม่หายโกรธดีนัก น้ำเสียงที่ออกไปจึงคล้ายเป็นคำสั่ง ตั๋งไป่ ก็รีบถอดโดยเร็วกลัวผมไม่พอใจ เมื่อนางถอดออกหมดแล้ว ผมก็บอกให้นางมานอนหงายตรงหน้า แล้วให้นางถ่างขาแบะไว้ จากนั้นก็จับมือนางมาลูบจับหีของนางเอง พร้อมบอกให้ใช้นิ้วช่วยตัวเองให้ผมดู
ตั๋งไป่นึกอับอายอิดออดว่า
“เจ้าไฉนให้ข้า ทำเรื่องน่าอาย”
“งั้นก็แล้วแต่เจ้า จำทำหรือไม่ทำ ถ้าไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ”
แล้วผมก็ทำเป็นไม่สบอารมณ์ ทำท่าจะไม่สนใจนาง ตั๋งไป่เลยรีบพูดว่า
“ทำแล้ว ข้าทำแล้ว”
แล้วนางก็ใช้นิ้วเขี่ยลูบไล้เล่นหีตัวเอง ผมจึงสั่งบอกให้นางทำไปเรื่อยๆ พูดบอกกำกับให้นางทำ
“ดีอย่างนั้น แย่งเข้าไปลึกๆ แบบนั้น อย่างนั้นแหละ บี้ตรงเม็ดหน่อย ดีมาก พูดด้วย ว่าต่อไปนี้ข้าจะไม่ดื้อกับกาเซี่ยงอีกแล้ว”
“อืมส์ อ้อยย อืมส์ กาเซี่ยง เจ้ารังแกข้าเกินไปแล้วว อ้อยยย”
“จะทำไม่ทำ”
“ฮื่อๆ ก็ได้ ต่อไปนี้ข้าจะไม่ดื้อกับเจ้า อีกแล้วว อ้อยยยย พอใจหรือยัง”
“ดีทำตัวแบบนี้ค่อยน่าเย็ดหน่อย”
แล้วผมก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน เข้าไปกอดจูบปลอบขวัญ ก่อนจะขึ้นทำด้วยท่าเบสิก จับขานางยกพาดไหล่ เอาควยสอดเย็ด
ตูตู้หลุนพอเห็นผมปลอบขวัญตั๋งไป่แล้ว ก็ค่อยเบาใจ เลยเข้ามาร่วมวงช่วยเสริมความบันเทิงเริงรม จนผมเย็ดตั๋งไป่น้ำหีแตกสองรอบ น้ำผมก็แตกใส่หีนางจนเต็มคราบ ผมให้ตั๋งไป่แหวกขาโชว์น้ำควยไหลออกจากหีให้ผมดู ตอนนี้นางก็ทำตามไม่กล้าอิดออด แม้จะนึกอายเพียงใดก็ตาม คืนนั้นผมเลยสนุกแกล้งตั๋งไป่ทั้งคืน กว่าจะได้นอน
————————————-
ยามนั้นภายในนครเมืองหลวงเตียนอันเริ่มเข้าที่เข้าทาง การบริการงานต่างๆเริ่มดำเนินไปได้ ความมั่นคงทางอำนาจของพวกลิฉุยกับกุยกี ก็เพิ่มขึ้น โดยไม่มีใครคิดต่อต้าน
แต่บ้านเมืองพบความวุ่นวายมานานตั้งแต่สมัยตั๋งโต๊ะทำศึกกับ18หัวเมือง จนทำให้อำนาจราชสำนักเสื่อมโทรม ทั้งตราแผ่นดินก็หายสาบสูญ จะออกราชโองการบังคับหัวเมืองใดๆก็ไม่ได้ เพราะความเชื่อถือต่อราชสำนักนั้นหายไป และผลจากการที่บ้านเมืองทุกข์ยากมานาน ทำให้กบฏผ้าเหลืองเริ่มก่อตัวขึ้นอีก ทั้งยังมีชนเผ่าเกียงทางภาคเหนือคิดรุกรานแผ่นดินฮั่น เพราะเห็นว่าเริ่มเสื่อมอำนาจ
ด้วยเรื่องสองเรื่องนี้ หากราชสำนักไม่ทำสิ่งใด ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าราชสำนักฮั่นนั้นเสื่อมอำนาจลงแล้ว ครั้งจะยกทัพไปปราบเองก็ไม่ได้ เพราะกำลังทหารทั้งหมดก็ต้องคอยปกป้องเมืองหลวงไว้ ครั้งจะสั่งให้หัวเมืองทำการปราบ ก็ไม่รู้ว่าผู้ใดจะทำตามราชโองการบ้าง เพราะถ้าออกราชโองการไปแล้ว แล้วคนที่ได้รับไม่ทำตาม และตัวเองไม่มีปัญญาไปลงโทษที่ขัดราชโองการ มันจะทำให้อำนาจส่วนกลางไม่มีความหมายอันใดเลย
ที่ประชุมขุนนางถึงกับเคร่งเครียดคิดหนัก ยังหาทางแก้ไขไม่ได้ ลิฉุยจึงเอาความมาปรึกษาผม ผมคิดวิเคราะห์อยู่สองวันก็พอจะหาทางออกได้ จึงรีบไปหาลิฉุย แนะนำว่า
“หากคิดจะฟื้นฟูอำนาจส่วนกลาง คงต้องหาคนที่พร้อมจะทำตามราชโองการให้ผู้อื่นดูเป็นเยี่ยงอย่างก่อน และคนผู้นั้นก็คือโจโฉ เนื่องจากโจโฉหลังจากแยกตัวออกจากทัพ 18 หัวเมือง มันก็พาทหารของมันมาอยู่ที่เมืองกุนจิ๋ว แม้มันปกครองเมืองกุนจิ๋วอยู่ แต่ก็มิได้เป็นไปโดยถูกต้อง ตัวโจโฉนั้นในตอนนี้ไม่ได้มีตำแหน่งขุนนางอันใด หากเราออกราชโองการแต่งตั้งให้มันเป็นเจ้าเมืองกุนจิ๋ว ”
ลิฉุยขมวดคิ้วครุ่นคิด ถามว่า
“เหตุใดท่านจึงคิดว่า โจโฉจะทำตามราชโองการของเรา”
ผมจึงตอบว่า
“หนึ่งนั้น เมื่อโจโฉได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองกุนจิ๋ว มันก็จะมีความชอบธรรมในการปกครองเมือง การเก็บเสบียง เก็บส่วยภาษี เพื่อเลี้ยงกองทัพของมัน ก็จะทำได้โดยง่ายไม่ถูกประชาชนตำหนิติเตียน
สองนั้น ยศตำแหน่งแม่ทัพปราบภาคตะวันออก นั้นสูงกว่าพวกเจ้าเมืองหัวเมืองแถบนั้น โจโฉย่อมอยากได้ไว้ใช้สร้างบารมีกับประชาชนให้กับตัว และจะได้ไม่น้อยหน้า พวกอ้วนเสี้ยว หรือกองซุนจ้าน
สามนั้น เมืองกุนจิ๋วอยู่ไม่ไกลเรามากนัก หากโจโฉไม่ทำตามมันก็กลัวเราจะยกทัพไปสำเร็จโทษ มันในตอนนี้ยังมีกำลังไม่แข็งแกร่งมากนัก มันย่อมไม่ต้องการเป็นศัตรูกับเรา ดังนั้นข้าพเจ้าเชื่อว่า โจโฉ จึงจะต้องรับราชโองการนี้อย่างแน่นอน
และหากมันรับแล้ว ทำได้สำเร็จจนได้ยศแม่ทัพปราบภาคตะวันออก ก็ย่อมสร้างความอิจฉาให้กับพวกเจ้าเมืองพวกนั้นที่อยากจะได้ยศถาบรรดาศักดิ์บ้าง ภายหลังเรามีราชโองการไปพวกมันก็พากันทำตามราชโองการของเราเอง”
ลิฉุยฟังแล้วก็หัวเราะเห็นด้วย พูดว่า
“ดี.. ข้าจะทำตามนี้”
แล้วลิฉุยก็ไปสั่งการให้ออกราชโองการ นำไปให้โจโฉ พร้อมตราตั้งเจ้าเมือง แต่งตั้งให้เป็นเจ้าเมืองกุนจิ๋ว ให้นำกำลังไปปราบ กบฏโจรผ้าเหลือง หากสำเร็จจะได้รับการแต่งตั้งเป็นแม่ทัพปราบภาคตะวันออก
โจโฉก็รับราชโองการแต่โดยดี และขึ้นเป็นเจ้าเมืองกุนจิ๋ว ตระเตรียมกำลังเพื่อออกปราบกบฏโจรผ้าเหลือง ข่าวนี้ถูกแพร่สะพัดออกไป จนไปถึงหูม้าเท้ง
ม้าเท้งนั้นก็เหมือนโจโฉ เคยร่วมกับ 18 หัวเมืองไปปราบตั๋งโต๊ะ แต่พอแยกทัพออกมาก็ไปอยู่กับหันซุยที่เป๊งจิ๋ว และยังไม่มีตำแหน่งราชการใดๆ
เมื่อม้าเท้งเห็นโจโฉนั่นได้กินเมืองกุนจิ๋ว มันก็อยากจะได้บ้าง จึงสงสารลับถึงลิฉุย ขอให้มันออกราชโองการให้มันไปปราบเผาเกียงที่เข้ามารุกรานแผ่นดินฮั่น โดยจะขอกินเมืองซีหลงแทนงิวฮูที่ตายไป
ลิฉุยยินดียิ่ง ที่จะมีคนยอมรับทำตามราชโองการเพิ่มอีกคน จึงออกราชโองการตามที่ม้าเท้งต้องการ ทั้งยังบอกว่าหากสำเร็จจะตั้งให้เป็น แม่ทัพปราบตะวันตก แล้วให้คนนำราชโองการไปส่งให้ม้าเท้ง
ทั้งม้าเท้งกับโจโฉทำการได้สำเร็จภายในไม่กี่เดือน ทั้งคู่ก็ได้รับอวยยศพร้อมตราตั้งตามราชโองการ โดยให้โจโฉได้กินเมืองกุนจิ๋วอย่างถูกต้องและเป็นแม่ทัพปราบตะวันออก ส่วนม้าเท้งเป็นแม่ทัพปราบตะวันตกได้กินเมืองซีหลงแทนงิวฮูที่ตาย
เมื่อโจโฉและม้าเท้งที่ยอมทำตามราชโองการ ทำให้เจ้าเมืองต่างๆ เริ่มจะหวั่นเกรงอำนาจส่วนกลางมากขึ้น โดยเฉพาะเจ้าเมืองหัวเมืองใกล้ๆ ม้าเท้งกับโจโฉ เพราะกลัวว่าหากลิฉุยมีราชโองการมาแล้วไม่ทำตาม ลิฉุยอาจจะให้โจโฉหรือม้าเท้งมาสำเร็จโทษเอาได้ เมื่อเป็นดังนี้ อำนาจส่วนกลางจึงค่อยๆเริ่มฟื้นฟูขึ้น ทำให้พวกลิฉุยมีอำนาจมากขึ้นตามไปด้วย
เมื่อผมเห็นทุกอย่างเป็นไปด้วยดีแล้ว ก็คิดจะไปรับอาเจินมาอยู่ด้วย ตั้งใจจะไปรับด้วยตัวเอง จึงขอลาราชการ เดินทางไปซีหลง เพื่อไปรับอาเจิน
การเดินทางครั้งนี้ ผมต้องการเดินทางคล่องตัว เพื่อให้เดินทางไปได้รวดเร็ว จึงพา ตูตู้หลุน กับ ตั๋งไป่ และลูกศิษย์ของตูตู้หลุนที่ตามมาจากหมู่บ้าน 4คน ไปด้วยเท่านั้น
แล้วพวกเราก็เริ่มเดินทางออกจากเมืองหลวงไปเมืองซีหลงเพื่อไปรับอาเจินมาอยู่ด้วย