กุนซือเจ้าสำราญ ตะลุยสามก๊ก ตอนที่ 7

กุนซือเจ้าสำราญ ตะลุยสามก๊ก ตอนที่ 7

กุนซือเจ้าสำราญ ตะลุยสามก๊ก ตอนที่ 7
โดย saradio

คืนนั้นผมเล่นอาเจินไปหลายน้ำเพราะความคิดถึง จนฟ้าใกล้จะสางอาเจินก็บอกว่าต้องกลับไปกระโจมของตัวเอง เพราะหากฟ้าสว่างแล้ว มีทหารเห็นเราอยู่ด้วยกันแบบนี้มันจะไม่ดี ผมคิดแล้วก็เห็นตามนั้น จึงปล่อยให้อาเจินกลับไปกระโจมของตัวเอง
พอฟ้าสว่าง ผมหลับไปได้ไม่เท่าไหร่ก็มีทหารมาตามผมให้ไปหาเตียวสิ้ว ผมจึงไปพบเตียวสิ้วที่กระโจมใหญ่
เมื่อไปถึง เตียวสิ้วเห็นผมท่าทางอิดโรย ก็เดาออกว่าเมื่อคืนผมคงไม่ได้นอนทั้งคืน มันจึงยิ้มเล็กน้อยแต่ไม่ได้ถามไถ่อะไรเรื่องนั้น และชวนผมคุยเรื่องงานในกองทัพ เกี่ยวกับเรื่องงานพลาธิการที่มอบหมายให้ผมทำ ซึ่งผมรู้อยู่แล้วว่างานของกองพลาธิการนั่นคืออะไร มันคืองานด้านการสนับสนุน และเสริมความคล่องตัวในกองทัพ ตั้งแต่ควบคุมการเบิกจ่ายเงิน การจัดส่งเสบียง อาวุธยุทโธปกรณ์ การแพทย์ การส่งกำลังสนับสนุน การซ่อมบำรุง ล้วนเป็นงานของกองพลาธิการทั้งสิ้น
ที่ผมรู้เพราะผมเคยเรียน ร.ด (นักศึกษาวิชาทหาร กรมการรักษาดินแดน)มาก่อน เรื่องพวกนี้ก็มีสอนอยู่ในหลักสูตร เพราะ ร.ด ถ้าให้เทียบก็คือทหารกองหนุนนั่นเอง ก็ไม่คิดว่ามันจะมีประโยชน์ในตอนนี้ ผมจึงขอดูบัญชีกองทัพ เตียวสิ้วให้คนไปนำมาให้ เมื่อผมพิจารณาดูแล้ว เห็นว่าไม่ยากอะไร ก็รับคำไปจัดการ
เริ่มแรกผมตรวจตรากระโจมคลังของกองทัพก่อน ว่ามีตรงตามบัญชีหรือไม่ เพราะถ้าหากไม่ตรงแล้วผมไม่ตรวจสอบ เกิดของไม่ครบขึ้นมาภายหลังผมอาจต้องรับผิดชอบ ยิ่งอยู่ในช่วงระหว่างสงครามด้วยแล้ว โทษนั้นรุนแรงถึงขั้นตัดหัวกันเลยที่เดียว ดังนั้นผมจะต้องรอบครอบเอาไว้ก่อน
แล้วก็เป็นจริงดังที่ผมคิด เห็นความผิดปกติที่ไม่ตรงกันหลายรายการ พอสอบถามก็ได้คำตอบที่ไม่กระจ่างแจ้งนัก บางครั้งก็อ้ำๆอึ้งๆ ตอบไม่ตรงคำถาม ดูจากรูปการแล้วต้องมีการทุจริตเป็นแน่ นี่ถือเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ที่จะต้องนำขึ้นรายงาน ผมจึงให้ทหารควบคุมตัวหัวหน้างานที่บัญชีมีปัญหาเอาไว้ก่อน
จากนั้นก็เข้ารายงานต่อเตียวสิ้ว เตียวสิ้วพอฟังก็โกรธ สั่งให้สอบสวนหัวหน้าคุมงานเหล่านั้น หากพบว่าผิดจริงก็ให้นำไปประหาร
ผมคิดแล้วว่าอย่างนี้ไม่ดีแน่ เพราะเรื่องแบบนี้มันมีเกิดขึ้นทุกองค์กร ไม่ว่าจะเป็นองค์กรไหน หากไม่มีคนเป็นหัวหน้ามาตรวจสอบกำกับดูแลแล้ว มันมักหย่อนยานมีการทุจริตขึ้นทุกที่
แต่หากเป็นองค์กรใหญ่ พบพนักงานทำผิดทุจริตเพียงเล็กน้อยก็สามารถไล่ออกทันทีได้ไม่มีปัญหา เพราะสามารถจัดหาบุคลากรมาเสริมทดแทนได้ทันที
แต่หากเป็นองค์กรขนาดเล็กประเภท sme แล้ว การจะไล่คนออกยังต้องประเมินว่า ระหว่างไล่มันออกกับไม่มีคนทำงานอันไหนเสียหายมากกว่ากัน ทัพของเตียวสิ้วตอนนี้ก็เหมือน องค์กรขนาดเล็กที่บุคลากรในแต่ละหน้าที่ยังมีจำกัด หากต้องเสียบุคลากรที่ชำนาญงานไปพร้อมกันหลายคน ย่อมยากจะหาคนมาทดแทนได้ในเวลาอันสั้น ความเสียหายต่อการเดินทัพ ก็จะเกิดขึ้น
เมื่อคิดแล้วผมต้องรีบทัดทานว่า
“ช้าก่อน ท่านเตียวสิ้ว อย่าเพิ่งได้ออกคำสั่ง… ข้าพเจ้าเกรงว่า หากต้องสืบสวน มันจะเกี่ยวไปถึงคนจำนวนมาก อีกทั้งถ้าจะต้องประหารหัวหน้างานทั้งหมด กองทัพเราจะขาดแคลนบุคลากรชำนาญงาน จนไม่เกิดความพร้อม ทำให้ส่งผลถึงประสิทธิภาพของกองทัพ”
เตียวสิ้วฉุกคิดเล็กน้อย แต่ก็พูดว่า
“ท่านเหวินเหอ กฎของกองทัพต้องเข้มงวด เสบียงถือเป็นสิ่งสำคัญ มีการทุจริตเยี่ยงนี้ จะปล่อยปละละเลยไปได้อย่างไร”
“ท่านกล่าวมาก็ถูกต้อง แต่ก็ต้องพลิกผันตามสถานการณ์จึงดี ตอนนี้เรายังไม่เสียหายร้ายแรงกองทัพยังไม่ขาดเสบียง แต่กำลังพลกลับเป็นสิ่งสำคัญ หากเราสามารถรักษากำลังพล และป้องปรามไม่ให้เกิดการทุจริตต่อไปได้ ย่อมเป็นทางออกที่ดีที่สุด”
เตียวสิ้วฟังแล้วต้องชังใจคิด ผงกศีรษะตาม และตัดสินใจพูดว่า
“ดี ..ถ้าอย่างนั้น รบกวนท่านช่วยจัดการเรื่องนี้”
ผมจึงรับคำ แล้วขอตัวออกไปดำเนินการ โดยการเรียกทหารหัวหน้าคุมงานทั้งหมดที่บัญชีมีปัญหามาหาที่กระโจม แล้วโยนบัญชีคลังนั้นเผาให้ดูต่อหน้า พร้อมพูดว่า
“บัญชีคลังพวกนี้ สามารถฆ่าคนได้ ทำให้ผู้หญิงเป็นม่ายได้ ทำให้ลูกเป็นกำพร้าพ่อได้ ข้าพเจ้าไม่ต้องการ ข้าพเจ้าต้องการบัญชีคลังที่ทำให้พวกเรามีโอกาสกลับไปหาลูกหาเมีย มีโอกาสที่ทำให้เราชนะสงคราม พวกท่านสามารถจัดทำให้ข้าพเจ้าใหม่ได้หรือไม่”
คนพวกนั้นแตกตื่นตะลึง ไม่คิดว่าผมจะทำลายหลักฐานที่เอาผิดพวกมันทิ้ง แถมยังให้โอกาสแก้ตัว คำกล่าวของผม ก็ยังเป็นสติเตือนใจให้มันได้สำนึก เพราะหากเกิดการทุจริตในกองทัพ กองทัพย่อมเกิดความเสียหาย ถึงขั้นอาจทำให้แพ้สงครามและพากันตายหมดได้
พวกมันล้วนมีแววตาสำนึกผิด มองผมด้วยความตื้นตัน ก่อนพร้อมใจกันก้มลงคาราวะขอบคุณ ผมจึงให้กลับเข้าไปทำงานตามเดิม และทำการตรวจนับ จัดทำบัญชีคลังขึ้นมาใหม่
ผมเชื่อว่าต่อจากนี้ หากผมยังอยู่ที่พวกเขาจะไม่กล้าทุจริตอีก และจะตั้งใจทำงานเป็นพิเศษ เพื่อลบล้างความผิดเดิม แต่กระนั้นผมก็ต้องทำระบบการจัดการใหม่ให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น เพื่อไม่เปิดช่องทางให้ใครทุจริตได้อีก
หลังจากที่พวกหัวหน้าคุมงานออกไปแล้วสักพัก ตูตู้หลุน ก็เข้ามาในกระโจม หน้าตาของนางพยายามเก็บความขุ่นเคืองที่มีต่อผม ขณะที่นางจะเอ่ยปากพูด ผมกลับชิงพูดก่อนด้วยเสียงที่ดุและเย็นชา ว่า
“ใครอนุญาตเจ้าเข้ามา แล้วเวลาเข้าพบผู้บังคับบัญชาต้องทำอย่างไร ไม่รู้รึ”
ตูตู้หลุนพอฟัง ปากที่ค้างขยับจะพูดต้องหุบลงแล้วพ่นลมหายใจออกทางจมูกดัง ฮื้ยย แทน สีหน้าดูเคืองหนักกว่าเดิม แต่ก็สะกดกลั้นใจ ก้าวเดินออกไปหน้ากระโจม แล้วพูดว่า
“ข้า ตูตู้หลุน ขอเข้าพบ นายกองพลาธิการ”
“เข้ามาได้”
ผมบอกอย่างกลั่นหัวเราะในใจ แต่ใบหน้ายังเคร่งขรึม ตูตู้หลุนก็ก้าวเท้าเข้ามามองหน้าผมเขม่ง ผมจึงถามว่า
“เจ้ามีธุระอะไร”
“ข้าไปหาท่านเตียวสิ้ว ขอเป็นทหารกองหน้า ท่านเตียวสิ้วว่า ต้องให้ท่านอนุญาตก่อน ข้าจึงมาที่นี่เพื่อขออนุญาตท่าน”
“ข้าไม่อนุญาต”
ผมตอบทันควันอย่างไม่ต้องคิด ทำเอาตูตู้หลุนถึงกับกระทืบเท้า พูดว่า “ท่าน” คำเดียว ก็พูดอะไรต่อไม่ออก ความจริงเตียวสิ้วมีอำนาจสูงสุดในทัพนี้ หากต้องการโยกย้ายผู้ใดไปทำตำแหน่งไหน ไม่จำเป็นต้องให้ใครอนุญาต แต่ที่โยนมาหาผมแบบนี้ ก็เพราะตูตู้หลุนเป็นเด็กสาวที่ผมพามา จะให้ไปเป็นทหารกองหน้าเสี่ยงตายมันคงไม่เหมาะ ก็เลยบอกนางให้มาขออนุญาตผม
ผมไม่คิดว่าตูตู้หลุนยังจะไปตื้อเตียวสิ้วอีก ดูท่า นางคงอยากเป็นทหารเป็นอย่างมาก ตอนนั้นนางพลันชี้นิ้ว กระซากเสียงใส่ผม ว่า
“กาเหวินเหอ เหตุใดท่านถึงไม่อนุญาต ท่านก็รู้ว่าข้าพเจ้าติดตามท่านมาเพื่อมาเป็นทหาร ใยต้องกีดกันข้าถึงเพียงนี้”
นางถึงกับเรียกชื่อผมตรงๆ ไม่ต้องเคารงเคารพอะไรกันแล้ว เหมือนกับว่าหากวันนี้คุยกันไม่รู้เรื่อง ก็คงต้องแตกหัก ผมจึงพูดว่า
“ผู้ใดกีดกันเจ้า ตอนนี้เจ้าก็เป็นทหารไม่ใช่รึ”
ตูตู้หลุนโกรธจนตัวสั่น ขึ้นเสียงว่า
“ข้าอยากเป็นทหารที่สู้รบ ไม่ใช่ทหารรับใช้เยี่ยงกุรีเช่นนี้…”
ผมฟังแล้วต้องตบโต๊ะลั่น ลุกขึ้นตวาดว่า
“บังอาจจจจจ ทหารตำแหน่งไหนก็มีความสำคัญทั้งนั้น ผู้ใดให้เจ้าเหยียบหยามศักดิ์ศรีทหารกันเอง.. เหอะ เจ้าต้องการจะเป็นทหาร แต่ไร้ระเบียบวินัย ไร้ความคิด ซ้ำร้ายยังดูถูกพวกพ้อง แล้วแบบนี้เจ้าจะเป็นทหารได้อย่างไร จะบอกให้ว่า ต่อให้เจ้ารบเก่งแค่ไหน ถ้าไม่มีการสนับสนุนจากทหารพวกนี้ เจ้าก็ต้องตายในสนามรบอยู่ดี”
เสียงตวาดและคำพูดผม ทำเอาตูตู้หลุน พูดอะไรไม่ออก และเหมือนสำนึกได้ว่าตนเองใช้คำพูดแรงไป ยามสำนึกเสียใจและท้อแท้ ถึงกับทรุดตัวลงคุกเข่าร่ำไห้
ตูตู้หลุนถึงจะเก่งกล้าปานใด แต่นางก็อายุยังน้อย เมื่อบังเกิดความท้อแท้สิ้นหวัง ก็ร่ำไห้ออกมาไม่ต่างอะไรจากเด็กสาวคนหนึ่ง นางถึงกับร้องว่า
“ข้าพเจ้า…ข้าพเจ้าไม่ได้ตั้งใจกล่าวเช่นนั้น ข้าพเจ้าแค่อยากเป็นทหาร อยากแก้แค้นให้บิดา คุณชายกา ท่านได้โปรดเถิด ได้โปรด สงเคราะห์ข้าพเจ้าสักครา ข้าพเจ้าจะไม่ลืมบุญคุณท่านไปชั่วชีวิต”
นางบอกป่นสะอึกสะอื้น เมื่อคิดว่าอับจนหมดสิ้นหนทางแล้ว ก็มีแต่ต้องวิงวอนขอร้อง ผมถึงรู้ว่าที่ตูตู้หลุนอยากเป็นทหารออกรบหนักหนา ก็เพราะหวังจะเจอเอียดปิดและฆ่ามันแก้แค้นให้บิดา ทำให้ผมต้องนึกเห็นใจที่นางมีความมุ่งมั่นปานนี้
ผมจึงพูดเสียงอ่อนโยนและเบาลง ว่า
“เอาเถอะ เรื่องนี้เราเข้าใจเจตนาเจ้าดี เราเองก็ใคร่อยากจะฆ่าเอียดปิด แก้แค้นให้งักแป๋(พ่อตา)เช่นกัน เช่นนี้เถอะ.หากแต่นี้ไป เจ้าไม่ดื้อ ไม่ซน กับเรา เราก็จะพิจารณาให้เจ้าไปเป็นทหารกองหน้า”
ตูตู้หลุน พอได้ฟังก็ดีใจรีบรับคำ ก้มกราบคาราวะขอบคุณไม่ขาดปาก แต่เมื่อนึกถึงคำพูดผมที่ว่า อยากแก้แค้นให้บิดาเธอ แถมยังเรียกว่าพ่อตา เท่ากับย้ำว่ายังยึดถือตนเองเป็นภรรยา พลันรู้สึกวาบหวิวใจและอบอุ่นอย่างประหลาด หน้าเลยแดงซ่านขึ้นมา
พอผมไปประคองให้ลุกขึ้น ตูตู้หลุนก็มีทีท่ากระอวนอาย วางตัวไม่ถูก พูดจาตะกุกตะกัก รีบขอตัวออกจากกระโจม ผมจับรู้สึกได้ว่า ตูตู้หลุนแม่เสือร้ายกำลังจะกลายเป็นลูกแมวเชื่องเสียแล้ว เลยอดที่ยิ้มกริ่มกับตัวเองไม่ได้

Share the Post:

Related Posts

แท็กซี่เขาอ่อย หนูเลยให้เขาเล่นของหนู

เรื่องเสียว แท็กซี่เขาอ่อย หนูเลยให้เขาเล่นของหนู เอิร์นนะคร้า เป็นสาวมหาลัยในเชียงใหม่นี้เองค่า เอิร์นเป็นสาวมหาลัยปีสองแล้วค่ะ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องผู้ชายเลย ยุคนี้แล้วเนอะ ไม่ใช่แค่ผู้ชายนะคะที่ล่าแต้ม เอิร์นเองก็กินมาเยอะเหมือนกันค่ะ สูงยาว ลำอวบ ใหญ่ยาว กินมาหมดแล้วค่า ชีวิตครั้งนึงเนอะ เรื่องพวกนี้ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ต้องมีบ้างอยู่แล้วใช่ไหมค่ะ และแน่นอนว่าเอิร์นเลยกินแต่วัยเดียวกัน รู้ตัวอีกทีได้แอบกินรุ่นใหญ่พี่แท็กซี่ซะอย่างนั้นเลยค่ะ ที่สำคัญไม่เคยเจอมังกรที่ใหญ่ยักษ์ขนาดนี้มาก่อน มาเริ่มเรื่องกันเลยดีกว่าค่ะ ด้วยความที่อยู่เชียงใหม่ที่เที่ยวเยอะ

Read More

จากทำอาหาร ทำไมโดนเขาทำเสียว

เรื่องเสียว จากทำอาหาร ทำไมโดนเขาทำเสียว “ตั้งกล้องเรียบร้อยแล้ว มึงพร้อมยังจะได้กดเริ่ม” วันนี้เรามีถ่ายคลิปวิดีโอทำอาหารที่คอนโดของพวกเราสองคนที่เป็นเพื่อนกัน เรามองเม็กที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมสองเม็ดจนเห็นแผงอกที่เป็นมัดกล้าม กางเกงขาขั้นสั้นสบาย ๆ แต่พอมาอยู่บนร่างกายของเม็กแล้วมันดูดีไม่น้อยเลย ถึงแม้เราทั้งสองจะเป็นเพื่อนกัน แต่พอมาเจอมันในลุคนี้ก็ทำให้เราใจสั่นไม่น้อย “มึงกูสวยยัง” “สวยแล้ว” พอได้รับคำตอบที่สร้างความมั่นใจให้กับตัวเองแล้ว เราก็พยักหน้าให้มันเริ่มกดบันทึกภาพวิดีโอทันที การถ่ายทำดำเนินไปเรื่อย ๆ จนถึงขั้นตอนการชิมอาหาร “อะ

Read More