อาถรรพ์ปลัดขิก ตอนที่ 13 ปราบหุ่นหนังอาคม
โดย Kamen Rider V-3
เวลาผ่านไปราวสองชั่วโมง ป๊อดยังคงนอนตระกองกอดร่างของแจงหลับอยู่อย่างมีความสุข โดยไม่รู้ตัวว่า
ผู้ที่ตนเองกำลังกอดอยู่นั้นได้ลืมตาโพลงขึ้นพร้อมกับสติที่กลับคืนมาโดยสมบรูณ์ แจงจำเหตุการณ์
ที่พึ่งผ่านมาได้ทั้งหมดว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เพียงแต่เธอไม่เข้าใจตัวเองว่า เพราะอะไรเธอจึงปล่อยตัวปล่อยใจ
ให้กับป๊อดซึ่งได้ชื่อว่าเป็นแฟนของเพื่อนได้ถึงเพียงนี้ ทั้งๆที่เธอเองก็ไม่เคยคิดรักหรือชอบป๊อดในทางชู้สาวมาก่อน
แต่ถึงแม้เธอจะรู้สึกอย่างนั้น เธอก็ไม่คิดที่จะสลัดอ้อมแขนของป๊อดที่โอบกอดเธอเอาไว้ รสสัมผัสที่เธอพึ่งได้รับ
ในสองชั่วโมงที่ผ่านมามันทำให้เธอปฏิเสธไม่ได้ว่า ได้สร้างความประทับใจให้เธออย่างที่สุด มันทำให้ใจของเธอเต้นแรง
และเป็นสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ยามเขาใช้มือสัมผัสเรือนร่างของเธอไปตามส่วนต่างๆ ราวกับเขาจะรู้จุดอ่อนทุกจุด
ในเรือนร่างของเธอ ปากของเขาทั้งนุ่มนวลทั้งรุ่มร้อนยามจูบเธอ แล้วไล่ลึกลงไปบดบี้ฟอนเฟ้นทรวงอกจนเธออ่อนระทวย
ไปทั้งร่าง และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเขาใช้ลิ้นจัดการกับเธอที่เนินสงวน ซึ่งสร้างความเสียวกระสันต์ให้กับเธอจนแทบจะบ้าคลั่ง
ก่อนที่จะใช้ความเป็นชายของเขาส่งเธอไปยังจุดสุดยอดแห่งความสุขครั้งแล้วครั้งเล่า จนเธอแทบจะสำลักความสุขนั้น
แจงคิดทบทวนแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างยอมรับกับตนเอง เธอได้ตกหลุมรักชายคนนี้เสียแล้ว แม้ว่าจะมีความกังวล
อยู่บ้างที่เขาเป็นแฟนของเพื่อน แต่เธอก็จะยอมรับสภาพตามความเป็นจริงและยอมทุกอย่าง ขอเพียงให้ได้อยู้ใกล้ชิดกับเขา
เธอก็พอใจแล้ว เธอพลิกตัวหันกลับมามองดูหน้าชายคนแรกที่พรากความบริสุทธิ์์ไปจากเธออย่างพิจารณา จมูกที่โด่งเป็นสัน
และริมฝีปากที่มีไรหนวดจางๆนี้เอง ที่สามารถสร้างความสุขเสียวอย่างที่สุดให้กับเธอ เธอสอดแขนไปโอบรัดร่างของเขา
แล้วแนบใบหน้าลงกับทรวงอกพลางพิจารณาใบหน้าของเขาอย่างใกล้ชิด แล้วก็อดไม่ได้ที่จะเลื่อนหน้าเข้าไปจุมพิต
ที่ริมฝีปากของเขา
ป๊อดรู้สึกถึงกลิ่นตัวของสาวน้อยและรสสัมผัสของริมฝีปากอันนุ่มนวล ก็ลืมตาขึ้นมองดู
“แจง…..ตื่นแล้วเหรอ”
ป๊อดเอ่ยออกมาแล้วหันไปสำรวจสภาพโดยรอบตัวของเขาอย่างนึกขึ้นได้ ใช่แล้ว…เขายังไม่ได้กลับบ้านและที่ที่เขานอนอยู่นี้
คือห้องของแจง เขารีบยันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างตกใจ
“ตายแล้ว….ผมลืมกลับบ้าน…..”
แจงลุกขึ้นนั่งมองร่างของป๊อดที่กำลังสวมเสื้ออย่างเร่งรีบด้วยอาการเซื่องซึม จนป๊อดเริ่มรู้สึกตัวแล้วหันมาประสานตากับเธอ
และพอได้เห็นแววตาที่จ้องมองเขานิ่งอย่างน่าสงสาร เขาก็เริ่มระลึกขึ้นได้ว่าเมื่อไม่นานมานี้เองเขาพึ่งจะได้ตัวเธอมาครอบครอง
และยังไม่ทันที่จะพูดปลอบประโลมใดๆกับเธอเลย เขาก็จะรีบกลับทิ้งเธอไว้ให้อยู่คนเดียวโดยไม่แคร์ความรู้สึกของเธอเลย
ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งรังเกียจความเห็นแก่ตัวของตัวเอง ป๊อดตัดสินใจทิ้งเสื้อที่คิดจะสวมใส่ลงทันที มันจะเกิดอะไรขึ้นต่่อไปก็ช่างมัน
แต่ตอนนี้เขาจะทิ้งเธอไปไม่ได้ ป๊อดเดินกลับเข้าไปนั่งลงเคียงข้างกับเธอ
“ป๊อดไม่กลับแล้วเหรอ”
แจงเอ่ยขึ้นทั้งๆที่ไม่เหลียวมามองดูเขา
“ไม่….ป๊อดไม่กลับแล้ว….ป๊อดจะอยู่กับแจง”
พอแจงได้ยินอย่างนั้น เธอก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ แต่พอคิดขึ้นได้ว่าหนิงอาจจะสงสัยได้ เธอก็หยุดยิ้มลงทันที
“ป๊อดกลับไปเถอะ เดี๋ยวหนิงจะเป็นห่วง”
“ไม่….ป๊อดจะอยู่กับแจง”
“ป๊อด…ไม่เหมาะหรอก….ที่เราสองคนจะอยู่ด้วยกันคืนนี้ ถ้าหนิงเกิดรู้เข้า….”
“ป๊อดรู้ว่ามันไม่ถูกต้อง….แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วจะให้ป๊อดทิ้งแจงไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ยังไง
อย่างน้อยคืนนี้ก็ให้ป๊อดอยู่กับแจงเถอะนะ”
ป๊อดใช้สองแขนโอบรัดร่างเพรียวงามของแจงไว้ แล้วจรดปลายจมูกไปที่พวงแก้มลากเลยมาจดจ่อที่ริมฝีปากของเธอ
แจงหลับตาพริ้มรับการจูบอย่างดื่มด่ำจากเขา แล้วเผยอเปลือกตาขึ้นมองดู เมื่อเขาถอนริมฝีปากออกมาจ้องมองเธอนิ่ง
อย่างเนิ่นนาน จนเธอทำตัวไม่ถูก แล้วพยายามแกะอ้อมแขนของเขาที่โอบรัดร่างเธอออกทำทีเหมือนจะเดินจากไป
ป๊อดรีบดึงมือเธอไว้ทันที
“แจง…..จะไปไหน”
“จะไปอาบน้ำ ตั้งแต่กลับมาก็ถูกคนบางคนกักตัวเอาไว้ เหนียวไปทั้งตัวเลยเนี่ย”
ป๊อดยิ้มที่ได้ยินเธอพูดกระทบกระเทียบเขา
“ไม่ต้องหรอก…ขนาดยังไม่อาบน้ำยังหอมไปทั้งตัวเลย..มา…ให้ป๊อดลองดมอีกทีซิ”
ป๊อดพูดแหย่แจงจากความรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ
แจงเบะปากใส่ป๊อดอย่างน่ารัก ก่อนที่จะสลัดมือของเขาออก แล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะปิดประตู
ป๊อดก็เดินตามมาแล้วแทรกตัวตามเข้าไปในห้องน้ำ
“ป๊อด…..เข้ามาทำไม…ออกไปก่อน”
“ไม่….ป๊อดจะอาบน้ำกับแจง…”
ป๊อดไม่รอให้แจงอนุญาต สองมือของเขาโอบรัดร่างของเธอจนแนบชิดกับร่างของเขา แล้วควบคุมให้ร่างของเธอถอยหลัง
ไปทีละก้าวจนชิดกับผนังห้องน้ำในตำแหน่งใต้ฝักบัวขนาดใหญ่ พร้อมกับเปิดวาล์วให้ม่านน้ำอันเย็นฉ่ำไหลลงมาเป็นเส้นสาย
ชะโลมร่างทั้งเขาเธอจนเปียกชุ่มโชก พร้อมกับจ้องมองไปยังใบหน้างามใสของเธออีกครั้ง
“แจงสวยและน่ารักไปทั้งตัวเลยรู้ไหม”
ป๊อดประทับจูบเธออย่างดูดดื่มพร้อมกับบดบี้เรือนร่างของเขาจนแนบสนิทกับเรือนร่างของเธอภายใต้สายน้ำอันฉ่ำเย็น
จนทำให้แจงรู้สึกสั่นสะท้านและวาบหวามไปทั้งร่างจากความเย็นของสายน้ำและรสจูบอันดื่มด่ำ เธอยืนหลับตานิ่ง
อย่างเคลิบเคลิ้มปล่อยให้ป๊อดบดคลึงท่อนล่างของเขาจนแนบสนิทกับร่างของเธออยู่ไปมา และสองมือของเขาก็ลูบไล้
สำรวจเรือนร่างของเธอไปตามความปรารถนาของเขา
“เดี๋ยวป๊อดช่วยถูสบู่ให้นะ”
ป๊อดปิดวาล์วน้ำแล้วปั๊มสบู่เหลวออกมาจนเต็มฝ่ามือ ชโลมลูบไล้ไปจนทั่วแผ่นหลังของแจงก่อนที่จะลามเลยไปยังทรวงอก
ฝ่ามือทั้งสองของเขาโอบกุมคลึงเค้นสองเต้าอันเต่งตึงของเธอไว้จนเต็มอุ้งมือ แล้วจีบนิ้วบี้บดยอดถันทั้งสองของเธอ
จนมันชูชันแข็งเป็นไต จากนั้นมืออันซุกซนข้างหนึ่งก็ลากผ่านหน้าท้องอันแบนราบลงไปเกาะกุุมเนินเนื้อกลางหว่างขา
ของเธอเอาไว้
แจงคล้ายกับตกอยู่ในภวังค์ เธอยังคงยืนหลับนิ่งตาปล่อยให้เขาใช้มือรุกล้ำเรือนร่างของเธอพลางเผยอริมฝีปากออกน้อยๆ
เมื่อถูกนิ้วมือของเขาสอดควานเข้าไปในคูหาน้อยของเธอ
“อืมมม………….”
ความเสียวสยิวเริ่มก่อตัวขึ้นทีละน้อยๆ เมื่อเขาคลึงวนนิ้วมือของเขาอย่างนุ่มนวล แล้วก็กลับกลายทวีความรุนแรงขึ้น
จนเธอเริ่มเขย่งปลายเท้าโก่งสะโพกงอนงามไปแนบชิดกับลำเอ็นอันแข็งเกร็งที่จดจ่ออยู่ข้างหลัง ยิ่งเธอเริ่มถดถอยหนี
ป๊อดก็ยิ่งรุกล้ำหนักมือขึ้นนิ้วมือของเขาเปลี่ยนท่าทีจากคลึงวนเป็นเข้าและออกอย่างระรัว
“อ๊อออ……..ซี๊ดดดด……………………อ๊ายยย…………….ซี๊ดดดดดดดด………”
แจงโอบแขนข้างหนึ่งโน้มลำคอของป๊อดไว้ คล้ายกับจะช่วยพยุงร่างตนเองไว้ไม่ให้ทรุดลงไปจากความซ่านเสียว
ป๊อดยิ่งเห็นปฏิกิริยาเคลิบเคลิ้มของเธอ ก็ยิ่งรู้สึกหมั่นเขี้ยว ยิ่งเกาะกุมเนินเนื้ออวบอูมกลางหว่างขาของเธอแน่นยิ่งขึ้น
พร้อมกับขยับนิ้วกลางสอดลึกเข้าไปอย่างระรัวถี่ จนแจงถึงกับเกร็งหน้าท้องส่งเสียงร้องครางออกมาอย่างเปิดเผย
“โอ๊วววว…………..ป๊อดดด……..โอ๊ววววว……..ซี๊ดดดดด………โอ๊วววววว………ซี๊ดดดดดด…….”
สายน้ำจากฝักบัวราดรดชะโลมร่างคนทั้งสองจนเปียกชุ่ม ความเย็นสดชื่นทำให้ประสาททุกจุดเปิดกว้างรับความรู้สึกจากสัมผัส
ของกันและกันอย่างเต็มที่ ร่องหลืบของแจงในตอนนี้ทั้งชุ่มชื้นและตอดรัดนิ้วมือของป๊อดเป็นจังหวะ เมื่อปลายนิ้วมือของเขา
ล้วงลึกเข้าไปสัมผัสกับปุ่มปมซึ่งเรียกขานกันว่า G spot โดยบังเอิญ ซึ่งเขาเองก็พึ่งได้เรียนรู้ว่ามันสามารถทำให้แจง
เสียวซ่านจนถึงกับเข่าอ่อนทิ้งน้ำหนักตัวลงอย่างสิ้นเรี่ยวแรง จนเขาต้องใช้แขนรั้งร่างเอาของเธอเอาไว้ไม่ให้ทรุดลงไป
พร้อมกับระรัวนิ้วไปยังปุ่มปมนั้นอย่างต่อเนื่อง
“โอววว….ซี๊ดดดดด…….โอววว….ซี๊ดดดดด…….โอววว….ซี๊ดดดดด…….โอววว….ซี๊ดดดดด…….โอววว….ซี๊ดดดดด…….”
แจงนิ่วหน้าส่งเสียงร้องครวญครางไม่ขาดปาก แต่เธอยิ่งร้อง ป๊อดก็ยิ่งระรัวนิ้วอย่างไม่ยอมหยุด จนในที่สุดร่องหลืบของแจง
ก็ตอดรัดนิ้วมือของป๊อดอย่างรุนแรง แล้วปลดปล่อยฉี่พุ่งออกมาเป็นสาย คานิ้วมือของป๊อดพร้อมกับอาการสั่นกระตุกไปทั้งร่าง
อย่างควบคุมไม่ได้
“โอ๊วววว…..โอ๊ววววว…..โอ๊วววว……แจงเสียวเหลือเกิน…ป๊อด….โอ๊วววว…โอ๊วววว…..พอก่อนป๊อด…โอ๊วววว…….
ไม่ไหวแล้ว…..โอ๊วววว…แจงจะฉี่แล้ว……โอ๊ววววว…..ไม่ไหว…ไม่ไหวแล้ว……..อ๊ายยยยยยยยยยยย……..”
ความเสียวซ่านอย่างสูงสุดแผ่ซ่านไปทั้่วร่างของแจงจนเธอสั่นกระตุกครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่สามารควบคุม จนเมื่อ
อาการของเธอเริ่มสงบลงด้วยความอ่อนเพลีย ป๊อดก็ก้มหน้าลงจูบที่ริมฝีปากของเธอ แล้วเกร็งแขนโอบรัดร่างของเธอ
ไว้ไม่ให้ทรุดตัวลงไปกับพื้น
“เป็นไงบ้างแจง………..มีความสุขไหม”
พอแจงได้ยินคำพูดของป๊อด ก็ยิ้มออกมาทั้งที่ยังหลับตาอยู่ แล้วหันกลับมาฟาดฝ่ามือไปที่ลำแขนของป๊อด
“ยังจะมาถามอีก….บอกให้พอแล้ว…พอแล้ว….ไม่ได้ยินหรือไง…เสียวจะตายอยู่แล้ว”
“แล้วไม่ดีเหรอ”
“…..มานี่เลยล้อกันดีนัก….มา…แจงจะถูสบู่ให้ป๊อดมั่ง”
แล้วแจงก็ปั๊มสบู่จนเต็มฝ่ามือลูบไล้ไปตามแผงอก หน้าท้อง และแผ่นหลังของป๊อด ก่อนที่จะไล่ต่ำลงไปยังบั้นท้าย
มือของเธอลามเลยวกมายังลำเอ็นและพวงแห่งความเป็นชาย แล้วบีบกำลำเอ็นของเขาอย่างแผ่วเบาไว้ในอุ้งมือเล็กๆ
ของเธอ พร้อมกับรูดเข้ารูดออกอย่างเชื่องช้า จนลำเอ็นของป๊อดขยายขนาดขึ้นมาคับฝ่ามือของแจง
เธอรู้สึกได้ถึงความแข็งเกร็งและอุ่นร้อนที่แผ่ซ่านออกมายังฝ่ามือของเธอ สายตาของเธอจ้องมองส่วนหัวที่เบ่งบาน
สีชมพูเข้มยามที่เธอรูดมันจนสุดความยาวด้วยความสนใจ แล้วจินตนาการไปถึงตอนที่มันจมหายเข้าไปในร่างของเธอ
แจงต้องการที่จะเห็นมันชัดๆ เธอจึงทรุดตัวลงถูสบู่ลูบไล้ไปตามลำขาทั้งสองของป๊อด แล้วหันกลับมาลูบคลำลำเอ็นที่ชี้แข็ง
ตรงมายังหน้าของเธอ พร้อมกับเหลือบตาขึ้นมองดูใบหน้าของป๊อด
“ป๊อดรู้สึกยังไงเวลาแจงจับจู๋”
ป๊อดมองใบหน้าของแจงแล้วยิ้ม พร้อมกับตอบคำสั้นๆ
“เสียวดี”
แจงใช้มือรูดเข้ารูดออกอย่างเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น
“แล้วถ้าทำอย่างนี้ล่ะ”
ป๊อดพ่นลมออกจากปากระบายความรู้สึกออกมา แล้วขยับเข้าไปใกล้จนลำเอ็นของเขาแทบจะสัมผัสกับใบหน้าของเธอ
พร้อมกับจ้องไปที่ริมฝีปากงามอย่างส่อความหมาย
“เสียว…เสียวมาก…..แต่จะดีกว่านี้…..ถ้า…………..”
แจงสบตากับป๊อดอย่างเข้าใจในความหมาย แล้วเบะปากน้อยๆ
“ไม่เอาอ่ะ……….แจงทำไม่เป็น”
ป๊อดเปิดน้ำให้ไหลชะล้างฟองสบู่ออกไปจากเรือนร่าง แล้วใช้มือกำท่อนเอ็นตัวเองจรดจ่อจนเกือบจะชนริมฝีปากของแจง
“แจงก็แค่แลบลิ้นออกมา แล้วทำเหมือนเลียไอติมนั่นแหละ…น่า…ทำให้ป๊อดหน่อยน้าาา”
แจงเบะปากล้อป๊อด แล้วหันกลับมามองลำเอ็นที่อยู่ตรงหน้าอย่างลังเล แล้วจึงค่อยๆแหย่ปลายลิ้นออกมาสัมผัสกับมันทีละน้อย
จนในที่สุดก็เริ่มตวัดเลียไปที่ส่วนหัวอันเบ่งบานของป๊อดอย่างเต็มที่ จนป๊อดถึงกับมีอาการสูดลมเข้าปากแล้วส่งเสียงคราง
อย่างเคลิบเคลิ้ม
“ซี๊ดดดดดดดดดด……………ฮ้าาาาาาาาา…………ซี๊ดดดดดดดดด………….ฮาาาาา……”
ลิ้นของแจงเริ่มตลัดเลียเป็นวงกลมไปรอบๆส่วนหัว แล้วลากเลยไปยังส่วนโคน จนป๊อดเผลอขยุ้มเส้นผมของเธอหรี่ตาปรือ
อย่างเสียวสะท้าน แต่แล้วจู่ๆเธอก็หยุดลงเฉยๆ จ้องมองดูป๊อด
“หยุดทำไมล่ะแจง…..ทำต่อเถอะนะ……คนดีของป๊อด”
“ก็อยากแกล้งป๊อดมั่ง…..ป๊อดต้องพูดหวานๆ….ไม่งั้นแจงไม่ทำให้แล้ว”
ป๊อดกำลังเสียวซ่านอย่างเป็นสุข พอถูกแจงแกล้งขัดจังหวะก็ยินยอมทุกอย่างที่เธอขอ
“แจงจ๋า….แจงสุดที่รักของป๊อด….ช่วยอมให้ป๊อดหน่อยเถอะนะ…คนดี…”
พอคำนี้หลุดมาจากปากของป๊อด แจงก็ยิ้มหวานและรู้สึกซาบซึ้งในถ้อยคำของป๊อด แม้เธอจะรู้ว่ามันอาจจะไม่ได้ออกมา
จากใจของเขาจริงๆ แต่เพียงเท่านี้เธอก็รู้สึกมีความสุขแล้ว
เธอเริ่มเปิดริมฝีปากออกจากกัน ปล่อยให้ป๊อดล่งลำเอ็นอันแข็งเกร็งของเขาค่อยๆล่วงล้ำเข้าสู่ปากของเธอจนเกือบจนสุดลำ
ปากของเธอคับแน่นจนแทบไม่มีช่องว่างเหลืออยู่ และรู้สึกถึงลำเอ็นของเขาที่กำลังเข้าและออกจากปากของเธอพร้อมกับส่งเสียง
ครางออกมา เธอจึงขยับใบหน้าเข้าและออกเป็นการช่วยเสริม
“อูยยยย……………..แจง…..ซี๊ดดดดด…………”
จนป๊อดถึงกับเกร็งหน้าท้องอย่างสุดเสียว ใช้สองมือขยุ้มเส้นผมของแจงแล้วสูดลมเข้าปากอย่างต่อเนื่อง ภายในช่องปากของแจง
ทั้งอุ่นร้อนและนุ่มนวลจนเขาเสียวสยิวไปทั้งลำเอ็น และไม่เพียงเท่านั้นพอแจงเริ่มเรียนรู้ว่าสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ ทำให้ป๊อด
เสียวซ่านจนถึงกับออกอาการ เธอก็คิดจะเอาคืนป๊อดบ้าง
แจงใช้มือข้างหนึ่งยึดจับลำเอ็นของเขาไว้แล้วห่อเกร็งริมฝีปากของเธอระรัวเข้าออก สลับกับรูดมันค้างเอาไว้
แล้วใช้ลิ้นของเธอตวัดฉกไปมาอย่างรวดเร็ว จนป๊อดถึงกับใช้มือขยุ้มเส้นผมของเธอแรงขึ้นอย่างลืมตัว
“ซี๊ดดดด………ซี๊ดดดดดดด………..ซี๊ดดดดดดดด……….ซี๊ดดดดดด………”
แจงเหลือบตาดูอาการของป๊อดด้วยรอยยิ้ม พลางคิดอยู่ภายในใจถึงวิธีที่จะทำให้ป๊อดถึงกับเข่าอ่อนแบบเดียวกับเธอบ้าง
เธอจึงทดลองทำตามสิ่งที่เธอคิดทันที ด้วยการห่อริมฝีปากอมเฉพาะส่วนหัวของเขาไว้พร้อมกับดูดมันเป็นจังหวะ
“โอ้ววววว………ซี๊ดดดดดดด………..ซี๊ดดดดดด………..ซี๊ดดดดดดด…….โอ๊ะ…พอ…พอก่อน….แจง….อูววว……”
ยิ่งเห็นป๊อดส่งเสียงครางอย่างซ่านเสียว เธอก็ยิ่งเพิ่มแรงดูดให้แรงยิ่งขึ้น จนป๊อดไม่อาจปล่อยให้เป็นอย่างนั้นต่อไป
เพราะรู้แก่ใจดีว่าในไม่ช้าเขาคงต้องจะต้องปลดปล่อยน้ำรักออกมาอย่างแน่นอน ป๊อดจึงตัดสินใจถอนลำเอ็นของเขา
ออกมาทันที แล้วใช้สองมือจับร่างของแจงให้ยืนขึ้น
“เป็นไงล่ะป๊อด……..ชอบแกล้งแจงดีนัก…..โอ๊ะ…”
แจงพูดตัดพ้อแต่ยังไม่ทันจะจบประโยค ป๊อดก็ดันร่างของเธอให้ถอยหลังไปชิดกับผนัง แล้วใช้แขนคล้องเรียวขาของเธอ
ไว้ข้างหนึ่ง ส่งผลให้เนินสวาทของแจงเปิดอ้าออก พร้อมกับจับลำเอ็นของเขาจ่อเข้าไปที่ปากถ้ำของเธอทันที
“ฮิ…ฮิ……ฮิ…….ป๊อด….จะทำอะไร…..ตาบ้า……”
“เดี๋ยวป๊อดจะลงโทษแจง โทษฐานที่ทำให้ป๊อดเสียวจนแทบบ้า”
ลำเอ็นของป๊อดมุดหายเข้าไปในปากถ้ำของแจงจนมิดลำจนแจงสะดุ้งร่างพร้อมกับร้องขึ้นมาคำหนึ่ง
“อู้วววววว……………………….ซี๊ดดดดดด…………….”
จากนั้นคนทั้งสองต่างก็ส่งเสียงคร่ำครวญด้วยความเสียวสยิวไปตามจังหวะของการยักย้ายเรือนร่าง สายน้ำอันเย็นฉ่ำที่ราดรด
พร่างพรมจนโชกชุ่ม แต่กลับไม่ได้ลดทอนความเร่าร้อนที่ลุกโชนอยู่ภายในร่างของคนทั้งสองลงได้เลย ทั้งยังช่วยเพิ่มพูน
รสชาติแห่งสัมผัส ที่เบียดเสียดแนบชิดกันไปตามความกระสันต์เสียวที่เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดเสียงครวญคราง
ของคนทั้งสองก็ดังกระชั้นถี่อย่างสอดประสาน เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าทั้งคู่กำลังใกล้จะถึงจุดหมาย อันเป็นจุดสูงสุด
แห่งความซ่านเสียวของคนทั้งคู่
“โอ๊ะ…….ซี๊ดดดดด……….โอ๊ะ…….ซี๊ดดดดด………โอ๊ะ…….ซี๊ดดดดด………โอ้ววว……แจง………โอ้ววววว…….
ซี๊ดดดดด………ป๊อด….แจงจะเสร็จแล้ว……โอ๊ะ…..ป๊อดดด….ซี๊ดดดด……….โอ๊ะ…….ซี๊ดดดดดดด……โอ๊ะ…….
โอ๊วววววววววววววววว………”
แจงหลับตาพริ้มอ้าปากครางดังยาวออกมาอย่างสุขสม เป็นเวลาเดียวกันกับป๊อดก็กระหน่ำซอยท่อนเอ็นของเขาอย่างระรัวถี่
จนความเสียวพุ่งวาบจากท้องน้อยแล้วหลั่งพรั่งพรูออกไปทางปลายลำแก่นกาย เข้าสู่ร่องหลืบของแจงอย่างสุขล้นพร้อมกับ
กดเน้นท่อนเอ็นของเขาจนแนบชิดกับเนินเนื้อของเธอ
แจงผ่อนลมหายใจยาวออกมาอย่างผ่อนคลาย แล้วโอบกอดเรือนร่างของป๊อดไว้จนแนบแน่น ถึงตอนนี้เธอได้ยอมรับกับตนเอง
อย่างเต็มใจแล้วว่า เธอรักเขาและยินยอมเป็นของเขาทั้งตัวและหัวใจ ความสุขที่เธอได้รับจากเขาอย่างล้นเหลือในคืนนี้
จะเป็นความทรงจำที่ฝังลึกอยู่ในใจของเธอไปจนตลอดชีวิต
———-
กลางดึกในคืนเดือนแรมที่ลานหน้าบ้านของชิต โต๊ะบูชาปูผ้าขาวได้ถูกตั้งขึ้นตามพิธีคุณไสยของเขมร อันประกอบไปด้วย
พานบายศรีวางอยู่ข้างซ้ายและขวาของโต๊ะพร้อมกับไข่ลูกยอด ขันธ์ห้า เครื่องเซ่นสรวงสังเวย อาหารคาวหวาน และเหล้า
ชิตนั่งหลับตานิ่งสงบอยู่หน้าโต๊ะพิธี โดยมีเชิดนั่งเคียงข้างเพ่งมองอาการสงบนิ่งของพี่ชายอย่างนึกเลื่อมใส หลายสิบปี
มาแล้วที่ชิตไปสมัครเป็นทหารตะเวนชายแดนและเงียบหายไปอย่างไร้ร่องรอย จนเชิดคิดว่าพี่ชายของตนได้เสียชีวิตไปเสียแล้ว
จนเมื่อปีที่แล้วนี่เองที่จู่ๆ ชิตก็ปรากฏตัวขึ้น แต่การปรากฎตัวของชิตในครั้งนี้เขากลับมีท่าทีที่เปลี่ยนไป ไม่เหมือนชิต
คนเก่า บุคคลิกที่เงียบขรึมและแววตาที่ดุดันทำให้เชิดรู้สึกกลัวเกรงจนไม่กล้าขัดคำสั่งใดๆหากชิตเอ่ยปากออกมา
และแล้วชิตก็ลืมตาโพลงขึ้น เอื้อมมือไปหยิบหวายปลุกเสกที่เตรียมไว้สำหรับพิธีนี้โดยเฉพาะ จี้ลงไปบนแผ่นหนังควายตากแห้ง
ขนาดใหญ่ ที่ถูกตัดให้คล้ายกับรูปคนแล้วจารชื่อ นามสกุล และวันเดือนปีเกิดของเสี่ยเจียงเอาไว้ก่อนที่จะเริ่มพิธี พร้อมกับ
ท่องบ่นมนต์พึมพำออกมาเป็นภาษาเขมรด้วยน้ำเสียงที่เร่งเร้า ดุดัน จนทำให้เชิดถึงกับจ้องมองนิ่ง ขนลุกซู่อย่างไม่รู้ตัว
เสียงมนต์ภาษาเขมรยิ่งนานก็ยิ่งกระแทกกระทั้นดุดัน แล้วชิตก็ลืมตาขึ้นอย่างพองโต หวดหวายปลุกเสกลงไปยังแผ่นหนัง
เหมือนกับกำลังเฆี่ยนตีสิ่งใดอยู่ด้วยความโกรธแค้น จนแผ่นหนังรูปคนนั้นเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าอัศจรรย์
ทั้งเสียงกร๊อบแกร็บและอาการบิดงอคล้ายกับปลาหมึกแห้งกำลังถูกย่างไฟอยู่บนเตาไม่มีผิดเพี้ยน
ยิ่งชิตกระหน่ำตีพร้อมกับท่องมนต์อย่างไม่หยุดปาก แผ่นหนังก็ยิ่งบิดงอไปมาคล้ายกำลังแสดงความเจ็บปวดอย่างทุกข์ทรมาน
ออกมา แล้วค่อยๆหดตัวลง ทีละน้อยๆ จนในที่สุดก็ลดขนาดลงจนเล็กกว่านิ้วก้อย
พอชิตเห็นว่ามันมีขนาดหดลงตามที่เขาต้องการแล้วก็หยุดตี แล้วจ้องมองหุ่นหนังนั้นอย่างนึกกระหยิ่มใจ
“ไอ้เชิด…มึงไปหยิบขันที่เตรียมไว้มาให้กู”
เชิดกำลังจ้องมองหุ่นหนังนั้นอย่างตื่นเต้น เมื่อได้ยินคำสั่งของพี่ชายก็รีบกุลีกุจอไปหยิบขันมาส่งให้ชิตทันที
ชิตรับขันจากมือของเชิดแล้ว ก็นำไปครอบลงบนหุ่นหนังนั้น พร้อมกับหลับตาลง ร่ายคาถาฝากพระพายพัดพา
แล้วลืมตาขึ้นหวดหวายลงบนขันที่ครอบหุ่นหนังนั้นพร้อมกับเอ่ยขับไล่ด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน
“ไป…….ไป………….ไป…………..ไป………….”
ทันใดก็เกิดเสียงดังกุกกักๆ คล้ายกับมีอะไรวิ่งพุ่งชนอยู่ภายในขันทุกครั้งที่ชิตหวดหวายลงไป เสียงนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ
จนขันเริ่มมีอาการเคลื่อนที่ได้เอง และเปิดผางออกพร้อมกับกระแสลมวูบหนึ่งพุ่งออกไปยังทิศที่ตั้งของบ้านเสี่ยเจียงในทันที
“ฮ่าๆๆๆๆๆ……….คราวนี้ล่ะมึงไอ้เสี่ยเจียง มึงได้ไส้แตกตายแน่ๆ”
เชิดมองไปยังขันที่หงายอยู่โดยไม่เห็นหุ่นหนัง ก็เอ่ยถามขึ้น
“หุ่นหนังหายไปไหนล่ะ….พี่ชิต”
“ก็กำลังไปเข้าท้องไอ้เสี่ยเจียงสิวะ”
“ถ้าเข้าไปแล้ว มันจะเป็นยังไงบ้างล่ะ…พี่ชิต”
“เฮอะ…..หุ่นหนังมันก็จะขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ ในท้องของไอ้เสี่ยเจี่ยงจนมันต้องท้องแตกตาย”
เชิดรู้สึกสยองเมื่อถึงภาพที่อันน่าอนาถของเสี่ยเจียง แต่ก็ไม่ลืมที่จะถามถึงเรื่องที่มันกำลังรอคอยด้วยใจจดจ่อ
“แล้วเรื่องนังวิไลล่ะพี่….เมื่อไหร่พี่จะเริ่มทำพิธี”
ชิตหันขวับมามองน้องชายตาขวาง แต่เมื่อเห็นเชิดหลบตาแล้วถอยห่างออกไปอย่างกลัวเกรงก็แสยะยิ้มออกมา
“กูชักอยากจะเห็นนังวิไลของมึงซะแล้ว รู้สึกเหมือนมึงอยากจะล่อมันเอามากๆ ….เอาเถอะๆ เดี๋ยวกูจะทำให้มึง
สมหวังเดี๋ยวนี้แหละ”
เชิดได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจ มันเฝ้าคิดถึงแต่วันที่มันจะได้เชยชมเรือนร่างของวิไลอย่างสาแก่อารมณ์
ด้วยความแค้นที่ยังฝังแน่นอยู่ในอก และด้วยอารมณ์ใคร่ที่ยังคั่งค้างมาจากครั้งที่แล้วที่มันทำพลาดไป มันเร่งรีบกุลีกุจอ
ไปเอาพานที่มีหุ่นดินปั้น บรรจุเส้นผมของวิไลอยู่ภายในแล้วพันด้วยสายสิญจน์ไว้โดยรอบมาส่งให้ชิต
“เฮอะ….ไอ้เชิด…มึงนี่ถ้าจะเป็นเอามากๆ มึงไม่ต้องเอาหุ่นปั้นนี้มาให้กู แต่มึงต้องไปหามันที่บ้าน และเมื่อเจอมันแล้ว
ก็ร่ายคาถากำกับลงไปในหุ่นแล้วคอยดูอาการของมัน เมื่อไหร่ที่เห็นว่ามันเงี่ยนจนทนไม่ไหวมึงก็เข้าไปจัดการกับมันได้เลย”
“โห….พี่ชิตเกิดมันไม่เป็นอย่างที่พี่ว่า ฉันไม่โดนอีนังนั่นสั่งคนมากระทืบฉันอีกเหรอ”
“ถ้ามึงไม่เชื่อกู ก็ตามใจมึง แล้วก็อย่าเสือกมากวนใจกูอีกก็แล้วกัน”
“โอ้ว…โอ้ว…โอ้ว…..เชื่อจ้ะเชื่อ….ฉันจะลองไปทำดูเดี๋ยวนี้เลย”
แล้วเชิดก็ทำท่าจะออกเดินทางในทันที
“เฮ้ย….เชิด…..”
เชิดหันมามองพี่ชายตามเสียงเรียก
“ถ้ามึงได้ล่อนังวิไลแล้ว ก็อย่าลืมสืบข่าวมาให้กูด้วย ว่าผลของหุ่นหนังของกูเป็นยังไง…เข้าใจไหม”
“จ๊ะพี่”
———-
ในคืนเดียวกันที่ตึกใหญ่บ้านของเสี่ยเจียง เสี่ยเจียงกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงกับเนี้ยซิมลั้ง
พลัน…ที่หน้าต่างกระจกของห้องด้านหนึ่ง ก็เกิดเสียงดังเป็นจังหวะเหมือนกับมีคนใช้ก้อนหินขว้างมาถูกกระจกหน้าต่าง
อยู่เป็นระยะ
“เป๊ะ !…………………..เป๊ะ !……………………….เป๊ะ !………………………เป๊ะ !”
เสี่ยเจียงเริ่มรู้สึกตัวแล้วหันไปมองยังบานหน้าต่างที่เกิดเสียง แต่ก็ไม่เห็นสิ่งผิดปกติใดๆ แต่ครั้นพอเขาหันกลับไป
ก็กลับเกิดเสียงดังเช่นเดิมขึ้นมาอีก เสี่ยเจียงจึงตัดสินใจเดินไปเปิดประตูหน้าต่างบานนั้นแล้วเพ่งมองดูสิ่งผิดปกติที่ภายนอก
แต่ก็ไม่พบเห็นสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด มีเพียงบรรยากาศอันมืดมิดเงียบสงบในคืนเดือนมืด เขาจึงเลิกสนใจและคิดที่จะกลับไปนอน
แต่ในขณะที่เขากำลังจะปิดหน้าต่างลง เขาก็ได้ยินเสียงเหมือนมีใครมาเรียกชื่อของเขา จากในที่ที่ห่างออกไป
“ไอ้เจียง………ไอ้เจียง…………………..ไอ้เจียง…………….”
เสี่ยเจียงหันขวับกลับมา แล้วพยายามเพ่งมองหาต้นเสียงที่เรียกชื่อเขา แต่ก็ไม่พบสิ่งใดจนเขารู้สึกรำคาญจึงร้องตอบออกไป
ยังทิศที่เป็นต้นเสียง
“เอออั๊วเอง…..ลื้อเป็นใครวะ……อั๊วนี่แหละ…….เจียง……”
สิ้นคำของเสี่ยเจียงก็บังเกิดลมแรงวูบหนึ่งวิ่งเข้ามาปะทะจนเขาสะดุ้งไปทั้งร่าง โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยว่าได้รับเอาหุ่นหนังเสก
เข้าไปในร่างเสียแล้ว เสี่ยเจียงรู้สึกถึงความผิดปกติของตนเองได้ในทันที เขาพยายามข่มความรู้สึกแน่นตึงในช่องท้อง
แล้วค่อยๆทรุดตัวลงไปนอนบนเตียงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เมื่อเวลาล่วงผ่านไปหลายชั่วโมงจนใกล้จะถึงเช้า
หุ่นหนังที่อยู่ในช่องท้องของเสี่ยเจียงก็เริ่มขยายขนาดใหญ่ขึ้น เสี่ยเจียงรู้สึกเจ็บปวดจนต้องส่งเสียงร้องครวญครางออกมา
ทำให้เนี้ยซิมลั้งที่นอนอยู่ข้างๆรู้สึกตัวตื่นขึ้น
“โอย………โอย……..ปวดท้อง…..โอย……….”
“เฮีย……..เฮีย………เฮียเป็นอะไร……..”
“อั๊วปวดท้อง…..ปวดเหลือเกิน…..ซิมลั้ง…………โอย……………”
เนี้ยซิมลั้งตาสว่างทันทีด้วยความเป็นห่วง รีบสั่งให้คนไปจัดหายาแก้ปวดมาบรรเทาอาการให้เสี่ยเจียง แต่เมื่อยิ่งเวลาผ่านไป
ก็ดูเหมือนว่าอาการของเสี่ยเจียงจะยิ่งทรุดหนักขึ้นเรื่อยๆ หุ่นหนังในช่องท้องของเสี่ยเจียงกำลังขยายขนาดใหญ่ขึ้น
จนท้องของเสี่ยเจียงพองโตออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“โอย……..ปวดจริงๆ…..โอย……ซิมลั้ง…….อั๊วทนไม่ไหวแล้ว……ช่วยอั๊วด้วย….ซิมลั้ง…..โอยย…….”
เนี้ยซิมลั้งตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ส่งเสียงร้องเรียกให้คนมาช่วย จนคนที่อาศัยอยู่ในตึกใหญ่ทุกคนพากันแตกตื่น
เข้ามาดูอาการของเสี่ยเจียงจนวุ่นวาย
ป๊อดซึ่งตื่นแต่เช้ามืดตามปกติ สังเกตเห็นความวุ่นวายบนตึกใหญ่ก็คิดสงสัยจึงเดินเข้าไปดูเหตุการณ์ที่หน้าตึก
“ไอ้หนูเอ้ย……เถ้าแก่เจียงถูกของซะแล้วว่ะ…..ข้าเองก็ไม่ทันระวังเลยไม่ได้บอกเอ็ง”
“อะไรนะน้าขิก……ของอะไร….เถ้าแก่เจียงถูกของอะไร”
“ถูกเสกหุ่นหนังเข้าท้อง…..ไอ้หนูเอ็งต้องรีบไปดูแล้ว….เดี๋ยวนี้เลย……หนังมันกำลังขยายตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆแล้ว”
พอป๊อดได้ยินอย่างนั้นก็เร่งฝีเท้าขึ้นไปบนตึกใหญ่ในทันที และเมื่อไปถึงห้องของเถ้าแก่เจียง ป๊อดก็ถึงกับตกใจ
กับภาพที่เขาเห็น เถ้าแก่เจียงกำลังนอนดิ้นเอามือกุมท้องที่พองโตออกมาอย่างทุรนทุราย โดยมีเนี้ยซิมลั้ง
และหลิวนั่งประคองอยู่ข้างๆอย่างตกใจ
“เตี่ย.ๆ…ๆ..ทำไมถึงเป็นอย่างนี้…..เตี่ย….ฮือๆๆๆๆ……ทนหน่อยนะเตี่ย…..ใครก็ได้ไปตามรถพยาบาลมาที”
“โอย…….ปวดเหลือเกิน……ปวดจนทนไม่ไหวแล้ว……..โอยยย…..ช่วยด้วย…….ช่วยเอามันออกไปจากท้องอั๊วที…..โอยย…….”
“ไอ้หนู……เอ็งจะปล่อยให้เถ้าแก่เจียงไปโรงพยาบาลไม่ได้นะเว้ย…..ไม่อย่างนั้นท้องแตกตายแน่ๆ…….”
“แล้วต้องทำยังไงล่ะ…น้าขิก…….เร็ว….น้าต้องช่วยเถ้าแก่เจียงเดี๋ยวนี้เลย”
“งั้นเอ็งรีบเข้าไปเลย….แล้วทำตามที่ข้าบอก”
ป๊อดเดินตรงเข้าไปแล้วนั่งลงใกล้ๆร่างของเถ้าแก่เจียง
“เถ้าแก่เจียงถูกคนทำของใส่ ขอผมดูหน่อยได้ไหมครับ”
ทั้งหลิวและเนี้ยซิมลั้งพอได้ยินคำนี้ ก็หันมามองหน้าป๊อดอย่างตกใจ
“ของอะไร….แล้วใครมาทำอะไรใส่เตี่ยของฉัน”
“หุ่นหนังครับ..คุณหลิว….เถ้าแก่เจียงถูกเสกหุ่นหนังเข้าท้องครับ”
“นี่ป๊อด…เธออย่ามาเดาส่งเดชนะ…..”
“ผมไม่ได้เดานะครับคุณหลิว แต่น้าของผมแกเก่งเรื่องพวกนี้ได้เคยสอนผมไว้”
ป๊อดจำเป็นต้องปั้นเรื่องขึ้นเพื่อจะรีบเข้าไปแก้ไขอาการของเถ้าแก่เจียง
เนี้ยซิมลั้งมองเห็นสีหน้าที่จริงจังของป๊อด ก็เอ่ยต่อหลิวขึ้นว่า
“ให้ป๊อดมันดูหน่อยก็ไม่เป็นไรนี่….รถพยาบาลก็ยังไม่มา”
ในระหว่างที่ทั้งสามกำลังพูดคุยกันอยู่ เถ้าแก่เจียงก็ร้องและดิ้นอย่างทุรนทุรายมากขึ้นด้วยความเจ็บปวด
“ให้ผมลองหน่อยเถอะครับ ก่อนที่มันจะสายเกินไป”
หลิวเห็นอาการของเถ้าแก่เจียงทรุดหนักขึ้น ก็รีบเปิดทางให้ป๊อดเข้าไปดูอาการในทันที ป๊อดตรงเข้าไป
แล้วเอามือสัมผัสไปที่ท้องของเถ้าแก่เจียง รอฟังคำแนะนำจากน้าขิกของเขา
“ไอ้หนู….เถ้าแก่เจียงของเอ็งอาการหนักเลยว่ะ..ต้องรีบแล้ว…เอ็งกล้าพอที่จะเจ็บแทนเถ้าแก่เจียงได้ไหมวะ”
“ได้สิน้าขิก….บอกมา….เร็วๆเข้า”
“ข้าจะให้เอ็งร่ายมนต์บังคับหุ่นหนังมาเข้าที่ตัวเอ็ง ข้าจะได้จัดการได้สะดวก แต่เอ็งจะมีอาการเหมือนเถ้าแก่เจียงในตอนนี้
เอ็งพอจะรับได้ไหม”
“ได้สิน้าขิก…ผมยอม…..จัดการได้เลยน้าขิก”
“ถ้างั้นเอ็งบอกให้นังหลิวของเอ็งไปเอาปากกาสีมาเขียนชื่อ และวันเดือนปีเกิดของเถ้าแก่เจียงลงบนหน้าผากของเอ็ง
เดี๋ยวนี้เลย”
ป๊อดหันไปบอกหลิวตามคำที่ภูตแห่งปลัดขิกแนะนำ หลิวเองแม้จะยังไม่ปักใจเชื่อตามคำที่ป๊อดพูด แต่ในตอนนี้ก็ดูเหมือน
จะมีเพียงป๊อดคนเดียวที่เข้ามาเสนอแนวทางแก้ไขอาการพ่อของตนเองที่กำลังทรุดหนัก จึงรีบสั่งคนรับใช้ให้ไปหาปากกามา
แล้วเขียนชื่อของเถ้าแก่เจียง พร้อมกับวันเดือนปีเกิดลงบนหน้าผากของป๊อด
แล้วป๊อดก็นั่งขัดสมาธิหลับตานิ่งเข้าสู่ฌาณ ปล่อยให้ภูตแห่งปลัดขิกเข้าควบคุมร่างของตนเอง ทันใดนั้นป๊อดก็ลุกขึ้น
กระทืบเท้าชี้นิ้วไปยังร่างของเถ้าแก่เจียง พร้อมกับร่ายมนต์เป็นภาษาเขมรเสียงดังลั่นห้อง จนทุกคนในห้องพากันตื่นตกใจ
และตกตะลึงกับอาการของป๊อดที่เปลี่ยนไปราวกับคนละคน ทั้งน้ำเสียงของเขาก็แหบพร่าคล้ายกับเป็นคนสูงอายุ
ป๊อดยังคงกระทืบเท้า ท่องมนต์ควบคุมขนาดของหุ่นหนังให้มีขนาดเล็กลง ดังขึ้นเรื่อยๆ จนเถ้าแก่เจียงเริ่มมีอาการสงบลง
ทั้งหลิวและเนี้ยซิมลั้งเห็นอาการของเถ้าแก่เจียงเป็นไปในทางที่ดีขึ้น ก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
หุ่นหนังในช่องท้องของเถ้าแก่เจียงลดขนาดลงเรื่อยๆ จนมีขนาดเท่ากับตอนที่ถูกปล่อยมา ทันใดนั้นป๊อดก็ส่งเสียงตวาดลั่น
“ออกมาหากู…เดี๋ยวนี้….กูชื่อเจียง”
สิ้นคำของป๊อด ร่างของเถ้าแก่เจียงก็กระตุกขึ้นครั้งหนึ่งแล้วเกิดเงาดำวูบออกมาจากร่าง พุ่งไปชนร่างของป๊อดจนเซไปข้างหลัง
และแล้วป๊อดก็เริ่มกุมท้องตัวงอทรุดนั่งลงกับพื้น เงยหน้าขึ้นพูดกับหลิวและเนี้ยซิมลั้ง
“ตอนนี้เถ้าแก่ปลอดภัยแล้วครับ….”
หลิวและเนี้ยซิมลั้งจึงตรงเข้าไปดูอาการของเถ้าแก่เจียง และเมื่อเห็นเถ้าแก่เจียงค่อยๆลืมตาขึ้นก็ดีใจ พากันถามอาการ
ด้วยความตื่นเต้น
“เฮีย……เป็นยังไงบ้าง…..ไม่เจ็บแล้วเหรอ”
“เตี่ย…..เตี่ยหายแล้วเหรอ…..ยังเจ็บอยู่ไหม”
เถ้าแก่เจียงถอนหายใจยาวออกมาอย่างเหน็ดเหนื่อย
“อั๊วไม่เป็นไรแล้ว”
ป๊อดกุมหน้าท้องฝืนเดินจากไปอย่างเงียบๆ เพราะไม่ต้องการให้ใครต้องมาเป็นห่วงตน จนลงมาถึงพื้นชั้นล่าง แต่หุ่นหนังในท้อง
ของป๊อดเมื่อได้เคยขยายขนาดจนใหญ่แล้ว ในครั้งต่อไปก็กลับใช้เวลาสั้นลง จนป๊อดต้องถึงกลับทรุดตัวลงนอนบิดไปมาด้วยความเจ็บปวด
“น้าขิก….ผมเจ็บเหลือเกินแล้ว….น้ากำลังทำอะไรอยู่”
“เอ้อ…..ข้ารู้แล้วว่าเอ็งเจ็บ ทนอีกนิดเถอะวะ ข้ากำลังปลุกหุ่นหนังให้คืนไปหาเจ้าของ หนอย…คิดลองดีมาทำร้ายคนในความคุ้มครอง
ของข้า”
ภูตแห่งปลัดขิกสามารถจัดการกับหุ่นในท้องป๊อดได้อย่างสะดวก โดยจารเป้าหมายใหม่ลงในแผ่นหนังให้คืนไปยังผู้ที่ปล่อยมันมา
แล้วร่ายมนต์ฝากพระพายพัดพาลงไปทันที
“ไป !….มึงไปเดี๋ยวนี้…..ไปเข้าท้องไอ้คนที่ส่งมาเดี๋ยวนี้…..ไป !…….”
สิ้นคำตวาดของภูตแห่งปลัด หุ่นหนังก็สลายเป็นเงาดำวุ่งวาบออกมาจากร่างของป๊อดตรงไปยังทิศทางอันเป็นที่อยู่ของชิตในทันที
หลิวและเนี้ยซิมลั้ง เมื่อนึกขึ้นได้ว่าป๊อดมีอาการผิดปกติก็หันมาดูป๊อดด้วยความเป็นห่วง แต่เมื่อไม่เห็นร่างของป๊อดอยู่ ณ ที่นั้น
ก็เกิดความสงสัย เดินตามหาตัวป๊อด
“อ้าว…..ปีอดไปไหนแล้วล่ะ…..เห็นนอนกุมท้องอยู่เมื่อสักครู่ ไป….ไปหลิว ไปหาตัวป๊อดหน่อยไป…เป็นอะไรมากหรือป่าวก็ไม่รู้”
หลิวเดินตามหาป๊อดลงมาถึงชั้นล่าง ก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่ภูตแห่งปลัดขิกได้จัดการกับหุ่นหนังในร่างของป๊อดเรียบร้อยแล้ว
ป๊อดสามารถลุกขึ้นยืนและมีอาการเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลิวเดินเข้ามาหาป๊อดแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“ขอบคุณนะที่ช่วยเตี่ย…..แต่ฉันก็พึ่งจะรู้ความจริงในวันนี้”
ป๊อดมองดูท่าทีของหลิวอย่างไม่เข้าใจ
“ความจริงอะไรเหรอครับ คุณหลิว”
“ก็ความจริงที่เธอใช้คาถาอาคมได้ราวกับเป็นหมอผี และเธอก็คงใช้มันทำให้ฉันต้องมาหาเธอถึงในห้อง”
หลิวตะเบ็งเสียงด้วยอารมณ์โกรธ เมื่อเข้าใจไปตามที่เธอคิดจริงๆ เธอเข้าใจแล้วว่าเธอไม่ได้ปล่อยตัวเหลวไหล แต่เป็นป๊อด
นี่เองที่ใช้คาถาอันต่ำช้าทำร้ายเธอ
“ไม่ใช่อย่างที่คุณหลิวคิดครับ….คุณหลิว ฟังผมก่อน…..”
หลิวหันหลังกลับโดยไม่คิดจะฟังคำแก้ตัวใดๆจากเขา ในเวลานี้เธอทั้งเจ็บใจและรู้สึกผิดหวังในตัวป๊อดอย่างที่สุด