อาถรรพ์ปลัดขิก ตอนที่ 15 ฝ่าวิกฤตด้วยตนเอง

อาถรรพ์ปลัดขิก ตอนที่ 15 ฝ่าวิกฤตด้วยตนเอง

อาถรรพ์ปลัดขิก ตอนที่ 15 ฝ่าวิกฤตด้วยตนเอง
โดย Kamen Rider V-3

ชิตกำลังมุ่งหน้าไปที่บ้านของเสี่ยเจียงอย่างรีบเร่ง โดยเขานั่งอยู่ตอนหน้าของรถกระบะโดยมีไอ้ซันลูกน้องคู่ใจเป็นผู้ขับ
พร้อมกับลูกสมุนอีกสามคนที่มีปืนครบมือนั่งอยู่ตอนท้ายของกระบะ ในขณะที่รถกำลังห้อตะบึงไปตามเส้นทางที่
สองข้างทางมีแต่ดงไม้และความมืดมิด พลันก็บังเกิดเสียงอันแหบพร่าและวังเวงที่ทุกคนในรถต่างก็ได้ยินกันโดยทั่ว

“นาย……นาย…….ข้ากลับมาแล้ว…..ข้าทำไม่สำเร็จ……คนๆนั้นมีอาคมกล้าแข็งเหลือเกิน”

ชิตได้ยินทุกคำพูดของโหงพราย คิ้วสองข้างของมันขมวดเข้าหากันด้วยความโกรธ และหงุดหงิดใจที่โหงพราย
ของมันทำงานไม่สำเร็จ

“ไอ้ซัน….มึงจอดรถก่อน”

ซันได้ยินน้ำเสียงของลูกพี่มันก็รู้ว่า ชิตกำลังอยู่ในอารมณ์ที่ฉุนเฉียว จึงเหยียบเบรคให้รถหยุดลงทันทีตามคำสั่ง
ของชิต ชิตเปิดประตูก้าวเท้าลงมาจารถ แล้วยืนนิ่งตะเบ็งเสียงออกไปด้วยใบหน้าอันขุ่นเคือง

“แล้วมึงกลับมาทำไมไอ้โหงพราย…..งานที่กูสั่งให้มึงทำยังไม่สำเร็จ มึงยังกล้ากลับมาอีกเหรอ”

สิ้นคำของชิต โหงพรายก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับยกมือไหว้ ณ เบื้องหน้าของชิตท่ามกลางสีหน้าซีดสลด
ของเหล่าลูกสมุนที่นั่งกองรวมกันที่ท้ายรถด้วยความหวาดกลัว

“ข้าสู้เขาไม่ได้จริงๆจ้ะนาย…..คนๆนั้นมีไฟกสิณที่ร้อนรุนแรงเหลือเกิน จนข้าไม่อาจทำอะไรกับเขาได้เลย”

“ไป…มึงไปเดี๋ยวนี้นะไอ้โหงพราย…..มึงไปทำงานตามที่กูสั่งให้สำเร็จ….กูไม่สนว่ามึงจะใช้วิธีไหน แต่มึง
ต้องไปฆ่าพวกมันให้หมด…ไปเดี๋ยวนี้”

“ไม่จ้ะนาย….ข้าสู้เขาไม่ได้จริงๆ และข้าก็ให้สัญญากับเขาไว้แล้วว่าจะไม่กลับไปทำร้ายเขาอีก เขาถึงปล่อยข้ามา”

ชิตได้ยินดังนั้นก็ยิ่งโกรธจัด

“กูให้มึงไปฆ่ามัน….มึงกลับไปสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายมัน….นี่มึงคิดจะลองดีกับกูใช่ไหม”

แล้วเชิดก็ล้วงมือลงไปในย่ามหยิบเอาหุ่นไม้ที่สะกดวิญญาณโหงพรายเอาไว้ออกมา แล้วหลับตาร่ายคาถา
เพียงครู่ ก็หยิบเหล็กแหลมขึ้นมาจากย่ามแล้วทิ่มแทงใส่หุ่นไม้นั้น

ทันใดนั้นเองโหงพรายก็มีอาการทุรนทุราย คล้ายกับกำลังได้รับความเจ็บปวด ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนขึ้น
อย่างทุกข์ทรมาน

“โอ๊ยยยย………..เจ็บ…เจ็บเหลือเกิน…….พอเถอะนาย….สงสารข้าเถอะ…..ข้าเจ็บปวดไปหมดแล้ว”

“มึงจะไปหรือไม่ไปไอ้โหงพราย……นี่……นี่………..”

“โอ๊ยยยยยยยยย……….เจ็บจริงๆ…..พอแล้ว……..ยอมแล้วจ้ะ………อย่าทำข้าอีกเลย….โอ๊ยยย…..พอแล้ว……..
………..ข้ายอมแล้ว……ข้าจะไปแล้ว…….”

แล้วโหงพรายก็สลายร่างหายวับไปจากที่ตรงนั้น เชิดถอนหายใจอย่างหนักด้วยอารมณ์โกรธที่ยังคั่งค้าง

“ไปเว้ย…..ไอ้ซัน……มึงรีบขับรถไปที่บ้านของไอ้เสี่ยเจียงเดี๋ยวนี้เลย….ใช้ผีไม่สำเร็จ…กูก็จะใช้ปืนนี่แหละวะ
ฆ่ามันให้ตายทั้งบ้านเลยคราวนี้”

———

เชิดกระชากคอเสื้อของวิไลอย่างแรงจนสายคล้องไหล่ของชุดนอนอันเบาพริ้วของเธอขาดสะบั้นออกจากกัน
เผยให้เห็นทรวงอกอวบอิ่มขาวผุดผ่องจนเต็มสองตา เชิดตาเบิกโพลงแสยะยิ้มอย่างพอใจแล้วใช้สองมันของมัน
ตะโบมเค้นคลึงสองเต้าของวิไลอย่างเมามันส์

“อื้อหือ…ผมคิดถึงคุณจริงๆนะ คุณวิไล…อืมมมม…….ใหญ่ดีจริงๆ…..ขอผมดูดหน่อยนะ”

“ไอ้เชิด…อย่านะ…..อย่า……ช่วยด้วย……ไอ้สารเลว…แกอย่ามาทำกับฉันอย่างนี้นะ…ออกไป”

เชิดก้มหน้าลงอ้าปักงับหัวนมของวิไลเอาไว้ในปากแล้วดูดกินอย่างหิวกระหาย ทั้งที่สองมือของมันยังคง
คลึงเค้นอกอวบของเธอจนเต็มกำมือ แล้วเหลือบตาขึ้นมองหน้าของวิไลทั้งที่ยังดูดหัวนมของเธอคาปากอยู่

“จ๊วบๆๆ……..อืมมม………”

“อย่า…บอกว่าให้ออกไปไอ้เชิด…..อย่า….”

พลันแววตาของมันก็เปล่งประกายถึงความหื่นกระหายออกมาอย่างเห็นได้ชัด แล้วใช้สองมือฉีกชุดนอนตอนเดียว
ของวิไลจนขาดออกจากกันเป็นสองซีก เผยให้เห็นเรือนร่างอันขาวผ่องละออตาอย่างชัดเจน เชิดเพ่งมองเรือนร่าง
ของเธออย่างชื่นชม แล้วยกตัวขึ้นคร่อมนั่งทับขาของวิไลไว้ไม่ให้เคลื่อนไหว ดวงตาของมันจ้องมองเนินเนื้อ
อวบอูมภายใต้ซับในสีชมพูมันวาวที่ปกปิดส่วนสำคัญของเธอไว้อย่างหมิ่นเหม่

“อูยยยย………ทำไมคุณถึงได้น่าเย็ดอย่างนี้ครับ…คุณวิไล……..ครั้งที่แล้วผมเห็นแค่แป๊บเดียวเอง…คราวนี้ขอให้ผมดู
เต็มๆตาหน่อยเถอะนะว่ามันจะใหญ่ขนาดไหน….ฮ่าๆๆๆๆๆ….”

“อย่าาาา……อย่านะ……………ไอ้เชิด…..กูบอกอย่า…….อย่าาาา……………”

“โอ๊ะ……”

วิไลพยายามดิ้นรนขัดขืนอย่างเต็มที่ แม้ว่าเธอจะยังมีอาการจุกเสียดจนแทบไม่เหลือเรี่ยวแรง แต่ในที่สุด
เธอก็ไม่สามารถป้องกันการจู่โจมจากเชิดได้ เมื่อเชิดต่อยเข้าที่ท้องของวิไลอีกครั้ง จนเธอจุกงอหมดสิ้นเรี่ยวแรง
ที่จะขัดขืน แล้วเอื้อมมือไปจับขอบซับในของวิไลรูดพรืดลงมากองอยู่ที่หัวเข่า พร้อมกับจ้องมองดูด้วยความตื่นเต้น
จนตาของมันเบิกกว้างพองโต

“อู้หู…….ซี๊ดดด……….ฮ่าๆๆๆๆ………….ทั้งใหญ่ทั้งอูม……….ทำไมถึงได้น่าเย็ดขนาดนี้….อื้อหือ…..ฮ่าๆๆๆๆๆๆ….
เต็มไม้เต็มมือดีเหลือเกิน…..ฮ่าๆๆๆๆๆ…….”

“อย่า…..อย่า……เอามือแกออกไปนะ…..ช่วยด้วย………ช่วยด้วยยย…….”

เชิดเอื้อมมืออันหยาบกร้านของมันสำรวจลูบคลำเนินเนื้ออันกว้างขวางของวิไลอย่างมันส์มือ พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
อย่างพอใจออกมาไม่ขาดปาก เป้ากางเกงของมันขยายตัวใหญ่ขึ้นด้วยความเงี่ยนจนมันรู้สึกอึดอัด มันจึงเร่งจัดการ
กับเสื้อผ้าตัวเองจนล่อนจ้อน เผยให้เห็นลำเอ็นที่แข็งยืดยาวออกมา และพยักเพยิดหัวถอกของมัน เหมือนกับกำลัง
แสดงตัวว่า มันพร้อมแล้วที่จะมุดลงไปสำรวจในร่องหลืบของเนินเนื้ออวบอูมที่ท้าทายมันอยู่ที่เบื้องหน้า

วิไลจ้องมองไปที่ลำเอ็นดำปี๋ของเชิด ก็รู้ถึงชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเอง เธอจึงพยายามเค้นเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี
ในตอนนี้ ยกตัวขึ้นแล้วสลัดร่างของเชิดจนหลุดไปจากร่างของเธอ แล้วพยายามหย่อนขาลงจากเตียงเพื่อตั้งใจจะเดินไปที่ประตู
แต่เธอก็หย่อนขาลงไปได้เพียงข้างเดียว แล้วก็ถูกรั้งค้างคาไว้อย่างนั้น เพราะเชือกที่ผูกรั้งข้อมือของเธอเอาไว้

เชิดตั้งหลักได้ก็รีบสอดตัวเข้ามาจับขาของวิไลรั้งไว้ข้างหนึ่ง แล้วจ้องมองที่ส่วนนั้นของเธอจนตาเหลือกถลน เพราะในเวลานี้
ด้วยท่าทางของวิไลที่ค้างคาอยู่ที่ขอบเตียง กลับช่วยทำให้เพิ่มความโหนกนูนของเธอขึ้นอีกจนเชิดอดไม่ได้ที่จะลิ้มรสตรงส่วนนั้น
ของเธอด้วยปลายลิ้นของมัน มันจึงก้มตัวลงไปแล้วฝังใบหน้าของมันลงไปกลางหว่างขาของวิไล

“อื้อหือ…..คุณวิไล..หีของคุณทำไมถึงได้ทั้งใหญ่ทั้งโคกแบบนี้…..มา….ขอผมชิมหน่อยเถอะนะ….ฮ่าๆๆๆๆ………”

“อย่า……อย่านะไอ้เชิด…….อย่า………อ๊าาาา……..”

วิไลหลับตาปี๋สะกดกลั้นความรู้สึกของตนเองไว้ เมื่อถูกเชิดฝังใบหน้าจ่อมจมลงไปกลางหว่างขาของเธอ มันส่งปลายลิ้นของมัน
ชอนไชกวาดเลียไปทั้งร่องหลืบสลับกับใช้ปากดูดดัง ……ซู๊ด….ๆๆๆ….อย่างหิวกระหาย เธอทั้งรู้สึกขยะแขยงและโกรธแค้น
อย่างที่สุด ที่ถูกมันย่ำยีจนไม่อาจปกป้องตัวเองได้ แต่เมื่อถูกมันใช้ปากจู่โจมส่วนนั้นของเธออย่างไม่หยุดหย่อน
เธอก็เริ่มพ่ายแพ้ต่อความรู้สึกที่ธรรมชาติให้มาจนขาดสติในบางครั้ง เผลอไผลครางออกมาอย่างสุดจะทน

“ไอ้เชิด…อย่า……….ช่วยด้วย….อ๊าาาา……..ช่วยด้วย………อ๊าาาาา……ซี๊ดดดดดดดดด…………..”

“ชอบแล้วใช่ไหมล่ะ……คุณวิไล…..มา…เดี๋ยวผมจะช่วยส่งคุณไปสวรรค์คาปากของผมเลย…ฮ่าๆๆๆ…”

แล้วเชิดก็ก้มหน้าลงไปห่อเกร็งลิ้นจี้เข้าไปยังติ่งเสียวของวิไลที่กำลังชี้ชันจากการถูกกระตุ้นของมันอย่างตั้งใจ
ตามที่มันพูด ส่งผลให้เธอเกร็งหน้าท้อง ยกก้นลอยขึ้นอย่างสุดเสียว

“อ๊ายยยยยยย……………..อ๊ายยยยยยย………….อ๊ายยยยยยยยย………”

“ซู๊ดดดดด………….แผล็บ…ๆๆๆๆ……….ซู๊ดดดดด…………..แผล็บๆๆๆๆ……”

วิไลยอมรับอยู่ในใจแล้วว่า ลิ้นและปากของเชิดทำให้เธอเสียวจนแทบจะขาดใจ แต่พอเธอกลับมามีสติในบางครั้ง
ความเกลียดชังและความโกรธก็กลับปะทุขึ้นมา เธอก็ส่งเสียงด่าทอมันและพยามยามจะดิ้นหนีเพื่อให้ตนเองหลุดพ้นจากสภาพ
ที่ถูกกระทำอยู่ แต่เชิดก็ไม่ยอมหยุด มันยังคงใช้ทั้งลิ้นและริมฝีปากของมันจู่โจมตรงนั้นของเธออย่างต่อเนื่อง จนหน้าของมัน
เริ่มเปียกแฉะไปกับน้ำหล่อลื่นของเธอ

“ไอ้เหี้ยเชิด….มึงหยุดเดี๋ยวนี้นะ………….อ๊ายยยยยยยย………..ไอ้…..อ๊ายยยยยยยยยย………”

“หีแฉะแล้วยังไม่เลิกด่าผมอีกเหรอ…….แผ็ลบๆๆๆๆ……เงี่ยนแล้วใช่ไหมล่ะ…..ซู๊ดดดด…”

แล้วในที่สุด วิไก็พ่ายแพ้ต่อความเสียวที่ถูกเชิดจู่โจมด้วยปากอย่างไม่หยุดยั้ง สะโพกของเธอส่ายร่อนไปตามอารมณ์
อย่างเร่าร้อน พร้อมกับส่งเสียงครางกระเส่าออกมาอย่างไม่ขาดปาก เชิดเห็นอาการของเธอเป็นอย่างนั้นก็ยิ่งได้ใจ
บรรจงใช้เพลงลิ้นของมันจนสุดฝีมือ

ถึงตอนนี้วิไลได้ลืมไปเสียแล้วว่าใครกำลังเป็นผู้กระทำต่อเรือนร่างของเธออยู่ เสียงร้องของเธอดังกระชั้นถี่ขึ้นเรื่อยๆ
พร้อมกับหน้าท้องที่แข็งเกร็งขึ้นจนเป็นสันลอน แล้วยกสะโพกสูงขึ้นพร้อมกับมีอาการสั่นกระตุก อันเป็นอาการที่บ่งบอก
ว่าเธอได้เข้าสู่จุดสุดยอดคาปากของไอ้เชิดเสียแล้ว

“อ๊ายยย…..ซี๊ดดดดด……..อ๊ายยยย…..ซี๊ดดดด……..อ๊ายยย…..ซี๊ดดดดด……..อ๊ายยยย…..ซี๊ดดดด……..
อ๊ายยย…..ซี๊ดดดดด……..อ๊ายยยย…..ซี๊ดดดด……..อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย……………………………..”

เมื่อส่งวิไลไปสู่จุดสุดยอดด้วยลิ้นของมันแล้ว เชิดก็ยันตัวลุกขึ้นยืนมองดูอาการของวิไลที่กำลังผ่อนลมหายใจอย่างเหนื่อยหอบ
แล้วยิ้มเยาะออกมาอย่างพอใจ

“เป็นยังไงล่ะครับ….เสียวหีดีไหม……..ทีนี้ขอผมมีความสุขบ้างล่ะนะ”

เชิดพูดขึ้นพร้อมกับจับลำเอ็นอันแข็งเด่ของมันจดจ่อไปที่ร่องเสียวของวิไล ที่เปียกแฉะไปด้วยทั้งน้ำลายและน้ำเสียวของเธอ

วิไลลืมตาโพลงขึ้นแล้วรีบหุบเรียวขาของเธอลงทันที แต่ดูเหมือนจะช้าไปเมื่อเชิดใช้แขนคล้องขาของเธอไว้ข้างหนึ่ง
แล้วจับปลายลำเอ็นของมันจ่อเข้าไปยังร่องหลืบที่กำลังเปิดอ้าอยู่

“อย่า………เชิด…อย่า…..อย่าทำอย่างนั้น……..อย่าาาาา……”

“บลั้ก….บลักก……..โครมม ! …….”

ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังขึ้นที่ประตูห้องที่ล้อคอยู่อย่างรุนแรง แล้วประตูก็เปิดผางออกจนกว้าง
เชิดตกใจกับเสียงที่เกิดขึ้นเบื้องหลังของมัน จนต้องหันเหลียวมาดู และเมื่อมันเห็นประตูเปิดผางออกจนปรากฏร่าง
ของคนๆหนึ่งขึ้น มันก็ยิ่งตกใจหนักขึ้นไปอีก

มันเป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับมันมาแล้วครั้งหนึ่ง จนสร้างความเจ็บแค้นฝังลึกอยู่ในใจของมัน และบัดนี้เหตุการณ์นั้น
ก็ได้วนกลับมาเกิดขึ้นใหม่อีกครั้ง เมื่อคนที่พังประตูเข้าหาใช่ใครที่ไหน แต่เป็นป๊อดที่ได้รับการบอกเล่าจากภูตแห่งปลัดขิก
ถึงภัยที่กำลังเกิดขึ้นกับวิไลหลังจากที่เขาจัดการกับโหงพรายได้สำเร็จ ป๊อดก็รีบวิ่งมาที่ตึกอันเป็นที่อาศัยของวิไลและพังประตู
เข้ามาในทันที

“ไอ้เชิด……นี่มึงยังกล้ามาทำความชั่วที่บ้านหลังนี้อีกเหรอ……”

ป๊อดตะเบ็งเสียงออกมาอย่างโกรธแค้นที่เห็นสภาพของวิไลซึ่งกำลังถูกระทำ แล้วถลันเข้ากระชากคอของเชิดให้ผละออกมา
จากร่างของวิไล จนมันล้มลงไปกับพื้นด้วยกำลังแรง วิไลมองเห็นใบหน้าของคนที่เข้ามาช่วยเหลือได้ทันท่วงทีก็ร้องออกมา
ด้วยความดีใจ

“ป๊อด”

เชิดกำลังตกใจเพราะคาดไม่ถึงว่าจะมีใครทะลึ่งพรวดเข้ามาในขณะที่มันอยู่ในช่วงเข้าด้ายเข้าเข็ม จึงไม่ทันระวังตัว
ล้มกลิ้งหงายลงไปกับพื้นตามกำลังฉุดรั้งของป๊อดอย่างไม่เป็นท่า

ป๊อดกำลังอยู่ในอารมณ์โกรธจัดที่เห็นวิไลถูกกระทำ เขาจึงวิ่งถลาไปเตะร่างของเชิดที่กำลังนอนหงายอย่างไม่เป็นท่า
ซ้ำลงไปอีก เชิดถูกเท้าของป๊อดเตะเข้าที่ชายโครงดัง..อั๊ก ก็รู้สึกจุกจนดันร่างลุกขึ้นมาไม่ไหว ได้แต่ใช้แขนทั้งสอง
ข้างบังเท้าของป๊อดที่กำลังเงื้อเตะลงมาอย่างไม่ยอมหยุด

“นี่แหนะมึง…….ไอ้เหี้ยเชิด…มึงกล้ามาทำอย่างนี้กับคุณวิไลได้ยังไง….หา……ไอ้ชั่ว…..”

เชิดใช้สองแขนปิดป้องการเตะของป๊อดเป็นพัลวันจนในจังหวะหนึ่ง มันก็สามารถคว้าจับเท้าของป๊อดไว้ได้ข้างหนึ่ง
แล้วดันออกไปจนป๊อดเซถลาเสียหลัก มันเห็นเป็นโอกาสทองจึงรีบลุกขึ้น แล้ววิ่งหนีออกไปจากห้องทั้งๆที่ยัง
ไม่ได้ใส่เสื้อผ้า แต่แล้วมันก็ชนเข้ากับหนิงซึ่งกำลังตกใจที่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย จึงรีบมาเข้ามาดูที่ห้องของแม่
ของเธอจนล้มลง

ป๊อดตั้งหลักได้ก็รีบถลันวิ่งตามไป พอเห็นหนิงกำลังล้มกลิ้งอยู่ ก็เข้าไปประคองร่างของเธอให้ลุกขึ้น

“คุณหนิง….เป็นอะไรไหมครับ”

“ไม่เป็นไร….เกิดอะไรขึ้นหรือป๊อด….แล้วคนที่ชนหนิงนั่นเป็นใครน่ะ”

“ไอ้เชิดครับ…มันเข้ามาทำร้ายคุณวิไล…ฝากคุณหนิงช่วยดูคุณวิไลด้วยนะครับ ผมขอตามไอ้ชั่วนั่นไปก่อน”

แล้วป๊อดก็วิ่งฝ่าความมืดติดตามเชิดไปยังทิศทางที่มันหลบหนีไป จนเมื่อเขาติดตามมาจนใกล้จะถึงหน้าประตูบ้าน
เขาก็ได้ยินเสียงสตาร์ทรถยนต์ ที่บริเวณนอกริมกำแพงบ้าน แล้วเหยียบคันเร่งขับออกไปอย่างรวดเร็ว
ป๊อดกำลังโกรธจัดรีบวิ่งวนกลับมายังที่จอดรถแล้วสตาร์ท เร่งขับออกติดตามไปในทันที

รถของเชิดขับออกไปด้วยความเร็วสูง ออกสู่ถนนใหญ่มุ่งหน้าไปยังแหล่งกบดานของมันกับพี่ชาย โดยมีรถของป๊อด
ขับติดตามไปอย่างไม่ลดละ ป๊อดไม่เคยเกิดอารมณ์โกรธอย่างมากมายเท่าในครั้งนี้มาก่อน นั่นก็คงเป็นเพราะความผูกพันธ์
ที่เขามีให้ต่อวิไลอย่างลึกซึ้งจนเขาเองก็ไม่รู้ตัว ป๊อดกำลังมีอารมณ์พลุ่งพล่านจนแม้ภูตแห่งปลัดขิกพยายามที่จะพูดบางสิ่ง
ออกมา เขาก็ไม่สนใจที่จะฟัง และพูดตัดบทเสียโดยมุ่งความสนใจไปที่รถของเชิดที่ขับหนีเขาอยู่ข้างหน้า

“ไอ้หนู…….ไอ้หนู……เฮ้ย……”

“อย่าพึ่งได้ไหม…น้าขิก………..ยังไม่ใช่เวลา”

“เอ็งฟังข้าก่อน….มี….”

“หยุดเลย…น้าขิก………ผมไม่ฟัง….ผมขอตามไปกระทืบไอ้เลวนั่นก่อน”

และแล้วรถของคนทั้งสองก็ขับออกมาจนพ้นเขตเมือง เข้าสู่เส้นทางที่เล็กและแคบลงเรื่อยๆ ทั้งบรรยากาศในสองข้างทาง
ก็เข้าสู่ความมืดมิด ไม่เอื้อต่อทัศนวิสัยในการขับรถ แต่รถทั้งสองคันก็ยังคงใช้ความเร็วไล่ติดตามกันอย่างไม่ลดละ

จนในที่สุด ก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น เมื่อรถบรรทุกคันหนึ่งวิ่งออกมาจากถนนของหมู่บ้านที่ตัดกับถนนที่รถทั้งสองคัน
กำลังพุ่งตรงมาด้วยความเร็ว แต่ด้วยความมืดของสองข้างทางทำให้เชิดพึ่งจะสังเกตเห็นในระยะที่กระชั้นชิด เขาจึงเหยียบเบรค
อย่างแรงเพื่อหยุดรถอย่างกระทันหัน

“เฮ้ยยยย.!!!………เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดด………………..โครมมม……..โครมมมมมม……….”

เสียงล้อรถของเชิดเสียดสีกับพื้นถนนดังออกมาอย่างน่ากลัว รถของเชิดเป็นรถกระบะที่ไม่ได้บรรทุก เมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูง
แล้วเบรคอย่างกระทันหันเช่นนี้ รถก็เกิดการเสียสมดุลย์ส่วนท้ายของกระบะปัดออกข้างแล้วหมุนคว้างพลิกคว่ำไปสองสามตลบ
ชนเข้ากับต้นไม้ข้างทางเสียงดังสนั่นจนหยุดนิ่งอยู่กับที่ ป๊อดที่ขับติดตามมาเห็นดังนั้นก็รีบเหยียบเบรคอย่างกระทันหันเช่นเดียวกัน

“…เอี๊ยดดดดดดดดดดดด……………..”

รถของป๊อดท้ายปัดเซออกข้างแล้วหมุนคว้างอยู่กลางถนน เสียหลักพุ่งเข้าไปจะปะทะกับรถของเชิดที่จอดนิ่งสนิทอยู่อย่างแรง

ทันใดนั้นเองก็เกิดเงาดำขึ้นวูบหนึ่งปรากฏขึ้นที่ด้านข้างของรถ แล้วรถของป๊อดก็หยุดสนิทลงอย่างปาฏิหารย์ห่างจากรถของเชิด
ไปไม่ถึงคืบ ป๊อดนิ่งงันอยู่ครู่หนึ่งแล้วถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก พร้อมกับนึกขอบคุณภูตแห่งปลัดขิก

“ขอบคุณนะน้าขิก….ถ้าไม่ได้น้าผมแย่แน่ๆ”

“ไม่ใช่ข้าเว้ย……โน่น…ไอ้โหงพรายโน่น”

ป๊อดได้ยินดังนั้นก็หันไปโดยรอบ

“โหงพรายไหนเหรอ…น้าขิก”

“ก็โหงพรายที่เอ็งปล่อยมันไปไงเล่า…..เอ้าไอ้โหงพราย…ออกมาสิวะ”

สิ้นคำของภูตแห่งปลัดขิก โหงพรายก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับยกมือไหว้

“ข้าเองล่ะนาย”

ป๊อดลงมาจากรถแล้วเหลือบไปดูรถของเชิด ก่อนที่จะหันมาพูดกับโหงพราย

“ขอบใจนะที่ช่วยฉันไว้ เอ้อ…แล้วแกตามฉันมาทำไม”

“เจ้านายของข้าสั่งให้มาฆ่านาย”

ป๊อดสะดุ้งจนสุดตัวแล้วถอยหลังออกห่างจากโหงพราย

“ข้าไม่ยอมทำตามเพราะให้สัญญาไว้กับนายแล้ว แต่เจ้านายของข้าก็ทรมานข้า ข้าไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วนาย
ช่วยข้าด้วยเถอะ”

โหงพรายพูดขึ้นพร้อมกับยกมือไหว้ จนป๊อดมองดูแล้วก็รู้สึกสงสาร

“เอายังไงดีล่ะน้าขิก…ผมอยากจะช่วยเจ้านี่จังเลย”

“เฮ้ยย…ไอ้หนู…มันไม่ง่ายนะเว้ย…โหงพรายเป็นผีที่ถูกเลี้ยงและถูกสะกดวิญญาณเอาไว้โดยเจ้าของของมัน เอ็งจะช่วยมัน
เอ็งก็ต้องปราบคนเลี้ยงของมันเสียก่อน แล้วหาของที่นายมันสะกดวิญญาณมันเอาไว้ให้เจอ เพื่อมาคลายมนต์สะกด”

โหงพรายพอได้ยินคำพูดของภูตแห่งปลัดขิก ก็พึ่งรู้สึกสนใจอย่างจริงจังถึงดวงวิญญาณที่แฝงอยู่ในร่างของป๊อด
จึงเพ่งกระแสจิตของตนเข้าไปยังภูตแห่งปลัดขิก และเมื่อมันสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจของภูตแห่งปลัดขิก
มันก็ถึงผงะ ดวงตาเบิกโพลงอย่างตกใจ แล้วยกมือไหว้

“โอ้….ท่าน….ท่านไม่ได้เป็นสัมภเวสีเช่นเดียวกับข้า…ท่านคือใคร เหตุใดจึงมีพลังอำนาจมากมายขนาดนี้”

“เออ…รู้ก็ดีแล้ว…..กูไม่ได้เป็นผีชั้นสวะเหมือนมึง แล้วทีหลังอย่าเสือกใช้จิตของมึงมาส่องดูกูอีก ไม่อย่างนั้น
กูจะทำให้วิญญาณมึงมอดไหม้ไปเลย”

โหงพรายได้ฟังดังนั้นก็ก้มหน้าลงนิ่งอย่างกลัวเกรงในพลังอำนาจของภูตแห่งปลัดขิก

“เอาน่า…น้าขิก ทำเป็นโกรธไปได้เรื่องแค่นี้….แล้วนายมันอยู่ที่ไหนล่ะน้าขิก”

“เฮอะ….นายมันอยู่ที่ไหนน่ะเหรอ…ก็กำลังพาพวกของมันบุกไปที่บ้านของไอ้เสี่ยเจียงไง”

“หา….ว่าไงนะ น้าขิก แล้วทำไมพึ่งมาบอกผมล่ะ”

ป๊อดร้องถามขึ้นอย่างตกใจ

“ยังมีหน้ามาต่อว่าข้าอีก….ข้าก็จะบอกเอ็งตอนตามไอ้เชิดมาไง…..แล้วเอ็งฟังข้าไหม…เอ็งโกรธจนหน้ามืด
ที่มีคนมารังแกเมียเอ็งไง”

พอป๊อดได้ฟังดังนั้นก็พูดไม่ออก เพราะเป็นความผิดของเขาเองจริงๆที่ไม่ได้ฟังสิ่งที่น้าขิกพยายามจะบอก
ป๊อดรู้สึกร้อนใจเป็นห่วงทางบ้าน จึงพูดขึ้นกับโหงพรายว่า

“ฉันสัญญานะว่าจะหาหนทางปลดปล่อยแกให้เป็นอิสระ แต่ตอนนี้ฉันมีเรื่องด่วนที่ต้องทำก่อน”

แล้วป๊อดก็เตรียมจะขึ้นรถขับออกไป แต่ก็ถูกภูตแห่งปลัดขิกทักท้วงขึ้น

“เฮ้ย…เดี๋ยว….ไอ้หนู…เอ็งฟังข้าก่อน”

“มีไรเหรอน้าขิก”

“มันมาครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนๆ พวกมันมีทั้งปืนทั้งคน ครั้งนี้ข้าอาจจะช่วยคุ้มครองเอ็งได้ไม่ตลอด หากพลาดพลั้ง
ขึ้นมาเอ็งอาจตายได้เลยนะ”

“น้าขิกก็สอนมนต์ให้ผมหนังเหนียวสิ จะได้ยิงไม่เข้า”

“เฮ้ยยย…..มันไม่ใช่จะง่ายขนาดนั้นนะเว้ย วิชาหนังเหนียวที่เอ็งพูดถึงเนี่ย มันต้องทั้งสักยันต์มหาอุจน์ทั้งอาบน้ำว่าน”

“อ้าว….แล้วเอายังไงดีล่ะน้าขิก ผมเป็นห่วงที่บ้านมากเลย”

“สงสัยว่าคราวนี้ ข้าคงอยู่ช่วยเอ็งไม่ได้ซะแล้ว เพราะเอ็งต้องใช้ปลัดขิกที่พ่อเอ็งให้มา”

“ทำไมล่ะน้าขิก ถ้าน้าขิกไม่คอยอยู่แนะนำ ผมจะทำได้ยังไง”

“ถึงเวลาที่เอ็งต้องต่อสู้ด้วยตัวเอ็งเองแล้ว..ไอ้หนู……..พ่อเอ็งเขาลงอักขระมหาอุจน์ไว้ที่ตัวปลัดขิก พร้อมกับสะกดวิญญาณ
ของข้าเอาไว้ด้วยกัน พอเอ็งร่ายมนต์ปลุกให้ข้าตื่น ปลัดขิกก็จะอันตรธานหายไปด้วย เอ็งต้องภาวนาคาถาถอดถอนข้า
ออกจากร่างของเอ็งให้คืนรูปเป็นปลัดขิกดังเดิม เพื่อที่เอ็งจะได้มียันต์มหาอุจน์ติดตัว เอาไว้คุ้มครองเอ็งจากกระสุนปืน
ของไอ้พวกนั้น เร็วเข้าเถอะไม่มีเวลาแล้ว ไอ้พวกนั้นมันกำลังจะบุกเข้าบ้านของไอ้เถ้าแก่เจียงแล้ว”

ป๊อดนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วคิดตามที่น้าขิกพูด มันถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่กำลังบุกรุกเข้ามาทำร้ายคนที่เขารัก
ด้วยตัวของเขาเอง แล้วจึงปิดตาลง ภาวนาคาถาถอดถอนดวงวิญญาณของภูตแห่งปลัดขิกออกจากร่างของเขา

“นะเคลื่อน โมถอน พุทคลอน ธาเคลื่อน ยะเลื่อน หลุดหาย”

แล้วร่างของป๊อดพลันก็มีอาการขนลุกเกลียวขึ้นทั้งร่าง และรับรู้ถึงไอเย็นที่พุ่งพวยออกไปทางกระหม่อม
จนในที่สุด ปลัดขิกสีดำสนิทเป็นมันวาว ก็ล่วงตกลงอยู่ตรงหน้าเขานั่นเอง

——-

รถของชิตจอดพรืดที่หน้าประตูบ้านของเสี่ยเจียง และทันทีที่รถจอดสนิท ลูกสมุนทั้งสามคนของชิตก็กระโดดลงจากรถ
วิ่งกรูไปที่ประตูที่เปิดอ้าอยู่ จากการที่ป๊อดเร่งรีบขับรถออกไปติดตามเชิด แล้วพวกมันก็เข้าไปถึงตึกใหญ่ได้อย่างเงียบสนิท

ชิตลงจากรถเดินติดตามไปโดยมีซันถือปืนอยู่เคียงข้าง เมื่อชิตเดินติดตามมาทันลูกสมุนทั้งสาม ก็ให้สัญญาณแก่พวกมัน
ให้บุกขึ้นไปยังตัวตึก จนพบเข้ากับคนงานชายสองคนที่กำลังจะเดินลงมาจากตึกใหญ่หลังจากที่พึ่งจบสิ้นปัญหาโหงพราย

โดยไม่ทันได้ระวังตัวคนงานชายทั้งสอง ก็ถูกลูกสมุนของชิตคนหนึ่งใช้พานท้ายปืนตีเข้าที่กกหูจนสลบเหมือดไปหนึ่งคน
ส่วนอีกคนก็ถูกปืนจี้เข้าที่หน้าจนหยุดนิ่งด้วยความหวาดกลัว ชิตเดินขึ้นบันไดตึกมาอย่างย่ามใจแล้วจ้องมองเชลย
ที่ถูกจี้ด้วยปืนพร้อมกับเอ่ยถามขึ้น

“ไอ้เสี่ยเจียงอยู่ที่ไหน”

“อยะ….อยะ…อยู่…….ที่ห้องใหญ่”

คนงานคนนั้นกลัวจนตัวสั่น พูดตะกุกตะกักพร้อมกับชี้มือไปที่ห้องที่มีบานประตูเป็นไม้สัก และเป็นห้องที่มีขนาดใหญ่ที่สุด
บนตึก พอชิตได้รับคำตอบก็เดินผ่านคนงานชายคนนั้นอย่างไม่สนใจ ตรงไปที่ห้องนั้นทันที สมุนของชิตที่จ่อปืนจี้เชลยอยู่
ก็หวดพานท้ายปืนไปที่กรามของคนงานชายคนนั้นจนสลบแน่นิ่งไปอีกคน แล้วพากันติดตามลูกพี่ของมันไป

ภายในห้องใหญ่ยังคงมีทั้งเถ้าแก่เจียง เนี้ยซิมลั้ง หลิว และคนรับใช้หญิงอีกสองคนนั่งพูดคุยกันอยู่ ทันใดนั้นบานประตูใหญ่
ของห้องก็ถูกผลักออกอย่างแรงทั้งสองบานจนฟาดเข้ากับผนังเสียงดังโครม

ทุกคนที่อยู่ในห้องพากันสะดุ้งตกใจหันมามองที่ประตูโดยพร้อมเพรียงกัน และเมื่อเห็นว่าเป็นกลุ่มคนแปลกหน้า ในมือถือปืน
กันอยู่ครบ ก็พากันตกใจจนนิ่งค้าง เถ้าแก่เจียงเป็นคนแรกที่ได้สติ จึงเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ

“พวกลื้อเป็นใคร….เข้ามาในบ้านอั๊ว..มีธุระอะไร”

คนรับใช้หญิงคนหนึ่ง เกิดความกลัวจนไม่ได้สติ หุนหันลุกขึ้นเตรียมที่จะวิ่งออกจากห้อง

” ปัง !”

“โอ๊ยยย…………..”

ลูกสมุนของชิตใช้ปืนยิงเข้าที่ขาของคนรับใช้คนนั้น จนล้มลงไปนอนร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด

“โอยยย……อย่าทำฉันเลย….ฉันกลัวแล้ว……”

“หุบปาก…ไม่งั้นกูจะให้มึงแดกลูกปืน”

ชิตเดินเข้ามาข้างหน้าบรรดาลูกสมุน แล้วมองจ้องไปที่เสี่ยเจียง

“มึงคือเสี่ยเจียงใช่ไหม”

เสี่ยเจียงจ้องมองโดยไม่หลบสายตาของชิต แล้วเอ่ยขึ้น

“ใช่…..อั๊วนี่แหละชื่อเจียง….พวกลื้อเป็นคนของเสี่ยวิชัยใช่ไหม”

ชิตยิ้มออกมาอย่างยียวน แล้วควักปืนสั้นออกมาจากอกเสื้อ เล็งไปยังตำแหน่งที่เสี่ยเจียงนั่งอยู่ แล้วเอ่ยขึ้น

“ถ้าอย่างนั้น วันนี้มึงก็ต้องตาย แต่ก่อนที่มึงจะตายกูจะบอกให้เอาบุญก็ได้ เสี่ยเจียงว่าจ้างกูให้มาฆ่ามึงเสีย
เพราะมึงชอบทำตัวไปขวางทางเขา…..ทีนี้มึงตายตาหลับได้แล้วสินะ”

หลิวจ้องมองอาการของชิตอยู่ตลอดเวลา พอเห็นว่าชิตคงจะยิงพ่อของเธออย่างแน่นอนแล้ว เธอก็ส่งเสียงร้องขึ้น
พร้อมกับถลันเข้าไปเอาตัวบังพ่อของเธอไว้

“อย่าาาาา……..”

ชิตชะงักปืนที่คิดจะเหนี่ยวไก แล้วลดปืนลงมองดูหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างพิจารณา แล้วยิ้มออกมาอย่างพอใจ

“หนูเป็นอะไรกับเสี่ยเจียงเหรอ ถอยออกไปซะ”

“ไม่…ฉันไม่ไป…ฉันจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเตี่ยของฉัน”

“อ้อ….ที่แท้ก็เป็นลูกสาว….ไป…ออกไปซะ…อย่ามาขวางทาง….เดี๋ยวเสร็จแล้วพี่จะไปสนุกด้วยนะ”

ชิตเดินเข้าไปหาหลิวแล้วออกแรงฉุดกระชากให้หลิวหลบออกไปให้พ้นทางปืนของมัน แต่หลิวก็พยายามดิ้นรนขัดขืน
อย่างสุดกำลัง จนชิตต้องใช้แขนทั้งสองรวบตัวหลิวเอาไว้ และพอดีกับที่ด้านนอกลูกสมุนของชิตก็กำลังลากตัวของวิไล
และหนิงเข้ามาสมทบในห้อง

“ฤทธิ์มากนักนะมึง….อื้อหือ…ตัวก็ห๊อมหอม….นุ่มนิ่มไปทั้งตัวเลยนะ…ไอ้ซัน…มึงเฝ้าไอ้พวกนี้ไว้ กูเปลี่ยนใจแล้ว
รอกูเย็ดอีนี่ให้เสร็จก่อนแล้วเดี๋ยวจะให้พวกมึงลงแขกอีพวกนี้ด้วย เสร็จแล้วค่อยยิงแม่งให้ตายทั้งบ้านเลย”

แล้วชิตก็ฉุดลากตัวหลิวไปที่เตียงนอน หลิวพยายามขัดขืนอย่างสุดกำลังแล้วทิ้งตัวลงกับพื้นเพื่อให้ชิตฉุดลากเธอได้ลำบากขึ้น
เสี่ยเจียงมองเห็นลูกสาวคนโต ถูกฉุดกระชากเช่นนั้นก็ทนดูไม่ได้ โผเข้ามาที่ร่างของชิตหมายจะช่วยหลิว แต่ก็ถูกไอ้ซันฟาดหลังมือ
ไปที่ใบหน้าจนล้มลง แล้วจ่อปืนไว้ที่หัว

“เผี่ย………….อยู่นิ่งๆ…ไม่งั้นกูยิงหัวระเบิดแน่”

เนี้ยซิมลั้ง วิไล หนิง และคนอื่นๆ ได้แต่มองดูภาพบาดตาที่กำลังจะเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า แม้วิไลจะไม่ค่อยชอบเนี้ยซิมลั้งและหลิว
แต่เมื่อเห็นหลิวกำลังจะประสบชะตากรรมเช่นเดียวกันกับเธอ เธอก็รู้สึกสงสารและคิดเห็นใจเอื้อมมือไปเกาะกุมมือของเนี้ยซิมลั้ง
อย่างปลอบใจ เนื้ยซิมลั้งทั้งรู้สึกขวัญเสีย ทั้งเป็นห่วงสามีและลูกสาว กำลังต้องการกำลังใจเป็นอย่างมาก เธอจึงหันมาซบลงที่ไหล่
ของวิไลแล้วร้องไห้ออกมา

ชิตพยายามดึงตัวหลิวขึ้นมาอย่างสุดกำลัง แต่หลิวก็ดิ้นรนขัดขืนอย่างสุดกำลังเช่นกัน จนชิตรู้สึกรำคาญที่จะต้องลากตัวเธอถูลู่ถูกัง
ไปที่เตียงนอน มันจึงทรุดตัวลงนั่งแล้วจับตัวหลิวกดลงไปกับพื้นห้อง

“แหม……แรงเยอะจริงนะมึง….ชอบถูกเย็ดกับพื้นก็ไม่บอก…..ได้….เดี๋ยวกูจะเย็ดมึงที่พื้นนี่แหละ บนเตียงนุ่มๆไม่ชอบ”

“อย่า….อย่านะ……….ออกไป………………อย่า……”

ชิตจับข้อมือทั้งสองของหลิวกดลงกับพื้น แล้วพยายามซุกไซ้ใบหน้าเข้าไปสูดดมพวงแก้มของหลิว หลิวพยายามเบือนหน้าหนี
แล้วฝืนดิ้นรนอย่างเต็มที่ แต่เรี่ยวแรงของเธอกำลังจะหมดลงจากการดิ้นรนขัดขืนมาเป็นเวลานาน จนเธอเริ่มสิ้นหวังและหมดที่พึ่ง
แต่ในทันทีที่เธอรู้สึกอับจนและหมดหนทาง เธอก็คิดถึงใบหน้าของป๊อดลอยเข้ามาในความคิด แล้วเปล่งเสียงร้องเรียกขอความช่วยเหลือ
จากเขาอีกครั้ง

“ป๊อด………ป๊อด……..ช่วยด้วย……ช่วยหลิวด้วย………….ป๊อดดดด………”

ชิตรู้สึกแปลกใจที่ได้ยินหลิวเรียกชื่อของป๊อด แล้วก็คิดถึงคนที่มันกำลังต้องการจะเห็นหน้า มันคิดว่าอาจจะเป็นคนที่ชื่อป๊อด
ที่บังอาจส่งหนังเสกอาคมกลับมาหามัน ทั้งยังสามารถสยบโหงพรายที่มันส่งมาอย่างราบคาบ มันยิ่งคิดก็ยิ่งเกิดความแค้น
จึงตะคอกถามหลิวขึ้นทันที

“มันเป็นใครวะ…….ไอ้คนที่ชื่อป๊อดเนี่ย….มันเป็นใคร…..มันอยู่ที่ไหน”

หลิวไม่สนใจคำถามของชิต เธอยังคงส่งเสียงร้องเรียกชื่อของป๊อด จนชิตโกรธเล็งปืนไปที่เสี่ยเจียงแล้วเอ่ยขึ้น

“ทีนี้มึงจะบอกกูได้หรือยังว่าไอ้คนที่ชื่อป๊อดมันอยู่ที่ไหน ไม่อย่างนั้นกูจะยิงหัวพ่อมึงเดี๋ยวนี้”

ทันใดนั้นเองร่างป๊อดก็ปรากฎตัวขึ้นที่หน้าประตูห้อง

“กูนี่แหละชื่อป๊อด”

ทันทีที่ลูกสมุนของชิตได้ยินเสียงของป๊อด ก็พากันหันหน้ามาที่ประตูห้องโดยพร้อมกัน แล้วกรูกันเข้ามาจับตัวของป๊อดไว้
ป๊อดมองเห็นปืนที่ชิตเล็งไปที่เถ้าแก่เจียง ก็ยินยอมให้จับแต่โดยดีและถูกนำตัวเข้ามาหาชิต

ชิตมองป๊อดอย่างพิจารณาตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วก็เอ่ยขึ้น

“มึงนี่เหรอที่ชื่อป๊อด….มึงคงไม่ใช่ไอ้คนที่คิดจะลองดีกับกู เพราะมึงยังเด็กเหลือเกิน ถ้าอย่างนั้นที่อีนี่มันเรียกหามึง
ก็คงเป็นเพราะพวกมึงเป็นแฟนกันใช่ไหม…..หึๆๆๆๆ…..เสียใจด้วยนะเว้ยไอ้หนุ่ม ยังไงวันนี้กูก็จะขอเย็ดแฟนมึงให้
สำราญบานใจซักหน่อย มึงคงไม่ว่าอะไรนะ”

แล้วชิตก็ก้มลงซุกไซ้หลิวไปตามต้นคอต่อหน้าของป๊อด ป๊อดเห็นภาพบาดตาที่อยู่ตรงหน้าก็ดิ้นรนให้พ้นจากการจับยึด
อย่างสุดชีวิต

“ไอ้สัตว์…มึงหยุดเดี๋ยวนี้นะ………..กูบอกให้หยุดไง……..”

“อย่า………ออกไป…………..อย่า……”

แม้ป๊อดจะพยายามดิ้นรนอย่างไรก็ไม่สามารถหลุดจากการยึดจับของลูกสมุนของชิตได้ จนเขาคิดถึงภูตแห่งปลัดขิกขึ้นมา
ด้วยความเคยชิน แต่พอนึกขึ้นได้ว่า ภูตแห่งปลัดขิกไม่ได้อยู่กับเขาเสียแล้ว วิกฤตในครั้งนี้เขาจะต้องต่อสู้ด้วยตนเองเพียงลำพัง

ป๊อดปิดตาลงแล้วพยายามสงบจิตให้นิ่งพ้นจากสภาวะอันตื่นตระหนกที่อยู่ตรงหน้า จนในที่สุดจิตของเขาก็นิ่งสงบดิ่งลงสู่
สภาวะแห่งฌาณ ป๊อดจึงร่ายคาถาพญาลิงลมขึ้นในทันที

“นะมะพะทะ จะพะกะสะ วานรพยุหะ ยุวาพะวา มะอะอุ อะสังวิสุโล ปุสะพุพะ โสทายะคงคงอะ”

และแล้วลมหายใจเข้าออกของป๊อดก็แรงขึ้นจนดังฟืดฟาด ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงกล่ำ พร้อมกับโยกย้ายใบหน้าไปมา
อย่างไม่อยู่สุข จนสมุนของชิตที่ยึดจับตัวป๊อดอยู่ จ้องมองดูการเปลี่ยนแปลงของป๊อดอย่างตกใจ

ทันใดนั้นเองป๊อดก็สลัดแขนข้างหนึ่งจนหลุดจากการยึดจับ แล้วหวดฝ่ามือเข้าไปที่ใบหน้าของลูกสมุนของชิตคนหนึ่งอย่างเต็มแรง
จนมันแหกปากส่งเสียงร้องออกมาอย่างเจ็บปวด คลายมือที่ยึดจับตัวป๊อดในทันที

ป๊อดหันไปมองสมุนอีกคนที่ยังจับยึดแขนของเขาไว้ ด้วยดวงตาที่แดงกล่ำอย่างน่ากลัว แล้วยกเท้าถีบลูกสมุนคนนั้นด้วยแรง
อันมหาศาล จนตัวของมันลอยไปชนกับผนังห้องดังอั้ก แล้วพุ่งตรงเข้ามาหาชิตเพื่อที่จะช่วยหลิว

ชิตเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับป๊อดด้วยตาของตนเอง จนมันตกตะลึงตาค้าง แล้วเผลอรำพึงออกมาจากปากอย่างตกใจ

“วิชาพญาลิงลม”

และมันก็แน่ใจแล้วว่า คนที่มีอาคมจนสามารถลองดีกับมันได้หาใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเด็กหนุ่มอายุน้อยที่อยู่ต่อหน้าของมันนี่เอง
ชิตหันปลายกระบอกปืนเล็งไปที่ป๊อดแล้วเหนี่ยวไกยิงออกไปทันที

“ปัง !…………….ปัง!……………….ปัง!….”

แต่ป๊อดในสภาพของพญาลิงลมกลับว่องไวยิ่งนัก พอเห็นชิตเล็งปากกระบอกปืนมาที่เขา ร่างของป๊อดก็กระโดดแผล็วขึ้นไปบนขื่อ
ของห้องแล้วจ้องมองมาที่ชิตด้วยแววตาอันดุร้าย ชิตเห็นเช่นนั้นก็เหนี่ยวไกปืนยิงซ้ำออกไปอีก แต่ป๊อดในตอนนี้กลับกระโดด
แผล็วไปมาคล้ายกับจะรู้ทิศทางของกระสุนปืน

ชิตรู้สึกหงุดหงิดที่ป๊อดหลุดลอดจากวิถีกระสุนของมันไปได้ทุกครั้ง จึงออกคำสั่งให้ลูกสมุนทุกคนช่วยกันระดมยิงป๊อดพร้อมกัน

“มึงเร็วนักใช่ไหม……เฮ้ยพวกมึงยิงมันพร้อมๆกันเลย กูอยากจะรู้นักว่ามันยังจะหลบพ้นอีกไหม”

สิ้นเสียงสั่งของชิต เสียงจากปืนทุกกระบอกของชิตและลูกสมุนของมัน ก็ดังขึ้นพร้อมกัน ปานประหนึ่งกำลังเกิดสงคราม
ขึ้นในห้อง

ปัง !……..ปัง !……ปัง!……….ปัง!……..ปัง!………..ปัง!……….ปัง !…………ปัง!……..ปัง!………..ปัง!………ปัง!……..ปัง!….”

ลูกกระสุนจากปืนทุกกระบอกวิ่งเข้าหาเป้าหมายที่จุดๆเดียวอย่างพร้อมเพรียงกันเช่นนี้ แม้พญาลิงลมจะมีความว่องไว
ขนาดไหนก็ไม่อาจที่จะรอดพ้นจากห่ากระสุนเช่นนี้ ป๊อดพยายามกระโดดหลบไปมา แม้ว่าจะสามารถหลบลูกกระสุนส่วนใหญ่ได้
แต่เขาก็ถูกกระสุนบางลูกที่ยิงสกัดทางหนีของเขา พุ่งเข้ามาตามร่างของเขา แต่ลูกกระสุนเหล่านั้นไม่สามารถฝังทะลุลงไปในร่างของเขา
มีเพียงรอยช้ำเป็นจ้ำๆที่สามารถสร้างความเจ็บปวดให้แก่เขาจนต้องกัดฟันทน

ป๊อดเห็นว่าหากหลบหลีกอยู่เช่นนี้ คงไม่เป็นผลดีต่อเขาแน่จึงตัดสินใจพุ่งตัวฝ่ากระสุนเข้าไปจัดการกับลูกสมุนคนหนึ่งที่กำลังเล็งมาที่เขา
โดยการต่อยเข้าไปด้วยกำลังแรงเข้าที่กรามของมันจนล้มลงไปแน่นิ่งอยู่กับที่ แล้วกระโดดแผล็วไปยังอีกคนที่ยิงมายังข้างหลังของเขา
ด้วยการกระโดดถีบไปที่หน้าของมันจนหงายลงไปนอนแน่นิ่งอีกคนเช่นเดียวกัน

ชิตเห็นลูกสมุนของตนถูกจัดการไปถึงสองคนก็โกรธ ตรงเข้ามายิงไปที่หน้าอกของป๊อดในระยะเผาขน

“ปัง !……..ปัง !……ปัง!…..แชะ….แชะ…แชะ…”

ป๊อดถูกลูกระสุนเข้าอย่างจังที่หน้าอก ก็ถึงกับล้มลงไปนอนด้วยแรงของกระสุน หน้าอกของเขาเป็นรอยจ้ำแดงถึงสามแห่งอย่างเห็นได้ชัด
ชิตโยนปืนทิ้งไปอย่างรู้สึกหนักใจที่ไม่สามารถทำอะไรป๊อดได้ แต่แล้วมันก็คิดถึงมีดหมอของหลวงพ่อเดิมขึ้นมาได้
ตาของมันลุกวาวอย่างนึกกระหยิ่มใจ แล้วล้วงมือลงไปในย่ามหยิบมีดหมอมาถือไว้

“เหนียวนักใช่ไหมมึง งั้นเจอกับมีดหมอของกูหน่อย”

ขณะนั้นเองไอ้ซันเห็นเป็นโอกาสทอง จึงแทรกตัวพุ่งเข้าคร่อมร่างของป๊อดไว้ แล้วจ่อปืนไปที่หน้าผากของเขา โดยตั้งใจจะให้ลูกกระสุน
ทะลุสมองอย่างถนัดถนี่ ป๊อดคว้าจับปืนของไอ้ซันไว้ด้วยความว่องไว แล้วเหวี่ยงร่างของมันออกไปจนพ้นร่างของเขาด้วยกำลังแรง
เป็นขณะเดียวกันที่ชิตอาศัยช่วงที่กำลังชุลมุนปักมีดหมอหลวงพ่อเดิมลงที่ช่องท้องของป๊อดอย่างถนัดถนี่

เสียงคมมีดทะลุผ่านช่องท้องของป๊อดดังอย่างน่ากลัว จนได้ยินกันทั้งห้อง พร้อมกับเลือดสดๆที่ทะลักสวนออกมาจนชุ่มไปทั้งช่องท้อง

“สวบบ……….อ้าาาา…………..”

หลิวเป็นผู้ที่อยู่ใกล้เหตุการณ์ที่สุด เธอมองเห็นป๊อดถูกมีดแทงเข้าที่ช่องท้องอย่างชัดเจนแล้วตะเบ็งร้องเรียกชื่อขงเขาออกมาอย่างสุดเสียง

“ป๊อดดดดดด”

Share the Post:

Related Posts

วันวุ่นวายกับเจ้านายควยใหญ่

เรื่องเสียว วันวุ่นวายกับเจ้านายควยใหญ่ วันนี้ละอองฟองถูกเรียกเข้าไปในห้องของหัวหน้าอีกแล้ว เธอรู้ดีว่าเธอต้องทำอะไร ในเมื่อหน้าที่การงานของเธอนั้นไม่ได้ทำมันออกมาดีเหมือนที่เธอคิด แต่เธอไม่ได้ต้องการออกจากบริษัทแห่งนี้ ละองงฟองพยายามที่จะเข้ามาอ้อนวอนคุณภพ หัวหน้าของเธอ บอกกับเขาว่าเธอจะพยายาม ไม่ว่าจะให้ทำอะไรก็ได้ เธอยอมทุก ๆ อย่าง…และใช่ เรื่องเสียวคือเรื่องเสียวที่ถูกเอ่ยออกมาจากปากของคุณภพ วันนี้งานเหนื่อยทั้งวัน ละอองฟองยังคงต้องแก้งานมากมายในเวลานี้ ซึ่งมันไม่ได้น้อยเลย แต่เมื่อมันเสร็จแล้ว ก็ยังต้องมาสรุปรวบยอดใหม่ งานทุก

Read More

ลองเย็ดกันดูเฉย ๆ ไม่เป็นไรหรอก

เรื่องเสียว ลองเย็ดกันดูเฉย ๆ ไม่เป็นไรหรอก เราเริ่มจูบกันแล้วครับ จะบอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นหหลังจากนี้ไม่รู้ ก็คงจะไม่ได้ เพราะว่าเราต่างฝ่ายต่างมีความต้องการซึ่งกันและกันอยู่แล้ว เราเงี่ยน เราอยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็น เรื่องเสียวกลายเป็นเรื่องราวยอดฮิตสำหรับคนรุ่นนี้แล้ว และผมเองก็ไม่อยากจะอายเพื่อน เพราะต้องยอมรับว่าตัวเองยังซิงอยู่ ทั้ง ๆ ที่กำลังจะเรียนจบมอปลายแล้วแท้ ๆ ดังนั้น ในวันที่ผมไปปดูหนังกับแฟนของผมรุ่นน้องมอห้า เธอก็ชวนให้ผมไปนั่งเล่นที่บ้านของเธอก่อน

Read More