อาถรรพ์ปลัดขิก ตอนที่ 18 รางวัล
โดย Kamen Rider V-3
ป๊อดเร่งเร้าจังหวะกระแทกกระทั้นรุนแรงขึ้น จนร่างของนิสาสั่นกระเพื่อมไปทั้งร่าง พลางส่งร้องครางออกมา
ด้วยความซ่านเสียว และมันกำลังคืบคลานมาใกล้ถึงจุดสุขสม
“โอวววว……พี่นิสา…..ซี๊ดดดดดด…….อ้าาาาาา……ดีเหลือเกิน……อู้วว….พี่ตอดดีเหลือเกินครับ”
นิสาอยู่ในท่านอนคว่ำหน้าพอได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกสะดุดหู จึงพยายามหันไปมองหน้าผู้ที่กำลังกระแทกกระทั้นเรือนร่าง
ของเธอ แล้วสิ่งที่เธอเห็นและทำให้เธอตกอย่างที่สุดก็คือ ป๊อดกำลังใช้สองมือยึดจับบั้นเอวเธอไว้ แล้วกระแทกกระทั้นลำเอ็น
เข้าสู่เรือนร่างของเธอ พร้อมกับส่งเสียงครางอย่างมีความสุขออกมา
เธอเองก็กำลังจะจึงสุดยอดด้วยความเสียวซ่านอย่างที่สุดเช่นกัน จึงได้แต่หลับตาลงเผยอปากครางออกมาเพื่อระบายอารมณ์นั้น
และแล้วในที่สุด เธอก็รู้สึกถึงความอุ่นร้อนที่แผ่ซาบซ่านเข้ามาในช่องท้องของเธอ พร้อมกับเสียงร้องดังยาวอย่างซ่านเสียว
ของป๊อด
“โอ้วววว……พี่นิสา…โอ๊ววววว….ผมแตกแล้ว…..โอววววววววววววววว…..”
ในเวลาเดียวกันนั้นเธอก็เกิดความเสียวซ่านแล่นจึ๊ดขึ้นมาจากช่องท้องแล้วแผ่ซาบซ่านไปทั่วร่าง จนเธอเองเกิดอาการสั่นกระตุก
อย่างไร้การควบคุมแล้วส่งเสียงร้องออกไปอย่างลืมตัวเช่นกัน
“อ๊ายยยยย…..อ๊ายยยยยยย……..อ๊ายยยยยยยย……..อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย….”
ป๊อดทอดร่างเปลือยเปล่าของเขาทาบอยู่บนเรือนร่างของนิสาที่กำลังนอนคว่ำอยู่บนเตียง ซุกใบหน้าหายใจรดต้นคอของเธอ
ด้วยความสุขสมและเหนื่อยอ่อน แต่เพียงครู่เขาก็ได้ยินเสียงร้องไห้กระซิกของนิสาดังออกมา ป๊อดใจหายวาบและได้สติ
ในทันที เขาถูกอารมณ์และความต้องการของตนเองนำพาไป จนซ้ำเติมเธอผู้นี้ให้เกิดความทุกข์เพิ่มขึ้นเข้าแล้ว ในทีแรกเขาตั้งใจ
คิดจะช่วยเหลือเธอด้วยความบริสุทธิ์ใจ โดยตั้งใจจะให้เธอได้กล่าวคำที่อัดอั้นอยู่ในใจกับคนรักของเธอ เพื่อที่เธอจะได้ปลดเปลื้อง
ความทุกข์ที่ฝังลึกอยู่ในใจของเธอ แต่แล้ว พอได้ใกล้ชิดกับเธอเข้าจริงๆ เขาก็ได้พ่ายแพ้ต่อตัณหาราคะของตนเอง กระทำสิ่งที่
เลวร้ายลงไปเสียแล้ว
“พี่นิสา……ผมขอโทษครับ”
ป๊อดพูดขึ้นอย่างแผ่วเบา
นิสายิ่งได้ยินคำนี้ก็ยิ่งเสียใจเพิ่มขึ้น ส่งเสียงร้องดังไห้ดังออกมา ตอนนี้เธอแน่ใจแล้วว่าคนที่นอนกับเธออยู่เมื่อครู่ไปใช่พี่ชิน
แต่เป็นป๊อดคนไข้ของเธอเอง เธอไม่เข้าใจว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร อารมณ์อันสับสน และความอัดอั้นที่มีอยู่ในใจ ทำให้นิสา
ไม่สามารถทนนิ่งเฉยอยู่ร่วมห้องกับป๊อดได้อีก เธอสะบัดร่างออกจากการทาบทับของป๊อด แล้วเร่งรีบสวมเครื่องแบบพยาบาล
ดังเดิมแล้วหุนหันวิ่งออกจากห้องไปในทันที
ป๊อดนั่งซึมกระทือ มองร่างของนิสาที่วิ่งออกไปจากห้อง แล้วนึกเกลียดตัวเองที่ได้ทำร้ายพยาบาลผู้น่าสงสารคนนั้น เขานั่งนิ่ง
อยู่เช่นนั้นเป็นเวลานาน จนคิดถึงภูตแห่งปลัดขิก เขาจึงเอ่ยขึ้นเพื่อขอคำปรึกษา
“ทำไมผมถึงทำตัวอย่างนี้นะ น้าขิก หากย้อนเวลากลับไปได้ผมจะไม่ยอมทำอย่างนี้เด็ดขาด”
“ไอ้หนูเอ๊ย…คนทั้งหลายมักมีความชั่ว และความดีประจำอยู่ในสันดานแตกต่างกันไป เขาเรียกว่าจริตประจำสันดาน
เช่น โทสะจริต โมหะจริต โลภะจริต ส่วนของเอ็งเนียเขาเรียกว่า ราคะจริต มันฝังลึกอยู่ในจิตของเอ็งโดยที่เอ็งก็ไม่รู้ตัว
พอเอ็งมาฝึกอาคมกับข้า อำนาจจิตของเอ็งก็แก่กล้าขึ้น ราคะจริตของเอ็งก็แรงกล้าขึ้นตามพลังอำนาจจิตของเอ็ง
ถึงเอ็งย้อนเวลากลับไปได้จริง เอ็งก็ต้องทำอย่างนี้อยู่ดีนั่นแหละ ”
“แล้วไม่มีทางแก้ไขเลยเหรอน้าขิก”
“มี….แต่เอ็งต้องไปเรียนไสยขาวแบบเดียวกับพ่อของเอ็ง ไสยขาวจะฝึกจิตให้พิจารณาถึงความไม่เที่ยงของสังขาร
ซึ่งจะทำให้เอ็งละราคะได้ ข้าก็ไม่รู้อะไรมากไปกว่านี้หรอกนะ รู้แต่ว่ามันใช้เวลานานมากกว่าที่จิตของเอ็งจะสงบ
และฝึกอาคมได้ ไม่เหมือนไสยดำอย่างข้า ที่ฝึกให้ผลักดันความต้องการภายใต้จิตสำนึกออกมาเป็นพลังอำนาจ
เหมือนกับที่เอ็งเป็นอยู่ในตอนนี้ไง”
ป๊อดฟังแล้วก็นึกถึงคำเตือนของพ่อ เขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดพ่อถึงเตือนเขา น้าขิกเป็นภูตที่ไร้ความทรงจำ
ในอดีตของตนเอง และจะมีพลังอำนาจไปตามจิตของผู้ที่สถิตย์ในร่าง ที่ผ่านมาน้าขิกมักจะตามใจเขาทุกเรื่อง
จะดีหรือชั่ว ขึ้นอยู่กับจิตของเขานี่เอง เขาจึงตั้งใจว่าจะต้องหาทางไปหาพ่อ เพื่อฝึกไสยขาวแก้ไขในสิ่งที่เขาเป็นอยู่ให้ได้
“น้าขิก เมื่อไหร่ผมถึงจะได้ไปดงพญาไฟล่ะ”
“ยัง เอ็งยังไม่พร้อม พร้อมเมื่อไหร่ข้าจะบอกเอ็งเอง แต่ตอนนี้ข้าว่าเอ็งใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยดีกว่า
ดูเหมือน นังแจง เมียของเอ็งอีกคนจะเข้ามาหาเอ็งแล้ว”
“หา….แจงมาเหรอ…มาทำอะไรแต่เช้านี่..”
ป๊อดอุทานอย่างตกใจ เพราะในส่วนลึกรู้สึกกังวลว่า หนิงกับแจง จะมาพร้อมกันที่โรงพยาบาล โดยมีเขาร่วมอยู่ด้วย
เขาคงต้องอึดอัดไปกว่านี้อีกหลายเท่าเป็นแน่
“เป็นไง ถึงกับกลุ้มเลยเหรอวะ เมียเยอะนักนะเอ็ง ฮ่าๆๆๆๆ ”
ป๊อดเร่งรีบจัดการกับตัวเองแล้วนอนในลักษณะของคนป่วยที่เตียงคนไข้ เพียงครู่ประตูห้องก็ถูกเคาะแล้วเปิดออก
เผยให้เห็นร่างของหญิงสาวผู้มาเยือน เพียงเห็นป๊อดนอนนิ่งที่เตียงคนไข้ แจงก็สาวเท้าเร่งรีบเข้ามายืนจนชิดขอบเตียง
“ป๊อด……แจงรู้ข่าวเมื่อคืนตกใจแทบแย่ ว่าจะออกมาหาป๊อดแต่เมื่อคืนแล้วแต่หนิงห้ามไว้เพราะดึกมากแล้ว หนิงบอกว่า
ป๊อดไม่เป็นอะไรแล้ว พอเช้าแจงก็รีบออกมาหาป๊อดเลย”
ป๊อดแกล้งนอนเป็นคนเจ็บทั้งที่ในตอนนี่เขาเป็นปกติดี แล้วลืมตาขึ้นอย่างเหนื่อยอ่อน เอ่ยกับแจงขึ้น
“ป๊อดไม่เป็นอะไรแล้ว แค่เห็นแจงมาป๊อดก็หายเจ็บเป็นปลิดทิ้งเลย”
แจงได้ยินป๊อดพูดล้อเล่นได้ ก็ดีใจยิ้มหวานออกมา
“อ้าว…หายเจ็บแล้วก็กลับบ้านสิ มานอนอยู่ทำไม”
“หายเจ็บแต่ยังไม่มีแรงเดิน แจงต้องจุ๊บป๊อดก่อน ป๊อดถึงจะมีแรง”
แจงหัวเราะเสียงใส ก้มหน้าลงไปจุ๊บที่ปากของป๊อดหนึ่งครั้ง แต่พอจะถอนริมฝีปากออกมาก็ถูกสองมือของป๊อด
รวบตัวกอดไว้แล้วซุกไซ้ไปทั่วใบหน้าของแจง
“อึ๋ยยย…..ตาบ้าป๊อด…ปล่อยนะ นี่มันโรงพยาบาล หายดีแล้วมาแกล้งนอนป่วยอยู่ทำไม……นี่แหนะ”
“โอ๊ยยย……”
แจงตีไปที่หน้าอกแต่ป๊อดกลับใช้มือกุมที่ท้องร้องออกมาอย่างเจ็บปวด จนแจงตกใจ
“ป๊อด…แจงขอโทษ โดนที่แผลเหรอ”
แจงรีบเข้ามาเปิดผ้าห่มออกดู แล้วเธอก็ตาเหลือกอย่างตกใจ เมื่อเห็นว่าป๊อดไม่ได้นุ่งกางเกง เธอมองเห็นเจ้าท่อนเอ็น
ของเขาอยู่ในลักษณะแข็งตัวจนขึ้นเป็นลำ แล้วตัวเธอก็ถูกป๊อดรวบกอดเอาไว้อีกครั้ง
“ป๊อดคิดถึงแจงเหลือเกิน ขอหอมให้ชื่นใจหน่อยเถอะนะ จุ๊บ….จุ๊บ….”
ทั้งสองหยอกล้อกัน พูดคุยคลอไปกับเสียงหัวเราะอยู่ตลอดเวลา ป๊อดเกิดความสบายใจที่ได้คุยกับแจงจนลืมเรื่องที่
เขาได้ทำกับนิสาไว้ชั่วขณะ แต่แล้วเขาก็สังเกตุเห็นอาการผิดปกติของแจง เธอมีสีหน้าวิตกกังวลแล้วเหลือบดูนาฬิกา
อยู่ตลอดเวลา จนป๊อดอดสงสัยไว้ไม่ได้ เอ่ยถามขึ้น
“มีธุระอะไรเหรอเปล่า แจง….”
แจงถอนหายใจแล้วมีสีหน้าซึมลง
“แจงคงต้องกลับก่อนแล้วล่ะป๊อด เดี๋ยวหนิงก็คงมาเยี่ยมป๊อดแล้ว แจงคงทำตัวไม่ถูกถ้าเราอยู่พร้อมหน้ากันสามคน”
ป๊อดมองแจงอย่างสงสาร พร้อมกับคิดอยู่ภายในใจว่า แจงก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ต้องคอยหลบๆซ่อนๆ จากการกระทำ
ที่เขาได้ทำไว้ ป๊อดกุมมือของเธอไว้ข้างหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น
“แจง…ถ้าป๊อดออกจากโรงพยาบาลแล้วจะไปหานะ”
แจงพยักหน้า แล้วล้วงมือลงไปในกระเป๋าสะพาย หยิบกุญแจชุดหนึ่งมาส่งให้ป๊อด
“นี่ กุญแจห้องของแจง ป๊อดมาได้ตลอดเวลาเลยนะ”
ป๊อดรับกุญแจนั้นไว้ แล้วดึงร่างของแจงเข้ามาสวมกอดพร้อมกับสูดดมกลิ่นแก้มของเธอเข้าไปจนเต็มปอด
“พอแล้ว……ตาป๊อดนี่ เดี๋ยวคนเข้ามาเห็นกันพอดี”
แล้วแจงก็สลัดตัวจนหลุดออกจากอ้อมแขนของป๊อด
“ไปแล้วน้าา…..”
แล้วเธอก็ก้าวเท้าออกไปจากห้อง ปล่อยให้ป๊อดทอดสายตาตามหลังออกไปพร้อมกับปล่อยความคิดไปเรื่อยเปื่อย
ว่าชีวิตของเขาในตอนนี้ได้ผูกสัมพันธ์ไว้กับผู้หญิงหลายคน โดยตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่า ตัวเขาและผู้หญิงที่เขารักเหล่านั้น
จะลงเอยกันได้อย่างไร ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งรู้สึกยุ่งยากใจจนต้องถอนหายใจยาวออกมา แล้วก็นึกสมหน้าตัวเองพร้อมกับคิดปลง
ขึ้นว่า ในเมื่อเป็นคนก่อขึ้นมา ก็สมควรรับผลกรรมที่ตัวเองก่อ จะร้ายจะดีอย่างไรก็จะขอยอมรับตามความเป็นจริง
และพร้อมยอมรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นภายภาคหน้าไม่ว่ามันจะเป็นเช่นไรก็ตามหากเรื่องราวทั้งหมดถูกเปิดเผยขึ้น
เมื่อคิดได้อย่างนั้น เขาก็พยายามหันเหความสนใจไปที่ทีวี เพื่อที่จะลืมเลือนเรื่องที่กังวลออกไปจากใจทั้งหมด
แจงออกไปจากห้องได้ไม่นานเท่าไหร่ หนิงในเครื่องแบบนักเรียน ม.ปลาย ก็เปิดประตูเดินเข้ามาแล้วยิ้มหวานให้กับป๊อด
“ป๊อด…….เป็นอย่างไรบ้าง หนิงมาเยี่ยมแล้ว”
เธอถือของพะรุงพะรัง เข้ามา ซึ่งล้วนแต่เป็นอาหารเช้าที่เธอกับป๊อดจะได้ทานร่วมกัน
“นี่เป็นไง น่ากินไหม ป๊อด มา…..เดี๋ยวเรามากินด้วยกันนะ”
ในระหว่างที่หนิงกำลังจัดการกับอาหารที่เตรียมมาลงใส่จาน ประตูห้องคนไข้ก็เปิดออกพร้อมกับร่างของหลิวในชุดนักศึกษา
เธอได้เตรียมอาหารเข้ามาโดยหวังจะทานกับป๊อดเพียงสองคนเช่นกัน พอเธอเห็นหนิงอยู่ในห้องกับป๊อดอยู่ก่อนแล้ว
ก็ชะงักไปขณะหนึ่ง แล้วพูดกลบเกลื่อนขึ้น
“อ้าวหนิงก็มาเยี่ยมป๊อดเหรอ ไม่เห็นบอกพี่บ้างจะได้มาด้วยกัน”
หนิงเห็นหลิวถือถุงอาหารเข้ามาด้วยจุดประสงค์เดียวกับตัวเองก็รู้สึกไม่พอใจ ที่ถูกขัดโอกาสไม่ให้อยู่กันตามลำพัง
สองต่อสองกับป๊อด
“พี่หลิวจะมาเยี่ยมป๊อด ก็ไม่เห็นบอกหนิงเหมือนกันนั่นแหละ”
หลิวได้ยินน้องสาวต่างแม่ ตอบโต้เชิงเหน็บตนเอง ก็เอ่ยตอบโต้กลับไป
“ก็พี่เห็นว่าหนิงต้องเข้าโรงเรียนแต่เช้าถึงไม่ได้ชวน แล้วนี่ไม่สายแล้วเหรอ จะแปดโมงแล้วนะ ถ้าเตี่ยรู้ว่าเข้าเรียนสายจะไม่ดีนะ”
หนิงเงยหน้าขึ้นมองหน้าพี่สาวอย่างไม่สบอารมณ์ที่ถูกเอาเตี่ยเข้ามาขู่
“หรือว่า…พี่หลิวจะไปฟ้องเตี่ยเหรอ พี่หลิวเองก็ไม่ไปเข้าเรียนเหมือนกันนั่นแหละ”
“พี่เข้าเรียน 10 โมงเช้า ส่วนเธอ 8 โมงเช้าจะไปเหมือนกันได้ยังไง แล้วนี่เหลืออีก 15 นาทีเองนะ”
หนิงกระแทกถุงอาหารลงกับโต๊ะ แล้วหยิบกระเป๋านักเรียนก้าวเดินออกไปจากห้องอย่างไม่สบอารมณ์
ป๊อดนั่งมองทั้งสองสาวที่ตนรักพูดจาตอบโต้กัน ใจหนึ่งก็ชอบและภูมิใจที่ทั้งสองสาวต่างก็เป็นห่วงเขา แต่อีกใจก็นึกหวั่นหวาดว่า
ต่อไปในภายภาคหน้า เขาคงจะพบกับความยุ่งยากใจเพิ่มมากขึ้นเป็นแน่
หลิวยังคงมีใบหน้ายิ้มละไม และไม่ได้เหลือบไปมองน้องสาวที่ก้าวเดินออกไปจากห้อง แต่กลับหยิบถุงอาหารของหนิงคืนใส่ถุง
แล้วหันมาจัดการกับอาหารที่ตนเองเตรียมมา พอจัดวางเสร็จก็เอ่ยขึ้นกับป๊อด
“ป๊อด เดี๋ยวเรากินข้าวพร้อมกันนะ แล้วนี่แปรงฟันหรือยัง”
“ยังไม่แปรงเลยครับ หน้าก็ยังไม่ล้าง คุณหลิวช่วยผมหน่อยนะครับ”
ทั้งๆที่พยาบาลนิสาได้จัดการให้เขาไปแล้วตั้งแต่เช้าแล้ว แต่ป๊อดต้องการจะใกล้ชิดกับหลิวให้มากขึ้น จึงได้เอ่ยไปอย่างนั้น
“งั้นเดี๋ยวหลิวไปเตรียมน้ำกับแปรงสีฟันมาให้ ป๊อดรอเดี๋ยวนะ”
“อ๋อ…ไม่ต้องหรอกครับคุณหลิว เดี๋ยวที่นอนจะเลอะเทอะเอาเปล่าๆ แค่คุณหลิวประคองผมไปที่ห้องน้ำก็พอครับ”
พอได้ยินป๊อดขออย่างนั้น หลิวก็สอดร่างเข้าไปใต้วงแขนของป๊อดแล้วค่อยๆรั้งร่างของเขาลงจากเตียงโดยไม่ได้คิดอะไรในทีแรก
แต่พอได้สัมผัสแนบชิดกันกับป๊อด เธอก็เริ่มรู้สึกวูบวาบหน้าแดงขึ้น ป๊อดเองก็เช่นกันเขาหวังที่จะได้ใกล้ชิดกับหลิวอย่างนี้
มาเป็นเวลานานแล้ว วงแขนของเขาโอบกระชับกับไหล่ของเธออย่างแนบแน่น และถือโอกาสเอียงหน้าเข้าไปที่ลำคอขาวละออ
พร้อมกับลอบสูดดมกลิ่นจากลำคอของหลิวเข้าไปอย่างสมใจ
หลิวยิ่งรู้สึกขนลุกวูบวาบไปทั้งร่าง เมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของป๊อดที่พ่นรดต้นคอของเธอ แต่เธอก็ทำเหมือนกับว่าไม่รู้สึกอะไร
ประคองร่างของป๊อดให้เดินไปที่ห้องน้ำอย่างตั้งใจ
ป๊อดรู้สึกเป็นสุขใจจนยิ้มออกมาอย่างเปิดเผย หลิวมองเห็นป๊อดยิ้มอย่างนั้นแล้วรู้สึกสะดุดตาจึงเอ่ยถามขึ้น
“ป๊อดยิ้มทำไม”
“ผมไม่อยากจะถึงห้องน้ำเลยครับ คุณหลิว ถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้ห้องน้ำอยู่ไกลกว่านี้ซัก 10 โล”
หลิวได้ยินป๊อดพูดอย่างนั้นก็ได้แต่อมยิ้ม เธอเองก็รู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาดเมื่อได้อยู่ในวงแขนของเขาเช่นกัน
และในขณะที่ทั้งสองเดินประคองร่างแนบชิดกันอยู่นั้น ผ้้านุ่งคนไข้ของป๊อดที่ขมวดไว้เพียงหลวมๆก็ค่อยๆไหลเลื่อนต่ำลงมาเรื่อยๆ
จนในที่สุดมันก็หลุดร่วงลงไปกองกับพื้น เผยให้เห็นลำเอ็นของป๊อดอย่างเปิดเผยจนป๊อดอุทานออกมาอย่างตกใจ
“อุ๊ย…..ผ้าหลุด……”
“ว๊ายยยยยย……..ป๊อด…อะไรเนี่ย”
หลิวมองเห็นลำเอ็นของป๊อดอย่างเต็มตา แต่เธอก็ไม่กล้าดิ้นหนีไปไหนเพราะเกรงว่าจะทำให้ป๊อดล้มลง ได้แต่หลับตาปี๋
เธอทั้งขำ ทั้งอาย ทั้งโกรธ ปะปนกัน
“ตาบ้าป๊อด…..คริ…..คริ…….คริ…..นุ่งผ้าประสาอะไรกัน โตจนป่านนี้แล้ว อุจาดตาที่สุด”
ในทีแรกป๊อดก็คิดจะก้มลงรั้งผ้าไว้ แต่หากทำเช่นนั้นหลิวก็จะรู้ว่าเขาแกล้งเจ็บ แล้วพาลโกรธเขาขึ้นมาอีก เขาจึงปล่อยมันเลยตามเลย
และพอเห็นหลิวหลับตาปี่อย่างนั้น ก็นึกสนุก จึงเอ่ยกับเธอขึ้น
“ผมอายจะแย่อยู่แล้ว คุณหลิวครับ ช่วยเก็บผ้านุ่งให้ผมด้วยเถอะครับ”
หลิวปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างสุดกลั้น
“ฮิๆๆๆๆ…….”
“โธ่…..คุณหลิว หัวเราะอยู่ได้….ผมอายนะครับ”
“เอ้าเกาะผนังไว้ก่อนสิ เดี๋ยวหลิวก้มไปหยิบผ้าให้”
แล้วเธอก็ก้มตัวลงไปหยิบผ้าแล้วตั้งใจว่าจะนุ่งให้กับป๊อด แต่พอตาของเธอกระทบเข้ากับลำเอ็นที่ถึงแม้จะยังไม่แข็งตัว แต่เธอก็รู้สึกว่า
มันทั้งทั้งยาวและใหญ่ในระยะประชิด หลิวก็ถึงกับหน้าแดงซ่านไปด้วยเลือดลมที่สูบฉีด แม้ว่านี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เธอได้เห็นมัน
แต่มันก็ทำให้เธอถึงกับหัวใจเต้นเร็ว มือไม้สั่นเปะปะไปหมด
หลิวพยายามเบือนหน้าไปทางอื่น แล้วพยายามโอบผ้้านุ่งไปรอบตัวของป๊อด แต่เนื่องจากอาการสั่นที่มือของเธอ รวมทั้งไม่ได้หันไปมอง
ทำให้ชายผ้านุ่งหลุดจากมือของเธอ เธอจึงเอื้อมมือไปคว้าไว้ด้วยความรวดเร็ว แต่ก็เกิดความผิดพลาดขึ้น มือของเธอกลับไปคว้าจับ
ลำเอ็นของป๊อดเข้าอย่างจัง จนป๊อดร้องดังขึ้นอย่างตกใจ
“คุณหลิว ! ”
“ว๊ายยยยย……”
หลิวเขินจนหน้าแดงกล่ำ รีบปล่อยมือออกจากเจ้าแท่งหฤหรรษ์ของป๊อดในทันที ป๊อดเกรงว่าเธอจะอายจนไม่กล้าสู้หน้าเขา
จึงทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนหลิวนุ่งผ้าให้เขาจนเสร็จแล้วประคองร่างของเขาไปที่ห้องน้ำ เธอยังรู้สึกใจสั่่นวาบหวิว
ไปกับเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้น ได้แต่ยืนนิ่งอย่างสงบเงียบจนป๊อดต้องชวนคุยขึ้น
“คุณหลิวครับ ผมดีใจมากๆเลยครับ”
หลิวเงยหน้าขึ้นอย่างสงสัย แล้วถามขึ้น
“ดีใจเหรอ….ดีใจเรื่องอะไรป๊อด”
“ก็ดีใจที่คุณหลิวไม่โกรธผม และยอมคุยกับผมแล้ว”
“หลิวไม่อยากพูดถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้ว อย่าพูดถึงมันอีกเลยป๊อด”
ป๊อดแปรงฟันจนเสร็จโดยไม่กล้าต่อคำกับเธออีก เมื่อเห็นสีหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม แล้วเธอก็เข้าประคองร่างของเขากลับไปที่เตียง
อีกครั้ง ป๊อดรู้สึกอัดอั้นใจต้องการจะเผยความในใจที่เขามีต่อเธอ จึงตัดสินใจเอ่ยขึ้นในขณะที่โอบไหล่เธอไว้ข้างหนึ่ง
“ผมรักคุณหลิวครับ รักมานานแล้ว รักมากด้วย”
หลิวหยุดชะงักลงทันที ก่อนที่จะประคองร่างของเขาให้เดินไปต่อแล้วเอ่ยขึ้น
“หลิวรู้แล้ว…..หลิวถึงได้มาดูแลป๊อดอยู่นี่ไง”
“งั้นคุณหลิวก็รักผมเหมือนกันใช่ไหมครับ”
“หลิวไม่ได้พูดแบบนั้นซะหน่อย”
ป๊อดฝืนตัวไว้ไม่ยอมเดินแล้วจับหัวไหล่ทั้งสองของเธอให้หันมาเผชิญหน้ากับเขาอย่างแผ่วเบา พร้อมกับจ้องตาเธอนิ่ง
จนหลิวต้องหลบสายตาของเขา
“คุณหลิวรักผมใช่ไหมครับ”
แล้วป๊อดก็โอบกอดร่างของหลิวให้แนบชิดกับร่างของเขา จนหลิวเบิกตากว้างอย่างแปลกใจ
“ป๊อด….นี่ป๊อดไม่เจ็บแล้วเหรอ……”
ป๊อดยิ้มเผล่อย่างเจ้าเล่ห์
“ถ้าไม่แกล้งเจ็บ แล้วจะได้กอดหลิวอย่างนี้เหรอ”
“หือ…..ตาบ้า….นี่แกล้งสำออยมาตลอดเลยเหรอ…..ตัวหนักจะตายหลอกให้ประคองอยู่ได้ ปล่อยนะ….ปล่อยเดี๋ยวนี้เลย……..”
หลิวพยายามดิ้นจนมือทั้งสองเป็นอิสระ แต่แล้วป๊อดก็ดึงมือของเธอกลับมาแล้วโอบกอดเธอไว้อีกครั้ง ตาประสานตาโดยไม่ต้องเอ่ย
คำพูดใดๆออกมา ก็รับรู้ถึงความรู้สึกในใจที่คนทั้งสองมีต่อกัน ป๊อดยื่นหน้าเข้าไปแล้วจุมพิตที่ริมฝีปากของหลิว หลิวปิดตาลงรับการจุมพิต
จากป๊อดอย่างดูดดื่มและเนิ่นนาน จากนั้นคนทั้งสองก็ทานข้าวร่วมกัน พูดคุยหยอกล้อกันตามประสาคู่รักใหม่อย่างหวานชื่นไปตลอดเช้าวันนั้น
ในที่สุดก็ถึงเช้าวันรุ่งขึ้นอันเป็นกำหนดที่ป๊อดต้องออกจากโรงพยาบาล ตลอดคืนที่ผ่านมาป๊อดเฝ้าหวังว่าจะได้พบกับนิสาอีกสักครั้ง
แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงาของเธอ ป๊อดไม่ต้องการทิ้งปัญหาที่เขาเป็นผู้ก่อค้างคาไว้อย่างนี้ จึงตัดสินใจตื่นแต่เช้าแล้วออกไปจากห้องผู้ป่วย
เพื่อมองหานิสา จนในที่สุดเขาก็ได้พบนิสานั่งอยู่เวรในห้องพักพยาบาลอย่างเซื่องซึม ป๊อดเห็นแล้วก็ยิ่งรู้สึกหดหู่ใจในสิ่งที่ได้ทำลงไป
จึงตัดสินใจเปิดห้องพักพยาบาลเข้าไปทันที
“พี่นิสาครับ ขอผมคุยด้วยสักครู่นะครับ”
“ไม่ กลับห้องเธอไปซะ”
“ถ้าพี่ไม่ไปคุยกับผมที่ห้อง ผมก็จะนั่งคุยกับพี่ที่นี่แหละ”
เพื่อนพยาบาลของนิสา หันมามองทั้งสองคนด้วยความสงสัยว่าไปมีเรื่องอะไรกันมา นิสาเห็นท่าทางพยาบาลร่วมหวอดของเธอแล้ว
ก็เกรงว่า ป๊อดจะพูดเรื่องที่ไม่สมควรเปิดเผยออกมา จึงรีบบอกตัดบทไป
“เธอไปรอที่ห้องก่อน เดี๋ยวพี่จะตามไป”
ป๊อดหันหลังเดินกลับไปที่ห้องแต่โดยดี แล้วนั่งคอยนิสาอยู่ในห้องด้วยใจจดจ่อ จนครู่หนึ่งนิสาก็เดินเข้ามาแล้วปิดประตูลง
เธอมีสีหน้าเคร่งเครียดพร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยอารมณ์โกรธ
“บอกมาเดี๋ยวนี้นะป๊อด เธอเป็นอะไรกันแน่ เป็นผีพี่ชิน หรือ เป็นมนุษย์ลวงโลก ที่ชอบฉวยโอกาสซ้ำเติมคนอื่น ฮือๆๆๆ”
นิสาปล่อยโฮออกมาอย่างอัดอั้น จนป๊อดหน้าเสียทำอะไรไม่ถูก
“พี่นิสา…ผมขอโทษ ผมผิดเองที่ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ และขอให้พี่รู้ไว้ด้วยว่าผมไม่เคยมีเจตนาหลอกลวงพี่เลย ผมเพียงแต่ต้องการ
ให้พี่สบายใจขึ้นบ้างเท่านั้น”
นิสาสบตากับป๊อดนิ่ง แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“เธอยังไม่ได้ตอบคำถามพี่นะป๊อด ในคืนที่ผ่านมา เป็นตัวเธอเอง หรือพี่ชินกันแน่”
“มันอยู่ที่ว่า พี่ต้องการให้ผมเป็นใคร ถ้าหากพี่ต้องการให้ผมเป็นพี่ชิน ผมก็พร้อมจะเป็นพี่ชินและอยู่กับพี่ไปจนตลอดชีวิต”
นิสายืนนิ่งฟังป๊อดพูด น้ำตาเอ่อคลอ
พี่นิสา วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่ผมจะได้มีโอกาสคุยกับพี่ ผมไม่อยากจากพี่ไปในลักษณะนี้เลย ทำอย่างไรพี่ถึงจะสบายใจขึ้นมาบ้าง”
“ถ้าพี่อยากจะเห็นพี่ชินอีกสักครั้ง เธอทำได้ไหมล่ะ”
ป๊อดนิ่งมองลึกไปยังดวงตาของนิสา ก็เห็นแววตาปรารถนาอย่างแรงกล้าของเธอ เขาจึงหันหลังให้กับนิสา แล้วสำรวมจิต
ดิ่งลึกเข้าสู่ฌาณแห่งกสิณดิน ภาวนาแปลงรูปของตนให้เป็นไปตามภาพถ่ายของชินที่เขาได้เห็น แล้วหันมาเผชิญหน้ากับนิสา
อีกครั้ง
นิสาจ้องมองตาเบิกกว้างอย่างดีใจ จนแทบจะก้าวเท้าเข้าไปหาร่างแปลงของป๊อด แต่แล้วเธอก็ระลึกขึ้นได้ว่าชินคนรักของเธอนั้น
ได้ตายจากไปแล้ว เธอเป็นฝ่ายไม่ปล่อยวางยึดมั่นถือมั่นเขาเอาไว้เอง ในโลกของความเป็นจริงไม่มีชินคนรักของเธออีกต่อไปแล้ว
แล้วนิสาก็ร้องไห้โฮออกมา วิ่งออกไปจากห้องทันที เหลือเพียงป๊อดที่ยืนอย่างสลดหดหู่ใจเพียงผู้เดียวในห้องนั้น
———-
ทางด้านเสี่ยวิชัย หลังจากที่ชิตทำงานพลาดก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสาวตัวการจ้างวานฆ่า จนบุกมาถึงที่บ้านเพื่อสอบปากคำ
สร้างความหงุดหงิดและเดือดดาลใจให้กับเขาอย่างที่สุด พอเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางกลับไปแล้ว เสี่ยวิชัยก็ให้คนรับใช้
ไปเรียกผันลูกน้องคนสนิทให้เข้ามาพบที่ห้องลับส่วนตัวทันที
“มาแล้วเหรอ….ไอ้ผัน……เพล้ง!…..”
เสี่ยวิชัยขว้างแก้วเหล้าลงกับพื้นอย่างเดือดดาล เมื่อเห็นลูกน้องคนสนิทเดินเข้ามาในห้อง
ผันเดินตัวลีบหลุบตาลงกับพื้นด้วยความเกรงกลัวต่อารมณ์โกรธของเสี่ยวิชัย
“นี่เหรอมือดีของมึง ตายห่าไปแล้วยังไม่พอ เสือกให้ตำรวจสาวมาถึงตัวกูอีก”
“ขออภัยจริงๆครับเสี่ย พี่ชิตเนี่ยมือดีที่สุดที่ผมรู้จักแล้วจริงๆ ผมเองยังแทบไม่เชื่อเลยว่า พี่ชิตจะพลาดจนตัวตายแบบนี้”
“เฮอะ…….สวะชัดๆ……..”
“พี่ชิตไม่ใช่มือกระจอกนะครับนาย แกเก่งทั้งทางนักเลงทั้งมีคาถาอาคมจนคนในวงการรู้กันดี ถ้ามือขนาดพี่ชิตล้มเหลว
ผมว่าทางฝ่ายโน้นคงมีฝีมือไม่ธรรมดาแล้วล่ะครับ”
“มึงไม่ได้ตามข่าวหรือวะไอ้ผัน บ้านไอ้เจียงมันมีแต่ผู้หญิง แล้วก็คนงานผู้ชายไม่กี่คนเท่านั้น อาวุธก็ไม่มี ผิดกับ
ไอ้ชิตที่ขนคนขนปืนไปกันจนเอิกเกริกแล้วก็เสือกตายห่าจนตำรวจมันจับได้”
“ไม่นะเสี่ย ผมไปสืบดูมาแล้ว พี่ชิตถูกของ ของไอ้เด็กคนหนึ่งในบ้านของไอ้เสี่ยเจียง ไอ้เด็กเนี้ยมันไม่ธรรมดา มันมีทั้งอาคม
และเลี้ยงผีไว้ด้วย มันใช้ผีมาหักคอพี่ชิตต่อหน้าต่อตาเลย ผมว่าต้องหาจัดการกับไอ้เด็นี่เสียก่อน แล้วค่อยจัดการกับไอ้เสี่ยเจียงทีหลัง”
“แล้วมึงจะจัดการมันยังไงวะไอ้ผัน”
“ผมจะไปเยี่ยมไอ้ซันลูกน้องของพี่ชิตในคุก แล้วจะสืบหาสำนักที่พี่ชิตไปร่ำเรียนอาคมมา ผมคิดว่าที่นั่นต้องมีคนที่ฝีมือดีกว่าพี่ชิต
อยู่แน่ๆ”
“เออดี….งั้นมึงไปจัดการเลย ช่วงนี้ตำรวจมันเพ่งเล็งกูอยู่ ใช้กำลังโจ่งแจ้งไม่ได้ ช่วงนี้มึงก็ไปหาคนมีฝีมือมาจัดการ
ไอ้เด็กนั่นไปก่อนก็แล้วกัน”
————–
หลังจากที่ป๊อดกลับจากโรงพยาบาล ก็ได้รับการดูแลเอาใจใส่จากคนในบ้านเป็นอย่างดี ทั้งเถ้าแก่เจียง และเนี้ยซิมลั้ง
ก็เมตตาให้คนคอยมาส่งอาหารสามเวลาถึงห้องไม่ได้ขาด ทั้งยังมีวิไล หนิง และหลิว ก็ผลัดหน้ากันเข้ามาเยี่ยมเยียนถึงห้อง
จนป๊อดรู้สึกเป็นสุขและอบอุ่นใจต่อความรักที่ทุกคนมอบให้เขาเป็นอย่างยิ่ง จนเขาไม่อยากแสดงตนให้ใครรู้ว่าเขาหายดีแล้ว
วันหนึ่งในช่วงสายหลังจากที่หนิงและหลิวออกจากบ้านไปแล้ว คนงานในบ้านก็พึ่งจะเสร็จจากหน้าที่ประจำวัน
พากันพักผ่อนในที่ส่วนตัว ทำให้บรรยากาศในบ้านเงียบสงบ ป๊อดรู้สึกเบื่อหน่ายที่ต้องนอนอยู่แต่ในห้อง จึงคิดที่จะหาทาง
แอบออกไปข้างนอกเพื่อคลายความเบื่อหน่าย แต่ในขณะนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น เขาจึงรีบกลับเข้าไปนอนที่เตียง
ดังเดิม
“ก๊อก…..ก๊อก……ก๊อก……”
แล้วประตูห้องของเขาก็เปิดออกเผยให้เห็นเรือนร่างอวบอัดของวิไล เดินนวยนาดเข้ามาพร้อมกับเอ่ยเสียงทักทาย
อย่างอ่อนหวาน
“เป็นไงบ้างจ๊ะป๊อด……..เบื่อไหม…..ฉันเข้ามาคุยเป็นเพื่อน”
ป๊อดเพ่งมองดูวิไลแล้วนึกอยู่ภายในใจว่า วันนี้วิไลดูสวยและอ่อนวัยเป็นพิเศษ เธอปล่อยผมยาวสยายประบ่า
ใส่เสื้อคอกว้างจนมองเห็นเนินอกขาวสล้างและอวบอิ่มจนล้นทะลักออกมา ส่วนท่อนล่างนั้นก็สวมกางเกงผ้ารัดรูป
จนมองเห็นสะโพกอันผึ่งผาย และรัดรึงส่วนโคกนูนของเธอออกมาอย่างชัดเจน จนป๊อดอดไม่ได้ที่จะนิ่งมอง
ดูจนลืมตัว
“วันนี้ฉันสวยมากเหรอป๊อด….เธอถึงได้จ้องฉันอย่างนั้น”
วิไลเอ่ยขึ้นแล้วก้าวเท้าเข้ามาหยุดนิ่งตรงหน้าป๊อดในระยะประชิด
“คะ…คะ…ครับ…..คุณวิไลสวยมากๆครับ……สวยทุกวันเลยครับ ไม่ใช่แค่วันนี้”
“ฮิๆๆๆ……..เธอนี่ปากหวานจริงๆ….อย่างนี้ต้องให้รางวัลซะหน่อยแล้ว”
แล้ววิไลก็ก้มลงไปจุ๊บที่ปากของป๊อดหนึ่งครั้ง ก่อนที่จะนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงของป๊อด
“ฉันมาขอบคุณเธออีกครั้งนะ ที่ช่วยฉันไม่ให้ถูกไอ้เชิดมันย่ำยีเอาในวันนั้น ขอบคุณเธอมากๆเลยนะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายคนในบ้านของเราเป็นอันขาด ยิ่งเป็นคุณวิไลด้วยแล้ว
ผมยิ่งยอมไม่ได้ครับ”
“หือ….ปากหวานจนฉันหลงเธอจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วนะเนี่ย…….เธอนอนติดเตียงอยู่อย่างนี้ คงทั้งเบื่อทั้งเมื่อยเลยใช่ไหม
มา….ฉันจะนวดให้”
แล้ววิไลก็วางมือทั้งสองของเธอบีบลงไปบนลำขาของป๊อดไล่ลงไปยังปลายเท้า แล้วเลื่อนขึ้นมาทีละน้อยๆจนถึงร่องขาหนีบ
จนป๊อดรู้สึกเสียววูบวาบเมื่อมือของเธอเข้ามาป้วนเปี้ยนอยู่ที่บริเวณนี้
“เป็นไง….สบายไหม….ไม่ต้องเกร็ง……เอ…แต่ใส่กางเกงอย่างนี้ฉันนวดไม่ถนัดเลย….มาถอดออกเถอะนะ”
“เออะ…..เออะ…..คุณ..คุณวิไลครับ…..”
แม้ป๊อดจะเคยนอนกับเธอมาแล้ว แต่ด้วยศักดิ์ศรีและอายุของเธอ ทำให้ป๊อดรู้สึกเขินและประหม่าทุกครั้งที่อยู่ใกล้กับเธอ
“อะไรล่ะป๊อด….ทำเป็นอายไปได้….เราเคยเห็นกันมาแล้วไม่ใช่เหรอ”
กางเกงขาสั้นหลุดออกไปทางปลายเท้าของป๊อด แล้วตามติดมาด้วยกางเกงในที่ห่อหุ้มท่อนเอ็นที่นอนสงบนิ่งพาดอยู่บนพวง
สวรรค์กลางหว่างขาของป๊อด วิไลจ้องมองดูมันด้วยแววตาที่ฉายแววแห่งความพึงพอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด เธอก้าวขึ้นมาร่วม
เตียงกับป๊อด ในตำแหน่งกลางหว่างขาของเขา แล้วใช้มือลูบไล้ไปมาที่โคนขาทั้งสอง จนป๊อดรู้สึกสยิวขนลุกไปทั้งร่าง
แล้ววิไลก็เริ่มบีบนวดจากหัวเข่าไล่สูงขึ้นไปจนถึงหัวหน่าว ตาของเธอจ้องมองตาของป๊อดเขม็ง ป๊อดมองแล้วก็รู้สึกได้ถึงความร้อนแรง
ในอารมณ์ของเธอ ตาของเธอจ้องมองตาของป๊อด แต่มือของเธอก็เริ่มรุกล้ำเข้ามาที่จุดยุทธศาสตร์ด้วยฝ่ามืออันอ่อนนุ่มแล้วช้อนเข้าไป
ใต้พวงไข่ของเขา ก่อนที่จะลามมาโอบกำท่อนเอ็นของเขาไว้ในกำมือ พร้อมกับรูดขึ้นและลงอย่างช้าๆ
ลำเอ็นของป๊อดเริ่มแข็งตัวและขยายขนาดขึ้นทีละน้อยๆ จนพองโตคับฝ่ามือของวิไล วิไลใช้มือรูดมันแล้วค้างนิ่งไว้ให้มันแสดงส่วนหัว
อันเบ่งบานของมันออกมาอย่างเต็มที่ เธอจ้องมองดูมันแล้วอดที่จะวาบหวิวไปกับขนาดที่ทั้งใหญ่และยาวของป๊อดไม่ได้ ตั้งแต่ที่ได้ร่วมรัก
กับป๊อดในครั้งนั้น วิไลก็ติดใจในรสรักลีลา รวมทั้งขนาดของอาวุธประจำกายของเด็กหนุ่มผู้นี้ และโหยหาโอกาสที่จะอยู่กับป๊อดโดยลำพัง
มาตลอดเวลา
“โอววว….คุณวิไลอย่าทรมานผมอีกต่อไปเลยครับ…….โอวววว…..ซี๊ดดดดด….”
วิไลยิ้มให้ป๊อดอย่างเยือกเย็น แล้วก้มหน้าลงไปจดจ่อกับลำเอ็นที่กำลังตั้งแข็งเป็นลำของเขา
“งั้นเดี๋ยวฉันจะช่วยให้เธอสบายตัวนะป๊อด”
แล้วเธอก็อ้าปากรับเอาลำเอ็นที่ตั้งแข็งเป็นลำของเขาไว้ในช่องปากของเธอจนชนกับลำคอ แล้วห่อเกร็งริมฝีปากไว้พร้อมกับ
โยกส่วนหัวขึ้นลง โดยมือข้างหนึ่งของเธอโอบกำส่วนโคนของมันไว้
ป๊อดตาหรี่ปรือด้วยความซ่านเสียว เมื่อวิไลใช้ปากของเธอโลมเลียลำเอ็นของเขาอย่างชำนาญ เธอไม่ได้อมแต่เพียงอย่างเดียว
แต่กลับใช้มือรูดส่วนลำโคนของมันให้เผยส่วนอันเบ่งบานออกมา แล้วระรัวลิ้นเคล้าคลึงมัน จนป๊อดต้องส่งเสียงครางออกมา
อย่างสุดจะทนได้
“อูยยยย………ซี๊ดดดดดดดดด………………….ฮาาาาาาาา…………..ซี๊ดดดดดดดดดดดดด……………”
วิไลเห็นป๊อดกัดกรามแน่นจ้องมองดูเธอ ด้วยใบหน้าที่แสดงความซ่านเสียวอย่างที่สุด เธอก็แสดงเพลงลิ้นของเธอออกมาอย่างสุดฝีมือ
ลิ้นของเธอลากเลียลำเอ็นไปตามความยาวจนถึงส่วนโคน แล้วใช้ปาก ซุกไซ้ โลมเลีย และดูดอมไปตามพวงสวรรค์จนไม่มีจุดไหน
ที่ปากของเธอไปไม่ถึง
“อู้ววววว…….ซี๊ดดดดดด…….ดีเหลือเกินครับคุณวิไล………ผมเสียวจริงๆครับ…….ซี๊ดดดดดด………..”
ป๊อดรู้สึกซ่านเสียวจนแทบจะดิ้นพล่าน เขายอมรับอยู่ภายในใจว่าลิ้นของวิไลช่างวิเศษนัก ยามที่เธอลากเลียแล้วระรัว
เธอทำเหมือนกับรู้ว่า มันเป็นจุดที่จะสร้างความเสียวซ่านให้กับเขาอย่างที่สุด จนเขาแทบจะแตกคาปากของเธอหลายต่อหลายครั้ง
เธอทรมานเขาจากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่งเรื่อยๆ จนป๊อดรู้สึกเหนื่อยแทบขาดใจ
“ซี๊ดดดด…..ซี๊ดดดดด…….ซี๊ดดดดดด…….คุณวิไลพอก่อนครับ…..ซี๊ดดดดด…..ผมจะไม่ไหวแล้วครับ…..อูยยยยย……ซี๊ดดดด…..”
แล้ววิไลก็ยืนขึ้นบนเตียงนั้น จนป๊อดเงยหน้าตามขึ้นไปดู แล้วเขาก็เห็นเธอค่อยๆปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเธอทีละชิ้นๆ จนในที่สุด
วิไลก็เหลือแต่ร่างเปลือยเปล่าขาวโพลนต้องกับแสงไฟในห้องดูนวลละออตา ทรวงอกขนาดประมาณ 34 นิ้วของเธอยังคงดูสวยงาม
และได้รูปทรง แต่ที่ทำให้ป๊อดรู้สึกเลือดลมของวัยหนุ่มสูบฉีดแรงทุกครั้งก็คือ สะโพกอันแผ่กว้างกลมกลึงอันและเนินสวาทที่ทั้งกว้างขวาง
และโหนกนูน จนเขาแทบอยากจะซุกหน้าเข้าไปโลมเลียเป็นการตอบแทนที่เธอทำกับเขา
“คุณวิไลสวยเหลือเกินครับ มาถอะครับ ขอให้ผมได้ชื่นใจหน่อย”
ป๊อดยื่นสองมือออกมาเป็นการแสดงออกว่าต้องการให้เธอเข้ามาในตำแหน่งที่เขาเชื้อเชิญ วิไลเห็นเช่นนั้นก็รู้ทันความคิดของป๊อด
เธอเดินเข้าไปและนั่งคร่อมอยู่บนทรวงอกของป๊อด จนป๊อดมองเห็นร่องสวาทของเธอที่แย้มเปิดออกอย่างชัดเจน เขาใช้สองมือยึดจับ
สะโพกของวิไลให้เลื่อนจุดสำคัญของเธอมาที่ปากของเขา แล้วทั้งเลียทั้งดูดมันอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงขึ้น
“ซู๊ดดดดดด…….ซู๊ดดดดดดดด………แผล็บๆๆๆ………….ซู๊ดดดดดดด…………ซู๊ดดดดดดดด………..แผล็บๆๆๆๆ……ซู๊ดดดดดดด……”
วิไลมีอาการเหมือนกับหายใจไม่สะดวก ตาของเธอหรี่ปรือ หน้าอกสะท้อนขึ้นลงตามจังหวะการหายใจทีถี่ขึ้น
“โอ๊วววว…………โอ๊วววววววว………..โอ๊วววววว……………..โอ๊ววววววววววว………โอ๊วววววววว…….”
ยิ่งเธอถูกลิ้นของป๊อดโลมเลียนานเข้า อารมณ์ของเธอก็ยิ่งกระเจิงจนหยุดไม่อยู่ วิไลใช้สองมือบดคลึงเต้าทั้งสองของเธอ
อย่างเคลิบเคลิ้ม ป๊อดยิ่งเห็นอย่างนั้นก็ยิ่งต้องการให้เธอรู้จักลิ้นของเขามากขึ้น ป๊อดห่อลิ้นให้แข็งเกร็งแล้วโยกคอแทงลิ้น
ของเข้าเข้าและออกจนวิไลร้องครางเสียงดังขึ้นอีก
“โอ๊วววว…..ป๊อด…….ป๊อดจ๋า……..โอ๊วววววว………..ป๊อดดดด…..ซี๊ดดดดดด…..ฮาาาาาา……..โอ๊ววววววว…..”
วิไลถูกลิ้นของป๊อดจนเธอซ่านเสียวอย่างที่สุด เธอตัดสินใจผละจากปากของเขา แล้วเข้ามายืนคร่อมตรงจุดที่แก่นกายของป๊อด
กำลังแข็งตัวตั้งเป็นลำแล้วนั่งลงพร้อมกับสอดมือจับลำเอ็นของป๊อดให้มุดจมหายไปในร่องหลืบอันแฉะชื้นของเธอ
แล้วโยกร่างด้วยความกระสันต์รัญจวนอย่างที่สุด
“โอ๊วววว…..ซี๊ดดดดดด………โอ๊วววววว…….ซี๊ดดดดดดด………โอ๊วววววว……..ซี๊ดดดดดดดด……”
วิไลเป็นฝ่ายคุมจังหวะโยกคลึงอยู่บนลำตัวของป๊อด เหมือนกับกำลังขี่ม้า จนเธอเองก็ลืมไปว่าป๊อดกำลังบาดเจ็บที่ช่องท้อง
เธอแหงนหน้าครางกระเส่าอย่างมีความสุข และสะใจในความใหญ่และยาวของป๊อด แต่ป๊อดไม่สามารถปล่อยให้เธอ
ทำอย่างนั้นได้ต่อไป เพราะเขาทำนบรักของเขากำลังจะแตกในไม่ช้า
ในที่สุดป๊อดก็ตัดสินใจดันร่างลุกขึ้นแล้วดันร่างของวิไลให้นอนลงพร้อมกับใช้สองมือของเขาแบะขาทั้งสองของเธออก
จนกลีบสวาทของเธอแย้มเปิดออกมาอย่างกว้างขวาง ป๊อดจับท่อนเอ็นยักษ์ของเขายัดลงไปแล้วกัดฟันกระแทกบั้นเอว
กระเด้าลงไปอย่างรุนแรงจนวิไลอ้าปากกว้างร้องออกมา
“ตั้บ…………….ตั้บ………….ตั้บ……..ตั้บ…..ตั้บ….ตั้บ…..ตั้บ….ตั้บ….ตั้บ….ตั้บ….ตั้บ….ตั้บ….”
“อ๊ายยยยย……ซี๊ดดดดด…….ฮ๊ายยยยย…..อ๊ายยยยยย…….ผัวขา…..อ๊ายยยยยย……ผัวขา……อย่าหยุดนะ….ซี๊ดดดด….
อ๊ายยยยย…….เสียวเหลือเกิน……ซี๊ดดดดดด…….อ๊ายยยยยย……..อ๊ายยยยยยย……อ๊ายยยยยย……โอ๊ะ…ซี๊ดดดด……..
โอ๊ะ…ซี๊ดดดด…….ใกล้แล้ว….จะเสร็จแล้ว….โอ๊ะ……ผัวขา….เมียจะเสร็จแล้ว….โอ๊ะ…โอ๊ะ….โอ๊ววววววววววววววววว….”
ร่างของวิไลสั่นไหวไปทั้งร่างจากแรงกระแทกกระทั้นที่ทั้งรุนแรงและระรัวถี่ จนในที่สุดวิไลก็เกิดอาการสั่นกระตุกอย่างรุนแรง
ด้วยความสุขสม แล้วตามติดด้วยเสียงร้องดังยาวของป๊อดพร้อมกับพ่นน้ำรักออกมาจนท่วมท้นร่องหลืบของวิไลแล้วหงายร่างลงไป
นอนเคียงข้างกับเธออย่างเหนื่อยอ่อน