เล่ห์สวาทเพลิงราคะ 22
อรนุชที่กำลังควบเจ้าโธโรเบลดดำปรอดนั้นอย่างมีความสุข ทันใดนั้นเองก็มีชายฉกรรจ์ร่างซูบเกร็งขับม้าสีน้ำตาลเข้ามาประชิด ทำให้เด็กสาวร่างบางกระตุกบังเหียน รั้งเจ้าหมอกให้ชะลอตัวจนวิ่งกุบกับไปช้าๆ นายคมกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“พ่อเลี้ยงให้ผมมาถามว่าคุณหนูอยากจะไปขี่ม้าที่ทุ่งปลายป่าไหมครับ เป็นพื้นที่โล่งๆ หญ้ากำลังขึ้นสวยเลยครับ”
ดวงตากลมโตของอรนุชเบิกกว้างอย่างยินดี เธอควบเจ้าหมอกวนเวียนอยู่ตรงลานดินมานานแล้ว เปลี่ยนเป็นทุ่งโล่งๆหญ้านุ่มๆเจ้าหมอกก็คงชอบเหมือน กัน หวนนึกไปถึงคนร่างสูงตัวใหญ่ ฮึ นายหน้าหมีก็ยังดีนะที่รู้จักเอาใจคนอื่นเขาเป็นด้วยความรู้ สึกหวานๆ ที่จับใจขึ้นมา ทำให้อรนุชยิ้มกว้างขวางกล่าวเสียงใสระรื่น
“ดีสิคะ คุณช่วยนำทางฉันไปที”
“ได้ครับ คุณหนูตามผมมาเลยครับ”
นายคมยิ้มกว้างกระตุ้นม้าวิ่งนำไปก่อน เด็กสาวร่างเล็กบางที่แม้จะซุกซนแก่นแก้ว แต่จิตใจนั้นบริสุทธิ์ใสอ่อนต่อสังคมอันเต็มไปด้วยเล่ห์มารยาและกลลวงอันโหด ร้าย ไม่ได้เฉลียวใจแม้แต่น้อยนิดว่าถ้าคมศรจะให้คนนำทางไปเที่ยว ทำไมไม่ใช้คนสนิทของเขาที่สั่งให้เฝ้าเธออยู่ แต่กลับเป็นคนอื่นที่เด็กสาวไม่เคยรู้จัก ตอนนั้นอรนุชมีเพียงรอยยิ้มกว้างอย่างสดใส ก่อนที่จะกระตุกบังเหียนให้เจ้าหมอกตะกุยเท้าตามไปอย่างร่าเริง อาชาสองตัววิ่งควบตามกันไปสักพักหนึ่ง จนในที่สุดอรนุชก็เห็นแนวเขตที่ถูกปักปัน มีต้นไม้ใหญ่ปลูกเป็นแนวยาว และมีป้ายที่เขียนว่า”ปางห้วยสัก”เด่นสะดุดตาอยู่ ก็รู้
ว่าน่าจะล่วงพ้นอาณาบริเวณของปางมาแล้ว
อรนุชขี่เจ้าหมอกตามไปเรื่อยๆ ระยะทางระหว่างเธอกับปางห้วยสักก็ค่อยๆ ห่างกันไปเช่นกัน จนในไม่นานป้ายบอกอาณาเขตปางก็เห็นอยู่ลิบๆ ที่ด้าน หลัง นายคมกระตุ้นม้านำเด็กสาวร่างบางมุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางที่เห็นว่ากำลังจะไป บรรจบเนินเล็กๆ ที่ทอดต่อมาจากทิวเขาขนาดใหญ่สุดลูกหูลูกตา นัยน์ตาของคนขี่ม้านำหน้าเป็นประกายวูบวาบสมใจ น่าเสียดายที่อรนุชที่ตามมาอยู่ด้านหลังไม่มีทางสังเกตุเห็น ทันใดนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของเด็กสาวร่างบางก็ดังกังวาน
คันธรสเริ่มฟื้นคืนสติขึ้นมาท่ามกลางความรู้สึกเร่าร้อนจนเหลือประมาณ หญิงสาวพยายามลืมตาขึ้นมา ขณะที่ร่างงามของเธอที่เคลื่อนบิดเพื่อคลายความล้า ก็รู้สึกตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงที่ไหนสักแห่ง ภายใต้ความรู้สึกที่ค่อยๆ คืนกลับมาทีละน้อยๆ ความตระหนกตกใจก็พุ่งวาบขึ้นมาจับจิตเมื่อลมเย็นๆ นั้นพัดเข้ามาต้องร่างกายของเธอจนตัวสั่นสะท้าน รับทราบต่อมาว่าตัวเองตอนนั้นเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ปกปิดแม้แต่ชิ้นเดียว ยิ่งไปกว่านั้นผิวกายของตนเองตรงบริเวณหัวไหล่และต้นแทนนั้นรู้สึกถึงการ สัมผัสเสียดสีไปกับร่างของใครคนหนึ่งที่นอนอยู่ข้างๆ ทำให้ร่างของหญิงสาวผวาพลิกกลับมาโดยพลัน และเบิกตากว้างเมื่อมองเห็นร่างกำยำที่นอนอยู่ข้างๆ อย่างชัดเจน
“คะ..คุณ..คุณเทพ!”
คันธรสเอ่ยพึมพำอย่างตระหนกตกใจ และท่ามกลางความตกใจนั้น ความระอุรุ่มเร่าร้อนที่ถูกกดดันให้สงบไปชั่วขณะนั้น ตอนนี้มันกลับพลุ่งพล่านขึ้นมาใหม่ราวกับน้ำป่าไหลหลาก เมื่อผิวกายอุ่นละเอียดของเธอสัมผัสแนบชิดกับเรือนกายของชายหนุ่ม ความร้อนร่านที่ปะทุขึ้นมาราวกับไฟป่านั้นประหนึ่งว่าการเสียดสีสัมผันนั้น เป็นประกายไฟที่กระเซ็นไปถูกเชื่อเพลิงสวาทที่กำลังอาบชุ่มไปทั่วอณูแห่ง ความรู้สึกของหญิงสาว สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าอย่างชัดเจน ใบหน้าอันหล่อเหลาที่เคยมัดใจเธอเอาไว้ ร่างที่กำยำแข็งแรง และ ท่อนกายนั้นที่แม้จะยังอยู่ในสภาพปกติ แต่มันเร้าอารมณ์จนคันธรสใบหน้าแดงก่ำ ครางครวญออกมาอย่างฟุ้งซ่านรัญจวน
“อา..เทพ..เทพขา”
มือบางเรียวงามนั้นไต่ไปตามแผงหน้าอกที่กำยำสมชาย ปากนุ่มของคันธรสไต่ประกบจูบไปบนหนั่นเนื้อแข็งแรงนั้นอย่างสุดพิสวาส ความฟุ้งซ่านที่เกิดจากฤทธิ์ยาสวาทที่ไหลเวียนอย่างรุนแรงในร่างกาย บวกกับความต้องการในก้นบึ้งที่ถูกกักเก็บเอาไว้ ทำให้เพลิงปรารถนาของหญิงสาวลุกพล่านจนบดบังสติสัมปะชัญญะใดๆ ที่จะฉุกคิดว่าทำไมเธอกับปานเทพถึงมานอนเปลือยเปล่าอยู่ด้วยกันบนเตียงนี้ ปากงามของหญิงสาวระดมจูบไปตามใบหน้าหล่อเหลาของปานเทพ หญิงสาวครางครวญกระเส่าซ้ำๆ กันราวกับละเมอ
“เทพ..เทพขารส..รสรักคุณค่ะรักมากไม่เคยลืมคุณเลย”
ความเสียวซ่านรัญจวนที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วดุจน้ำป่าทลายนั้น ทำให้ร่างขาวเปลือยของคันธรสนั้นพลิกขึ้นไปทาบทับร่างที่ยังนอนเหยียดของปาน เทพ อวบอวบสองเต้านั้นเบียดไปกับแผงอกของชายหนุ่ม ขณะที่หญิงสาวกางเรียวขางามคร่อมตัวของคนที่เธอรักหมดใจมาโดยตลอด ส่ายสะโพกผายงามของตัวเองนั้นก็บดโคกอูมไปบนท่อนกายของปานเทพอย่างกระสัน ซ่านรัญจวน ปลายท่อนกายที่ยังไม่มีการขยายตัวแต่อย่างใดเนื่องจากเจ้าของยังคงสิ้นสติ อยู่ แต่ถึงกระนั้นรสชาติของเนื้อท่อนที่ไถไปตามติ่งกระสันของเธอมันสร้างความสุข ให้กับคันธรสจนห่อปากครางครวญ ขนอ่อนๆ ทั่วร่างลุกชันอย่างเป็นสุข
“เทพขา..รส..รสมีความสุข..สุขจังเลย..อา..ซี๊ด..ซี๊ด..”
ปากงามของหญิงสาวจูบไปบนริมฝีปากสวยหยักได้รูปของปานเทพอย่างกระหายในรสชาติ มืองามสองข้างนั้นไต่เปะเปะไปตามกล้ามเนื้ออันแข็งแกร่งของชายหนุ่ม สัมผัสลากไล้ไปทั่วตัวจนมืองามของคันธรสป่ายไปถึงท่อนเนื้อของปานเทพ ก่อนที่หญิงสาวจะใช้มือรูดไปตามลำท่อนนั้นอย่างรวดเร็วแต่เบามือทะนุถนอม การโลมไล้สัมผัสที่เร่าร้อนนั้นมันค่อยๆ แทรกเข้ามาในห้วงสติของปานเทพที่ตกอยู่ภายใต้ฤทธิ์ยา อย่างช้าๆ ความเสียวซ่านที่บังเกิดขึ้นมาจากท้องน้อยก็ปั่นป่วนอารมณ์ของชายหนุ่มจน กระเจิง ร่างอุ่นละเอียดที่ทาบทับอยู่ ความเนียนนุ่มของผิวพรรณที่บดเบียดเข้ามา มันดุจดั่งเป็นน้ำมันที่ราดรดลงไปบนกองเพลิงสวาทที่ปะทุขึ้นมาเนื่องจากถูก ยาสวาทมอมเมา
ภายใต้ภาวะที่ครึ่งหลับครึ่งตื่น ปานเทพละเมอไปว่าเป็นเรือนร่างสุดงามของภรรยาแสนรักที่กระแซะเข้ามาราวกับ แมวน้อย สร้างความสุขหฤหรรษ์ที่เขาใฝ่ถวิลหาทุกค่ำคืน ทำให้ร่างกายของชายหนุ่มนั้นตื่นขึ้นมาจากสภาวะหลับใหล ท่อนเนื้อที่กำลังอยู่ในมือของคันธรสเริ่มกระดิกตัว และยืดขยายขึ้นมาเรื่อย ๆ ตามความรู้สึกที่ไต่ระดับความร้อนแรงขึ้นของเจ้าของหนุ่มรูปงาม
‘โอวอรจ๋าผมคิดถึงคุณเหลือเกิน คุณกลับมาหาผมแล้วใช่ไหมครับ’
ปานเทพคำนึงในใจอย่างเป็นสุข ตวัดร่างนุ่มนิ่มที่ทับอยู่บนตัวเขาไว้แนบแน่น ทั้งๆ ที่ภาพตรงหน้ายังพร่าเลือนเหมือนอยู่ในม่านหมอก แต่ชายหนุ่มก็บดขยี้จูบไปตามริมฝีปากนุ่มที่เข้ามากระซิบเคลียดคลอ
“เทพ..เทพขา”
ชายหนุ่มผู้กำลังตกอยู่ในภวังค์สวาท บดปากแนบกระชับไปกับเรียวปากงามของคันธรส สอดลิ้นระรัวพัวพันกันอย่างดูดดื่มเร่าร้อน เสียงซ๊วบๆ ดังปนเปกับเสียงครางกระเส่าของชายหญิงที่ดังสะท้านสะท้อนมาจากความรู้สึกภาย ในที่กำลังเดือดพล่าน อืออืออาซี๊ดซี๊ด ปานเทพพลิกตัวขวับ ร่างกำยำของเขาก็เป็นฝ่ายทาบทับร่างอุ่นละเอียดงามนั้นแทนที่ มือของชายหนุ่มปัดป่ายไปตามผิวกายที่เนียนนวลนั้น ปากลากไซร้ไปตามซอกคอหอมละมุน ส่งเสียงครางหนักๆ ดังขึ้นอย่างรัญจวน
“อร..อรจ๋า..ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน ผมคิดถึงคุณทุกคืนเลย..โอวว..ที่รัก..ผมมีความสุขเหลือเกิน”
คันธรสเบิกตากว้าง คำพูดของปานเทพนั้นเกี่ยวความรู้สึกของหญิงสาวให้วูบขึ้นมาอย่างน้อยใจ ทำให้เธอผลักร่างของปานเทพออกไป นี่อะไรกัน เขานึกว่าเธอเป็นอรชาหรือ การกระแทกกระทั้น ทำให้ปานเทพลืมตาขึ้นกระพริบถี่ถี่ จนปรับสายตาได้ แลเห็นเป็นใครที่ตัวเองนอนทาบทับอยู่ด้วยสภาพร่างกายที่เปลือยเปล่าด้วยกัน ทั้งคู่ก็ใจหายวาบ เบิกตากว้าง
“คุณรส! คุณคุณอะไรกันนี่”
ปานเทพร้องเสียงหลง ขยับตัวจะพลิกหนีไป แต่แขนบอบบางของคันธรสนั้นตวัดรัดไปที่แผงหลังกำยำของชายหนุ่มแน่น ปากพร่ำเพร้อ
“ใช่ค่ะ..รสเอง..รสรักคุณค่ะ..รักเหลือเกิน..เทพขา..โอว..เทพขา..รสเสียว”
คันธรสครางครวญอย่างเสียวซ่าน ใบหน้าแหงนเพริด เมื่อท่อนเอ็นของชายหนุ่มที่กำลังตื่นตัวเต็มที่นั้นส่ายเบียดไปมาตามโคกอูม ของเธอ ปลายถอกที่เริ่มแผ่ตัวออกนั้นสะกิดไปตรงปุ่มกระสันของหญิงสาว ทำให้ร่างงามของคันธรสบิดพร่านอย่างรัญจวนใจ
หญิงสาวที่กำลังเพลิดไปกับเพลิงสวาท ตวัดสองขางามของเธอรัดไปที่สะโพกของปานเทพ เกร็งหน้าทองส่ายโคกสาวของเธอแนบเบียดไปกับท่อนกายของชายหนุ่ม ริมฝีปากงามนั้นก็บดจูบไปตามแผงอกของอีกฝ่ายที่พยายามยันตัวออก
“อย่า..อย่าครับ..คุณรส”
ปานเทพพยายามดันตัวออกห่าง แต่คันธรสนั้นไม่ยอม ทั้งแขนและขาของเธอตวัดรัดไปที่ร่างของชายหนุ่มที่เธอบัดนี้ยอมรับแล้วว่า ไม่เคยลืมเขาไปได้เลย ความรัก ความเสน่หามันแค่ถูกกดดันให้ซุกซ่อนอยู่ในก้นบึ้งลึกสุดแห่งจิตใจ ซึ่งตอนนี้ความรู้สึกนั้นมันได้ทะลักทะลายออกมาราวกับภูเขาไฟระเบิด
ปานเทพที่อยู่ในภาวะแห่งความตื่นตระหนกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า ถึงแม้ว่าจะพยายามดิ้นรนให้หลุดจากการโอบรัดของหญิงสาว แต่ร่างอุ่นละเอียดที่บดเบียดตัวเขาอยู่นั้นมันเป็นเรือนกายที่สวยบาดตาสุด ประมาณ ทรวงอกที่อวบขาวที่แอ่นเข้ามาใช้ความหยุ่นนิ่มนั้นเสียดสีไปกับแผงอกของเขา ความเนียนนุ่มของหน้าทองขาวที่ส่ายเข้ามาทาบไปกับลำตัว ทั่วทุกตารางนิ้วของผิวเนื้อขาวผ่องมันโถมเข้ามาเบียดไปกับร่างอันเปลือย เปล่าของปานเทพ ทำให้อารมณ์ของชายหนุ่มพลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างช้าๆ บวกกับแรงฤทธิ์ของยาสวาทที่กระตุ้นไหวเวียนอยู่อย่างเต็มที่ ทำให้มือหนาหนักของปานเทพในที่สุดต้องเคลื่อนไปโอบร่างงามของคันธรสเอาไว้ อย่างลืมตัว ส่งเสียงครางกระเส่า
“โอว..คุณรส..อูย..คุณรส..อูย..ซี๊ด..”
ชายหนุ่มกัดฟันร้องออกมาอย่างเสียวซ่าน เมื่อโคกสาวอูมแน่นที่เด้งเบียดเข้ามานั้นบี้คลึงไปตามปลายถอกอันมีเส้น ประสาทอันมีความว่องไวต่อความ รู้สึกอย่างนุ่มนวลแต่ทว่าเร่าร้อนเหลือประมาณ ทำให้แก่นชายของปานเทพนั้นตื่นตัวดีดเด้งเป็นการใหญ่ ร่างกำยำของชายหนุ่มสั่นสะท้านไปด้วยความเสียวซ่านรัญจวนจนขนทั่วร่างลุกชัน ขึ้นมา คันธรสเองก็ส่งเสียงครางครวญ แหงนหน้าเพริดอย่างรัญจวนใจ ใบหน้าที่สวยบาดตาบาดใจชายนั้นแดงก่ำ ปากแดงจัดอ้าหอบพร่ำเพร้อ อาการของหญิงสาวตรงหน้าที่สุดจะยวนอารมณ์ ทำให้ปานเทพที่กำลังตกอยู่ในเพลิงเสน่หาต้องโน้มใบหน้าลงไปประทับจูบอย่าง ดูดดื่มโดยไม่สามารถต้านทานความงามที่ยั่วเย้าอยู่ตรงหน้าได้
“อือ..อือ..อา..อือ..เทพ..เทพขา..ซี๊ด..อื้อ”
หญิงสาวประกบจูบแลกลิ้นอย่างเร่าร้อน ความเสียวซ่านที่ได้รับนั้นมันสร้างความหฤหรรษ์สุขสมให้เกิดขึ้นแก่ตัวของ คันธรสอย่างเหลือประมาณ มือของปานเทพเริ่มป่ายขยำไปบนสองเต้าอวบขาวนั้น นิ้วของชายหนุ่มลากไล้บดเบียดไปตามความเต่งของก้อนตึงนั้น ความเนียนนุ่มและหยุ่นมือสุดๆ ทำให้ปานเทพครางออกมาอย่างกระสันซ่าน ปากของเขาเลื่อนออกจากปากงามนั้น ไต่ลงมาประกบตรงบริเวณปลายงอน และก้มลงดูดไปอย่างอเร็ดอร่อยลิ้น เสียงซ๊วบซ๊วบ
คันธรสใบหน้าแดงก่ำอย่างเป็นสุข แอ่นอกอวบอูมของเธอเสนอสนองการเล้าโลมของชายในดวงใจเธออย่างร้อนร่าน นิ้วเรียวงามทั้งสิบนั้นลากไล้ไปตรงท้ายทอยของเขา ถึงกับเกร็งข้อมือกดหน้าของปานเทพให้เบียดไซร้แนบชิดไปกับฐานอวบของสองเต้า เธอให้มากขึ้น แน่นขึ้น ซึ่งจมูกโด่งงามของชายหนุ่มก็ไซร้สูดดมความหอมของเนื้อสาวตรงสองเต้าอวบ อย่างอิ่มเอม ทำให้ปากงามของคันธรสครางกระเส่าไม่หยุด
“ซี๊ด..ซี๊ด..เทพขา..เสียวเหลือเกิน สุขเหลือเกินค่ะ รส มีความสุขเหลือเกิน”
ปานเทพที่ตอนนั้นอารมร์กำลังเพลิดเตลิดเปิดเปิงไปราวกับม้าหลุดจากคอก อาวุธประจำกายที่เหยียดตรงบานร่าเต็มตัวนั้นกระดิกส่ายเพื่อหาตำแหน่งในการ สอดใส่เข้าไปในร่องหลืบที่ตอนนั้นโคกสาวร่อนร่ายเพื่อประกบให้กลีบอูมของเธอ ได้จังหวะมุมที่สอดโอบรัดเข้าไปตรงปลายเนื้อท่อนนั้น
พอชายหนุ่มได้ยินคำพูดพร่ำเพร้อของคันธรส ฉับพลันนั้นดวงหน้าหวานสวยของอรชาก็ลอยเข้ามาในห้องคำนึง ดวงตากลมโตคู่งามตอนนั้นเปี่ยมไปด้วยรอยเศร้าหมอง ทำให้ปานเทพครางกระเส่าออกมาอย่างเจ็บปวดใจ ผละใบหน้าออกมาจากสองเต้าอวบขาวนั้นทันที ใบหน้าหล่อเหลานั้นเปี่ยมไปด้วยความแตกตื่น ตาเบิกโพลงสับสนวุ่นวายใจ
“มะ ไม่ ผมทำไม่ได้”
ปานเทพพยายามสะบัดหน้าเพื่อเรียกสติกลับมา แต่คันธรสนั้นกดใบหน้าของเขาให้ทิ้งต่ำลงมาเบียดกับเต้าขาวของเธออีกอย่าง เร่าร้อน ปากงามพร่ำเพร้อ
“เทพ เทพขารสต้องการค่ะต้องการเหลือเกินนน ซี๊ดซี๊ด”
ความงามที่ยวนยั่วอยู่ตรงหน้า คันธรสที่บิดส่ายไปมาอยู่บนเตียง กำลังแสดงออกอย่างที่สุดถึงความต้องการอันเร่าร้อนของเธอ ผิวกายที่ขาวเนียนเปล่งปลั่งไปทุกส่วนสัดที่ลอยเด้งอยู่ตรงหน้า มันยวนเย้าต่อกิเลศตัณหาที่กำลังเพลินพล่านในใจของชายหนุ่ม ปานเทพที่ตกอยู่ในภาวะถูกยาสวาทเล้าโลม อย่างช้าๆ มือของเขาก็เริ่มป่ายไปตามผิวกายสุดงามนั้นอีกครั้ง
“โอว คุณรส คุณสวยเหลือเกิน โอว ขาวเหลือเกิน”
คันธสนแอ่นร่างให้ชายหนุ่มเฟ้นฟอนตามอำเภอใจ ปากงามคร่ำครวญ อกอูมนั้นถูกบดเบียดใบหน้าลงมาอีก ร่างงามสะท้านสะเทือนไปตามลิ้นหนาของปานเทพที่ส่ายวนไปตามปลายถันสีน้ำตาล อ่อนของเธอ
“เทพ เทพขา ตัวของรส ร่างกายนี้ เป็นของเทพคนเดียวค่ะ ได้โปรดรสรสเสียวเหลือเกิน ซี๊ดซี๊ด อาเทพขารส ซี๊ดเสียว”
ท่ามกลางความกระสันรัญจวนจนกระเจิงจนกู่ไม่กลับแล้ว คันธรสแอ่นโคกสาวของเธอร่อนให้กับชายหนุ่ม ส่วนมือบางงามนั้นเลื่อนลงไปประคองแก่นกายอันตึงตัวเต็มที่นั้นจ่อหัวบาน เข้ามายังร่องหลืบของเธอ
“เทพ เทพขาได้โปรดทำกับรส ซี๊ดรสอยากไม่ไหวแล้วค่ะเสียวเหลือเกิน”
ปานเทพขบกรามแน่น ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี กับความรู้สึกกระสันซ่านสวาทนั้นต่อสู้กันอย่างรุนแรง สะโพกผายของคันธรสที่ร่อนอยู่ด้านล่าง มืออุ่นๆ ที่จับท่อนกายของเขาจ่อเข้าไปตรงโพรงสวาทของเธอ กลีบอูมที่แสนนุ่มนิ่มกำลังโอบรัดเข้ามาในความเป็นชายของเขา ชายหนุ่มครางกระเส่า ความรู้สึกด้านต่ำค่อยๆ มีกำลังมากกว่า ทำให้มือของเขาอย่างช้าๆ เลื่อนเข้ามาตะปบไปที่สองเต้าอวบตรงหน้า และขยำลงไปอย่างสุดจะหักห้ามใจได้แล้ว
“โอว..คุณรส ผมเองก็เสียวเหลือเกิน คุณช่างสวยสดไปทั้งตัว โอว”
ปานเทพร่ำร้องออกมา บีบเค้นคลึงไปบนสองเต้าอวบขาวนั้นอย่างกระหาย ร่างงามของคันธรสแอ่นสะท้านเสียวกระสัน เสนอสนองการกระทำนั้นอย่างเต็มอกเต็มใจ ร้อนร่านระอุไปด้วยความหฤหรรษ์ ฉับพลันทันใดนั้นเองประกายแว๊บสายหนึ่งก็สะท้อนเข้ามาที่สายตาของปานเทพ ประกายแสงนั้นมีต้นกำเนิดมาจากแหวนทองคำขาวเกลี้ยงที่อรชามอบให้เขาในวัน แต่งงานที่ชายหนุ่มสวมใส่เอาไว้ตลอดเวลานั่นเอง
ในเวลานั้นจังหวะที่เขากำลังเฟ้นคลึงไปบนทรวงอกของคันธรส มุมตกกระทบของแสงไฟบนเพดานห้องนั้นมันสะท้อนแสงาบเข้ามาสู่สายตาของปาน เทพอย่างพอดิบพอดี แสงปลาบนั้นมันแทรกเข้ามาสู่จิตใจที่กำลังพล่านไปด้วยเพลิงเสน่หา วงหน้างามล้ำของอรชาที่ลอยกลับมาในห้องคำนึงอีกครั้ง คราวนี้ดวงตากลมโตเศร้าสร้อยมองมายังเขาด้วยสายตาแห่งความน้อยใจ ผิดหวัง
“โอววว..อร..อรจ๋า..โอวว..ยกโทษให้ผมด้วย..โอววว..ผมมันเลวบัดซบจริงๆ ผมทรยศความรักที่คุณมอบให้กับผม”
ปานเทพร้องลั่นออกมาในใจ ความรู้สึกผิดที่มีต่อภรรยาที่เขารักสุดหัวใจ กลับมีพลังจนเอาชนะเพลิงกระสันที่กำลังพล่านอยู่ในตัวของชายหนุ่มไปได้ ทำให้ร่างกำยำนั้นพลิกพรวดออกจากร่างงามของคันธรส ใบหน้าอันหล่อเหลาของชายหนุ่มร้อนวาบ ลนลานควานเอากางเกงในที่ตกอยู่ข้างเตียงเข้ามาสวมอย่างลุกลี้ลุกลน ยัดเก็บอาวุธประจำกายที่ยังแข็งตั้งเป็นลำทวนนั้นเข้าไปในเนื้อผ้า พร้อมกับต้องขบริมฝีปากอย่างเจ็บปวด คันธรสผวาเข้ามารัดแผ่นหลังกำยำนั้น อกอวบเต่งเต้าเบียดไปตามแผ่นหลังของชายหนุ่ม
“เทพ..เทพขา..อย่าทิ้งรสไปนะคะ”
ปานเทพใบหน้าเต็มไปด้วยความประหวั่นลนลาน สลัดตัวให้หลุดพ้นจากการโอบรัด รีบคว้าเสื้อกางเกงที่เรื่อยราดอยู่บนพื้น ร้องเสียงกระเส่า
“ผม..ผมเสียใจ..รส..ผมทำไม่ได้”
จากนั้นชายหนุ่มก็วิ่งผลุนผลันโผเผออกไปจากห้องทันที ใบหน้าหล่อเหลานั้นเปี่ยมไปด้วยความตื่นตระหนกใจ ขณะที่คันธรสซึ่งเปลือยเปล่าขาวโพลนทิ้งตัวลงคร่ำครวญหวนไห้ ใบหน้างามบิดเบี้ยว ความต้องการที่พรั่งพรูขึ้นมาอย่างรุนแรง เพราะเสี่ยทองมอมเมาเธอด้วยยาสวาทที่รุนแรงกว่าที่เขามอมปานเทพกว่าครึ่ง กำลังเผาผลาญร่างกายของหญิงสาวจนสุดปัญญาระงับ
คันธรสจึงแบะขาขาวเพรียวของตัวเองออกถ่างจากกัน แล้วใช้นิ้วชี้ที่เรียวงามราวกับลำเทียนป่ายคลึงไปบนปุ่มกระสันของเธออย่าง เสียวซ่านรัญจวน แอ่นสะโพกผายเด้งสู้นิ้วของตนเอง พร้อมๆ กับปากงามครางครวญ ฮื้อ ฮื้อ ฮื้อ เสียงดังกระสันลั่นห้อง ในเวลานั้น เสี่ยทองกับเสี่ยเซี้ยงที่เฝ้าดูผ่านจอมอนิเตอร์อยู่อีกห้องมองตากัน เสี่ยคิ้มเบิกตากว้าง
“ผิดแผนแล้ว ไอ้ปานเทพมันหนีไปก่อน เสี่ยจะทำยังไงล่ะ”
เสี่ยทองเองก็ตกใจ คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มจะสามารถต่อการกับความงามสุดยอดที่ยั่วยวนอยู่ตรงหน้า ได้ทั้งๆ ถูกมอมยา แต่ตอนนั้นใบหน้าอูมก็แสยะยิ้ม
“ไม่เป็นไร แค่ภาพที่จับได้ผมว่าก็เกินพอแล้วล่ะ ฮ่าฮ่า”
เสี่ยคิ้มตาลุกโพลง มองไปยังจอภาพที่แลเห็น คันธรสกำลังนอนเด้งสะโพกส่ายอยู่บนเตียงอย่างร้อนร่าน
“ถ้าอย่างนั้น”
เสี่ยนักค้าทองกล่าวพลางแลบลิ้นออกมาอย่างหื่นกระหาย เสี่ยอ้วนผุดลุกขึ้นอย่างชั่วโฉด
“เราก็ไปช่วยคุณรสคนสวยกันดีกว่าครับ สงสารเธอออก ฮ่าฮ่าฮ่า”
เสียงหัวเราะชั่วร้ายของสองเสี่ยดังลั่นขึ้น ก่อนที่ทั้งสองคนจะแทบวิ่งออกไปจากห้อง ไม่นานหลังจากนั้นจอมอนิ เตอร์ที่จับภาพคันธรสกำลังนอนกระตุกเสียวตัวเองอยู่ ก็พลันปรากฏร่างของสองเสี่ยที่ถาโถมลงไปบนเตียง ตอนนั้นทั้งคู่เปลือยเปล่าจนล่อนจ้อน ควยอวบกระตุกเด้งจนแลเห็นได้ชัดเจน
เหตุการณ์ภายในจอนั้นแลเห็นเบื้องแรกร่างงามของคันธรสผวาจะลุกหนี แต่แรงกลัดมันของสองเสี่ยที่ถาโถมลงไปบนตัวเธอมันเกินกว่าที่หญิงสาวจะต้าน ทานได้ ร่างบางงามของเธอถูกจับกดหงายลงไปบนเตียง ตามติดไปด้วยเสี่ยคิ้มที่ละเลงไปใบหน้าไปตามซอกคอของหญิงสาว
ส่วนเสี่ยทองนั้นเคลื่อนร่างอ้วนฉุของตัวเองไปคุดคู้อยู่ตรงบริเวณปลายเตียง แลเห็นเสี่ยร่างอ้วนจับสองขาของคันธรสแหวกออก และซุกหน้าลงไปเฟ้นฟอนเนินสวาทของหญิงสาวอย่างเมามัน มือหยาบๆ ที่ช่วยกันละเลงป่ายไปตามเนื้อตัวที่อุ่นละเอียดขาวโพลนเป็นไข่ปอกนั้นอย่าง ไม่มีหยุดยั้งเบื่อหน่าย อย่างช้า ๆ ก็ค่อยๆ เปลี่ยนการตอบสนองของหญิงสาวไปในอีกลักษณะหนึ่ง และเมื่อเพลิงสวาทที่กรุ่นอยู่แต่เดิมกำลังหาช่องที่จะระเบิดออกนั้นพล่านไป ทั่วอณูความรู้สึก ความเสียวซ่านรัญจวนที่ได้รับการปลดเปลื้องจากสองเสี่ยโฉดก็เคลื่อนเข้า บดบังสติของหญิงสาวไปในที่สุด
ภาพในจอมอนิเตอร์จึงแลเห็นร่างงามบาดตาของคันธรสบิดไหวอย่างเร่าร้อน แอ่นอกอวบสองเต้าขาวเสนอปากของเสี่ยคิ้มที่ดูดดื่มไปบนปลายเต้างอนงามนั้น อย่างไม่มีเบื่อ และขณะเดียวกันก็กระเด้งสะโพกผายของเธอส่งโคกสาวอูมแน่นร่อนสนองตอบการโลม เลียของเสี่ยทองจนปลายเท้าที่งามได้รูปตัดเล็บไว้จนสะอาดเรียบร้อยนั้น เหยียดหยิกหงิกงอเกร็งกระตุกระริกๆ ไปกับเพลงลิ้นของเสี่ยอ้วนที่ฉกกระซวกไปบนติ่งกระสันของเธออย่างรุนแรง เชี่ยวชำนาญ เสียงของคันธรสครางครวญอย่างกระสันรัญจวน ผสานกับเสียงหัวเราะกระเส่าของสองเสี่ยชั่วดังอย่างเร่าร้อนดังปกคลุมไปทั่ว พื้นที่ของห้องนั้น!!
พี่แต๋วที่สมัครใจเอนหลังในห้องพักของรีสอร์ทปางห้วยสักจนเต็มอิ่ม ก็ลุกขึ้นมายืนบิดขี้เกียจอยู่หน้าห้องพัก ตอนนั้นก็สอดส่ายสายตาไปรอบๆ ปางอย่างสบายใจ ส่วนป้ากานตาที่นอนอยู่ด้วยกันก็เดินมาสมทบหลังจากล้างหน้าล้างตาเรียบร้อย แล้ว
“เฮ้อ..สบายใจจริงๆนะ กานตา ดูพวกสาวๆแล้วกระชุ่ม กระชวยหัวใจดีจริง”
กรองกนกพูดยิ้มๆ พยักเพยิดกับเพื่อนซี้ ตอนนั้นได้ยินเสียงหัวเราะต่อกระซิกใสๆ แว่วมาเป็นระยะ พลางสอดส่ายสายตาไปยังร่างสวยสมบูรณ์กำดัดไปด้วยวัยสาวที่เดินไปๆมาๆให้เห็น ทั่วพื้นที่
“อิอิ ใช่ฉันก็ว่างั้น ที่สำคัญนะ ปีนี้น่ะ พวกเด็กๆ กลุ่มนี้น่ะดี๊ดี นิสัยดีน่ารักกันทุกคนเลย ตั้งแต่เริ่มกิจกรรมเก็บตัวมา กลมเกลียวกันดีตลอด ไม่เห็นปัญหาอะไรเลยแม้แต่สักอย่างเดียว จะมีบ้างก็แค่กลุ่มทะโมนไพรสี่คนนั่น ซนเซี้ยวจริงๆ”
กานตาพูดเสียงแจ่มใส เพื่อนซี้ก็ผงกศีรษะเห็นด้วย เพราะปีที่ผ่านๆ มานั้น พอเข้าร่วมกิจกรรม จะมากจะน้อยก็มีเรื่องกระทบกระทั่งกันบ้างประปราย ตามประสาก็เด็กสาวๆ ที่ชอบแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน
“แต่ก็น่ารักใช่ไหมล่ะ น่าเอ๊นดูน่าเอ็นดูทั้งสี่คน”
กรองกนดพูดยิ้มๆ ขณะที่เพื่อนซี้ชี้หน้าอย่างรู้ทัน
“เชอะ อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ เธอน่ะเชียร์หนูนุชออกนอกหน้า เห็นๆ กันอยู่”
กรองกนกหัวเราะร่วน ไม่ปฏิเสธแต่ตอกกลับ
“ก็พอๆกันล่ะเธอก็ถือหางน้องนิดเต็มที่เหมือนกันล่ะย่ะ”
ว่าแล้วคุณป้าทั้งสองก็หัวเราะออกมาพร้อมๆกัน พอดีตอนนั้นสามสาวแกงค์ทะโมนไพรตามฉายาที่ป้ากานตาพูดก็เดินหัวเราะร่วนกัน เข้ามา ที่จอนผมทุกคนปักดอกไม้ป่าช่อสวยสีขาว ทำให้ใบหน้าสวยใสทั้งสามนั้นดูน่ารักกระจุ๋มกระจิ๋มกันไปตามๆกัน สองป้าจึงเดินเข้าไปทักทาย
“เป็นไงจ๊ะ สาวๆ ไปเที่ยวไหนกันมาล่ะนั่น โอโห มีดอกไม้ทัดหูกันด้วยสวยจริงเชียว”
กรองกนกเป็นคนทัก รัชนีที่เป็นหัวหน้าแกงค์สาวซ่ากลายๆ เพราะเซี้ยวที่สุด ยิ้มหวานย่อตัวพนมมือไหว้ขอบคุณในคำชมนั้น
“พวกเราไปเดินเที่ยวป่ามารอบหนึ่งค่ะ ทางไกด์เขาใจดี๊ใจดี ตัดช่อดอกไม้แจกด้วย”
นิรัชราเองก็หัวเราะผสมเสียงใส ก่อนจะกวาดตาไปรอบๆ
“ใช่ค่ะ ดอกไม้สวยเหลือเกินพวกเรายังบ่นถึงนุชกันอยู่เลยค่ะว่าเสียดายไม่ยอมมาด้วย”
“อ้าว พี่แต๋วก็นึกว่าน้องนุชไปกับพวกน้องๆ เสียอีกแน่ะ”
กรองกนกอุทาน พลางกวาดสายตาไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นร่างเล็กบางนั้นแม้แต่เงา มุกดาสาวน้อยจากธรรมศาสตร์ยิ้มว่า
“เห็นนุชเขาบอกว่าขี้เกียจเดินค่ะ สงสัยคงเดินเล่นอยู่แถวๆ นี้ เอ แต่บางทีอาจจะเบื่อๆ เลยเปลี่ยนใจเดินไปทางสวนดอกไม้ก็ได้นะคะ”
กรองกนกผงกศีรษะ ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรนักในเวลานั้น แต่ทว่าพอพวกบรรดากลุ่มสาวๆ ที่แยกย้ายกันไปเที่ยวตามใจอยากเริ่มทยอยกันกลับมา พี่แต๋วมองไปรอบๆ ใช้สายตากะๆ ก็คะเนว่าพวกนักศึกษาที่มาในกองประกวดนั้นน่าจะกลับมาจนครบแล้ว จะขาดก็อยู่แต่อรนุชคนเดียว ซึ่งไม่ว่าเธอจะมองชะเง้อไปตรงไหนในบริเวณทั่วพื้นที่นั้น ก็ยังไม่เห็นร่างเล็กบางแม้แต่เงา ในใจชักเริ่มเป็นห่วง เอ น้องนุชหายไปไหนล่ะนี่
กรองกนกเดินไปรอบๆ บริเวณปาง แต่ก็ยังไม่พบอรนุช ทำให้ใบหน้าของเธอจึงเริ่มมีวี่แววของความรู้สึกวิตกทุกข์ร้อน ก็พอดีเห็นเจ้าของปางห้วยสักขับรถจี๊ปกลับมาจากบริเวณสวนสัก นำคณะคุณลุงคุณป้าที่ออกทัวร์ชมการทำสวนป่าสักกลับมา ก็เดินเกร่เข้าไปหา โล่งใจขึ้น คิดว่าอรนุชน่าจะติดตามขบวนนี้ไปเป็นแน่ แต่เสียงพูดคุยหัวเราะของบรรดาคุณลุงคุณป้าที่ทยอยกันเดินออกมาจากรถบรรทุก ขนาดเล็กนั้นจนหมด ก็ไม่เห็นมีวี่แววของอรนุชแม้แต่เงา ทำให้กรองกนกใจหายวาบ รีบเดินเข้าไปหาคมศร
“พ่อเลี้ยงคะ พ่อเลี้ยง น้องนุช เด็กในคณะประกวดคนหนึ่งน่ะค่ะ ตอนนี้ไม่รู้แกหายไปไหน”
เสียงของเธอสั่นๆ คมศรซ่อนยิ้มไว้ในหน้า ทำทีเป็นปกติ กล่าวยิ้มๆ
“คนตัวเล็กๆ ผิวขาว ไว้ผมยาวเลยบ่าไปหน่อยใช่หรือเปล่าครับ?”
พี่แต๋วเบิกตาโต
“ใช่..ใช่ค่ะ พ่อเลี้ยงเห็นหรือคะ”
เจ้าของปางห้วยสักผงกศีรษะ หยิบมือถือขึ้นมาโทรหาคนสนิท พลางพูดว่า
“รู้สึกตอนที่ผมกำลังจะออกไปสวนสัก เห็นเธอขี่ม้าเล่นอยู่หลังรีสอร์ทน่ะครับ”
พี่แต๋วทาบมือกับอกอย่างโล่งใจ ถอนหายใจดังเฮือกใหญ่ บ่นพึมพำ
“แหมน้องนุชน้าน้องนุช ทำเอาพี่แต๋วงี้ใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม”
ใบหน้ายิ้มๆ ของพ่อเลี้ยงปางห้วยสักเริ่มเลือนหายไป เมื่อเสียงเรียกสายของเขาไปยังคนสนิทไม่มีการตอบรับแต่อย่างใด พี่แต๋วมองเห็นอย่างนั้นแล้วรู้สึกสังหรณ์ใจอย่างไรพิกล ในตอนนั้นฉุกคิดขึ้นมาได้ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายไปยังอรนุชทันที เสียงสัญญาณเรียกดังขึ้นสองสามครั้งเสียงร่าเริงของอรนุชก็แว่วมา
“พี่แต๋วหรือคะ”
“น้องนุช! น้องนุชหรือจ๊ะ โอย คุณพระคุณเจ้าช่วย โธ่เอ๋ย น้องนุชจ๋า พี่แต๋วจะเป็นลม”
พี่แต๋วยกมือทาบหน้าผากตัวเอง ร้องเสียงเครือออกมาสั่นสะท้าน ท่ามกลางสีหน้าโล่งใจยินดีราวกับยกภูเขาออกจากอก พอๆ กับสีหน้าของคนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินเสียงอุทานของสตรีผู้สูงวัยกว่า ร่างสูงใหญ่ลอบผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ โดยระวังไม่ให้พี่แต๋วสังเกตเห็นแต่ยังไม่ทันความโล่งใจ โล่งอกจะบังเกิดขึ้นสักเท่าใด เสียงอุทานอย่างตกใจของอรนุชก็แว่วมา
“อุ๊ย..”
จากนั้นเสียงที่ดังมาอีกด้านเหมือนกับเสียงโทรศัพท์ร่วงหล่นลงบนพื้น ใบหน้าของพี่แต๋วซีดเผือดร้องเสียงสั่น
“น้องนุช น้องนุช”
เงียบ ไม่มีเสียงตอบอะไรจากอีกด้าน แต่ปลายสายนั้นยังเปิดทิ้งคาอยู่อย่างนั้น คมศรถือวิสาสะดึงโทรศัพท์ไปจากมือของพี่แต๋ว และกรอกเสียงลงไป
“คุณนุช..คุณนุชครับ”
เสียงซ่าๆ ดังตอบกลับมา ก่อนที่คมศรจะเบิกตาโพลงเพราะเสียงร้อง ฮียส์ ดังกังวานที่ลอดเข้ามานั้น เจนหูเขาเหลือเกิน เสียงนั้นมันเต็มไปด้วยร่องรอยของความเจ็บปวดแตกตื่นใจของม้าตัวโปรด เจ้าหมอก คมศรร้องลั่นในใจ ใบหน้าเครียดจนเกือบๆจะกลายเป็นเหี้ยมเกรียมไปพลัน ชายหนุ่มรีบตัดสายสัญญาณส่งคืนโทรศัพท์ให้กับพี่แต๋วซึ่งทำหน้าอย่างกับจะ ร้องไห้ ใบหน้าซีดเผือดกล่าวเสียงแหบแห้ง
“น้องนุช น้องนุช”
“ใจเย็นๆนะครับผมขอร้อง ขอให้คุณแต๋วเก็บเรื่องนี้เป็นความลับก่อน อย่าเพิ่งให้แพร่ลุกลามออกไป ผมจะตรวจสอบดูก่อน ขอนะครับ คุณแต๋ว ผมจะรีบติดต่อกลับมาเมื่อรู้เรื่องแล้ว”
กล่าวจบ ร่างสูงนั้นหันกลับวิ่งไปยังรถจี๊ป ก่อนจะกระชากรถวิ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้กรอกกนกยืนตัวสั่นทำหน้าอย่างกับจะร้องไห้อยู่กับที่นั้น ใบหน้าของอรนุชเปี่ยมไปด้วยความตระหนกตกใจ ที่อยู่ดีๆคนนำทางของเธอก็หวนหน้าม้าวกกลับมา ยังไม่ทันที่เธอจะมีปฏิกิริยาอะไร นายคำก็ฉวยโทรศัพท์ไปจากมือเธอ และโยนเหวี่ยงไปไกลๆ อย่างสุดแรง
“อุ๊ย..นี่คุณทำอะไรน่ะ”
เด็กสาวร่างบางร้องอย่างตกใจ พลางกระตุกบังเหียนชะลอให้เจ้าหมอกชะงักตัวลง ก่อนจะพยายามเบนหน้าม้าไปยังทิศทางที่อีกฝ่ายโยนโทรศัพท์ของเธอทิ้งไป แต่นายคำไม่อนุญาตให้เธอทำเช่นนั้น ในมือของชายฉกรรจ์หน้าซูบปรากฏมีมีดสปาร์ต้าด้ามยาวคมกริบด้ามหนึ่ง ใบหน้าซูบเกรียมนั้นไม่พูดอะไรสักคำเป็นการตอบคำถามอรนุชก็จ้วงมีดในมือลง เข้าไปสะโพกด้านหลังของเจ้าหมอกอย่างถนัดถี่..
ฮีย..เสียงเจ้าโธโรเบลดดำปลอดนั้นร้องคำรามลั่นอย่างเจ็บปวด ม้าตัวพ่วงพีนั้นแผดเสียงดังก้องพร้อมๆ กับยกขาหน้าขึ้นสูง จนอรนุชที่บังคับอยู่ด้านหลังต้องยึดบังเหียน และหนีบเข่าแน่นไปกับอาน ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความแตกตื่นตกใจในการกระทำของอีกฝ่าย เจ้าหมอกกระแทกเท้าลงกับพื้นอย่างเจ็บ ปวด ก่อนที่ความแสบซึ่งบังเกิดขึ้นแผ่ลามไปทั่วร่างกายจะกระตุ้นให้ตัวของมัน วิ่งเตลิดออกไปเบื้องหน้าอย่างไร้ทิศทางด้วยความเร็วสูงราวกับจะเหินบิน
อรนุชที่อยู่บนหลังม้า กระตุกบังเหียนอย่างไรก็ไม่มีปัญญาควบคุมอาการคุ้มคลั่งของเจ้าหมอกได้อีก ต่อไปแล้ว ขาที่หนีบกระตุ้นสัญญาณบอกให้เจ้าหมอกชะลอฝีเท้านั้นไม่มีการตอบรับ เด็กสาวกัดฟันแน่น โน้มร่างบางของตัวเองลงไปกับแผงคอของเจ้าหมอก โอบรัดไปที่ลำคอของแข็งแรง พยายามส่งเสียงปลอบไปที่ข้างหูที่ลุกชันของมัน พร้อมๆ กับลูบไปที่คออย่างนุ่มนวล ซึ่งม้าเตลิดหลายตัวที่เธอเคยขึ้นหลังในอดีตนั้น เด็กสาวก็ใช้วิธีนี้มาแล้วอย่างได้ผล
เจ้าหมอกที่กำลังคลั่งด้วยความเจ็บ ได้รับการปลอบประโลมจากเจ้านายตัวน้อยที่ด้านหลังทำให้มันค่อยๆ หายจากอาการตื่นทีละน้อย อรนุชยิ้มออกมาได้ กล่าวเสียงหวาน
“อย่างนั้นจ้ะ ดีมาก เจ้าหมอก ดีมาก ช้าลงๆ”
เสียงใสที่ราวกับมนตราที่มีอำนาจวิเศษ เจ้าโธโรเบลดเริ่มมีอาการที่สงบลง จนรับสัญญาณจากสายบังเหียนของเด็กสาวแล้ว