The New World : จอมคนโลกใหม่ 3
The New World : จอมคนโลกใหม่ 3
โดย punyang
ไม่ว่าโลกไหนๆ สิ่งที่น่าเป็นห่วง คงหนีไม่พ้นเรื่องปากท้อง ผมอาศัยอยู่ที่นี่ได้เกือบอาทิตย์กว่าแล้ว และพบว่าเศษเหรียญในโลกปัจจุบัน ช่างมีค่ามากๆ เมื่อมาอยู่ในโลกนี้ เศษเงินไม่กี่สิบบาทสามาถบันดาล บ้านไม้หลังเล็กๆ ตรงหัวมุมถนน เป็นรังรักของผมกับมินตราได้
ผมตัดใจซื้อที่ดินแปลงเล็กๆริมถนนไว้เป็นที่อยู่อาศัย มันไม่ได้ใหญ่โตอะไร ออกจะคับแคบไปด้วยซ้ำแต่ก็ไม่ลำบากอะไรกับการอาศัยอยู่กับทาสสาว 2 คน
ผมเริ่มกลับมาคิดทบทวนอีกครั้ง ผมจะอาศัยอยู่ในโลกนี้ได้อย่างไรถ้าไม่ทำกิน เงินทองที่เหลืออยู่อาจจะใช้ได้ไปอีกสักพัก แต่มันไม่มากพอจะอยู่ตลอดไป ยามนี้ของที่มีติดตัวมาจากโลกโน้นของผม เหลือแค่เศษตัง 3 เหรียญ โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ซึ่งตอนนี้ไม่ได้มีประโยชน์อะไรไปมากกว่าที่ทับกระดาษ ผมปิดมันไว้ตั้งแต่ตอนมาอยู่แรกๆ
สภาพสังคมที่นี่ เป็นดั่งที่ผมว่าไว้ ผู้ชายมีอภิสิทธิ์เหนือผู้หญิงหลายๆอย่าง นอกจากผู้หญิงจะมีหลายระดับแล้ว ผมยังพบว่าผู้ชายยังมีหลายประเภท พวกที่พบได้มากสุด ก็พวกที่ผมเห็นในตลาดเดินกร่างลวนลามหญิงสาวไปวันๆ ไม่ทำมาหากิน อาศัยอภิสิทธิ์ของความเป็นชายดำรงชีพอยู่ในสังคมหญิงสาว กับอีกประเภทที่มีบริวารมากๆ ก็ใช้ผู้หญิงทำไร่ ทำนา และหอบข้าวของขาย หารายได้ให้ตน
ผมพบว่าร้านรวง ขายสินค้าของบ้านนี้ เมืองนี้แทบไม่มีเลย ซึ่งในแต่ละวันมีสินค้าจากคาราวานสินค้าจากต่างแดนเข้ามามากมาย แต่พวกนี้อยู่ไม่นาน ไม่กี่วันก็จะขนผ่านไป ผมเล็งเห็นช่องทางตรงนี้ ผมตัดสินใจใช้เงินก้อนสุดท้ายลงทุนครั้งใหญ่
ผมได้รับความช่วยเหลือจากมินตรา เธอติดต่อกับ สาวใหญ่นางหนึ่งซึ่งเจ้าของคาราวานสินค้าจากดินแดนที่เป็นบ้านเกิดเธอ ซึ่งผ่านมาแวะที่เมืองนี้พอดี
เธอขนสินค้าประเภท หับผ้ามาจากแดนไซเรีย ซึ่งเป็นชื่อบ้านเกิดของมินตรา เพื่อขายให้กับบรรดานายท่านผู้ชายหลายๆแห่ง เพื่อซื้อผ้าให้บรรดาหญิงสาวในความดูแลของตน ผมคิดว่าเหมาะสมมากๆ เพราะเมืองนี้มีผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ และโดยมากผู้หญิงไม่ได้จนทุกคน บางคนเป็นถึงเจ้าของกิจกรรม อย่างคุณป้าร้านอาหารที่ลูกสาวเธอมาอ่อยผมวันนั้น
ผมมอบเหรียญเงินก้อนสุดท้ายให้หล่อน เธอรับไว้และพยายามส่องดูหลายรอบแบบสงสัย ก่อนจะเอ่ยว่า นี่เป็นเงินตราที่แปลกที่สุดที่เธอเคยรับมา สกุลเงินที่นี่เรียกว่า เบล
แต่จะเรียกว่าเงินตราก็ไม่ถนัดนัก เพราะมันเหมือนก้อนกรวดสีดำๆชนิดหนึ่ง ดูๆไปคล้ายเม็ดนิล ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ แต่เหรียญที่ผมให้เธอมันเป็นเหรียญที่เราใช้กันในโลกปัจจุบัน มีการสลักลวดลายรัชกาล สวยงามหยดย้อย นับเป็นอะไรที่ทรงคุณค่ากว่า
เธอพลิกเพิ่งมองมันอยู่หลายตลบ เหมือนไม่มั่นใจ ผมชักหวาดเสียวเหมือนกัน จนเธอเอ่ยขึ้นว่า
แต่ดูน่าจะมีค่าพอดู ผมถอดหายใจอย่างโล่งอก เพราะนั่นเป็นเหรียญเงินเหรียญสุดท้ายแล้วที่ผมนำติดกระเป๋ามา เธอมอบผ้าให้ผมคันรถหนึ่ง
…
ไม่นาน เราเปิดร้านขายผ้าสำหรับทุกคนที่มุมถนนใหญ่ ผลปรากฎคือเราได้เสียงตอบรับที่ดีมากๆ เป็นเรื่องน่าแปลกใจที่ไม่มีใครคาดถึง การทำธุรกิจกับความงามผู้หญิงนี้ ไม่ว่ายุคไหน สมัยไหนก็ไม่เคยตาย
สินค้าผมขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ผ้าหนึ่งคันรถหมดภายในเวลาอันสั้น หญิงสาวชาวบ้าน ยันท่านหญิงหลายนางแวะเวียนมาดูร้านผ้าที่เพิ่งเปิดใหม่ ร้านค้าของผมขยายตัวอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ผมยังคัดเลือกสินค้าอีกหลายรายการ กระจก เครื่องประดับ สมุนไพรบำรุง จากพวกคาราวานอีกหลากหลาย กลายเป็นว่าคาราวานพวกนี้กลับยินดียิ่งที่ไม่ได้ขนของเทียวไปเทียวมาให้เสียเวลา พวกเขามุ่งตรงมาพักสินค้าไว้ที่ร้านผม เพื่อกระจายต่อได้ทันที ซึ่งผมรับซื้อไว้ทั้งหมด
ผมสนุกกับการค้าขายครั้งนี้มากๆ ผมกลายเป็นเศรษฐีภายในพริบตา ซึ่งการตั้งตัวครั้งนี้จะสำเร็จไม่ได้เลย ถ้าไม่มีมินตรา ผมพบว่าเธอเป็นคนหัวไวมากๆ ผมสอนเรื่องการจัดสต็อก การบัญชี การคำนวณต่างๆให้เธอ ซึ่งเธอสามารถจดจำและทำได้อย่างแม่นยำ
เธอดูมีชีวิตชีวา ขึ้นมาก เธอเป็นคนเก่งเอาเรื่องเลยครับ ผมสบายไปหลายอย่างเลย
กลางวันเป็นผู้ช่วยที่แข็งขัน กลางคืนก็เป็นทาสสาวบำเรอความสุขให้ผมไม่ขาด ตอนนี้ผมขาดเธอไปไม่ได้แล้วจริงๆครับ
…
อย่างที่ผมบอก หญิงสาวที่มาซื้อสินค้าจากร้านผมมีหลากหลายมาก เช้าวันนี้เธอเป็นหนึ่งในนั้น
หญิงสาว ใบหน้าเศร้าหมอง คนนั้น ที่ผมเจอเธออยู่กับตาแก่บ้ากามที่จับก้นมินตราหน้าโรงประมูลทาส
เธอมาพร้อมกับ ทาสสาวรับใช้อีก 2 ราย คอยเดิมตามพร้อมกับเรียกเธอว่า นายหญิง ผมเดาว่าเธอคงเป็น หญิงสาวของตาแก่นั้น
มองดูใกล้ๆ แบบนี้ ว่าเดาว่าเธอน่าจะอายุสักประมาณ 20 ปลายๆ ใบหน้าเนียนใส แต่ดูสุขุม นัยต์ตาเศร้าหมองเหมือนมีเรื่องกังวลใจอยู่ตลอดเวลา
เธอมองผมแวบหนึ่งก่อนจะเอ่ยถามหาสินค้าอยู่ 2-3 อย่าง เธอซื้อชุดไปชุดหนึ่ง ซึ่งผมก็เอ่ยทักว่า เธอไม่น่าจะใส่ชุดนี้ได้นะ เพราะคะเนจากสายตาแล้ว เธอคนนี้ทรวดทรงอกเอว ไม่ได้ด้อยไปกว่ามินตราเลยด้วยซ้ำ สัดส่วนที่โค้งเว้าได้รูป หน้าอกอวบอูมเป็นเต้าสวย ผมเธอดำขลับถึงกลางหลัง ลำคอขาวระหง ใบหน้าเศร้าสร้อยอมทุกข์ของเธอบางครั้งก็ช่างดูทรงเสน่ห์
ผมสบตาเธอเข้าอย่างจัง เธอหลบสายตาอย่างเอียงอาย เธอเอ่ยน้ำเสียงใสๆ ขึ้นว่า เราไม่ได้ซื้อไปใส่เองหรอก
พอดีเราจะซื้อให้น้องสาวเรา น่ะ เธอเอ่ยตอบ
ผมรู้สึกหน้าแตกพอดู เพราะนอกจะเสียมารยาทมองเธอแบบลวนลามแล้ว ยังปากเปาะเสร่อท้วงติงอย่างไม่เหมาะสม เธอจ่ายเงินให้ผมก่อนจะเดินจากไป
ผมมองหันเธออย่างเวทนา เธอยังดูอ่อนโยน ไม่น่าตกเป็นของตาแก่สุดทรามนั่นเลย
เธอซื้อผ้าไปสองสามชิ้น ก่อนจะเดินผละจากออกไป ผมก็ยังไม่เข้าใจตัวเองทำไมถึงสะดุดตากับเธอคนนี้เหลือเกิน
เราคุยกันไม่กี่ประโยค แต่ผมกลับรู้สึก ตราตรึงกับความนุ่มลึก ยากหยั่งถึงของเธอเสียเหลือเกิน
….
กิจการของผมไปได้สวยทุกรูปแบบ ผมเริ่มคิดหาคนมาช่วยมินตราไว้สักคน ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมากครับ ผู้คนที่นี่ กลับไม่รู้จักการจ้างงาน มีแต่ชนิดที่เรียกว่าซื้อเป็นทาสมาเสียเลย เย็นวันหนึ่ง ผมปล่อยมินตราเฝ้าร้านครับและบอกว่าจะออกไปหาคนงานมาช่วยเธอ
เธอค้อนแบบขุ่นเคืองก่อนจะพูดออกแบบประชดประชันว่า มาช่วยงานมินตราแค่นั้นจริงๆนะคะ
พักหลังๆ เธอเริ่มมีชีวิต ชีวาขึ้นมาก เธอเริ่มไม่เกรงกลัวผมเหมือนเก่า มีหยอกเย้า ประชดประชัน เง่างอนผมบ้างเป็นครั้งคราวพอมีสีสัน ซึ่งผมชอบเธอแบบนี้มากกว่าการเป็นทาสสาวที่เอาแต่คุกเข่าก้นเหน้าเพียงอย่างเดียว ผมมักชอบลงโทษกับความงี่เง่าของหญิงสาวด้วยการจับมาหอมแก้ม ไซร้คอเป็นประจำ มินตราเริ่มจะเคยชินกับความหื่นกามของเจ้านายคนนี้เสียแล้ว เธอไม่ค่อยขัดเขินเอียงคอรับกับซุกไซร้ของผมอย่างว่าง่าย
ผมจูบลาเธออย่างอ่อนโยน บอกให้เธอเก็บร้านดีๆ ก่อนจะผละจากออกมา
….
จุดหมายอยู่ที่โรงประมูลทาสนั้นแหละครับ แต่ ณ เวลานั้น ไม่รู้อะไรดลใจ ผมตัดสินใจแวะพักหาอะไรดื่มใกล้ๆ กับโรงทาส ซึ่งเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่ผมไม่ได้เดินเคียงคู่มากับทาสสาว ในใจผมเริ่มคิดอะไรวิปริต ออกมา ผมนึกย้อนไปถึงช่วงที่มาแรกๆ ผมมักจะตื่นตกใจที่เห็น ผู้ชายในโลกนี้จับผู้หญิงสาวกระเด้าโชว์กลางร้างตลาด แต่ไปๆมาๆ ผมกลับรู้สึกภาพเหล่านี้เป็นภาพชินตา กลับกลายเป็นความตื่นเต้นที่อยากจะลองสักครั้ง
สายตาผมลองสอดส่องมองไปรอบๆ
แต่ดวงเจ้ากรรมเจ้าเอ่ย ผมเพิ่งมานึกๆดูอีกที จริงๆแล้ว ยามปกติที่มากับมินตรา ผมเพิ่งนึกได้ว่าจริงๆแล้ว จะหาผู้หญิงที่งดงามอย่างมินตรา มันช่างหายากยิ่ง มองๆไปแล้วจะเอาก็เสียเวลาครับ ผู้หญิงทั่วไปตามตลาดมันไม่ได้มีความสดใสน่ารักเทียบได้กับครึ่งนึงของมินตราด้วยซ้ำ ผมได้แต่ถอดถอนใจ
ความคิดชั่วร้ายเพิ่งจะกระจายออกไปแท้ๆ จู่ๆ ผมก็บังเอิญผ่านมาที่ร้านอาหารที่มินตราพามาครั้งนั้นเข้า ภาพของเด็กสาวผิวขาวกับสัมผัส ร่องหีอวบอูมแว่บเข้ามาในหัวทันที วันนั้นถ้ามินตราไม่ได้มาขัดจังหวะเสียก่อน ผมน่าจะได้อึ๊บเด็กสาวคนนั้นอยู่แล้ว
แม้จะเป็นเรื่องเสี่ยงคุกสำหรับโลกที่เราจากมา แต่กลับเป็นเรื่องที่ชอบธรรมกับโลกแห่งนี้ คิดถึงสัมผัสร่องหีตีบตันของเด็กสาวเท่านั้นแหละ ท่อนเอ็นผมลุกซู่ซ่าไปหมดแล้วครับ ผมก้าวเข้าร้านนั้นไปอย่างไว
…
อื้ออ อื้อออ นายท่าน อื้ออ เบาๆ หนูเจ็บไปหมดแล้ว อื้ออ เสียงร้อนกระสัน เรียกสายตาผู้คนเข้าร้านให้หันไปมองอย่างไว
ผมถึงกับใจสลายไปในพริบตา ภาพเด็กสาวผู้น่ากระทำชำเราคนนั้น กำลังโดน ชายกลางคนๆหนึ่ง ผมเผ้ารุงรัง กระเด้าหีอย่างร้อนแรง
อูยยย ฟิตจริงๆเว้ย กูเจ็บควยไปหมดแล้ว ชายกลางคนกระเด้าเด็กสาวไป ซดเหล้าไป
ผมก็มัวแต่แอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าเธออาจจะชอบผม แต่เปล่าเลยครับ ผมเริ่มกลับมานึกขึ้นได้ ว่าจริงๆแล้วน้องเขาคงยอมให้กับใครก็ได้ ซะมากกว่า เด็กสาวคนนั้นเหมือนจะจำผมได้ เธอมองผมแล้วยิ้มให้คราหนึ่ง ก่อนจะโดนแรงกระแดกจากด้านหลัง ซัดเธอจนหัวสั่นหัวคอน
ผมโคตรสุดเซ็งในอารมณ์ สั่งเหล้าขวดใหญ่ มาขวดหนึ่งนั่งถอดถอนใจ กะว่าจะดื่มเหล้าย้อมใจสักขวดก่อนจะไปธุระให้ผมจบๆไป
ขอแบบนี้หนึ่งแก้ว เสียงสั้นๆห้วนๆ เหมือนจะพยายามดัดเสียงให้ใหญ่ ดังขึ้นข้างผม
บุคคลท่าทางน่าสงสัย ใช้ขวดเหล้าของผมเป็นแบบอย่าง สั่งเหล้าด้วยท่าทางเก้งกังๆ แถมยังดัดเสียงตนในดูใหญ่ผิดสังเกต เขาใส่ผ้าคลุมตัวใหญ่ปกปิดร่างกายไว้แทบทุกสัดส่วนนั่งก้มหน้าก้มตาไม่มองใคร
ผมหันไปมองอย่างอดสงสัยไม่ได้ ผมคิดว่าผู้คนมัวแค่สนใจหนังสดกลางร้านจนไม่มีใครสังเกตมองคนๆนี้แบบผม
น้องชาย คงจะกลุ้มใจอะไรมาสินะถึงได้ สั่งเหล้าขวดใหญ่แบบนี้ ผมเอ่ยทักเขา
ผมเดาว่าเขาเป็นชายเพราะเสื้อผ้าแบบนี้มีเพียงบุรุษเท่านั้นที่สวมใส่
เขาคนนั้นสะดุ้งเฮือกไม่พูดจากับผม เขาหยิบเหล้าขวดใหญ่ แล้วเดินหนีผมไปนั่งหลบอยู่ที่มุมอับของร้านทันที
ผมสังเกตข้อเท้าที่แวบผ่านออกมาจังหวะที่เขาก้าวเดิน ข้อเท้าของเขาช่างเรียวเล็ก และขาวผิดปกติ ร่างกายดูบอบบางและต่ำเตี้ยจนน่าสงสัย เขาสูงน่าจะไม่เกิน 155 ด้วยซ้ำ ซึ่งผิดวิสัยมากของชายหนุ่มในโลกนี้ที่ผมพาลพบ
เขายกเหล้าขึ้นซดพรวดเดียว ก่อนที่ในเวลาต่อมา จะสำลักไม่หยุด ผมจำภาพนี้ได้ทันที เพราะเป็นอาการเดียวกับมินตรา ตอนที่ผมส่งเหล้าให้เธอกินครั้งแรก
ความรู้สึกแรก แวบเข้ามาในหัวทันที ว่าเธอไม่ใช่ชายหนุ่มอย่างที่ผมเข้าใจครั้งแรกซะแล้ว
ผมไม่รีรอกับความสงสัย ผมตัดสินใจหยิบเหล้าของคนเอง สาวเท้าก้าวเข้าไปที่โต๊ะของเธอ และนั่งลงตรงข้ามเธออย่างถือวิสาสะ
เธอสะดุ้งเฮือกใหญ่ ก้มหน้าไม่มองตาผม มีเพียงข้อมือเรียวเล็กที่อวบขวดเหล้าไว้เท่านั้นที่โผล่ลอดออกมา ผมสังเกตข้อมือเรียวสวยของเธอ และคาดเดาได้ทันทีว่าเธอน่าจะหญิงสาว แรกรุ่น
ผมเอ่ยทักใหม่อีกครั้ง สาวน้อยมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า ถึงได้ออกมานั่งดื่มเหล้าคนเดียวแบบนี้ ทันทีที่ผมทักเธอแบบนี้ เธอดูจะรุกลี้รุกรนเอามากๆ เหมือนเธอพะอืดพะอมทำตัวไม่ถูก
ก่อนจะเอ่ยขึ้นแบบกล้าๆกลัวๆ ว่า นายท่านดูออกได้อย่างไร
ผมหัวเราะอย่างได้ใจ ก่อนจะเอ่ยว่า ใครจะดูไม่ออก บุรุษที่ไหนจะตัวเล็กบอบบางขนาดนี้ ผมคลายคำถามให้เธอ
เธอก้มหน้า อย่างผิดหวัง ก่อนจะเอ่ยแบบทอดถอนใจ นายท่านรู้แล้วนิว่าเราเป็นหญิง นายท่านจะทำอะไรเราก็ทำเถอะ
ผมถึงกับตกตะลึงถึงคำตอบของเธอ จะบ้าหรอเราแค่ทักทายเจ้าเฉยๆ ทำไมถึงคิดว่าเราจะทำอะไรเจ้าล่ะ ผมเริ่มเอ่ยแก้เขิน
คำตอบของผม ทำเอาเธอตระหนกตกใจไม่น้อย เธอเงยหน้ามองผมเป็นครั้งแรก ใบหน้าใต้ผ้าคลุมปรากฎขึ้นต่อสายตาผม
ผมถึงกับเบิกตาโต หัวใจลิงโลดเหมือนเจอสมบัติ ใบหน้าหวานใสของสาววัยแรกแย้ม ริมฝีปากเจ่อแดง จมูกเรียวสวย ดวงตากลมโตสุกสกราวผ่องใส ตั้งแต่ผมมาที่นี่ เธอเป็นเด็กสาวคนแรกที่ดูน่ารักน่าชังขนาดนี้ เธอคงจะสังเกตเห็นถึงดวงตาทอประกายของผม เธอซุกงำประกายก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว
ผมอยากจะกลับคำมันซะเด่วนั้น เธอน่ารักเหมือนเด็กญี่ปุ่นไม่มีผิด เด็กอะไรน่ารักชะมัด ผมพยายามเก็บความอยากไว้ในใจ พยายามควบคุมตัวเองให้ดู ต่างออกไปที่สุด
น้องสาว งดงามขนาดนี้ ออกมาเดินคนเดียวแบบนี้ไม่กลัวอันตรายหรอ ผมถาม
นายท่านเห็นเรากลัว ไหมล่ะ เวลาอยู่ต่อหน้าท่าน เธอเอ่ยตอบ
ผมรู้สึกเจ็บจี๊ดทันทีกับคำตอบของหล่อน เหมือนเธอจะสัมผัสได้เหมือนกันว่า ผมเนี่ยแหละตัวอันตราย
บรรยากาศเริ่มปกคลุมด้วยความเงียบ ก่อนที่จู่ๆ ข้างนอกก็เริ่มมีเสียเอ๊ะอะโวยวายขึ้นยกใหญ่ ผมเริ่มชะโงกมองภายนอกว่าเกิดอะไรขึ้น
เด็กสาวดูจะตื่นตกใจสุด เพราะจู่ๆเธอก็ปลี่ลุกขึ้นมาดึงข้อแขนผม ก่อนจะเอ่ยว่า มาเถอะ พาเราไปบ้านนายท่าน
ฮะ !! ผมทั้งสับสน ทั้งงงงวย เมื่อครู่ยังดูเก็บเนื้อเก็บตัว จู่ๆมาตอนนี้จะให้ผมพาไปบ้าน เธอเร่งเร้าผมอย่างรวดเร็ว ผมก็จำใจต้องอ่อนตัวทำตาม
เธอพาผมออกทางหลังร้าน ซึ่งผมแปลกใจมาก เธอดูรนราน เหมือนกำลังหนีอะไรสักอย่าง แต่ผมพาเธอกลับบ้านไม่ได้หรอกครับ ตอนนี้ พาไปมีหวังมินตราได้ งอนผมยกใหญ่ ให้ออกมาหาคนช่วยงานเธอ กลับได้เด็กสาวโฉมงามราวกับนางฟ้ากลับไป
ผมตัดสินใจพาเธอมาที่โรงเตี๊ยมที่เคยอาศัยอยู่กับมินตรา ผมบอกเถ้าแก่เปิดห้องเดิมให้กับเรา
…
ภายในห้องเงียบสงัด ผมไม่รู้จะเริ่มต้นถามคำถามใดๆกับเธอ ในขณะที่ภายนอกมีเสียงผู้คนพลุกพร่าน ผมตัดสินใจ ผละออกมาจากที่นั้น ผมแจ้งเถ้าแก่ จัดเตรียมอาหารไว้ให้เธอ ก่อนจะผละกลับบ้านมา
มินตรา ดูโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อผมกลับมามือเปล่า ผมไม่ได้เล่าเรื่องของเด็กสาวคนนั้นให้เธอฟัง ผมทำทุกอย่างเหมือนเป็นปกติ ผิดปกติก็แต่ในเมือง เริ่มมีบ่าวรับใช้แก่ๆ เที่ยวถามคนนั้นคนนี้ตามบ้าน และมีรูปวาด 1 แผ่น เป็นรูปพรรณสัญฐาน ผมแอบเหลือบไปเห็นในจังหวะที่ เขามาถามมินตราถึงหน้าร้านผม
ภาพมันดูยากพอควร แต่ผมพอจะจำดวงตาที่ช่างภาพสื่อออกมาได้ มันช่างคุ้นเคยเหมือนกับเด็กที่ผมเจอนั่นเหลือเกิน
…
รุ่งเช้าผม รีบปรี่ไปที่โรงเตี๊ยมแต่เช้าตรู่ ผมเปิดประตูเข้าไปในห้อง ผมถึงกับต้องผงะอีกครั้ง
ภาพเด็กสาว ผิวขาวเนียนละเอียด รูปร่างอรชรอ่อนช้อย กำลังจะสวมใส่เสื้อนอกของบุรุษเพศที่เธอสวมใส่อยู่เมื่อวาน เธอตกใจและกรีดร้องแทบลั่น ผมก็ตกใจไม่แพ้กัน จนต้องรีบแง้มประตูปิดลง
ฉิบหายแล้ว แทนที่จะเริ่มพูดคุยกัน เธอไม่โกรธผมยกใหญ่หรือนี่ โผล่เข้าไปเห็น เรือนร่างเธอเต็มๆแบบนี้ ผิวพรรณเธอเช่นนวลเนียน สะโพกเริ่มผาย บ่งบอกถึงความเป็นสาวแรกแย้ม หน้าอกที่เพิ่งเริ่มตั้งพานนมอ่อนๆ ผมอยากสบถยกใหญ่ ผมนี่แม่งเข้าไม่ถูกจังหวะจริงๆ
ผมทิ้งเวลาพักใหญ่ ถึงได้กลับเข้าไปหาเธออีกครั้ง เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิมที่ผมคุ้นเธอ เธอทำใบหน้าบึ่งตึง แต่ก็ไม่อาจบดบังรัศมีความงดงามของรูปโฉมได้เลยสักนิด ผมเพิ่งเห็นหน้าเธอชัดๆ เธอใบหน้าคมคาย คิวเข้มแต่เรียวเป็นเส้นสวย ริมฝีปากสีแดงสดใส จมูกเรียวสวยได้รูป เธอเริ่มขุ่นเคืองผมอีกแล้วที่มองเธอตาไม่กระพริบ
นายท่าน จะมองบ่าวไปถึงไหนคะ เธอเอ่ยเชิงประชด
ทำเอาผมสะดุ้งตื่นจากภวังค์
เธอชื่ออะไร ผมเอ่ยถาม
โมอา เธอตอบสั้นๆ
ดูไปดูมา ก็ออกแนว แก่นแก้ว เหมือนม้าดีดกะโหลกดีแท้ ผิดกับ มินตราที่ อ่อนหวาน นุ่มนวล คือต่างกันลิบลับ ผมเริ่มรับมือไม่ถูก
เธอจะไปไหน แล้วทำไมถึงต้องแต่งตัวแบบนี้ ผมเริ่มเอ่ยถาม
เราจะออกจากเมืองนี้ ถ้านายท่านปล่อยเราไป เราจะลืมบุญคุณครั้งนี้เลย เธอเอ่ยอย่างจิงจัง
เธอจะไปที่ไหนล่ะ ผมเริ่มสนใจ
เธอมีสีหน้าอ้ำอึ้งไม่ตอบคำ ผมเดาว่าเธอก็ยังไม่รู้หรอกครับว่าจะไปที่ไหน เธอคงมีเรื่องอะไรสักอย่างที่อยากจะไปจากที่นี่
….
ตึง ตึง ตึง เสียงฝีเท้าคนมากมาย ดังขึ้นสนั่น
โมนา เธอเหมือนจะไหวตัวได้ก่อน เธอปรี่ไปที่หน้าต่าง ละปีนออกไปอย่างรวดเร็ว
เห้ยยย จะไปไหน ผมร้องห้ามเอาไว้
แต่เธอไม่หันมามองหน้าผมด้วยซ้ำครับ เห็นตัวเล็กๆบอบบางแบบนี้ แต่เธอกลับปีนป่ายได้คล่องแคล่วราวกับเด็กชายรุ่น
พริบตาเดียวเธอก็ลงถึงพื้น และหนีหายไปในตรอกซอกซอยอย่างว่องไว
ไม่นานนัก ก็มีเหล่าคนใช้สาวที่ดูหยาบกร้าน บุกรุกเข้ามาในห้องที่ผมเช่าไว้
สาวใหญ่ที่ดูเป็นหัวหน้า เอ่ยถามผมถึงบุคคลอื่นในห้องนี้ ผมแกล้งมึนบอกไม่รู้เรื่อง ผมทำเป็นหัวเสียอย่างรุนแรง พวกหล่อนค้นห้องอยู่พักใหญ่ โดยมีเถ้าแก่ ท่าทางเจ้าเล่ห์คนนั้นยืนอยู่ห่างๆ
เพราะเสียงกรีดร้องของเธอเมื่อครู่แน่เลย คงมีคนแอบแจ้งว่ามีคนน่าสงสัยอยู่แถวนี้ ตาเถ้าแก่โรงเตี๊ยมนี้ไว้ใจไม่ได้เลย
…
ผมเริ่มหาข่าวจากหญิงสาวชาวบ้านรายหนึ่งแถวนั้น จึงได้ความว่า มีเด็กสาวคนหนึ่งหนีพิธีมอบตัวกับนายท่าน ของบ้านใหญ่ เขาเลยตามจับตัวกันให้ควัก เธอยังทิ้งท้ายอีกว่านี่ถ้าหาตัวไม่เจอ พี่สาวเธอเดือดร้อนแน่ๆ
ผมก็เข้าใจว่าการมี sex น่าจะเป็นความปรารถนา ของผู้หญิงส่วนใหญ่ในโลกนี้ที่ต้องการยกระดับทางสังคม อาจจะยกเว้นก็เฉพาะแต่ โมนา ซึ่งผมก็เพิ่งทราบเพิ่มเติมว่า นายท่าน คนนั้น เป็นชายแก่โสมม รูปร่างน่าเกลียด แถมยังชอบทารุณทาสสาว ก็ไม่แปลกหรอกครับที่เธอหนี
แต่ผมมาสะดุดอีกคำหนึ่งที่เธอว่า สงสารแต่พี่สาวเธอ ป่านนี้คงโดนซ้อมไปไม่รู้เท่าไหร่แล้ว
ผมฟังแล้วก็สะดุดใจนิดๆ ได้แต่คิดถึงหญิงสาวนัยน์ตาเศร้าหมองคนนั้น ได้แต่คิดว่าขอให้เรื่องนี้อย่างเกี่ยวกับเธอเลย
…
ผมคลาดกับ โมนา ไปได้ประมาณ 2 วัน จู่วันหนึ่ง ผมก็พบเจอหญิงสาวคนหนึ่งเดินโซเซมาตามตรอกซอย เส้นผ้าเธอเปอะเปื้อนคราบโคลนตมจนดูไม่ได้ ผมเผ้ารุงรัง กลิ่นสาปโคลนตมฟุ้งกระจายจนไม่มีใครอยากเข้าใกล้
คงมีแค่ผมคนเดียวนั่นแหละ ที่เพ่งมองเธออย่างเวทนา เธอเดินเข้ามาถึงบริเวณหน้าร้าน ผมเพิ่งสังเกตเห็นปิ่นปักผมลายหยกที่มวยผมอันหลุดลุ่ยของเธอ นับว่าแปลกมาก ที่สภาพแบบนี้จะมีของมีค่าแบบนี้ปักเป็นปิ่นผม
ผมเพ่งพิจารณาเธอดูอีกที นอกจากโคลนตมที่เปอะเปื้อนแล้ว ผมพบว่าเธอมีผิวที่ค่อนข้างขาวผิดวิสัย รูปเท้าดูไม่หยาบกร้านเหมือนคนเร่ร่อนธรรมดา เธอเดินอย่างหมดเรี่ยวแรงก่อนที่จู่ ๆ จะล้มตัวลงที่หน้าร้านผมพอดิบพอดี
ในสภาพที่ผู้คนเดินผ่านไปมาอย่างไม่เหลียวแล ผมมองเธออย่างหดหู่
ผมเพิ่งเห็นเธอใกล้ๆ ทันใดนั้น ผมต้องเบิกตาโตยกใหญ่ เห้ย นี่มันหญิงสาวที่เพิ่งมาซื้อผ้าจากผมเมื่ออาทิตย์ก่อนนิ
ใช่แล้วครับ เธอคือนายหญิงในขบวน ซึ่งก็คือคนเดียวกันกับที่ซื้อผ้าแล้วบอกจะไปให้น้องสาวนั่นแหละ ผมรู้สึกโคตรเป็นฝันร้ายที่เรื่องมันกลายเป็นอย่างที่ผมคิดจริงๆ
ผมประคองร่างไม่ได้สติของเธอเข้ามาในบ้าน
มินตราแปลกใจไม่ใช่น้อย ที่เห็นผมนำคนเร่ร่อนเข้ามาแบบนี้ ผมบอกเธอว่านี่คือคนที่อยู่กับตาแก่ที่จับก้นมินตราวันนั้นไง เธอเริ่มนึกได้ขึ้นมาทันที
ผมหาข้าวหาน้ำให้เธอทาน เธอกินอย่างมูมมามมากๆ ไม่เหลือเค้าของหญิงสาวผู้ทรงสง่าคนนั้นอีกแล้ว ผมกับมินตรามองหน้ากันด้วยความสงสาร เราไม่ถามเรื่องของเธอกันสักคำ
มินตราจัดแจง น้ำท่าให้เธออาบ เธอโบกไม้โบกมือเป็นเชิงปฎิเสธครับ เธอบอกว่า แค่นี้ก็เกรงใจนายท่านมากพอแล้ว ไม่กล้าอาบน้ำในห้องของนายท่านหรอก
เธอเหมือนมินตราช่วงแรกๆไม่มีผิดเลยครับ แต่ผมไม่ต้องเปลืองแรงเหมือนกับในเคสของมินตรา บ่าวสาวคุยเสร็จสรรพเรียบร้อย เธอบอกว่าอย่างเกรงใจเลย นายท่านของมินตรามีเมตตามากๆ มินตรากล่อมอยู่นานครับ จนเธอยอมอาบน้ำ
…
ฟ้าหลังฝนมันงดงามเสมอจริงๆ หลังจากขัดสีฉวีวรรณ เสร็จเท่านั้นแหละ หญิงสาวใบหน้าเศร้าหมองคนนั้นก็ดูเปร่งประกายอีกครั้ง
หากมินตราเป็นความงามที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา เธอก็เป็นดั่งความงามที่น่าค้นหาและลุ่มลึก นัยต์ตาเธอดูเศร้าสร้อยตลอดเวลา เหมือนมีเรื่องให้ผมค้นหาไม่จบสิ้น รูปร่างอ้อนช้อย ทรวดทรงอกเอว พอฟัดพอเหวี่ยงกับมินตราได้เลย แต่เธอดูเป็นผู้ใหญ่กว่ามาก เหมือนคนผ่านโลกมาแล้วเป็นสิบๆปี
เธอก้มกราบผมครั้งแล้วครั้งเล่าไม่จบสิ้น เธอขอบคุณผมแทบเท้า ผมพยายามพยุงเธอขึ้น
มินตราบอกว่า เธอชื่อ พี่มีอา ค่ะ
เผลอกันไปแปปเดียว เรียกเป็นพี่เป็นน้องกันแล้วครับ ผมละไม่เข้าใจผู้หญิงเลย มินตราดูโอเคกับมีอามากๆ เธอเหมือนคนที่ผ่านอะไรมาใกล้เคียงกัน เลยดูเข้าอกเข้าใจกันเป็นพิเศษเห็นแบบนี้ผมก็สบายใจครับ
ตลอดระยะเวลาเกือบสัปดาห์ เธอยังไม่เอ่ยเล่าอะไรให้ใครฟัง จนถึงเช้าวันนี้ ผมเพ่งได้รับฟังความรันทดจากเธอ
เธอบอกว่า เธอถูกขายแลกเงินเมื่ออายุเพียงแค่ 18 ปี นายท่านข่มขืนเธอต่างๆนานา ตั้งแต่เธอยังเยาว์ จนเธอตั้งท้อง ก็ยังถูกข่มขืนซ้ำๆ จนแท้งลูกคนแรก แต่ด้วยความที่สวยโดดเด่นกว่าใครๆ นายท่านเลยยังไม่เขี่ยทิ้ง เธอเป็นทาสกามให้ตาแก่นั่นมาหลายปี จนเมื่อเร็วนี้ๆ ทางบ้านเธอบอกกับเธอว่าจะขายน้องสาวเธอให้นายท่านอีกคน แต่น้องสาวเธอหนีไปเสียก่อน นายท่านโกรธมากเลยสั่งทุบตีเธอ ให้เธอไปนอนในคอกวัว และไล่เธออกมาจากบ้านใหญ่
ผมฟังตรงนี้แล้วหดหู่มาก เธอร้องไห้ไม่หยุด จนมินตราต้องเข้าปลอบ ผมไม่เล่าเรื่องน้องสาวเธอที่ผมเจอให้ฟัง จริงๆผมไม่เคยเล่าให้ใครฟังด้วยซ้ำ ป่านนี้ไม่รู้เธอคนนั้นจะหนีไปอยู่ที่ไหนแล้ว
…
มีอา อายุมากกว่ามินตราประมาณ 4-5 ปี มินตรา 22 เพิ่งเป็นสาวแรกรุ่น แต่มีอา เธออายุ 27 ได้แล้ว จริงๆเลยเธอแก่กว่าผมด้วยซ้ำไป แต่นับว่ายังอยู่ในวัยสาว ใบหน้าเธอยังดูอ่อนเยาว์อยู่มาก
ในขณะที่ มินตราซุกซน ขี้อ้อน มีอาเธอกลับดูสุขุมกว่า ดูเรียบร้อยไม่ต่างจากผ้าพับไว้ งานหลายๆอย่างที่มินตราเคยบกพร่อง กลับได้มีอาเข้ามาเติมเต็มได้อย่างดี
มินตราขอร้องให้ผมรับ มีอา เข้ามาเป็นบ่าวรับใช้อีกคนในบ้าน เธอเรียกมีอา ว่าพี่สาวครับ ซึ่งจริงๆผมก็กะแบบนั้นอยู่แล้ว แต่ผมก็แกล้งทำเป็นไม่สบอารมณ์แสดงละครเล่นๆไปก่อน ให้มินตราอ้อน ขอร้อง
เธอถามกับผมว่า ทำไมละคะ นายท่าน ปกติก็มีบ่าวรับใช้หลายๆคน ทำไมนายท่านของมินตราถึงจะรับพี่มีอาไว้อีกคนไม่ได้
ผมละไม่เข้าใจเธอเลยจริงๆ ตอนนั้นยังหึงหวงผมไม่อยากให้มี ทาสสาวคนอื่นอีก แต่ไปๆมาๆ คะยั้นคะยอให้ผมรับเธอคนนี้ไว้ให้ได้
ผมเลยหยอดคำหวานไปว่า ถ้ามีบ่าวคนอื่น ผมก็รังแกมินตราแบบเดิมที่ทำทุกที่ทุกเวลาไม่ได้แล้วสิ
เธอเขินอายยกใหญ่ เห็นแล้วมันน่านัก มินตราหลบสายตาแบบเขินอายและบอกว่า ไม่เห็นเกี่ยวกันนิค่ะ มินตราก็เป็นของนายท่านอยู่แล้ว นายท่านจะทำอะไรกับมินตราเหมือนเดิมได้ตลอดเวลาอยู่แล้วนิ
ฟังก็เงี่ยนแล้วครับ และตั้งแต่ มีอา เข้ามานี่ มินตราดูแลไม่ห่าง จนเราแทบไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันเลย คือเงี่ยนมาแล้ววันแล้วครับ
วันนั้นผมเลยสั่ง มินตราว่า คืนนี้ให้มานอนปรนนิบัติผมนะ ซึ่งคำว่าปรนนิบัตินี่ ในโลกนี้รู้กันครับ คือมาให้ผมกระเด้าหีนั่นเอง
…
บ้านที่ผมซื้ออยู่มัน ไม่ได้ใหญ่โตอะไรครับ พอมีหน้าร้าน ห้องอาบน้ำ และห้องนอนอีกเพียง 1 ห้อง ปกติอยู่กับมินตรา 2 คน ก็ลงตัวดี หลังจากมีอา มาอยู่ด้วยอาจจะดูคับแคบไปเล็กน้อย ห้องนอน 3 คนเราก็ใช้ร่วมกัน คือมินตรากับมีอา นอนข้างล่าง ผมนอนบนเตียง แต่คืนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปสักเล็กน้อย
มินตราเก้ๆกังๆไม่กล้าบอกพี่สาว ให้วันนี้ นอนข้างนอกห้องไปก่อน จนผมต้องเอ่ยปากบอกแทน
มีอา เธอผ่านโลกมามากพอที่จะเข้าใจครับ เธอพนักหน้าอย่างว่าง่าย แต่ดูมินตราซะอีกที่ดูไม่สบายใจ ที่ต้องให้พี่สาวนอนตากลมอยู่ภายนอก
เย็นวันนั้นหลังจากเราปิดร้านกันตามปกติ ผมปล่อยให้มีอาเธอเก็บร้านไปคนเดียว ส่วนผมจูงมือมินตรากลับเข้าห้อง เราอาบน้ำด้วยกันในเย็นวันนั้น
..
เห็นสาวเริ่มเคยชินกับผมเสียแล้ว ผมดึงเธอลงที่อ่างน้ำซึ่งทำจากไม้ เพื่ออาบน้ำด้วยกัน เธอไม่มีอาการขัดเขิน หรือกริ่งเกรง เธอเปลื้องอาภรณ์ออก และลงกับผมอย่างว่าง่าย
เธอพยายามจะอ้อมไปด้านหลังผม เพื่อทำความสะอาดร่างกายให้ แต่วันนี้ผมบอกไม่ต้องครับ ผมบอกว่าผมจะอาบน้ำให้เธอแทน
อุ้ยย ไม่ได้นะคะ นายท่านจะมาอาบน้ำให้ มินตราได้ยังไง เธอเอ่ย
ทำไมไม่จะไม่ได้ละครับ ก็เนื้อตัวขาวผุดผ่องซะแบบนี้ ผมเห็นแล้วโคตรรอยากจะลูบไล้ไปทั่วเรือนร่าง เธอขัดขืนผมไม่ได้หรอกครับ ผมอ้อมไปด้านหลังเธอ ให้เรือนร่างเปลือยเปล่าของเธอนั่งลงบนตักผม
เธอเกล้ามวยผม ไว้เหนือศรีษะ เผยซอกคอขาวระหง ให้ผมได้เชยชม
ผมแนบใบหน้ากับต้นคอเธอ และคลอเคลียความนุ่มนวลของผิวกายสาว อยู่ไม่ห่าง
อื้อออ มินตราร้องครางเบาๆ อย่างมีอารมณ์ ผมเคยถามว่าทำไมเธอถึงได้ผิวพรรณผุดผ่องกว่าคนอื่นๆ เธอเล่าว่า เป็นธรรมชาติของ ผิวของสาวชาวไซเรีย คะ ที่จะมีผิวพรรณแบบนี้ พวกเราขึ้นชื่อเรื่องผิวพรรณ มิน่าละครับ พอบอกว่าเธอเป็นสาวไซเรีย ถึงได้มีราคาสูงนัก แบบนี้สาวเมืองนี้คงเป็นสินค้าส่งออกชั้นดี ผมชักอยากแวะไปเยี่ยมเมืองนี้แล้วสิ
ผมคิดอยู่ในใจเพียงลำพัง ขณะที่สองมือ ผมเริ่มนวดคลึงเนินอก อวบอูมเป็นวงกลมเบาๆ
หัวนมของมินตราเริ่มแข็งเป็นไต ขนลุกซู่ซ่า
อื้อออ นายท่าน ไม่เห็นจะอาบน้ำให้มินตราเลย จับหน้าอกมินตราอย่างเดียวเลยอะ เธอท้วงติง
อดใจไหวหรอครับ นมใหญ่เต็มไม้เต็มมือแบบนี้ ผมบีบคลึงเบาๆ เพราะกลัวเธอเจ็บ ผมใช้นิ้วทั้งสองข้างเขี่ยที่หัวนมเธอ
เล่น มินตราตัวอ่อนระทวยไปหมดแล้วครับ ผมจับเธอเอียงคอเพื่อจูบริมฝีปากเธออย่างดูดดื่ม
มินตราดูจะมีความสุขกับโมเม้นท์นี้มาก เธอครางอย่างสบายอารมณ์ ให้ผมล้วงนมล้วงหีเธออย่างไม่ขัดขืน
ผมจับมินตราหันหน้ามาชนกัน และเอาหน้าซุกร่องอกนั้นอย่างจัง
ผมตะกละมูมมามดูดหัวนมเธอเสียงดังจ๊วบๆไม่ขาดปาก เรากำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกันเลยครับ มินตราดูเริ่มมีอารมณ์มาก ร่องเสียวเธอเปียกแฉะเต็มที่แล้ว ผมไม่รอช้าควานหาดุ้นตัวเอง ค่อยๆจ่อที่ร่องสวาทของหญิงสาว มินตราเธอเริ่มชำนาญท่วงท่านี้แล้วครับ ผมพบว่าหญิงสาวชอบที่จะขึ้นขย่มผมแทนเสียมากกว่า
เธอค่อยๆทิ้งกายลงใส่ดุ้นผม ท่อนเอ็นที่อดอยากมาแล้ววันได้มุดหีทาสสาวเป้นครั้งแรกในรอบสัปดาห์
อูยยยยยย โคตรฟิตเลยครับ หีมินตราเอากี่ทีกี่ทีก็แน่นมาก เธอขมิบตอดมันเป็นระยะ เราแนบติดชิดกันชนิดเนื้อแนบเนื้อ เนื้อนมมินตราเบียดเสียดกับแผ่นผมไม่เป็นระยะ หญิงสาวค่อยๆควบอย่างแผ่วเบา จนผิวหน้าขอบอ่างเริ่มกระเพื่อมเบาๆ
อื้ออออ มินตราซบไหล่ผมไม่ห่าง แต่เบื้องล่างเธอก็ทำงานโยกคลอนเบาๆ
นายท่าน อื้อออ มินตรารักนายท่านเหลือเกิน อื้ออออ
ความเสียใจอย่างเดียวของผมเลยนะครับ คือผมไม่ใช่คนแรกของเธอ ถ้าไปอยู่ยุคปัจจุบัน เธอคือนางในฝันของผมเลยครับ สวย ไร้เดียงสา น่าทนุถนอมสุดๆ ผมตกหลุกรักเธอเอามากๆ แต่ยังไงเสียก็ต้องไว้ลายของความเป็นนายให้สมบทบาท
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เจอแบบนี้ใครจะหักหามใจ หัวนมอมชมพู กับเต้าอวบอูมลอยเด่นอยู่เบื้องหน้า ผมปล่อยเธอขย่มตอไปเรื่อยๆ ส่วนผมก็ดูดนมเธอซ้ายทีขวาทีอย่างมูมมาม
อื้อออ นายท่านอย่างกัดสิคะ มินตราเจ็บ อื้อออ
เธอร้องห้ามเบาๆ ผมหมั่นเคี้ยวไปหมดแล้วครับ เธอทำให้ผมแทบคลั่ง ผมประกบจูบเพื่อปิดปากเธอ คือทุกอย่างกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเลยครับ
จู่ๆประตูห้องน้ำก็เปิดออกครับ
ทำเอามินตราสะดุ้งเฮือกใหญ่ พี่มีอา หญิงสาวผู้ดูสูงสง่า เบิกตากลมโต
มีอา อึ้งจนทำตัวไม่ถูก ในมือเธอถือผ้าผืนใหญ่ เกือบจะล่วงหล่น
บ่าวขอโทษ เธอตัวสั่นริกด้วยความกลัว
บ่าวไม่คิดว่า มินตราจะกำลังปรนนิบัตินายท่านอยู่ในอ่างน้ำ ขอโทษค่ะ
มินตราอายจนหน้าแดงฉาน มีอาคงเห็นผมไม่ได้นำเสื้อผ้าเข้ามาด้วย เลยคงจะหยิบมาให้ แต่เมื่อเข้ามากลับเห็นภาพนายบ่าวคู่นี้กำลังคลอเคลียกันอย่างเมามันในอ่างอาบน้ำ เธอลุกลี้ลุกลนปิดประตูลง
คงกลายเป็นภาพขัดตาเธอสักเล็กน้อย ปกติแล้วนายท่านคนเก่าของเธอจะไม่ยอมให้ บ่าวรับใช้อย่างเธอร่วมอ่างด้วย อย่างมากก็แค่ขัดเนื้อตัว หรือไม่บางครั้งก็จบลงด้วยการที่เธอ ถูกกระทำที่ริมอ่าง
แต่ครั้งนี้ เธอกลับเห็นนายท่านคนใหม่กำลังเสพสมกับบ่าวสาวในอ่างน้ำ แถมบ่าวสาวยังเป็นผู้ขึ้นขย่มนายท่าน และนายท่านยังจูบปากทาสสาวอย่างดูดดื่ม นับเป็นเรื่องแปลกที่ทำให้เธอหวิวใจยิ่งนัก
ภาพบทรักอันร้อนฉ่าในอ่างน้ำ ทำเธอจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวตั้งแต่ปรี่ตัวออกมา เธอยิ่งไม่กล้าสู้หน้ามินตราสักเท่าไหร่ กับนายท่านยิ่งแล้วใหญ่ เธอไม่รู้ว่าการที่เธอเข้าไปขัดจังหวะครั้งนี้ จะทำให้นายท่านไม่พอใจหรือไม่
เธอยิ่งทำตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่ เมื่อมินตราบอกว่าเธอไม่ต้องไปนอนด้านนอกแล้ว เรานอนด้วยกันเหมือนเดิมก็ได้ค่ะ เธอลอบสังเกตแววตาของนายท่านครู่หนึ่ง เธอรู้สึกได้ในทันทีว่านายท่านกำลังไม่พอใจ แต่เธอก็ไม่อยากขัดมินตราเท่าใดนัก
ใต้แสงจันทร์กระจ่าง มีอาทิ้งตัวลงนอนเคียงข้างมินตรา เธอพยายามลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเย็น เธอพร่ำบอกกับตัวเองว่า เธอต้องลืมภาพเล่านั้นให้หมด และต้องข่มตาหลับให้ได้ เธอต้องหลับนอนให้จงได้