เล่ห์สวาทเพลิงราคะ 16
อรนุชสวมเสื้อแจ็กเก็ตสีดำของคมศรที่ส่งให้ เด็กสาวรับมาใส่โดยไม่พูดอะไรกับเขาสักคำ จนกระทั่งเธอค่อยๆ คลายอาการจุกเสียด ก็ไปนั่งรวมกับฐิติพรรณข้างทาง โอบร่างของพริตตี้สาวที่ยังสั่นๆ เอาไว้อย่างปลอบใจ
“ไม่เป็นอะไรแล้วนะ…ไอซ์ไม่ต้องกลัว”
เด็กสาวร่างบางปลอบเสียงนุ่มนวล ขณะที่คมศรแลเห็นอาการสั่นเทิ้มของเด็กสาวอีกคนอย่างหยามเยาะ นัยต์ตาที่พรั่นพรึงเพราะความกลัวนั้น เขาก็อ่านออกว่าเด็กสาวนั้นกลัวจริงๆ
หึหึ…แต่กลัวจะถูกเปิดโปงมากกว่ามั้ง
เมื่อหันไปดูใบหน้าบางใสของเด็กสาวตัวเล็กที่เมื่อครู่แทบจะตกเป็นเหยื่อให้กับเดนนรกกลุ่มนั้น แต่ตอนนี้ทำเป็นเก่ง ทำเป็นเข้มแข็งปลอบใจเพื่อน ชายหนุ่มต้องส่ายหัวอย่างเวทนา
ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเล๊ย…ยัยเด็กหัวดื้อ
ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือของอรนุชขึ้นมา และเหยียดยิ้มนิดๆ เมื่อเห็นว่าอยู่ใน Silent mode แต่ก็ไม่ได้กล่าวว่าอะไร เปลี่ยนให้กลับไปสู่โหมดปกติ ก่อนจะส่งให้ พูดสั้นๆ
“โทรไปที่บ้าน…พวกเขาเป็นห่วง…โดยเฉพาะน้องสาวคุณ ต้องขอบคุณเขาให้มาก…ถ้าไม่ได้เขา…ผมก็คงตามมาหาคุณไม่ทัน….”
อรนุชใบหน้าตื่นขึ้นเล็กน้อย รีบรับไปแล้วโทรไปที่บ้าน
“พี่นุช..พี่นุช..”
เสียงน้องสาวระรัวรับ เด็กสาวร่างบาง
พยายามกรอกเสียงให้เป็นปกติ
“ษา..ไม่ต้องห่วง…ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ แค่รถพี่ประสบอุบัติเหตุนิดหน่อย ตอนนี้เรียบร้อยดีแล้วจ้ะ”
“อุบัติเหตุ….แล้วพี่นุชเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
เสียงอรอุษาดังร้อนรน อรนุชทำเสียงหัวเราะให้สดใส
“ไม่เป็นไร…พี่สบายดีทุกอย่าง…ษาบอกทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงนะจ๊ะ…”
“พี่นุชอยู่ไหนคะ…ษาจะได้ให้ลุงมากไปรับ”
“ไม่เป็นไร…ไม่รบกวนลุงมากหรอก…เดี๋ยวพี่จะกลับไปเอง”
“แต่..แต่..พี่นุช…”
“เอาเถอะจ้ะ…แค่นี้ก่อนนะ…เดี๋ยวพี่ก็กลับบ้านแล้วล่ะ…”
อรนุชพูดตัดบทและปิดโทรศัพท์ จากนั้นก็นั่งจุ่มอยู่ข้างๆ เพื่อนสาวอย่างเงียบๆ ไม่พูดอะไรอีก
ขณะที่เด็กสาวร่างบางโทรไปที่บ้าน คมศรก็โทรศัพท์ไปแจ้งตำแหน่งให้ตำรวจ พักหนึ่งรถสายตรวจ และรถพยาบาลก็วิ่งมาถึงที่เกิดเหตุ
หลังจากสอบปากคำ และพยาบาลดูอาการของอรนุชแล้วก็อนุญาตให้กลับบ้านได้
“ดิฉันไม่ต้องการแจ้งความ…”
คมศรมองดูเด็กสาวร่างบางอย่างหมั่นไส้ ระคนหงุดหงิด เพราะตอนนั้นอรนุชกล่าวยืนยันเสียงแข็งว่าจะไม่แจ้งความ และขอให้ทุกอย่างเป็นความลับ
เมื่อเจ้าทุกข์ไม่ยอมแจ้งความ ตำรวจก็เลยได้แต่ต้องพากันกลับไป โดยที่คมศรขอให้รถตำรวจคันหนึ่งช่วยพาฐิติพรรณไปส่งบ้าน ซึ่งก่อนที่จะจากกันไป อรนุชยังเข้าไปกอดเพื่อนสาวเอาไว้ ปลอบใจว่า
“ทำใจให้สบายนะ..ไอซ์…แล้วเจอกันจ้ะ..”
พริตตี้สาวผงกศีรษะ ก้มหน้างุดๆ ตลอดเวลาไม่กล้าสบตาอันมีประกายกล้าของคมศรเลย เดินดุ่มๆ ตามตำรวจกลับขึ้นไปที่รถ
จนในที่สุดเหลือเพียงคมศรกับอรนุช ซึ่งชายหนุ่มผายมือเป็นทีเชิญชวนให้เด็กสาวขึ้นไปในรถของเขา ซึ่งอรนุชอิดออดอยู่นิดหนึ่ง ก็ไม่รู้จะทำอะไรได้ดีไปกว่าก้าวเข้าไปนั่งเคียงข้างคมศรที่ออกรถขับกลับออกไปทางเดิม
เมื่อผ่านมาถึงรถของอรนุชที่ยังจอดอยู่ข้างทาง ตอนนั้นรถยกกำลังเตรียมพ่วงฉุดรถของเธอออกไป คมศรก็กล่าวเรื่อยๆ
“จะเอาอะไรในรถไหม”
อรนุชผงกศีรษะนิดเดียว ไม่ตอบอะไร ชายหนุ่มก็ยิ้มขันๆ จอดรถลง และอรนุชก็เดินเข้าไปหยิบกระเป๋าถือและหนังสือเรียนของเธอกลับออกมา
คมศรขับรถไปเรื่อยๆ ก็ปรายตาไปยังเด็กสาวร่างบางที่นั่งจุ้มปุ้กกอดอกเอาไว้แน่น ใบหน้าก้มงุดๆ ไม่มองหน้าเขานิ่งเงียบเป็นหุ่นอย่างหมั่นไส้ ก่อนที่ชายหนุ่มจะเอ่ยเรื่อยๆ ทำลายความเงียบ
“เก่งเหมือนกันนี่คุณ…เล่นงานไอ้พวกนั้นได้ไม่เลว…”
น้ำเสียงเหมือนกับจะล้อๆ ยียวนพิกลในใจของเด็กสาว ที่ตอนนั้นกำลังรู้สึกสับสนอลหม่านในใจ จะขอบคุณก็ไม่กล้าพูด จะไม่พูดก็น่าเกลียด เลยได้แต่นั่งหน้างุดอยู่กับที่ พอได้ยินเสียงเรื่อยๆ นั้น ก็เป็นช่องให้เธอขมุบขมิบปากพึมพำเบาหวิว
“ขอบคุณค่ะ…”
คมศรหัวเราะออกมา พึมพำว่า
“นึกว่าจะไม่ยอมพูดอะไรกับผมซะแล้วสิ”
ดวงตากลมนั้นปรายมองมา อยากจะขุ่นใจให้ แต่ความหวานที่มันล้นอก ก็ทำให้ดวงตากลมโตนั้นมีประกายแววหวานจนปิดไม่มิด
คมศรแลเห็นความหวานที่พร่าพรายออกมาจากดวงตาคู่นั้นแล้วอารมณ์ระรื่นจนไม่อยากแหย่ให้เสียบรรยากาศ จึงยิ้มน้อยๆ แล้วว่า
“คุณจะกลับบ้านทั้งๆ อย่างนี้น่ะหรือ”
คราวนี้อรนุชหันมามองคนพูดได้ตรงๆ พอนึกอะไรได้ ก้มลงดูตัวเอง แม้ว่าจะสวมเสื้อแจ็กเกตสีดำทับอยู่ แต่ข้างในนั้น…ใบหน้าบางใสแดงก่ำขึ้นทันที ถามอุบอิบเบาๆ
“ทำ..ทำไงดีคะ…”
คมศรมองใบหน้าเล็กๆ ที่ก้มงุด อย่างเอ็นดู นัยน์ตาระรื่นพราว
อือม์…อย่างนี้ก็ดีอย่าง…ไม่แว้ดๆ…แต่แม่แมวเหมียวตัวน้อย…ฉันพอใจให้เธอขู่ฟ่อๆ ใส่ฉันมากกว่านะ
ชายหนุ่มเปลี่ยนเส้นทางรถ และขับไปสักครู่หนึ่งก็เลี้ยวรถเข้าไปในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เมื่อเข้าไปจอดเรียบร้อย คมศรก็ทำสัญญาณให้เด็กสาวลงจากรถ แต่อรนุชยังคงนั่งจุ้มปุ้กอยู่ไม่ขยับตัว ใบหน้างามนั้นแดงระเรื่อไม่หาย
“จะไปไหนคะ”
เสียงถามนั้นยังคงแผ่วเบาเหลือเกิน คมศรหัวเราะพลางว่า
“ผมจะพาคุณไปร้านที่เขาขายชุดนักศึกษา ไปหาซื้อเสื้อใหม่ หรือจะไปซื้อกระดุมมาซ่อมก็เรื่องของคุณ…กลับไปอย่างนี้…ต่อให้มีสิบปากเหมือนทศกัณฑ์…ก็ไม่มีใครเชื่อว่าคุณหรอกว่าแค่รถเสีย”
อรนุชนึกขัดใจตัวเองครามครัน ที่ความมั่นใจ ความเก่งกล้าสามารถที่ตัวเองเคยคิดว่ามีอยู่ ตอนนี้พร้อมหน้าพร้อมตาโบยบินหายไปไหนหมด รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นเด็กเล็กๆ ไม่ประสีประสาต้องให้ชายหนุ่มบอกบทตลอด
คิดดังนั้นก็รวบรวมจิตใจ ฮึด เชิดหน้าเล็กๆ ขึ้น ก้าวออกไปจากรถ ท่ามกลางสายตาแวววาวขอคมศรที่มองมา
ฮือม์…อย่างนี้ค่อยเหมือนแมวเหมียวตัวน้อยของฉันหน่อย
อรนุชเดินกอดอกตัวเองแน่น เดินตามชายหนุ่มร่างสูงต้อยๆ ซึ่งเดินไปเดินมาตั้งนานก็ยังไม่ไปไหน วนไปเวียนมาจนกระทั่งเด็กสาวร่างบางสงสัย หยุดเดินเงยหน้าขึ้นถามเบาๆ
“คุณ…คุณทำไมเดินไปเดินมาอยู่กับที่คะ”
คมศรซ่อนยิ้มไว้ในหน้า กล่าวเสียงรื่นรมย์
“ผมน่ะคนบ้านนอก เคยมาห้างดังๆ อย่างนี้เมื่อไหร่ล่ะ แค่เห็นก็ตาลายไปหมดแล้ว ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ที่เดินๆ ก็นึกว่าเจ้าถิ่นอย่างคุณจะรู้ทางดีน่ะสิ ผมก็เดินไปเรื่อยๆ ตามที่คุณเดินนั่นแหล่ะ”
อรนุชอ้าปากค้าง ใบหน้าใสนั้นแดงเป็นริ้วๆ ด้วยความโมโห
ตาบ้า…ตาบ้า…ตาบ้า….ฮึ…วันนี้..วันนี้…ออกจะทำดีเหลือเกิน….ทำไมนะ…ไม่ทำดีให้ตลอดไป…..ดูซี..ยังมาทำยิ้มยั่วอีก…กวนประสาทจริงๆ…ตาสิงห์บ้า..
เด็กสาวร่างบางขมุบขมิบปากเจริญพรยาวเหยียด ก่อนจะเชิดหน้าและเดินนำไปทันที โดยมีชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ยิ้มกว้างขวางเดินตามไปอย่างรื่นเริงใจ
………………..
คมศรเคลื่อนรถมาจอดหน้าประตูบ้านของอรนุช ตอนนั้นเด็กสาวร่างเล็กบางเปลี่ยนชุดนักศึกษาที่เพิ่งซื้อมาใหม่แล้ว ส่วนตัวเดิมที่กระดุมขาดหมดแล้วนั้นชายหนุ่มเก็บเอาไว้ บอกว่าจะเอาไปทิ้งเอง อรนุชไม่ต้องการให้ใครสงสัยอะไรก็เห็นดีด้วย
“เอาล่ะ ผมส่งคุณลงตรงนี้นะ”
ชายหนุ่มพูดยิ้มๆ อรนุชไม่พูดอะไรทั้งนั้น เปิดประตูก้าวออกไป
พอเด็กสาวปิดประตูกลับ คมศรก็ขยับจะขับรถออกไปทันที อรนุชก็รีบเคาะกระจกเรียกไว้ก่อน
คมศรยิ้มกว้างขวาง เมื่อลดกระจกลง และเห็นใบหน้าเล็กๆ นั้นยื่นเข้ามา พูดเบาๆ ใบหน้าแดงระเรื่อสวยจับตาคนมอง จนแทบจะเอื้อมมือไปหยิกที่แก้มใสนั้น
“แล้ว..แล้ว…ที่ฉันแพ้พนันยิงปืน…คุณจะให้ฉันทำอะไรคะ”
ชายหนุ่มยิ้มระรื่น กล่าวเรื่อยๆ
“ผมยังคิดไม่ออกนะ…เอาไว้ก่อนแล้วกัน…พรุ่งนี้ผมจะกลับบ้านที่ต่างจังหวัดแล้วล่ะ…เอาไว้คุณตามผมไปที่บ้าน…แล้วผมจะบอกให้คุณฟังอีกทีแล้วกัน”
อรนุชทำหน้างงๆ เหมือนกับคิดว่าตัวเองหูฝาดไป กล่าวทวน
“คุณ…คุณ…ว่า…ฉัน..ฉัน..จะตามคุณไปบ้านที่ต่างจังหวัดหรือคะ”
คมศรหัวเราะเอื่อยๆ ผงกศีรษะรับคำ
“ใช่ อีกสองสามวันมั้ง เราคงได้เจอกัน…”
ใบหน้าบางใสนั้นแดงก่ำ ด้วยความโมโห
นี่เขานึกว่าฉันเป็นใคร…ฉันนี่นะ…จะตามผู้ชายไปถึงบ้าน…อีตาบ้า…บ้าที่สุด…บ้า…บ้า…บ้า
ดวงตากลมโตนั้นพองขึ้น ไม่ต่างอะไรกับแมวเหมียวตัวเดิมที่ขู่ฟ่อๆ ใส่เขา คมศรหัวเราะเสียงดัง โบกมือให้
“ลาก่อนนะ…แล้วเจอกัน”
ปากงามอ้าค้าง อรนุชชี้นิ้วไปจะพูดอะไร แต่อีกฝ่ายก็ออกรถไปก่อน ทิ้งไว้เพียงแต่เสียงหัวเราะที่แว่วมา
เด็กสาวร่างบางโมโหสุดๆ กระทืบเท้ากับพื้นอย่างขัดใจ ทันใดนั้นเองแรงกระเทือนก็ทำให้ความบอบช้ำที่ถูกทำร้ายที่ท้องน้อย ก็แปล็บขึ้นมาจนต้องนิ่วหน้า ร้องลั่นในใจ
“ตาสิงห์บ้า…ตาบ้า…บ้าที่สุด”
จากนั้นอาการที่เขม็งบิดเกลียวที่ท้องน้อยค่อยๆ ผ่อนคลายอาการลง อรนุชลูบคลำท้องน้อยตัวเองอย่างช้าๆ นุ่มนวล หวนนึกถึงวินาทีนั้นที่เธอเห็นชายหนุ่มเข้ามาช่วยเหลือตัวเธอให้รอดพ้นจากชะตากรรมที่เลวร้ายที่สุดของชีวิตลูกผู้หญิงจะเผชิญ….ความหวานอบอุ่นสายหนึ่งที่ตลอดชีวิตเธอไม่เคยรู้จักนั้นมันท่วมท้นจนจับใจ….อบอุ่น…สวยงามเหลือเกิน…ความรู้สึกนั้นตื้นตันจับใจจนเธอน้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไว้ไม่ได้
ความหวานที่พลุ่งขึ้นจนจับจิตในบัดดลนั้น ทำให้สายตาของอรนุชที่ค้อนให้กับรถที่ค่อยๆ หายลับไปกับเส้นทางนั้นมันช่างอ่อนหวานเหลือประมาณ
ริมฝีปากงามที่ราวกับกลีบกุหลาบต้องน้ำค้างยามเช้าพึมพำเบาหวิว
“อีตาสิงห์บ้า…”
แต่ทว่าเสียงที่ลอดผ่านออกมา….มันช่างหวานกระไรปานนั้น