ตำนานนักรัก ตอนที่ 72
ในหัวผมยังดังก้องด้วยคำพูดของพ่อตาที่ว่า คุณเจนไปเรียนโทต่อที่เมืองนอก เอ็งไม่รู้บ้างเลยหรือ
ใช่แล้ว ผมไม่เคยระแคะระคายเรื่องนี้มาก่อนเลย เพราะช่วงหลังๆที่ได้ไปทำงานกับคุณดาที่ออฟฟิสของเธอ ใจผมก็มุ่งไป
เกี่ยวกับการเรียนรู้งานใหม่ เพื่อใช้ชีวิตให้ห่างจากคุณเจนตามที่เธอต้องการ จนแทบจะไม่เคยได้พูดคุยกันเลยแม้สักครั้ง
คุณเจนเธอคงตัดสินใจไว้นานแล้วที่จะทำเยี่ยงนี้ เพื่อให้ตัวเธอห่างไกลจากผม แต่แล้วทำไมเมื่อคืนเธอถึงได้แอบลงมา
หาผม และร่วมรักกับผม เสมือนเธอต้องการให้มันจะเป็นครั้งสุดท้าย แต่ก่อนหน้านั้นเธอเพิ่งโกรธผมไม่ใช่หรือ ที่คิดว่าผม
ร่วมมือวางแผนกับคุณตาของเธอวางยาปลุกกำหนัด หรือว่านั่นจะเป็นการแกล้งหลอกตบตาผู้คน แต่เอ๊ะ…เท่าที่พอจำได้
รูปร่างของหญิงสาวที่เข้ามาหาผมนั้น ขนาดรูปทรงมันไม่น่าจะใช่คุณเจนนี่นา..
ความคิดความกังวลของ
ผมวกวนสับสนจับต้นชนปลายไม่ถูก แล้วก็ใจหายวาบเมื่อคิดว่าถ้าหญิงสาวเมื่อคืนถ้าไม่ใช่
คุณเจน แล้วจะเป็นใครได้ ถ้าเป็นคุณดาเธอคงล่วงรู้ทุกอย่างแล้วจากคำพูดเพ้อพร่ำในยามมึนเมาของผม แต่อีกความคิด
ก็รีบค้านทันทีว่าไม่น่าจะใช่คุณดา เพราะเธอกำลังตั้งท้อง แต่ประสาทสัมผัสที่ผมลูบไล้เนื้อตัวรวมทั้งหน้าท้องของหญิง
สาวเมื่อคืน มันไม่พบว่าเนินหน้าท้องเธออวบอูมเหมือนคนตั้งครรภ์เลยแม้สักนิด จะว่าเป็นมะลิหรือสาลี่ก็คงไม่ใช่ เพราะ
สาวใช้ทั้งสองคนเธอไว้ผมทรงสั้นๆ แต่หญิงสาวเมื่อคืนนั้นมีเรือนผมที่ยาวสลวย
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ผมก็ใจหายวาบ ถ้าไม่ใช่คุณเจน คุณดา หรือสาวรับใช้ทั้งสอง ก็คงมีอีกหนึ่งสาวที่อยู่ในบ้านหลังนี้ใน
ยามนั้น นั่นก็คือคุณวิพยาบาลประจำตัวของพ่อตาผม แต่เธอจะหาญกล้าเข้ามาหาผมถึงในห้องเชียวรึ แล้วความคิดผมก็
สะดุดหยุดกึก เมื่อประตูห้องนอนผมถูกเปิดออก เมื่อชายวัยชราร่างคุ้นตาก้าวเข้ามา พร้อมร้องถามเสียงแหบๆสั่นๆ
“เอ็งคิดอะไรอยู่วะ..ทองดี..”
“เอ้อ…ผม…” ผมอึกอักตอบคำถามของพ่อตาไปตามตรงได้อย่างไรว่ากำลังคิดถึงเรื่องคุณเจนอยู่
“เอ้า..พ่อถามแค่นี้ทำเป็นตกใจตอบไม่ออก.. งั้นพ่อถามใหม่ว่า..เอ็งจะสารภาพความจริงได้หรือยัง…”
พ่อตาผมพูดถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่ก็ไม่มีแววโกรธเคืองเจือปนในน้ำเสียงนั้น คราวนี้ผมถึงกับนิ่งอึ้งเพื่อตัดสินใจที่จะ
ยอมสารภาพความจริงที่ตนเองปิดปังเอาไว้ดีหรือไม่ เพราะไม่แน่ใจว่าพ่อตาผมทราบเรื่องมาแล้วขนาดไหน
“พ่อ…พูดอะไรน่ะครับ…สารภาพเรื่องอะไร…”
ผมร้องถามอึกอักถ่วงเวลาไว้ชั่วครู่ด้วยตนเองเก็บงำความลับไว้หลายเรื่อง ทั้งเรื่องท้องของคุณดา และเรื่องความสัมพันธ์
กับคุณเจน จึงยังไม่กล้าสารภาพเรื่องใดเรื่องหนึ่งออกมาตามตรง
“ท่าทางเอ็งคงเก็บความลับไว้เยอะล่ะสิ…ฮ่าๆๆๆๆ…เดี๋ยวก็อกแตกตายพอดี…ไอ้ทองดีเอ๊ย…พ่อน่ะไม่ได้เคยคิดเลยว่าเอ็ง
เป็นคนอื่นคนไกล เป็นเพียงลูกเขยหรือหลานเขยของพ่อ…เอ็งเข้าใจและจำไว้เสียด้วย…พ่อรักเอ็งเหมือนลูกหลานแท้ๆ
ของพ่อคนหนึ่ง…เรื่องที่เอ็งอึดอัดใจระบายให้ใครฟังไม่ได้นี้..พ่อก็เป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันให้เป็นไป…ฉนั้นพอ่ไม่โทษเอ็ง
หรอกว่า สิ่งที่เอ็งทำและปิดบังพ่อนั้นเป็นความผิด…”
พ่อตาผมพูดพร้อมทรุดตัวลงนั่งที่ขอบเตียง ยื่นมือเหี่ยวชราของท่านมาลูบหัวผมเบาๆด้วยความปราณี จนผมรู้สึกซาบซึ้ง
ตื้นตันใจและสำนึกผิด
“ผม..ผมขอโทษครับพ่อ…ที่ผมพูดไม่ได้..มิใช่อยากจะปิดบังพ่อ..ตะ..แต่คุณเจนขอร้องไว้ครับ…”
ที่สุดผมก็เอ่ยปากออกมา พร้อมเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกี่ยวกับคุณเจนออกมาให้พ่อตาฟังโดยไม่ปิดบัง และสารภาพกับ
ท่านตามตรงอย่างลูกผู้ชายว่าผมรู้สึกอย่างไรกับเธอ
“ฮ่าๆๆๆๆ…เรื่องที่เอ็งกับไอ้เจนแอบหลงรักกันน่ะ..พ่อรู้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วละ..พ่อผิดสังเกตุตั้งแต่คำพูดประชดประชันของ
เอ็งกับไอ้เจนมัน ตั้งแต่ในงานแต่งไอ้ชิตแล้ว..และมาแน่ใจอีกครั้ง จากปากของเอ็งที่สารภาพมาเมื่อคืน…”
“เมื่อคืนพ่อเห็นใช่มั๊ยครับว่าคุณเจนลงมาหาผม… ”
ผมรีบถามออกไป เพื่อหวังว่าปริศนาเรื่องผู้หญิงเมื่อคืนคงถูกไขออกมา แต่พอถามจบพ่อตาผมกลับหัวเราะฮาๆจนงอหาย
ด้วยความขบขัน
“เอ็งจะบ้าหรือวะ..ไอ้เจนมันโกรธเอ็งขนาดนี้ มันไม่มีทางลงมาหาเอ็งหรอก..แม้จะเป็นคืนสุดท้ายที่จะได้อยู่ด้วยกัน..แม่วิ
ต่างหากล่ะ ที่พ่อใช้ให้ไปเค้นความลับจากปากเอ็ง..ฮ่าๆๆๆๆๆ…ไม่งั้นพ่อจะรู้รึว่าเอ็งรู้สึกยังไงกับไอ้เจนมัน”
ผมถึงกับใจหายวาบเมื่อได้ยินพ่อตาพูดว่าแกใช้คุณวิเข้ามารีดความลับจากผมได้หน้าตาเฉย ทั้งๆที่ผมแน่ใจเลยว่าบัดนี้
คุณวิกับพ่อตาผมคงไม่ใช่พยาบาลดูแลคนชราธรรมดาเป็นแน่ แต่แกกลับไม่หวงไม่ห่วงเลย ถ้าจะอยากรู้ความลับก็ยัง
สามารถใช้คุณวิมาทำแบบนั้นได้
“พ่อครับ..แล้วผมจะทำยังไงต่อไปดีครับ…” ที่สุดผมก็เป็นฝ่ายเอ่ยถามพ่อตา หวังความช่วยเหลือจากแกอีกครั้ง แต่คำ
ตอบที่ได้รับถึงกับทำให้ผมหน้าเหว๋อ
“เอ็งอยากปิดบังพ่อมาตั้งแต่แรก…ถึงตอนนี้มันคงสายเกินการแล้วละ..พ่อช่วยอะไรไม่ได้หรอกว่ะ…”
“พ่อช่วยผมไม่ได้ หมายความว่ายังไงครับ…”
ผมรีบร้องถามด้วยความแปลกใจ เพราะทุกทีและทุกเรื่องที่มีอะไรเกิดขึ้นกับผม พ่อตาจะต้องช่วยเหลือมาตลอด แต่คราว
นี้ท่านปฏิเสธหน้าตาเฉย ด้วยน้ำเสียงจริงจัง จนผมสงสัยว่าท่านคงยังงอนอยู่ตามประสาคนแก่
“ก็มันสายไปแล้วนี่หว่า..เพราะอีกไม่ช้า..ลูกชายเพื่อนแม่ดา ก็จะบินตามไปเรียนปริญญาเอกต่อที่รัฐเดียวกับไอ้เจน..ถึง
ตอนนั้น…เห้อออออ…ทำใจเสียเถอะเอ็ง…เรียนผูกแล้วก็รับผลที่มันจะตามมาแล้วกัน…”
สิ้นสุดคำพูดของพ่อตา ผมถึงกับอึ้งเงียบ นั่งนิ่งทำอะไรไม่ถูก รู้สึกเพียงในหัวมันหมุนเคว้งคว้าง เหมือนโดนใครเอาฆ้อน
ปอนด์ฟาดใส่ จนพ่อตาผมเดินออกไปจากห้องตอนไหน ก็ยังไม่รู้สึกเลย
แม้ว่าจะไร้ร่างของชายสูงวัยซึ่งเป็นพ่อตาของผมไปแล้ว แต่สุ้มเสียงแหบแฝงแววเยาะหยันกลับยังดังก้องอยู่ในหัวของผม
สลับกันไปมา”ก็มันสายไปแล้วนี่หว่า..เพราะอีกไม่ช้า..ลูกชายเพื่อนแม่ดา ก็จะบินตามไปเรียนปริญญาเอกต่อ
ที่รัฐเดียวกับไอ้เจน..ถึงตอนนั้น…เห้อออออ…ทำใจเสียเถอะเอ็ง…เรียนผูกแล้วก็รับผลที่มันจะตามมาแล้วกัน…”
คำพูดของพ่อตาผมมันบ่งบอกออกมาอย่างชัดเจนว่า ทั้งตัวแกและคุณดา คงได้ตกลงกับพ่อแม่นายเอ็มไว้เรียบร้อยแล้วเป็น
แน่ ที่จะให้นายเอ็มติดตามไปคอยดูแลคุณเจนในช่วงเวลาที่เธอเดินทางไปเรียนต่อ หนุ่มสาวห่างบ้านไปไกลกันทั้งคู่เช่นนี้
คงไม่ใช่เป็นการดูแลช่วยเหลือกันตามประสาเพื่อนอย่างแน่นอน แล้วมันจะเป็นอย่างอื่นไปได้อย่างไร นอกเสียจากการช่วย
ดูแลเท็คแคร์ตามประสาคนรัก
คุณเจนคงลืมผมไปเสียแล้วอย่างแน่นอน คงลืมรสรักที่เคยกระซิบเว้าวอนบอกผม ถึงได้ตกลงปลงใจไปเช่นนั้น จะต่อว่า
เธอผมก็ไม่อยากกล่าวโทษ ตัวผมเองต่างหากที่ทำให้เธอเข้าใจผิด ทำให้เธอคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะการสมรู้
ร่วมคิดกับผู้เป็นตา คงคิดว่าผมทำกับเธอเพื่อหวังแก้แค้นให้สะใจ หาใช่ทำเพราะความรักแม้แต่น้อย
“เอ็งอยากปิดบังพ่อมาตั้งแต่แรก…ถึงตอนนี้มันคงสายเกินการแล้วละ..พ่อช่วยอะไรไม่ได้หรอกว่ะ…”
เป็นอีกหนึ่งคำพูดที่ลอยแทรกเข้ามาในโสตประสาท พ่อตาผมคงล่วงรู้อะไรดีๆแล้วเป็นแน่ จึงได้พูดเช่นนี้ สายเกินการ..
หรือมันสายเกินการไปจริงๆ เมื่อคืนวานที่คุณเจนกลับมากับนายเอ็มตามลำพัง หรือทั้งพ่อตาและคุณดาจะมองเห็นว่าทั้ง
สองคนทำอะไรกัน ในขณะที่ผมมัวแต่เมาจนไร้สติ หรือว่าทั้งสองคนก้าวล่วงมีความสัมพันธ์กันไปแล้ว พ่อตาผมถึงได้บอก
ว่ามันสายเกินการ และแกช่วยอะไรผมไม่ได้ แม้จะมารู้ความจริงทีหลังว่าผมกับคุณเจนมีอะไรต่อกัน
ผมปล่อยให้คำพูดทั้งสองประโยคของพ่อตาผม ลอยวนเวียนอยู่ในหัวสลับกันไปมา พร้อมความคิดที่ล่องลอยจับต้นสาย
ปลายเหตุไม่ได้แม้แต่อย่างใด จนเกียจคร้านที่จะลุกขึ้นจากเตียงมาจัดการเรื่องส่วนตัว และดูเหมือนมันจะเป็นช่วงเวลาที่
เป็นใจ ที่ไม่มีใครหรือแม้แต่สาวใช้ทั้งสองเข้ามารบกวน เสมือนผมจมอยู่ในห้องร้างที่ไร้ผู้คน จนกระทั่งเย็น เมื่อคุณดากลับ
มา คำแรกที่ผมผงกหัวขึ้นจากหมอนแล้วร้องถามเธอด้วยสุ้มเสียงแหบแห้งไร้เรี่ยวแรงว่า
“คุณเจนบินไปเรียนต่อเรียบร้อยแล้วหรือครับ…”
“ใช่ค่ะ…ดาขอโทษที่ไม่ได้บอกคุณให้ทราบล่วงหน้า..เพราะช่วงนั้นเห็นคุณมุ่งมั่นกับเรื่องในที่ทำงาน…”
คุณดาตอบรับเสียงเรียบๆ พร้อมทรุดตัวลงนั่งบนเตียงข้างตัวผม พร้อมยื่นมืออ่อนนุ่มมาลูบไล้ใบหน้าซีดเซียวของผมอย่าง
เป็นห่วง เมื่อเธอแลเห็นว่าหน้าผมซีดเซียว คงคิดว่ามันเกิดมาจากอาการเมาค้างเป็นแน่
แล้ววินาทีนั้น ความคิดที่จะบอกเรื่องของผมกับคุณเจนให้คุณดาทราบ ก็ถูกกลืนหายเข้าไปในอก มันคงสายเกินไปอย่างที่
พ่อตาผมบอกไปแล้วเป็นแน่ พูดไปตอนนี้ คงไม่สามารถช่วยแก้ไขอะไรให้ดีขึ้นมาได้ รังแต่จะทำให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องได้รับ
ความเจ็บปวด เมื่อผมตัดสินใจที่จะลืมเรื่องระหว่างตนเองกับคุณเจน ผมก็ขอยอมรับเป็นคนเจ็บปวดเพียงลำพัง และผม
เชื่อว่าถ้าผมไม่พูดเรื่องนี้ออกมา พ่อตาผมและคุณวิที่ล่วงรู้ความลับอีกสองคน ก็คงไม่พูดเช่นกัน
[post]”คุณยังเมาค้างอยู่หรือคะ..ดาเห็นหน้าตาซีดเซียว ไม่มีสีเลือดเลย..” คุณดาร้องถาม เป็นอย่างที่ผมคิดพอดีเลยว่า
เธอคงนึกว่าอาการและสีหน้าของผม นั้นเกิดมาจากการเมาค้างจริงๆ
“ครับ…ผมขอโทษที่ดื่มหนักไปหน่อย…”
ผมตอบอุ๊บอิ๊บๆหลบตา แล้วเบียงหน้าหนี เมื่อฝ่ามืออ่อนนุ่มของคุณดายังตามลูบซ้ำไปมา จนเธอเลิกคิ้วแสดงอาการแปลก
ใจที่เห็นผมเบียงหน้าหนีการลูบไล้จากเธอ
“ไม่เป็นไรค่ะ..ไม่ต้องขอโทษดาหรอก…นานๆที คุณคงดีใจที่พี่ชิตเป็นฝั่งฝา มีครอบครัวเสียที จะได้ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับ
ดาอีกใช่มั๊ยคะ…”
“ครับ…พี่ชิตโชคดีแล้วที่มีคุณอร…” เมื่อคุณดาอยากเข้าใจเช่นนี้ ผมก็รีบรับสมอ้าง เพื่อให้เธอสบายใจ
จากนั้นก็ผุดลุกขึ้นนั่ง ตั้งใจจะออกไปอาบน้ำชำระร่างกายเสียที หลังจากหมักหมมมาแล้วทั้งวัน แต่พอลุกขึ้นนั่งได้เท่านั้น
คุณดากลับเป็นฝ่ายเอนตัวเข้ามาหา แล้วกอดรัดผมไว้หลวมๆเสียแทน พร้อมกระซิบเสียงสั่นๆอายๆข้างหู[/post]”ตอนนี้ผ่านสองสามเดือนแรกไปแล้ว..ถ้าคุณอยากทำรัก..ดาก็พร้อมแล้วนะคะ…”