ตำนานนักรัก ตอนที่ 84
หลังจากที่ผมดูข่าวไอ้ทัดเทพที่ห้องรับแขกจบ ก็ลุกขึ้นเดินตรงรี่เข้าไปหาพ่อตาในห้อง ด้วยความแปลกใจ เพราะทีแรกผม
นึกว่าแกจะให้พี่ชิตกับหลานๆที่อยุธยา มาจัดการ แต่ปรากฏว่าไอ้ทัดเทพจบเกมส์เพราะฝีมือพวกตำรวจเสียงั้นแหละ จึงอด
ข้องใจไม่ได้ ต้องไปสอบถามให้รู้ความ
“คุณท่านของวิเก่งจังเลย…เอียงแก้มมาเดี๋ยววิให้รางวัล..อิอิ”
ผมเตรียมที่จะยื่นมือไปเลือนบานประตุห้องของพ่อตาเปิดออก ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงใสๆ หัวเราะระริกหวานๆ ดังแทรก
ออกมาเสียก่อน ไม่ต้องเดาเลยก็รุ้ว่า เจ้าของเสียงใสๆหวานๆนั้นคงเป็นคุณวิ กำลังออดอ้อนให้รางวัลกับพ่อตาคนเก่งของ
ผมอยู่ ก็เลยยืนอึ้งค้างไว้ ไม่อยากเข้าไปขัดจังหวะ รอจนสักครู่จึงยกมือเคาะประตูห้องเบาๆ ด้วยความอยากรู้เรื่องเหมือนกัน
“ผมเองครับพ่อ…”
เมื่อเคาะประตูสองสามครั้ง ก่อนจะเลื่อนประตูเปิดออก ผมออกเสียงบ่งบอกให้แกรู้ตัวเสียก่อน กลัวว่าจะเปิดไปจ๊ะเอ๋ในตอน
ที่พ่อตากับคุณวิกำลังจะเล่นบทโรม๊านซ์
ใส่กัน
“เออเข้ามาสิ..บ๊ะแล้ว..เดี๋ยวนี้เอ็งเกรงอกเกรงใจพ่อ จนต้องเคาะประตูห้องก่อนเลยหรือวะ..ฮ่าๆๆๆๆ” พ่อตาผมตอบกลับมา
ด้วยเสียงแหบๆก็จริง แต่มันเจือปนกับเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข
แล้วเมื่อผมเปิดประตูเลื่อนออก พร้อมโผล่หน้าเข้าไปมองดู ก็ทันได้เห็นคุณวิกำลังป่ายขาลงมาจากการคล่อมตักพ่อตาผม
บนเก้าอี้หนังตัวใหญ่ จังหวะป่ายขาลงมานั้น ทำให้ผมถึงกับกลืนน้ำลายอย่างเผลอไผล เพราะมันทันได้เห็นแก้มก้นขาวๆใน
อันเดอร์แวร์สีขาวๆตัวบางๆ พอดิบพอดี
แม้ผมจะไม่ใช่คนลามกจกเปรตก็จริง แต่ความที่ห่างเหินเรื่องพรรค์นั้นมาร่วมเกือบเดือน ตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ทำกับมะลิที่
บางปู แล้วต่อจากนั้นก็มัวแต่มีเรื่องยุ่งๆวุ่นวายเกี่ยวกับคุณดาเข้ามา ที่ทำให้ผมต้องเอาใจใส่เธออย่างใกล้ชิด อีกทั้งงานที่
บริษัทที่ต้องรับผิดชอบแทนคุณดาทั้งหมด ผมก็แทบไม่มีเวลาหลงเหลือเอาใจใส่มะลิสาวใช้เนื้อหอมอีกเลย
“อ่ะ..ผมมารบกวนเวลาของพ่อหรือเปล่าครับ..”
ผมรีบร้องบอกเสียงสั่นๆเกรงๆใจ แต่พ่อตาของผมกลับโบกมือให้ผมเข้ามาในห้อง ขณะที่ปากพูดมือข้างหนึ่งโบก อีกข้าง
กับยึดแขนคุณวิที่กำลังขยับเดินออกห่างให้ทรุดลงมานั่งตามเดิม เล่นเอาคุณวิดิ้นขลุกขลัก ปากร้องเอิ๊วๆอายๆ แต่สุดท้าย
ก็ทรุดตัวลงนั่งป่ายขาคล่อมตักพ่อตาผมตามเดิม
“เอ็งมีธุระอะไรล่ะทองดี…”
ปากพ่อตาพูดกับผม แต่สายตาของแกกับจับจ้องมองหน้าคุณวิเสียหวานจ๋อย ดั่งหนุ่มๆสาวๆก็ไม่ปาน เล่นเอาคุณวิสะท้าน
อาย ผมคิดว่าไม่ได้อายพ่อตาผมแน่ แต่คงอายผมเสียมากกว่า
“ผมเห็นข่าวไอ้ทัดเทพเมื่อกี้นี้น่ะครับพ่อ…เลยอยากทราบว่าพ่อทำยังไงมันถึงจบเกมส์กับตำรวจ…”
แม้ผมพูดกับพ่อตา แม้ตาไม่ได้อยากมองไปทางท่าน ด้วยเกรงว่าจะมองเห็นภาพที่พ่อตาผมกำลังซบหน้าไปที่อกอวบอิ่ม
สองเต้าของเมียคนเล็กของแก แต่มันก็อดใจมองไม่ได้อยู่ดี ในเมื่อพ่อตาและคุณวิ ไม่อายผม มันเรื่องอะไรล่ะครับที่ผมจะ
อายเมื่อมองดู
“เหอะ…เรื่องมันยาวว่ะ..เอาไว้เย็นนี้ก่อนสิ..ไอ้ชิตกับแม่อรเมียมันพร้อมหลานๆพ่อจะมากินเหล้าฉลองความสำเร็จกันที่บ้าน
ไว้ตอนนั้นจะเล่าให้ฟัง…ว่าแต่เอ็งเถอะ..มีเรื่องจะถามแค่นี้ใช่มั๊ย..ถ้าใช่ก็ออกไปได้แล้ว..พ่อกับแม่ยายเอ็งจะฉลองความ
สำเร็จกันก่อน…”
พ่อตาผมพูดรัวเร็ว พร้อมกับขับไล่ผมออกจากห้อง จากนั้นก็อ้าปากงับลงไปบนยอดเต้าของคุณวิ ดูดจนตัวเองแก้มตอบ
ส่วนคุณวิก็ร้องวี๊ดว๊ายใส่จริต ดิ้นไปดื้นมา แต่ผมดูเหมือนว่ามันไม่ใช่การดิ้นหนี แต่เป็นการ ดิ้นส่ายอกอวบสองเต้ายั่วยวน
ปากลิ้นของพ่อตาผมต่างหาก
ผมจึงรีบหมุนตัวเดินผละออกมาทั้งๆที่จริงแล้ว ตั้งใจจะสอบถามพ่อตาผมอีกเรื่อง ว่าเรื่องของนายทัดเทพก็จบลงแล้ว เรา
ควรจะตามคุณเจนกลับมาได้หรือยัง แต่เมื่อพ่อตาผมไม่เปิดโอกาสให้พูด ผมก็เลยออกไปทำงาน รอเอาไว้พรุ่งนี้ ค่อยสอบ
ถามใหม่ก็ได้ แต่ก่อนจะออกจากบ้าน ผมเดินขึ้นไปบอกคุณดาก่อนอีกครั้ง เพราะตั้งแต่เช้าเดินลงมาดูข่าวในห้องรับแขก ก็
ยังไม่ได้จูบแก้มลาเธอเลย
พอผมเดินขึ้นไปถึงหน้าห้อง ก็รีบเปิดประตูเข้าไปทันที สายตาเหลือบมองเห็นคุณดานั่งเปิดโน๊ตบุ๊คดูเล่น อยู่ที่โต๊ะทำงาน
ด้านปลายเตียง ส่วนมะลิกำลังจัดเก็บที่หลับที่นอนอย่างขมักเขม้นตามลำพัง ทั้งสองสาวรีบหันมาจ้องมองผมที่หน้าประตู
พร้อมๆกัน เมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด
“คุณ..มาดูนี่สิคะ… ดูรูปของลูกเจนกับตาเอ็ม…”
เสียงคุณดาร้องบอก ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ท่าทางดีใจ แต่ผมกับใจแป้วเมื่อได้ยินเสียงเธอบอกให้ไปดูรูปถ่ายของทั้งสอง จึง
เดินเข้าไปหาช้าๆ ไม่อยากขัดใจเธอ แล้วพลันก็ใจหายวาบ เมื่อสายตาแลเห็นรูปที่คนทั้งสองถ่าย แล้วส่งมาให้คุณดาดู มัน
เป็นรูปคู่ที่ถ่ายในโบสถ์คริส ไม่ต้องมีใครบอก ผมก็ทราบดีจากเครื่องแต่งกายของทั้งคู่ว่า นั่นมันเป็นรูปในงานแต่งของ
ทั้งสองคน
“นี่มัน…” ผมร้องถามเสียงแห้งๆ เริ่มรู้สึกร้อนผ่าวในตา
“ใช่ค่ะ..ลูกเจนกับตาเอ็มแต่งงานกันแล้ว เลยถ่ายรูปมาให้ดาดู…” คุณดาอธิบายเสียงใสๆ อมยิ้มเล็กน้อยด้วยความสุขพร้อม
กับเลื่อนรูปถ่ายอีกชุดใหญ่อวดให้ผมดู แต่ดูเหมือนผมจะตาพล่าจนภาพที่เห็นดูเบลอไปเสียหมด
“ทำไมทั้งสองคนจึงแต่งงานกันเร็วนักล่ะครับ..คุณเจนเพิ่งไปไม่กี่วันเอง…แล้วขออนุญาตคุณดาหรือยังครับนี่…”
ผมถามออกไปเป็นชุด ด้วยเสียงแห้งๆ เหมือนมีก้อนลมขึ้นมาจุกตรงคอหอย จนอึดอัดหายใจไม่ทั่วท้อง แต่คุณดาคงไม่
ทันสังเกตุ เพราะมัวแต่ดีใจที่ลูกสาวเธอได้แต่งงานกับลูกชายเพื่อนสนิท
“อะไรกัน..คุณก็..ลูกเจนไปกว่าเดือนแล้วนะคะ…ไม่ดีหรือคะที่ลูกสาวดาได้แต่งงานมีครอบครัวอย่างถูกต้อง..ดีกว่าให้เด็ก
ทั้งสองไปอยู่กันตามลำพัง พลาดพลั้งขึ้นมา มีแต่จะเสียหาย…เรื่องบอกหรือไม่บอก มันไม่สำคัญเท่ากับดาและเพื่อนเห็น
ดีเห็นงามมานานแล้วค่ะ”
“ครับ..ผมก็แค่ถามดู…ไม่มีอะไรขัดข้องหรอกครับ…” ผมตอบกลับด้วยเสียงที่เริ่มแข็ง พร้อมหมุนตัวทำท่าจะเดินออกจากห้อง
“ดาก็ไม่ได้ต่อว่าอะไรคุณนี่คะ…คุณนี่แปลกคนจริง..แทนที่จะดีใจกับลูกของดา กลับมาทำหน้าเฉยเมย…เหมือนไม่พอใจ…
นั่นคุณจะเดินหนีดาไปไหน…”
จู่ๆอารมณ์ของคุณดาก็เริ่มเปลี่ยน รีบร้องเรียกรั้งผมไม่ยอมให้เดินหนีออกจากห้อง ด้วยเสียงตวัดสูง จนมะลิค่อยๆเดินเลี่ยง
ออกไปจากห้องเป็นคนแรก ส่วนผมก็ถอนหายใจด้วยความหนักอก จนอารมณ์เริ่มเย็นลงจึงเดินกลับไปหาคุณดาอีกครั้ง
พร้อมก้มหน้าลง ยื่นจมูกไปชนแก้มของเธอเบาๆ
“ผมไปทำงานก่อนนะครับ…”
ผมบอกคุณดาด้วยเสียงเรียบๆ ตาจ้องมองรูปคุณเจนอีกครั้ง เพื่อเก็บภาพนั้นเป็นครั้งสุดท้ายในความทรงจำ ก่อนหมุนตัว
เดินออกมาจากห้อง เดินลงมาจนถึงรถ กำลังจะเปิดประตูเข้าไปเพื่อขับออกจากบ้าน มะลิก็โผล่เข้ามายืนขวางไว้เสียก่อน
“พี่อย่าเพิ่งไปค่ะ…” มะลิเรียกรั้งผมไว้ด้วยสุ้มเสียงเบาๆ พร้อมขยับก้าวเข้ามาหา
“มีอะไรกับพี่หรือมะลิ..”
ผมถามออกไปตามความเคยชินเสียมากกว่าจะต้องการรู้ว่ามะลิเรียกรั้งไว้ด้วยเหตุผลใด แต่แทนที่มะลิจะร้องบอก เธอกับ
โผร่างเข้ามากอดรัดผมไว้แน่น โดยไม่หวั่นเกรงว่าคุณดาจะลงมาพบเห็น จนผมต้องร้องเตือนเธอเบาๆ พร้อมค่อยๆแกะมือ
เธอออกจากการกอดรัด เนื่อว่าคดีแรกยังไม่ทันได้เคลียร์ เพราะคุณดาเกิดเรื่องขึ้นมาเสียก่อน และคงลืมไปแล้วด้วยซ้ำ
“พี่ไม่รักมะลิแล้วหรือคะ…” มะลิช้อนตาขึ้นมองหน้าผม แล้วถามเสียงสั่นๆ เมื่อผมแกะมือมะลิออกจากตัว จนเธอทิ้งมือทั้ง
สองข้างลงแนบข้างลำตัว
[post]”เปล่าหรอกมะลิ..พี่ไม่ได้คิดแบบนั้น..แต่ช่วงนี้พี่ว้าวุ่นใจจนไม่มีอารมณ์กับใคร…”
ผมตอบมะลิด้วยเสียงอ่อนๆ ไปตามความรู้สึกจริงๆ ตั้งแต่คืนที่คุณดาแท้งลูก ผมก็มัวแต่วุ่นวายกับชีวิตกับครอบครัว กับการ
งานที่คุณดาทิ้งให้ผมสานต่อ กับสุขภาพที่เสื่อมถอยของคุณดา อย่าว่าแต่มะลิเลยจนแม้แต่คุณเจนบางครั้งผมก็วุ่นวายใจ
จนลืมคิดถึง
“ค่ะมะลิเข้าใจพี่..พี่คงเครียดกับอารมณ์ของคุณดา และยิ่งพอทราบว่าคุณเจนกำลังแต่งงาน พี่คงเสียใจ งั้นมะลิไม่รบกวน
แล้วค่ะ..”
มะลิพูดงอนๆน้ำเสียงน้อยอกน้อยใจ แล้วเตรียมหมุนตัวเดินผละจากไป แต่ผมคิดถึงคำพูดของพ่อตาได้ จึงรีบคว้าแขนมะลิ
ไว้แล้วดึงเข้ามากอด ก่อนจะก้มหน้าลงไปประทับปากจูบเบาๆ แต่ครู่เดียวมะลิก็เผยอปากขึ้นจูบตอบอย่างอ่อนหวาน และ
ค่อยๆเร่าร้อนขึ้นตามอารมณ์ของเธอ
“พี่จ๋า..พี่อย่าลืมมะลินะคะ..มะลิรอได้ จนกว่าพี่จะพร้อมรักมะลิอีกครั้ง…”
มะลิกระซิบบอกเบาๆ แล้วเขย่งปลายเท้าขึ้นจูบปากผมเร็วๆอีกครั้ง ก่อนจะผละออก แล้วเดินอมยิ้มอายๆกลับเข้าไปในบ้าน
ส่วนผมก็ขึ้นสตาร์ทรถแล้วขับออกไปทำงาน แต่วันนี้ทั้งวันผมกลับไม่มีสมาธิ เพราะภาพถ่ายคู่ในวันแต่งงานของคุณเจน
กับไอ้นายเอ็มหนุ่มนักเรียนนอก มันคอยตามหลอกหลอนผมจนขาดสมาธิ ทำโน้นพลาดสั่งงานนี่พลาดไปหมด จนลูกน้อง
คนสนิทของคุณดาที่สอนงานผมเมื่อเดือนก่อนร้องถามด้วยความแปลกใจ
“วันนี้คุณทองดีเป็นอะไรคะ…บอกงานพี่ซ้ำไปซ้ำมาไม่เหมือนเดิม..ไม่สบายหรือเปล่าคะหน้าซีดๆ..” คุณสาพูดพร้อมขยับ
เข้ามาใช้หลังมืออิงหน้าผากแบบถือวิสาสะ เพราะเธอมีอายุเป็นสาวใหญ่ อาวุโสกว่าคุณดาหลายปี จนหลายครั้งผมก็เผลอ
เรียกเธอว่าพี่สา
“เอ๊ะ..หน้าผากก็ไม่ร้อนนี่คะ…หรือว่ามีอะไรไม่สบายใจ…กลับบ้านไปพักผ่อนสักวันก็ได้ค่ะ..อยู่ทางนี้พี่สาจะคอยดูแลให้..
ถ้าต้องการการตัดสินใจ สาจะโทรไปถามค่ะ..”
เมื่อไม่มีสมาธิในการทำงาน ผมก็เลยคิดจะกลับบ้าน ขณะขับรถกลับมา แว๊บหนึ่งในความคิด ผมดันอยากจะไปดูหน้าไอ้
ทัดเทพที่นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลขึ้นมากระทันหัน จึงขับรถเลยไปถึงโรงพยาบาลในอำเภอเมืองอยุธยา แล้ว
ก็ติดต่อเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเพื่อจะขอเข้าเยี่ยมมัน
“แล้วคุณเป็นใครครับ…ถึงจะมาขอเยี่ยมผู้ต้องหา…”
สิบเวรที่ยืนประจำอยู่หน้าห้องร้องถามผมด้วยเสียงเข้มๆ พร้อมกวาดสายตามองหน้าผมตั้งแต่หัวจนจรดปลายเท้า ด้วย
ท่าทางระมัดระวัง ด้วยเกรงว่าผมจะเป็นลูกสมุนของนายทัดเทพ และมาทำการช่วยเหลือพาผู้ร้ายหนี
“เอ้อ..ผมชื่อทองดีครับ..เป็นญาติห่างๆของน้าทัดเทพครับ…”
ผมบอกชื่อไปตามจริง พร้อมควักบัตรประชาชนมาแสดงให้สิบเวรดู แต่ก็โกหกว่าตนเองเป็นญาติกับมัน เมื่อสิบเวรตรวจ
ดูชื่อจากบัตรประชาชนแล้วว่าตรงกับชื่อที่ผมบอก เป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ จึงอนุญาตให้เข้าไปเยี่ยมได้ หลังจากดู
แล้วว่าผมน่าเชื่อถือคงไม่ใช่คนร้ายที่สวมรอยมาเยี่ยม
“ผมให้เวลา5นาทีนะครับคุณ…”
สิบเวรคนนั้นร้องบอกผมอีกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเปิดประตูห้องแล้วอนุญาตให้ผมเข้าไปเยี่ยม หลังจากตรวจค้นตามเนื้อ
ตัวเสื้อผ้าผมแล้วว่าไม่ได้พกพาอาวุธใดๆมา เมื่อผมเข้าไปในห้องจึงเห็นร่างของไอ้ทัดเทพมีผาพันแผลสีขาวพันอยู่หลาย
จุดในร่าง มือข้างซ้ายของมันถูกใส่กุญแจมือล็อคกับขาเตียง ส่วนแขนข้างขวา มีสายน้ำเกลือและเลือดระโยงระยาง มัน
นอนหลับอย่างไร้สติ เหมือนคนตาย มีเพียงลมหายใจแผ่วๆที่สะท้านอกขึ้นๆลงๆเท่านั้นที่บ่งบอกว่ามันยังมีชีวิต