หลง ตอนที่ 6 ภาค 1
……….
ทศพลจอดรถตรงหน้าบ้านแล้วเดินขึ้นบันไดระเบียง เดินตรงไปยังประตูไม้บานคู่ บ้านหลังนี้ถูกสร้างมานานแล้วด้วยฝืมือการออกแบบของสถาปนิกชื่อดังเขาภูมิใจในบ้านหลังนี้มากมันทรงความสง่างามและจะตั้งตระหง่านเป็นมรดกตกทอดให้แก่ลูกสาวทั้งสองของเขา
เมื่อเขาเดินไปในห้องโถงทศก็ได้ยินเสียงพูดคุยมาจากห้องรับแขก เขาจึงเดินมุ่งหน้าไปยังห้องนั้นแขกของเขารวมตัวกันอยู่ ทศกวาดสายตามองหาปริษาก่อนเธอกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวหนึ่งใกล้หน้าต่างเรือนผมสีดำขลับของเธอต้องแสงอาทิตย์เป็นประกาย แขนขาวผ่องทาบทับอยู่บนหน้าท้องการได้เห็นเธอทำให้เขารู้สึกรักและหวงแหนทุกครั้งเธอเป็นสำนึกของความห่วงใยและอาทร ที่อยู่ลึกในจิตใจของเขา
ปริษาส่งยิ้มมาให้ทักทายขณะที่ทศพลเดินเข้าไปหาเธอตรงเก้าอี้แม้ความสนใจของเขาจะมีต่อแขกที่รวมตัวกันอยู่ในห้องแต่เขาก็ยังเอื้อมไปเกาะกุมมือของภรรยารักไว้ในอุ้งมือของเขา
“ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ผมไม่อยู่ตอนที่พวกคุณมาถึง”เขากล่าวคำขออภัยต่ออาคันตุกะทั้งสี่ ซึ่งมีนักการเมืองรวมอยู่ด้วย
“ไม่มี
ปัญหาหรอกคุณเพราะเรามาถึงเร็วกว่าที่คิดไว้มาก” นักการเมืองพูดขึ้นกาลเวลาได้ประทับริ้วรอยบนใบหน้าของเขาแสดงให้เห็นถึงความกร้านโลกมาไม่น้อยกว่าห้าสิบปี
“กิจการเป็นไงบ้างล่ะ?คงจะดีสินะ เห็นจะไม่ต้องช่วยอะไรอีกแล้วมั๊ง” เขาหลิ่วตาให้ทศเหมือนเคยคบคิดทำผิดอะไรกันมา
“ไม่มีแล้วครับ” ทศตอบเสียงเรียบ
ทศเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงมาตั้งแต่ยังหนุ่มแต่ครั้งหนึ่งเขาเคยตำรวจยัดข้อหาค้ายาเสพติดให้ทำให้เขาเริ่มรู้ถึงความสำคัญของการมีเส้นสาย เขาจึ่งเริ่มคบหาคนใหญ่คนโตตั้งแต่นายตำรวจข้าราชการระดับสูง ไปจนถึงนักการเมืองซึ่งนอกจากจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับธุรกิจของเขาแล้วยังช่วยเพิ่มลูกค้าของเขามากขึ้นไปด้วย ตอนนี้เขามีทั้งธุรกิจโรงแรม ที่ดินและร้านขายอัญมณีอีกหลายแห่ง ชีวิตเขารุ่งเรืองถึงขีดสุด และนักการเมืองคนนี้ให้ความช่วยเหลือมาตลอด
“ทศผมขอแนะนำให้รู้จักกับ แอนดี้หน่อยนะ” เขายกแขนโอบไหล่ผู้ที่เขาเอ่ยซึ่งอายุอ่อนกว่ากันนิดหน่อยทศสังเกตุเห็นหน้าตาเขาเหมือนกับพวกลูกครึ่งไทยฝรั่ง “ผมน่ะอยากให้คุณสองคนรู้จักกันมานานแล้วคุณแอนดี้เป็นเจ้าของธุรกิจห้างสรรพสินค้าในอเมริกา เขาอาจช่วยขยายตลาดให้คุณได้”
ทศก้าวออกจากข้างตัวปริษาเพื่อสัมผัสมือกับบุรุษผู้สูงวัยกว่าซึ่งอยู่ในชุดเสื้อผ้าราคาแพง
“ยินดีที่รู้จักครับคุณแอนดี้”
“ด้วยความยินดีครับ” แอนดี้ตอบ “ผมสนใจอัญมณีมาก และอยากจะขอปรึกษาเรื่องการทำธุรกิจร่วมกันนี่คือทอมหุ้นส่วนของผม” แอนดี้หันมาแนะนำชายทียืนเคียงข้าง
“สวัสดีครับ” น้ำเสียงของทอมนั้นออกสำเนียงแปร่งๆทศพลรู้ว่าเขาคงเพิ่งหัดพูดภาษาไทยไม่นาน ทอมหันไปทางปริษา ผงกศรีษะเบาๆอย่างสุภาพ
“ผมยอมรับเลยนะครับว่าผู้หญิงไทยนั้นสวยมาก โดยเฉพาะภรรยาของคุณ”
ปริษาหน้าแดงด้วยความอายที่ถูกชมต่อหน้า
“ผมเห็นด้วยกับคุณ” ทศพลเอ่ยขึ้นอย่างภูมิใจเขาหันไปสบตาที่เป็นประกายแวววาวของปริษาและเป็นการมองด้วยสายตาของคนที่เป็นเจ้าของ ปริษาสวยสะดุดตามาตั้งแต่สมัยสาวๆแล้วกาลเวลาไม่ได้ทำให้ความงามของเธอลดลงเลย หากแต่กลับเพิ่มความสง่ามากยิ่งขึ้นด้วยซ้ำ
“คุณทอมโตที่อเมริกาหรือคะ” ปริษาเอ่ยถามชักนำการสนทนาให้อยู่ห่างตัวอย่างชาญฉลาด แม้เธอจะรู้สึกปิติในคำชมนั้น
“ครับ..คุณปา” น้ำเสียงของเขานุ่มนวลแล้วหันไปคุยกับทศพลต่อ “ผมอยากให้คุณทศมาร่วมเป็นหุ้นส่วนของเรามาก…จริงๆนะครับ”
“ครับ เรื่องนี้เราน่าจะปรึกษาหารือกันได้” ทศพลเอ่ยตอบ
……….
ในลักษณะที่เพิ่งจะเคลิ้มหลับปริษาขยับตัวตื่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมาภายในห้องเธอยันตัวขึ้นกดสวิทช์ที่หัวเตียง
“ทศ นั่นทศหรือคะ” เธอเอ่ยถามขึ้นทันทีที่แสงไฟกระจ่างตา ปริษาก็เห็นเขาทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาพอดีเพื่อจะถอดรองเท้าออก
“ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ปาตื่นเลย” เขาวางรองเท้าที่พื้นดึงชายเสื้อออกจากกกางเกง ความเหน็ดเหนื่อยเผยให้เห็นชัดอยู่ทั่วใบหน้า
“อะไรกันคะ นั่งคุยกันจนถึงตอนนี้เลยหรือ” ปริษาถามเธอขอตัวกลับมานอนตั้งแต่หัวค่ำแล้ว
“ใช่”
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ”
“ไม่หรอก”
ทศถอนหายใจลุกขึ้นเปลื้องเสื้อผ้าออกจากร่างต่อปริษาขยับตัวเพื่อที่จะให้เขาใช้หมอนยามที่สอดตัวเข้ามานอนเคียงข้างเธอแต่ทศไม่ได้ต้องการแค่นั้น เขาสอดแขนเข้าไปใต้ร่างช้อนเธอเข้ามาแนบใกล้ความอบอุ่นจากเรือนกายซึมแทรกไปทั่วตัวของปริษา และทำให้เธออบอุ่นขึ้นอย่างมาก
“ลูกนอนแล้วหรือ” ศีรษะของเขาเคลื่อนเข้ามาแนบอยู่กับเธอกระซิบกระซาบอยู่ที่ข้างหู
“ทศคะ ปาอยากจะคุยกับทศเรื่องนี้เหมือนกัน” ปริษาเบือนไปมองหน้าทศพลพยายามระงับใจไม่ให้หวิวไหวไปตามฝ่ามือของเขาที่ลูบไล้ไปมาตามเนื้อตัว
“เรื่องอะไรล่ะปา” เขาถามขณะที่สายตาเลื่อนไปจับอยู่ตรงเนินทรวงที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อนอนเนื้อนุ่ม
“ไม่รู้ว่าอุปทานหรือเปล่า แต่ปารู้สึกว่าหวานแกดูแปลกๆเหมือนคนมีความทุกข์ใจอะไรซ่อนอยู่น่ะ”
“เหลวไหล …ปาน่ะคิดมากไป ลูกของเรามีทุกอย่างเพียบพร้อมจะไปมีเรื่องทุกข์ได้ยังไง”
“ไม่นะคะ เมื่อก่อนปาไม่เห็นจะรู้สึกอย่างนี้เลย” ปริษาพูดไม่ทันจบก็ร้อนผ่าวไปทั่วใบหน้าเมื่อชุดนอนของเธอถูกเขารั้งขึ้นจนถึงเอวในขณะที่มือของเขาลูบไล้ลงไปที่ใต้ท้องน้อยเธอรู้สึกสั่นสะท้านจนต้องส่งเสียงครางเบาๆออกมา
“หวานน่ะโตแล้วนะปา แล้วเราก็อบรมแกดีด้วย ผมเชื่อว่าแกตัดสินใจอะไรเองได้ปาน่ะปล่อยๆซะบ้าง ไม่ต้องห่วงอะไรแกมากนักหรอก”
ปลายนิ้วของทศสอดผ่านไปตามผิวละเอียดอ่อนทั้งสองข้างปาดเข้าหาตำแหน่งกะทัดรัดในความสาวของเธอลากพลิกไปมาจนเธอสะดุ้ง ผิวพรรณความสาวของเธอตอดกระชับทักทายนิ้วของเขาอย่างคุ้นเคย..แต่ถึงแม้การสัมผัสเล้าโลมอย่างชิดใกล้จากสามี จะทำให้อารมณ์ของปริษาปั่นป่วนแต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะรุกเร้าเขาเพราะมันเป็นเรื่องสำคัญที่สุดสำหรับเธอ
“ยิ่งโตเป็นสาวน่ะแหละ ยิ่งต้องระวัง”
ทศกระพริบตาด้วยความประหลาดใจที่เธอยังทนคุยอยู่ได้ทั้งๆที่เขาเล้าโลมขนาดนี้แต่ความตั้งใจของเขาไม่คลอนแคลน ทศรั้งร่างอวบอิ่มของภรรยาเข้ามาในวงแขนพร้อมกับก้มหน้าลงดูดดื่มความหอมหวานจากซอกคอหอมกรุ่นและกลีบปากนุ่มละมุน
“อะไรกันจ๊ะที่รัก จะให้หวานเป็นลูกแหง่ไปจนโตเลยหรือไง”
ชุดนอนของเธอหลุดลุ่ยลงไปขณะที่ปลายนิ้วร้อนผ่าวราวเปลวเพลิงของหนุ่มใหญ่กลับมาวนไล้อย่างแผ่วเบาไปบนยอดทรวงที่ชูชัน ปริษาต้องระงับความปรารถนาบังคับใจตัวเองไม่ให้วอกแวกไปตามน้ำหนักมือของเขาที่เคล้นคลึงบัวงามของเธอด้วยความกระสันซ่านนั้น ทำให้ยากเย็นเหลือเกินที่จะดำเนินการสนทนาต่อไป
“ทำไมพ่อของหนูหวานถึงใจร้ายขนาดนี้นะ”
“ หมายความว่าไงจ๊ะแม่ตุ๊กตาน้อย”แม้จะแต่งงานกันมาหลายปี จนลูกสาวโตแต่เขาก็ชอบที่จะเรียกเธอว่าตุ๊กตาน้อยอยู่อย่างนั้น
“ก็ทศเอาแต่ขโมยจูบปาแล้วก็ยุ่งแต่เรื่องงานไม่เคยเอาใจใส่ลูกสาวที่น่าสงสารของเราเลย” ปริษาต่อว่าสามีอย่างขุ่นเคืองแง่งอน
“โธ่ ผู้ชายที่ไหนจะไปอดใจไหว ถ้าลองได้เห็นเมียตัวเองนอนถ่างขายั่วขนาดนี้”
ปริษาหน้าแดงทุบหลังเขาดังพลั่กด้วยความหมั่นไส้
“เอ๊ะ ทศนี่.. ปานอนถ่างขาที่ไหนกันคะ… พูดน่าเกลียด”
ทศพลหัวเราะชอบใจพลางนึกในใจว่าท่าทางโกรธๆงอนๆของภรรยาเขานั้นงดงามที่สุดในโลก
“ที่รักจ๊ะ ถึงผมจะงานยุ่ง แต่ผมก็พูดคุยกับลูกอยู่ทุกวันนะและผมก็ไม่เห็นแกจะมีท่าทีทุกข์ใจอะไรอย่างที่ปาพูดเลย ปาน่ะคิดมากไปแต่เอาเถอะผมจะช่วยดูแลแกให้มากขึ้น พอใจรึยังที่รัก”
ปริษาเห็นประกายอบอุ่นในดวงตาของเขาและจับน้ำเสียงที่ผ่อนปรนให้เธอได้เป็นอย่างดี ทำให้อารมณ์รักแผ่ซ่านไปทั่วร่าง
“ขอบคุณค่ะ ปายอมตายเสียดีกว่าที่จะเห็นลูกต้องซึมเศร้าแบบนี้” หญิงสาวกล่าวเสียงเครือ พร้อมกับสอดแขนโอบรอบร่างใหญ่โตของสามีไว้แล้วซุกหน้าลงกับทรวงอกที่กว้างอบอุ่นนั้น
“มีอะไรอีกหรือเปล่าจ๊ะ บอกมาทีเดียวเลยกระผมจะยอมทำทุกอย่างตามที่เมียสั่ง” ทศยิ้มพรายขณะก้มหน้าลงเกลือกกับเรือนผมหอมกรุ่นของเธอ ปริษาหัวเราะคิกเบือนหน้ามาสนองจุมพิตดูดดื่มที่ประทับลงมาอย่างเต็มใจทศพลบดขยี้ลิ้มรสความหวานบนกลีบนุ่มที่เผยอรับอย่างหิวกระหาย มือแข็งแรงกำบั้นท้ายงอนงาม
“คราวนี้ ทิ้งบทแม่ แล้วมาทำสิ่งที่ภรรยาควรจะทำได้แล้วนะจ๊ะที่รัก”เขากระซิบเสียงอู้อี้ ริมฝีปากอุ่นๆนุ่มเหมือนกลีบกุหลาบสีชมพูนาบประกบอยู่กับปากเขาลิ้นของเขาสอดควานเข้าไปในปากของเธอแล้วก็พบว่าเธอตอบสนองด้วยการดูดเม้มริมฝีปากของเขาในทันทีมือของเขาโอบกอดร่างอวบอิ่มได้สัดส่วนและดึงกระชับเข้ามาจนอกอวบหยุ่นของเธอเบียดอยู่กับอกของเขา
ทศกวาดมือลงไปก็พบว่าปริษานั้นทอดกายแผ่กว้างในขณะที่เขาตะโบมลูบไล้ลงไปสู่ส่วนสำคัญของร่างกายเธอปริษานั้นร้อนเร่าไปทั้งตัวด้วยไฟพิศวาสที่โหมกระพือขึ้นมาอย่างรวดเร็วความรู้สึกเสียวกระสันแผ่ซ่านไปทั่วทุกขุมขนยินยอมให้ความแข็งขึงของเขาเบียดแทรกเข้าไปไม่ขัดขืนหญิงสาวครางเสียงกระเส่าเมื่อปากร้อนระอุของเขาเคลียซุกไซร้ไปตามซอกคอขาวผ่องก่อนจะอ้าปากงับยอดทรวงสีชมพู
“โอ” ปริษาครวญครางขณะที่มือหนาหนักของเขาคลึงเคล้นอกอวบอีกข้างอย่างเมามัน…
กลิ่นตัวหอมอ่อนๆที่โชยออกมาแตะจมูกเป็นกลิ่นสาวที่ปลุกเร้าอารมณ์ของทศพลให้คุกรุ่นอย่างรุนแรงอกอวบหยุ่นในอุ้งมือยามที่บีบเคล้นสร้างความพึงพอใจให้เขาอย่างสูงสุดทศดูดเม้มยอดที่ชูชันของมันอย่างหิวกระหาย ดื่มด่ำเหมือนตะกละตะกลาม พลิกพลิ้วไปมาพร้อมกับดูดเม้มและขบกัดลงไปจากแผ่วเบาแล้วเริ่มแรงขึ้นแรงขึ้น…สองเต้าอันอวบอิ่มนุ่มนิ่มของปริษาสร้างความเสียวซ่านไปทั่วทุกขุมขนของเขาอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่งเนื้อนมอันอวบหยุ่นบดเบียดกับแก้ม จมูก คางและปากเขามากเท่าไหร่ทศพลก็แทบจะหยุดหายใจเนื่องมาจากความสุขสุดเสียวที่วูบวาบไปถึงหน้าท้องและหน้าขาไหลสู่ท่อนเนื้อที่ชูชันแข็งขันเขาเกลือกกลั้วฟอนเฟ้นกับก้อนเนื้อนุ่มๆทั้งสองข้างเหมือนคนบ้าคลั่งปริษาเองก็แหงนหน้าหอบหายใจแรงขึ้น แรงขึ้น ร่างสั่นสะท้านไปทั้งตัว เขาทั้งขยี้ขยำ อยากจะกลืนกินดูดเน้นให้สาสมตามที่หัวใจเรียกร้อง
“เสียวมั๊ยจ๊ะ ที่รัก” เขากระซิบถาม
“เอ๊ะ พูดทะลึ่งอีกแล้วนะทศ” ปริษาต่อว่าอายๆแล้วทุบไปที่หลังเขาเบาๆทศพลเลยแก้แค้นด้วยการขยำนมหนักขึ้นไปอีกจนหญิงสาวร้องครางออกมาดังๆ
ความอดทนหมดสิ้นไป…เธอต้องการเขาเดี๋ยวนี้ ปริษาโยนเรื่องของลูกสาวออกไปชั่วคราวแล้วหันมาสนองความสุขให้กับสามีอย่างเต็มที่ทศพลส่งเสียงครวญครางบอกความสุขสมเมื่อเธอยักย้ายส่ายสะโพกยักเยื้องไปตามจังหวะเพลงรักได้อย่างเหมาะเจาะมือน้อยๆลูบคลำไปตามจุดต่างๆที่เธอรู้ว่าจะสร้างความหฤหรรษ์ให้กับเขาปริษารู้ว่าเธอได้แต่งงานให้กับบุรุษที่วิเศษที่สุดในโลก
อารมณ์ความต้องการของปริษารุนแรงจนพุ่งขึ้นสูงใบหน้ามีเลือดฝาดฉีกขึ้นมาหล่อเลี้ยงจนแดงระเรื่อลมหายใจเร่งรัวอย่างไม่เป็นจังหวะ เธอรัดแขนรัดขาของทศพลเหมือนลืมตัวกอดกระหวัดและส่งเสียงร้องครวญคราง ขณะที่ทศวนเวียนจูบซุกไซร้ไปทุกส่วนร่างของทศแทบจะจมหายไปกับเรือนกายของปริษากลิ่นหอมจางๆจากนวลเนื้อเธอทำให้เขามีความรู้สึกอบอุ่นอย่างเป็นสุขแก้มซ้ายของเขาแนบกับเนื้อนมขาวผ่องของเธอ และมิวายจะฟอนเฟ้นดอมดมอย่างไม่รู้เบื่อขณะที่เรือนกายอวบขาวของเธอเด้งไปเด้งมา และส่ายไหวเหมือนกับคลื่นที่แระฉอกตัวเป็นจังหวะจะโคนปริษาขยับสะโพกยกขึ้นเด้งสู้แรงกระแทกของเขาอย่างไม่ยอมแพ้เลือดในกายของเธอเดือดพล่าน ความสาวของเธอตอดกระชับเป็นช่วงๆตาของเธอฉ่ำหวานเป็นประกาย ขณะที่ปากก็ครวญคราง
“อา…วิเศษที่สุดเลยทศ … ปา … มีความสุขเหลือเกิน…โอ”
“ผมก็เหมือนกันที่รัก”
ปาริษาแทบจะทนต่อไปไม่ไหวแล้วบั้นท้ายเธอบดขยี้กับที่นอน เรือนร่างบิดย้ายสะบัดแรงขึ้นเรื่อยๆ
“แรงขึ้นอีกค่ะทศ แรงขึ้นอีก.. ได้โปรด”
“แรงขึ้นอีกหรือปา แรงอีกมั๊ย”
“แรงอีกค่ะ โอ…แรงอีก”
“อา..ปาร้อนเหลือเกิน ที่รัก…”เขาพึมพำเสียงสั่น “….ถ้างั้นให้ปาทำเองเลยดีกว่า”
ทศร้องแล้วเปลี่ยนสลับให้เธอนั่งอยู่ข้างบนปริษาขยับร่างส่ายสะโพกอย่างไม่ยอมให้เสียจังหวะทรวงอกอวบอิ่มของเธอสั่นกระเพื่อมอย่างรุนแรงและยั่วยวนใจเขาจนแทบจะกระดอนออกจากอกมือของเขาลูบคลำไปตามเรือนร่างของเธอ ลากขึ้นไปจนถึงทรวงอกอวบอิ่มที่กำลังเด้งขึ้นลงอย่างรุนแรงแล้วบีบขยำอย่างมันมือ เธอสะบัดหน้าจนผมกระจาย ปากก็ร้องครวญครางปลายเล็บจิกลงบนเนื้อหนังที่ร้อนระอุของเสามีทศรู้ว่านี่คือสัญญาณที่แสดงว่าภรรยาของเขากำลังจะเดินทางเข้าสู่ห้วงแห่งความสุขสุดยอดแล้ว
บัดนี้ปริษารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองแล้วทุกอย่างเลือนหายไปจากจิตใจ เหลือเพียงจังหวะการโหมกระหน่ำของเธอเท่านั้นจังหวะการหอบหายใจของเขา ผสานเข้าเป็นจังหวะเดียวของเธอในที่สุดเธอก็กรีดร้องเสียงหลง… อาการกดจิกเล็บนั้นเปลี่ยนไปปริษากดร่างลงไปแนบสนิทกับเขา ทศพลรู้สึกเหมือนกับร่างกายจะระเบิดออกเป็นเศษเล็กเศษน้อยราวกับลูกโป่งที่อัดลมโป่งพองจนถึงขีดสุดลมหายใจร้อนผ่าวของเธอระบายพรวดมาอาบทั่วใบหน้าขณะที่ละอองแห่งความสุขของเขาแตกทะลักไปทั่วอณาบริเวณของเธออย่างล้ำลึกที่สุด…เมื่อลืมตาขึ้นปริษาก็มีโอกาสเห็นใบหน้าที่เปี่ยมล้นด้วยความสุขของสามีพอดีมันเป็นความสุขที่ตั้งอยู่บนรากฐานของความบริสุทธิ์นี่คือช่วงเวลาที่ไม่จริตมายาเข้ามาเคลือบคลุม…จากนั้นเธอก็หลับตาพริ้มลงอีกครั้งกางแขนโอบรัดร่างของเขาอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง.