เล่ห์สวาทเพลิงราคะ 13
เชิดยิ้มกริ่มขณะนั่งนับเงินฟ่อนใหญ่ในมือ ปากก็ถามน้องชายที่นำเงินมาส่งให้กับตนเอง ในสถานที่ที่เอเยนต์ค้าย้านรกกำลังมาซุ่มซ่อนอยู่ เพราหลบหนีจากการไล่ล่าของตำรวจ
“ช่วงนี้เป็นไงบ้างวะ…ไอ้ชิด.. ถูกกวนบ่อยไหม…ที่นี่ก็ชักไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่ กูอาจจะต้องย้ายที่กบดานอีกครั้ง…พวกชาวบ้านมันชักจะเริ่มมองแปลกๆ แล้ว”
เด็กหนุ่มหัวโจกแก๊งเด็กนรกหัวเราะ ฮิ ฮิ กล่าวอย่างอวดโอ่
“ก็มีบ้าง แต่มืออย่างไอ้ชิดแล้ว สบายมากน่า…”
“เออ อย่าทำกระเร่อกะร่าให้ได้พวกตำรวจมาตามกลิ่นได้แล้วกัน…”
เอเยนต์ค้ายานรกนับเงินเสร็จ ก็ยัดเข้าไปใส่ในลิ้นชักโต๊ะทำงาน ก่อนจะถามว่า
“ของใกล้หมดแล้วหรือยังวะ?”
“ก็พออยู่ได้อีกเดือนมั้ง…พี่”
เชิดผงกศีรษะ กล่าวว่า
“เออ แล้วจะให้คนเอาของไปให้”
ชิดหมดธุระกับพี่ชายก็ผุดลุกขึ้น เอเยนต์ค้ายานรกนึกอะไรขึ้นได้รีบเรียก
“เฮ้ย…เดี๋ยว…ไอ้ชิด…วันก่อนกูเจอไอ้มืด…มันเล่าว่าพวกมึงกำลังคั่วเด็กนักศึกษาคนหนึ่งอยู่หรือ?”
ชิดหัวเราะฮิฮิ แลบลิ้นแผล็บๆ เอเยนต์ค้ายานรกตอนนั้นมีสีหน้าเคร่งขึ้น ยกนิ้วชี้หน้า
“ไอ้เหี้ยไม่ต้องทำหน้าหื่น…มึงจะเย็ดใคร
กูไม่สนใจ…แต่คนนี้กูได้ยินไม่ใช่เป็นแบบอีกะหรี่เด็กพาณิชย์ใจแตกที่มั่วยาจนต้องแบหีให้มึงเย็ด..ทำอะไรระวังหน่อยนะโว้ย…กูขอเตือน…อย่ากระสันให้มากจนเจอตอ…ดูดีๆ เชียวนะมึง…อย่าสักแต่ว่าเอาแค่อร่อยควย..แต่ทำให้เดือดร้อน…พอเรื่องมันบานปลายกูต้องลำบากเชียวนะ”
“น่าพี่เชิด…ผมรู้น่า”
ชิดรับคำอย่างขอไปที แต่ในใจนั้นกระสันซ่านไปกับแผนการณ์ที่ถูกวางเอาไว้ให้สำหรับของเล่นชิ้นใหม่ที่กำลังคอยให้ตนเองกับพวกได้จัดการเป็นอาหารควย….
ใบหน้าเสี้ยมตอบที่หันเดินออกไปจากสถานที่นั้นแย้มยิ้มอย่างกระหายหื่น เมื่อหวนนึกไปถึงรูปของนักศึกษาที่ฐิติพรรณโชว์ให้ดู
ใบหน้าสวยใสนั้นราวกับนางฟ้า ตัวเล็กๆ บางๆ ในชุดนักศึกษา …..
น้องชายของเอเยนต์ค้ายานรกจินตนาการนึกถึงภาพเวลาที่ตนเองกับพวกได้เคล้นคลึงไปทั่วร่างเล็กๆ ได้กระทุ้งควยเข้าไปในโพรงหีที่คงจะตีบๆ เล็กๆ รับกับร่างกายบางๆ นั้น อย่างกระสันซ่าน ยิ่งคิด ยิ่งจิตนาการ แล้วก็ยิ่งขนลุกด้วยความกระหายหื่น
ท่อนกายของหัวโจกแก๊งนรกในเวลานั้นเต่งตึงตัวขึ้นจนนูนคับเป้า
ส่วนเอเยนต์ค้ายานรก พอน้องชายคล้อยหลังไปไม่ทันไรก็ยกมือถือขึ้นต่อสาย พักหนึ่งพอได้ยินเสียงรับ เชิดก็กรอกเสียงลงไปอย่างนอบน้อม
“พ่อเลี้ยงหรือครับ…เราคงต้องขนสินค้ากันอีกรอบแล้วครับ”
……………..
อารมณ์ของฐิติพรรณนั้นกรุ่นด้วยความหงุดหงิดเจ็บแค้นมากพออยู่แล้ว ที่สายตาของเธอมองเห็นเงาหลังไกลๆ ของชายหนุ่มที่เธอหลงใหล กำลังเดินอยู่ข้างๆ เด็กสาวร่างเล็กบาง ที่อาการแสดงออกของชายหนุ่มนั้นไม่ได้ปิดบังความรู้สึกที่มีต่อสตรีข้างกายเลยแม้แต่น้อย
แต่ทว่าความรู้สึกเร่าร้อนนั้นยิ่งปะทุสูงขึ้นราวกับถูกราดด้วยน้ำมันเข้าไปในกองไฟที่ผลาญอยู่ในใจของเธอ เมื่อนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่เดินผ่านสวนไปนั้นเปรยเสียงเยาะๆ มา
“คู่นั้นเขาสมกันดีนะ….”
พริตตี้สาวหันไปมองตาขุ่น ก็พบเห็นรุจิราที่ยืนยิ้มเชิดหน้ามองมาอยู่แล้ว ตอนนี้เด็กสาวไม่ต้องอาศัยไม้ช่วยเดินแล้วแต่ก็ยังเดินขัดๆ อยู่ไม่เป็นปกติดี
ในเวลานั้นใบหน้าสวยขาวผ่องนั้นมีร่องรอยแห่งความสะใจ ขณะที่หันไปทำเสียงเล็กเสียงน้อยกับเพื่อนในกลุ่ม
“รุก็ว่าอย่างนั้นแหล่ะ…พี่ธนาเขารู้ว่าอะไรคือเพชรแท้และอะไรคือพลอยเทียม ที่อาศัยแค่แต่งตัวยั่วๆ คอยจับผู้ชายรวยๆ”
พรรคพวกร่วมกลุ่มหัวเราะครืน ขณะที่ศจีที่เดินมาข้างๆ เพื่อนสาว ฉุนกึก ฮึ่มๆ ในลำคอ
“ตบซะดีไม๊ นังลูกเจ๊กขาเป๋นี่…”
ประกายตาของฐิติพรรณนั้นพลุ่งพล่านระริกขณะจ้องมองไปยังรุจิรา ความจริงเธอไม่ใช่คนที่จะยอมใครง่ายๆ อยู่แล้ว แต่ในบริเวณนั้นมีคนพลุกพล่าน ทั้งนักศึกษารวมไปถึงคณาจารย์ ถ้าทะเลาะเบาะแว้งกันไปจนถึงขั้นลงไม้ลงมือ เรื่องจะไปกันใหญ่ จึงได้แต่ข่มใจ ดึงมือเพื่อนเอาไว้
“อย่าเลย แอ๋ว…ช่างเถอะ…”
ศจีขบเคี้ยวฟันอย่างโมโห ขณะที่เดินผละมากับฐิติพรรณ โดยมีเสียงหัวเราะแหลมๆ ของรุจิรากับพวกไล่หลังมา
“นี่ไอซ์…แกจะเฉยอยู่อย่างนี้เหรอ..ฉันน่ะ..หมั่นไส้นังลูกเจ๊กหน้าจืดจนอยากจะเข้าไปตบให้คว่ำ…”
“แล้วแกไปตบมันจะได้อะไรล่ะ…ก็แค่สะใจเท่านั้นเหรอ..”
ฐิติพรรณกล่าวเสียงเรียบๆ เพื่อนได้ฟังแล้วจึงหันมามองอย่างแปลกใจ
“ฉันรู้สึกว่า…กลับจากหัวหินคราวนี้ แกใจเย็นขึ้นเยอะนะ นังไอซ์”
พริตตี้สาวเหยียดยิ้มมุมปากอย่างขมขื่น…ใครเล่าจะรู้….ถ้าจะนำไปเปรียบเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเธอนั้น คำพูดเสียดสีของรุจิรามันคงไม่ต่างอะไรกับสายลมที่พัดมากระทบตัวอย่างเบาบาง…หาความสลักสำคัญอะไรไม่ได้เลย
ตอนนั้นศจีหันไปยังทิศทางที่ธนาเดินอยู่ลิบๆ กับอรนุช แล้วเน้นเสียงกล่าวอย่างแค้นแทนเพื่อน
“อย่าบอกฉันว่าแกจะยอมเป็นเบี้ยล่างให้ยัยชะนีนุชนั่นไปตลอดนะ…นังไอซ์”
พริตตี้สาวกล่าวเสียงเย็นชา
“วางใจเถอะ..แอ๋ว..ถึงทีฉันเอาคืนบ้าง…ใครที่ทำให้ฉันเจ็บ…ฉันจะเอาคืนด้วยวิธีที่แสบสันต์…แสบกว่าตบหน้าเป็นร้อยเป็นพันเท่า…”
ดวงตาของเด็กสาวสวยนั้นเป็นประกายวูบหนึ่ง วูบนั้นที่เพื่อนสาวมองเห็นแล้วอดที่จะขนลุกไม่ได้
……………..
อาคารประชุมนานาชาติที่ใหญ่นั้นแคบไปถนัดตา เมื่อมีการตั้ง Booth แสดงเกี่ยวกับงานด้านท่องเที่ยวจนเต็มพื้นที่ และมีผู้คนทั้งคนทั่วไปและนักธุรกิจหลั่งไหลเข้ามาชมงานกันอย่างเนืองแน่น
ในบริเวณงานอันใหญ่โตนั้นยังแบ่งพื้นที่ซอยย่อยเป็นส่วนสัดสำหรับการเจรจาธุรกิจการค้า ซึ่งผู้ที่เข้าร่วมงานทุกรายจะได้รับพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นล็อกๆ ไม่ปะปนกัน
ภายในห้องหนึ่ง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับจัดสรรของ Booth ในเครือคัทลียา โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท ซึ่งเป็นเครือโรงแรมชั้นนำอันดับต้นๆ ของประเทศไทยที่ได้รับการจับตามองอย่างสูงจากความสำเร็จ ภายใต้การนำของประธานกรรมการบริหารผู้เป็นหญิงสาวที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในความโดดเด่นเป็นเอกทั้งในรูปสมบัติและคุณสมบัติอย่างหาตัวจับยากในบรรดานักธุรกิจเพศแม่ด้วยกัน
ในเวลานั้นอรชายิ้มพลางยื่นมือเรียวงามของเธอให้คู่ค้านักธุรกิจด้านการจัดทัวร์ท่องเที่ยวของประเทศออสเตรียจับ กล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงหวานนุ่มภายใต้สำเนียงภาษาอันไพเราะ
“ขอบคุณเป็นอย่างมากค่ะ…ที่ให้ท่านเกียรติเราได้มีโอกาสบริการ”
ซึ่งอีกฝ่ายก็กล่าวชมเชยเธอด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอีกหลายคำก่อนจะพากันกลับไป