โอ้…พี่สาวที่รัก ตอนที่ 7 สาวิตรีตีฉิ่ง

โอ้…พี่สาวที่รัก ตอนที่ 7 สาวิตรีตีฉิ่ง

โอ้…พี่สาวที่รัก ตอนที่ 7 สาวิตรีตีฉิ่ง

ไกรวิทย์นอนทอดหุ่ยบนเตียงอยู่นานกว่าจะตัดใจเปลี่ยนผ้าปูที่นอน ส่วนพรรณวดีอยู่ในห้องน้ำกำลังทำความสะอาดร่างกายโดยเฉพาะเหงื่อที่เกาะพราวอยู่ตามตัว เธอชอบความรู้สึกตอนที่น้ำไหลซู่มากระทบกับหัวนมที่ไวต่อความรู้สึกของเธอ มันทำให้เธอคิดถึงแต่เรื่องวาบหวิว ผิวกายทุกส่วนที่ถูกน้ำสาดกระทบดูจะส่งกระแสความสุขออกมาเมื่อเธอลดอุณหภูมิของน้ำลงเพื่อกำจัดความร้อนที่สะสมอยู่ในกล้ามเนื้อ
ไกรวิทย์ลุกจากเตียงและลากผ้าปูที่นอนออกไปเรียบร้อยแล้วตอนที่พรรณวดีโผล่มาตรงประตู ร่างของเธอยังคงมีน้ำหยดติ๋ง ๆ เส้นผมเธอแบนติดหนังศีรษะซึ่งพอเปียกน้ำแล้วก็ดูสีเข้มกว่าปกติ ทำให้ดูเธอเหมือนเป็นคนใหม่ เธอมองไกรวิทย์พับผ้าปูที่นอนจนเป็นก้อนกลมพร้อมที่จะยัดใส่เครื่องซักผ้า กลิ่นที่เกิดจากกามกรีฑาของพวกเขายังลอยฟุ้งอยู่ในห้อง
พรรณวดีเดินเข้าไปหาน้องชาย ทิ้งรอยเปียกไว้บนพรมที่เขี่ยฝ่าเท้าที่เปลือยเปล่าของเธอ ไกรวิทย์มองพี่สาวเดินเข้ามาหา ชื่นชมเรือนร่างของเธอที่มีเพียงเสื้อคลุมอาบน้ำบาง ๆ ปิดบังไว้ ผ้าไหมสีชมพูนุ่มนั้นดูเชิญชวนเหลือเกิน
“มัน…” คำพูดของพรรณวดีสะดุดลงเมื่อถูกนิ้วของน้องชายที่วางบนริมฝีปากเธอสกัดกั้นไว้
“ไม่
ต้องพูดอะไรหรอกครับ” ไกรวิทย์ยิ้มขณะที่ดึงนิ้วออกมาแล้วประทับจูบลงบนริมฝีปากของพี่สาวทำให้เธอรู้สึกเสียวแปลบไปทั่วตัวเมื่อริมฝีปากที่อุ่นนุ่มของไกรวิทย์สัมผัสกับริมฝีปากของเธอ การจูบของทั้งคู่ต้องยุติลงอย่างปัจจุบันทันด่วนเมื่อได้ยินเสียงประตูหน้าปิดดังปัง
“พี่ต้องไปแล้วล่ะ” พรรณวดีพูดแล้ววิ่งไปที่ประตูก่อนจะหยุดแล้วหันไปยิ้มให้น้องชาย จากนั้นก็วิ่งตึกตักไปที่ห้องนอนเพื่อแต่งตัว ไกรวิทย์คว้าก้อนผ้าปูที่นอนแล้วเดินลงไปข้างล่างดูว่าใครกลับมาบ้าน
วันรุ่งขึ้นเป็นวันเสาร์เพราะฉะนั้นทุกคนก็เลยอยู่บ้านกันครบ
ไกรวิทย์และพรรณวดีไม่ได้เจอกันเลยเกือบตลอดช่วงเช้า ไม่ใช่เพราะทั้งคู่ละอายใจในสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อนหรอก แต่เป็นเพราะเส้นทางของทั้งคู่ไม่มาบรรจบกันเองเนื่องจากในบ้านมีคนอยู่พลุกพล่านต่างหาก
“เมื่อวานผ้าปูที่นอนเธอเปื้อนอะไรมาเหรอ” สาวิตรีถามไกรวิทย์ในห้องครัวขณะที่เธอหยิบข้าวสาลีอบกรอบออกมาจากตู้
“ผ้าปูที่นอนเหรอครับ พี่สา” ไกรวิทย์ถามขณะที่เคี้ยวอาหารเช้าคำสุดท้าย
“เมื่อวานตอนพี่กลับมา เห็นเธอเอาผ้าปูที่นอนลงมา พี่อยากรู้ว่ามันเปื้อนอะไร ก็แค่นั้นแหละ” สาวิตรีขยายความขณะที่เธอนั่งลงรับประทานอาหารเช้าที่โต๊ะ
“อ๋อ นั่นน่ะเหรอ พี่พรรณอ้วกใส่น่ะครับ ผมก็เลยต้องเปลี่ยนผ้าปูที่นอนใหม่ พี่สาก็รู้นี่ครับว่าเมื่อวันก่อนพี่พรรณแกไม่สบาย” ไกรวิทย์พูดขณะถือชามไปที่ซิงค์น้ำ ในใจหวังว่าคงไม่มีการพูดเรื่องนี้ต่อ
“พี่ไม่คิดว่ายัยพรรณเขาป่วยหนักขนาดนั้นเลยนะ แล้วเขาไปทำอะไรในห้องเธอล่ะ” สาวิตรีถามก่อนจะตักอาหารเช้าเข้าปาก
“พี่พรรณเขา…” ไกรวิทย์นึกหาคำตอบดี ๆ ไม่ออก
“ไม่เป็นไรหรอกนายวิทย์ เธอไม่ต้องบอกพี่ก็ได้ ทีเราเองก็ไม่ได้บอกทุกเรื่องให้คนอื่น ๆ รู้เหมือนกัน” สาวิตรีพูดยิ้ม ๆ ทั้งที่ในปากยังมีอาหารอยู่
“เรื่องอะไรเหรอคะ” กุลธิดาเอ่ยถามขณะที่เดินเข้ามาในห้องครัวที่สว่างจ้า
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ แค่คุยเล่นกับพ่อน้องชายคนเล็กของเราเท่านั้นแหละ” สาวิตรีตอบ กลบเกลื่อนพิรุธได้อย่างยอดเยี่ยม
“หนูว่าคุยกับนายวิทย์คงจะสนุกดีหรอกนะคะ” กุลธิดายิ้มถากถางไกรวิทย์
“ตลกนักนี่ พี่ดา” ไกรวิทย์ยิ้มตอบ
“ไม่เอาน่า อย่ารวนกันเองซิ” สาวิตรีดุน้องชายและน้องสาวขณะที่เธอวางชามในซิงค์น้ำ
“แล้ววันนี้มีแผนทำอะไรกันป่าว” กุลธิดาถามทั้งพี่สาวและน้องชาย
“ไม่มี” เป็นคำตอบของทั้งไกรวิทย์และสาวิตรี
“เห็นยัยภา แม่ พี่นุช และพี่พรรณคุยกันว่าจะเข้าเมือง จะไปกับเขาด้วยไหมล่ะ” กุลธิดาถาม
“ผมกระเป๋าแห้ง พี่สาล่ะครับ” ไกรวิทย์ถาม ส่งยิ้มแบบมีความหมายเป็นนัยว่านี่เป็นโอกาสทองที่พวกเขาจะได้อยู่กันเพียงลำพัง
“พี่ก็เหมือนกัน ไม่เหลือเลย” สาวิตรีตอบ ส่งรอยยิ้มนั้นกลับคืนให้น้องชาย
“ว้า น่าเสียดายเนอะ” กุลธิดาเบะปาก “ทางนี้ก็เหมือนกันเลย สงสัยจะเหลือเราอยู่โยงกันแค่สามคน”
หัวใจไกรวิทย์หล่นวูบ เขาวาดหวังไว้ว่าจะได้ใช้เวลาช่วงเช้ากับสาวิตรีบนเตียงเพียงลำพัง แต่เมื่อกุลธิดาอยู่บ้าน มันคงยากที่จะเป็นความจริงขึ้นมา
“อ้าวเหรอ อยู่กันสามคนก็ดีเหมือนกันนะ” สาวิตรีพูดพร้อมรอยยิ้มแบบมีเลศนัย
“ครับ..เอ่อ.ผมเพิ่งนึกได้ว่าเมื่อวานใช้เงินไปไม่หมด วันนี้ผมอาจจะไปด้วย” ไกรวิทย์หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาแล้วเปิดให้พี่สาวทั้งสองเห็นธนบัตรที่เหลืออยู่ข้างใน
“พวกนั้นคงชอบใจเนอะที่ได้นายวิทย์ไปช่วยหิ้วข้าวหิ้วของให้” กุลธิดามองน้องชายแล้วพยักหน้าเห็นด้วย
“งั้นผมต้องรีบแล้วล่ะจะได้ตามไปทัน” ไกรวิทย์ยิ้มแล้วคว้าเสื้อแจ็คเก็ตเดินตรงไปที่ประตู
“เอาล่ะ เหลือเราเพียงสองคนแล้วนะ น้องพี่” กุลธิดายิ้มขณะมองผ่านหน้าต่างเห็นน้องชายวิ่งตามแม่และพี่สาวที่เพิ่งออกไป
“ค่ะ เหลือแค่เราสองคนเท่านั้น”
กุลธิดาและสาวิตรีนั่งดูทีวีในห้องนั่งเล่น คนอื่น ๆ ออกไปราวยี่สิบห้านาทีได้แล้ว พี่น้องสองสาวตกลงกันว่าวันนี้จะอยู่กันสบาย ๆ สาวิตรีนั่งรับแสงจากหน้าต่าง แสงที่สาดส่องกระทบตัวเธอดูเป็นประกายสีทองเรืองรอง กุลธิดาอดชื่นชมกับภาพผิวกายที่เรียบลื่นของพี่สาวสะท้อนแสงสว่างสดใสไม่ได้ สาวิตรีต้องป้องมือไว้เหนือตาเพื่อดูทีวี
“อยากให้ปิดม่านมั้ยคะ”
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ พี่ไม่ค่อยสนใจรายการนี้เท่าไหร่” สาวิตรีตอบแล้วมองไปทางน้องสาวที่นั่งหลบแสงอยู่อีกซีกหนึ่งของโซฟา
“โอเคค่ะ ถ้าอยากให้หนูปิดม่านเมื่อไหรก็บอกนะคะ จริง ๆ หนูก็ไม่ค่อยสนใจรายการนี้เหมือนกัน” กุลธิดาเห็นด้วยและมองหารีโมทเพื่อเปลี่ยนช่อง
“เราไปทำอย่างอื่นกันดีกว่ามั้ย พี่ว่าทีวีไม่ค่อยมีอะไรน่าดูเลย” สาวิตรีพูด ลุกขึ้นยืน
กุลธิดาเห็นด้วยและปิดทีวี “พี่สาอยากทำอะไรล่ะคะ” เธอถาม
“พี่เองก็ไม่รู้ แล้วแต่หนูดีกว่ามั้ย”
“เอ้อ เราไป…” กุลธิดาคิดไม่ออก ปกติเธอไม่ใช่คนที่คอยคิดตัดสินใจ ยิ่งตอนนี้ยิ่งเห็นได้ชัดว่าเธอไม่ถนัดเรื่องคิดจริง ๆ
“ไปทำอะไรหรือจ๊ะ”
“หนูคิดว่าเราเอ้อ ไปอาบแดดกันหน่อยดีมั้ยคะ อากาศข้างนอกกำลังเหมาะเลย” นี่คือข้อเสนอของกุลธิดา ซึ่งพี่สาวของเธอไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่
“พี่ไม่ค่อยชอบอาบแดดน่ะ พี่คิดว่าจะจัดข้าวจัดของซักหน่อย สนใจจะช่วยมั้ย” สาวิตรีซาวเสียง
“ได้ค่ะ” กุลธิดาดูกระตือรือร้นที่จะช่วยงานที่ปกติแล้วเป็นงานที่น่าเบื่ออย่างทำความสะอาดตู้เสื้อผ้า
“โอเค งั้นไปกันเถอะ” สาวิตรีเดินนำไปที่บันไดแล้วขึ้นไปที่ห้องนอนของเธอ
“ว้าวพี่สา นี่พี่มีเสื้อผ้ากี่ชุดเนี่ยคะ” กุลธิดาถามขณะรับเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์จากตู้เสื้อผ้าของสาวิตรีมาอีกชุดหนึ่ง
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน จะมีอะไรอยู่ในนี้ก็คงไม่แปลกแล้วล่ะ” สาวิตรีสารภาพขณะที่เธอเจอชุดเพิ่มขึ้นอีก กองนี้อยู่ติดผนังด้านหลังตู้ที่แทบจะไม่มีที่ว่างเหลือ
“หนูไม่รู้เลยนะคะเนี่ยว่าพี่สามีชุดเยอะยังงี้” กุลธิดาชื่นชมเสื้อผ้าที่ถูกกองไว้เป็นชุดที่เข้ากันบนเตียงทั้ง 3 ในห้อง
“พี่เองก็ไม่คิดว่ามันจะเยอะจนเหลือเชื่อขนาดนี้” สาวิตรีมองกองเสื้อผ้าที่แตกต่างกัน แรกสุดก็เสื้อยืดสีต่าง ๆ แดง น้ำเงิน ชมพู ขาว เขียว ทั้งที่มีลวดลายและที่เป็นสีพื้น หลายตัวที่อยู่ในกองนี้มันเล็กจนเธอใส่ไม่ได้แล้วแต่ก็ไม่ได้แยกออกไป ต่อไปเธอหันไปดูกองกางเกงยีนส์ ทั้งสีซีด ทั้งใหม่ ทั้งเก่า สีดำและน้ำเงิน รวมกันอยู่ที่นั่น
สายตาทั้งสองคู่เลื่อนไปมองเตียงถัดไปซึ่งมีชุดเก่า ๆ ของสาวิตรีกองอยู่ มันกระจัดกระจายอยู่บนเตียง ชุดสีเขียว แดงและน้ำเงินซ้อนทับกัน ซึ่งชุดเหล่านั้นเล็กเกินไปสำหรับสาวิตรีแล้ว
ส่วนเตียงที่สามเต็มไปด้วยรองเท้าหลากหลายชนิด มีทั้งส้นสูง ผ้าใบและบู๊ทหลากสี
“โอ๋ย พี่ไม่คิดว่าพี่มีของเยอะขนาดนี้” สาวิตรีส่ายหน้า เธอแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าข้าวของทั้งหมดนี้ยัดรวมกันอยู่ในตู้เสื้อผ้าของเธอมานานเสียจนฝุ่นจับ
“เอ ไอ้นี่มันอะไรหนอ” เสียงกุลธิดาดังมาจากด้านหลังสาวิตรีที่กำลังแปลกใจว่าของเยอะขนาดนี้ยัดเข้าไปรวมอยู่ในที่แคบ ๆ อย่างตู้เสื้อผ้าได้อย่างไร พอหันกลับไปก็เห็นกุลธิดาดึงกล่องรองเท้าที่ดูคุ้น ๆ แต่จำไม่ได้ว่าข้างในใส่อะไรไว้
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน” สาวิตรีเอียงคอพยายามนึกว่ามันใส่อะไรไว้
“ตายแล้ว” กุลธิดาร้องลั่นเมื่อเปิดกล่องแล้วหยิบควยยางสีดำยาวเฟื้อยออกมา นิ้วเธอแทบจะกำแท่งยางอวบอ้วนนั้นไม่รอบ ดวงตาสาวิตรีเบิกกว้าง เธอนึกออกแล้วเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในกล่อง
“พี่สาไปเอามาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” กุลธิดาถาม กวัดแกว่งเจ้าควยยางที่อยู่ในมือ
“พี่ลืมมันไปแล้วนะเนี่ย พี่ได้มาจากเพื่อนตอนอายุยี่สิบเอ็ด ว้ายไม่น่าเชื่อว่ายังเก็บมันไว้อีก” สาวิตรีคว้ามันจากมือน้องสาวแล้วมองสำรวจ ลูบคลำไปทั่วเจ้าแท่งขนาดเก้านิ้ว สัมผัสได้ถึงตุ่มเล็ก ๆ ที่เขี่ยฝ่ามือเหมือนกับที่มันเคยเขี่ยเร้าผนังโพรงหีเธอเมื่อหลายปีก่อน
“แล้วมีเรื่องที่มาของเจ้านี่รึเปล่าคะ” กุลธิดาถามด้วยความสนใจขณะที่เธอมองสาวิตรีลูบไล้แท่งยางแข็งอย่างแผ่วเบาราวกับกำลังอยู่ในโลกใบน้อย ๆ ของตัวเอง
“อะไรเหรอ ขอโทษที พี่มัวแต่คิดอะไรเพลิน ๆ อยู่” สาวิตรีหวนกลับสู่สภาพความเป็นจริงเมื่อได้ยินเสียงน้องสาว
“หนูถามว่ามีเรื่องเล่าเกี่ยวกับเจ้านี่หรือเปล่า”
“อ๋อ มีสิจ๊ะ ตอนพี่อายุยี่สิบเอ็ดปีอย่างที่บอกแล้ว พี่มีปัญหากับแฟน จำได้ใช่มั้ย” กุลธิดาพยักหน้า เธอรู้เรื่องที่สาวิตรีกำลังพูดถึง
“แล้ว”
“เอ่อ เธอกับพี่เราสนิทสนมกันมาตลอดใช่มั้ย” จู่ ๆ สาวิตรีก็เปลี่ยนเรื่อง
“ค่ะ พี่เป็นคนเดียวในบ้านที่หนูสนิทที่สุด พี่สาก็รู้อยู่นี่คะ” กุลธิดาตอบ สงสัยว่าทำไมสาวิตรีถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา
“พี่กำลังจะเล่าความจริงทั้งหมดให้เธอฟัง พี่เชื่อว่าคงไว้ใจเธอได้ใช่มั้ย” สาวิตรีถาม รอคำตอบก่อนจะพูดต่อ
“ชัวร์อยู่แล้วค่ะ” กุลธิดาให้ความมั่นใจกับพี่สาว
“โอเค เอ้อ ปัญหาระหว่างพี่กับสุรเชาวน์ก็คือควยเขาไม่ยาวเท่ากับของคนที่พี่ต้องการน่ะ”
กุลธิดาไม่แน่ใจว่าสาวิตรีหมายถึงอะไร
“ที่จริงแล้วคนที่พี่ต้องการก็คือนายวิทย์น่ะจ้ะ”
“วิทย์ วิทย์ไหนคะ” กุลธิดาถาม จำไม่ได้ว่ามีคนชื่อวิทย์ที่พวกเธอรู้จักอยู่ด้วย
“ก็นายวิทย์ของเราไงล่ะ” สาวิตรีพูดตรง ๆ
“วิทย์ วิทย์ พี่สาหมายถึงนายวิทย์น้องชายเราเนี่ยนะ” กุลธิดาตกตะลึงที่ได้ยินคำสารภาพของสาวิตรีแต่ก็ยังปล่อยให้เธอพูดต่อ
“จ้ะ นายวิทย์ของเรานั่นแหละ ตอนนั้นพี่ไม่รู้ว่ามันหมายความว่าไง เขาอายุแค่สิบห้าและเราไม่ได้มีอะไรกันจนเมื่อสองสามวันก่อน แต่พี่ต้องการเขาตลอดมา”
“เดี๋ยวก่อน นี่หมายความว่าพี่สากับนายวิทย์มีอะไรกันเมื่อสองสามวันก่อนใช่มั้ย”
สาวิตรีพยักหน้า น้องสาวเธอตกตะลึงอีกครั้ง แต่กุลธิดาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอปล่อยให้สาวิตรีพูดต่อ
“เอ้อ พี่กับสุรเชาวน์ทะเลาะกันเรื่องนายวิทย์นี่แหละแล้วเราก็ไม่ได้มีอะไรกันอีกเลย ทำให้พี่หงุดหงิดเป็นที่สุด ยัยเก๋เลยให้ไอ้นี่พี่มา” สาวิตรีชูเจ้าควยยางให้น้องสาวดูขณะเล่า
“แล้วพี่ก็ไม่ได้ใช้มันอีกเลยละสิ หลังจากที่พี่คบกับอารักษ์และตอนนี้ก็เป็นนายวิทย์” เสียงกุลธิดาไม่ได้บ่งบอกถึงความตกอกตกใจ เธอพูดเหมือนตัวเองก็มีความลับอัดอั้นตันใจที่อยากระบายออก
“จ้ะ ดูสิตอนนี้เธอคงคิดว่าพี่คงเลวสุด ๆ แล้วใช่มั้ย” สาวิตรีรอน้องสาวว่าเมื่อไหร่จะเริ่มร้องตะโกนด่าว่าเธอแต่เปล่ากุลธิดาไม่ได้ทำอะไรแบบนั้น เธอกลับยิ้มแล้วมองสบตาพี่สาว
“พี่สาคะ”
“จ๊ะ อะไรเหรอ”
“หนูเข้าใจความรู้สึกที่พี่มีให้กับนายวิทย์ดีค่ะ” กุลธิดาพูดเนิบ ๆ นิ่ม ๆ กับพี่สาว
“เรารู้ได้ยังไงว่าพี่รู้สึกยังไงกับนายวิทย์”
“ก็เพราะหนูรู้สึกแบบเดียวกับพี่นะสิคะ” กุลธิดาสารภาพ สาวิตรีถึงกับเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ
“นี่หมายความว่าเธอก็รู้สึกกับนายวิทย์แบบเดียวกับพี่เหรอ” เธอถาม สาวิตรีส่ายหน้า
“งั้นกับใครล่ะ”
“ก็พี่สานั่นแหละ” กุลธิดาพูดนิ่ม ๆ ก้มหน้าลงราวกับอายที่พูดออกมา
“พี่เหรอ” สาวิตรีตกตะลึงพรึงเพริดกับสิ่งที่กุลธิดาพูดออกมา เป็นใครจะไม่ตกใจบ้างล่ะ
“ค่ะ หนูอยากจะลูบคลำสัมผัสเนื้อนุ่ม ๆ ของพี่สามานานจนตัวเองก็จำไม่ได้แล้วว่าตั้งแต่เมื่อไหร่” กุลธิดาพูดอย่างจริงจัง เธอหมายความตามที่พูดจริง ๆ สาวิตรีรู้
“ไม่จริงมั้งจ๊ะ” สาวิตรีพูดแล้วเดินไปหาน้องสาว
“จริง ๆ ค่ะ หนูควบคุมความรู้สึกตัวเองไม่ได้ ทุกวันที่เห็นพี่ หนูยิ่งต้องการพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ หนูเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน” กุลธิดาเริ่มสะอึกสะอื้น
“โอ๋ ไม่เอาน่า อย่าร้องไห้” สาวิตรีกอดน้องสาวให้หน้าเธอซุกกับหน้าอกแล้ววางศีรษะบนตัวกุลธิดาจากนั้นก็โยกตัวเบา ๆ เหมือนแม่ปลอบลูกที่กำลังร้องไห้ กุลธิดากอดเอวสาวิตรีไว้แน่นเหมือนเด็กที่หลงทางที่ได้กลับมาพบแม่อีกครั้ง
“ไม่เอาน่า ไม่เห็นเป็นไรซักหน่อย พี่ก็สังเกตว่าเธอชอบมองพี่แต่ไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย เราก็น่าจะบอกพี่มาตั้งนานแล้วนะ เด็กโง่” สาวิตรีพูดเบา ๆ ปลอบน้องสาวไปด้วย
“หนู…หนู..น่าจะ…แต่” สาวิตรียกนิ้วขึ้นแตะปากน้องสาวห้ามไม่ให้พูด ทิ้งรอยฝุ่นสีเทาบนริมฝีปากเธอ
“ไม่ต้องพูดจ้ะ ไม่เป็นไรหรอก มานี่สิจ๊ะ” สาวิตรีพูดแล้วยิ้มออกมาด้วยความขบขันเมื่อเห็นรอยฝุ่นสีเทาบนใบหน้าน้องสาว กุลธิดาขยับเข้าไปใกล้พี่สาวแล้วจ้องลึกเข้าไปในดวงตาเธอ ตอนนี้เธอพอจะหักห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลรินลงมาตามแก้มที่แดงระเรื่อได้แล้ว
“พี่เองก็รักเธอเหมือนกันจ้ะ ดา” สาวิตรียิ้ม กุลธิดาก็มองออกว่าสาวิตรีพูดความจริงเพราะทั้งสองเป็นพี่สาวน้องสาวที่สนิทกันที่สุดในบรรดาลูกสาวของบ้านนี้ อันที่จริงสาวิตรีก็ใกล้ชิดสนิทสนมกับทุกคนในบ้านแต่ระหว่างเธอสองคนมีความรู้สึกที่ไม่ธรรมดางอกเงยขึ้นมา กุลธิดาแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ อารมณ์ความรู้สึกที่ปั่นป่วนมีชัยเหนือเธอจนเธอต้องโอบแขนรอบไหล่พี่สาวรั้งร่างทั้งสองให้แนบชิดกันขณะที่เธอกอดสาวิตรีแน่น
“พี่ว่าเราคงต้องอาบน้ำกันแล้วล่ะ” สาวิตรีพูดขึ้นมาเมื่อรู้สึกถึงน้ำตาของน้องสาวไหลพรากลงบนไหล่เธอ
“พี่รักนายวิทย์มาก อยากใช้ชีวิตร่วมกับเขาตลอดไป” สาวิตรีพูดแผ่วเบาขณะนั่งอยู่ในน้ำอุ่น หลังพิงขอบอ่างอีนาเมลที่เย็นเฉียบ น้ำอุ่น ๆ ไหลวนกระทบผิวกายเรียบลื่นใต้เต้าอวบอิ่มของเธอ กุลธิดานั่งอยู่ระหว่างขาพี่สาว น้ำในอ่างก็กระเพื่อมชนกับผิวกายนิ่ม ๆ ของเธอเหมือนกัน ส่งคลื่นความสุขไปทั่วร่างขณะเดียวกับที่เธอรู้สึกว่าสาวิตรีกำลังใช้ฟองน้ำถูหลังให้เธอ
ทั้งสองสาวดิ่งตรงจากห้องนอนไปที่อ่างอาบน้ำ แล้วค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าของอีกฝ่ายทีละชิ้น ๆ และก็ลูบคลำสัมผัสทุกส่วนของร่างกายกันและกันก่อนจะลงไปในอ่าง โดยสาวิตรีลงไปก่อนแล้วกุลธิดาตามลงมา
“เขายังดูดีเหมือนกับตอนที่ยังเพิ่งแตกเนื้อหนุ่ม” กุลธิดาพูดขณะกำลังเพลิดเพลินกับน้ำที่ไหลลงมาตามแผ่นหลังเธอจากก้อนฟองน้ำที่ถูกกดเบา ๆ กับหลัง
“เปล่า พี่ว่าเขาดูดีกว่าตอนนั้นเสียอีก” สาวิตรีแย้ง โอบขารัดรอบตัวกุลธิดาไปด้วย ความรู้สึกที่เกิดจากการที่ผิวเธอสัมผัสกับผิวกุลธิดาใต้น้ำก่อให้เกิดความเสียวแปล๊บแล่นไปทั่วร่างจนกระทั่งถึงศูนย์รับความสุขในสมองเธอ
สาวิตรีปล่อยฟองน้ำหล่นลงไปในอ่างจนมีเสียงดังต๋อมเบา ๆ และก่อให้เกิดคลื่นน้ำที่กระทบกับเต้าอวบของทั้งสองสาวจนทั้งคู่สยิวกายด้วยความเสียว กุลธิดายิ้มอย่างสุขสมเมื่อรู้สึกคลื่นน้ำมากระทบหน้าอก เธอยื่นมือไปข้างหลังดึงมือสาวิตรีมาจับสะเอวเธอ นิ้วสองสาวสานกันแน่น เธอเอนตัวซบพี่สาวจนรู้สึกได้ถึงเต้านมอันอวบอิ่มบดเบียดกับแผ่นหลังเธอ ยอดถันที่ชูชันดันเข้ามาจนทำให้ทั้งคู่เสียวสยิว
สาวิตรียื่นมืออีกข้างมากุมมือกุลธิดาไว้ทำให้เธออยู่ในท่าที่สบายยิ่งขึ้น เธอทิ้งตัวลงบนตักสาวิตรี เนื้อแก้มก้นนุ่ม ๆ กดทับขนหมอยกลุ่มเล็ก ๆ เหนือเม็ดแตดที่สาวิตรีไม่ได้โกนทิ้ง ไรขนเขี่ยผิวก้นที่ไวต่อการสัมผัสของกุลธิดาจนเธอรู้สึกจั๊กจี๋ สาวิตรีมองและดื่มด่ำกับความรู้สึกขณะกุลธิดาเลื่อนตัวลงไปตามเรียวขาพี่สาวจนหัวเธอวางอยู่บนเต้านมสาวิตรี เส้นผมนิ่ม ๆ ที่เปียกน้ำของกุลธิดาเขี่ยสัมผัสหัวนมพี่สาวและที่ขาก็ได้ความรู้สึกดีขณะที่ขาของกุลธิดาเลื่อนเสียดสีกับขาเธอใต้น้ำ
“หนูใฝ่ฝันที่จะได้จูบพี่มานานแล้ว” กุลธิดาพูดขณะที่มองขึ้นไปในตาของสาวิตรี มือนุ่ม ๆ ของพี่สาวลูบไล้ไปทั่วเต้านมเธอ น้ำอุ่น ๆ ช่วยเพิ่มดีกรีความเสียวซ่านยิ่งขึ้นอีกเมื่อมือพี่สาวเคลื่อนผ่านหัวนมเธอ
สาวิตรีชักมือซ้ายออกจากเต้าของน้องสาวและยกมันขึ้นสัมผัสแก้มขวาเธอเบา ๆ แล้วเลื่อนขึ้นไปยังผมที่เปียกชุ่ม ตลอดเวลานั้นเธอยังจ้องตาน้องสาวอยู่ซึ่งก็มีประกายตายวนยั่วตอบกลับมา กุลธิดาทำแบบเดียวกันกับใบหน้าของสาวิตรี เธอสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นบนใบหน้าพี่สาวขณะวนไล้มือไปบนผิวหน้าที่อ่อนนุ่มของสาวิตรี
“หนูฝันถึงริมฝีปากพี่บนริมฝีปากหนู” กุลธิดาพูดขณะที่เธอหลับตาลง ปรารถนาจะดื่มด่ำกับสัมผัสริมฝีปากพี่สาวบนริมฝีปากเธอโดยตัดเอาประสาทรับรู้อื่น ๆ ที่ไม่จำเป็นออกไป และแล้วกุลธิดาก็ได้รับสิ่งที่เธอใฝ่ฝันหา มันเหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นแปล๊บผ่านริมฝีปากเธอในขณะที่ริมฝีปากสาวิตรีประกบลงเบา ๆ จุมพิตนี้ยาวนานกว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งขยับเขยื้อน สาวิตรีเป็นฝ่ายปล่อยมือที่วางอยู่บนใบหน้ากุลธิดาลงมายังเต้านมเธอ กุลธิดาที่ตายังหลับพริ้มยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากุมมือพี่สาวไว้แล้วนำมันไปยังที่ที่เธอปรารถนาจะให้สัมผัส ฝ่ามือนุ่ม ๆ ส่งกระแสความสุขไปทั่วร่างเธอขณะเดียวกันริมฝีปากเธอก็บดขยี้กับริมฝีปากของพี่สาว
กุลธิดาเป็นฝ่ายยุติการจูบโดยเลื่อนตัวไปข้าง ๆ สาวิตรีแล้วเริ่มจูบแผ่วเบาอีกครั้งแต่ครั้งนี้เธอเปิดริมฝีปากด้วย แต่ยังไม่มีการใช้ลิ้นแต่อย่างใด ณ.ห้วงเวลานี้มิใช่เป็นเวลาสำหรับการร่วมรักที่เร่าร้อนหากแต่เป็นจังหวะเวลาแห่งความดื่มด่ำซึ้งใจที่หญิงสาวสองคนที่มีความรักให้กันจะมีร่วมกัน สาวิตรีไล้มือไปตามเรือนร่างของกุลธิดาลงไปจนถึงขาอ่อนก่อนจะวกขึ้นมายังหว่างขาที่ยังอยู่ใต้ผิวน้ำ แต่กระนั้นสาวิตรีก็ไม่ได้สัมผัสกับเนินสวาทของน้องสาวแม้แต่น้อย เธอเลื่อนมือกลับขึ้นมาตามหน้าท้องที่เนียนแน่นและเต้านมที่อวบอั๋น คีบหัวนมข้างซ้ายไว้ระหว่างนิ้วชี้และนิ้วกลาง บีบเบา ๆ แล้วดึงก่อนจะปล่อย กุลธิดาระบายลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อรู้สึกหัวนมเธอถูกนิ้วที่คล่องแคล่วของสาวิตรีดึงขึ้น
กุลธิดายังคงพรมจูบอย่างแผ่วเบาต่อไปขณะที่ปล่อยมือหล่นจมลงไปใต้ผิวน้ำ คลื่นที่เกิดขึ้นโถมเข้าใส่เม็ดเสียวเธอยิ่งเพิ่มความร้อนในตัณหามากขึ้นอีก กุลธิดาสลับตำแหน่งขณะที่รู้สึกนิ้วของสาวิตรีสัมผัสกับแคมนอกเธอเป็นครั้งแรก เธอลุกขึ้นหันตัว น้ำหยดลงจากสะโพกและขาเธอกระทบผิวน้ำเสียงเหมือนฝนกระทบกระจกหน้าต่าง พอหมุนตัวเสร็จ เธอก็ทรุดนั่งลงระหว่างขาสาวิตรีอีกครั้งแล้วกางขาตัวเองให้พี่สาวอยู่ระหว่างขาโดยไม่ให้เนินสวาทกระทบกัน ตาสองสาวมองสบกัน สาวิตรียื่นมือจับแขนน้องสาวไว้ กุลธิดาเอนหลังจนมีเพียงหน้าอกและใบหน้าที่โผล่พ้นน้ำ เส้นผมเธอลอยฟ่องอยู่บนผิวน้ำทำให้เธอดูเซ็กซี่มาก สาวิตรีเลื่อนมือไปวางบนเต้าอวบของกุลธิดาแล้วไล่ลงไปลูบคลำสัมผัสทุกส่วนที่ยื่นมือไปถึง จนกุลธิดายิ้มออกมาด้วยความสุขจากสัมผัสและพยายามแอ่นตัวใต้น้ำ
สาวิตรีโน้มหน้าลงไปจูบหน้าท้องน้องสาว ผมยาวสลวยของเธอเลื่อนไปตามผิวที่บอบบางขณะที่เธอไล้ริมฝีปากลงมายังท้องน้อยแล้วก็ไปยังด้านในของขาอ่อน สาวิตรีจูบเน้นเนื้อนิ่ม ๆ ตรงนั้นขณะกุลธิดาลุกขึ้นนั่งมองพี่สาวจูบไซ้ขาเธอ ทั้งคู่อยู่ในน้ำมาพักใหญ่แล้วจนเริ่มรู้สึกหนาวและรู้ว่าถึงเวลาลุกจากอ่างอาบน้ำแล้ว สาวิตรีและกุลธิดาช่วยกันเช็ดตัวด้วยผ้าเช็ดตัวนุ่ม ๆ ก่อนจะเดินไปยังห้องนอนของกุลธิดาในสภาพเปลือยเปล่า
ทั้งคู่นอนกอดก่ายกันบนเตียง สาวิตรีอยู่ข้างหลังน้องสาว เต้าอวบอัดของเธอบดเบียดกับแผ่นหลังน้องสาวอีกครั้ง กุลธิดายื่นมือซ้ายไปข้างหลังขยี้หัวพี่สาวขณะที่เธอถูกจูบไซ้ที่ต้นคอ มือสาวิตรีกดเน้นกับโคกสวาทของกุลธิดา ฝ่ามือวางทาบบนขนหมอยนุ่มนิ่ม ปลายนิ้วงองุ้มแตะกับปากแคมหีน้องสาว มันเป็นสัมผัสที่แผ่วเบาเสียจนแทบไม่รู้สึกว่ามีอะไรอยู่แต่คลื่นความสุขที่เกิดขึ้นมันแผ่ซ่านไปทั่วตัวเธออย่างสุดจะบรรยาย กุลธิดากดคอลงปล่อยให้พี่สาวจูบไซ้ต้นคอและปัดผมเธอออกเพื่อจะได้เข้าถึงทุกซอกทุกมุม ในไม่ช้ารสสัมผัสจากปลายนิ้วก็จางหายไปเมื่อสาวิตรีกดนิ้วลึกเข้าไปในตัวน้องสาว กุลธิดาเริ่มเสียดสีตัวเองกับพี่สาวเมื่อรู้สึกนิ้วของเธอเริ่มชักเข้าชักออกรูหีเธอ กุลธิดาครางออกมาเมื่อรู้สึกปลายนิ้วเขี่ยขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่ตรงปากช่องสวาท น้ำเสียวเธอชะโลมนิ้วทำให้สาวิตรีแยงเข้าไปได้ลึกขึ้น ร่างของทั้งสองสาวสั่นสะท้านเมื่อกุลธิดาเอียงหัวจนสามารถแลกจูบกับสาวิตรีในขณะที่พี่สาวเธอใช้นิ้วกับเธออย่างเร็วและแรง ริมฝีปากทั้งคู่แตะกันเบา ๆ แล้วเริ่มแลกจูบกันขณะที่กุลธิดาครวญครางออกมาเมื่อกระแสความเสียวแล่นขึ้นสมอง
เมื่ออยู่ในท่านี้นานเข้า กุลธิดาก็เริ่มเมื่อยคอ เธอจึงหมุนตัวบนเตียง เอามือสาวิตรีออกจากโคกหีขณะที่เลื่อนตัวเองทาบทับบนเรือนร่างพี่สาว สาวิตรีนอนหงายแบะขา กุลธิดานอนทับสะโพกสาวิตรีแล้วเริ่มจูบโดยใช้ลิ้นเป็นครั้งแรกโดยแทรกเข้าไปควานในปากสาวิตรี สาวิตรีรู้สึกอึดอัดที่น้ำหนักตัวน้องสาวกดลงบนสะโพกก็เลยเลื่อนตัวกุลธิดาลงไปนอนข้าง ๆ แล้วหมุนตัวไปหา ทั้งคู่เริ่มแลกจูบกันอีกครั้ง ร่างสองสาวเบียดชิดกันแน่นจนความร้อนที่เกิดขึ้นทำให้มีเม็ดเหงื่อผุดพรายบนผิวหนัง
กุลธิดายกมือกุมใบหน้าพี่สาวไว้แล้วจูบเธอ ลิ้นที่สัมผัสโลมเล้ากันทำให้สองสาวตัวสั่นระริกด้วยความเสียวซ่าน กุลธิดาผลักสาวิตรีออกไปแล้วคลานขึ้นไปทับพี่สาวใช้มือบีบเต้านมข้างขวา ก้มหน้าลงจูบวนรอบยอดถันก่อนจะประทับปากลงไป สาวิตรียกขาซ้ายขึ้นมารัดรอบเอวน้องสาว ขนหมอยเขี่ยสัมผัสกับเนื้ออ่อน ๆ ของขาทำให้เธอพริ้มตาลงด้วยความสุข ขณะที่เธอจูบและดูดดุนหัวนมในปาก สาวิตรีสูดปากครางเร่าแล้วบอกน้องสาวว่ามันรู้สึกดีขนาดไหนแต่กุลธิดาก็ไม่ได้ยินที่พี่สาวพูด
สาวิตรีทนรับคลื่นความเสียวที่ไหลทะลักมาจากหัวนมเธอไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เธอดึงตัวกุลธิดาออกไปแล้วยื่นหน้าเข้าไปหาแล้วประทับจูบอย่างแผ่วเบาบนริมฝีปากน้องสาว กุลธิดาคลานถอยหลัง เต้านมและหัวนมเขี่ยสัมผัสส่วนต่าง ๆ ที่ไวต่อการสัมผัสบนร่างสาวิตรี ในที่สุดกุลธิดาก็ไปถึงเป้าหมาย เธอบดขยี้ริมฝีปากกับเนินสวาทของสาวิตรีจนเธอร้องลั่นออกมาอย่างสุขสมเมื่อริมฝีปากเปียก ๆ ของกุลธิดาพบกับแคมหีที่ชุ่มฉ่ำของสาวิตรี สาวิตรีร้องครางลั่นห้องเมื่อรู้สึกว่าผมของกุลธิดาเรี่ยระสัมผัสขาอ่อนเธอและริมฝีปากจิ้มลิ้มแตะสัมผัสเนินสวาทเธออย่างนิ่มนวล ก่อนกุลธิดาเปิดริมฝีปากแล้วแลบลิ้นเปียก ๆ สำรวจข้างในโคกหี สาวิตรีมีความสุขเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ขณะที่รู้สึกว่าจุดสุดยอดกำลังใกล้เข้ามา
กุลธิดายังคงเลียด้านในของโคกหีที่อบอุ่นเปียกแฉะและคับตีบของพี่สาวต่อขณะที่สาวิตรีบีบเต้านมตัวเองเข้าหากัน กุลธิดาเลียขึ้นไปตามร่องจนลิ้นไปสัมผัสกับเม็ดแตดจนสาวิตรีกรีดร้องออกมาและแอ่นตัวขึ้นมาเมื่อจุดไคลแม็กซ์มาถึง กุลธิดาไม่ได้หยุดการเลียขณะที่สาวิตรีบิดตัวเร่า ๆ ข้างใต้ตัวเธอ เธอกลับดูดกินน้ำเสียวที่สาวิตรีขับออกมาจนหมด สาวิตรีกรีดร้องจนไม่มีเสียงออกมาด้วยจุดสุดยอดครั้งนี้รุนแรงเหลือที่จะกล่าว เธอทำได้แต่เพียงใช้มือขยี้หัวน้องสาวซึ่งยิ่งทำให้เส้นผมกุลธิดาเขี่ยปลุกความเสียวแก่เนินสวาทเธอยิ่งขึ้น
ในที่สุดกุลธิดาก็รู้ว่ากามกรีฑาได้ยุติลงแล้ว เธอได้มาในสิ่งที่เธอปรารถนาและเติมความต้องการของตัวเองจนเต็มอิ่ม เธอวางหัวลงบนหน้าท้องพี่สาว สาวิตรีชันขาซ้ายขึ้นเพื่อให้เกิดแอ่งสำหรับวางหัวน้องสาวขณะที่เธอลูบคลำศีรษะน้องสาวไปด้วย
“หนูได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากพี่ค่ะ” กุลธิดาเอ่ยขณะกอดเอวพี่สาว ศีรษะเธอยังวางอยู่บนหน้าท้องพี่สาว มือซ้ายของสาวิตรีวางอยู่บนศีรษะเธอ ส่วนมือขวาวางอยู่บนหน้าอกตัวเอง
“นี่ถ้านายวิทย์ได้มาเห็นเราตอนนี้เขาคงถูกใจมาก” สาวิตรียิ้ม
“หนูก็ว่างั้น แต่หนูคิดว่าจะไม่สามารถทำแบบนี้ได้พร้อม ๆ กันทั้งสามคน” กุลธิดาพูดขณะที่ขยับหัวนิดหน่อยให้อยู่ในท่าที่สบายขึ้น
“หนูพูดถูกจ้ะ พี่ว่าแบบนี้ก็ยอดแล้วล่ะ” สาวิตรีเห็นด้วยเมื่อก้มลงมองศีรษะน้องสาวที่วางอยู่บนตัวเธอ
“อือมม์” กุลธิดาส่งเสียงเบา ๆ ขณะที่เธอเริ่มเคลิ้มหลับไปบนหน้าท้องพี่สาว
สาวิตรียิ้มเมื่อคิดถึงน้องชายและค่อยๆ พริ้มตาลงเหมือนกัน แล้วค่อยๆ ล่องลอยสู่ห้วงนิทรารมณ์

Share the Post:

Related Posts

แท็กซี่เขาอ่อย หนูเลยให้เขาเล่นของหนู

เรื่องเสียว แท็กซี่เขาอ่อย หนูเลยให้เขาเล่นของหนู เอิร์นนะคร้า เป็นสาวมหาลัยในเชียงใหม่นี้เองค่า เอิร์นเป็นสาวมหาลัยปีสองแล้วค่ะ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องผู้ชายเลย ยุคนี้แล้วเนอะ ไม่ใช่แค่ผู้ชายนะคะที่ล่าแต้ม เอิร์นเองก็กินมาเยอะเหมือนกันค่ะ สูงยาว ลำอวบ ใหญ่ยาว กินมาหมดแล้วค่า ชีวิตครั้งนึงเนอะ เรื่องพวกนี้ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ต้องมีบ้างอยู่แล้วใช่ไหมค่ะ และแน่นอนว่าเอิร์นเลยกินแต่วัยเดียวกัน รู้ตัวอีกทีได้แอบกินรุ่นใหญ่พี่แท็กซี่ซะอย่างนั้นเลยค่ะ ที่สำคัญไม่เคยเจอมังกรที่ใหญ่ยักษ์ขนาดนี้มาก่อน มาเริ่มเรื่องกันเลยดีกว่าค่ะ ด้วยความที่อยู่เชียงใหม่ที่เที่ยวเยอะ

Read More

จากทำอาหาร ทำไมโดนเขาทำเสียว

เรื่องเสียว จากทำอาหาร ทำไมโดนเขาทำเสียว “ตั้งกล้องเรียบร้อยแล้ว มึงพร้อมยังจะได้กดเริ่ม” วันนี้เรามีถ่ายคลิปวิดีโอทำอาหารที่คอนโดของพวกเราสองคนที่เป็นเพื่อนกัน เรามองเม็กที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมสองเม็ดจนเห็นแผงอกที่เป็นมัดกล้าม กางเกงขาขั้นสั้นสบาย ๆ แต่พอมาอยู่บนร่างกายของเม็กแล้วมันดูดีไม่น้อยเลย ถึงแม้เราทั้งสองจะเป็นเพื่อนกัน แต่พอมาเจอมันในลุคนี้ก็ทำให้เราใจสั่นไม่น้อย “มึงกูสวยยัง” “สวยแล้ว” พอได้รับคำตอบที่สร้างความมั่นใจให้กับตัวเองแล้ว เราก็พยักหน้าให้มันเริ่มกดบันทึกภาพวิดีโอทันที การถ่ายทำดำเนินไปเรื่อย ๆ จนถึงขั้นตอนการชิมอาหาร “อะ

Read More