Oh! My Angel นางฟ้าอลเวง C.12 ภาค1
Episode I : The Missing Shoe
Chapter XII : “พาน้องเที่ยวห้าง (2)”
By DRACULolitA
“ชุดนี้ล่ะเป็นไง สีขาวทั้งชุดแบบที่เบลชอบเลย” น้ำฝนเสนอชุดกระโปรงยาวสีขาวตลอดตัวมีลายเส้นสีฟ้าและชมพูประดับขอบกระโปรงเล็กน้อย
“ก็ดีนะ แต่เบลว่ามันยาวไปหน่อยอ่ะ” นางฟ้าเบลตอบ
“ยาวๆแบบนี้แหละดีแล้ว สั้นกว่านี้เดี๋ยวหนุ่มๆแถวบ้านเห็นกกน.หมด” น้ำฝนให้เหตุผลพร้อมกับส่งสายตามามองเบิร์ดในเชิงรู้ทัน
เบิร์ดเห็นสายตาของน้ำฝนแบบนั้นราวกับถูกแทงหัวใจด้วยมีดอันคมกริบ เบิร์ดรีบหันหน้าไปมองทางอื่นทำเป็นไม่สนใจ แต่ในใจเขารู้สึกร้อนรนยิ่งนัก หากนางฟ้าเบลอยู่กับน้ำฝนนานๆเข้าคงได้รู้ความจริงอันชั่วช้าทั้งหมดแน่ๆ เบิร์ดต้องหาทางกำชับนางฟ้าเบลไม่ให้พูดอะไรมากไปกว่านี้ให้ได้
“งั้น…เอาชุดนี้กับชุดนี้นะคะ” น้ำฝนหันไปคุยกับคนขาย เบิร์ดได้โอกาสเรียกน้องสาวตัวดีเข้ามาคุย
“น้องเบลจ้ะ น้องเบลต้องระวังเรื่อง…”
“คุยอะไรกันอยู่คะ?” เบิร์ดสะดุ้งโหยง น้ำฝนหันกลับ
มายังไม่ทันที่เบิร์ดจะได้กำชับน้องสาว
“อ๋อ…เอ่อ คือ พี่กำลังบอกน้องเบลว่าชุดขาวๆแบบนี้ต้องระวังอย่าให้เลอะน่ะครับ ไม่งั้นจะซักยาก แหะๆๆ”
เบิร์ดแก้ตัวเสร็จก็ควักเงินจ่ายให้กับคนขายแล้วก็รับชุดของนางฟ้าเบลมาถือไว้ เบิร์ดเริ่มกระวนกระวายใจมากขึ้น ด้วยไม่อยากให้น้ำฝนที่เขารักได้รับรู้ความเลวที่เขาได้ทำลงไป
“พี่เบิร์ดคะ” เสียงน้ำฝนเรียกทำเบิร์ดสะดุ้งได้แทบทุกครั้ง เบิร์ดหันไปมองน้ำฝนอย่างกล้าๆกลัวๆ
“มีเงินพอจะซื้อรองเท้าอีกซักคู่มั๊ยคะ?” น้ำฝนสังเกตเห็นรองเท้าแตะคู่ใหญ่กว่าขนาดเท้าของนางฟ้าเบลแล้วอดไม่ได้ที่จะถาม
“อ๋อ…มีครับ…มี พี่ก็กะว่าจะซื้อให้น้องเบลอยู่แล้วเหมือนกัน” เบิร์ดตอบอย่างโล่งใจ
เด็กสาวทั้งสองเดินหายเข้าไปในร้านขายรองเท้า ทิ้งให้เบิร์ดวิตกในใจ การพาน้ำฝนมาซื้อเสื้อผ้าด้วยแบบนี้อาจเป็นความคิดที่ผิดมหันต์เลยก็เป็นได้ เบิร์ดเดินตามสองสาวเข้าไป และแล้วเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง
“แย่แล้ว…รองเท้า!” เบิร์ดตรงเข้าไปหาเด็กสาวทั้งสองที่กำลังเลือกรองเท้ากันอยู่พอดี นางฟ้าเบลยิ้มดีใจอย่างที่สุด รองเท้ารูปแบบคล้ายๆกับรองเท้าคู่เก่าของเธอวางขายเต็มไปหมด
“พี่คะ…คู่ไหนใส่แล้วเหาะ…อุ๊บ!” เบิร์ดกระโจนเข้ามาปิดปากน้องสาวทันเวลาพอดี
“เอ่อ…แหะๆๆ ขอตัวเดี๋ยวนะครับน้ำฝน” เบิร์ดรีบพานางฟ้าเบลออกห่างจากน้ำฝนและเจ้าของร้าน
“น้องเบลครับ…ที่โลกมนุษย์นี่ไม่มีรองเท้าที่ใส่แล้วเหาะได้หรอกนะ” เบิร์ดอธิบายให้นางฟ้าเบลเข้าใจ
“เหรอคะ?” สีหน้าของนางฟ้าเบลดูผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด
“เอาไว้เรากลับไปหากันต่อวันหลังนะครับ” เบิร์ดให้คำสัญญาจากนั้นก็ปล่อยให้นางฟ้าเบลกลับไปเลือกรองเท้าทั้งๆที่ยังหน้างออยู่
“เป็นอะไรรึเปล่าเบล ทำไมหน้างอแบบนั้นล่ะ?” น้ำฝนรีบถามทันที ตามประสาเด็กสาวเจ้าน้ำใจ
“คือ พี่บอกให้เลือกซื้ออันที่ถูกๆหน่อยน่ะครับ เดี๋ยวตังไม่พอ” เบิร์ดรีบแก้ตัวแทนน้อง
“แหม…พี่เบิร์ดนี่ล่ะก็ ที่งี้ล่ะทำเป็นงกเชียวนะคะ” น้ำฝนจูงมือพานางฟ้าเบลไปเลือกรองเท้าต่อ ส่วนเบิร์ดก็ตามไปดูอยู่ห่างด้วยกลัวว่านางฟ้าเบลจะพูดอะไรแปลกๆออกไปอีก
นางฟ้าเบลเลือกรองเท้า 2-3 คู่มาลองใส่ เธอนั่งลงกับเก้าอี้ตัวหนึ่งแล้วก็ยกขาขึ้นลองใส่รองเท้าคู่ใหม่ ทันทีที่นางฟ้าเบลยกขาขึ้น เบิร์ดที่จับตามองน้องสาวแสนซื่อทุกฝีก้าวก็เผลอมองเห็นกางเกงในของนางฟ้าเบลจนได้ ส่วนน้ำฝนที่กำลังสาละวนกับการหารองเท้าคู่อื่นๆอยู่ก็ไม่ทันได้สนใจ เบิร์ดจึงได้โอกาสเก็บรายละเอียดของกางเกงในที่น้ำฝนให้นางฟ้าเบลยืมใส่อย่างเต็มตา มันเป็นกางเกงในสีขาวที่มีลายกล่องของขวัญสีชมพูเล็กๆประดับรอบตัว มองไปตรงไหนก็เห็นกล่องของขวัญเต็มไปหมด
“เบล!…นั่งดีๆหน่อย ไหนลองคู่นี้ซิ” น้ำฝนเข้ามาขวางทัศนียภาพอันงดงามที่เบิร์ดมองอยู่
เสียงดุๆของเธอราวกับรู้เห็นพฤติกรรมน่าเกลียดของเบิร์ด < น่าน…ซวยอีกแล้วกู! > เขารู้สึกเหมือนคะแนนที่มีกับน้ำฝนโดนหักออกเรื่อยๆและอีกไม่ช้าคงติดลบ เบิร์ดได้แต่หันไปมองทางอื่นคิดเจ็บใจตัวเองยิ่งนักที่เผลอทำตัวน่าเกลียดต่อหน้าน้ำฝนครั้งแล้วครั้งเล่า
ในที่สุดการเลือกรองเท้าก็เสร็จสิ้น นางฟ้าเบลเปลี่ยนมาใส่รองเท้าใหม่ที่ซื้อมา มันเป็นรองเท้าแตะสีขาวมีช่อผลไม้ประดับอยู่ด้านบนราคาไม่แพงมากนัก ทั้งสามคนเดินเลือกซื้อเสื้อผ้าชิ้นอื่นๆต่อ ทั้งกางเกง ชุดนอนแล้วก็ชุดสำหรับใส่เที่ยว เบิร์ดพยายามข่มใจห้ามตัวเองไม่ให้ลอบมองนางฟ้าเบลขณะที่เธอลองชุด แต่ก็ต้องจับตามองดูเธอไม่ให้เผลอบอกความลับออกไปด้วย
“อุ๊ย!…กิ๊บติดผมน่ารักจัง” น้ำฝนอุทานขึ้นมาขณะเดินผ่านร้านขายเครื่องประดับเล็กๆแห่งหนึ่ง
“น้ำฝนชอบอันนี้เหรอ เอามั๊ย?เดี๋ยวพี่เบิร์ดออกตังให้” เบิร์ดได้โอกาสทำคะแนนพลิกวิกฤติเป็นโอกาส
“อุ่ย!…ไม่เป็นไรค่ะพี่เบิร์ด…ไม่ต้องลำบาก…”
“เอ่อ…พี่ครับ เอาอันนี้ด้วยครับ” เบิร์ดไม่รอให้น้ำฝนพูดจบ รีบยื่นกิ๊บติดผมรูปคิตตี้สีชมพูส่งให้เจ้าของร้านคิดเงินรวมกับกิ๊บของนางฟ้าเบลด้วย เมื่อรับเงินทอนเสร็จเบิร์ดก็ส่งกิ๊บติดผมของน้ำฝนส่งให้เธอ
“ขอบคุณค่ะ…พี่เบิร์ด” น้ำฝนยิ้มให้เบิร์ดพร้อมคำขอบคุณที่ทำให้เบิร์ดชื่นใจยิ่งนัก < โธ่…พี่เบิร์ดอ่ะ บอกว่าไม่เอาๆก็ไม่เชื่อ > แม้ในใจจะคิดเช่นนั้นแต่น้ำฝนก็อดไม่ได้ที่จะหันไปชื่นชมกับกิ๊บที่เบิร์ดซื้อให้
“ไหนๆก็ได้ออกมาเที่ยวห้างแบบนี้แล้ว แวะกินไอติมกันหน่อยมั๊ย?” เบิร์ดเสนอความคิดเห็นเมื่อเดินผ่าน ร้านSwensen ของห้าง
“ไม่ดีกว่าค่ะพี่เบิร์ด…” น้ำฝนเริ่มรู้สึกเกรงใจเบิร์ด เธอพยายามจะปฏิเสธอย่างนิ่มนวล
แต่เมื่อเบิร์ดจูงนางฟ้าเบลเข้าร้านไปแล้ว เธอจึงต้องเดินตามพวกเขาไป เบิร์ดคิดจะใช้โอกาสนี้ทำคะแนนความสัมพันธ์กับน้ำฝน เก้าอี้ 3 ตัวถูกจัดเตรียมเอาไว้ นางฟ้าเบลนั่งลงข้างๆเบิร์ด ส่วนน้ำฝนนั่งตรงข้ามเขา นางฟ้าเบลมองดูสภาพภายในร้านด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากถามอะไรเบิร์ดเพราะถูกกำชับเอาไว้แล้ว ฝ่ายน้ำฝนพอได้ที่นั่งแล้วเธอก็จ้องหน้าเบิร์ดราวกับพยายามจะอ่านใจเขา
“เอ่อ…น้ำฝนกินอะไรดีจ๊ะ?” เบิร์ดส่งเมนูให้น้ำฝนดูแก้เขิน การที่เด็กสาวที่ตนหลงรักมาอยู่ต่อหน้าเช่นนี้เบิร์ดเองก็ทำอะไรไม่ค่อยถูกเหมือนกัน
เมื่อสั่งไอศกรีมเสร็จ ระหว่างที่รอนั้นน้ำเปล่า 3 แก้วก็ถูกนำมาเสิร์ฟด้วยพนักงานสาวสุดน่ารัก แต่เบิร์ดก็ไม่ได้เสียเวลาหันไปมองเธอเลยซักนิด เขามัวแต่มองน้ำฝนสุดสวาทส่งยิ้มให้เขาด้วยความเขินอาย
“น้ำฝนเคยมากินไอติมที่ร้านนี้รึเปล่า?” เบิร์ดเอ่ยปากถามน้ำฝนเพื่อไม่ให้บรรยากาศดูเงียบเกินไป
เด็กสาวข้างบ้านหยิบน้ำขึ้นมาจิบหนึ่งทีก่อนจะส่ายหน้าตอบเขา ท่าทางของเธอนอกจากจะบอกว่าไม่เคยมาแล้ว ยังแอบบอกเบิร์ดเป็นนัยๆว่าไม่เคยมาเดินเที่ยวกับผู้ชายที่ไหนมาก่อนด้วย
“แล้ว…พี่เบิร์ดล่ะคะ?” น้ำฝนถามกลับบ้าง
“ก็…มากับเพื่อนๆ 2-3 ครั้งแล้วแหละ …เอ้อ!แต่เป็นกลุ่มผู้ชายทั้งหมดเลยนะ แหะๆๆ” เบิร์ดตอบโดยทิ้งท้ายให้น้ำฝนรู้ว่าเขาเองก็ไม่เคยมาเดินเที่ยวกับผู้หญิงเช่นนี้เหมือนกัน น้ำฝนแอบขำในใจเมื่อได้ยินคำอธิบายของเบิร์ด
“หนูไม่ได้อยากรู้ซะหน่อยว่าพี่เบิร์ดมากะใคร” น้ำเสียงของเธอราวกับรู้จุดประสงค์ที่เบิร์ดต้องการจะสื่อ
สำหรับเบิร์ดแล้วน้ำฝนในตอนนี้ดูน่ารักกว่าตอนที่พานางฟ้าเบลไปซื้อชุดเป็นไหนๆ ฝ่ายน้ำฝนเองเมื่อไม่ได้ติดใจเรื่องพฤติกรรมของเบิร์ดแล้ว เธอก็ต้องยอมรับว่าเบิร์ดเองก็ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไร ทั้งสองคนยิ้มให้กันต่างฝ่ายต่างเขินกับท่าทีของอีกคน ปล่อยให้นางฟ้าเบลสงสัยในอาการของทั้งคู่
ไอศกรีมที่สั่งถูกนำมาวางบนโต๊ะ มันเป็นไอศกรีม 8 ลูกวางทับซ้อนกันในชามใบใหญ่ มีวิบครีม เชอร์รี่และท้อปปิ้งประดับอยู่ด้านบน น้ำฝนและนางฟ้าเบลได้เห็นขนาดของมันก็ทำตาโตลุกวาวราวกับไม่เคยได้เจอมาก่อนในชีวิต
“งั้น…กินกันเถอะครับ เดี๋ยวละลายแล้วจะไม่อร่อยนะ” เบิร์ดพูดเปิดพิธีแล้วก็ตักช้อนแรกใส่ปากตัวเองให้ 2 สาวดู รูปร่างและสีสันของไอศกรีมชวนให้นางฟ้าเบลสนใจยิ่งนัก เธออยากจะกินใจจะขาดแต่ก็ติดอยู่เรื่องหนึ่ง
“ไอศกรีมนี่ก็ทำมาจากนมเหมือนกันครับน้องเบล น่าจะกินได้นะ” เบิร์ดอธิบายให้นางฟ้าเบลฟังสั้นๆพอให้เข้าใจกันแค่ 2 คน พอนางฟ้าเบลได้ยินดังนั้นก็เริ่มยิ้มออก เธอหยิบช้อนขึ้นมาตักเอาก้อนไอศกรีมสีส้มเข้าปาก
“ฮื้มมม…อร่อยจังเลยค่ะพี่เบิร์ด” นางฟ้าเบลร้องออกมาอย่างลืมตัวยิ้มร่าด้วยความสุข
“น้ำฝน…กินซี่ อร่อยดีนะ” นางฟ้าเบลตักไอศกรีมอีกก้อนหนึ่งก่อนหันไปชวนน้ำฝน เมื่อถูกชวนอย่างนี้น้ำฝนจึงค่อยหยิบช้อนเขี่ยไอศกรีมก้อนเล็กๆกิน
“น้ำฝนไม่ชอบกินไอติมเหรอครับ?” เบิร์ดรู้นิสัยของน้ำฝนดี ไม่มีคำพูดไหนบังคับให้เธอทานไอศกรีมได้ดีกว่าคำนี้แล้ว
“อ๋อ…เปล่าค่ะ ชอบค่ะ…ชอบ” น้ำฝนกลัวว่าเบิร์ดจะเสียน้ำใจจึงยอมตักไอศกรีมก้อนโตขึ้นกินแต่โดยดี
“เป็นไง…อร่อยมั๊ยครับน้ำฝน?” เบิร์ดอยากรู้ความรู้สึกของน้ำฝนใจจะขาด
“อร่อยค่ะ” เด็กสาวข้างบ้านแอบอมยิ้มเล็กๆของเธอเอาไว้แล้วตอบเบิร์ดไปแบบสั้นๆ
รสชาติไอศกรีมในห้างไม่เหมือนที่เธอซื้อจากรถเข็นที่ผ่านในซอย น้ำฝนและนางฟ้าเบลผลัดกันตักไอศกรีมกินอย่างเอร็ดอร่อยจนลืมเกรงใจ เบิร์ดเห็นอย่างนั้นก็รู้สึกดีไปด้วย
“น้ำฝนลองอันนี้ดูสิ อร่อยมั๊ย?” เบิร์ดได้จังหวะหยอด
เขาตักไอศรีมก้อนสีเขียวที่อยู่ด้านตัวเองยื่นให้น้ำฝนชิม ฝ่ายน้ำฝนที่จู่ๆก็ถูกจู่โจมเช่นนี้ จากที่เธอกำลังหัวเราะสนุกสนานกับนางฟ้าเบล เธอก็เงียบเสียงลงเงยหน้ามองเบิร์ด น้ำฝนยิ้มอย่างเขินๆใจหนึ่งก็อายแต่อีกใจก็ไม่อยากทำร้ายน้ำใจเบิร์ด
“เอ่อ…คือ…” น้ำฝนอ้ำๆอึ้งๆอยู่นานให้เบิร์ดได้ลุ้น
“แหม…น้ำฝนอ่ะ ชักช้าจัง มานี่…เรากินเอง” ว่าแล้วน้องสาวตัวดีก็ยื่นหน้างับช้อนของเบิร์ดรูดเอาไอศกรีมในช้อนเข้าปากไปจนหมด เบิร์ดเห็นดังนั้นก็ทำหน้าเซ็งสุดๆ ส่วนน้ำฝนได้แต่ยิ้มไม่รู้เพราะดีใจที่รอดตัวไปได้หรือเพราะได้เห็นสีหน้าผิดหวังของเบิร์ดกันแน่
“อึ๋ย! ทำไมอันนี้เปรี้ยวจังเลยคะพี่เบิร์ด” ไอศกรีมรสมะนาวเปรี้ยวจี๊ดจนนางฟ้าเบลบ่น
“โธ่น้องเบลก็…พี่กะจะแกล้งน้ำฝนอยู่เชียว มาแย่งไปกินทำไมเนี่ยะ” เบิร์ดตอบเอาตัวรอดเรียกเสียงหัวเราะจากสองสาวทำให้เขารู้สึกมีความสุขยิ่งนัก
เบิร์ดแสดงวิธีกินเชอรี่ให้ทั้งคู่ดู เขางับเชอรี่ทั้งลูกหายเข้าไปในปาก ในไม่ช้าเบิร์ดก็คายก้านเชอรี่ที่ถูกมัดเป็นปมเรียบร้อยแล้วออกมาโชว์ ทั้งน้ำฝนและนางฟ้าเบลต่างทึ่งกันใหญ่ ต่างคนต่างตักเชอรี่ใส่ปากตัวเองเอาไปลองบ้าง เบิร์ดอมยิ้มมองสองสาวพันก้านเชอรี่ในปากตัวเองโดยไม่รู้ความหมายของมัน ผลปรากฏว่านางฟ้าเบลทำเสร็จก่อนส่วนน้ำฝนยังไงก็ทำไม่ได้ซักที
“ยิ้มอะไรคะ…พี่เบิร์ด” น้ำฝนเริ่มโมโหตัวเองที่ทำไม่ได้เหมือนคนอื่นเลยพูดแก้เขิน แต่เบิร์ดก็ไม่ตอบอะไรได้แต่ยิ้มอยู่อย่างนั้น
เวลาแห่งความสุขของเบิร์ดดูเหมือนจะดำเนินต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด แต่ทว่าเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจนได้ [ตุ๊บ!] ขณะที่ทั้งสามคนกำลังสนุกอยู่นั้นเอง นางฟ้าเบลก็หมดสติล้มลงกับโต๊ะ สร้างความตกใจให้กับทั้งเบิร์ดและน้ำฝน
“น้องเบล!น้องเบล! เป็นอะไรไป…น้องเบลครับ” เบิร์ดพยุงน้องสาวขึ้นจากโต๊ะก็เห็นใบหน้าซีดเซียวของเธอ < ตายห่า!…สงสัยเพราะกินเชอรี่เข้าไปแน่ๆเลย > เบิร์ดลืมตัวไปซะสนิท เผลอให้นางฟ้าคนโปรดกินของที่เธอกินไม่ได้ สีหน้าของเขาไม่เหลือเค้าความสุขอยู่เลย
“น้องเบล..ตื่นสิครับ น้องเบล” เสียงของเบิร์ดดังก้องในหัวของนางฟ้าเบล จนกระทั่งค่อยๆจางหายไปพร้อมกับสติสัมปชัญญะของเธอ
* * * * *
* * * *
* * *
* *
*
“พี่เบิร์ดคะ! เบลฟื้นแล้วค่ะ” เสียงน้ำฝนดังแว่วเข้ามาในหูนางฟ้าเบลขณะที่เธอพยายามจะลืมตาตื่น
“จริงเหรอ? น้องเบล…เป็นยังไงบ้าง”
ทันทีที่เบิร์ดได้ยินก็รีบถลามาที่ขอบเตียงกุมมือน้องสาวสุดโปรดของเขาเอาไว้จนแน่น นางฟ้าเบลมองไปรอบๆก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องของเบิร์ด เธอพยายามจะลุกขึ้นแต่ร่างกายเธอหนักอึ้งราวกับหินก้อนโต
“เบล~ปวดหัวจังเลยค่ะ~พี่เบิร์ด~” น้ำเสียงสั่นเครือของนางฟ้าเบลแทบจะทำให้น้ำตาที่สะกดกลั้นไว้ของเบิร์ดพรั่งพรูออกมา
“พี่เบิร์ดขอโทษนะ พี่ไม่น่าพาน้องเบลไปกินไอติมเลย” นางฟ้าเบลลืมตาขึ้นกะจะมองพี่ชายสุดที่รักให้เต็มตาแต่ก็ทำไม่ได้ เธอได้แต่มองเบิร์ดตาละห้อย
“ไม่ใช่ความผิด~ของพี่เบิร์ดหรอกค่ะ~เบลไม่ดีเอง~” นางฟ้าออกปากด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“เอาล่ะ…เบลฟื้นก็ดีแล้วนะ” น้ำฝนเห็นสองพี่น้องเริ่มตีบทโศกก็ทนไม่ไหว รีบพูดขึ้นแทรกบทสทนาของทั้งคู่ไม่ให้เศร้าไปกว่านี้
“พี่เบิร์ดคะ หนูขอน้ำอุ่นกับผ้าขนหนูซักผืนได้มั๊ยคะ เช็ดตัวให้เบลแล้วไข้จะได้ลดลง” เบิร์ดยังเป็นห่วงนางฟ้าเบลอยู่ แต่กระนั้นก็ลุกไปเตรียมอุปกรณ์ตามที่น้ำฝนขอ
“นี่รู้มั๊ย…เบลหลับไป 1 วันเต็มๆเลยนะ…” เสียงน้ำฝนค่อยๆเงียบหายไปพร้อมกับประตูห้องที่ปิดตัวลง เบิร์ดลงมาชั้นล่าง ก็เห็นแม่ของเขามองด้วยความกระวนกระวายใจไม่แพ้กัน
“น้องเป็นไงมั่งลูก?” แม่ของเบิร์ดถามทันที
“ฟื้นแล้วครับแม่” เบิร์ดตอบสั้นๆให้แม่ของเขาได้สบายใจขึ้น
“เฮ้อ! โชคดีไป…ทีหลังอย่าให้น้องกินอะไรแปลกๆเข้าไปอีกนะ…รู้มั๊ย!”
เสียงบ่นของแม่ตอกย้ำซ้ำเติมความผิดของเบิร์ดให้รู้สึกแย่ยิ่งขึ้น เขากดน้ำร้อนที่เตรียมเอาไว้ใส่ในขัน ผสมกับน้ำธรรมดาอีกส่วนจนอุ่นได้ที่ แล้วก็รีบคว้าผ้าขนหนูที่แขวนอยู่วิ่งกลับเข้าห้องด้วยสีหน้าอันบึ้งตึง
“เอ้า!นี่ครับ…น้ำอุ่นกับผ้าเช็ดตัว” เบิร์ดวางของที่เตรียมไว้ข้างๆตัวน้ำฝน
“โอเคค่ะ…เดี๋ยวหนูจะเช็ดตัวให้เบลหน่อย พี่เบิร์ดออกไปรอข้างนอกนะคะ” เบิร์ดเป็นห่วงนางฟ้าเบลใจจะขาดแต่เมื่อดูตามความเหมาะสมแล้ว
เขาจำเป็นต้องรออยู่นอกห้องอย่างช่วยไม่ได้ หลังจากออกจากห้องเบิร์ดทรุดตัวลงนั่งหลังพิงผนัง มือขวาปิดตาบีบขมับตัวเองระบายความเครียดในสมอง ใบหน้าซีดเซียวเมื่อตอนที่นางฟ้าเบลล้มลงไปนั้นยังติดตาเบิร์ดอยู่ราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้น
“โธ่เว้ย!” [ตึง!] เบิร์ดเงยหัวขึ้นเอาศีรษะกระแทกผนังห้องเสียงดัง หวังจะให้ความเจ็บปวดนั้นลบความทรงจำอันเลวร้ายนี้ออกไป
เวลาผ่านไปเกือบ 10 นาที น้ำฝนเปิดประตูออกมาก็เห็นเบิร์ดนั่งอยู่ในท่าเดิม เห็นแล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เธอนั่งลงข้างๆทำท่าเหมือนจะจับไหล่เบิร์ดแต่ก็เปลี่ยนใจเอามือวางบนเข่าตัวเองแทน
“พี่เบิร์ดคะ..หนูเช็ดตัวให้เบลแล้ว คืนนี้ให้นอนพักอีกหน่อยพรุ่งนี้ก็คงหายดีแล้วล่ะค่ะ” น้ำฝนชี้แจงสถานการณ์ให้เบิร์ดฟัง แต่เขากลับนิ่งเฉยไม่ตอบรับเธอ ซึ่งผิดวิสัยของเบิร์ดที่น้ำฝนรู้จักยิ่งนัก ในตอนนั้นเองน้ำฝนก็สังเกตเห็นเลือดที่หลังหัวของเบิร์ด
“ตายแล้วพี่เบิร์ด…ไปทำอะไรมา…” น้ำฝนกะจะถามให้รู้เรื่อง แต่เมื่อมองไปที่ผนังห้องเห็นเลือดที่ตำแหน่งเดียวกันก็เข้าใจได้ในทันที
“โธ่!…พี่เบิร์ดก็…” น้ำฝนลุกขึ้นวิ่งลงไปขออุปกรณ์ปฐมพยาบาลจากแม่ของเบิร์ดแล้วก็กลับมาหาเบิร์ดในทันที
“ทำไมทำแบบนี้ล่ะคะ…มานี่ เดี๋ยวหนูทำแผลให้” เลือดของเบิร์ดไหลออกมามากจนน้ำฝนหวั่นใจ
“ไม่เป็นไร…น้ำฝนไม่ต้องห่วงพี่หรอก ปล่อยให้เลือดเลวๆของพี่มันไหลออกมาให้หมดนั่นแหละ” เบิร์ดตอบน้ำฝนราวกับคนหมดอาลัยตายอยากในชีวิต
“จะบ้าเหรอ…พี่เบิร์ด!” น้ำฝนได้ยินคำพูดของเบิร์ดก็สุดจะระงับอารมณ์อยู่ ตวาดเสียงดังใส่เบิร์ดจนเขาสะดุ้ง
“ถ้าเบลตื่นขึ้นมาเห็นพี่เบิร์ดเป็นแบบนี้ พี่เบิร์ดคิดว่าเบลเค้าจะมีความสุขรึไง!” น้ำเสียงแข็งกร้าวที่เบิร์ดไม่เคยได้ยินจากปากน้ำฝนมาก่อน เสียดแทงเข้าไปในจิตใจของเบิร์ดให้ได้รู้สำนึกว่าตนกำลังทำผิดอย่างมหันต์
เบิร์ดหันหน้ามาทางน้ำฝนแต่ก็อับอายในความงี่เง่าของตัวเองถึงขนาดต้องให้เด็กข้างบ้านอย่างน้ำฝนมาคอยเตือนสติ จึงได้แต่มองพื้นบริเวณที่น้ำฝนยืนเท้าสะเอวอยู่
“ถ้าพี่เบิร์ดอยากจะสำนึกผิดล่ะก็…ทำใจให้เข้มแข็งแล้วดูแลเบลให้ดีๆ ไม่ดีกว่าเหรอคะ” เบิร์ดเริ่มหน้าเสีย
“คือ…พี่…” เบิร์ดพยายามจะหาข้อแก้ตัว
“ให้ตายเถอะ!…พวกผู้ชายเนี่ยะ เอะอะก็ดีแต่ใช้กำลัง ไม่ได้สนใจเลยว่ามีคนอื่นเป็นห่วงอยู่” น้ำฝนไม่รอฟังคำแก้ตัว เธอร่ายบทเทศน์ชุดใหญ่ใส่หูเบิร์ด
“คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะคะ…ถ้าพี่เบิร์ดเป็นอะไรไปแล้วใครจะดูแลยัยเบลล่ะ แล้วยังมีแม่ของพี่เบิร์ดอีกนะ” เบิร์ดนิ่งเงียบยอมรับทุกคำพูดของน้ำฝน
“หนูพูดแรงเกินไปรึเปล่าคะพี่เบิร์ด คือ…หนูแค่ไม่อยากให้พี่เบิร์ดโทษตัวเองน่ะค่ะ” เบิร์ดเงยหน้าขึ้นมองน้ำฝนด้วยสายตาอันเฉียบคม จนเด็กสาวเจ้าน้ำใจรู้สึกผิดที่พูดแรงๆออกไป
“ไม่หรอกครับ…น้ำฝนพูดถูกทุกอย่างเลย พี่ต้องเข้มแข็งเข้าไว้ถึงจะถูก” เบิร์ดตอบแล้วก็ยิ้มให้น้ำฝนรู้สึกสบายใจ
“งั้น…ขอหนูดูแผลหน่อยค่ะ” เมื่อเห็นว่าเบิร์ดสงบลงแล้ว น้ำฝนก็รีบปฏิบัติงานทันที
แผลของเบิร์ดถูกน้ำฝนจัดการในเวลาอันสั้น พอจิตใจสงบลงแล้ว เบิร์ดก็มีโอกาสได้ไตร่ตรองเรื่องของน้ำฝน ความมีน้ำใจของเธอยิ่งทำให้เบิร์ดหลงรักน้ำฝนมากขึ้นไปอีก
“ขอบใจนะน้ำฝน” เบิร์ดเอ่ยปากขอบคุณน้ำใจของเด็กสาวข้างบ้าน น้ำฝนเงยหน้ามาเห็นเบิร์ดจ้องเธอก็รู้สึกเขินขึ้นมาและระลึกได้ว่าตอนนี้เธออยู่กับเบิร์ดเพียงลำพังสองต่อสอง
“ถ้าไม่ได้น้ำฝนช่วย พี่คงลำบากแย่เลย” น้ำเสียงของเบิร์ดดูนุ่มนวล สงบนิ่งและแฝงความในอะไรบางอย่าง
“มาช่วยดูแลเบลแถมยังต้องมาทำแผลให้พี่อีก ดูสิ…มือเลอะหมดเลย” เบิร์ดจับมือน้ำฝนมาดูเล่น
“เนี่ยะ…ถ้าเบลเค้ามีพี่สาวแบบน้ำฝนซักคนก็คงจะดีเนอะ” สัมผัสอุ่นๆจากมือและบทพูดแปลกๆของเบิร์ดทำให้น้ำฝนเริ่มรู้สึกทะแม่งๆ
“ที่หนูทำก็เพราะเป็นห่วงเบลตะหากล่ะคะ” น้ำฝนแก้ตัวพลางชักมือตัวเองกลับ เธอหันหน้าที่แดงเรื่อๆของเธอหลบสายตาเบิร์ดทำทีเป็นเก็บอุปกรณ์ปฐมพยาบาลทั้งๆที่เก็บเสร็จไปแล้ว
“เอ่อ…งั้น ถ้าไม่มีอะไรแล้ว หนูขอตัวกลับก่อนนะคะ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าหนูจะมาเยี่ยมเบลใหม่” น้ำฝนพูดจบก็รีบเดินลงบันไดกลับบ้านโดยไม่รอให้เบิร์ดกล่าวลา เสียงราตรีสวัสดิ์ของเบิร์ดดังแว่วๆไล่หลังเธอเรียกรอยยิ้มที่แอบซ่อนเอาไว้ไม่ให้เบิร์ดเห็นนั้นปรากฏชัดขึ้น…