ศึกหมอผี ตอนที่ ๑๒

ศึกหมอผี ตอนที่ ๑๒

ศึกหมอผี ตอนที่ ๑๒
สมิงมือสังหาร….

 ช่วงเย็นย่ำบริเวณทุ่งกว้างไม่ห่างจากแถวกระโจมที่พักของทหารฝ่ายพระราชาพยัคฆราชเท่าใดนัก หมอผีหนุ่มยืนมองพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดิน สายลมพัดเอื่อยๆโลมไล้ผิวกายของเขาเย็นไปถึงหัวใจ แต่ในใจเขากลับกำลังคำนึงถึงเรื่องราวของพรุ่งนี้ยามเช้าตรู่ที่จะเป็นกำหนดการเดินทัพ เหล่าทหารทั้งหลายต่างเตรียมพร้อมศาสตราอาวุธบ้าง เลี้ยงบำรุงม้าศึกบ้าง เพื่อให้พร้อมสำหรับออกเดินทางไกลและทำสงคราม ขณะที่ไพร่พลบางส่วนก็ซ้อมอาวุธกันตามพื้นที่ว่าง หรือไม่ก็จับกลุ่มพูดคุยพักผ่อนตามแต่อัธยาศัย ลมเย็นๆพัดมาต้นหญ้าสีเหลืองอ่อนๆเอนลู่ไปตามกระแส ภาพช่างสวยงามเหลือเกินในสายตา
ของหมอผีหนุ่ม แต่เขาต้องตื่นจากภวังค์เมื่อเสียงใสๆทักทายอย่างคุ้นเคยมาจากด้านหลัง

“มายืนคิดถึงใครอยู่หรอพี่สิน..?..” หันไปดูก็เป็นเจ้าหญิงนั่นเอง

หมอผีหนุ่มยิ้ม “ปะ..เปล่า.ไม่ได้คิดถึงใคร แต่กำลังคิดถึงการไปศึกในวันพรุ่งนี้น่ะ….”

“อย่ากังวลไปเลย พี่จะต้องปลอดภัยและโค่นล้มนางราชินีชั่วนั่นได้แน่ๆ หญิงมั่นใจในตัวของพี่…” พูดจบก็กอดรั้งไปที่เอวของหมอผีหนุ่ม เพราะเธอสูงแค่นั้น และกอดแทบไม่รอบเอว

หมอผีหนุ่มลูบเส้นผมอย่างอ่อนโยน “พี่จะพยายามทำการครั้งนี้ให้สำเร็จให้จงได้….”

“..ฮื่อ.อ.อ.อ…ใช่พี่ต้องทำเพื่อหญิงนะ..และหญิงมั่นใจว่าพี่ต้องทำได้อยู่แล้ว….” เด็กสาวกอดร่างของหมอผีหนุ่มแน่นขึ้นอย่างรักใคร่
เสียงเอะอะร้องบอกให้ตั้งปะลำดังขึ้น หมอผีหนุ่มหันไปดู พลางถามเด็กสาวอย่างสงสัย “นั่นเขาจะทำอะไรกัน…”

“เป็นพิธีสู่ขวัญนักรบก่อนออกทำศึกของชาวเรา หลังเสร็จพิธีจะมีการฟ้อนรำถวาย และทหารทุกนายจะมารื่นเริงดื่มสุราร่วมกัน เพื่อเป็นการสร้างขวัญและความสามัคคีระหว่างหมู่ทหารก่อนออกศึกน่ะ…” เจ้าหญิงอธิบาย

“น่าสนุกนะ…”

“ฮื่อ.อ.อ..สนุกมากเลย..พิธีนี้ไม่มีการถือยศตำแหน่งใดๆ ทุกคนจะสนุกได้อย่างเท่าเทียมกัน….พออาทิตย์ตกดินพิธีการก็จะเริ่มแล้ว…”

“งั้นเราไปดูกันเถอะ นี่พระอาทิตย์ก็ตกดินแล้ว…”

เจ้าหญิงจูงมือหมอผีหนุ่มเดินนำหน้าไป “ตามหญิงมาสิ เขาจัดที่ไว้ให้พี่ด้วยนะ…”

ชายป่าห่างออกไป มีเงาดำสาม – สี่ร่างซุ่มอยู่ สายตาของเงาดำๆเหล่านั้นจ้องมองตามทั้งสองไป หมอผีหนุ่มชะงักหันมองไปที่พุ่มไม้นั่น เจ้าหญิงที่เดินนำหันกลับมามองอย่างแปลกใจที่อยู่ๆหมอผีหนุ่มหยุดกึก “มีอะไรหรอพี่สิน? หยุดทำไม?”

“เอ่อ.อ.อ.อ…รู้สึกแปลกๆน่ะ..เหมือนตรงนั้น….มัน..เอ่อ.อ.อ..อ์..”เขาตอบสายตามองไปที่พุ่มไม้อย่างสงสัย

“รู้สึกอะไรหรอ?”

เขามองพุ่มไม้แล้วจ้อง สักครู่ก็เอ่ยขึ้น “ไม่มีอะไรหรอก พี่คงกังวลไปเอง…”

พูดจบเขาก็เดินตามเจ้าหญิงไป

คล้อยหลังหมอผีหนุ่มไป เงาดำเหล่านั้นก่อตัวขึ้นมาใหม่ มีเสียงราวกระซิบคุยกัน

“ …..นั่นหรือ?..ไอ้หมอผีชาวมนุษย์…ท่าทางจะร้ายกาจมิใช่น้อย…จับพลังของหมู่เราได้ด้วย………………….น่าสนใจยิ่งนัก…………”

“………….เพราะเหนือหัวมีคนเยี่ยงนี้อยู่ข้างกายจึ่งกล้าคิดก่อการได้…………….”

“………….แต่มิใช่ปัญหาเพราะคืนนี้มันจักมิมีลมหายใจทั้งนายแลบ่าว…………….”

“………….อย่าประมาท………แยกกันไปดำเนินตามเป้าหมายที่วางไว้เถิด…………..จำไว้อย่าให้พลาด…………..”

“………….ขอรับ…………….”

แล้วกลุ่มเงาปริศนาก็เงียบไป เหลือเพียงสายลมแรงพัดวูบๆมา….

ย่ำค่ำพิธีสู่ขวัญนักรบโดยนักบวชผ่านไปโดยมีพระราชาประทับบนปะลำสูงเป็นประธาน และต่อจากนั้นก็มีการฟ้อนรำโดยสาวงามที่อ่อนช้อยและสวยงาม เหล่านักรบรินสุราจ่ายแจกและกอดคอร่วมดื่มกินสรวลเสฮากันอย่างสนุกสนาน หมอผีหนุ่มนั่งเคียงคู่ชมผาอยู่ด้านล่างของปะลำ เขาดื่มสุราในจอกเงียบๆแล้วมองดูรอบๆแล้วยิ้มจางๆบนใบหน้า พลางคำนึงคิดแล้วก็อดใจหายมิได้เพราะว่า หลังการดื่มกินครั้งนี้คงมีหลายคนที่จะไม่มีชีวิตรอดจากการศึกที่รออยู่ในวันถัดไป ชมผาเห็นสหายชาวมนุษย์เงียบจึงยกจอกชนด้วยและชวนคุย

“ทำไมถึงเงียบไปสหาย สูกังวลอันใด?”

“ข้าไม่กังวลหรอก แต่ห่วงและเสียดายชีวิตเหล่านักรบ….”

ชมผามองเหล่าทหารแล้วถอนใจ “การศึกย่อมมีความสูญเสีย เป็นไปไม่ได้หรอกที่ชัยชนะจะได้มาโดยไม่หลั่งเลือดและสูญเสีย อยู่ที่จะเสียมากหรือน้อยเท่านั้น….”

“ข้าเข้าใจ..และอยากให้ฝ่ายเราสูญเสียน้อยที่สุด…..”

“สูทำได้นี่….ดื่มเถิด…..” ชมผารินสุราให้สหายหมอผีหนุ่ม พลางยกชนแล้วเอ่ย “หมดจอก..”

“เช่นกัน…..”

ห่างจากที่มีพิธีสู่ขวัญนักรบ เงาดำวูบๆลอบเดินเข้ามาแต่เจอทหารยามสองคนเดินผ่านมาเจอ แต่ยังไม่ทันทหารทั้งสองจะขยับทำอะไร เงาดำร่างนั้นก็พุ่งเข้าหาทั้งสองสะบัดคมอาวุธในมือเข้าที่คอ เลือดสดๆพุ่งกระฉูดทั้งสองล้มลงสิ้นใจในสภาพตาเหลือกโพลง เงาดำร่างนั้นมองผลงานอย่างพอใจ และก็มีเงาดำอีกสาม – สี่ร่างออกจากที่ซ่อนมาสมทบ พวกมันมองร่างไร้ชีวิตของทั้งสองแล้วพยักหน้าให้กันก่อนจะเคลื่อนกายไปอย่างเงียบกริบ จนกระทั่งมาถึงเนินหินที่ไม่ห่างจากปะลำที่พระราชาพยัคฆราชทรงประทับอยู่….

บนเนินนั่นมีทหาร สาม – สี่นายกำลังนั่งข้างๆกองไฟที่ก่อไล่ความหนาวเย็นของอากาศ บางคนก็กำลังจิบสุราเรียกเลือดลม พวกเงาดำพุ่งวูบๆมาหมอบอยู่ไม่ห่าง เพื่อรอจังหวะจนเหล่าทหารเหล่านั้นพลั้งเผลอ เมื่อได้โอกาสพวกมันทั้งหมดก็โผล่เข้าจู่โจมเข้าข้างหลังเอามือปิดปากและเชือดคอสังหารโหดอย่างเงียบเชียบ ร่างของทหารที่ไร้ลมหายใจถูกปล่อยทิ้งไว้อย่างไม่ใยดี พวกเงาดำเดินมาเรียงแถวมองไปที่ปะลำ หนึ่งในพวกมันหยิบธนูออกมา และง้างขึ้นสุดสายและเล็งไปที่พระราชาซึ่งกำลังสำราญพระทัยอยู่กับการทอดพระเนตรเหล่านางรำ….

ที่ปะลำพิธี พระราชาเกิดนึกสนุกลุกขึ้นมาและร่วมฟ้อนรำกับเหล่านางรำ ทรงร่ายรำด้วยท่วงท่าขัดๆเขินๆและดูขบขันจนทุกคนในที่นั้นอดหัวเราะไม่ได้ บางครั้งพระองค์ก็ทำรำเกี้ยวไล่กอด เหล่านางรำก็เอียงตัวหลบยั่วล้อไปจนพระองค์แทบหัวคะมำ แต่ก็ไม่ทรงโกรธเคืองอะไร ยังทำท่าไล่ต้อนไล่กอดนางรำต่อำปอย่างสำราญพระราชหฤทัย บรรยากาศจึงยิ่งสนุกสนานเป็นกันเองมากขึ้น ทว่าพวกเงาดำด้านบนเนินกลับหงุดหงิดเพราะคนที่กำลังโก่งคันธนูเล็งมาที่พระวรกายไม่อาจจับเป้าปล่อยลูกธนูมาสังหารพระองค์ได้ พวกมันทำได้แต่เพียงเล็งส่ายตามไปมา…

เจ้าคนเล็งยิงชักสมาธิแตกซ่าน “จะเดินไปไหนนักหนาวะ…”

“ใจเย็นๆ อย่าวู่วาม เดี๋ยวจะเสียการ…..” เสียงคนที่ดูมีอำนาจกล่าวเตือน มันจึงตั้งสมาธิเล็งยิงอีกครั้ง

แล้วมันก็เอ่ยด้วยเสียงที่ยินดี “ เอาละได้ที่แล้ว……”

“อย่าให้พลาดนะ……..” เสียงนั้นกำชับมัน

เบื้องล่างพระราชากำลังฟ้อนรำกับเหล่านางรำท่ามกลางเสียงหัวเราะเฮฮา มือสังหารเล็งธนูจนแน่ใจว่าเป้าหมายไม่พลาด มันก็ปล่อยสายธนูให้ดีดลูกพุ่งเข้ามาหาเป้าหมาย ลูกธนูพุ่งแหวกอากาศเข้าหาพระราชาผู้เป็นเป้าหมาย ทว่าก่อนธนูจะพุ่งเข้าปักที่ยอดพระอุระของราชาพยัคฆราช พระองค์ทรงโอบกอดนางรำนางหนึ่งแล้วเอียงกายให้นางรำขยับมาแทนที่อย่างบังเอิญ ธนูดอกนั้นพุ่งปักกลางหลังนางทะลุออกยอดอก นางอ้าปากกรีดร้องแล้วทรุดร่างลงนอนกับพื้นสิ้นใจทันที

เหล่าทหารองครักษ์เห็นเข้ารีบกรูขึ้นมาล้อมองค์ราชาทันที “มีมือสังหารลอบเข้ามา!!!!”

“คุ้มกันองค์กษัตริย์!!!” ชมผาและหมอผีสินตะโกนพลางชักดาบวิ่งตามขึ้นมา ทุกคนตีวงล้อมองค์กษัตริย์เอาร่างของตนเป็นโล่ห์มนุษย์ แล้วหันหน้าไปจับตาหาผู้ซุ่มโจมตี ส่วนด้านล่างแตกตื่นอลหม่านไปทั่ว

มาวินนายด่านร้องตะโกนทันที “อย่าแตกตื่นเสียกระบวน สูเจ้าทุกคนจงตั้งสติแล้วเร่งตามหาพวกมือสังหารให้ได้….”

“มันมาจากทางนั้น…?!?…” เสียงหนึ่งบอกทำให้ทุกคนหันไปที่เนิน แต่ห่าธนูนับร้อยฤดอกก็พุ่งเข้ามา

“ธนู!!! กองรักษาพระองค์ คุ้มกันองค์กษัตริย์ไปในปลอดภัยบัดเดี๋ยวนี้…!!!..”

ชมผาร้องสั่ง บรรดาทหารรักษาพระองค์ยกโล่ห์มายืนล้อมท้าวพยัคฆ์ราชทันที

ธนูพุ่งเข้าปักร่างของเหล่าทหารรักษาพระองค์ล้มนอนบาดเจ็บล้มตามเกลื่อน พระราชาถูกคุ้มกันอย่างแน่นหนาพาลงจากปะลำ ห่าธนูยังระดมยิงมาไม่ขาดสายจึงไม่อาจเคลื่อนกลุ่มไปได้ ชมผาและหมอผีหนุ่มพยายามช่วยกันใช้ดาบในมือปัดป้องสุดกำลังไม่ให้ลูกธนูเล็ดลอดเข้ามาทำร้ายองค์ราชา แต่ทหารองครักษ์ก็ต้องลูกธนูล้มตายบาดเจ็บไปอีกหลายคน จนกระทั่งหน่วยพลธนูมาถึงและตั้งแถวยิงสวนขึ้นไปยังเนินทำให้การโจมตีหยุดชะงักไป

เงาดำบนเนินหลบลูกธนูวูบวาบ พวกมันแสนจะแค้นใจที่การจะสำเร็จอยู่แล้วแต่พลาดไปอย่างฉิวเฉียด แต่พวกมันเป็นมือสังหารระดับพระกาฬของแผ่นดิน พวกมันยอมตายดีกว่าให้ภารกิจล้มเหลว มันมองไปยังเบื้องล่างเห็นองค์ราชากำลังถูกคุ้มกันไปยังกระโจมที่พัก เจ้าผู้มีท่าทีเป็นหัวหน้าก็ลุกขึ้นใช้ดาบปัดป้องลูกธนูมิให้ต้องกายของมัน และขยับวิ่งลงจากเนินพรรคพวกที่ติดตามมาบางตนต้องธนูล้มตายรายทางไปหลายตน พวกที่เหลือร้องถามถึงวิธีการต่อไปทันที

“นายท่าน…จะทำเยี่ยงไรต่อขอรับ….”

“ต้องติดตามไปสังหารเหนือหัวให้ได้..แม้จะต้องตายแต่ภารกิจเราจะล้มเหลวมิได้!!!…”เสียงผู้นำคำรามอย่างเด็ดเดี่ยว

“หมู่มันรู้ตัว แล้วตั้งรับอย่างหนาแน่นยิ่งนัก…”

“ตั้งรับแน่นหนาเพียงใด หมู่เราก็ต้องฝ่าเข้าไป”ร่างนั้นสะบัดผ้าคลุมดำออกเผยร่างเป็นหญิงที่ร่างกายแข็งแรงสูงใหญ่เท่าบุรุษ ผิวดำเป็นมันเงาร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้ามผิดสตรีเพศท่วงท่าดุดันเอาเรื่องไร้ความสวยงามจำเริญตาบนใบหน้ากลมรี ดวงตาพองโต จมูกโด่งริมฝีปากหนาดำ คิ้วขมวดสีหน้าเคร่งเครียดคล้ายโกรธอยู่ตลอดเวลาผมหยิกตัดสั้นติดหนังศีรษะ แต่งกายด้วยชุดเกราะหนังอ่อนสะพายดาบเล่มโตมีมีดสั้นคมกริบในฝักคล้องอยู่เข็ดขัดหนังด้านข้างสะเอวพร้อมชักออกมาเชือกคอผู้ไม่ชอบหน้าหรือต่อปากต่อคำจนขัดใจได้ตลอดเวลาและสักยันต์ลายเสือที่หน้าผาก นางกระชับขวานที่มีใบสองด้านในมือมั่นแล้วบอกทุกคน “สั่งหมู่เราทุกคน โถมกำลังบุกเข้าไปสังหารพยัคฆราชาให้จงได้ ไม่ประสพผลไม่เลิกรา…..”

“ขอรับนายท่าน..!!!.” แล้วผ้าคลุมสีดำก็ถูกกระชากทิ้ง เหล่ามือสังหารเผยตน ทุกคนแต่งกายด้วยชุดหนังสัตว์รัดกุม มีทั้งชายและหญิงปะปน ท่าทางทุกคนดุร้ายกระหายเลือดตามร่างกายสักยันต์แปลกๆ ลวดลายประหลาดๆเกือบทั่วตัว

มือสังหารคนหนึ่งชูคบไฟขึ้น แล้วโบกเป็นสัญญาณไปด้านหลัง พลันธนูที่หัวติดไฟนับร้อยก็ถูกระดมยิงมาจากด้านหลังราวห่าฝน มันไปปักยังกระโจมที่พักก็ติดไฟและโหมไหม้อย่างรวดเร็ว ไปต้องกายใครก็บาดเจ็บและร้องอย่างทรมาน ทั้งสองฝ่ายยิงธนูโต้กันอย่างไม่ยอมแพ้ เสียงเอะอะโกลาหลเกิดขึ้นไปทั่วที่ตั้งทัพของฝ่ายกบฏ และพวกมือสังหารบนเนินนับร้อยก็วิ่งเรียงหน้ากระดานลงมา ทั้งหมดควงอาวุธเข่นฆ่าคนที่ขวางมาจนใกล้ถึงพระราชา พวกมันมีฝีมือร้ายกาจจนไม่มีใครขวางได้เลย ชมผาและหมอผีหนุ่มหันไปเห็นก็กระชับอาวุธเข้ารับมือทันที

“พาองค์กษัตริย์หนีไปในด่านคุ้มครองไว้ด้วยชีวิต ส่วนพวกมือสังหารทางนี้ ข้าจะรับมือพวกมันเอง….” หมอผีหนุ่มสั่งขณะเกิดความอลหม่านไปทั่ว จนไม่มีใครตั้งสติรับเหตุการณ์นี้ได้ทัน

ชมผารับมือคู่ต่อสู้แล้วหันไปพยักหน้ารับ “ฝากด้วยนะ….”

“จะไปไหน…” เจ้ามือสังหารเข้าขวางหมายเล่นงานองค์กษัตริย์

หมอผีหนุ่มหมุนตัวมาเตะใส่มันหลบได้ แต่เจอเขาเตะตัดขาล้มลง หมอผีหนุ่มแทงซ้ำด้วยมีดกลางอกของมัน มันกระตุกนอนแน่นิ่งไป เขาหันไปสั่งสหายชมผาที่ตะลึงอยู่ “รีบไปซิ….”

“ไอ้มนุษย์ชั่ว สูฆ่าพี่น้องของข้า..!!!..” นางคนหนึ่งชี้หน้าด่าแล้วควงดาบวิ่งเข้ามาหา

หมอผีหนุ่มหลบแล้วแทงเข้าทีสีข้างทะลุอีกฝั่ง “ข้าไม่ได้ตั้งใจ แค่ป้องกันตัวนะ….”

“สู..สู…..อ้าก.ก.ก.ก.ก์…” พูดได้แค่นั้นนางก็ล้มลงขาดใจตาย

พระราชาถูกคุ้มกันออกห่างบริเวณต่อสู้ไป ขณะนั้นทัพหนุนในค่ายติดอาวุธและตามออกมาสมทบ ขณะด้านนอกพวกทหารฝ่ายกบฏก็สามารถจัดระเบียบกองทัพได้ พวกเขาตั้งแถวตอบโต้บรรดาเหล่ามือสังหารและเข่นฆ่าพวกมันล้มตายเป็นใบไม้ร่วง พวกมือสังหารเห็นพรรคพวกตกตายไปมากมายและถูกกองทหารไล่ต้อนก็ถอยไปรวมกลุ่ม พวกทหารล้อมเข้าหาหมายรุมฟันให้ด่าวดิ้น ทว่าทุกคนต้องชะงักเมื่อตรงแนวป่าพรรคพวกของมันอีกหลายร้อยแสดงตนวิ่งออกมาพร้อมเสียงโห่ร้องข่มขวัญ ธนูไฟหยุดโจมตีไปแล้ว แต่สภาพตอนนี้มีไฟโหมไหม้ไปทั่วค่ายประดุจทะเลเพลิง กำลังทหารส่วนหนึ่งช่วยกันดับไฟช่วยกันขนคนเจ็บวุ่นวาย ส่วนพวกที่ต่อสู้ก็ทุ่มกำลังเข้าต่อสู้เต็มที่

หมอผีสินวิ่งมายืนหน้าแถวทหาร แล้วสั่งทุกคน “อย่าแตกตื่นๆๆ เข้าแถวตั้งแนวเอาไว้….รักษาแนวเอาไว้….”

เหล่าทหารเข้าแถวตั้งแนวขวางตามคำสั่งทันที พวกมือสังหารหลายร้อยคนวิ่งกรูเข้ามาพร้อมอาวุธครบมือ ท่าทางแต่ละคนดุร้ายแววตากระหายเลือดและใส่ชุดเกราะหนาสีดำ ใช้ดาบด้ามใหญ่น่าหวาดหวั่น พวกนี้คือสมิงมือสังหารกลุ่มนักฆ่ารับจ้างที่น่ากลัวที่สุดในดินแดนแห่งนี้ หมอผีหนุ่มกระชับอาวุธมั่นในมือยืนอยู่เบื้องหน้าของแถวทหาร เขามองเหล่ามือสังหารที่กำลังใกล้เข้ามาอย่างไม่หวั่นเกรง แล้วเขาก็กุมดาบด้วยสองมือยกขึ้นไว้เหนือหัวตัวเอง

เขารอจนมันมาระยะห่างเพียงสิบเมตรก็ร้องสั่ง “ทุกคน…ประจัญบาน….ฆ่าพวกมันให้สิ้นอย่ามีความปราณี เพราะพวกมันก็จะไม่ปราณีพวกเจ้าเช่นกัน…….”

แล้วทั้งสองฝ่ายก็เข้าปะทะตะลุมบอนกันชุลมุน เสียงดาบกระทบกัน เสียงร่างคนถูกฟัน เสียงร้องโอดโอย ดังฟังไม่ได้สรรพ หมอผีหนุ่มนำทหารเข้าสู้อย่างเต็มสามารถ เขาขยับไปทางไหนพวกมือสังหารก็แตกฮือถูกฟาดฟันล้มตายก่ายกองอยุ่แทบเท้า เลือดเหล่าศัตรูสาดกระเซ็นอาบเต็มกายและใบดาบของเขาจนชุ่มโชก แต่ขณะโรมรันกันเขาเหลือบไปเห็นผู้นำกลุ่มมือสังหารที่เป็นหญิงร่างใหญ่กำลังพาพวกลูกน้องไล่ติดตามองค์ราชาไป ไม่มีใครสามารถขัดขวางมันได้ ชีวิตแล้วชีวิตเล่าถูกสังหารระหว่างทางที่พวกมันติดตามไป ประเมินดูแล้วหมอผีหนุ่มเข้าใจทันทีว่าฝีมือของกลุ่มที่ไล่ติดตามไปสูงส่ง เขาจึงออกวิ่งติดตามไปทันที

“ทหารกล้าจงอย่าถอยหนี สู้มันเข้าไป สู้กันให้ตายไปข้าง..!!!…” เขาฟาดฟันดาบใส่ศัตรูผู้ขวางทางแล้วตะโกนสั่งทหาร

พวกมือสังหารตามมาทันกลุ่มองครักษ์ พวกมันฟาดฟันเหล่าองครักษ์ล้มตายอย่างง่ายดาย มีเพียงชมผาที่พอรับมือไหว แต่ก็ถูกกลุ้มรุมจนแยกห่างจากพระราชา พวกมันสามคนเดินล้อมองค์ราชาพร้อมดาบสีดำเงาคมกริบ พระราชาพยายามหาทางหนีแต่ก็จนมุม แต่ก่อนที่มันจะทันสังหาร หมอผีหนุ่มก็พุ่งกายเอาดาบมารับคมดาบของมันไว้ แล้วปะทะเพลงดาบ ระหว่าง สาม ต่อ หนึ่ง อย่างไม่เพลี่ยงพล้ำ จนกระทั่งสังหารมันตกตายไปทั้งสามคน ด้านชมผาที่รับมือหัวหน้ามือสังหารที่เป็นหญิงและกำลังตึงๆมืออยู่นั้น หมอผีสินก็โถมกายเข้าไปช่วย และฟันเข้าใบหน้าของเจ้าคนหนึ่งจนแหกล้มลงดับดิ้น นางผู้นำมือสังหารเห็นเข้าให้แค้นใจหนักหนา นางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน วาดกระบวนท่าดาบเข้าหาหมอผีหนุ่มอย่างดุดันทันที

“เจ้ามนุษย์….สูต้องตายชดใช้ชีวิตของหมู่ข้า…”

หมอผีหนุ่มต้องรับกระบวนท่าดาบอันหนักหน่วงและโกรธแค้น แต่เขาก็สามารถปัดป้องและรับได้หมดทุกกระบวนท่า ชมผาได้พาพระราชาหลบมาภายในป้อมและพาไปเรือนพักของนายด่านที่นำทหารมาอารักขาเต็มที่ ทว่ายังมีสองมือสังหารที่ควบม้าสองตัวนำพรรคพวกกลุ่มหนึ่งไล่ติดตามมา พวกนี้ร้ายกาจมากไม่มีใครหาญเข้ารับมือพวกมันได้ถูกสังหารตกตายไปหลายคน ชมผาและนายด่านสองคนลากองค์ราชาสู้พลางถอยพลาง ขณะที่หมอผีหนุ่มเองก็ตึงๆมือกับการต่อกรกับหัวหน้าสมิงมือสังหาร เพราะเพลงดาบของนางรุนแรงและร้ายกาจยิ่งนัก

หลังจากสู้กันจนเหงื่อตกได้แผลได้เลือดกัน ผู้นำสาวกลุ่มสมิงสังหารก็เอ่ยคุยกับหมอผีหนุ่ม “นับว่าสูมีฝีมือสมราคา ราชินีจึ่งกำชับให้ข้าระวังสูให้จงดี ข้ายินดีที่ได้เจอคนเก่ง เพราะการเอาชนะคนเก่งได้ย่อมหมายว่าเราเก่งกว่า ชื่อเสียงจะเป็นที่ยำเกรงสืบไป…คริ..คริ….”

“เข่นฆ่าคนอื่นเพื่อเสริมบารมีตนนั้นข้าไม่เห็นสม เพราะได้เพียงพระเดชหามีใครเทิดทูนเท่าพระคุณได้ไม่ แต่ถ้าเจ้าจะคิดอย่างนั้นก็ไม่ผิด เพราะเจ้ามันเป็นเพียงนักฆ่าชั้นต่ำที่ไร้เกียรติทำได้ทุกวิถีทางเพื่อเข่นฆ่า….”

“คริ..คริ…กล่าวได้เจ็บปวดมากนะสู คืนนี้เลือดของสูจะนองพื้นดินที่ด่านศรีโพธิ์แห่งนี้….”

พูดจบนางผู้นำสมิงมือสังหารก็หยิบจานกลมๆเป็นรูปจักรออกมาจากเอวสองอันแล้วขวางใส่หมอผีหนุ่ม สิ่งนั้นหมุนติ้วเข้าหาหมอผีหนุ่มที่ใบหน้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้ต้องขยับหลบตามสัญชาตญาณ กงจักรพุ่งผ่านแก้มจนรู้สึกเย็นวาบ มันตัดผ่านปอยผมของเขาขณะเอี้ยวตัวหลบและพุ่งเลยไปตัดคอของทหารฝ่ายกบฏสองคนขาดกระเด็น จากนั้นก็หมุนกลับไปเข้ามือของนางผู้นำ หมอผีหนุ่มดูสภาพศพของพวกตนถึงเม้มปาก เพราะนางคนนี้ร้ายกาจไม่เบา และอาวุธก็ทรงอานุภาพยิ่งนัก
“นับว่าสายตาของสูดีไม่เบา หลบจักรสังหารของข้าได้ แต่ไอ้คนชะตาขาดรับเคราะห์แทน”

“ฮึ่มมม…กะ…แก”

“ข้าชื่อกายวัน จำชื่อของข้าไว้ก่อนลงนรก!!!”

นางขว้างใช้กงจักรสองอันในมือขว้างใส่เขาอีก คราวนี้เหมอผีหนุ่มต้องวิ่งหนีวิถีของกงจักร แต่มันก็ไล่ตามหลังมาติดๆ และใช้กงจักรขว้างใส่และไปทำร้ายคนที่อยู่รอบๆบาดเจ็บล้มตายไปอีกหลายคน นางผู้นำกลุ่มมือสังหารหัวเราะอย่างพอใจเรียกอาวุธกลับไปอยู่ในมือ เห็นผู้เคราะห์ร้ายแล้ว หมอผีหนุ่มตัดสินใจปักหลักยืนเผชิญหน้ากับนางไม่คิดหนีหรือหลบอีก เพราะจะเพิ่มผู้เคราะห์ร้ายขึ้นหลายคน เขากำดาบฟ้าลั่นคู่มือไว้มั่นสบตาของนางสมิงมือสังหารมั่น

“ไม่หนีแล้วฤา…จอมเวทย์ชาวมนุษย์ สูน่าจะมีดีกว่าที่เห็นอยู่ หลบหนีราวสุนัขไนหนีพยัคฆ์ไม่ปาน”

“ อาวุธชั่วร้ายของเจ้า มันเอาเปรียบกัน ใยไม่ใช่ดาบมาสู้”

“พอดีข้าไม่ใช่คนคิดมากเรื่องนี้ซะด้วย และการถือดาบเข้าไปสู้กับสูก็ไม่ผิดอะไรกับการส่งลูกแกะเข้าไปสู้กับเสือ ดังนั้นมันจะดีกว่าถ้าข้าใช้ในสิ่งที่ถนัดในการสังหารสู คริๆๆ”

“สกปรกชั่วช้าที่สุด ไร้ศักดิ์ศรีจริงๆ ทั้งลอบฆ่า ลอบโจมตีและเอาเปรียบคู่ต่อสู้”

“พวกข้าคือมือสังหาร ไม่ใช่นักรบมีศักดิ์ศรีอะไรแต่เดิม ทำได้ทุกอย่างขอเพียงงานสำเร็จเท่านั้น รับมือ!!!”

นางผู้นำกลุ่มมือสังหารขว้างจักรใส่เขาอีก คราวนี้หมอผีหนุ่มกระโดดลอยตัวอยู่เหนือกงจักรทั้งสองอันแล้วอาศัยจังหวะอันแม่นยำเหยียบลงบนใบจักรทั้งสองกดน้ำหนักตัวลงยืนบนพื้น ทำให้ใบจักรสองใบที่หมุนติ้วๆหยุดลงนิ่งใต้ฝ่าเท้าของเขา นางผู้นำกลุ่มมือสังหารตกตะลึงคาดไม่ถึงว่าอาวุธเด็ดของตนจะถูกสยบได้ง่ายดาย แต่ไม่ทันตั้งตัวหมอผีหนุ่มก็เข้าประชิดตัวชกนางเข้าที่หน้าแล้วจับแขนของนางก่อนจะฟาดเข้ากับเสาต้นใหญ่อย่างแรงจนหน้า เขาเตะเข้าที่ลำตัวก่อนจะปิดด้วยเข่าลอยเข้าเต็มๆกรามจนร่างของนางสมิงมือสังหารหงายท้องลงไปนอนกองกับพื้น และเขาเข้าจับร่างร่างนอนคว่ำเอาแขนข้างหนึ่งขัดเข้ากลางหลังเอาดาบจี้คอไว้ พวกลูกน้องของนางเห็นเจ้านายพลาดก็หยุดมือทางอื่นฮือจะเข้ามาช่วย

หมอผีหนุ่มเอาคมดาบแนบคอหอยของนางจนเป็นรอยพร้อมกับขู่ “อย่าขยับนะ ไม่งั้นนายของพวกเจ้าคอขาดแน่.!!!…”

“….?!?!?!?…….” พวกลูกน้องของนางผู้นำกลุ่มมือสังหารทุกคนหยุดมือมองหน้ากันไปมาทำท่าลังเล

หมอผีหนุ่มเห็นดังนั้นก็สั่งกำชับต่อ “วางอาวุธ ยอมให้กุมตัวเสียแต่โดยดี..!!!..”

“อย่านะหมู่เรา สูจงอย่าพะวงเรื่องตัวข้าเร่งดำเนินการต่อไป อย่าให้ชีวิตของข้าขัดขวางการลอบสังหารพยัคฆราชา…”

นายสมิงมือสังหารประกาศอย่างไม่คร้ามเกรง

หมอผีหนุ่มกดมีดถูกเนื้อลำคอของนางจนเลือดซึม “ปากดีนักนะ น่าเชือดให้พวกมันดูจริงๆ”

“หมอผีมนุษย์เอ๋ย…ข้าหาได้อาลัยในชีวิตดอก ข้าพร้อมตายได้ทุกเวลา คำขู่ของสูอย่าหมายให้ข้าหวั่นเกรง…”

หมอผีหนุ่มกระชากร่างของนางให้ลุกขึ้นมาและส่งให้ทหารกลุ่มหนึ่งที่เข้ามาสมทบ

“จับนางจองจำตัวไว้ แล้วจัดการพวกขัดขืนล้างมันให้สิ้น..!!!..”

“ขอรับ…”

ร่างของนางผู้นำถูกจับมัดในทันที แต่พรรคพวกของนางกลับไม่ยอมสยบตามที่ได้รับคำสั่ง ยังคงสู้ตายถวายหัวอย่างไม่ย่อท้อหรือหวั่นเกรงต่อความตาย ทว่าพวกมันมีไม่มากเท่าไหร่ สุดท้ายก็ถูกเข่นฆ่าล้มตายเกลื่อนพื้น จนกระทั่งเหลือสาม – สี่คนที่พยายามสู้สุดชีวิตแต่บาดเจ็บสาหัส บรดาทหารไล่ต้อนพวกมันกระทั่งจนมุม จนเมื่อพวกมันหมดหนทางสู้และหมดทางหลบหนีก็ชิงฆ่าตัวตายก่อนทันที

“มือสังหารของศัตรูทางนี้ถูกกำจัดหมดแล้ว” หัวหมู่ตะโกนบอกมา

“ทางนี้ก็สังหารได้หมดแล้วเช่นกัน” นายหมู่ด้านหนึ่งตะโกนบอกมา เมื่อพวกมือสังหารจนมุมที่อาคารไฟไหม้ พวกมันก็วิ่งเข้ากองไฟและถูกเผาผลาญตายอย่างน่าอนาถ

“ทางนี้เช่นกัน”

“ทางนี้ก็สังหารได้หมดแล้วเช่นกัน……………..”

เสียงบอกต่อๆดังมาจากรอบๆค่าย

เหตุการณ์ด้านนี้จึงสงบลงหมอผีหนุ่มและทุกคนถอนหายใจอย่างโล่งอก ทว่าอีกด้านภายในค่ายยังมีอีกพวกที่ฝีมือร้ายกาจพอตัวกำลังไล่ล่าเพื่อสังหารเจ้าพยัคฆราช

เจ้าหญิงที่กำลังประทับอยู่ที่จวนของนายด่านได้ยินเสียงฆ้องศึกเตือนภัยปลุกให้ทรงตื่นจากบรรทม เจ้าหญิงจึงเอาผ้าขาวคลุมหน้าแล้วเสด็จออกไปนอกห้อง และพระนางน้อยก็ต้องตกพระทัยเมื่อเห็นกลุ่มมือสังหารและทหารของฝ่ายตนกำลังโรมรันกันดุเดือดอยู่หน้าจวน ต่างฝ่ายต่างล้มตายกลาดเกลื่อนเลือดนอง ระหว่างยืนทำอะไรไม่ถูกชมผาและนายด่านก็พาพระราชาวิ่งเข้ามาหา เจ้าหญิงรีบเข้าประคององค์ราชาไถ่ถามพระพลานามัย ขณะเดียวกันเจ้ามือสังหารสองตนขี่ม้าไล่ตามมาถึงบนจวนที่ประทับ มันทั้งสองหวดง้าวด้ามยาวใส่ทหารอารักขาล้มตายมาตลอดรายทางด้วยฝีมือการใช้ง้าวบนหลังม้าอันร้ายกาจ จนกระทั่งใกล้เข้ามาถึงพระราชาและเจ้าหญิง แต่ก่อนที่มันจะใช้อาวุธคู่มือสังหารพระราชา ชมผาเข้ารับด้วยดาบในมือและต่อสู้ปกป้องอย่างสามารถ แต่ดูฝีมือจะเป็นรองสองมือสังหารที่ควบม้าอย่างชำนิชำนาญ จนต้องสู้พลางถอยพลาง

“พาเหนือหัวเสด็จหลบภัยไปในจวนเถิดพะย่ะค่ะ…” ชมผาทูลบอกเจ้าหญิง

“แล้วสูเล่า???”

“หม่อมฉันจะรับมือพวกมันมิให้ทำร้ายทั้งสองพระองค์เอง”

เจ้าหญิงมองหาบางคนแล้วถาม “ยามนี้…พี่สินไปไหน?”

“กำลังนำทหารต่อสู้แลกำจัดพวกมือสังหารอยู่นอกด่านพะย่ะค่ะ…”

“หญิงจะไป…..” เอ่ยยังไม่ทันจบพระราชาดึงแขนรั้งไว้

“อย่าไปนะลูกหญิง ตามพ่อมา..”ตรัสจบพระราชาก็ดึงร่างน้อยให้ตามเข้าไปในจวน

มือสังหารขี่ม้าทั้งสองช่างชำนาญยิ่งนัก มันวาดง้าวสังหารผู้ต่อต้านล้มตายไปหลายคน เมื่อเห็นองค์ราชาเสด็จหนีเข้าไปในจวนมันก็ควบม้าฝ่าแนวป้องกันตามเข้าไป ชมผาและนายด่านต้องหลบอาวุธของมันทั้งสองจนล้มลุกคลุกคลาน มันทั้งสองขี่ม้าตามไล่ล่าสองกษัตริย์ไปติดๆ เหล่าองครักษ์ที่ขวางทางถูกฆ่าตายหมดภายในไม่กี่เพลงดาบ ทั้งสองพระองค์ถูกต้อนไปเข้ามุมอับไร้ทางหนี ง้าวสองอันถูกสองผู้ขี่ม้าชี้ใส่และทะยานม้ามุ่งตรงเข้าหาหมายปลิดชีพ

ข้างชมผาและนายด่านรีบติดตามเข้าไป แต่เจอพวกมือสังหารอีกหลายสิบคนเข้าขวาง มองไปไกลๆตรงทางเข้าด้านหลังสองกษัตริย์กำลังจะถูกสังหาร ทั้งคู่พยายามจะฝ่าวงล้อมอันหนาแน่นเข้าไปช่วย แต่ก็ไม่อาจฝ่าเข้าไปได้ แต่ก่อนที่คมง้าวจะต้องพระวรกายทั้งสองพระองค์ ดาบเล่มหนึ่งก็พุ่งไปปัดแนววิถีการฟาดของง้าวทั้งสองจนผิดเป้าหมายไป ทุกคนมองหาที่มาเมื่อได้เห็นก็เบิกตากว้างอุทานกันอย่างดีใจถ้วนหน้า

“หมอผีสิน…!?!..”

หมอผีหนุ่มนำเหล่าทหารเข้ามาช่วยได้ทันท่วงที

“จัดการพวกปลายแถวนี่ก่อน สองคนนั่นข้าจัดการเอง ชมผา มาวิน ท่านทั้งสองไปอารักขาทั้งสองพระองค์…”

“ตกลงสหาย…” รับคำแล้วทั้งสองก็รีบวิ่งเข้าไปอารักขาสองกษัตริย์พาไปยังที่ปลอดภัย

สองมือสังหารควบม้าจะตามไป หมอผีสินหยิบดาบฟ้าลั่นมาถือแล้วกระโดดไปยืนขวางหน้าไว้

“พวกเจ้าทั้งสองจะไปไหนไม่ได้ จงหยุดการกระทำเดี๋ยวนี้…”

มันทั้งสองชักม้าหยุด คนหนึ่งชี้หน้าด้วยง้าวเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด

“สูเจ้าอย่าบังอาจมาขวางวิถีของข้า มิเช่นนั้นเลือดของสูจะเต็มคมง้าวของหมู่ข้าทั้งสอง…”

“หน้าที่ข้าคืออารักขาทั้งสองพระองค์ เจ้าหมายปลงพระชนม์ชีพ ข้าคงนิ่งดูดายปล่อยเจ้าไปกระทำดังใจมิได้…”

“เหอะ..เราสองฝ่ายเป็นข้าต่างเจ้าบ่าวต่างนาย ข้าก็ทำเพื่อเจ้านายของข้าเหมือนกับสู ฉะนั้นอย่าเจรจาอันใดให้มากความเลยมาตัดสินฝีมือกันเถิด…..”

“แต่ผู้นำของเจ้าถูกข้ากุมตัวไว้แล้วจงยอมวางอาวุธเถิด อย่าต่อสู้ให้เสียเลือดเสียเนื้อโดยเปล่า….”

“หึ..หึ…หึ..พวกข้าสมิงมือสังหาร เพื่อบรรลุเป้าหมาย จะสู้จนตัวตายแม้นจักเป็นคนสุดท้าย..”

“เช่นนั้นก็ไม่มีความอันใดจะต้องเจรจากันแล้ว….” หมอผีสินกระชับดาบในมือมั่นเตรียมพร้อม

เจ้าสองมือสังหารควบม้าเข้าหา “ย้าก.ก.ก.ก.ก…เอาชีวิตสูมา…..”

ม้าทั้งสองตัววิ่งสลับกันเข้าหาหมอผีหนุ่มที่ต้องวิ่งวนหนีไปเรื่อย เจ้าสองมือสังหารช่างชำนาญในการต่อสู้บนหลังม้ายิ่งนัก ทั้งสองผลัดกันโจมตีใส่หมอผีหนุ่มอย่างสอดประสานกันได้อย่างน่าทึ่ง หมอผีหนุ่มทำได้แค่ปัดป้องคมง้าวไม่ให้ต้องกายเท่านั้น และพลันเขาก็คิดได้ว่าหากสู้กันอย่างนี้เขาคงต้องพลาดท่าจนได้ เขาจึงวิ่งล่อมันให้ไปในทางที่คับแคบและจัดการพวกมันทีละคน เขาจึงวิ่งเข้าไปตรงทางเดินเข้าห้องอาหารของจวน เจ้าคนหนึ่งขี่ม้าตามมาดังคาด เขาจึงฉวยโอกาสโจมตีด้วยการผลุบเข้าห้องครัวแล้วลอบกระโดดถีบมันทางช่องส่งอาหาร มันตกจากหลังม้าแต่ยังชักมีดสั้นหมายขว้างใส่เขา หมอผีหนุ่มไม่รอช้าพุ่งเข้าประชิดฟันมันขาดสะพายแหล่งล้มลงไปนอนสิ้นใจทันที

เจ้าคนที่เหลือเห็นเพื่อนพลาดท่าตกตายไปมันก็เดือดดาลสุดขีด มันควบม้าเข้ามาหาและแทงง้าวใส่ราวพายุ หมอผีหนุ่มหลบพัลวันจนต้องวิ่งหนีไปขึ้นหลังม้าที่เจ้าของสิ้นชีพเพราะมือของเขาไปแล้วและควบย้อนเข้ามาหามันเพื่อปะทะตัดสินฝีมือ เจ้ามือสังหารควงง้าวพุ่งเข้าหาเขาอย่างเร็ว หมอผีหนุ่มเอนกายหลบไปบนหลังม้าแล้วผุดขึ้นมาฟันฉับเข้ากลางหลัง เจ้ามือสังหารหล่นจากหลังม้าตกลงมานอนแน่

Share the Post:

Related Posts

เสียวทั้งแม่ทั้งลูก

เสียวทั้งแม่ทั้งลูก

เรื่องเสียว เสียวทั้งแม่ทั้งลูก  ผมทำงานในรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง หน้าที่ซ่อมบำรุงเกี่ยวกับเรื่องไอทีครับ ผมเข้ามาทำงานได้ปีกว่า ก็คุ้นเคยกับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเป็นอย่างดี ปัจจุบันผมอายุสามสิบกว่าๆ ยังไม่มีครอบครัว ชีวิตเซ็กส์ก็เฉกเช่นชายทั่วไป ผมใช้ชีวิตแบบพ่อพวงมาลัยครับ คุยกับสาวๆไปทั่ว แต่ยังไม่มีเป้าหมายที่แน่นอน แรกๆก็รู้สึกเหงาๆ บ้าง ในแผนกผมมีเจ้าหน้าที่ห้าคน ผู้หญิงสามผู้ชายสอง ผมอายุน้อยกว่าเพื่อน พี่หัวหน้าแผนกเป็นผู้หญิง ไม่ค่อยสุงสิงกับใครนัก มีผมกับพี่มาโนช

Read More
เมียไม่อยู่ แอบเย็ดลูกสาวเปิดซิงหีเด็ก

เมียไม่อยู่ แอบเย็ดลูกสาวเปิดซิงหีเด็ก

เรื่องเสียว เมียไม่อยู่ แอบเย็ดลูกสาวเปิดซิงหีเด็ก ผมมีลูกสาวคนนึงชื่อ กิ๊ฟ เพิ่งจบ ป.6 กำลังจะขึ้น ม.1อายุกำลัง 13 ปี กำลังอยู่ในวัยน่าเย็ดหีเลย กิ๊ฟเป็นเด็กสาวน่าตาน่ารักแทบจะถอดแบบแม่มาเลย และความที่ผมเป็นพวกรักเด็กด้วยก็เคยคิดอยากเย็ดกับลูกสาวตัวเองสักครั้ง เรื่องเซ็กส์ผมกับเมียมีด้วยกันตลอด แต่ส่วนมากเมียผมจะเสร็จก่อนหลายครั้งและขอหยุด จนผมต้องแอบไปชักว่าวออก และแล้วความฝันของผมก็เป็นจริง เปิดซิงเย็ดหีลูกสาวตอนเมียไม่อยู่ เมียผมต้องไปช่วยงานศพญาติที่ต่างจังหวัดหลายวัน

Read More