แฝดอันตราย ตอนที่32
“เอ่อ…ขอโทษนะคะ…มะกี้บอกว่าเป็นน้องชายฝาแฝดกับคุณพี่ฉัตรหรอคะ…” หญิงสาวถามย้ำอีกครั้ง
“ใช่ครับ…ผมชื่อชัดชาย..” ฉัตรชัยเน้นย้ำชื่อน้องชายอีกครั้ง คุณหมิวพยักหน้าช้าๆ
“ต้องขอโทษด้วยค่ะ ที่เสียมารยาทไปเมื่อสักครู่ เผอิญหมิวไม่เคยทราบมาก่อนว่าคุณป้ามีลูกชายแฝดน่ะค่ะ..เอ่อ…หมิว
ลืมแนะนำตัวไปค่ะ..ชื่อมล.ลาวัลย์นะคะ…เป็นคู่หมั้นกับคุณฉัตร…” ฉัตรชัยพยายามหลีเลี่ยงการสบตากับคู่
หมั้น ด้วยเกรง
ว่าจะเปิดเผยความรู้สึกออกมา
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ…นี่หวานภรรยาของผมครับ…”
ฉัตรชัยแนะนำตัวหวานให้คุณหมิวรู้จัก ตามศักดิ์แล้วหวานเป็นเมียของน้อง แต่เนื่องจากอาวุโสกว่าคุณหมิวอยู่หลายปี
คุณหมิวจึงเป็นฝ่ายยกมือไหว้สวัสดีขึ้นก่อน หวานก็รับไหว้เงอะงะ ด้วยความประหม่า ใบหน้ายิ่งซีดเผือดเมื่อรู้ว่าผู้หญิง
สวยสง่างามที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเธอนั้น คือคุณหมิว หรือมล.ลาวัลย์คู่หมั้นของผู้ชายที่เธอแอบรัก
“เอ่อ..คุณหมิวพอทราบมั๊ยครับว่าคุณแม่เป็นอะไร…เอ่อประสพอุบัติเหตุอย่างไรถึงได้ดูมีอาการหนักขนาดนี้..”
ฉัตรชัยถามเสียงเรียบๆ แต่คุณหมิวได้ยินถึงกับชะงักหน้าเปลี่ยนสี ด้วยเธอรุ้ว่าสาเหตุที่ทำให้คุณนายแจ่มจรัสได้รับ
อุบัติเหตุตกบรรไดนั้น เธอมีส่วนทำให้เป็นไป
“ทราบว่าคุณป้าตกบรรไดน่ะค่ะ..” คุณหมิวตอบเสียงเบาๆ จากนั้นก็นิ่งเงียบกันไปทั้งสามคน
“”เอ่อ…หมิวขอตัวกลับก่อนนะคะ…คุณป้าพ้นขีดอันตรายแล้ว หมิวอยู่นั่งรอทั้งคืนยังไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเลยค่ะ…”
คุณหมิวพูดเสียงเบาๆ อายๆที่เธอหมักหมมไม่ได้อาบน้ำท่ามาตั้งแต่เมื่อวาน
“ครับ…เชิญตามสบายครับ ขอบคุณที่คุณหมิวช่วยเป็นธุระจัดการเรื่องแม่…”
ฉัตรชัยตอบกลับด้วยความรุ้สึกซาบซึ้งในความมีน้ำใจของคุ่หมั้น พร้อมกับเผลอตัวเงยหน้าขึ้นมองสบตากับคุณหมิว
ความรุ้สึกภายในใจก็เผยออกมาทางแววตา จนคุณหมิวถึงกับชะงักงุนงงกับสายตาของแฝดผู้น้อง มันช่างเหมือนกับ
สายตาของคู่หมั้นที่เธอเคยเห็นบ่อยๆ แตกต่างจากคู่หมั้นที่เธอพบและเกือบเสียตัวให้เขาในวันวาน แต่คุณหมิวก็ไม่
ได้เอะใจสงสัยอะไรพร้อมกับคิดว่าความเป็นฝาแฝดเลยอาจจะมีอารมณ์และความรุ้สึกไม่ได้แตกต่างกันก็เป็นได้ แต่
ก่อนที่คุณหมิวจะเดินออกจาห้อง เธอก็ล้วงหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าถือ พร้อมกดหมายเลขไปหาคู่หมั้นของเธอ มี
เสียงสัญญาณเรียกอยู่สักพัก คุ่หมั้นของเธอก็กรอกเสียงมาตามสาย แต่คุณหมิวกลับรีบกดสายทิ้ง ด้วยสาเหตุว่าเธอ
แค่อยากจะเช็คให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้ถูกผู้ชายที่อยู่ในห้องขณะนี้หลอกเท่านั้นเอง
หลังจากที่คุณหมิวจากไปแล้ว หวานจึงค่อยๆขยับตัวออกมาจากเบื้องหลังของฉัตรชัย แต่ยังไม่กล้ามองสบตากับเขา
“คู่หมั้นของพี่สวยจังเลยนะจ๊ะ…พูดก็เพราะ เสียงไพเราะมีสเน่ห์..รูปร่างก็ดูสวยสง่างามจังเลย….”
หวานพูดออกมาเรื่อยๆ น้ำเสียงดูเศร้าสร้อย แต่ไม่ได้มีความอิจฉาริษยาเจือปนแม้แต่น้อย ฉัตรชัยก็ไม่ตอบว่ากระไร
เพราะหวานไม่ได้ถาม เพียงแค่พูดออกมาเหมือนรำพึงเสียมากกว่า แต่ในคำพูดนั้นบ่งบอกความรุ้สึกในใจออกมาเกือบ
หมด จนฉัตรชัยนึกสงสาร ต้องเอื้อมมือไปจับมือของหวานบีบกระชับเหมือนให้กำลังใจ สักครู่คุณหมอก็เดินเข้ามาตรวจ
ดูอาการของคุณนายแจ่มจรัสอีกครั้ง
“คุณหมอครับ…..คุณแม่ผมเป็นอย่างไรบ้างครับ….” หลังจากคุณหมอตรวจดูอาการของมารดาฉัตรชัยเสร็จ เขาก็รีบถาม
ด้วยความร้อนรนใจ
“เอ่อ…คือหมอยังบอกผลการผ่าตัดสมองของคุณแจ่มจรัสไม่ได้หรอกครับ ต้องรอให้คนไข้ฟื้นขึ้นมาก่อน แต่ผลการรักษา
บอกได้เพียงว่า ตอนนี้คุณแม่ของคุณพ้นขีดอันตรายแล้ว…”
คุณหมอพูดเรียบๆ ด้วยจำได้ว่าเมื่อคืนผู้ชายคนนี้กว่าจะยอมเซ็นต์ยินยอมให้ผ่าตัดมารดาได้นั้น ทำให้เสียเวลาอันมีค่า
ไปนานโข แต่พอวันนี้กลับมาทำท่ากระตือรือร้นอยากทราบอาการของมารดา คุณหมอเจ้าของไข้จึงรู้สึกไม่ชอบขี้หน้านัก
หลังจากนั้นก็เดินออกไปจากห้องพร้อมพยาบาล ปล่อยให้ฉัตรชัยกับหวานอยู่กันตามลำพังกับร่างที่นอนสงบนิ่งของมารดา
ณ.เวลาเดียวกันนั้น หลังจากที่ชัดชายพาแอนนี่ไปจดทะเบียนสมรสกันที่ว่าการอำเภอเรียบร้อยแล้ว ก็พากันกลับมาที่บ้าน
ของคุณนายแจ่มจรัสผู้เป็นมารดา จากนั้นก็รีบพากันขึ้นไปบนห้องนอนของตนเอง ในจังหวะที่ป้าแจ่มสาวใช้เก่าแก่ของ
บ้านเดินออกมาจากห้องด้านหลัง ทันได้เห็นว่าเจ้านายหนุ่มพาสาวเข้ามาในบ้านแล้วพากันขลุกอยู่ในห้อง พักใหญ่ๆจึง
เดินลงมาพร้อมกระเป๋าใส่เสื้อผ้าใบใหญ่ๆสองสามใบ
“คุณฉัตรจะไปไหนเจ้าคะ….แล้วคุณท่านเป็นอย่างไรบ้างคะ….”
ป้าแจ่มสอบถามพร้อมเพ่งมองหน้าแอนนี่อย่างเสียมารยาท ด้วยลักษณะท่าทางที่ยืนอิงแอบเจ้านายหนุ่มของตนเองนั้น
ดูเหมือนกับเป็นอะไรกัน ทั้งๆที่เจ้านายของตนเองมีคู่หมั้นแสนสวยอยู่แล้วทั้งคน
“ชั้นจะไปไหนมาไหนนี่ต้องรายงานด้วยรึ….” ชัดชายกระชากเสียงถามด้วยความไม่พอใจ โดยเฉพาะสายตาของนางแจ่ม
ที่มองมายังแอนนี่
“เอากระเป๋าพวกนี้ไปใส่ท้ายรถเบ็นซ์ให้ทีสิ…”
ชัดชายโยนกุญแจรถให้นางแจ่มพร้อมกับเดินควงแอนนี่ลงไปรอที่ห้องรับแขก จนนางแจ่มเรียกเด็กคนใช้วัยสาวให้มา
ช่วยกันขนกระเป๋าหนักอึ้งทั้งสามใบลงไปใส่ในรถเบ็นซ์เรียบร้อยแล้วก็นำกุญแจมาคืนให้เจ้านายหนุ่มของตน ชัดชาย
รับกุญแจแล้วผลุนผลันควงแขนแอนนี่ออกมา แต่ป้าแจ่มรีบสอบถามถึงอาการของคุณนายแจ่มจรัสอีกครั้ง
“อีกสองสามวันแม่ก็หายดีกลับบ้านแล้วละ…ชั้นไปละนะ..” ชัดชายตอบไปแบบมั่วซั่ว หารุ้ไม่เลยว่ามารดาของตนเอง
นั้นอาการสาหัสเพียงใด
จากนั้นชัดชายก็จำเป็นต้องขับรถไปพักอยู่กับแอนนี่ที่ชั้นบนของคลับหรู่แห่งนั้น ตามที่เธอต้องการ แม้ใจเขายังไม่อยาก
ไปก็ตามที เพราะถ้ายังอยู่บ้านของมารดาอย่างน้อยชัดชายก็ยังพอจะปลีกตัวไปหาคุณหมิวคู่หมั้นของพี่ชายได้บ้าง แต่
เมื่อตนพลาดไปแล้วแบบนี้ อย่างไรเสียชัดชายก็หวังผลประโยชน์ที่จะได้กลับคืนมาบ้างจากอิทธิพลของพ่อตา พ่อของ
แอนนี่นั่นเอง ส่วนแอนนี่นั้นที่ต้องการให้ฉัตรชัยย้ายไปอยุ่ด้วยเพราะเกรงว่าเขาจะยังติดต่อกับคุณหมิวคู่หมั้นเท่านั้นเอง
หาใช่เพราะความพิศวาทบาดจิตแม้แต่น้อย
“บอสคะ..พรุ่งนี้บอสจะไปทำงานหรือยังคะ…”จุ่ๆแอนนี่ก็ถามขึ้นมาในขณะที่ชัดชายกำลังขับรถอยู่
“ยังจะเรียกผมว่าบอสอยู่อีกหรือครับ…”ชัดชายถามยิ้มๆ
“ค่ะ…ต้องเรียกให้ชิน เพราะอยุ่ต่อหน้าคนอื่น บอสต้องปิดอย่าให้ใครรู้ว่าเราเป็นผัวเมียกันแล้วนะคะ…” คำตอบของแอนนี่
ถึงกับทำให้ชัดชายงุนงงสงสัย
“อ้าว…ทำไมเล่าครับ…ผมนึกว่าแอนนี่อยากประกาศให้พวกเราที่บริษัทรู้สถานนะของแอนนี่เสียอีก….”
“ต้องประกาศสิคะว่า…แอนกับบอสเป็นผัวเมียกัน…แต่ว่ายังไม่ถึงเวลาค่ะ..แล้วแอนจะบอกบอสเองว่าเมื่อไหร่” คำพูดดู
มีลับลมคมในจนชัดชายตามไม่ทัน