แฝดอันตราย ตอนที่59 ตอนอวสาน

แฝดอันตราย ตอนที่59 ตอนอวสาน

แฝดอันตราย ตอนที่59 ตอนอวสาน   
เรื่องแฝดอันตรายนี้ ผมทำบทจบไว้สองแบบ

แบบแรกเป็นการจบด้วยบทแนวดราม่า

ส่วนอีกแบบเป็นบทจบแนว happy

เชิญเลือกอ่านเอาตามความชอบ หรือจะอ่านทั้งสองแบบสองแนว ก็ตามใจ….

แบบที่1 แนวดราม่า 
ย้อนหลังกลับเมื่อสามวันที่แล้ว หลังจากกองกำลังภายใต้การบังคับบัญชาของผู้การอภิสิทธิ์ ได้เวลาตามที่นัดหมาย ต่างก็
พร้อมลงมือจู่โจมเข้าไปยังอาคารบ่อนกาสิโนย่านทองหล่อ อันเป็นกองบัญชาการของนายพลเดชกับลูกสาวอย่างรวดเร็ว
และพร้อมเพรียงกัน จนฝ่ายนายพลเดชตั้งตัวไม่ทัน จึงไม่
สามารถต่อสู้ขัดขวางได้ จึงโดนจับกุมทั้งแก็งค์ ส่วนที่แหลมฉบัง
หลังจากที่ผู้การนำทีมไปเอง มีการประทะยิงต่อสู้กันสนั่นหวั่นไหว แต่ท้ายที่สุดนายเทวัญก็ถูกกระสุนสังหารตายในที่ก่อเหตุ
สมุนอีกหลายคนต่างถูกจับกุมพร้อมของกลาง อีกหลายคนตายในการต่อสุ้

ทางด้านกองกำลังที่ไปช่วยเหลือคุณหมิวกับชัดชายนั้น หลังจากที่ได้ยินคุณหมิวร้องบอกให้ช่วยชัดชายที่เธอเห็นกับตาว่า
เขาถูกยิงจนพลัดตกลงไปในสายน้ำที่ไหลเชี่ยว แม้จะระดมกำลังเจ้าหน้าที่ลงไปค้นหาในน้ำ แต่กลับไม่พบร่างของเขา
เนื่องด้วยฟ้ายังไม่สว่าง เครื่องไม้เครื่องมือยังไม่พร้อม จึงโทรศัพท์ไปแจ้งเหตุให้ผู้ก่ารรับทราบเรื่อง พร้อมวางกำลังไว้สี่คน
เพื่อตรวจดูสถานการณ์รอบๆ ส่วนอีกสามคนได้พาร่างที่ไร้สติของคุณหมิวกลับมารักษาที่โรงพยบาลในตัวจังหวัด ก่อนจะ
ทำการรักษาดูอาการเบื้องต้น แต่คุณหมิวก้ยังสลบไสลไม่ฟื้น จึงได้ทำการย้ายมารักษาตัวต่อที่กรุงเทพ พร้อมแจ้งข่าวให้
มรว.จักรภพและภรรยา รวมทั้งฉัตรชัยรับทราบ

จนรุ่งเช้าผู้การอภิสิทธิ์จึงระดมกำลังเหล่าประดาน้ำลงงมค้นหาศพชัดชายอีกครั้ง แต่ไร้วี่แวว แม้จะดำน้ำออกค้นหาเป็น
บริเวณที่กว้างขึ้น แต่ยังไร้วี่แววไม่เห็นร่างเห็นศพของเขา

ผ่านไปอีกวันกองกำลังค้นหายังไม่ละความพยายาม แต่ดูเหมือนไม่มีอะไรคืบหน้า ไม่มีร่องรอยเบาะแสให้ตามสืบค้นหา รวม
ทั้งท้องน้ำอันกว้างใหญ่ที่ดำน้ำออกค้นหาก็ยังไร้วี่แวว จนทั้งหมดลงความเห้นว่าคงต้องรอจนกว่าศพจะลอยขึ้นมา ซึ่งอาจ
จะไหลไปตามกระแสน้ำ ไม่อยุ่ตรงจุดเกิดเหตุอย่างแน่นอน

จนผ่านไปสามวันแล้วก็ยังไม่มีใครพบศพของเขา แต่ที่โรงพยาบาลคุณหมิวได้สติฟื้นจากการสลบไสล แล้วพอได้ยินเรื่อง
ราวทั้งหมดจากบิดามารดา และคุณฉัตร เธอได้แต่นิ่งเงียบไม่พดจาโต้ตอบกับใคร มีเพียงน้ำตาเท่านั้นที่ไหลรินอาบสอง
แก้มไม่ขาดสาย จนคุณหมอต้องเข้ามาฉีดยานอนหลับเพื่อให้เธอได้พักผ่อน

แต่การกระทำของคุณหมิวนั้นกลับทำให้ฉัตรชัยครุ่นคิดสงสัยว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง ในขณะที่ทั้งสองถูกจับตัวไป
แม้คุณหมิวจะกลับบ้านมาพักผ่อนต่อได้แล้ว แต่เธอก็ยังไม่ปริปากเล่าเรื่องให้ใครฟังแม้แต่ผู้เดียว

กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงสรุปรายงานการปราบปรามนายพลเดชและสมุนออกรายงานให้ทางผุ้ใหญ่รับทราบ พร้อมมอบ
เหรียญเกียรติคุณในนามของชัดชายให้กับทางครอบครัวว่าเป็นผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับทางราชการ

ผ่านไปอีกหนึ่งเดือนหลังเกิดเหตุ คุณหมิวยังซึมเศร้าแทบจะไม่พูดจากกับใคร มีเพียงแค่จะถามฉัตรชัยทุกครั้งในตอนเย็น
หรือหัวค่ำที่ฉัตรชัยมาหาว่าพบคุณชัดแล้วหรือยัง พอฉัตรชัยตอบว่ายังไม่พบ คุณหมิวก็จะปลีกตัวขึ้นไปเก็บตัวเงียบอยุ่บน
ห้องนอนตามลำพัง หลายครั้งที่ฉัตรชัยอยู่ค้างคืนด้วย เขามักจะได้ยินคุณหมิวละเมอพึมพำเรียกชื่อของชัดชายเสมอ จน
ฉัตรชัยค่อนข้างมั่นใจว่าสิ่งที่เขาคิดไว้ว่าคุณหมิวกับน้องชายตนเองคงมีความสัมพันธ์ที่ล้ำลึกกันในช่วงที่ถูกจับคุมขังหรือ
ช่วงที่พากันหลบหนีอย่างแน่นอน หลังจากนั้นกองกำลังค้นหาของผู้การเริ่มถอดใจถอนกำลังกลับกันมาหมด คงปล่อยทิ้ง
ไว้ให้เป็นปริศนาว่าชัดชายตายไปแล้วหรือยังคงมีชีวิตอยู่ ส่วนทางบ้านฉัตรชัยและคุณหมิวต่างยังไม่สิ้นความหวัง ตราบใด
ที่ยังไม่พบศพของชัดชาย เขาก็ยังเชื่อว่าชัดชายยังคงมีชีวิตอยู่

จนกระทั่งหลังจากนั้นอีกเกือบเดือน ทางผู้การได้โทรศัพท์มาหาครอบครัวฉัตรชัยแจ้งข่าวว่าชาวบ้านที่ทำการประมงใน
ลำน้ำสายนั้นพบศพชายไทยนิรนามจากการลากอวนหาปลา แต่ยังไม่อาจระบุได้ว่าเป็นชัดชายหรือไม่จึงอยากให้ฉัตรชัย
ไปตรวจดูศพที่เก็บไว้ในโรงพยาบาลประจำจังหวัด ฉัตรชัยจึงรีบไปดูศพพร้อมกับหวานเพียงสองคน โดยไม่บอกให้คุณหมิว
รับทราบ พอไปถึงโรงพยาบาลก็ไม่สามารถยืนยันได้เนื่องจากศพนั้นจมน้ำมานานจนหมดสภาพที่จะมองดุได้ออกว่าเป็นใคร
จึงต้องรอการพิสุจน์ดีเอ็นเอเท่านั้น ซึ่งฉัตรชัยก็รีบให้ทางโรงพยาบาลเก็บดีเอ็นเอของตัวเขาทันที เนื่องจากการเป็นแฝด
ที่เกิดจากไข่ใบเดียวกัน จากนั้นก็พากันขับรถกลับมา แต่หวานได้ร้องขอให้แวะไปที่บ้านชนบทของเธอก่อน เพราะเป็น
ทางผ่านอยู่แล้ว ฉัตรชัยจึงยอมทำตาม

เขาพาหวานแวะไปที่ตลาดเพื่อพบกับแก้ว แล้วตั้งใจจะรับแก้วกลับมาอยุ่ด้วยกันที่บ้านของมารดาด้วย หลังจากที่แก้วทราบ
เรื่องของราวทั้งหมดจากมารดา และลุงฉัตร เธอก็ร้องไห้เศร้าเสียใจกับการจากไปของชัดชายผู้เป็นพ่อ เนื่องจากตลอดเวลา
นั้นแม้มีการออกข่าวเรื่องของนายพลเดชแต่ก็ไม่เคยปรากฎในข่าวเลยสักครั้งว่ามีชัดชายกับคุณหมิวเข้าไปเกี่ยวข้องกับ
เหตุการด้วย เพราะผู้การอภิสิทธิ์ ปิดข่าวไว้ด้วยเกรงจะกระทบกับความปลอดภัยของทั้งสองครอบครัว ด้วยยังไม่สามาถ
ทลายแก็งค้ายาบ้าที่ส่งมาให้นายพลเดชได้นั่นเอง  ครั้นพอฉัตรชัยพาหวานกับหลานสาวกลับมาที่บ้านเรือนไทยหลังเล็กๆของครอบครัวน้องชาย หลังจากปล่อยทิ้งล้างไป
เกือบสองเดือน บรรดาสัตว์เลี้ยงสองขาและสี่ขานั้นชาวบ้านต่างพากันเอาไปเลี้ยงให้แทนด้วยความสงสารที่มันขาดอาหาร
เกรงว่าจะตายไปเสียก่อน หญ้าขนหญ้าป้อง และวัชชพืชต่างๆ ขึ้นรกบริเวณพื้นดินหน้าบ้านและรอบๆสวนจนดูน่ากลัว
สัตว์เลื้อยคลาน จนฉัตรชัยห้ามไม่ให้หวานและแก้วเข้าไปในบริเวณบ้าน เพียงยืนมองอยู่ที่ถนน จนชาวบ้านที่ผ่านไปมา
ต่างทักทายกันว่าชัดชายและหวานหายไปไหนถึงได้ทิ้งเรือนไปนานขนาดนั้น

ฉัตรชัยปล่อยให้ชาวบ้านเข้าใจผิดคิดว่าตนเองคือชัดชายด้วยไม่อยากอธิบายให้มากความ หลังจากที่ทั้งสามคนยืนดูบ้าน
กันอีกไม่นานนักก็ค่อยเดินทางกลับกรุงเทพ..ฉัตรชัยส่งหวานและแก้วที่บ้านของมารดาก่อน จากนั้นก็ไปหาคุณหมิวที่บ้าน
ของเธอ พอดีได้เห็นเหตุชุลมุนในบ้านของคุ่หมั้นเนื่องด้วยคุณหมิวเป้นลมล้มพับลงไปหลังจากที่ทราบจากพ่อแม่ว่าฉัตรชัย
ไปต่างจังหวัด เพราะผู้การแจ้งข่าวการพบศพ

จึงได้พาคุณหมิวไปส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจดูอาการ เพราะคุณหมิวนั้นซูบผอมลงผิดหูผิดตาด้วยความตรอมใจ แต่หลังจาก
ที่คุณหมอออกมาจากห้องตรวจนั้น ผลการตรวจยังความประหลาดใจให้กับฉัตรชัยและมรว.จักรภพและภรรยาเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อพบว่าคุณหมิวกำลังตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว ฉัตรชัยจึงรับสมอ้างว่าคงเป็นเพราะตนเองผิดพลาด อย่างที่เคยกราบเรียน
ให้บิดามารดาของคุณหมิวรับทราบไว้ก่อนแล้ว

งานวิวาห์ระหว่างฉัตรชัยกับคุณหมิวจึงจำเป็นที่จะต้องจัดขึ้นอย่างเร่งด่วน แต่กระนั้นก็ยังมีข่าวดีเล็กๆเมื่อผลการพิสูจน์ดีเอ็นเอ
ของศพชายนิรนามนั้นหาใช่ชัดชายแต่ประการใด ทุกๆคนจึงต่างยังมีความหวังว่าเขาน่าจะยังคงมีชีวิตอยู่ เพียงแต่ไม่รุ้เหตุผล
ว่าเขาหายตัวไปทำไม

ก่อนงานวิวาห์จะเริ่มขึ้นเพียงวันเดียว คุณหมิวได้มาสารภาพความจริงให้ฉัตรชัยและพ่อแม่ของเธอได้รู้ว่าเด็กที่อยู่ในท้องของ
เธอนั้น หาใช่เกิดจากฉัตรชัยแต่อย่างใด เธอเชื่อมั่นว่าน่าจะเป็นลุกของชัดชาย เพราะครั้งสุดท้ายที่เธอมีความสัมพันธ์ทาง
เพศกับฉัตรชัยนั้น เป็นช่วงที่เพิ่งหมดรอบเดือน ยังอยุ่ในระยะปลอดภัย แต่หลังจากที่เธอถูกจับตัวไปคุมขังและหนีออกมาได้
นั้นมันผ่านระยะปลอดภัยไปแล้วถึงสามวัน เธอจึงมีความสัมพันธ์กับชัดชาย และเธอก็เชื่อมั่นว่าลูกในท้องของเธอนั้นชัดชาย
เป็นพ่ออย่างแน่นอน แต่เมื่อฉัตรชัยรับทราบเขากับไม่ยอมเลื่อนกำหนดแต่งงาน ยังคงปล่อยให้งานดำเนินต่อไปทั้งนี้เพื่อกอบกู้
หน้าให้กับครอครัวของคุณหมิว แล้วตนเองก็ยินดีที่จะรับผิดชอบทุกสิ่งที่เกิดขึ้น

แต่ที่ต่างไปจากเดิมก้คือความสัมพันธ์ระหว่างฉัตรชัยกับคุณหมิวนั้นไม่เหมือนเดิม แม้จะแต่งงานกันไปฉัตรชัยก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยว
กับคุณหมิวเลยสักครั้ง ด้วยตัวเขารับรู้ได้ว่าบีดนี้ ในหัวใจของคุณหมิวนั้นหาได้มีคนชื่อฉัตรชัยแม้สักนิด เขาจึงแต่งงานกับ
คุณหมิวเพียงแต่ในนาม เพื่อรองรับเด็กที่จะเกิดมาในอนคตว่ามีเขาเป็นพ่อตามกฎหมาย แม้คุณหมิวจะพูดคุยกับฉัตรชัยว่าไม่
จำเป็นต้องทำเยี่ยงนี้ก็ได้ ฉัตรชัยน่าจะโกรธ น่าจะเกลียดตัวเธอด้วยซ้ำ ที่ทรยศต่อความรักของเขา แต่ฉัตรชัยกลับนึกย้อนไป
ถึงเรื่องกฎแห่งกรรม เขาผิดเมียของน้องชายมาก่อน กงกรรมวงล้อนั้นเลยย้อนมาเล่นงานเขาบ้างให้สูญเสียเมีย สูญเสียคนรัก
กลับคืนไปให้น้องชาย

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนครบหนึ่งปีหลังจากเหตุการณ์วันนั้นเกิดขึ้น คุณหมิวคลอดลูกออกมาแล้วเป็นเด็กชาย เธอตั้งชื่อ
ว่าชัดชาติ แล้วหย่าขาดจากฉัตรชัย ปล่อยชีวิตของอดีตคู่หมั้นของเธอให้เป้นอิสระ พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายต่างก้เข้าใจกันดี
ถึงเหตุผล จึ่งไม่มีปัญหาอะไรต่อกัน โดยเฉพาะคุณนายแจ่มจรัสมารดาของฝาแฝดต่างก็ยินยอมเมื่อฉัตรชัยมาสารภาพกับ
ตนเองว่าเขาประสงค์จะรับหวานเป็นเมีย แล้วพากันกลับไปอยุ่ที่บ้านในชนบท ทรัพย์สินในบริษัทถูกขายเปลี่ยนมือไปให้คน
อื่น แต่ฉัตรชัยได้เก็บเงินที่ขายบริษัทไว้ครึ่งหนึ่งใส่บัญชีไว้ให้กับหลานชายคือชัดชาติ ด้วยความหวังว่าสักวันน้องชายของ
ตนเองจะกลับมา จะได้ใช้เงินจำนวนนี้สร้างครอบครัวใหม่กับคุณหมิว จากนั้นฉัตรชัยก็กลับไปสร้างบ้านร้างครอบครัวใหม่กับ
หวานและหลานสาวคือแก้วนั้นเขาส่งให้ไปเรียนเรื่องการออกแบบด้านเสื้อผ้าที่ต่างประเทศตามความฝันของตัวเธอ

จนผ่านไปอีกหนึ่งปีเต็มๆ ที่บ้านในชนบทของฉัตรชัยได้จัดงานเลี้ยงฉลองบุตรสาวที่เกิดจากหวานอายุได้ครบหนึ่งเดือนเต็ม
คุณหมิวพาเด็กชายชัดชาติพร้อมกับมารดาของชัดชายมาร่วมงานด้วย ในระหว่างงานเลี้ยงแบบชนบทกำลังดำเนินไปนั้น

มีพระภิษุสองรูปครองจีวรสีกรัก แสดงให้รู้ว่าเป็นพระป่าพระธุดงค์ รุปหนึ่งชราภาพแล้ว แต่อีกรูปหนึ่งยังอยู่ในวัยกลางคน
พระทั้งสองรูปเดินช้าๆแบบสำรวมเข้ามาที่งาน โดยไม่มีใครได้นิมนต์มา แต่พอท่านทั้งสองเข้ามาถึงหน้างานแล้ว ฉัแตรชัย
จึงรีบเดินไปนั่งยองๆตรงหน้าท่านพร้อมพนมมือนิมนต์ท่านเข้ามาเจริญพรในบ้าน แต่พอฉัตรชัยเงยหน้าขึ้นเขาก็ถึงกับชงัก
เพราะพระภิษุผุ้เยาว์กว่าอีกรูปนั้น ช่างหน้าตาเหมือนกับตัวเขาเหมือนดั่งเป็นฝาแฝดกันเลยทีเดียวและเรื่องราวของฝาแฝดก็จบลงด้วยประการละฉนี้…สาธุ…………………

……………………………………………

การจบแบบที่สอง 
 “กรี๊ดดดดดดด…”

เสียงกรีดร้องของคุณหมิวดังลั่นก้องทุ่งก้องชายน้ำ เมื่อเธอเห็นชัดเจนว่าพอต่างคนต่างลั่นกระสุนสังหารออกไปแทบจะ
พร้อมเพรียงกันนั้น ร่างสุงโปร่งของชัดชายก็โดนยิง เข้าเต็มๆ จนโซเซ แล้วผลัดตกไปจากริมตลิ่ง เสียงตกน้ำดังตุมใหญ่
ส่วนไอ้โจรอีกคนก็โดนยิงเช่นกัน แต่มันกองฟุบอยุ่กับที่ คุณหมิวรีบวิ่งถลาไปหาชัดชาย ทันที่ที่กองกำลังของท่านผู้การก็
มาถึง หน่วยจุ่โจมต่างวิ่งกรูแยกกันไปสองจุด จุดแรกคือวิ่งตามคุณหมิว แต่อีกลุ่มวิ่งเข้าไปหาไอ้เด่นที่นอนฟุบอยู่กับพื้น
หลังจากเคลียร์พื้นที่ดูแล้ว จึงรู้ว่าไอ้คนร้ายโดนยิงเข้าหัวใจตายคาที่ ส่วนหน่วยจู่โจมที่วิ่งตามคุณหมิวลงไปนั้นได้ยึดจับ
ตัวเธอไว้ทันก่อนที่คุณหมิวจะถลาร่างหล่นลงไปจากตลิ่งที่สุงเกือบห้าเมตรกว่าจะถึงสายน้ำ

“ช่วยคุณชัดด้วยค่ะ…”

คุณหมิวจำได้ว่าเพียงคำสุดท้ายที่เธอร้องบอกเจ้าหน้าที่ เธอก็เป็นลมล้มสิ้นสติฟื้นกลับมาอีกทีรอบห้องเธอก็สว่างไสว
ร่างอ่อนเปรี้ยของเธอนอนอยู่บนเตียงสีขาวสะอาดสอ้าน ที่แขนมีสายน้ำเกลือห้อยติดอยู่

“พี่ชัด….” เป็นประโยคแรกที่คุณหมิวร้องเรียกหาหลังจากลืมตาคืนสติ ฉัตรชัยและพ่อแม่ของคุณหมิวต่างกรูกันวิ่งเข้ามายืน
รอบๆเตียง

“คุณชัด…ไม่เป็นอะไรใช่มั๊ยคะ…”

คุณหมิวยื่นมือไปจับมือของฉัตรชัยมากุมไว้แน่น เนื่องด้วยสายตาเธอยังปรับสภาพจำแนกไม่ออก คิดเพียงว่าบุคคลที่มายืน
ข้างเตียงของเธอนั้นเป็นชัดชาย แต่เมื่อฉัตรชัยยื่นมือมาลูบศรีษะของเธอเบาๆอย่างปรอบประโลม คุณหมิวก็ล่วงรู้จากการ
สัมผัสว่า เขาผุ้นั้นหาใช่ชัดชาย แต่เป็นฝาแฝดอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นคู่หมั้นและสามีของเธอเท่านั้น น้ำตาของคุณหมิวก็ไหล่ปรี่
ทะลักออกมาอาบสองแก้มพร้อมเสียงสะอื้นไห้ แม้จะยังไม่ล่วงรุ้ว่าชัดชายเป็นอันตรายแค่ไหน แต่เธอกลับมีรางสังหรณ์อย่าง
ประหลาดว่า ต่อนี้เป็นต้นไปเธอคงไม่มีโอกาศได้เห็นได้สัมผัสตัวเขาอีกแล้วเป็นแน่

หลังจากนายแพทย์เข้ามาฉีดยาบำรุงให้กับคุณหมิวสักครู่เธอก็ง่วงนอนผลอยหลับไปอีกครั้ง ฉัตรชัยรวมทั้งพ่อแม่ของคุณหมิว
จึงพากันเดินออกมาจากห้องพักฟื้น หลังจากปิดประตูเรียบร้อยร้อย ระหว่างที่กำลังเดินไปตามทางเพื่อไปยังห้องพักฟื้นอีก
ห้องนั้น

“ทำแบบนี้มันจะดีหรือคะคุณฉัตร…” เสียงคุณหญิงพรรณรายสอบถามขึ้นมาเบาๆ ด้วยสีหน้าที่ยังเป็นกังวลอยู่ว่าสิ่งที่พวกเขา
กำลังคิดและทำอยู่นั้นมันจะถูกต้องแค่ไหน

“ผมว่าดีนะครับ ผมเชื่อมั่นอยุ่ลึกๆว่าสองคนนั้นคงรักกัน…”
ฉัตรชัยพูดเรียบๆ สีหน้าวางเฉยไม่มีร่องการของความเจ็บปวด จนกระทั่งเดินไปถึงหน้าห้องพักฟื้นอีกห้องหนึ่ง พอเปิดประตู
เข้าไปในห้องที่มีผู้ป่วยชายนอนพักอยู่นั้น มีสายน้ำเกลือโยงระยาง พร้อมเครื่องช่วยหายใจ รอบร่างถูกพันด้วยผ้าก็อตสีขาว
หนาเตอะ รอบๆเตียงผู้ป่วยนั้นมีมารดาของฉัตรชัยกับหวานนั่งจับมือกันอยุ่ สายตามองร่างผู้ป่วยที่ยังคงหลับสนิทอยู่บนเตียง

“แม่ครับนายชัดเป็นอย่างไรบ้างครับ…” ฉัตรชัยพูดขึ้นเรียบๆ เพื่อสอบถามอาการของน้องชาย

“น่าจะหมดห่วงแล้วละลูกฉัตร เมื่อสักครู่หมอเพิ่งมาดู….ก็ยิ้มๆบอกแม่ว่าอีกไม่กี่วันก็ออกจากดรงพยาบาลได้จ๊ะ…แล้วทาง
หนูหมิวล่ะลูก..เธอเป็นอย่างไรบ้าง..”

“ฟื้นแล้วครับแม่..แต่คงนึกว่านายชัดตายไปแล้วมั้ง..แต่ก้ยังปากแข็งไม่เล่าเรื่องอะไรให้ผมกับคุณพ่อคุณแม่ฟังครับ..”

“แล้วเราจะทำอย่างไรกันดีคะคุณพี่ชาย…” คุณนายแจ่มจรัสหันไปถามมรว.จักรภพเบาๆ

“ทั้งสองคนก็เป็นลูกชายคุณแจ่มจรัสทั้งคุ่นี่ครับ…ทำแบบนี้ลูกสาวผมเสียหายนะ..ยังไงก็ต้องมีคนรับผิดชอบ..”

แม้คำพูดจะดูเหมือนจริงจัง แต่น้ำเสียงของคุณชายกลับสบายๆ เพราะรู้อยู่กับใจอยู่แล้วว่า ทั้งฉัตรชัยและน้องชายฝาแฝด
ต่างก็เป็นคนดีทั้งคู่ ถ้าลูกสาวของตนเองจะเลือกใครเป็นคู่ครอง ตนเองก็พอใจยินดีทั้งนั้น

“ขอบคุณค่ะคุณชาย…ดิฉันต้องจัดการให้สมฐานะชาติตระกูลของหนูหมิวอย่างแน่นอนค่ะ…”

คุณนายแจ่มจรัสอมยิ้มพรายที่เธอจะได้คุณหมิวมาเป็นลูกสะใภ้ ไม่ว่าจะเป็นสะใภ้โตหรือเล็กก็ตาม ทั้งนี้เป็นเพราะว่าฉัตรชัย
ฝาแฝดคนโตได้เล่าเรื่องความสัมพันธ์ของตัวเขากับหวาน เมื่อครั้งปลอมตัวไปอยุ่ต่างจังหวัดหมดแล้ว รวมถึงความสัมพันธ์
ระหว่างตัวเขากับคุณหมิวด้วยเช่นกัน ส่วนคุณนายแจ่มจรัสก็เล่าเหตุการณ์ที่ทำให้เธอตกใจจนก้าวเท้าพลาดตกบรรไดให้
ฉัตรชัยฟังจนหมดเช่นกัน สิ่งนี้เลยเป้นสาเหตุให้ฉัตรชัยต้องการพิสูจน์หัวใจของคุณหมิวก่อนว่า เธอรักใครกันแน่ระหว่าง
น้องชายกับตน ฉัตรชัยไม่อยากทำพลาดอีกครั้ง ถ้าคุณหมิวรักนายชัดได้ เขาก็ยินดีหลีกทางให้น้องชาย เพราะสำนึกในใจ
เตือนว่าตนเองก็แย่งเมียน้องชายมาแล้วคนหนึ่ง ถ้าน้องชายจะชิงเอาคู่หมั้นคืนไปบ้างก็สมน้ำสมเนื้อกันดี

แต่ทั้งนี้คงต้องพิสุจน์ใจของคุณหมิวเท่านั้นเองว่ารักใครกันแน่ เพื่อจะได้ไม่ผิดใจฝืนใจกันในภายหลัง ส่วนเรื่องของทาง
ผู้ใหญ่นั้นทุกอย่างได้พูดคุยกันในระหว่างที่คุณหมิวและชัดชายยังพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาล จนเข้าใจกันดี

หลังจากนั้นผ่านไปอีเจ็ดวันคุณหมิวก็ออกจากโรงพยาบาลกลับไปบ้านได้ คงเหลือเพียงชัดชายคนเดียวที่ยังคงต้องรักษา
ตัวต่อไปอีกสักพัก ในวันที่คุณหมิวจะได้ออกจากดรงพยาบาลนั้น ฉัตรชัยเป็นผู้ขับรถมารับเธอ

“น้องหมิวครับ พี่ได้คุยกับคุณพ่อคุณแม่ของน้องหมิวเรียบร้อยแล้วนะครับว่า..เอ่อ..เราจะแต่งงานกันในปลายเดือนนี้เลย…”
ฉัตรชัยพุดขึ้นในขณะที่กำลังขับรถพาคุณหมิวไปส่งบ้าน

“ปลายเดือนนี้เลยหรือคะ…เอ่อ..ไม่เร็วเกินไปหรือคะคุณพี่…” คุณหมิวได้ยินคำพูดของคุ่หมั้นถึงกับหน้าถอดสี

“ช้าเกินไปด้วยซ้ำ…ความจริงแล้วพี่อยากแต่งงานกับน้องหมิวเสียวันนี้เลยด้วยซ้ำ..เพราะน้องหมิวก็แข็งแรงดีแล้วนี่ครับ….”

ฉัตรชัยพูดจบก็เอื้อมมือไปคว้ามือคุณหมิวมากุม ส่งสายตาเจ้าชุ้หวานหวามใส่เข้าไปจ้องมอง แต่คุณหมิวหลบตา พร้อมกับ
ค่อยๆชักมือกลับคืนมาช้าๆ เนียนๆแบบไม่ทำให้ฉัตรชัยรู้สึกผิดสังเกตุ

“แล้วเรื่องของพี่ช.เอ๊ยคุณชัดล่ะคะ…จัดการเรียบร้อยแล้วหรือคะ……..”

ท้ายเสียงคุณหมิวสั่นเครือพยายามหน้าซ่อนหยาดน้ำตาที่เอ่คลอเบ้า ที่คุณหมิวถามนั้นหมายถึงว่าจัดงานศพของชัดชาย
เรียบร้อยแล้วหรืออย่างไร

“อ่อ..ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ…” ฉัตรชัยก็ทราบความหมายในคำพูดของคุรหมิวเป็นอย่างดี เพียงแต่ทำเป็นไขสือสร้าง
ความเข้าใจผิดให้คุณหมิวต่อไป

“แล้วเรื่องของนายพลเดชกับพวกเค้าล่ะคะ…” คุณหมิวพยายามหาเรื่องมาพูดคุย ด้วยไม่อยากให้ฉัตรชัยวกกลับมาคุยเรื่อง
แต่งงานต่อในระหว่างที่ใจเธอยังไม่พร้อม

ฉัตรชัยจึงเล่าเรื่องของนายพลเดชให้ฟังตั้งแต่เริ่มแรกจนจบ ว่านายพลเดชกับแอนนี่ดดนจับ ส่วนลูกสมุนตายในการต่อสุ้
หลายคน ถูกจับก็อีกหลายคน จนกระทั่งรถมาถึงบ้านมรว.จักรภพ คุณหมิวเลยรีบขอตัวไปพักผ่อนก่อน อ้างว่าเธอยังรู้สึก
ปวดๆหัวอยุ่ พอกลับเข้ามาอยุ่ในห้องเพียงลำพังคุณหมิวก้ร้องไห้ครุ่นคิดถึงชัดชาย คิดถึงความผิดพลาดของตนเอง ถ้าใน
คืนนั้นตนเองไม่บุ่มบ่ามลงไปจากกระท่อมร้าง ชัดชายคงไม่ถูกยิงจนบาดเจ็บ ถ้าคืนนั้นในกระท่อมร้าง เธอจะยินยอมตอบ
คำถามของเขาว่าที่

เธอร้องไห้นั้นหาใช่เพราะความเสียใจที่เสียตัวให้กับเขา แต่เป็นเพราะเธอร้องไห้ออกมาด้วยความสุข และร้องไห้เพราะเธอ
เพิ่งรู้ใจตนเองแล้วว่าเธอรักเขาแค่ไหน ถ้าเธอรู้ใจตนเองตั้งแต่แรก คงไม่ตัดสินใจช้าจนถึงวินาทีสุดท้ายเช่นนั้น เธอคงยิน
ยอมรักกับเขาให้ความสุขกับเขาอย่างเต้มที่ ถ้าเพียงรุ้ล่วงหน้าว่าชัดชายจะจากเธอไปเร็วขนาดนั้น เธอคงมอบกายให้เขา
ได้เชยชมด้วยความสุขสมมากกว่านี้เป็นแน่ แต่ทุกอย่างมันสายเกินแก้ไขอย่างไรได้แล้ว คุณหมิวนอนคิดอยู่จะกระทั่งดึกดื่น
ค่อนคืนจึงผลอยหลับ

“ว่าอย่างไรคะคุณฉัตร…น้องยอมพูดหรือยังคะว่า…เธอรักใครกันแน่…” คุณหญิงพรรณรายสอบถามฉัตรชัยหลังจากที่นั่งคุย
กันที่ห้องรับแขกตามลำพัง

“ยังเลยครับคุณแม่..แต่ผมมั่นใจนะครับว่าเธอไม่ได้รักผมแล้ว…”

“ทำไมคิดเช่นนั้นคะ…”

“ก็พอผมพูดเรื่องการแต่งงาน ดูเหมือนน้องหมิวจะไม่ดีใจ ไม่ยินดียินร้ายน่ะครับ…”

“แล้วพ่อฉัตรจะทำอย่างไรดีล่ะลูก…”

“ทำแบบนี้ครับคุณแม่…….”

จากนั้นฉัตรชัยก้เล่าแผนการทั้งหมดที่จะทำให้คุณหญิงพรรณรายรับทราบ คุณแม่ของคุณหมิวรับฟังพร้อมผงกหน้าเห้นด้วย
ในบางจังหวะจนสุดท้ายเธอก็เห็นด้วยให้ฉัตรชัยจัดการไปตามแผนที่วางไว้

พอถึงปลายเดือนก่อนวันวิวาห์ จะมาถึงเพียงวันเดียว คุณหมิวจึงมาสารภาพกับบิดาและมารดาพร้อมหน้าคู่หมั้นว่าเธอไม่
อยากแต่งงาน เพราะเธอมอบกายมอบใจให้ชัดชายไปแล้ว พร้อมเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟัง ฉัตรชัยและพ่อแม่
คุณหมิวทำทีท่าตกใจ ทั้งๆที่เรื่องเหล่านี้ ทั้งหมดได้ยินมาจากปากของชัดชายหมดแล้ว

“ไม่ได้นะลูก..งานเตรียมพร้อมหมดแล้ว แขกเหรื่อผู้ใหญ่ทั้งนั้น ลูกหมิวจะมาปฎิเสธการแต่งงานกระทันหันแบบนี้ได้อย่างไร…”

“แต่หมิวไม่ได้รักคุณพี่แล้วนี่คะ..อย่าฝืนใจหมิวเลยค่ะ..นะคะคุณพี่…” คุณหมิวหันไปขอร้องฉัตรชัยแทน เพราะคาดว่าคงไม่
ได้รับความกรุณาจากพ่อแม่เป็นแน่..

“คงไม่ได้หรอกครับน้องหมิว..พี่เลื่อนหรือยกเลิกไม่ได้ครับ พี่เสียใจ…”

ฉัตรชัยแสร้งปั้นสีหน้าเครียดขรึม แต่แอบซ่อนยิ้มไว้ในใจ ณ.เวลานั้นแม้เขายังรักคุณหมิวอยู่เหมือนเช่นเดิมก้ตาม แต่เขากับ
คิดใช้เหตุผล ในเมื่อคุณหมิวไม่ได้รักเขาแล้ว กลับไปรักน้องชายเขาแทน เขาก้คงไม่อยากฝืนใจเธอ แต่เขากลับไม่ยอม
เลื่อนหรือยกเลิกงานแต่งยังยืนกรานที่จะต้องแต่งงานกับคุณหมิวต่อไป

“คุณพี่ใจร้าย…ฮือๆๆๆๆ”

คุณหมิววิ่งร้องไห้ออกไปจากห้องหลังจากที่ไม่มีใครเข้าใจเธอเลยสักคน ยังยืนกรานให้เธอแต่งงานกับฉัตรชัยทั้งๆที่บัดนี้ใจ
ของเธอมีเพียงแต่ร่างของชัดชายเพียงคนเดียว

รุ่งขึ้นพิธีวิวาห์ใหญ่โตก้จัดขึ้นที่โรงแรมหรูใจกลางกรุงเทพ แขกเหรื่อผู้ใหญ่มากับพรักพร้อม ใบหน้าเจ้าบ่าวยิ้มระรื่นรับแขก
ตลอดงาน เพียงเจ้าสาวเท่านั้นที่เหมือนหุ่นยนต์ถูกตั้งรีโหมดให้ทำหน้าที่คุ่กับเจ้าบ่าว เธอก็ทำตามด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
แต่แฝงไว้ด้วยความเศร้าเหงา บรรดาญาติต่างมีความสุขดื่มอวยพรให้บ่าวสาวครองคุ่ครองรักกันนาน จนผ่านไปถึงช่วง
เวลาที่จะต้องส่งตัวบ่าวสาวเข้าห้องหอ ที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้ให้

“น้องหมิวเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายตัวก่อนสิครับ…”

ฉัตรชัยเร่งเร้าด้วยใจที่รอเวลานี้มาเกือบสองเดือนแล้ว หลังจากที่คุณหมิวถูกลักพาตัวไปเขาไม่มีโอกาสอยู่กับเธอสองต่อ
สองแบบนี้เลย

“ค่ะ…”

คุณหมิวรับคำเบาๆพร้อมเดินเข้าไปอาบน้ำ เธอใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานเป็นพิเศษ มิใช่เพื่อขัดสีฉวีวรรณเพื่อเตรียมตัวรับ
บทรักจากเจ้าบ่าว แต่เธอเข้าไปแอบร้องไห้ด้วยความเหงาเศร้าใจ จนพอตัดใจได้เธอก็เดินออกมาพร้อมคิดอยู่ในใจเพียง
ลำพังว่า ถ้าคุณพี่ฉัตรของเธอต้องการ เธอก็จะมอบร่างกายให้เขา ยกเว้นเพียงหัวใจเท่านั้นที่เธอไม่ให้ใครอีกแล้วนอกจาก
ชัดชายเพียงผู้เดียว

หลังจากนั้นฉัตรชัยก็เข้าไปอาบน้ำบ้าง เพียงไม่ถึงห้านาทีเขาก้เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าเช็ดตัวพันร่างกายช่วงล่างผืน
เดียว เขาเดินตรงไปปิดไฟใหญ่กลางห้องเหลือเพียงไฟหรี่แสงสลัวๆตรงโป๊ะโคมไฟหัวเตียง จากนั้นก็ตรงเข้าไปกอดรัดร่าง
เพรียวบางของคุณหมิวแน่น พรมจูบด้วยความสเน่หา คุณหมิวนอนแน่นิ่ง ไม่รับรู้แม้ร่างเธอจะค่อยๆถูกถอดเสื้อผ้าชุดนอน
ออกไปทีละชิ้นๆจนเปลือยเปล่า เธอก้ยังคงนอนเฉยไม่โต้ตอบไม่ขัดขืน

ฉัตรชัยดลมลูบจูบไล้ไปทุกส่วนของร่างกาย จนกระทั่งถึงเนินสาวที่แห้งผาก เขาแลบลิ้นโลมเลียปลุกเร้า แต่คุรหมิวก้ยังนอน
นิ่งเฉย เม้มปากแน่นคงกลั้นเสียงครางเสียว แม้ใจเอจะไม่ยินยอม แต่พอโดนโลมลุบไล้ปลุกเร้าความกำหนัดอย่างมีชั้นเชิง
ไม่นานนักร่างกายก็ขับสารหล่อลื่นออกมาตามธรรมชาติ จนฉัตรชัยเห็นว่าได้การแล้ว ก็จับขาของคุณหมิวโย้ขึ้นสุง แล้วกาง
ออกกว้างก่อนจะแทรกตัวเข้าไป คุกเข่า แล้วใช้มือจับลำอวบอ้วนของเขาค่อยๆกรีดเกรียวไปตามยาวของร่องสาว คุณหมิว
สะท้านเฮือกพยายามกัดฟันไว้ไม่ให้ส่งเสียงคราง ความรุ้สึกบอกเธอว่าบัดนี้ปลายลำบานร่าของฉัตรชัยนั้นกำลังจรดจ่อตรง
ปากร่องเสียวของเธอ ใจเธอตวัดลอยไปนึกถึงชัดชายอีกครั้ง พร้อมหลับตารอช่วงวินาทีที่ฉัตรชัยจะปักลำยาวของเขาเข้าไป
ในโพรงสวาท

“อุ๊ยยยย..อ่า…”

พอฉัตรชัยปักลำอวบอ้วนเข้าไปในร่องสาวจิงๆ คุณหมิวก็ถึงกับร้องตกใจ รู้สึกว่ามันไม่ใช่แบบนี้ เมื่อร่องสาวของเธอแยกตึง
แทบปริ กว่าจะรองรับลำอวบอ้วนเข้าไปจนมิดขอบเงี่ยง คุณหมิวผวาพยายามลุกขึ้นนั่ง ฉัตรชัยก็ดันลำลึงค์เข้าไปอีกพรวด
คุณหมิวครางอูย เพราะว่าลำอวบอ้วนนั้นเข้าไปเกินกว่าครึ่ง..ไม่ใช่แล้ว ไม่ใช่แน่ๆ คุณหมิวร่ำร้องอยู่ในใจ เอื้อมมือควานหา
สวิทซ์ไฟหัวเตียง พอเจอเธอก็เปิดมันขึ้นจนสว่างจ้า ก้มมองร่องสาวของเธอที่บานแยกอ้ากว้างคาบลำลึงอวบอ้วนไว้เต็มๆลำ..

“ว๊าย…..อูยยย…” คุณหมิวร้องด้วยความตกใจ ร่องสาวบานแยกแทบปริฉีก เมื่อลำอวบอ้วนอัดเข้าไปจนมดสุดโคน
..
“พี่ชัด….” คุณหมิวพูดออกมาได้เพียงเท่านั้น แล้วปากเธอก็โดนเขาปิดสนิทด้วยริมฝีปากของเขา

ภายในห้องนอนอีกห้องที่ติดกัน หวานกับฉัตรชัยตัวจริงที่แอบฟังอยุ่ข้างประตู ต่างยิ้มให้กันด้วยความรักความสุข แล้วจุงมือ
กันไปที่เตียง โรยดอกกุหลาบ เสมือนเป็นเตียงวิวาห์ของอีกคุ่หนึ่งก็ไม่ปาน……

จบแล้วครับแบบที่สอง…เฮ้ออออออเหนื่อยเลย

Share the Post:

Related Posts

เสียตัวแลกเงิน ยังไงก็คุ้ม

เรื่องเสียว เสียตัวแลกเงิน ยังไงก็คุ้ม “มาเป็นเมียฉันสิ เดี๋ยวฉันจะให้เงินเธอเอง” นั่นคือคำพูดของคุณผู้ชายของบ้านหลังนี้ที่พูดกับฉัน เรื่องเสียวคือสิ่งที่เขานั้นต้องการ สำหรับฉัน การโดนเย็ดไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรเลยจริง ๆ ที่ฉันมองก็คือเรื่องเงิน เพราะว่าที่ฉันต้องย้ายออกจากบ้านนอกเข้ามาที่เมืองกรุง มาเป็นแม่บ้าน หรือที่ผู้ดีเขาเรียกกันว่าคนใช้มันก็เพราะเงิน ฉะนั้น อาชีพที่ถูกมองว่าต่ำต้อยอย่างฉันนั้น ไม่เห็นจะต้องสนใจเรื่องพวกนั้นเลย ศักดิ์ศรีเหรอ ร่างกายเหรอ ไม่มีทางหรอกที่ฉันจะมีมัน

Read More

จากครูฝึกสอน กลายเป็นครูฝึกเสียว

เรื่องเสียว จากครูฝึกสอน กลายเป็นครูฝึกเสียว ฉันมั่นใจว่าเรื่องเสียวครั้งนั้น ต่อให้ฉันจะเติบโตหรือว่าแก่ตัวลงก็ไม่มีทางลืมมันไปแน่นอน ขนาดนี้ตอนนี้ ผ่านมาราว ๆ 10 ปีแล้ว แต่เวลานึกถึงทีไหร่ ประสบการณ์เสียวครั้งนั้นมันก็ทำให้ฉันเงี่ยนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้จริง ๆ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าบางครั้ง ฉันเองก็ช่วยตัวเองไปพร้อม ๆ กับนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตอนนั้น ตอนที่ฉันเรียนมัธยมปลาย ที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ด้วยความสามารถทางด้านกีฬาของฉัน

Read More