ตำนานนักรัก ตอนที่ 44
ผมขับรถพาคุณวิออกมาจากซอยอันเป็นที่ตั้งของศูนย์ จนออกสู่ถนนใหญ่ย่านลำลูกกาปทุมธานี ด้วยความเร็วที่ไม่สูงนัก เนื่อง
จากยังไม่ชำนาญเพียงพอ จนบางครั้งรถคันหลังถึงกับไล่จี้ท้าย พร้อมเปิดไฟกระพริบเตือน จนผมต้องเข้าเลนกลาง แล้วรักษา
ระดับความเร็วไม่เกิน80กิโลเมตร แบบไปเรื่อยๆไม่ได้รีบร้อน ปากก็พูดคุยตอบคำถามของคุณวิ ไปตามเรื่อง ซึ่งส่วนใหญ่ผมก็
พอมองออกว่าคุณวิเจตนาสื่อความหมายใด ในการคุยกับผม จนกระทั่งจู่ๆ ก็มีรถสีดำขับแซงจากเลนขวาสุดปาดหน้าเข้ามา
เลนช่องทางที่ผมขับรถอยู่ แล้วเบรคกระทันหัน
“ระวัง..ทองดี…เอี๊ยดดดดดด…โครม…”
แม้ผมจะไม่ได้รับรถเร็วนัก แต่รถคันหน้าเบรคกระชั้นชิดขนาดนี้ ย่อมทำให้ผมเบรครถไม่ทัน จึงชนท้ายรถคันหน้าเต็มๆ ผมรีบ
ดับเครื่องยนต์ แล้วเปิดประตูลงไปตรวจดูความเสียหาย ฝ่ายคู่กรณีก็เปิดประตูรถของเขาลงมา ทั้งชายและหญิง ดูหน้าตาท่า
ทางน่าจะอายุอ่อนกว่าผมเป็นแน่
“ขอโทษครับ..พี่เบรครถไม่ทันจริงๆ…”
ความ
ซื่อ ไม่มีเลห์เหลี่ยม บวกกับความตกใจและขาดความชำนาญ ทำให้ผมคิดว่าตนเองเป็นฝ่ายผิด โดยไม่ได้เฉลียวใจเลย
ว่ารถคู่กรณีย์ปาดหน้าแล้วเบรคกระทันหัน เพื่อต้องการให้รถผมขับชนท้าย จึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอโทษ
“แล้วพี่จะเอาไงล่ะคะ…” หญิงสาวที่ลงมาด้วยเอ่ยสอบถามผมเสียงห้วนๆ ทำหน้าตาบูดบึ้งอย่างอารมณ์เสีย
“เอ่อ..เดียวพี่เรียกประกันรถมาแล้วกันครับ…”
ผมรีบตอบทั้งๆที่ยังไม่รู้เลยว่ารถของลุงเสงี่ยมได้ทำประกันไว้หรือเปล่า พอบอกเสร็จก็หมุนตัวหันหลัง เพื่อจะไปหยิบโทรศัพท์
ในรถ โทรไปสอบถามลุงเสงี่ยมที่บ้าน แต่แล้วก็มีเสียงวัสดุตีโครมลงไปฝากระโปรงหน้ารถผม ตามมาด้วยเสียงไฟหน้ารถแตก
ดังเพล้ง.. ผมจึงหันกลับไปมองด้วยความตกใจ เมื่อไม่รู้ว่าผู้ชายคนที่ทำลายรถผมนั้นมาจากไหน แต่หน้ามันช่างคุ้นตายิ่งนัก
ผมยังไม่ทันร้องถามเลยว่ามันทำแบบนี้ทำไม
“ไอ้สัต..มึงซ่านักใช่มั๊ย…”
ไอ้ผู้ชายที่หน้าตาคุ้นๆนั้นก็เสยไม้เบสบอลที่อยู่ในมือของมัน ฟาดเปรี้ยงเข้ามาที่หัวผมอย่างแรง จนเซถลาและล้มลงที่ข้างรถ
แล้วหมดสติไปทันที จนมาฟื้นอีกครั้งที่โรงพยาบาล โดยมีคุณดานั่งอยู่ข้างๆเตียงมองมาด้วยสายตาเป็นห่วง
“ทองดีฟื้นแล้วๆ..มะลิไปตามคุณหมอมาที บอกว่าคุณทองดีฟื้นแล้ว…”
คุณดาร้องบอกมาด้วยความดีใจ แล้วหันไปสั่งมะลิที่ยืนอยู่ห่างๆให้ไปตามคุณหมอมาหา ถึงแม้จะฟื้นจากสลบมาแล้วก็ตาม แต่
ในหัวมันยังรู้สึกปวดตุ๊บๆและมึนงง จนจับต้นชนปลายไม่ถูกเลยว่าผมไปโดนอะไรมาจึงต้องเข้าโรงพยาบาล
เมื่อหมอเดินตามมะลิเข้ามาในห้อง ก็ตรวจดูอาการผมอีกครั้ง ถามนั่นถามนี่ ที่ล้วนแต่เป็นคำถามว่าผมมีอาการยังไง สรุปว่าผม
ไม่เป็นอะไรมากไปกว่าได้รับแผลแตกที่หัวจนต้องเย็บถึง5เข็ม แต่สมองก็ไม่ได้รับความกระทบกระเทือน จนคราวนี้ผมถึงจำได้
ว่า สาเหตุที่ทำให้ผมต้องเข้าโรงพยาบาลนั้นก็เพราะฝีมือของไอ้เด็กหนุ่มคุ้นหน้าคนนั้น จนผมจำมันได้แล้วว่าเคยเห็นมันที่
ไหน เย็นวันนั้นเองคุณดาก็พาผมกลับมาพักฟื้นที่บ้าน แล้วสอบถามผมอีกครั้ง
“ทองดีไปมีเรื่องราวกับใครมาก่อนหรือเปล่าคะ…” คุณดาสอบถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง
“ทำไมคุณดาถึงคิดว่าที่ผมโดนทำร้ายเพราะเป็นไปมีเรื่องราวกับคนพวกนั้น นอกจากเรื่องอุบัติเหตุล่ะครับ…” ผมย้อนถาม
กลับด้วยความสงสัย
“อ้อ..ดาไม่ได้คิดหรอกค่ะ..แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เขาสันนิษฐานเช่นนี้ หลังจากสอบปากคำคุณวิแล้ว จึงทำให้ได้ข้อมูลคร่าวๆ
ว่า คนพวกนั้นเจนตนาขับรถให้ทองดีชน แล้วลงมาทำร้าย..ว่าแต่ทองดีจำหน้าคนทำร้ายได้มั๊ยคะ…”
“ไม่ได้ครับ…”
ผมตอบปฏิเสธออกไป ที่ไม่อยากบอกไปตามจริงนั้น เพราะจะทำให้คุณดามีกังวลเสียเปล่าๆ ผมถือเสียว่าการเจ็บตัวแค่นี้นับ
ว่าฟาดเคราะห์ไปดีกว่า เมื่อพวกมันได้ฟาดหัวผมแล้ว ก็คงจะไม่ติดใจคิดแก้แค้นอะไรไปถึงคุณเจนอีกเป็นแน่
“แล้วจะเอายังไงต่อดีคะ..จะแจ้งวามไว้ก่อนดีมั๊ย..”
“อย่าดีกว่าครับคุณดา ถือเสียว่าคงเป็นคราวเคราะห์ของผม ที่มันทำร้ายผิดตัว”
ผมตอบออกไปแล้ว ดูเหมือนคุณดาไม่ติดใจสงสัย เธอจึงสบายใจขึ้น เลิกซักถามเรื่องนี้กับผมอีก และคงไม่มีใครล่วงรู้ว่าในใจ
ผมคิดอะไรอยู่ เมื่อผมคิดวิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นกับตัวผมในช่วงนี้ มันมีบางสิ่งบางอย่างที่สะกิดใจผมอยู่เล็กน้อย
เกี่ยวกับคุณเจน แม้ว่าช่วงนี้เธอจะดูเงียบๆ แต่มันเหมือนเป็นการเงียบที่ผิดปรกติ จนผมระแวงว่าเหตุทั้งหมดอาจจะล้วนเป็น
แผนการณ์ของเธอ เริ่มตั้งแต่แผนนารีพิฆาต พอไม่สำเร็จ ก็มาถึงแผนสอง
ซึ่งถ้าย้อนพิจาราณาดูอีกครั้ง ผมจึงพบว่า มันได้ผลถึงสองประการ ประการแรกคือ ถ้าผมไม่ออกไปช่วยตอนอยู่ที่สระน้ำ คุณ
เจนก็จะเอามาพูดได้ว่าผมอยู่บ้านแท้ๆกลับไม่มีน้ำใจช่วยเหลือ และประการที่สองที่ผมทำ คือการออกไปช่วยมันก็ได้ผลอีก
เช่นกัน คือผมโดนทำร้ายโดนชกโดนเตะ..ซึ่งลึกๆอาจสะใจคุณเจน แล้วมันก็นำมาสู่เหตุการณ์ที่สาม คือเพื่อนไอ้เจนั่นแหละ
ที่มาดักตีหัวผม
ฉนั้นถ้าเรื่องราวที่ผมคาดการณ์มันถูกต้อง ย่อมแสดงว่าคุณเจนเป็นส่วนหนึ่งในแผนการณ์ทั้งหมด และถ้าผมไปแจ้งความ เรื่อง
ลุกลามมาถึงคุณเจนจนอาจเดือดร้อน ผมไม่ได้แคร์หรอกว่าเธอจะเป็นอย่างไร แต่คนที่ผมแคร์คือลุงเสงี่ยมและคุณกานดา
ต่างหาก ถ้าเธอรู้ว่าลูกสาวหลานสาว เป็นผู้วางแผนทั้งหมด ทั้งยังลอบทำร้ายผม อะไรจะเกิดขึ้น บ้านคงลุกเป็นไฟ นั่นก็ลูก
ทางนี้ก็ผัว นั่นก็หลานแท้ๆ นี่ก็ลูกเขย คงสร้างความลำบากใจให้ทั้งสอง ผมจึงคิดว่าตนเองคิดถูกต้องแล้วที่จะปล่อยให้เรื่อง
ผ่านไป พร้อมกับระมัดระวังตัวเพิ่มขึ้น
จนผ่านไปหลายวัน แผลแตกบนหัวของผมก็หายเป็นปรกติ ช่วงนี้เรื่องการดูแลพ่อตาผม สาลีกับมะลิเลยต้องรับช่วงต่อไปจน
กว่าผมจะหายเป็นปรกติ ส่วนคุณดาก็มัวแต่ยุ่งๆอยู่กับงาน จนไม่สามารถลงมานอนกับผมได้ทุกวัน หรือบางครั้งมานอนด้วยก็
อ่อนเพลียจนผมไม่กล้ารบกวน ด้านคุณเจนก็เงียบๆไป หลังจากนั้นอีกเกือบเดือนจึงเกิดเรื่องขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
หลังจากวันที่ผมโดนทำร้าย เวลาคุณวิจะมาตรวจดูแลสุขภาพให้พ่อตาผม เธอก็มาเองด้วยรถรับจ้าง มาเองกลับเอง แต่วันนั้น
เธอมาด้วยชุดเสื้อผ้าที่แสนเซ็กซี่ กระโปรงทั้งสั้น และคอเสือก็ผ่าลึก เวลาโค้งตัวยืนข้างเตียงตรวจดูอาการของพ่อตาผม
กระโปรงด้านหลังแทบถลกเลิกขึ้นไปจนเห็นกางเกงในวับๆแวมๆทีเดียว หลังจากตรวจวัดความดัน อะไรต่ออะไรตามกรรมวิธี
ของเธอแล้ว ก็เอ่ยปากตำหนิผมตรงๆว่า
“ช่วงนี้ทองดีไม่ค่อยดูแลเรื่องความสะอาดให้คุณลุงเลยนะคะ…ดูสิตามข้อพับต่างๆดำเป็นปื้น..”
คุณวิกล้าตำหนิผมตรงๆ เพราะเธอยังไม่ทราบว่าผมกับคุณดามีความสัมพันธ์กันแบบใด อีกทั้งคงหมั่นไส้ผมเป็นแน่ หลังจาก
ที่เธอทั้งแต่งตัวยวนยั่ว ทั้งพูดจาทอดสะพานให้ แต่ผมก็ทำเป็นบื้อไม่เข้าใจความหมาย
“หนูวิ..อย่าไปดุทองดีมันเลย..มันเป็นผู้ชายน่ะ คงไม่ถนัดเรื่องทำความสะอาดให้ลุง…” เสียงพ่อตาผมแก้ต่างให้ เบาๆ พร้อม
ลอบขยิบตาให้ ผมคิดเลยว่าสงสัยวันนี้พ่อตาผมคงแสดงอะไรให้ผมดูเป็นแน่
“ไม่ได้หรอกค่ะ..วิต้องตำหนิเสียหน่อย ไม่งั้นเสียชื่อเสียงของศูนย์พอดี…” คุณวิยังคงจีบปากจีบคอตำหนิผมอย่างไม่เกรงใจ
“ถ้ากลัวเสียชื่อเสียง หนูวิก็สงเคราะห์ทำให้ลุงเองแล้วกัน นะจ๊ะ…”
พ่อตาผมเริ่มอ้อน จนคุณวิใจอ่อน พร้อมร้องสั่งให้ผมไปเอาน้ำอุ่นๆมา ผมรีบทำตาม ด้วยการหากะละมังเล็กๆ ไปรองน้ำร้อน
จากเครื่องทำน้ำร้อน แล้วผสมน้ำเย็นลงไปจนได้อุณภูมิที่กำลังดี ก็ยกมาให้คุณวิโดยวางไว้บนโต๊ะเตี้ยๆ ส่วนคุณวิเริ่มลงมือ
ถอดเสื้อผ้าให้พ่อตาผมจนเหลือเพียงกางเกงผ้าอ้อมแค่ตัวเดียว แต่ก็ใช้ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่คลุมร่างแกไว้
“เข้ามาดูสิ..แล้วจำไว้ด้วยนะ..”
คุณวิเรียกให้ผมขยับเข้าไปใกล้ๆ แล้วลงมือใช้แอลกอฮอล์ค่อยเช็ดตามบริเวณข้อพับแขนทีละข้างให้ผมเห็น พอเช็ดเสร็จ
เธอก็ใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กๆชุบน้ำอุ่นแล้วถูเบาๆอีกครั้ง คราบขี้ไคลก็หลุดออกมาจนข้อพับแขนพ่อตาผมสะอาดเอี่ยม
“อ้อครับ..ผมจำได้แล้วครับคุณวิ..เดี๋ยวผมไปเรียกสาลีมาดูด้วยแล้วกัน…” ผมรีบพูดรัวๆ เพราะมองเห็นพ่อตาผมขยิบตาให้อีก
ครั้ง ก็รุ้เลยว่าแกอยากให้ผมหาเรื่องออกไปจากห้อง
“เออ รีบไปตามสาลีมันมาดูเลยนะทองดี…ดูสิมือคุณวิทั้งนุ่มทั้งเบา ไม่เหมือนพวกเอ็งเลย ขัดตัวลุงทีหนังจะหลุดออกมา
เป็นแผ่นๆ..”
พ่อตาผมผสมโรงออกปากตำหนิผมเบาๆ จนผมแสร้งทำหน้าเศร้าคอตก พร้อมเลี่ยงเดินออกไปจากห้อง ปล่อยให้แกอยู่ตาม
ลำพังกับคุณวิ
แต่ผมไม่ได้ไปตามสาลีหรอกครับ แกล้งเดินออกจากห้องนอนพ่อตาจอมลีลาของผม เดินออกไปห้องรับแขก จากนั้นย่องเดิน
ไปหลังบ้าน แล้วเปิดประตุห้องนอนอีกด้านของผมเข้าไปยืนแอบมองผ่านผ้าม่านโดยที่คุณวิไม่มีทางสังเกตุเห็น เพราะเธอ
ยืนหันหลังให้
แล้วผมก็ได้เห็นลีลาพ่อตาผมเต็มๆตา ตั้งแต่พอคุณวิทำความสะอาดข้อพับแขนเสร็จ ก็ทำต่อไปที่ต้นคอ โดยต้องก้มตัวลง
ไปมากหน่อย พ่อตาผมก็เริ่มออดอ้อน พูดนั่น พูดนี่ เบาๆผมไม่ได้ยินหรอกครับได้แต่เห็นปากแกขยับๆ ส่วนคุณวิ ก็ตอบไป
คุยไปทำความสะอาดไป ด้วยเสียงเบาๆใบหน้ายิ้มๆ ผมว่าอีกสักพักพ่อตาผมคงหาทางจับก้นงอนๆของคุณวิได้แน่ ก็เลย
ขี้เกียจแอบดูต่อ เลยเดินออกจากห้องกะว่าจะไปนั่งรอเวลาให้พ่อตาผมอ้อนคุณวิเสร็จเสียก่อนค่อยย้อนกลับเข้าไปใหม่
แต่แล้วขาผมก็ชะงักอยู่ที่เชิงบันไดทางขึ้นสระ เมื่อแลเห็นว่าภายในบริเวณสระน้ำนั้น ถูกคุณอรนอนจับจองบนเก้าอี้เสียแล้ว
ก็เลยไม่อยากเดินเข้าไป แต่แปลกใจที่เห็นคุณอรเพียงคนเดียว ไม่เจอคุณเจนเพื่อนเลสเบี้ยนของเธออยุ่ด้วย จึงเตรียมหมุน
ตัวที่จะเดินกลับไปทางเดิม
“ว๊าย!..งู..งูกัดอร…ช่วยด้วยค่ะ…”
พลันหูก็ได้ยินเสียงคุณอรร้องขอความช่วยเหลือ ว่างูกัดเธอ จนผมรีบโผนตัวขึ้นไปบนสระน้ำอย่างรวดเร็ว เห็นคุณอรผุดลุก
มานั่งบนเก้าอี้ เอามือกุมขาอ่อนไว้แน่น
“งูอะไรกัดครับ..มันอยู่ที่ไหน…” ผมรีบร้องถามด้วยความตกใจ…
“มันเลื้อยไปตรงโน้นแล้วค่ะ..คุณทองดีช่วยอรด้วย…” คุณอรร้องบอกด้วยสีหน้าบูดเบี้ยวแสดงความเจ็บปวด…
“งูมันกัดตรงไหนครับ..” ผมร้องถามด้วยความตกใจ คุณอรตอบกลับมาด้วยสีหน้าซีดเซียว ทำปากเบะเหมือนจะร้องไห้
“ตรงนี้ค่ะๆ…”
คุณอรเปิดมือขึ้นมาให้ผมเห็นแผลที่ขาอ่อน ผมมองอย่างรวดเร็ว ไม่มีเวลาพิจรณาได้นานนัก เห็นเป็นจุดแดงๆสองจุด พร้อม
เลือดสีแดงที่ไหลซึมออกมาจากจุดนั้น แม้ไม้เคยเห็นคนถูกงูกัดมาก่อน ผมก็รู้ด้วยสัญชาติญาณว่ามันคงเป็นงูพิษแน่ เพราะ
แผลที่ถูกกัดเป็นรอยเขี้ยวอย่างชัดเจน
“ใจเย็นๆนะครับคุณอร กดปากแผลไว้ก่อน” ผมรีบร้องปลอบ พร้อมปลดเข็มขัดอออกมา แล้วนำไปรัดที่โคนขาอ่อนของคุณอร
จนแน่น จนได้ยินเสียงเธอครางอูยๆด้วยความเจ็บปวด
“ผมต้องดูดเอาพิษงูออก่กอนนะครับ…”
อารามตกใจ ผมลืมเสียสนิท ว่ามีพยาบาลวิชาชีพ คือคุณวิกำลังดูแลพ่อตาผมอยู่ ผมจึงร้องบอกคุณอรไปแบบนั้น พร้อมก้ม
หน้าลงไปอ้าปากเพื่อดูดพิษงูออกมาจากปากแผล ที่มันอยู่ห่างหว่างขาคุณอรเพียงแค่สองฝ่ามือเท่านั้น
ปากผมครอบลงไป พร้อมความรู้สึกเค็มเล็กน้อยจากเลือดที่ไหลซึมเป็นทางจากปากแผล แต่พอลงมืออ้าปากดู กลับไม่รู้สึก
เลยว่าเลือดพิษมันถูกผมดูดเข้าปาก แม้จะออกแรงดูดจนแก้มตอบก็ตาม จึงเอะใจรีบเงยหน้าขึ้นมองปากแผลอีกครั้ง แต่ปรากฎ
ว่าคราวนี้ไม่เห็นมันเสียแล้ว เห็นเพียงขาอ่อนขาวๆของคุณอร ที่มีร่องรอยโดนผมดูด จนเป็นวงกลมๆสีแดงๆขึ้นแทน
แล้วก่อนที่ผมจะรู้สึกตัวว่ากำลังโดนหลอก คุณอรรีบดึงหน้าผมจนหัวทิ่มลงไปที่หว่างขาอูมๆของเธออย่างรวดเร็ว จนผมดิ้น
ขลุกขลัก แต่เธอทั้งกดหัวผมลงไปที่เนินโหนกอูมๆ พร้อมใช้สองขาเรียวยาวรัดหัวผมไว้แน่น จนได้ยินเสียงคุณเจนร้องบอก
ออกมา
“พอแล้วยัยอร….ชั้นถ่ายไว้หมดแล้ว…”
“อีกแป๊บไม่ได้หรอเจน..ซี๊ดด…” เสียงคุณอรสั่นๆร้องตอบ แล้วกดหัวผมไว้แน่น จนทั้งหน้าทั้งปากผมทิ่มลงไปที่เนินเนื้อแน่นๆ
อูมๆของเธอ
“ยัยอร….”
จนคุณเจนเริ่มส่งเสียงแข็งๆนั่นแหละคุณอรจึงคลายวงขาออก แล้วปล่อยมือที่กดหัวผมไว้ จนผมรีบผุดลุกขึ้นยืน หันหน้าไป
เห็นคุณเจนยืนยิ้มเหมือนเป็นผู้ชนะ แต่ที่สำคัญในมือเธอมีไอโฟน6รุ่นล่าสุดอยู่เสียด้วย
“นายเสร็จชั้นแน่..ฮิฮิ…หลักฐานชัดเจนว่านายลวนลามยัยอร…”
คุณเจนร้องบอกเสียงยั่วๆ พร้อมชูไอโฟนให้ผมเห็นว่าเธอถ่ายคลิปเมื่อสักครุ่ไว้หมดแล้ว แล้วรีบเอาไปซ่อนไว้ด้านหลัง เมื่อ
เห็นผมขยับจะเข้าไปยื้อแย่ง
“เอาสินายกล้าแย่งหรอ..ยัยอรเตรียมถ่ายไว้ นายแย่งเมื่อไหร่ จะได้มีอีกคลิปว่านายลวนลามเข้ามากอดชั้น..ฮิฮิ..”
ทั้งน้ำเสียง ทั้งหน้าตา มันยียวนกวนประสาท แต่ผมก็ไม่อาจทำอะไรได้ รีบหุนหันกลับไปตามทางเดิม กลับเข้าไปในห้องแล้ว
ผลักประตุห้องนอนผมที่เชื่อมกับห้องพ่อตาเปิดออกอย่างรวดเร็ว ไม่ทันคิดว่าแกไม่ได้อยู่ตามลำพัง
“ว๊ายยยยย!…”
[post]เสียงคุณวิหวีดร้องด้วยความตกใจ รีบเงยหน้าขึ้นมาจากกลางลำตัวของพ่อตาผม มุมปากยังเขลอะเลอะน้ำลาย คอเสื้อกว้างๆ
ถูกดึงจนต่ำ นมเนื้อก้อนใหญ่โดนมือพ่อตาผมบีบจับไว้ไม่ยอมปล่อย
“อ่ะ..ขอโทษครับ..”
ผมรีบร้องบอกขอโทษ พร้อมหุบหัวกลับเข้าไปในห้อง ปิดประตุไว้ตามเดิม พร้อมทรุดตัวลงนั่งกุมหัวอยู่บนเตียง ไม่รู้เลยว่า
คุณวิกับพ่อตาผมจะทำอะไรกันต่อ หรือเธอจะลากลับไปตอนไหน ด้วยใจที่ยังพะวงอยู่กับคลิปที่คุณเจนสร้างสถานการณ์แล้ว
ถ่ายไว้ เพื่อปลักปรำผม