ตำนานนักรัก ตอนที่ 6
“เอ้อ..คุณลุงไม่ได้เล่าอะไรมากหรอกครับ..แค่ผมสงสัยว่าทำไมอายุคุณดากับคุณลุงจึงต่างกันมาก เหมือนตากับหลานมากกว่าพ่อ
กับลูกแค่นั้นละครับ คุณลุงเลยบอกให้ฟัง…” เมื่อผมพูดจบ สีหน้าแดงๆอายๆของคุณกานดาเริ่มดีขึ้น จึงหัวเราะเขินๆ
“นั่นสิคะ..ทองดีคงสงสัย คุณพ่อท่านอายุเกือบ80แล้ว..แต่ดายังไม่ถึง40เลย..ห่างกันจนไม่เหมือนพ่อกับลูก..อิอิ”
คุณกานดาพูดขำๆ ยิ้มทั้งปาก และดวงตาใส่ผม จนผมเผลอตัวมองหน้าเธอเขม็งด้วยความชื่นชม เล่นเอาคุณกานดาหลบตาวูบ
พร้อมกับหน้าแดงขึ้นมาอีกครั้ง อุ๊บอิ๊บบอกผมเบาๆว่า
“ดากลับก่อนแล้วกัน…รอคุณพ่อตื่นก่อนค่อยเข้าไปคุยกับท่าน…”
คุณ
กานดาพูดจบก็หมุนตัวกลับ จนกลิ่นหอมๆจากเรือนกายเธอโชยเข้าจมูกผมเต็มๆ เล่นเอาผมอยากไล่ตามสูดดมไปจนกว่าจะถึง
ต้นตอของกลิ่นหอมๆ ว่ามาจากส่วนใดของเรือนร่างเพรียวสูงหุ่นนางแบบของเธอ
หลังจากคุณกานดาเดินจากไปแล้ว ซึ่งผมก็ไม่ได้ถามว่าเธอจะไปที่ไหน เพราะบ้านมันใหญ่โตซับซ้อนด้วยห้องต่างๆ จนผมไม่คิด
เลยว่าเมื่อสาวเท้าก้าวเดินออกไปทางสระน้ำ หวังจะนั่งเล่นเพลินๆ กลับเจอคุณกานดานอนเล่นอยุ่ก่อนแล้ว
ที่ต้องบอกว่าเธอนอนเล่นเช่นนั้น เพราะเธอนอนหงายลงไปบนเก้าอี้สระน้ำจริงๆ โดยมีนิตยสารฝรั่งกางอ่านปิดหน้าอยู่ ส่วนกระโปรงผ้าพริ้วๆของเธอนั้น พอมันแนบไปกับร่างกายสมส่วนของเธอ ผมถึงกับกลืนน้ำลาย แล้วรีบเบือนหน้าไปมองน้ำในสระแทน เพราะว่า
มันแนบลู่ลงไปจนแนบสนิทกับเรือนร่าง อวดส่วนโค้งส่วนเว้า และส่วนที่โหนกนูนอวบอูมขึ้นมาให้เห็นถึงรูปพรรณสันฐานอย่าง
ชัดเจน
“อ้าว..เจอกันอีกแล้ว..ทองดีมาเดินเล่นเหมือนกันหรือคะ..” ผมเตรียมที่จะหมุนตัวกลับ แต่คุณกานดาก็ลดนิตยสารในมือลงมาจาก
หน้า แล้วร้องทักผมขึ้นมาเสียก่อน
“เอ้อครับ…เผอิญไม่ทราบว่าคุณกานดามานั่งเล่นที่สระน้ำเหมือนกันครับ..ขอโทษที่เข้ามารบกวนเวลาพักผ่อนด้วยครับ..”
ผมหมุนตัวกลับมาตอบคำถามของเธอ แต่ไม่ได้ขยับเท้าก้าวเดินเข้าไปอีก คงยืนนิ่งๆ อยู่ที่ขอบบันไดที่ก้าวขึ้นมาก่อนจะถึงพื้นที่
รอบๆสระ ที่คุณกานดาใช้นอนเล่นพักผ่อน
“ไม่รบกวนอะไรเลยค่ะ..ทองดีมาก็ดีเลย..ดากำลังอยากหาเพื่อนคุย…แต่ดาไม่มีเงินค่าจ้างให้นะคะ..”
คุณกานดาพูดล้อๆแซวผมพร้อมหัวเราะอย่างเบิกบานเป็นกันเอง จนผมต้องหัวเราะตามไปเบาๆ แล้วก้าวเดินเข้าไปหาร่างเพียวสูงที่
ยังคงนอนอยู่บนเก้าอี้ ผมพยายามบังคับสายตาตนเองให้จับจ้องมองเพียงหน้าหวานๆสวยของลูกสาวเจ้าของบ้านเท่านั้น ไม่อยาก
แลลงไปที่กึ่งกลางลำตัวของเธอเลยแม้สักนิด
“นั่งก่อนสิคะ…”
จนผมเดินมาหยุดยืน ห่างจากตัวคุณกานดาเล็กน้อย เธอก็บอกให้ผมนั่งบนเก้าอีกตัวที่วางอยู่ข้างตัวเธอ โดยที่เก้าอี้นั้น มันยังไม่ถูกปรับให้เอนนอน ผมจึงทรุดตัวลงไปนั่ง แล้วพยายามหนีบขาเก็บแขน ทำให้ให้เล็กลีบ เท่าที่จะทำได้
“ทองดีทำตัวตามสบายก็ได้ค่ะ..ดาไม่ได้ดุแบบคุณพ่อสักหน่อย…”
คุณกานดาคงมองออกว่าผมนั่งหนีบขาเก็บแขนตัวเกร็ง จึงร้องบอกให้ผมทำตัวตามสบายเธอไม่ได้ดุเหมือนลุงเสงี่ยม ผมก็อยากบอกเธอเหมือนกันว่า ผมไม่ได้กลัวเสียงหวานๆ หน้าสวยๆของคุณกานดาเลยสักนิด แต่ที่ผมต้องนั่งตัวเกร็ง เพราะชุดพริ้วๆบางๆที่เธอ
สวมใส กับท่านอนของเธอต่างหาก ที่มันทำให้ผมเป็นแบบนี้ แต่ก็ได้แค่นึก ไม่มีทางกล้าพูดออกมาหรอกครับ
“เอ้อ..ไม่เป็นไรครับ..นั่งแบบนี้ก็สบายดีแล้วครับ…”
ผมตอบกลับเสียงเรียบๆ สายตาเพ่งมองเฉพาะใบหน้าของเธอ จนคุณกานดาทำหน้าเลิกลั่ก คงคิดว่ามีสิ่งใดผิดปรกติบนใบหน้า จึง
ยื่นมือเรียวขาวขึ้นมาบัดๆ แต่ก็ไม่พบอะไร เธอจึงเอื้อมมือลงไปปรับองศาเก้าอี้เสียใหม่ จากท่านนอนหงาย มาเป็นนั่งเอนตัวตามสบาย
“เอ้อ..คุณกานดาว่าจะมีอะไรคุยกับผมครับ…” ผมย้ำถามถึงจุดประสงค์ที่คุณกานดาเรียกผมเข้ามาหา เล่นเอาคุณกานดาหัวเราะเขินๆ
“นั่นสิ..ดาเกือบลืมเลย ถ้าทองดีไม่พูดเตือน..คือดาอยากทราบว่าทองดีเรียนจบอะไรมาคะ..แล้วขับรถเป็นมั๊ย…”
“ยังเรียนรามไม่จบครับ ผมดร็อปไว้หลายเทอมแล้วครับ..ส่วนเรื่องขับรถนั้นขับเป็นครับ..แต่คงยังไม่ค่อยคล่อง เพราะตั้งแต่สอบใบ
ขับขี่ได้ ก็ไม่ค่อยได้ลองขับเลยครับ…” คุณกานดานั่งฟังเงียบๆเมื่อผมพูดจบ
“ดีเลยค่ะ..จะได้วานให้ช่วย ขับรถไปรับคุณวิมาตรวจดูสุขภาพคุณพ่อที่บ้านบ้าง..เพราะหลังจากนี้ ดาคงยุ่งๆเรื่องงาน ไม่มีเวลาดูแลคุณพ่อเท่าใดนัก..ดาฝากกับทองดีด้วยนะคะ..อย่าคิดว่าที่ทองดีมาอยู่กับคุณพ่อและดานั้นในฐานะลูกจ้าง..คิดเสียว่ามาทำกุศลร่วม
กันให้คุณพ่อมีความสุขนะคะ…” เสียงหวานๆ และการพูดจาที่เป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้วของคุณกานดา ทำให้ผมรับฟังอย่างเพลิดเพลิน จนขานรับตอบตกลงไปตอนไหนแทบไม่รู้สึกตัว
“คุณกานดา..เอ้อ..” ผมตั้งใจจะถามว่าเธอทำงานการอะไรกันแน่ถึงยุ่งจนไม่มีเวลาให้กับบุพการีบ้าง แต่ก็ชงักไม่กล้าพูดให้จบ ด้วยเกรงว่าจะเป็นการไม่ควร จนคุณกานดาจ้องมองเหมือนกำลังรับฟัง แต่เห้นผมอ้ำอึ้งเธอจึงบอก
“อยากถามอะไรดาหรือคะ..ถามได้เลยค่ะ ไม่ต้องเกรงใจ…”
เมื่อคุณกานดาเอ่ยปากอนุญาตเช่นนี้ ผมก็เลยกล้าถาม และรู้ความจริงว่าเธอเรียนจบด้านดีไซด์เนอร์มาจากฝรั่งเศษ แล้วเปิดสตูดิโอห้องเสื้อบนห้างดังห้างหนึ่งย่านศูนย์การค้าในกรุงเทพ จากห้องเสื้อสไตล์เรียบหรู ก็ค่อยๆพัฒนาจนกลายเป็นไปเป็นเวดดิ้งสตูดิโอ
จนมีชื่อเสียง มีลูกค้ามากมาย แม้จะมีลูกน้องหลายสิบคน แต่คุณดาเป็นคนละเอียด เอาใจใส่ลูกค้าทุกคน จึงต้องคอยควบคุมดูแล
รายละเอียดทุกด้าน จนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน
“ฟังที่คุณกานดาเล่าแล้ว ผมเหนือยแทนเลยครับ….” ผมร้องบอกด้วยความเข้าใจ หลังจากฟังเรื่องของคุณดาจบ
“ทำไงได้ล่ะคะ..นิสัยเจ้าระเบียบแบบนี้ ดาคงแก้ไม่ได้แล้วละค่ะ..แก่ป่านนี้แล้ว…” คุณดาตอบขำๆ ให้เป็นเรื่องชวนหัว พร้อมหัวเราะเบาๆ เสียงหวานๆ
“คุณดาแก่ที่ไหนครับ..ยัง..เอ้อ..ยังสาวอยู่เลย” ผมไม่กล้าพูดต่อว่ายังสวยอยู่เลยด้วยซ้ำ เกรงว่าคุณดาจะเข้าใจผิดว่าผมกำลังทะลึ่งลามก จีบเธออยู่
“เห้ออออ…สาวที่ไหนกันคะ..ที่จะถูกสามี……” คุณดาเผลอตัวหลุดเสียงพูดเหมือนรำพึงออกมา แต่ก็รุ้สึกตัวเสียก่อนที่จะพูดจนจบประโยค แล้วรีบเปลี่ยนเรื่องคุยกับผมทันที
“นี่ไงคะ..ชุดที่ดาออกแบบตัดเย็บเอง..ทองดีว่าสวยมั๊ย..อุ๊ย…”
เมื่อคุณดาเปลี่ยนเรื่องมาคุยถึงชุดที่เธอออกแบบด้วยตนเอง แล้วนำมาสวมใส่ เธอก็ผงกหัวลุกขึ้นมา พร้อมคลี่ชายกระโปรงบานออกอวดให้ผมดู แล้วเธอก็ตกใจจนร้องอุ๊ยหน้าแดงกล่ำ เมื่อมองเห็นว่ากระโปรงชุดสวยตัวนั้น ผ้ามันพริ้วและบาง จนแนบไปกับรูปร่าง บางส่วนยังห้อยตกไปที่หว่างขา จนอวดเนินเนื้ออูมๆขึ่นมาเต็มหว่างขา และคงไม่รู้ว่าผมมองเห็นมาตั้งนานแล้ว ผมจึงไม่พยายามมองไปอีก ได้เพียงพูดคุยและจับสายตาจ้องมองหน้าเธอเท่านั้น
“ไม่ต้องตกใจครับคุณดา..ผม…เออ..ผมไม่ได้มองจริงๆครับ…” ผมรีบพูดว่าผมไม่ได้มอง หวังให้เธอไม่ต้องเขินอายเกินไปนัก
“ไม่มองแล้วทองดีรู้ได้ยังไงว่าดาตกใจเรื่องอะไรกัน….” แม้หางเสียงไม่มีคำคะขา แต่น้ำเสียงของคุณดาที่พยายามทำให้เข้มจริงจัง
ดุๆนั้น มันก็หาได้น่าเกรงขามแม้แต่น้อย
“ผมเผอิญเห็น..แต่ไม่ได้มองจริงๆ ครับ…” แม้พยายามแก้ตัว แต่คงฟังไม่ขึ้นแน่ อนาคตไอ้ทองดีคงวูบไปเสียเป็นแน่ เมื่อเห็นคุณดา
นั่งเม้มริมฝีปากเงียบๆ ถึงแม้หน้าสวยหวานๆนั้นไม่ได้บูดบึ้ง แต่มันก็เรียบเฉยเหมือนกำลังใช้ความคิด
[post]”ดาจะเชื่อทองดีสักครั้งแล้วกัน…คราวหลังเห็นดานั่งโป๊ ทองดีต้องเตือนนะ…” คุณดาพูดเสร็จก็ผุดลุกขึ้นเดินทิ้งก้นยึกๆสะบัดจากไป ทิ้งให้ผมนั่งงุนงงกับคำสั่งสุดท้าย แล้วคิดตามว่าตัวเราจะกล้าเตือนลูกสาวเจ้านายได้อย่างไรวะ
ผมยังคงนั่งเล่นอยู่ที่สระว่ายน้ำอีกพักใหญ่ ก็ต้องสะดุ้ง ผุดลุกขึ้นยืน พร้อมชะเง้อคอมองไปทางประตูสแตนเลสบานใหญ่หน้าบ้าน
เมื่อได้ยินเสียงบีบแตรดังลั่น ขณะที่ประตูระบบเปิดปิดด้วยไฟฟ้าก็กำลังทำหน้าที่ของมันอยู่ด้วยการเปิดออกช้าๆ แต่คงไม่ทันใจผู้
เป็นเจ้าของรถสปอร์ตบีเอ็มรุ่นZ4สีขาวมุก ที่บีบแตรอีกสองสามครั้ง พอประตุเปิดออกได้กว้างพอๆ กับตัวถังรถ รถสปอร์ตหรูคันนั้น
ก็ซิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เสียงล้อยางบดพื้นคอนกรีตดังกราวใหญ่ แล้วไปจอดสงบนิ่งที่หน้าตึก ก่อนที่ประตุด้านคนขับจะเปิดออก เรียวขาขาวๆยาวๆ ก้าวฉับลงมา แล้วปิดประตูรถกลับเข้าไปดังปั๊ง.! จนได้ยินมาถึงผมที่ยืนอยู่ริมสระน้ำ มันบ่งบอกอารมณ์ของสาวขายาวๆที่เป็นเจ้าของรถ
อย่างดี
ใช่แล้วครับ สาวขาขาวๆยาวๆ ในชุดนักศึกษาผู้นั้นคือยัยเจน ลูกสาวคุณกานดา และหลานตาของลุงเสงี่ยม สาวใช้สาวที่ชื่อสาลี
เป็นผู้ที่ออกมาค้อมตัวยืนรับที่หน้าประตูทางเข้า ผมได้เสียงยัยหนูเจนแว๊ดๆใส่ ไม่รู้ว่าหล่อนไม่พอใจอะไรมา แต่สาลีก็ยืนนิ่งๆไม่หนี
ไปไหน จนหล่อนโยนกระเป๋าถือให้นั่นแหละ สาลีจึงถือมันเดินตามก้นยัยหนูเจนต้อยๆเข้าไปในตึก
ผมเห็นดังนั้นแล้ว ก็เลยทรุดตัวลงไปนั่งตามเดิม ไม่อยากเข้าในตึก เพราะคาดการณ์ว่ายัยหนูเจนคงอยู่ในห้องรับแขก และคงแว๊ดๆ
ใส่บรรดาสาวใช้ทั้งสองคนเป็นแน่ ผมไม่อยากเข้าไปเป็นส่วนเกิน หรือโดนลูกหลงจากอารมณ์ร้ายกาจของยัยคุณหนูคนนี้ จนกระทั่งผ่านไปร่วมครึ่งชั่วโมง เสียงแว๊ดๆของยัยเจนหายไป ผมจึงค่อยเดินกลับเข้ามาที่ตึก ไม่เห็นใครสักคนอยู่ในห้องรับแขก ทั้งคุณกานดาและยัยเจน คงขึนไปชั้นสองของบ้านกันหมดแล้ว ผมจึงเดินไปหาลุงเสงี่ยมในห้อง ก็พบว่าแกนั่งตัวตรงอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม ที่ถูกปรับองศาจนตรงดีแล้ว
“มะกี้เสียงแม่เจนใช่มั๊ยทองดี…” ลุงเสงี่ยมถามทันที เมื่อผมผลุบตัวเข้าไปในห้อง
“ใช่ครับ…” ผมตอบไปตามจริง
“เห้อ…ไอ้หลานคนนี้ มันโกรธมันโมโหเรื่องอะไรทองดีรู้มั๊ย..เอะอ่ะเสียงดังจนชั้นตกใจตื่น” ลุงเสงี่ยมบ่นเบาๆ ผมก็หุบปากเงียบไม่กล้าวิจารณ์ลูกหลานของแก ได้แต่บอกว่าผมก็ไม่ทราบเช่นกัน
“ทองดีไปไหนมาล่ะ..พยายามเลี่ยงๆหลานชั้นหน่อยนะ..ยิ่งโตมันยิ่งเอาแต่ใจตนเอง..นิสัยไม่เหมือนแม่ดาเลย..เห้ออออ…” ลุงเสงี่ยมยังคงบนหลานสาวให้ผมฟัง ผมได้แต่นั่งเงียบฟังเฉยๆ ไม่ได้ซักถามอันใด ปล่อยให้แกพูดออกมาเองจะดีกว่า
“นี่คงติดนิสัยเลวๆแบบนี้มาจากพ่อ…เอ่ะอ่ะพาโวย ใช้แต่กำลังตัดสินปัญหา…จนฆ่าคนตายแล้วหนีไปอยุ่ต่างประเทศ…” คราวนี้ผมยอมรับละว่ากำลังงง จับต้นสายปลายเหตุที่ลุงเสงี่ยมบ่นให้ฟังไม่เข้าใจจริงๆ จึงร้องถามออกไปด้วยเสียงเบาๆเกรงใจเป็นอย่างยิ่ง
“ลงุหมายถึงพ่อคุณเจนที่ลุงเรียกแมงกระจั๊วหรือเปล่าครับ”
“เห้ย!..ไม่ใช่..ไอแมงกระจั๊วนั่นมันพ่อเลี้ยงยัยเจน..พ่อจริงๆของมันเป็นตำรวจ ใจร้อน พลั้งมือยิงคนตายแล้วเลยหนีไปอยู่เขมร…ตั้งแต่ยัยเจนยังแบเบาะอยุ่ล่ะ… ส่วนไอ้แมงกระจั๊วนั่น เป็นพ่อเลี้ยง เพิ่งเข้ามาเป็นผัวแม่ดาได้สองสามปีนี้เอง….” คราวนี้ผมเข้าใจกระจ่างทันที ว่าทำไมคุณกานดาถึงทำท่าอายๆ เมื่อคิดว่าลุงเสงี่ยมเล่าเรื่องส่วนตัวของเธอให้ผมฟัง
“ลุงทานยาดีกว่าครับ ได้เวลาแล้ว…ทานเสร็จจะได้ทานข้าว..” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องพูด เมื่อเหลือบตามองนาฬิกาที่ข้อมือ เห็นว่ามันใกล้จะห้าโมงเย็นแล้ว จากนั้นก็ลุกเดินไปหยิบขวดยาต่างๆที่คุณวิมอบมาให้ ตอนที่พวกเราออกมาจากศูนย์ พร้อมกำชับให้ผมดูแลให้ลุงเสงี่ยมทานยาทานข้าวตรงตามเวลาที่เคยทำ จนลุงเสงี่ยมทานยาเสร็จ ผมจึงร้องถาม
“ลุงจะออกไปทานข้าวข้างนอกมั๊ยครับ หรืออยากให้ผมยกเอามาให้ทานในห้องนี้…” ลุงเสงี่ยมนังคิดชั่วครู่ก็บอกผม
“ทองดีไปเอาข้าวมาให้ลุงทานที่ห้องนี้ดีกว่า ยังไม่ได้เวลาของคนอื่นๆ ขืนไปก็คงนั่งกินข้าวคนเดียวเหมือนเดิม….” ผมฟังลุงเสงี่ยมพูดจบ ก็เดินออกไปจากห้องทันที แล้วตรงไปยังห้องครัว ถามป้าองุ่นแม่ครัวประจำบ้านว่าแกเตรียมอาหารให้ลุงเสงี่ยมแล้วหรือยัง
“เรียบร้อยแล้วค่ะคุณทองดี ป้ากะว่าจะยกเอาไปให้พอดี..คุณทองดีก็ออกมาเสียก่อน…” ป้าองุ่นพูดจายิ้มแย้มนอบน้อม พร้อมหมุนตัวเดินไปที่โต๊ะเตรียมอาหารในครัว เปิดฝาชียกถ้วยข้าวต้มเห็ดหอมผสมกับพวกธัญพืช ส่งกลิ่นหอมควันฉุยออกมาส่งให้ผม เพื่อนำกลับไปให้ลุงเสงี่ยมกินในห้องนอน