ตำนานนักรัก ตอนที่28
ในเมื่อเจ้าของเรือนร่าง ใจกล้าหน้าด้านที่จะเปลือยร่างอวดให้คนแปลกหน้ามองอย่างท้าทาย จนผมกลับต้องเป็นฝ่ายอายแทน
รีบสบัดหน้าเดินกลับเข้าไปในครัว โดยมีเสียงหัวเราะคิกๆ ชอบใจไล่ตามหลัง
“น้องอรเรียกคุณทองดีไปคุยเรื่องอะไรหรือครับ…” พี่ชิตรีบสอบถามในขณะที่ผมกำลังยกกาแฟที่ชงค้างอยู่ขึ้นจิบ จะถามด้วย
ความอยากรู้ หรือด้วยความหึงหวง ผมก็ไม่ทราบ
“อ้อ..เธอขอร้องไม่ให้ผมเอาเรื่องที่เห็นไปปากโป้งบอกคนอื่นน่ะครับ..แต่พี่ชิตไม่ต้องกังวลนะครับ..ผมไม่บอกแน่..”
ผมรีบบอกให้พี่ชิตรู้ เพราะมันไม่จำเป็นต้องปากโป้งแม้สักนิด ไม่ใช่เพราะอยากได้อะไรตอบแทนจากยัยเด็กอรนั่นเลย แต่ที่ไม่
จำเป็นต้องเอาไปพูดเพราะ คนอื่นๆในบ้านคงรับรู้หมดแล้ว ยกเว้นก็แค่ลุงเสงี่ยมเพียงคน
เดียว
“ขอบใจ..นะครับคุณทองดี…”
พี่ชิตรีบกล่าวขอบใจผม สีหน้าค่อยดีขึ้น แล้วลงมือทำอาหารเช้าต่อไปอย่างอารมณ์ดี จนผมอดสงสัยไม่ได้ว่า ยัยอรมี
ทีเด็ดขนาดไหนที่ทำให้แก มีความสุขขนาดนี้
“พี่ชิต..ผมถามหน่อยสิครับ..เด็กอรนั่นเป็นไงครับ..ฮ่าๆๆ”
“เอ้อ…พูดไปแล้วมันจะเหมือนนินทาเธอนะครับ…บอกได้เพียงแค่..เธอใจกล้า และเร่าร้อน..จริงๆครับ…”
พี่ชิตตอบยิ้มๆ อายๆ ผมก็ไม่อยากซักถามรายละเอียดให้ลึกไปกว่านี้ เลยเดินเลี่ยงออกมาจากห้องครัว ไปนั่งจิบกาแฟตามลำพัง
ที่ชานเรือน แล้วความกังวลเรื่องของคุณดากับตัวผม มันก็จู่โจมเข้ามาอีกครั้ง จนคราวนี้ไม่สามารถนั่งนิ่งๆเฉยๆ ได้อีก ต้องรีบ
ยกถ้วยกาแฟกระดกดื่มจนหมด แล้วเดินกลับไปคุยกับลุงเสงี่ยมในห้องนอน
“อ่ะ..ลุงตื่นแล้วหรือครับ..” ผมเปิดประตูห้องนอนเข้าไป ก็เห็นว่าลุงเสงี่ยมแกลุกขึ้นมานั่งเอนตัวหัวพิงพนักหัวเตียง
อยู่ก่อนแล้ว
“อืมม..ตื่นได้สักพักแล้วละ…”
ลุงเสงี่ยมแกตอบเสียงเรียบๆ ผมเลยรีบเข้าไปพยุงแกลงมาจากเตียง แล้วพาแกเดินออกไปจัดการธุระส่วนตัว ล้างหน้าแปรงฟัน
ในห้องน้ำ จนแล้วเสร็จ ทำท่าจะพาแกกลับเข้าห้อง แต่ลุงเสงี่ยมกลับบอกให้ผมพาลงไปเดินเล่นกันที่ข้าง
ล่าง เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าเสียก่อน
“เป็นอะไรวะทองดี..เช้านี้ทำหน้าตาไม่สบายใจเลย…” ลุงเสงี่ยมถามเสียงเรียบๆขึ้นมา หลังจากที่ผมพาแกเดินออกกำลัง ยังไม่
ทันครบรอบบ้าน
“เอ้อ…” ผมอึกอัก ยังไม่ทันตอบ ลุงเสงี่ยมก็ชิงพูดแทรกขึ้นมาก่อน
“อึดอัดที่ไอ้เจน มาเพื่อนๆมาเที่ยวรึ…”
“เปล่าหรอกครับ..ผม..เอ้อ..” ผมรีบปฏิเสธเรื่องที่ลุงแกคาดเดา แล้วอ้ำอึ้ง
“งั้นก็คงกังวลเรื่องที่เอ็งกับแม่ดามีอะไรกันแล้วไอ้เจนมันรู้…หึๆๆๆ” คราวนี้แกคาดเดาได้ถูกต้อง พร้อมหัวเราะเบาๆส่งท้าย จน
ทำให้ผมอึ้ง ต้องตอบรับไปด้วยเสียงเบาๆ
“ลุงเดาถูกได้ยังไงครับ…”ผมถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่ยังหวาดวิตก แต่ลุงเสงี่ยมแกกลับหัวเราะฮ่าๆๆเสียงดังก่อนจะเฉลยให้ฟัง
“ลุงไม่ได้เดาโว๊ย!…ก็เอ็งทำเสียงดังขนาดนั้น..ใครจะไปนอนหลับลงวะ..ฮ่าๆๆๆ..”
ลุงเสงี่ยมแกพูดกลั้วเสียงหัวเราะขำๆ จนผมทั้งอายทั้งวิตก แต่ดูเหมือนลุงเสงี่ยมแกจะไม่ได้รู้สึกยังงั้นเลย ทั้งๆที่แกกำชับผมไว้
ก่อนแล้วว่าให้ระวังตัว อย่าเพิ่งให้คุณเจนรุ้เรื่องนี้
“แม่ดานี่น๊า..ยิ่งสูงวัย..ยิ่งไม่รู้จักระวังตัวเลย…ช่างเหมือนกับแม่หนูยิ้มไม่มีผิด..เฮ้ออออ…” ลุงเสงี่ยมแกรำพึงเบาๆ ขาก็ยังขยับ
ก้าวเดินออกกำลังไปช้าๆ เหมือนกำลังใช้ความคิด จนผมได้แต่เดินตาม แล้วอดใจรอให้ลุงแกพูดออกมา
“ในเมื่อไอ้เจนมันรู้แล้ว..เอ็งก็คอยเตรียมตัวตั้งรับอารมณ์โกรธของมันแล้วกัน..แต่ไม่ต้องกลัวหรอกว่าแม่ดาจะเลิกจะทิ้งเอ็ง…ลุง
รู้ใจมันดี ลองว่ารักแล้ว มันไม่เลิกรักเอ็งง่ายๆหรอก…”
คำพูดปลอบใจของลุงเสงี่ยมทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น เลิกวิตกกังวล ไม่ว่าจะต้องรองรับอารมณ์โกรธเกลียดจากคุณเจนแค่ไหน ผมก็
ต้องอดทนให้ได้ ในเมื่อคุณดายังคงรักผมอยู่
ผมไม่ต้องรอนานเลย พายุอารมณ์โกรธเกลียดของคุณเจนก็ระเบิดออกมา หลังจากที่ผมพาลุงเสงี่ยมกลับขึ้นมาบนเรือน มองเห็น
คุณเจนยืนรอหน้าตาบูดบึ้งอยุ่ใกล้ๆ โต๊ะทานข้าว โดยที่คุณดาพยายามพูดคุยอ้อนวอนกับเธอ ทันทีที่คุณเจนเห็นผมพาลุงเสงี่ยม
ขึ้นมาบนเรือน เธอก็เดินลงส้นเท้าตึงๆก้าวเข้ามายืนประจัญหน้า สายตาจับจ้องมองหน้า
ผมอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
“ชั้นละขยะแขยงแกยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกืออีกรู้มั๊ยไอ้ทองดี…แกจะตีสองหน้าทำเป็นคนซื่อให้คุณตาเห็นยังไง ชั้นก็ไม่มีวันเชื่อน้ำ
หน้าคนอย่างแก คนอย่างแกคงหวังปลอกลอกทรัพย์สินเงินทองของตาชั้นแน่นอน ไม่ต้องมาสวมหน้ากากทำเป็นคนซื่ออีกต่อไป
มีแต่แม่ชั้นเท่านั้นแหละที่ตาบอดเห็นว่าแกเป็นคนดี คนซื่อ…ไอ้คนคด คอยดูนะ วันหนึ่งชั้นจะเป็นคนกระชากหน้ากากแกออกมา
ด้วยมือของชั้น…”
ผมยืนนิ่งๆให้คุณเจนด่า โดยไม่พยายามมองหน้าหล่อน กลับมองข้ามไหล่เล็กๆของเธอไปยังคุณดา ที่หน้าเสีย แล้วทำท่าจะขยับ
เข้ามาขวางกั้นกลาง ผมเลยยกมือห้ามเธอไว้ ปล่อยให้คุณเจนระบายอารมณ์โกรธเกลียดออกมาให้หมด ดีกว่าที่จะทำให้เธออัดอั้น
เพราะถูกผู้เป็นแม่ขัดขวาง เพราะมันจะไม่มีทางออกไปไหน นอกจากวิ่งวนเวียนอยู่ในหัวของเธอเท่านั้น
“แกอย่าคิดนะว่าการที่แกหลอกแม่ชั้นได้ จะทำให้ชั้นเห็นว่าแกดี นิยมชมชอบแกไปด้วย แล้วจะมาทำลามกจกเปรต
ระยำตำบอน เหมือนผัวคนที่แล้วของแม่ชั้น.ไม่มีวันนั้นแน่..ฉนั้นนับจากวันนี้ต่อไป…หวังว่าแกจะอยู่ห่างๆชั้น ไม่ต้อง
มาเสนอหน้าให้ชั้นเห็นหน้าตาทุเรศๆของแกอีก…”
คุณเจนเธอปล่อยอารมณ์โกรธด่าผมออกมาเป็นชุด จนเริ่มเหนือยหอบหายใจเสียงดังฟืดๆ แล้วหันกลับไปมองรอบๆตัว พอเห็น
ว่าเพื่อนสาวที่ตกใจได้ยินเสียงเอะอะโวยวายร้องด่าทอ จึงเยี่ยมหน้าเข้ามามอง
“ไอ้อร..ไปกับชั้น..ชั้นไม่อยากกินข้าวร่วมวงกับไอ้ตัวเงินตัวทองคนนี้..เจจะไปกับเจนด้วยมั๊ย…”
คุณเจนหันไปร้องเรียกเพื่อนๆ ซึ่งทั้งสองคนต่างทำหน้าแตกตื่นตกใจ จึงรีบวิ่งตามตัวเธอไปยังรถสปอร์ต แล้วขับออกไปจาก
บ้านอย่างรีบร้อน ผมก็ถอนหายใจออกมาดังเฮือกใหญ่ เมื่อคุณดาเดินเข้ามาหา
“ทองดี..ดาขอโทษ..อย่าโกรธลูกเจนเลยนะ..”
เสียงคุณดาสั่นเครือ จนแทบจะน้ำตาร่วง ผมเลยส่งยิ้มไปปลอบใจ แล้วโอบมือดึงไหล่เธอเข้ามาประชิด เขย่าเบาๆปลอบใจ ทั้งๆ
ที่ใจของตนเองกลับร้อนลุ่มเหมือนดั่งมีกองไฟกองใหญ่เข้าไปแผดเผาอยู่ข้างใน
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณดา…ผมสมควรให้คุณเจนระแวงอยู่แล้ว…”
ผมตอบเสียงเรียบๆ แล้วปล่อยมือออกจากหัวไหล่คุณดา หันไปมองหาลุงเสงี่ยมที่เห็นแกเดินหลังงอคุ้มไปนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร
ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้เลย ผมจึงพาคุณดาเดินเข้าไปหา
“อดทนไว้นะลูก..ลุงไม่คิดเลยว่าไอ้เจนมันจะโกรธ..และใช้อารมณ์รุนแรงขนาดนี้…” ลูงเสงี่ยมพูดเสียงล้าๆ พร้อมยื่นมือที่มีหนัง
เหี่ยวย่น เข้ามาลูบแขนผมปลอบประโลม
“ไม่เป็นไรครับลุง..เพราะสิ่งที่คุณเจนพูดออกมานั้น ผมไม่เคยคิดจะทำมันเลยจริงๆ… ”
ผมพูดเบาๆเสียงเรียบๆ เหมือนไม่ได้อนาทรร้อนใจ ให้แกเบาใจไม่ต้องเป็นทุกข์กับเรื่องที่เกิดขึ้น จากนั้นพวกเราทั้งสามคนต่าง
ก็นิ่งอึ้งกันไปพักใหญ่ จนได้ยินเสียงพี่ชิตพูดทำลายความเงียบขึ้นมา
“อย่าคิดมาเลยครับคุณท่าน กับน้องดา สักพักรอคุณเจนอารมณ์เย็นลงก็คงหายโกรธ..พวกเรามาทานข้าวเช้าพร้อมกันดีกว่า
ครับ…” พี่ชิตพูดจบก็เดินเข้าครัวเตรียมไปยกสำรับอาหารเช้าออกมาให้
“ก็ดีเหมือนกันนะคะคุณพ่อ..ดาจะได้หายอึดอัด..ลูกเจนเธอรู้เรื่องไปแล้วแบบนี้..พอเรากลับกรุงเทพกันดาจะได้บอกทุกคนใน
บ้านให้ทราบว่าทองดีกับดาเป็นอะไรกัน…” คุณดาพูดเสียงเรียบๆขึ้นมา ดูสีหน้าแล้วเธอคงสบายใจขึ้น จึงเอื้อมมือมาจับมือผม
บีบเบาๆ
“อืมมมมม..ก็ดีเหมือนกัน..พ่ออยากรู้นักว่าไอ้เจนมันจะแผลงฤทธิ์เดชได้อีกแค่ไหน…ว่าแต่เอ็งแหละ…อดทนเข้าไว้นะลูก…” ผม
ก็มัวแต่วิตกกังวล จนไม่ได้สังเกตุเลยว่า ลุงเสงี่ยมแกเรียกผมว่าลูกมาแล้วถึงสองครั้ง จึงตอบออกไป
“ครับลุง…” ลุงเสงี่ยมแกได้ยินถึงกับหัวเราะฮาๆๆ
“เอ็งยังจะเรียกพ่อว่าลุง..อีกหรือวะไอ้ทองดี..ฮ่าๆๆๆ…”
คราวนี้ผมได้ยินชัดเต็มสองหู ถึงกับหน้าเหวอ พูดอะไรไม่ออก จนคุณดาต้องเอียงปากเข้ามากระซิบบอกยิ้มๆ ให้ผมเรียกลุงเสงี่ยม
ใหม่ ว่าพ่อ..ได้แล้ว
“ครับพ่อ…ผมจะอดทน พิสูจน์ตัวเองให้คุณเจนเห็นว่า สิ่งที่เธอคิดและพูดนั้นผิดหมด…”
พอผมพูดจบ พ่อตาผมก็หัวเราะอย่างชอบใจ เสียงหัวเราะยาวนาน จนกระทั่งพี่ชิตยกสำรับอาหารเข้ามาจัดวางบนโต๊ะ แล้วพลอย
หัวเราะตามไปด้วย ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าพวกเราคุยเรื่องอะไรกันอยู่
เมื่อลุงเสงี่ยมพ่อตาผมทานข้าวเสร็จ ก็ได้เวลาพักผ่อนของแก ผมกับคุณดาเลยช่วยกันพาแกเข้าไปพักในห้อง แล้วอยู่นั่งคุยกับ
แกจนเห็นว่าแกเงียบไปไม่พูดไม่ตอบ ผมจึงลุกขึ้นไปยืนมอง ก็เห็นว่าลุงเสงี่ยมแกนอนหลับไปแล้ว ผมเลยพาคุณดาออกมา
จากห้อง
“ทองดีต้องช่วยดานะคะ…” จู่ๆคุณดาก็เปลี่ยนเรื่องคุย จนผมตามไม่ทันว่าเธออยากให้ผมช่วยเหลือเรื่องอะไร จึงย้อนถามออกไป
ให้แน่ใจเสียก่อน
“เรื่องลูกเจนน่ะค่ะ..ทองดีต้องช่วยดาดัดนิสัยเธอให้ได้นะคะ..ความจริงแล้ว ลูกเจนไม่ใช่เด็กร้ายกาจเลยสักนิด คงเป็นความผิด
ของดาเองแหละ ที่ทำให้ลูกเป็นแบบนี้…”
น้ำเสียงคุณดาดูเศร้าสร้อย เมื่อเธอโทษตนเองว่าเป็นคนทำให้ลูกสาวนิสัยเสียแบบนี้ ซึ่งผมลองนึกดูมันก็น่าจะเป็นความจริง
เด็กสาวคงมีปมความคิด สะสมมาตั้งแต่ยังเป็นวัยเด็ก ที่เห็นคุณตาของตนเอง ทำอะไรกับผู้เป็นแม่ เธอคงแยกไม่ออกหรอกว่า
ที่คุณตาทำแบบนั้นลงไป ก็เพื่อช่วยเหลือแม่ของเธอ หาใช่เป็นการทำร้ายแม้แต่นิด ครั้นพอโตเป็นสาวก็ยังถูกพ่อเลี้ยงลวนลาม
ซ้ำสอง เป็นใครๆก็คงหัวใจช้ำชอกพอดู มิหนำซ้ำยังมารู้ว่าแม่ตนเองมีอะไรกับผมอีก
ผมจึงไม่ประหลาดใจเลยแม้สักนิด ที่คุณเจนจะมองผมในด้านลบ เพราะทั้งฐานะ ทั้งหน้าตา มันไม่ได้มีคุณสมบัติดีเด่อะไรเลย
แม้สักนิดที่จะทำให้ผู้เป็นแม่มาสนใจ นอกเสียจากว่าผมจะเป็นคนกะล่อน เป็นผุ้ชายลวงโลกที่หวังเอาความหนุ่มเข้ามาปอกลอก
แม่ของเธอ ผมนิ่งอึ้งคิดไปนาน จนคุณดาต้องถามซ้ำ
“ครับ..ผมจะพยายามช่วยดัดนิสัยให้คุณเจนครับ…”
[post]ผมรีบรับปากออกไป ทั้งๆที่ยังไม่มีความคิด หรือแผนการณ์อันใดเลยที่จะช่วยคุณเจนปลดปมในใจของเธอ เพราะแค่เจอหน้ากัน
ผมยังมั่นใจได้เลยว่า คุณเจนคงไม่มองหน้า ไม่เข้าใกล้ผมอย่างแน่นอน