ศึกหมอผี ตอนที่ ๑๗

ศึกหมอผี ตอนที่ ๑๗

ศึกหมอผี ตอนที่ ๑๗

EVP

หมอผีปะทะพรีเดเตอร์

เมื่อตกลงกันได้แล้ว ผู้รอดชีวิตทั้งสี่ก็หาทำเลที่เหมาะสมเพื่อวางกับดักจัดการเจ้านักล่าจากจักรวาลอันไกลโพ้น

พื้นที่ราบแห่งหนึ่งถูกเลือกเพราะเป็นชัยภูมิที่สูงๆต่ำๆ พวกเขาต่างลงความเห็นพ้องกันว่าหากหลอกล่อพวกมันมาก็จะลำบากแก่การติดตาม และจะหลงเดินเข้าสู่กับดักสารพัดที่ทำไว้ ทั้งสี่ต่างเอาอุปกรณ์และอาวุธที่มีทั้งหมดมารวมกันและดักแปลงเป็นกับดักต่างๆที่มีอานุภาพเข่นฆ่าได้ทุกสรรพสัตว์ที่มีเลือดเนื้อ ความร่วมมือแนะนำและช่วยเหลือทำให้ทั้งสี่รู้สึกอบอุ่นในน้ำมิตรแห่งความสามัคคีที่ก่อตัวในห้วงคับขันนี้

ภูมิอากาศที่อบอ้าวและปราศจากสายลมบีบคั่นหยาดเหงื่อของเขาทั้งสี่ออกมาจน ชุ่มโชก ใบหน้าขาวผ่องของผู้หมวดสาวก็แดงกล่ำเพราะความเหน็ดเหนื่อยอย่างที่สุด แต่เธอก็มิได้ปริปากกล่าววาจาอันใดออกมาเลย เผยให้เห็นความทรหดอดทนและความเด็ด
เดี่ยวอย่างชัดเจน จนกระทั่งกับดักทุกอย่างสำเร็จลุล่วงดั่งตั้งใจ

ทุกคนมานั่งเอนหลังพิงก้อนหินพักหลังเสร็จสิ้นการทำกับดักไว้รอเล่นงานเจ้านักล่าจากอวกาศ

ไฟกองเล็กๆถูกจุดและล้อมด้วยก้อนหินกันความร้อนกระจายออก และพยายามไม่ให้เกิดแสงและควันเป็นจุดให้เจ้าพวกนักล่าจับได้ กาแฟและอาหารแห้งที่พอกินได้ถูกนำมาแจกจ่ายให้กินประทังความหิวและชดเชยพลังงานที่สูญเสียไป อากาศยังคงอบอ้าว ผ้าชุบน้ำถูกนำมาลูบตัวรักษาอุณหภูมิในตัว

โจนาธานปาดเหงื่อที่ใบหน้าบากของตนแล้วว่า “นี่คือสุดยอดกับดัก ตอนที่ข้าอยู่กองพัน เด๊ธ มูน ยังไม่เคยทำถึงขนาดนี้มาก่อนเลยนะ รู้ป่ะ”

“ว่าแต่ข้าสงสัยว่ะ กองพัน เด๊ธมูน ตายยกกลุ่มแล้วเอ็งรอดมาได้อย่างไง?” ชายผิวดำเอ่ยถาม

โจนาธานทำท่าอึกอัก “เอ็งจะอยากรู้ไปทำไม รอดมาได้ก็คือรอดมาได้ก็แล้วกัน…”

“ที่รอดมาได้เพราะ….เขาไปผ่าไส้ติ่งในวันที่กองพัน เด๊ธ มูน ถูกถล่มน่ะสิ…” ผู้หมวดสาวเฉลยให้พร้อมรอยยิ้ม

ชายผิวดำหัวเราะขำๆ “อ๋อ….เพราะอย่างนี้นี่เอง ข้านึกว่าแกลุยถั่วรอดมาได้คนเดียว…”

“เออ…ถ้ารอดไปคราวนี้ ข้าจะตั้งกองพันนี้ขึ้นมาใหม่ เอ็งสนใจเข้าร่วมไหม?” โจนาธานถาม

“ขอคิดดูก่อนนะ…..” ชายผิวดำว่า “ถ้าหากรอดน่ะ….”

โจนาธานเอ่ยต่ออย่างสงสัย “เอ็งว่าไอ้เอเลี่ยนนักล่าพวกนั้นมันสามารถยึดครองโลกของเราได้ไหมวะ?”

“ดูจากอาวุธและเทคโนโลยี่ของพวกมันแล้ว ข้าว่าน่าจะยึดได้สบายๆเลยนะ”

“แล้วทำไมมันไม่ทำวะ มันทำไมถึงมาแอบล่าแอบฆ่าพวกเราอย่างนี้…” โจนาธาน

“ก็อย่างที่ไอ้หมอผีมันบอก มันเห็นเราเป็นสัตว์ที่มีไว้ล่าละมั้ง…” ชายผิวดำ

“แล้วเอ็งสงสัยบ้างไหม ว่าพวกมันทำงานหรือทำมาหากินอะไรกัน ถึงได้มีเงินมาชื้อยานอวกาศแล้วบินมาล่าคนเล่นอย่างนี้”

“อยู่ดาวของมันข้าว่ามันก็คงทำงานเป็นพนักงานออฟฟิต ขายก๋วยเตี๋ยว หรือไม่ก็ขายโอเลี้ยงนั่นแหล่ะ พอเก็บเงินได้หน้าร้อนก็เช่ายานอวกาศบินไปพักร้อนหรือไม่ก็มาร่วมทริปล่ามนุษย์อย่างไอ้ทริปนี้ไง…”

“มึงคิดคำตอบมาได้อย่าไงวะนี่ สุดยอดเลย ความลับของจักรวาลแท้ๆ”

ผู้หมวดสาวนั่งฟังทั้งสองคุยกันไปเรื่อยๆ แล้วหันไปมองหาหมอผีหนุ่ม เธอเห็นเขายืนหันหลังอยู่อีกด้าน

เขาจ้องมองไปที่ป่าโล่งๆเบื้องหน้าอยู่ลำพัง บริเวณนั้นเป็นเนินสูงพอที่จะมองเห็นภูมิประเทศเบื้องล่างซึ่งเป็นทุ่งโล่งได้อย่างชัดเจน เธอหยิบกาต้มน้ำมาเทใส่แก้วแล้วเดินเข้าไปหา หมอผีหนุ่มหันมามองเมื่อเธอเดินเข้าใกล้ เธอส่งแก้วให้เขารับไปดื่มแล้วยิ้มบางๆ บนท้องฟ้ามืดสนิทราวสีหมึกไร้แสงเดือนและแสงดาวอย่างที่ควรจะเป็น

ผู้หมวดสาวมองไปทิศทางเดียวกัน เธอเอ่ยขึ้น “ฉันไม่ชอบท้องฟ้าเวลาที่ไม่มีดาวเลย มองแล้วมันรู้สึกมืดมนหดหู่อย่างไงไม่รู้…”

“มันกำลังเตรียมตัว แล้วมันจะออกตามล่าพวกเรา มันสูญเสียพรรคพวก มันกำลังโกรธแค้น..” หมอผีหนุ่มตอบไปอีกเรื่อง

“แต่พวกเราก็สูญเสียไม่ต่างกับพวกมัน และเราก็กำลังรอให้พวกมันมาหาเพื่อจัดการ และพวกมันจะได้รับรู้ว่า มนุษย์ไม่ใช่สัตว์ที่มันจะมาล่าง่ายๆ” หญิงสาวพยายามคุยเรื่องเดียวกับเขา

“มันน่าเจ็บใจจริงๆ ตั้งแต่เป็นหมอผีออกปราบภูตผีต่างๆมา ไม่เคยถูกไล่ต้อนจนเสียเชิงขนาดนี้ ถ้าผมสามารถใช้วิชาความรู้ได้อย่างเต็มที่ พวกเราคงไม่ล้มตายกันขนาดนี้” หนุ่มหมอผีเอ่ยเสียงรันทดและสำนึกผิด

“มันไม่ใช่ผี ไม่ใช่คน เป็นมนุษย์ต่างดาวนะ คุณทำดีที่สุดแล้ว”ผู้หมวดสาวพยายามปลอบใจ

“ตอนผมเรียนวิชาหมอผี มีวิชาเดียวที่ผมไม่ขอเรียน” หมอผีหนุ่มบอกคู่สนทนา

ผู้หมวดสาวขมวดคิ้วมองแล้วถามกลับ “วิชาอะไรหรอ?”

“วิชาทำนายอนาคต…”

“ทำไมหล่ะ?”

“ผมไม่อยากรู้อนาคต เพราะ……”

“เพราะอะไร?”

“เพราะผมกลัวรับไม่ได้กับสิ่งที่จะเกิด…”

“คุณกลัวอนาคต?”

“…..!!!…….”

ผู้หมวดสาวหัวเราะขำๆ “มาสเตอร์สิน จะช้าจะเร็วอนาคตก็ต้องมาหาเรา จะหวาดกลัวทำไม สู้ทำใจยอมรับอนาคตดีกว่า”

“…………”

ผู้หมวดสาวมองหน้าหมอผีหนุ่มที่ยังเงียบอยู่ เธอว่า “น่าเสียดายนะ ที่คุณไม่เรียนวิชานั้นมา ถ้าคุณเรียนมาดิฉันอาจขอให้คุณช่วยทำนายว่าพวกเราจะรอดกลับไปไหม?”

“แล้วถ้าผมทำนายว่าพวกเราต้องตายกันหมดหล่ะ?” หมอผีหนุ่มเอ่ยบอกมา ทำเอาผู้หมวดสาวนิ่งไป

“ก็ต้องทำใจยอมรับชะตากรรม เหมือนที่คุณเคยบอก ถ้าไม่ถึงที่ตายก็ไม่วายชีวาวาส ใครพิฆาตเข่นฆ่าไม่อาสัญ ถ้าถึงที่ตายก็ต้องวายชีวัน แต่ตอนนี้เรายังหายใจอยู่นี่ จะไปสนทำไมเรามาต่อสู้รักษาลมหายใจไว้ให้นานที่สุดดีกว่า”

ฟังคำตอบของผู้หมวดสาวหมอผีหนุ่มจึงมีรอยยิ้มจางๆและสายตามีแววความหวังขึ้น

“จริงของคุณ….”

ทั้งสองเดินกลับมาร่วมวงสนทนารอบกองไฟอีกครั้ง

ขณะนั้น โจนาธานและชายผิวดำกำลังคุยกันอย่างสนุก ทั้งสองชะงักแต่ก็เอ่ยชวนให้นั่งร่วมวง

โจนาธานเอ่ยถามขึ้น “เอ็งนึกอย่างไงถึงเป็นหมอผีวะ?”

“แล้วเอ็งล่ะ นึกอย่างไงถึงเป็นทหารรับจ้าง?” เขาถามกลับ

“เงินมันดี ถึงเสี่ยงแต่ก็คุ้ม งานง่ายๆรับจ้างฆ่าคนแล้วก็รับเงิน” โจนาธานตอบมา แล้วถามสิ่งชายผิวดำ “แล้วเอ็งหล่ะดร๊อบบา ทำไมเอ็งมาเป็นทหารรับจ้างวะ ท่าทางมีเมตตาอย่างนี้”

“ก็ข้ามีพื้นเพไม่ใช่ฆาตกรมาแต่กำเนิด และข้าไม่ใช่ตัวประกอบของหนังสงครามฮอลีวู้ดที่ต้องแสดงบทบาทเหี้ยมเกรียม เข่นฆ่าได้แม้กระทั่งผู้หญิงและเด็กๆที่น่ารักและน่าสงสาร ข้าเป็นมนุษย์ ที่มีเลือดเนื้อและความรู้สึกเหมือนกับปุถุชนธรรมดา ฆ่าคนที่สมควรฆ่าและช่วยคนที่สมควรช่วย ในสงครามที่ข้าผ่านๆแทบจะไม่ได้ฆ่าใคร บางครั้งข้ายิงพวกเดียวกันด้วยซ้ำ หากมันรังแกชาวบ้านตาดำๆ สำหรับข้า…เกียรติยศและความภูมิใจของชายชาตินักรบ มันจะเทิดทูนกันก็ตรงข้อนี้แหล่ะ…”

“เอ็งนี่..พูดจาเข้าใจยากจริงๆว่ะ ปรัชญาเยอะเหลือเกิน” โจนาธานส่ายหน้าและหันมาถามหนุ่มจอมคาถา “ แล้วเอ็งหล่ะ ลองตอบหน่อยสิ ว่าทำไมถึงมาเป็นหมอผีวะ?..หน้าตาท่าทางของเอ็งไม่ให้เลย…”

“มันเป็นหน้าที่สืบทอดกันมาในตระกูลของข้า ไสยขาวสายข้าสืบทอดกันมากว่าสองพันห้าร้อยปี มนตร์สายข้ามีไว้เพื่อป้องกันตัวและเพื่อช่วยเหลือชีวิตคน ช่วยเหลือคนไม่ให้ถูกฆ่า…”

โจนาธานฟังแล้วไม่วายยังจะถามแบบค่อนขอด “ถึงเอ็งจะพูดแบบคนดีมีคุณธรรมอย่างนั้นก็เถอะนะ แต่บอกตรงๆ ตั้งแต่ร่วมทางกันมาเนี่ย ข้ายังไม่เห็นเอ็งช่วยชีวิตใครได้สักคน เจอกับไอ้ตัวประหลาดทีไร พวกเราก็ตายเอาๆ”

“ข้าก็พยายามแล้วนะ แต่ว่าศัตรูคราวนี้มันเหนือความคาดหมาย ใครจะไปคิดละ ว่ามันเป็นเอเลี่ยนนักล่า”

“ต่างคนต่างที่มา ต่างความคิดและต่างอุดมการณ์ และเลือกจะมีชีวิตของตัวเอง อย่าคิดเรื่องที่จะจุดชนวนบาดหมางเลย มารอจัดการไอ้ตัวประหลาดที่จะมาฆ่าเราดีกว่า..” ผู้หมวดสาวบอกทุกคน

ฟังแล้วรอยยิ้มด้วยมิตรไมตรีในยามคับขันจึงปรากฏรอบวงสนทนาอีกครั้ง

กองไฟยังลุกโชนอยู่อย่างนั้นมองดูบรรยากาศรอบๆอีกไม่นานก็สว่าง และแล้วความเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าก็เข้าครอบงำทุกคน ร่างกายต้องการพักผ่อน แต่ถึงแม้จะง่วงสักเพียงใด แต่ก็ไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ เพราะไอ้พวกต่างดาวที่เหลือมันอาจมาเล่นงานได้อีกทุกเมื่อ เสียงน้ำค้างล่วงหล่นจากใบไม่สูงลงสู่ผืนดิน เปรียบเสมือนเสียงที่เตือนสติของเพวกเขาอยู่ตลอดเวลา…

“ผมว่าคุณคิตตี้พักผ่อนบ้างเถอะนะ เดี๋ยวผมจะอยู่ยามเอง…”หนุ่มจอมคาถาเสนอ เมื่อเห้นผู้หมวดสาวปิดปากหาวตาแดง ท่าทางร่างกายจะถึงที่สุด

“แต่ว่า….” เธอมองหน้าทุกคนแล้วรู้สึกเกรงใจ

“นอนเถอะครับ เดี๋ยวไอ้เอเลี่ยนเวรตะไลนั่นมา เราจะปลุกให้ตื่นมาฟัดกับมันเอง”

“อื่อ….” ผู้หมวดสาวพยักหน้า และขยับไปหานอนใกล้ๆ เพราะความอ่อนเพลียทำให้เธอหลับไปอย่างง่ายดาย

“พวกเอ็งจะนอนบ้างก็ได้ ข้าจะอยู่ยามเอง”โจนาธานอาสา “แล้วเดี่ยวข้าจะปลุกให้ตื่นมาแทนข้า”

“อื่อๆๆขอบใจ” หนุ่มจอมคาถาและชายผิวดำเห็นด้วย เพราะร่างกายก็ล้าเช่นกัน

หนุ่มจอมคาถาขยับหาที่นอนและเงี่ยหูคอยฟังเสียงผิดปรกติ แว่วเสียงน้ำค้างหยดแล้วหยด เล่าที่ร่วงหล่น…และเป็นเวลาเท่าไรก็ไม่แน่ชัด…เมื่อโสตประสาทของเขา สดับได้ถึงเสียงการย่ำเท้าเดินแบบแปลกๆ ใกล้เข้ามา…ใกล้เข้ามา เป็นเสียงเดินที่จงใจให้ได้ยิน หนุ่มจอมคาถาขยับลุกขึ้นมองไปในทิศทางนั้น ประสาททุกส่วนตื่นตัวขึ้นมาทันทีเมื่อรังสีเข่นฆ่าถูกแผ่ส่งกระแสมาตามสายลม โจนาธานที่เผลอนั่งสัปหงกมองท่าทีของเขาอย่างแปลกใจ ชายผิวดำเองก็ผุดร่างขึ้นนั่งสบตา

“มันมาแล้ว………” เสียงแผ่วๆของชายผิวดำเอ่ยบอก

“มันอยู่ไหน?” โจนาธานขยับเตรียมปืนพร้อมรบ และพยายามสอดส่ายสายตามองออกไปที่พื้นเบื้องนอก

บนพื้นที่วางกับดักยังไม่มีสิ่งผิดปกติเคลื่อนไหว ทุกคนจ้องมองอย่างระทึกใจ

กึก…กึก…กึก…กึก…
กร๊อก….กร๊อก…กร๊อก…กรอกๆๆๆๆ

เสียงคำรามเบาๆอันเป็นเอกลักษณ์ของพวกมันทุกคนจำได้ดี

“พวกมันมาแล้วหรือคะ” เสียงผู้หมวดสาวเอ่ยถามขึ้น ตอนนี้เธอตื่นขึ้นมาแล้ว

“เวลาที่เรารอคอยมาถึงแล้ว ไปจัดการมันกันเถอะ” หนุ่มจอมคาถากระซิบบอกทุกคน

ทุกคนคว้าอาวุธประจำตัวมาเตรียมพร้อม แล้ววิ่งไปลงที่หลุมสนามเพราะที่ขุดเอาไว้ ทุกสายตาจ้องไปในความมืดเบื้องหน้า ปืนทุกกระบอกประทับเล็งไปในความมืดเบื้องหน้าพร้อมลั่นไกหากเป้าหมายปรากฏ เสียงเดินสวบสาบดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ผ่านจุดต่างๆที่วางกับดักเอาไว้ ทุกคนใจจดจ่อรอกับดักต่างที่วางไว้จะทำงาน ทั้งหลุมลึกที่มีขวากแหลมด้านล่างคลุมปากหลุมด้วยหญ้า ธนูไม้ ท่อนซุง หลาว แหลน รายทางรวมทั้งกับระเบิดตามพื้น

แต่ทว่า…

กับดักที่วางเอาไว้กลับไม่มีเสียงบ่งบอกว่ามันทำงานตามที่ตั้งเป้าไว้

ยามนี้ความตึงเครียดเข้าครบงำทุกคน จนเหงื่อเม็ดโป้งๆผุดขึ้นบนใบหน้า

โจนาธานเอ่ยขึ้น “ทำไมมันเงียบวะ?”

“นั่นดิ…กับดักทำไมไม่ทำงาน?”ชายผิวดำเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย “เสียงของมันเดินผ่านจุดนั้นมาแล้วแท้ๆ”

โจนาธานส่ายหัว “ก็หมอบอยู่ตรงนี้ด้วยกัน กูจะตอบมึงได้ไหมนี่ อยากรู้ก็เดินไปดูซิ…”

“มันมีอะไรแปลกๆนะ?” ผู้หมวดสาวเอ่ยขึ้น

หมอผีหนุ่มขมวดคิ้ว เขาเริ่มสงสัย “ตอนเราเริ่มวางกับดัก รู้สึกว่าพวกมันเงียบไป ผมเองก็สงสัยแต่ไม่เอะใจ ตอนนี้ผมเพิ่งคิดได้…”

“เอ็งคิดอะไรได้วะหมอผี?” โจนาธานถามขึ้นอย่างร้อนรน

แต่ยังไม่ทันตอบ แสงไฟสีส้มก็พุ่งมาตรงที่ทุกคนหมอบอยู่

‘วี้ด…..บรึ้มมมมม……….’

เสียงยิงอาวุธของเจ้ามหากาฬต่างดาวดังขึ้น และบริเวณเนินสนามเพราะพื้นดินเกิดการระเบิดดังสนั่น ทุกคนต้องก้มหน้านอนหมอบราบกับพื้นสะเก็ดดินและสะเก็ดไฟกระเด็นมากลบร่าง พวกมันระดมยิงอยู่พักจึงหยุด ทุกคนหมอบจนควันและประกายไปจางลง เสียงเดินย่ำสวบๆใกล้เข้ามา เมื่อเดาว่าได้ระยะทั้งหมดก็ลุกขึ้นยิงใส่ไปยังต้นทางที่แสงโจมตีมา เงาวูบๆวาบๆวิ่งหลบวิถีกระสุนและยิงตอบโต้มาจากหลายทิศทาง ตอนนี้ทุกคนตระหนักแล้วว่ากับดักไร้ผลมันฝ่าเข้ามาได้ แต่ก็ต้องกัดฟันยิงตอบโต้เข้าใส่

โจนาธานยิงไปบ่นไป “ไอ้ระยำเอ้ย วางกับดักมึงเหนื่อยแทบตาย เสือกเข้ามาได้อย่างไง?”

“มันแอบดูพวกเรามาตลอด มันต้องการให้เราดิ้นรนสู้กับมันให้เต็มที่..” หมอผีหนุ่มบอกจุดประสงค์ของพวกมัน

“เพื่ออะไรวะ?”

“เพื่อความสนุกในการล่าของมันไง?”

“แล้วที่นี้เอาไงต่อล่ะ?”

“แผนบี…” ผู้หมวดสาวบอกมา

โจนาธานทำหน้างงๆ “แผน บี คืออะไรหรอ?”

“หนีไงล่ะไอ้โง่..!!!…” ชายผิวดำบอก

ฟิ้วๆๆๆ ตู๊มๆๆๆ

แต่ทั้งสี่ไม่สามารถจะหนีออกไปจากพื้นที่สนามเพราะได้ เพราะเจ้าวายร้ายจากต่างดาวระดมยิงลำแสงสีส้มใส่อย่างไม่ลืมหูลืมตา แรงระเบิดตามคันดินดังไม่ขาดระยะ แม้จะพยายามยิงตอบโต้เปิดทางก็ไม่เป็นผล

“เราหนีออกจากตรงนี้ไปไม่ได้ ต้องมีคนยิงยันพวกมันคอยคุ้มกันหลังไว้”โจนาธานเอ่ยบอก

“คนที่จะอยู่อาจจะ….” ผู้หมวดสาวพูดแล้วมองทุกคน

ชายผิวดำจึงเสนอว่า “… พวกเราเหลือแค่สี่คน เพื่อไม่ให้มีการเสียเปรียบ ผมอยากจะให้มีการเสี่ยงดวง” ชายผิวดำพูดพร้อมกับล้วงกระเป๋าเสื้อหยิบกลักไม้ขีดออกมาเทก้านไม้ขีดลงบนฝ่ามือปากก็พูดต่อไปอีก

“ใครได้ไม้สั้นอยู่” จากนั้นก็กำไม้ขีดสี่ก้านไว้ในมือ “ยุติธรรมดีมั๊ย…”

หนุ่มจอมคาถา ผู้หมวดสาว และชายหน้าบากมองดูก้านไม้ขีดในมือของชายผิวดำ คนอื่นๆสีหน้าเคร่งเครียดนอกจากหนุ่มจอมคาถาที่สีหน้าของเขาดูไม่ยินดียินร้ายเท่าใดนัก ในใจรู้สึกเกลียดชังพวกวายร้ายต่างดาวอย่างยิ่ง มันช่างเจ้าเล่ห์และหยอกล้อพวกเขาราวไม่มีทางต่อกรมัน และถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องสั่งสอนให้มันรู้ฝีมือของมนุษย์โลก เขาเอื้อมมือไปดึงก้านไม้ขีดทั้งหมดจากมือของชายผิวดำและโยนทิ้งก่อนจะพูดขึ้นมา ห้วนๆ

“ข้าจะอยู่คอยระวังหลังให้เอง เอ็งสองคนพาผู้หมวดคิตตี้หนีไป ก่อนไม่ต้องห่วงข้า ข้าหนังเหนียว”

ทั้งสามมองหน้าหนุ่มจอมคาถานิ่ง และผู้หมวดสาวเองเอื้อมมือมากุมมือของเขาไว้สบตาอย่างห่วงใย ท่าทางของเธอไม่อยากจะทิ้งเขาไป หนุ่มจอมคาถาแย่งปืนเล็กยาว M 16 ในมือของเธอมาถือ จากนั้นลุกขึ้นยืนยิงกราดไปบริเวณที่พวกวายร้ายต่างดาวกำลังปักหลักระดมยิงปืนลำแสง เขากราดยิงใส่พวกมันตามทิศทางที่จิตสัมผัสได้ แนวกระสุนฉีกใบไม้ระดับอกกระจุยกระจาย คนอื่นๆนอกจากผู้หมวดสาวเตรียมลุกขึ้นวิ่งหนี

“Let’s Go ! ”

โจนาธานตะโกนบอกด้วยน้ำเสียงค่อนข้างดัง พร้อมกับสะพายเป้สนามเผ่นแนบออกไปทางขวามือ ปืนที่ถืออยู่ระดับสะโพกส่ายไปทางเนินแล้วเริ่มระดมยิงเป็นระยะ ซึ่งในขณะเดียวกันนั้นชายผิวดำก็จูงมือผู้หมวดสาวที่ลังเลกระชากลากถูให้วิ่งเหยาะๆ ติดตามออกไปอย่างรวดเร็ว ทั้งสามวิ่งหายไปในแนวป่าท่ามกลางความมืด ขณะลำแสงสีส้มคอยยิงไล่ตามหลังเป็นระยะๆ ต้นไม้และกิ่งไม้ถูกลำแสงยิงใส่เกิดระเบิดหักโค่น ประกายไฟสว่างจ้ามองเห็นราวกลางวัน

หนุ่มจอมคาถาลุกขึ้นส่ายปืนยิงใส่เงาวูบวาบอย่างบ้าคลั่ง กระทั่งกระสุนสองแม็กซ์หมดไปอย่างรวดเร็ว เขาต้องรีบทรุดลงหมอบหลบการยิงตอบโต้ด้วยลำแสงอีกครั้ง และแว่วเสียงปืนยิงกราดออกมาจากชายป่า เขาเข้าใจได้ทันทีว่าพวกโจนาธานปลอดภัยแล้วและกำลังยิงคุ้มกันให้เขาหนีออกจากจุดนี้ได้

หนุ่มจอมคาถารีบลุกขึ้นอย่างไม่รอช้า โยนปืนในมือทิ้งเพราะหมดกระสุน ประสิทธิภาพมันจึงไม่ต่างกับท่อนไม้ท่อนหนึ่ง และวิ่งติดตามทุกคนไปยังแนวป่าตรงหน้า ระหว่างวิ่งแว่วได้ยินเสียงลำแสงสีส้มตัดอากาศเข้ามา และเขาต้องผวาเฮือกพร้อมกับแรงปะทะอันมหาศาลที่อัดเข้ากับกลางแผ่นหลังของเขาอย่างถนัดถนี่ ส่งผลให้ร่างสูงใหญ่ถึงกับหัวทิ่มล้มคว่ำหน้าลงกับพื้น อาการจุกเจ็บแปลบวิ่งไปทั่วแผ่นหลังและอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก..

‘Master Zin!!!’

ผู้หมวดสาวใจหายวาบ เพราะเห็นร่างของจอมคาถาผงะด้วยถูกลำแสงสีส้มเข้าที่กลางหลังจังๆและล้มคว่ำหน้าลงนอนนิ่ง ด้วยความห่วงใยอย่างมากมายทำให้เธอลืมตัวรีบลุกขึ้นจากที่ซ่อนและวิ่งฝ่ากระสุนลำแสงไปที่ร่างของหนุ่มหมอผีอย่างไม่ห่วงตัวเอง และไม่ฟังเสียงทัดทานจากใคร เมื่อมาถึงก็เขย่าร่างถามพร้อมกับหิ้วปีกประคองออกแรงลากร่างใหญ่ๆถูลู่ถูกังไปจนกระทั่งถึงดงไม้ข้างหน้าได้อย่างปลอดภัย

เมื่อพ้นระยะอันตรายมาได้ ชายผิวดำมาช่วยประคองไปนั่งพักหลังต้นไม้ ผู้หมวดสาวเข่าร่างใหญ่ที่ยังทำท่ามึนงงของเขาเพื่อเรียกสติ ปากก็ระล่ำระลักถามแทบไม่เป็นภาษาคน

“มาสเตอร์สิน คุณถูกยิง ฉันเห็นกระเด็นกลิ้งเหมือนกับโดนช้างเตะ ถูกเข้าตรงไหน ขอดูแผลหน่อย”

ผู้หมวดสาวรีบลนลานตรวจดูที่กลางหลังของเขา

“เป็นยังไงบ้าง แผลใหญ่มั๊ย” โจนาธานเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง

“ ไม่มีเลือด..มีแต่รอยช้ำ…และรอยเสื้อขาด…” ผู้หมวดสาวพลิกร่างเขาไปดูและบอกมา

“อื่อๆๆไม่เป็นไรก็ดีแสดงว่าคาถามหาอุตม์ยังขลัง อู๊ย…เจ็บหลังเป็นบ้า ไม่ต้องห่วงประเดี๋ยวก็หาย” หนุ่มจอมคาถาตัดบทออกไปเนื่องจากเป็นเวลาคับขัน ไม่มีเวลามาสนใจอาการเจ็บปวด

“เอาละพวกเรา เตรียมเล่นวิ่งไล่จับกับพวกมันต่อได้ พวกมันขึ้นเนินมาได้แล้ว”โจนาธานตะโกนบอกเมื่อเห็นระยะยิงลำแสงสีส้มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
“เราจะหนีพวกมันไปทางไหนกันดี” ผู้หมวดสาวเอ่ยถามความเห็น

“ไปทางเหนือ บริเวณนั้นผมเห็นมีแต่ป่าหิน ถ้าเราขึ้นไปด้านบนได้จะมีชัยภูมิได้เปรียบ”หนุ่มจอมคาถาเอ่ยบอกซึ่งเคยไปสำรวจมาเมื่อช่วงเย็น บริเวณนั้นมีโขดหินเว้าๆแหว่งๆสูงท่วมหัวอันเกิดจากน้ำท่วมกัดเซาะและกระแสลมพัด

“ถ้าอย่างงั้นรีบๆไปกันเถอะ นำทางไปเลย”

เมื่อตกลงกันได้ทั้งหมดจึงออกวิ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต

ทั้งสี่วิ่งหนีไป ขณะในบริเวณป่าที่วางกับดักเอาไว้ ร่างวูบวาบเดินดุ่มๆอย่างไม่ทันระวังเมื่อภาพจับความร้อนเห็นทั้งสี่วิ่งหนีห่างออกไป และไปเหยียบเส้นเชือกกับดักทำให้ท่อนซุงใหญ่ผูกเชือกพุ่งลงมาจากคบต้นไม้ใหญ่ แต่มันถูกแสงสีส้มยิงใส่ระเบิดกระจุย และปรากฏเงาร่างวูบๆอีกร่างเดินตามหลังมาช้าๆ มันจ้องมองไปในทิศทางที่ทั้งสี่คนวิ่งหนีไป เจ้าเงาร่างแรกหันไปมองผงกหน้าคล้ายๆขอบใจก่อนจะหันไปมองในทิศทางเดียวกัน มันส่งเสียงในลำคอคล้ายกำลังพูดคุยกัน จากนั้นเจ้าร่างด้านหน้าก็ขยับกระโดดไล่ตามหลังทั้งสี่ไปด้วยความรวดเร็ว

ด้านทั้งสี่วิ่งหนีไม่คิดชีวิตและเมื่อผ่านพ้นป่าทึบก็มาเจอทุ่งหญ้ากว้างไกลสุดหูสุดตา ด้านหลังนั้นปรากฏลำแสงสีส้มยิงใส่ต้นไม้กิ่งไม้หักโค่นไล่หลังมา ไม่มีเวลาให้คิดอะไรอีกพวกเขารีบวิ่งลุยป่าหญ้าที่สูงเคียงเอว ลำแสงสีส้มยังคงยิงกระหน่ำใส่จนพื้นดินด้านหน้าระเบิดกระจุยกระจาย แรงระเบิดทำเอาล้มลุกคลุกคลาน แม้จะเหนื่อยจนแทบขาดใจแต่ก็ต้องแข็งใจประคับประคองช่วยกันหนีตายอย่างสุดชีวิต จนกระทั่งลำแสงสีส้มถูกยิงมาตกตรงหน้าอีกครั้ง แรงระเบิดฉีกพื้นดินและต้นหญ้ากระจายเกิดประกายไฟพวยพุ่ง ทั้งสี่กระเด็นกลิ้งไปคนละทิศละทางตามแรงอัด

หนุ่มจอมคาถาลุกขึ้นมายืนได้เป็นคนแรกและหันหลังกลับไปมองร่างวูบวาบๆคล้ายเงามรณะที่ไล่ตามมา ส่วนคนอื่นๆพยายามลุกขึ้นยืนอย่างลำบากเพราะทั้งจุกเจ็บและเหนื่อยล้าสุดจะกล่าว แต่เมื่อได้เห็นเงาวูบวาบๆของผู้ไล่ล่าใกล้เข้ามาทั้งหมดก็เริ่มออกวิ่งต่อไป แต่หมอผีหนุ่มหันกลับไปมองและยืนนิ่งเหมือนรอให้สิ่งนั้นมาหา ผู้หมวดสาวหันกลับมามองโดยที่คนอื่นๆก็หยุดมองเช่นกัน ทั้งหมดแปลกใจที่หมอผีหนุ่มไม่รีบตามมา

“รออะไรวะ ไอ้หมอผี รีบหนีไปเร็วๆ”โจนาธานตะโกนเรียก

หนุ่มจอมคาถาคล้ายตัดสินใจเด็ดขาด เขาหันไปมองหน้าแล้วบอกว่า “รีบๆหนีกันไปก่อนเถอะ”

“แกจะทำอะไรวะ อย่าบอกนะว่าจะใช้คาถาบังหูบังตาไม่ให้มันตามเราไปได้” ชายผิวดำตะโกนถาม

ผู้หมวดสาวเห็นกิริยาของเขาจึงเอ่ยขึ้นว่า “ไม่….เขาจะอยู่สู้กับมัน สู้แบบแลกชีวิต…”

“สู้กับไอ้ตัวนั้น บ้าแล้ว…” โจนาธานว่า

“ไม่หรอก…เขาทำเพื่อพวกเรา เหมือนไอ้เอริกไง..” ชายผิวดำบอก

“ไอ้พวกพลีชีพ…”

ชายผิวดำถามผู้หมวดสาว “แล้วเราจะเอาอย่างไง?”

“อยู่ช่วยเขาสู้ พวกเราจะไม่หนีอีกแล้ว…” พูดจบก็วิ่งไปหาหมอผีหนุ่มอย่างไม่ลังเล

หมอผีหนุ่มหันไปมองผู้หมวดสาวที่วิ่งเข้ามา เขาบอกเธอ “หนีไป….ผมจะอยู่ถ่วงพวกมันตรงนี้เอง…”

“ไม่….ฉันจะอยู่ช่วยคุณสู้…” ผู้หมวดสาวบอกแล้วขึ้นลำกล้องปืนเตรียมพร้อม

หมอผีหนุ่มมองแล้วยิ้มให้ “ขอบใจที่ไม่ทิ้งผม..”

“เรามาสู้ตายพร้อมกันนะ..”

“ฮื่อ.อ.อ..อ์….” หมอผีหนุ่มพยักหน้า

ด้านโจนาธานและชายผิวดำวิ่งตามกลับมา ทั้งสองหยุดหอบตัวโยน

โจนาธานถามขึ้นว่า “นึกบ้าอะไรขึ้นมากันละนี่?”

“รีบหนีเถอะ มันใกล้เข้ามาแล้วนะ”ชายผิวดำเอ่ยเสียงหอบ “สู้ไปก็ตายเปล่า เราสู้มันไม่ได้หรอก”

ผู้หมวดสาวหันไปบอก “เลิกหนี เลิกกลัวเสียที อยู่สู้ตายกับมันเลยดีกว่า….”

“จะสู้ตายกับมัน จะไหวหรอ?”โจนาธานฟังแล้วรู้สึกทดท้อ

“หมาจนตรอกมันยังสู้ เราเป็นคนจนตรอกจะเอาแต่หนีอย่างเดียวก็อายหมา ฉันไม่หนีมันอีกแล้ว”

หนุ่มจอมคาถาสบตาผู้หมวดสาวแล้วยิ้มอย่างซาบซึ้ง

ผู้หมวดสาวสบตาเขาแล้วยิ้มอย่างเชื่อใจ เธอหันไปหาสองนักรบรับจ้าง

“คุณสองคนจะหนีไปก็ได้ ฉันไม่ว่า แต่ฉันจะไม่ อุ๊บ!!!!…”

ระหว่างหันไปพูด หมอผีหนุ่มทุบที่ต้นคอขาวผ่องของผู้หมวดสาว เธอทรุดลงไปแต่หมอผีหนุ่มรีบประคองไว้

“ทำบ้าอะไรวะ!?” โจนาธานถามอย่างตกใจ

หมอผีหนุ่มประคองส่งร่างไร้สติให้โจนาธานรับไว้พร้อมสั่งว่า “พาเธอหนีไป…”

“อะไรนะ?”

“พาเธอหนีไปเร็วๆ แล้วมุ่งไปทางแนวป่าตรงนั้น พาเธอขึ้นไปอยู่บนที่สูง”

“แล้วเอ็งหล่ะ จะไม่ไปด้วยหรอ?”

“ไม่….”หนุ่มจอมคาถาบอกอย่างเด็ดเดี่ยว

โจนาธานเม้มปากสบตาเขาอย่างชื่นชม อึดใจก็พยักหน้าให้ด้วยสายตายกย่อง

“โชคดีนะสหาย หวังว่าเราคงได้เจอกันอีก”

“เช่นกัน….” หมอผีหนุ่มบอก

โจนาธานพยักหน้าให้อีกครั้งก่อนจะแบกร่างผู้หมวดสาวขึ้นบ่าวิ่งฝ่าป่าหญ้า โดยมีชายผิวดำวิ่งตามคุ้มกันไป

คล้อยหลังของทั้งสาม หมอผีหนุ่มถอดย่าม ล่วมยาออกวางไว้ข้างๆ ถอดเสื้อเชิ้ทและเสื้อยืดที่ขาดรุ่งริ่งราวผ้าขี้ริ้วโยนทิ้ง ร่างเปลือยอกอวดกล้ามกำยำเผยให้เห็นรอยสักอักขละโบรานอันศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่นหลังและหน้าอก ไม่เว้นแม้ลูกกระเดือกจุดที่เปราะบางที่สุดก็ยังมีรอยสัก เขาล้วงผ้าประเจียดออกมาพันที่แขนทั้งสองข้าง จากนั้นล้วงหยิบเสื้อลงยันต์สีแดงออกมากางแล้วสวมใส่ พลางพนมมือว่าคาถาเป่าไปทุกทิศและกระทืบเท้าบนพื้นอีกสามที ชักดาบฟ้าลั่นออกมาแล้วว่าคาถาเป่าไปบนคมดาบน้อมรำลึกถึงครูบาอาจารย์ เมื่อเสร็จพิธีแล้วเขาก็ยืนนิ่งเฝ้ารอ…

ไม่ถึงอึดใจสิ่งที่เขารอก็ปรากฏ ร่างวูบๆวาบๆเดินเข้ามา มันหยุดมองเขาอย่างประหลาดใจ

‘กร๊อก….กร๊อก….กรอกกกกกกกก……..’

แว้บๆๆๆ

ยอดฝีมือของทั้งสองเผ่าพันธุ์ยืนนิ่งจ้องมองกันไม่ละสายตา

เจ้านักล่าเดินเข้ามาแล้วกดปุ่มปิดเครื่องพลางตัว ร่างสูงใหญ่ในชุดเกราะเทอะทะปรากฏให้เห็นชัดเจน หนุ่มจอมคาถาชี้ปลายไปตรงหน้า สายตาแข็งกร้าวสบสายตาใต้หน้ากากเหล็กอยู่ครู่ จากนั้นเขาก็ร่ายรำเพลงดาบไหวครูและชี้นิ้วใส่มันก่อนจะพลิกฝ่ามือกระดิกนิ้วเรียกทำนองท้าให้เข้ามาสู้กัน เสียงคำราม ‘กร๊อกๆๆ’ ในลำคอของมันไม่สามารถเดาได้ว่ามันคิดอย่างไร มันยังคงยืนนิ่งมองหนุ่มจอมคาถาอย่างชั่งใจ ครู่ใหญ่มันจึงเริ่มเคลื่อนไหว

‘แก๊ก….’

เจ้านักล่าจากต่างดาวเอื้อมมือหนาๆนิ้วยาวๆมีเล็บแหลมสีดำปลดอาวุธปืนที่ไหล่ออกแล้วโยนไว้ข้างๆตัว จากนั้นมันก็ถอดเสื้อเกราะหนาๆโยนไปกองรวมไว้บริเวณข้างๆที่มันยืนอยู่ แสดงถึงการยอมรับคำท้าสู้ด้วยฝีมือ ร่างกายสีน้ำตาลไหม้เต็มไปด้วยมัดกล้ามของมันเหลือเพียงเกราะที่สะโพกและเข็มขัดรวมทั้งปลอกเหล็กที่แขนทั้งสองข้างดูคล่องตัว และมันก็ถอดหน้ากากเหล็กออกเป็นสิ่งสุดท้าย สายรัดหน้ากากถูกปลดปรากฏควันสีขาวพุ่งออกมาจากท่อรัด ทันทีที่หน้ากากเหล็กเลื่อนออกก็เผยให้เห็นใบหน้าอันสุดแสนจะน่าสะพรึงกลัว

หน้าผากของมันโล้นกว้างมีลวดลายด่างๆดำๆเลยไปเป็นเส้นผมคล้ายทรงเด๊ธร็อค ตาทั้งสองข้างกลมโตแต่เบ้าลึก ระหว่างดวงตาและริมฝีปากมองไม่ออกตรงไหนคือรูจมูก ที่ตรงปากแสยะมีส่วนยื่นมาขยับได้คล้ายปากแมลงสาป มันอ้าปากส่งเสียงคำรามข่มขวัญ ฝ่ายหมอผีหนุ่มที่ยังยืนนิ่งข่มใจให้สงบไม่แสดงทีท่าตกใจหรือหวาดหวั่นออกมาทางสีหน้าและแววตา ท่าทางของมันดูจะชอบออกชอบใจที่มีคนกล้ามายืนเผชิญหน้าแล้วท้าสู้กับมันอย่างนี้

“ลักษณะโหวงเฮ้งของแกนี่ ถ้าอยู่ที่ดาวของแก คงจะหล่อจนสาวๆกรี๊ดไม่หยุดแน่ๆ แต่มาอยู่ที่โลกมนุษย์ขอบอกตรงๆเลยว่า หน้าตาของแกมันโคตรจะอัปลักษณ์เลยว่ะ”

‘กร๊อกๆๆๆ…กรอกกกกกกก…..’

หมอผีหนุ่มเองก็รู้สึกทึ่งๆที่ไอ้ตัวประหลาดพวกนี้ซึ่งพกอาวุธร้ายแรงมาเต็มพิกัด แต่พอเจอกับเขาที่จะขอสู้แบบซึ่งๆหน้ากลับไม่ใช้อาวุธอันล้ำสมัยมาชิงความได้เปรียบ มันยินยอมปลดอาวุธร้ายแรงและเกราะป้องกันตัวออกแล้วมาสู้กับเขาแบบแฟร์ๆ นี่คงจะเป็นเกียรติยศศักดิ์ศรีของเผ่าพันธุ์นักล่าหรือเปล่าเขาเองก็ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆตรงแขนของมันปรากฏเหล็กยาวคล้ายใบมีดคมวับวาบคล้ายกรงเล็บสองอันยืดออกมา เดาได้ว่านั่นคงเป็นอาวุธที่มันจะใช้สู้กับเขาแน่ๆ มันขยับเดินเข้ามายืนในระยะห่างจากหมอผีหนุ่มเพียง สี่ – ห้าก้าว ย่อร่างกางแขนออกพร้อมจะต่อสู้

‘วู้…….วู้…..วู้…..’

เสียงลมพัดวูบๆอื้ออึง กระแสลมโลมไล้ร่างกายยอดนักรบสองเผ่าพันธุ์

ต้นหญ้าไหวเอนลู่ลมแรงไปในทิศทางเดียวกัน แต่ทั้งสองยังคงยืนนิ่งสบตาและตั้งท่าเตรียมพร้อมเข้าปะอาวุธ

อีกด้านหนึ่ง โจนาธานและชายผิวดำที่อุ้มร่างของผู้หมวดสาววิ่งหนี ทั้งสองวิ่งไม่คิดชีวิต แต่ก็มีแสงสีส้มยิงใส่ไล่หลังมา แรงระเบิดทำเอาล้มลุกคลุกคลาน ทั้งสองลากร่างอวบอิ่มขาวผ่องไร้สติหนีหัวซุกหัวซุน จนกระทั่งขึ้นเนินหินมาได้ทั้งสองก็ปักหลักยิงสู้ และชายผิวดำเอาระเบิดมือที่เหลืออยู่ปลดสลักขว้างไปด่านหลังเพื่อสกัดมันเอาไว้ เสียงระเบิดดังสนั่นประกายไฟสว่างจ้า เศษหินเศษฝุ่นปลิวว่อนเบื้องหลัง เจ้านักล่าที่ไล่ติดตามมาถูกแรงอัดปลิวไปตกห่างหลายวา เมื่อมันลุกขึ้นมาปรากฏว่าอุปกรณ์พรางตัวเริ่มมีปัญหา ร่างของมันปรากฏขึ้นวูบๆวาบๆพร้อมประกายไฟสีฟ้าวิ่งเป็นสาย แตกเปี้ยะๆไปทั่วร่าง มันหยุดและพยายามปรับระบบด้วยแผงวงจรควบคุมที่ปลอกแขน

ชายหน้าบากและเพื่อนนักรบผิวดำแบกร่างของผู้หมวดสาวมาจนถึงบนเนินหิน ทั้งสองเหนื่อยจนแทบไม่เหลือแรงต้องหยุดพักหอบแฮ่กๆ บริเวณทางขึ้นเนินมีไฟจากระเบิดลุกไหม้แลเห็นร่างเงาวูบวาบๆไล่ติดตามมาช้าๆ ความหวาดกลัวความเหน็ดเหนื่อยและความเครียดแค้นบีบคั่นประสาท ในที่สุดโจนาธานเองก็เบื่อที่จะเอาแต่หนีๆแล้วก็หนีเจ้าตัวประหลาดตัวนี้ เขาคิดว่าตนเองก็เป็นนักรบเชี่ยวชาญสมรภูมิคนหนึ่ง ควรจะสู้กับไอ้นักล่าตัวร้ายอย่างมีศักดิ์ศรีบ้าง

ในที่สุดโจนาธานก็เกิดบ้าเลือดขึ้นมา เขาบอกชายผิวดำอย่างเด็ดเดี่ยว

“เอ็งหนีไปก่อน ข้าจะสกัดมันไว้เอง”

“บ้าหรอ? เอ็งสู้มันไม่ไหวหรอก” ชายผิวดำรีบค้าน

“หนีอย่างงี้ได้ตายกันหมดแน่ อย่างน้อยก็ต้องมีใครรอดบ้าง”

ชายผิวดำเองก้มีความรู้สึกไม่ต่างกับเขา ร่างผิวสีบึกบึ้นลุกขึ้นยืนเคียงข้าง สบตาด้วยแววตาอย่างเอาไงเอากัน

“เอาก็เอาวะ…ข้าเองก็จะไม่หนีมันอีกแล้ว ตลอดเวลาที่เจอกับพวกมัน ข้ารู้สึกเหมือนสัตว์ตาขาวที่ต้องวิ่งเอาชีวิตรอด ข้าจะสู้มันร่วมกับเอ็ง เรามากอดคอสู้ตายแบบลูกผู้ชายกันดีกว่า”

โจนาธานมองหน้าเพื่อนร่

Share the Post:

Related Posts

แท็กซี่เขาอ่อย หนูเลยให้เขาเล่นของหนู

เรื่องเสียว แท็กซี่เขาอ่อย หนูเลยให้เขาเล่นของหนู เอิร์นนะคร้า เป็นสาวมหาลัยในเชียงใหม่นี้เองค่า เอิร์นเป็นสาวมหาลัยปีสองแล้วค่ะ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องผู้ชายเลย ยุคนี้แล้วเนอะ ไม่ใช่แค่ผู้ชายนะคะที่ล่าแต้ม เอิร์นเองก็กินมาเยอะเหมือนกันค่ะ สูงยาว ลำอวบ ใหญ่ยาว กินมาหมดแล้วค่า ชีวิตครั้งนึงเนอะ เรื่องพวกนี้ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ต้องมีบ้างอยู่แล้วใช่ไหมค่ะ และแน่นอนว่าเอิร์นเลยกินแต่วัยเดียวกัน รู้ตัวอีกทีได้แอบกินรุ่นใหญ่พี่แท็กซี่ซะอย่างนั้นเลยค่ะ ที่สำคัญไม่เคยเจอมังกรที่ใหญ่ยักษ์ขนาดนี้มาก่อน มาเริ่มเรื่องกันเลยดีกว่าค่ะ ด้วยความที่อยู่เชียงใหม่ที่เที่ยวเยอะ

Read More

จากทำอาหาร ทำไมโดนเขาทำเสียว

เรื่องเสียว จากทำอาหาร ทำไมโดนเขาทำเสียว “ตั้งกล้องเรียบร้อยแล้ว มึงพร้อมยังจะได้กดเริ่ม” วันนี้เรามีถ่ายคลิปวิดีโอทำอาหารที่คอนโดของพวกเราสองคนที่เป็นเพื่อนกัน เรามองเม็กที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมสองเม็ดจนเห็นแผงอกที่เป็นมัดกล้าม กางเกงขาขั้นสั้นสบาย ๆ แต่พอมาอยู่บนร่างกายของเม็กแล้วมันดูดีไม่น้อยเลย ถึงแม้เราทั้งสองจะเป็นเพื่อนกัน แต่พอมาเจอมันในลุคนี้ก็ทำให้เราใจสั่นไม่น้อย “มึงกูสวยยัง” “สวยแล้ว” พอได้รับคำตอบที่สร้างความมั่นใจให้กับตัวเองแล้ว เราก็พยักหน้าให้มันเริ่มกดบันทึกภาพวิดีโอทันที การถ่ายทำดำเนินไปเรื่อย ๆ จนถึงขั้นตอนการชิมอาหาร “อะ

Read More