ศึกหมอผี ตอนที่ ๑๘
มฤตยูพรีเดเตอร์
อสุนีบาตฟาดเปรี้ยงๆประกายแสงสว่างจ้าอยู่เหนือเนินดินไม่ห่างจากค่ายของนักล่าจอมอำมหิตจากต่างดาว
แสงแปล๊บปล๊าบส่องสว่างวูบๆโลมไล้ร่างกายล่ำสันเต็มไปด้วยมัดกล้ามของหมอผีหนุ่มที่ยืนอยู่เหนือเนินนั้น ร่างของเขาเปลือยกายท่อนบนพอกด้วยโคลนหนาไปทั่วร่างกาย สายฝนกระหน่ำหนักชะคราบโคลนบางส่วนแต่ความเย็นที่เขาจงใจตากฝนมาทำให้อุณหภูมิในร่างของเขาลดต่ำจนกล้องจับความร้อนของนักล่าตรวจหาไม่พบ
หากเจ้านักล่าต่างดาวมาเยือนโลกและล่ามนุษย์โลกเป็นเกมด้วยวิทยาการทางวิทยาศาสตร์ที่ก้าวล้ำ แต่หมอผีหนุ่มกำลังจะตอบโต้และต่อสู้ด้วยวิชาไสยศาสตร์อันลึกลับเช่นกัน นี่คือการพบเจอและต่อสู้กันด้วยสองศาสตร์ ระหว่าง วิทยาศาสตร์และไสยศาสตร์ ระหว่าง หมอ
ผีกับมนุษย์ต่างดาวที่ถูกเรียกขานว่า พรีเดเตอร์… ( Predator.)
‘Hunter, Survivor, Prey. Which will you be?’
: ‘ ผู้ล่า, ผู้รอด, เหยื่อ คุณต้องการเป็นอย่างไหน? ’
ร่างกำยำของหมอผีหนุ่มยังคงยืนนิ่งตากสายฝนที่โหมกระหน่ำอย่างไม่คร้ามต่อความหนาวเย็นใดๆ มือขวากุมดาบฟ้าลั่นส่วนมือซ้ายกุมมีดหมอไว้มั่น เขาทอดสายตาไปที่ยานของต่างดาวที่จอดสงบอยู่ ไร้เงาของนักล่าพันธุ์มหากาฬ คาดว่ามันคงหลบฝนพักผ่อนอยู่ในยานของมัน ภาพเหล่าผู้ร่วมทีมที่ถูกเข่นฆ่าผุดในสมองของเขา รายแล้วรายเล่าที่ทอดร่างสิ้นใจอย่างอนาถ คิดๆแล้วให้ชิงชังในเกมอันแสนวิปริตของพวกมัน
หมอผีหนุ่มไม่ได้ล่วงรู้ประวัติแท้จริงของพวกนักล่าเหล่านี้ พวกมันเรียกขานตัวเองว่า ย้วดจา (Yautja) เป็นเผ่าพันธุ์สิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาต่างดาวที่เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง รูปร่างแขนขาคล้ายมนุษย์ หน้าตามีเขี้ยวกรามใหญ่ดูดุร้ายน่ากลัว เส้นผมเป็นปล้องลำคล้ายทรง Dreadlock ผิวหนังหนาหยาบมีลายคล้ายสัตว์เลื้อยคลานจำพวกพวกกิ่งกา เผ่าพันธุ์มันมีรสนิยมชื่นชอบและคลั่งไคล้การไล่ล่าสิ่งมีชีวิตตามดาวนพเคราะห์ต่างๆเป็นชีวิตจิตใจ โดยหลักๆแล้วมันจะล่าและฆ่าเพื่อเป็นการพิสูจน์ฝีมือหรือพูดอีกอย่างว่า…พวกมันล่าเพื่อความบันเทิง!
พวกมันจะแยกย้ายกันไปยังดวงดาวต่างๆทุกแห่งทุกหนในห้วงจักรวาลเท่าที่มันสามารถไปถึง เพื่อแสวงหาคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งและคู่ควรกับฝีมือของมัน จากนั้นมันก็จะไล่ล่าหรือท้าสู้ พวกมันมีความโหดเหี้ยมอำมหิตพอๆกับอาวุธที่ทรงประสิทธิภาพ มันจึงได้สมญานามว่า ‘มฤตยูแห่งจักรวาล’ โดยถ้ามันล่าและฆ่าได้สำเร็จก็จะทำการถลกหนังและเก็บกระดูกนำมาเป็นเครื่องประดับตกแต่งร่างกาย อีกทั้งยังคัดสรรเก็บสะสมหัวกะโหลกของเหยื่อพันธุ์ต่างๆไว้เป็นที่ระลึกเพื่ออวดอ้างถึงความเก่งกล้า ซึ่งจะได้รับการยอมรับนับถือจากเผ่าพันธุ์ของมัน
แต่สำหรับหนุ่มจอมคาถาแล้ว…ไม่ว่ามันจะเป็นตัวอะไร ยิ่งใหญ่มาจากไหน หรือเก่งกาจเพียงใด แต่ถ้าทำตัวเป็นภัยร้ายและมารังแกชาวโลกอย่างโหดร้ายไร้ความยุติธรรม มันก็จะต้องถูกกำจัดให้สิ้นเพื่อไม่ให้เป็นภัยแก่คนบริสุทธิ์ นี่คือหน้าที่ของหนุ่มจอมคาถา ผู้สืบทอดไสยขาวจากรุ่นสู่รุ่นมานานกว่าสองพันห้าร้อยปี….
[post]หมอผีหนุ่มชูดาบขึ้นชี้ฟ้า เบื้องบนเกิดประกายฟ้าแลบและปะจุชนวนกลายเป็นฟ้าผ่าลงมา และสายฟ้าผ่านั้นพุ่งลงมาหาปลายดาบอาบทั้งคมเกิดเป็นแสงสีขาวอมเหลืองสว่างจ้า หมอผีหนุ่มฟาดแสงจากดาบนั้นพุ่งเข้าใส่ตัวยานทันที เมื่อประกายแสงพุ่งกระทบตัวยานเกิดการระเบิดก่อนจะสัมผัสเพียงผิวยานเนื่องจากมันมีพลังม่านบาเรียป้องกันการโจมตีจากอาวุธทุกชนิดไม่เว้นแม้พลังไสยเวทย์ แรงระเบิดถึงจะทำอันตรายตัวยานไม่ได้แต่ก็ทำให้สั่นสะเทือนไปทั้งลำ
ภายในสะพานเดินเรือของยานต่างดาว เจ้านักล่าอวกาศกำลังนั่งใช้เครื่องมือขัดหัวกะโหลกของเหยื่อที่มันล่ามาเพื่อใช้ประดับร่างกายหรือเก็บไว้เป็นของสะสม เครื่องทำความสะอาดกะโหลกนี้จะทำงานโดยการปล่อยสารเคมีพิเศษเพื่อย่อยสลาย เนื้อ ผิวหนัง และไขมัน จนเหลือแต่กะโหลกที่เกลี้ยงเกลาเป็นเงางาม ชั้นวางบนผนังเต็มไปด้วยกะโหลกของมนุษย์ดาวต่างๆที่มันล่ามา ซึ่งถูกแขวนประดับไว้มากมายหลากหลายสปีชี่ส์บ่งบอกถึงเกียรติยศและความภาคภูมิใจ
คลื่นนนนนนน
อยู่ๆเมื่อยานเกิดอาการสั่นสะเทือนจนอุปกรณ์ต่างๆบนโต๊ะหล่นลงพื้น มันรู้ได้ทันทีว่ากำลังมีผู้ท้าทาย มันวางอุปกรณ์ต่างๆและหัวกะโหลกลงและลุกขึ้นไปเปิดจอเรดาห์ค้นหาแต่ทว่าไม่อาจพบตำแหน่งของผู้โจมตีและตอบโต้กลับได้ และยานก็สั่นสะเทือนอีกระลอก มันจึงหันไปที่หมารูปร่างประหลาด สี่ – ห้าตัวที่บางตัวนอนอย่างเกียจคร้าน กำลังกัดแทะเหยื่อตัวเล็กๆและบางตัวกำลังหยอกเล่นกันอยู่ เจ้านักล่าร้องสั่งด้วยภาษาของตน สิ้นเสียงร้องสั่งดุดันทำเอาพวกมันผุดลุกและวิ่งไปที่ทางออกของประตูยาน พอประตูยานเปิดออกพวกมันก็วิ่งกรูฝ่าสายฝนและดมกลิ่นหาผู้บุกรุก
เพราะถูกฝึกมาให้ดมกลิ่นไล่ล่าสิ่งมีชีวิตได้ทุกสภาพอากาศ ไม่ช้ามันก็ล่วงรู้ว่าเป้าหมายยืนอยู่บนเนิน พวกมันรีบวิ่งขึ้นไปหาทันทีเพื่อจัดการตามคำสั่งของเจ้านายผู้เลี้ยงดู
หมอผีหนุ่มมองเห็นพวกหมาประหลาดวิ่งตรงมา เขาไม่มีทีท่าหวั่นเกรง มือหนึ่งล้วงไปในย่ามแล้วหยิบโลหะหล่อเป็นรูปควายตัวเท่ากำปั้นออกมา เขาหลับตาท่องคาถาแล้วเป่าพรวดใส่รูปหล่อ และขว้างออกไปท่ามกลางอสุนีบาตฟาดส่องแสง รูปหล่อก็เปล่งแสงสีฟ้านวลตาห่อหุ้มและกลายเป็นควายตัวใหญ่เนื้อกายสีดำดวงตาแดงก่ำพุ่งทะยานออกมาจากกลุ่มแสง พวกหมาต่างดาวเห็นก็ส่งเสียงเห่าขรมวิ่งตรงมาอย่างกระหายเลือด
‘คลื่ดดดดดด……..มอร์!’
ควายธนูร่างกายใหญ่โตสร้างจากโลหะเจ็ดป่าช้าและปลุกเสกด้วยคาถาอาคมขลัง มันกระโดดลงมายืนอย่างองอาจสง่างามและใช้ขาหน้าตะกุยดินสะบัดหัวลับเขากับก้อนหินและขวางทางเหล่าสุนัขประหลาดไว้ พวกมันเห็นก็หยุดวิ่งชนิดตัวหลังชนตัวหน้าหัวทิ่ม พวกมันหยุดมองควายธนูแล้วส่งเสียงคำรามในคอด้วยความประหลาดใจและจดๆจ้องๆดูเชิง ส่วนควายธนูก็ตะกุยดินหายใจเป็นควันออกทางจมูกฟืดฟาดๆข่มขวัญศัตรู
หมอผีหนุ่มพนมมือท่องคาถาแล้วเป่าปากพรวดๆเสริมพลังมาให้ควายธนูจากด้านหลัง
เขาเอ่ยขึ้น “จัดการมันเลย ไอ้เผือกลูกพ่อ…”
‘กรรรรรรรร์’
สุนัขต่างดาวเจอสัตว์อาคมก็เกิดอาการลังเลกลัวๆกล้าๆ พวกมันพยายามส่งเสียงเห่าขู่แต่ก็ไม่เห็นควายธนูตอบโต้อะไรนอกจากยืนตาแดงก่ำมองมาที่พวกมัน และเมื่อเจ้าหมาต่างดาวตัวหนึ่งกระโจนแยกเขี้ยวเข้ามาหา ควายธนูก็สะบัดหัวเอาเขาคมกริบตอบโต้ทันที และย่อตัวงัดเขาโค้งมนเสยเข้ากลางลำตัวขณะมันกระโจนใส่ ลำตัวของมันพุ่งเสียบเข้ามาพอดี เสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังโหยหวน ควายธนูไม่มีความปราณีมันกดเขาลงกับพื้นสะบัดกดย้ำจนเจ้าหมาต่างดาวตัวนั้นแน่นิ่งหมดสิ้นชีวิตไป แต่เจ้าพวกที่เหลือก็ไม่ได้หวั่นเกรงมันอ้าปากโชว์คมเขี้ยวแล้วพุ่งเข้าหาควายธนูพร้อมๆกัน แต่ควายธนูก็ปักหลักสู้สะบัดเขาคมทั้งใช้ไล่ทิ่มแทงและป้องกันตัวเป็นสามารถ เจ้าพวกหมาต่างดาวถึงจะเป็นหมาหมู่ไม่ต่างหมาบนโลก แต่พวกมันก็เข้าไม่ติดและถูกขวิดไส้แตกตายไปอีกหลายตัว…
‘กรรรรร์’
กึก…กึก…กึก…กึก….
และแล้วฝูงสุนัขต่างดาวอีกหลายสิบตัวก็ถูกปล่อยออกมาจากยาน พวกมันกรูเข้ามาควายธนูทันที
“ไม่ต้องห่วงนะ ไอ้เผือกลูกพ่อ เรามาช่วยกันจัดการพวกมัน” หนุ่มจอมคาถาเอ่ยบอกและกุมดาบทะยานเข้าช่วย
ดาบวิเศษทรงอาคมขลังในมือของหนุ่มจอมคาถาฟาดฟันเข่นฆ่าเหล่าสุนัขเอเลี่ยนอย่างเมามัน ควายธนูก็ใช้เขาโค้งคมขวิดใส่จนพวกมันปลิวไปไส้ไหลไส้แตก แต่ยิ่งฆ่าพวกมันก็ยิ่งหนุนเนื่อง ตอนนี้ทั้งคนและควายหันหลังชนกัน ร่างของควายธนูถูกพวกสุนัขต่างดาวรุมกัด ข้างหมอผีหนุ่มก็ฟันซ้ายตัดขวาแทงหน้าสะบัดฟันไปข้างหลัง เรี่ยวแรงกำลังชักลดน้อยถอยลงเต็มที แต่พวกสุนัขต่างดาวก็ยังมีมากมายหลายสิบตัว ฆ่าเท่าไหร่ก็ไม่มีทีท่าจะหมดสิ้น
‘กรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร์’
สุนัขต่างดาวตัวหัวหน้าฝูง มันส่งเสียงเห่าให้รุกโหมเข้าไปเพื่อพิชิตศึก หนุ่มจอมคาถาเห็นว่าการต่อสู้จะยืดเยื้อและมีสิทธิ์เสียท่า เขาขยับไปยืนด้านหลังของควายธนู ยกดาบโอมอ่านพระคาถาเรียกพลังจากสายฟ้ามาสถิตในดาบ ทันใดนั้นปรากฏมวลน้ำหมุนอยู่เบื้องบน มีประกาศวิชชุแปล๊บปล๊าบก่อนจะฟาดเปรี้ยงลงมาสู่ใบดาบ หนุ่มจอมคาถาสั่งควายธนูให้หลบไป พวกฝูงหมาเอเลี่ยนเห็นควายธนูถอยก็กำเริบวิ่งไล่เข้ามาเป็นแผง
“ไอ้พวกอสุรกาย จงกลับสู่ขุมนรกที่พวกเอ็งหลุดออกมา……………..”
หนุ่มจอมคาถากุมด้ามดาบฟ้าลั่นด้วยสองมือ สะบัดลำแสงสายฟ้าที่อาบคมหวดใส่ฝูงหมาเอเลี่ยนทันที
‘ตู๊มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม….’
ระเบิดเปลวเพลิงสีเงินสว่างวาบ พื้นที่ป่ารอบรัศมีครึ่งกิโลฯถูกแรงระเบิดจนมอดไหม้ถอนรากถอนโคน แท่นหินที่วางระเบิดถูกป่นจนเป็นผง แผ่นดินสะท้านสะเทือนเลื่อนลั่น ร่างของสุนัขเอเลี่ยนนับร้อยถูกเปลวไฟแผดเผาต่างส่งเสียงร้องโหยหวน ที่อยู่แถวหน้าร่างสลายกลายเป็นขี้เถ้า แถวหลังห่างไปร่างกายติดไฟไหม้ลามนอนดิ้นทุรนทุรายแตกฝูงหนีไปตัวละทิศละทาง แรงระเบิดมหาศาลทำเอายานลำใหญ่ขนาดเครื่องบินจัมโบ้เจ็ทสั่นคลื่นๆราวถูกมือจับเขย่า ภายในยานโคลงเคลงถึงขนาดเจ้าเอเลี่ยนพรีเดเตอร์ต้องหาที่ยึดจับไว้ไม่ให้เสียหลักล้ม
แสงเจิดจากเปลวไฟสว่างอยู่นานหลายนาที แผดเผาร่างสุนัขเอเลี่ยนจนตายไปเกือบหมดฝูง เหลือเพียงสี่-ห้าตัวที่ยังรอด มันร้องครางอย่างขวัญเสียหันรีหันขวางก่อนจะวิ่งหนีกลับเข้ายาน หลังเหตุการณ์สงบลง หนุ่มจอมคาถาและควายธนูมองดูสภาพที่มีแต่เถ้าถ่านและเศษซากสุนัขเอเลี่ยนกระจายเกลื่อน ทั้งคนและควายธนูเดินผ่านเศษซากเผาไหม้ต่างๆตรงไปที่ยานลำใหญ่ เป้าหมายคือจัดการกับเจ้าของยานที่ยังเก็บตัวเงียบอยู่ข้างใน
หมอผีหนุ่มเดินไปเรื่อยๆจนเข้าไปใกล้ๆตัวยาน และเขาหยุดยืนตรงทางที่ฝูงหมาประหลาดวิ่งออกมา
เขาตะโกนท้าทายอย่างไม่มีความเกรงกลัวใดๆ “จะมัวมุดหัวหลบอยู่ทำไมวะ อยากฆ่ากูก็ออกมาสิโว้ย ไม่ต้องเสียเวลาไปไล่ล่าแล้ว กูมาหามึงถึงที่ แน่จริงก็โผล่หัวออกมา อย่ามัวหดหัวอยู่ในยานของมึง ถ้าไม่รีบออกมา กูจะพังยานของมึงแล้วเอาเหล็กไปชั่งกิโลฯขาย ออกมาเร็วๆ”
.
.
.
ซ่า…ซ่า….ซ่า…
คลื่นนนนนนนนนนน…………..
เจ้านักล่าจากต่างดาวยังคงเก็บตัวเงียบนิ่งสนิททำราวกับไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ข้างใน น้ำฝนที่ตกลงมาไหลลัดเลาะไปทั่วลานกว้างหน้าที่จอดยานอวกาศ กวาดซัดเศษไม้เศษซากฝุ่นผงของร่างสุนัขเอเลี่ยน สภาพพื้นดินตรงหน้ายานอวกาศตอนนี้กลายเป็นแอ่งโคลนสูงถึงตาตุ่ม หนุ่มจอมคาถาปาดน้ำฝนที่ใบหน้าและเสยเส้นผมไปรวมปลายด้านหลังไล่คราบน้ำฝน จากประสบการณ์ต่อสู้มาโชกโชนทำให้เขารู้ว่าศัตรูกำลังเล่นสงครามจิตวิทยา ซุ่มซ่อนข้างในให้บุกเข้าไปเพื่อจะดักรอเล่นงาน คนอย่างเขาตะลุยไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ ลุยแหลกแหวกมิติมาแล้ว มีอะไรจะต้องกลัวเกรงอีก บุกเข้าไปในยานอวกาศเอเลี่ยนก็น่าสนใจ และถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ที่ชวนท้าทายจริงๆ
“ไม่ออกมาใช่มั๊ย…ดีๆ ถ้ามึงไม่โผล่หัวออกมา กูจะบุกเข้าไปลากตัวมึงออกมาเอง กะอีแค่ยานเอเลี่ยน จะมีอะไรน่ากลัววะ” หนุ่มจอมคาถากัดฟันพูดอย่างเข่นเขี้ยว “น่ากลัวกว่านี้กูก็เข้าไปเหยียบมาหมดแล้ว…!!!”
ดาบฟ้าลั่นถูกชูขึ้นเหนือศีรษะอีกครั้ง ปรากฏแสงอสุนีบาตฟาดลงมาที่ดาบ ใบดาบเปล่งประกายสีขาวอมเหลืองเรืองรอง หนุ่มจอมคาถากำหนดจิตกำกับพระคาถาอาคมขลังและวาดดาบใส่ยานอวกาศ ลำแสงพุ่งเข้าชนประตูยานเกิดการระเบิดจนยานสั่นสะเทือนหนักกว่าครั้งแรก ประกายรัศมีระเบิดเจิดจ้าทำเอาบริเวณนั้นสว่างดุจกลางวันไปทั่วชั่วพริบตา ประตูเหล็กล้ำสมัยถูกสร้างด้วยเทคโนโลยี่ชั้นสูงที่ทานทนต่อการโจมตีด้วยเรเซอร์อานุภาพสูงพังยับเยินทันทีด้วยอานุภาพไสยเวทย์
ความสั่นสะเทือนของการทำลายที่รุนแรงส่งผลให้ยานอวกาศลำใหญ่ถึงกับเอียงแทบคว่ำ และรุนแรงถึงขนาดทำให้เจ้านักล่าอวกาศที่กำลังนั่งขัดกะโหลกในยานถึงกับผลัดตกจากเก้าอี้ อาวุธต่างๆบนผนังหล่นลงพื้นกลาดเกลื่อน หัวกะโหลกสะสมหล่นกราวบางหัวตกกระทบพื้นแตกกระจาย เจ้านักล่าอวกาศรีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาเปิดจอภาพสำรวจรอบๆตัวยานเพื่อหาสาเหตุและตัวผู้โจมตี มันปรับเป็นกล้องรับภาพธรรมดาจึงเห็นตัวของหมอผีหนุ่มที่พอกโคลนทั้งตัวยืนตากฝนอยู่ตรงทางเข้ายาน
เจ้านักล่าแสยะปากอันน่าเกลียดแล้วผงกหน้าอย่างเคืองขุ่น มันตั้งใจจะขัดกะโหลกอันใหม่ให้เสร็จแล้วค่อยออกไปจัดการเขา เนื่องจากมั่นใจในฝีมือว่าจะจัดการไม่ยาก แต่ดันมาถูกขัดขวางความสำราญและมองไปที่หน้าประตูเห็นสัตว์เลี้ยงของตัวเองวิ่งหางจุกก้นมาหมอบตามมุมห้องด้วยท่าทางหวาดกลัว ยิ่งทำให้มันโมโหฉุนเฉียวไปใหญ่ มันเดินไปที่ตู้เก็บอุปกรณ์รบทันที หน้ากากและชุดเกราะประจำตัวถูกหยิบมาสวมใส่พร้อมๆอาวุธมากมายพกพาใส่กายชนิดเต็มพิกัด เมื่อเรียบร้อยมันก็หยิบท่อนเหล็กมากดให้ยืดออกกลายเป็นหอกยาวรูปร่างแปลกๆแต่อานุภาพคงสูงแน่นอน มันเดินผ่านโถงยานอวกาศอย่างเร่งรีบแทบจะเป็นวิ่งมาทางประตูทางออกเพื่อเผชิญหน้ากับเหยื่อของมันที่อาจหาญมาท้าทาย…
แอ้ดดดดดดดดดดด………….
ประตูยานชั้นในเปิดออก มองเห็นประตูชั้นนอกพังยับเยิน
“กะ…กรอกกกกกก…..กรอกกกกกก…….” มันเดินมาถึงประตูชั้นนอก และกระโดดออกมายืนกลางสายฝน
แต่ก็ไม่พบหนุ่มจอมคาถาที่มาท้าทาย มันกวาดสายตาใต้หน้ากากเหล็กมองไปทั่ว อุณหภูมิความหนาวเย็นของบรรยากาศยามฝนตก ทำให้กล้องจับความร้อนของมันไม่สามารตรวจจับจอมคาถาหนุ่มได้
วี้ดดดดดดดดดดดดดด………….
เสียงคมดาบแหวกอากาศมาจากด้านหลัง เจ้านักล่าอวกาศผู้ช่ำชองเอียงร่างหลบได้หวุดหวิด แต่ก็เจอเข่าของหนุ่มจอมคาถาตีเข้าที่ท้องจนตัวงอหงายท้องไป แต่ในจังหวะที่หงายท้องมันก็ยิงลำแสงสีส้มจากปืนที่หัวไหล่สวนกลับมา หนุ่มจอมคาถาเอี้ยวร่างหลบแล้ววิ่งเข้าไปในยานอวกาศ เจ้านักล่าอวกาศล้มลงไปในแอ่งน้ำโคลนมันรีบลุกขึ้นและวิ่งไล่ตามหนุ่มจอมคาถาเข้าไปในยาน ปืนเรเซอร์แรงสูงที่หัวไหล่ยิงกระหน่ำไล่หลัง ถูกผนังและอุปกรณ์ต่างๆระเบิดตูมตามไล่หลังของเขาไปติดๆ ประกาศไฟสว่างจ้าสะเก็ดไฟกระเด็นไปทั่ว เจ้านักล่าไล่ยิงอย่างโมโหโดยไม่สนใจเลยว่า อานุภาพทำลายล้างของปืนแสงตนจะทำให้ระบบกลไกภายในยามเสียหายได้ เรียกได้ว่าโมโหจนลืมตัว
เฟี้ยวๆๆๆ
บึ้มๆๆๆ
หนุ่มจอมคาถาวิ่งหลอกล่อเจ้าอสุรกายนักล่ามาจนถึงห้องหนึ่ง เป็นห้องโถงกว้างๆหลังคาทรงโดมสูง ที่พื้นมีควันลอยสูงถึงสะเอว รอบๆห้องเป็นทรงกลมผนังมีลวดลายตาหมากรุก แสงสว่างในห้องโถงนี้เป็นสีส้มอมชมพู ดูกดดัน ลึกลับ และน่าหวั่นไหว มีภาพสลักเป็นเรื่องราวของเจ้านักล่าติดอยู่ที่ผนังและมีรูปปั้นเจ้านักล่าในชุดเกราะลักษณะต่างๆดูหรูหราอลังการตั้งประดับ ท้ายห้องมีแท่นหินสูงวางประดับด้วยหัวกะโหลกต่างๆมากมายทั้งขนาดใหญ่และเล็ก สะดุดตาที่สุดคือหัวกะโหลกมนุษย์ หนุ่มหมอผียืนมองบรรดาหัวกะโหลกแปลกๆของมนุษย์ดาวต่างๆอย่างตื่นตะลึงจนหลงลืมไปว่ากำลังหนีเจ้านักล่าอยู่ และถึงตรงนี้ทำให้เขาล่วงรู้รสนิยมอันวิปริตของพวกมัน เกิดความขุ่นเคืองเพิ่มขึ้นในใจอย่างหาที่สุดไม่ได้
แว้บ….
บึ้มมมมมมม
แสงสังหารสีส้มจากปืนเรเซอร์ที่บ่าของมันยิงใส่ขณะกำลังเผลอ แต่โชคดีที่หนุ่มจอมคาถาก้มหลบได้ทัน
เจ้านักล่าเดินลุยหมอกควันที่ถึงช่วงเอวมาเผชิญหน้ากับจอมคาถาหนุ่ม เขายกดาบกุมด้ามสองมือตั้งการ์ดไว้สบตามันอย่างไม่หวาดหวั่น กรงเล็บเหล็กแหลมที่ปลอกแขนของมันยื่นออกมาเตรียมพร้อม มันคำรามเสียงต่ำในลำคออย่างเคืองขุ่นที่เจ้ามนุษย์ผู้นี้บังอาจบุกรุกเข้ามาในยานของมัน และเข้ามาถึงห้องสะสมสมบัติส่วนตัวที่แหนหวง จึงหมายมั่นจะจับตัวเอามาเลาะกระดูกและหัวกะโหลกเพื่อเก็บรวมไว้กับหัวกะโหลกต่างๆในห้องนี้ที่เป็นคอนแลคชั่นส่วนตัวให้หายแค้น
เมื่อก้มหลบลำแสงสังหารได้แบบฉิวเฉียด หนุ่มจอมคาถากลิ้งร่างตวัดดาบเข้าใส่เป็นการตอบโต้ เจ้านักล่ายกแขนข้างที่มีกรงเล็บเหล็กรับไว้ และอาศัยแรงที่เหนือกว่าผลักร่างของเขาให้กระเด็นออกไป จังหวะที่ร่างกำยำกระเด็นออกห่างปืนลำแสงที่ไหล่ก็เล็งยิงใส่ทันที หนุ่มจอมคาถาเอียงกายหลบลำแสงพุ่งผ่านหน้าท้องไป ความร้อนผ่านร่างวูบไปจนขนลุก ถ้าหลบไม่ทันมีหวังเจ็บหนักแน่ๆ เมื่อถึงตรงนี้จะสู้ด้วยดาบเล่มเดียวคงจะไม่ไหว หนุ่มจอมคาถาหันหลังวิ่งหนีออกจากห้องสะสมของเจ้านักล่ามฤตยูไปตามโถงหนึ่ง ซึ่งไม่รู้ว่าไปไหนเพราะเขาเองก็เพิ่งเข้ามาในยานของมันเป็นครั้งแรก
‘กร๊อก.ก.ก.ก….กร๊อก.ก.ก.ก.ก……’
เจ้านักล่าวิ่งไล่ตามหลังมาติดๆ มันพยายามใช้ตาข่ายยิงใส่เพื่อจับตัวของเขาไว้ แต่ก็พลาดเป้าไปอย่างน่าเจ็บใจซ้ำวิ่งๆไป อยู่ๆหนุ่มจอมคาถาก็หายไปดื้อๆเมื่อมาถึงห้องเตาปฏิกรณ์พลังงานของยาน ในห้องนี้กว้างขวางเต็มไปด้วยเครื่องมือควบคุมปลีกย่อยมากมาย มีแท่งพลังงานตั้งอยู่ตรงกลางคอยจ่ายพลังงานไปทั่วยาน เจ้านักล่าเดินกวาดสายตามองหาหนุ่มจอมคาถาอย่างระแวดระวัง กล้องจับความร้อนทำงานค้นหาแต่ว่าก็ไม่เจอแม้แต่เงา ระหว่างมันเดินลอดผ่านสะพานเหล็กไปนั้น มันไม่ได้สังเกตว่าด้านบนหนุ่มจอมคาถาใช้แขนหนึ่งเกาะราวสะพานห้อยร่างหลบอยู่ เขารอจนมันเดินเข้ามาได้ระยะก็ทิ้งตัวลงมาพร้อมกุมด้ามดาบสองมือหมายฟันเข้ากลางกบาลเพื่อผ่าร่างของมันเป็นสองซีก
‘วี้ดดดดดดดดดดดดดด……………’
‘แกร๊งงงงงงง……….’
เจ้านักล่ามฤตยูยังไหวตัวทันเนื่องจากได้ยินเสียงคมมีดแหวกอากาศมา มันยกกรงเล็บเหล็กขึ้นรับไว้และดันร่างของหนุ่มหมอผีปลิวไปกระแทกราวเหล็กกั้นทางเดินซึ่งอีกด้านเป็นปล่องลึกลงไปมองไม่เห็นก้น และเขาก็เสียหลักร่างพลิกข้ามจะตกลงไปในปล่องนั้น แต่โชคดีที่มือข้างหนึ่งยังจับราวห้อยตัวเอาไว้ทัน เจ้านักล่าอวกาศไม่รอช้า มันพุ่งกรงเล็บเหล็กนำหน้ามาหมายแทงเข้าที่ลำคอของเขาอันเป็นเป้าหมายถึงตาย หนุ่มจอมคาถาใช้มือข้างเดียวกระตุกร่างม้วนตีลังกาข้ามศีรษะเจ้านักล่าและลงมายืนที่พื้นอย่างนุ่มนวล เจ้านักล่าหันมาก็ยิงใส่ด้วยปืนที่ไหล่ทันที หนุ่มจอมคาถาต้องออกวิ่งหนีอีกครั้ง และวิ่งไปอย่างไม่รู้ทิศทางจนกระทั่งมาถึงประตูบานหนึ่ง
กึก…กึก…กึก….กึก….
เสียงเจ้านักล่าวิ่งตามหลังมาติดๆ หนุ่มจอมคาถาจึงเปิดประตูทันทีเพื่อนหนีต่อ แต่เขาต้องใจหายวาบเมื่อเปิด
“เฮ้ย!!!”
หนุ่มจอมคาถารีบดึงร่างที่ก้าวถลำออกไปกลับเข้ามาในตัวยาน เพราะประตูบานนั้นเปิดออกนอกตัวยานด้านข้าง น่าจะเป็นทางออกฉุกเฉิน มองไปเห็นพื้นเบื้องล่างริบๆท่ามกลางความมืด สายฝนถูกลมแรงพัดกระหน่ำเข้ามาจนน้ำเจิ่งนองพื้นที่ยืนอยู่ เสียงของเจ้านักล่าอวกาศไล่ตามมาจวนจะทัน ทำเอาหนุ่มจอมคาถาต้องตัดสินใจอะไรบางอย่าง….
‘แอ้ดๆๆ’
เจ้านักล่าอวกาศไล่ตามมาทัน มันเห็นประตูฉุกเฉินเปิดคาอยู่ ลมฝนพัดมันเปิดเข้าเปิดออกแต่ไม่เห็นแม้เงาของเจ้าหนุ่มหมอผี นักล่าอวกาศสอดส่ายสายตาใต้หน้ากากมองหาอย่างระวัง และมั่นใจเจ้าหนุ่มหมอผีต้องแอบอยู่ที่ไหนสักแห่งเนื่องจากเส้นทางนี้เป็นทางตัน มันเดินย่างเท้ามาช้าๆจนกระทั่งถึงประตูก็ไม่เห็นหนุ่มจอมคาถา มือหนาจึงเอื้อมไปเปิดประตูเปิดออกและมองไปเบื้องล้างเห็นพื้นดินไกลๆ มันมองซ้ายมองขวาเผื่อเขาจะแอบซ่อนตัวก็ไม่พบ ด้านบนก็ไม่มีทำให้มันสงสัยอย่างมาก แต่ขณะจะหันร่างกลับก็ถูกหนุ่มจอมคาถาที่เกาะวงกบประตูชั้นในด้านบนหลบซ่อนตัวอยู่กระโดดลงมาถีบด้วยสองเท้าเข้าเต็มๆหน้าอก ส่งผลให้ร่างของมันกระเด็นออกจากช่องประตูนั้นสู่ความเวิ้งว้างเบื้องนอกในทันที
‘กร๊อกกกกกกก….โฮ๊กกกกกกกกกกก……………..’
เจ้านักล่าอวกาศร้องลั่นขณะร่างร่วงจากความสูงระดับตึกสามชั้น แต่มันก็ยิงเชือกจากข้อมือหมายยึดติดผนังดึงตัวไว้ แต่เจ้ากรรมเชือกดันไปรัดขาของหนุ่มจอมคาถากระชากร่างของเขาให้ร่วงหล่นตามลงไปด้วย ทั้งร่างของมนุษย์และเจ้าเอเลี่ยนนักล่าร่วงละลิ่วลงมาอย่างไม่มีหลัก และสัมผัสพื้นแฉะๆราวโคลนแทบจะพร้อมๆกัน เสียงดังตุ๊บ! พร้อมๆกับเสียงแหกปากร้องที่เงียบลง ทั้งสองทอดร่างนอนนิ่งบนพื้นโคลนท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างหนัก….
.
.
.
‘กะ…กร๊อกกกกกกกก…..’
หลังจากนอนนิ่งไปด้วยกันทั้งคู่อยู่นาน เจ้ามฤตยูนักล่าก็ส่งเสียงครางออกมาก่อน และค่อยๆลุกขึ้นมานั่งสลัดศีรษะด้วยความมึนงง มันหันไปมองร่างของหนุ่มจอมคาถาที่นอนแผ่หลับตาขณะที่สายฝนยังกระหน่ำหนักไม่หยุด มันลุกขึ้นยืนอย่างกระปลดกระเปลี้ยและเดินมาหยุดที่ร่างนอนนิ่งหลับตาสนิทของหนุ่มจอมคาถา มันยกปลอกแขนขึ้นมาเปิดฝากดแผงควบคุมตรวจเช็ควงจรต่างๆ ปืนที่ไหล่ยังทำงานได้ มันเล็งไปที่ร่างของหนุ่มจอมคาถาหมายซ้ำให้แน่ใจ
คลื่ดดดดด….
แว้บ!
สีแสงส้มถูกยิงใส่ร่างของหนุ่มจอมคาถา แต่ในวินาทีเดียวกันเขาลืมตาขึ้นและพลิกร่างหลบได้ทัน ลำแสงกระทบแอ่งน้ำเกิดการระเบิดน้ำกระจาย มันระดมยิงใส่ทันที แต่หนุ่มจอมคาถากลิ้งร่างหลบไปได้ฉิวเฉียดและกระโจนหลบไปหลังต้นไม้ มันยิงแสงสีส้มใส่ต้นไม้หลายครั้งจนลำต้นระเบิดหักโค่นลง แต่กลับไม่มีร่างของหนุ่มจอมคาถาหลบอยู่ มันย่างเท้าเดินไปตรวจดูอย่างระแวดระวัง ด้านหลังต้นไม้เป็นทางน้ำไหลลึกเกือบสะเอว เจ้ามฤตยูนักล่ามองผิวน้ำที่ไหลรี่แล้วยิงปืนแสงที่ไหล่ใส่ไปแบบเดาสุ่ม อานุภาพลำแสงทำให้เกิดการระเบิดใต้น้ำไปทั่ว มันยิงจนแน่ใจว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตแอบซ่อนอยู่
เมื่อไม่เห็นว่ามีศัตรูแอบซ่อนในจุดนั้น เจ้านักล่าจากอวกาศจึงหันไปใช้กล้องจับความร้อนค้นหายังจุดอื่นๆ แต่ขณะที่มันหันหลังให้ ศีรษะของหนุ่มจอมคาถาค่อยๆโผล่พ้นผิวน้ำด้านหลังขึ้นมาเงียบๆ และเมื่อได้จังหวะหมอผีหนุ่มก็กระโดดตีลังกาเกลียวครึ่งรอบขึ้นจากน้ำข้ามหัวของมันแล้วฟันดาบใส่ไปที่ปืนเรเซอร์ที่ไหล่ของมัน เกิดระเบิดอย่างรุนแรงที่ไหล่ทำเอาเจ้านักล่าอวกาศตัวเอียงเสียหลักล้มลงไป เมื่อเท้าลงสู่พื้น เขาก็ไม่รอช้ากุมดาบในมือไล่ฟาดฟันเจ้านักล่าอวกาศไม่ให้ตั้งตัวได้ คมดาบหนึ่งฟันเข้าที่หน้าท้องของมัน เปิดแผลแรกพร้อมๆเลือดสีเขียวไหลออกมา
‘กร๊ากกกกก…..กะ…กร๊ากกกกก……….’
เจ้านักล่าอวกาศกุมบาดแผลเดินเซถอยหลังห่างออกไป หนุ่มหมอผีจรดปลายดาบตั้งมณฑนเตรียมโจมตี ปืนบนไหล่แหลกเละใช้การไม่ได้ เจ้านักล่าอวกาศดึงซากปืนที่ไหล่โยนทิ้งไป เมื่อใช้การไม่ได้ก็ไม่เก็บไว้ให้เกะกะ มันมองดูแผลที่สีข้างสลับมองหนุ่มจอมคาถาด้วยกิริยาแค้นเคือง ถึงแม้จะทำมันบาดเจ็บแต่หนุ่มจอมคาถาก็ยังไม่เร่งร้อนจะเข้าเผด็จศึก ด้วยรู้ดีว่าเจ้านักล่าตนนี้ประมาทไม่ได้ อาวุธ เล่ห์เหลี่ยมและพิษสงของมันรอบตัว แม้จะมีร่างกายใหญ่โตแต่ก็คล่องแคล่วเรี่ยวแรงมหาศาลและกระโดดได้ไกลและยังทรหดอดทน ขนาดตกจากความสูงขนาดนั้นมันยังไม่สะเทือน ส่วนตัวของเขาโชคดีที่มีมนตร์คุ้มครองผ่อนหนักเป็นเบา แต่ก็รู้สึกเคล็ดขัดยอกไม่น้อย
เมื่อยืนเผชิญหน้ากันท่ามกลางสายฝน เจ้านักล่าจากอวกาศไม่เปิดระบบจับภาพด้วยความร้อนจากร่างกายของเหยื่อ เนื่องจากมันดูออกว่ามนุษย์ผู้นี้รู้ทันเทคโนโลยี่ของมัน ทั้งสองยังไม่เปิดฉากเข้าลุยกันต่างขยับตัวดูเชิงกันมาเรื่อยๆจนถึงลานโล่งๆหน้ายานอวกาศและหยุดยืนมองกัน ดาบฟ้าลั่นถูกกุมกระชับมั่นในมือของหมอผีหนุ่มพร้อมจู่โจม เจ้านักล่าก็คว้าท่อนเหล็กมากดปุ่มสีแดงมันยืดออกมาเป็นหอกสีเงินยาว มันจับหอกด้วยสองมือเตรียมพร้อมรบเต็มที่ สายฟ้าที่ฟาดเปรี้ยงๆสาดแสงมาอาบไล้ร่างที่ยืนนิ่งๆของทั้งสองให้ดูมลังเมลือง สายฝนก็ตกกระทบเกราะและร่างกายของทั้งสองกระเซ็นเป็นละอองฝอยใสๆสะท้อนแสงส่องจากยานอวกาศวูบวาบ…
ทั้งคู่ยืนนิ่งมองกันกิริยาราวรูปปั้น เนื่องจากต่างรู้ดีในความร้ายกาจของกันและกันหลังปะทะกันมาก่อนหน้านี้แล้วหลายกระบวนท่า การลงมือในรอบนี้จึงต้องเน้นและรอบคอบไม่ผลีผลาม จนกระทั่งสายอสุนีบาตฟาดเปรี้ยงใส่โคนต้นไม้ที่อยู่ไม่ห่างหักโค่นลงมา เจ้านักล่าอวกาศจึงถือเป็นสัญญาณเปิดฉากเข้าโจมตีก่อน หอกในมือถูกฟาดเข้าใส่หมายแทงเข้าที่หน้าอก หมอผีหนุ่มเบี่ยงร่างหลบและฟันสวนกลับไปแต่มันก็เอาด้ามหอกรับไว้ จากนั้นต่างก็ใช้เพลงหอกและเพลงดาบเข้าโรมรันกันดุเดือด ต่างผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างมีแบบแผนกระบวนท่าไม่มั่ว จนกระทั่งหนุ่มหมอผีหวดคมดาบฟันเข้าที่หน้าอก ทำให้เกราะอกด้านขวาของมันขาดกระเด็น ทำเอามันต้องถอยออกไปห่างหลายวา
เมื่อเห็นว่าเจ้ามนุษย์ตนนี้ร้ายกาจเกินจะหยอกเล่น มันจึงเอาหยิบวัตถุกลมๆแต่มีขอบคมกริบออกมาจากเข็มขัดที่สะเอว มันขว้างสิ่งนั้นใส่หมอผีหนุ่มทันที เจ้าวัตถุกลมๆแบนๆคล้ายกงจักรหมุนติ้วแหวกอากาศเข้าหาร่างหนุ่มหมอผี แม้เขาจะเอี้ยวร่างหลบได้แต่มันก็ย้อนกลับมาหาหมอผีหนุ่มอีก ถึงเขาจะเอาดาบฟันสกัดแต่พอกระเด็นไปมันก็หมุนกลับมาใหม่อีกครั้ง มุกโจมตีนี้ทำเอาหมอผีหนุ่มต้องหลบหัวซุกหัวซุน และแค่อันเดียวไม่พอมันยังขว้างมาใส่อีกหลายอัน ทำเอาหมอผีหนุ่มต้องป้องกันตัวพัลวัน เจ้านักล่าอวกาศหัวเราะหึ..หึ…อย่างพอใจ
หมอผีหนุ่มกำลังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบขณะล้มตัวหลบและฟันสกัดอาวุธมหากาฬนี้ พลันเขาก็คิดวิธีแก้ไขออกมา เมื่อฟาดคมดาบใส่กงจักรอันหนึ่งกระเด็นไป เขาก็วิ่งเข้าไปหาเจ้านักล่าอวกาศที่ยืนดูอยู่ เจ้านักล่าอวกาศไม่ทันตั้งตัวแต่มันก็ฟาดหอกออกมาสกัด หมอผีหนุ่มย่อกายสไลด์ตัวรอดหว่างขาของมันไป มันหันมองตามงงๆแต่พอหันกลับมากงจักรที่มันขว้างไปกำลังพุ่งมาหามันอย่างรวดเร็ว
‘กะ…กร๊อกกกกกก…..’
เจ้านักล่าอวกาศตาเหลือกรีบยิงแสงจากปลายหอกทำลายกงจักรนั่นก่อนจะมาเจาะร่างของมัน…
แว้บ…
ตู๊มมมม
ทว่าก็ยังมีอันหนึ่งหลงเหลือพุ่งเข้าปักเต็มๆหน้าของมัน เจ้านักล่าอวกาศผงะหงายเดินเซไป หมอผีหนุ่มปักดาบลงพื้นคุกเข่ายันกายไว้แล้วเขาเงยมองดูอาการของมัน เจ้านักล่าดึงกงจักรออกจากหน