แฝดอันตราย ตอนที่18
หลังจากชัดชายขับรถสปอร์ตของพี่ชายออกมาจากบ้านแล้วก็ขับตรงไปห้างสรรพสินค้าชื่อดังใกล้ๆบ้าน เดินเข้าไปนั่งสั่ง
กาแฟมาดื่มพร้อมหยิบโทรศัพท์โทรหาคุณหมิว รอสายเรียกสักครู่เสียงหวานๆไพเราะของคู่หมั้นพี่ชายก็กรอกเสียงมา
“สวัสดีค่ะคุณพี่…ตอนนี้อยู่ไหนแล้วคะ…หมิวแต่งตัวรอแล้วนะคะ…”เสียงคุ่หมั้นของพี่ชายสดใสเริงร่า ไม่รุ้ชะตากรรมแม้สัก
นิดว่ากำลังหลงกลเดินเข้าไปสู่ปากพยัคฆ์ร้าย
“พี่อยุ่ทีศูนย์การค้า….ครับ..พอดีขับรถมายางโดนตะปูตำน่ะครับ..เลยไปหาน้องหมิวที่บ้านไม่ได้…
น้องมาหาพี่ได้มั๊ยครับ…”
ชัดชายจำเป็นต้องเล่นมุกนี้ เพราะตัวเค้าไม่รู้จักเส้นทางไปบ้านของคุณหมิว แล้วรอลุ้นว่าคุณหมิวจะตอบตกลงมาพบที่ศูนย์
การค้าได้หรือไม่ หลังจากเงียบไปเพียงครู่ คุณหมิวก็ตอบรับว่ามาเองก็ได้ ทำให้ชัดชายยิ้มร่าด้วยความดีใจ จัดการนัดสถาน
ที่ เวลากันเรียบร้อยก็นั่งละเลียดจิบกาแฟรออย่างใจเย็น
ช่วงระหว่างที่คุณหมิวเรียกแท็กซี่ให้มาส่งที่ศุนย์การค้านั้น เป็นเวลาเดียวกับที่ฉัตรชัยกลับมาจากตลาดในตัวอำเภอสรรพยา
พอถึงบ้านเรือนไทยเขาปลีกตัวจากหวาน โทรศัพท์ไปหาคุณหมิวด้วยความคิดถึง แต่กดโทรสายติดสักครู่ก็โดนกดสายทิ้ง
ฉัตรชัยพยามโทรหาอีกสามสี่ครั้ง แต่ก็โดนตัดสายทิ้งตลอด เขาจึงเปลี่ยนใจโทรไปหามารดาแทน
“แม่ครับ..ผมฉัตรนะครับ……” ฉัตรชัยรีบพูดอย่างร้อนรนทันทีที่มารดารับสาย
“อ้าว…ลูกเองหรอจ๊ะ..เอาเบอร์ใครโทรมาล่ะ…” เสียงมารดาเรียบๆ แต่ก็แฝงความประหลาดใจที่ลูกชายคนโตโทรมาหา
“แม่ครับ…เบอร์ใหม่ผมน่ะครับ ผมน่าจะลืมโทรศัพท์ทิ้งไว้ในรถตอนที่น้องขับมาส่ง…”เสียงของฉัตรชัยดูลุกลี้ลุกลน จนผู้
เป็นมารดาเริ่มแปลกใจ
“ฉัตร..ลูกเป็นกังวลเรื่องอะไรจ๊ะ..แม่ฟังน้ำเสียงเหมือนลูกร้อนใจยังงั้นแหละ…”
“แม่ครับ…ฟังผมให้ดีนะครับ…ผมเกรงว่านายชัดจะเอาโทรศัพท์ผมไปใช้…แล้วเอ่อ…เขาอาจติดต่อกับน้องหมิวน่ะครับแม่…
แม่ช่วยเช็คอะไรบางอย่างให้ผมได้มั๊ยครับ…”พอพูดจบมารดาฉัตรชัยก็รับปากทันที
“คืองี้นะครับแม่…ผมลองโทรไปหาน้องหมิวแล้ว เธอกดสายผมทิ้ง คงเพราะว่าเป็นเบอร์ที่เธอไม่รู้จัก แต่ถ้าแม่โทรไปหาน้อง
หมิวน่าจะรับสาย ผมอยากให้แม่ถามว่าตอนนี้เธอกำลังทำอะไรอยู่ครับ…”
“ได้สิจ๊ะลูก…งั้นแม่วางสายแล้วโทรหาเลยนะ สักครุ่ลูกค่อยโทรมาหาแม่อีกครั้งนะจ๊ะ….”
…………………………………………………………..
ขณะที่คุณหมิวนั่งอยู่บนรถรับจ้าง เสียงโทรศัพท์เรียกเข้ามาหาเธอ จึงยกขึ้นมองเบอร์ที่โทรมา เธอไม่คุ้นกับเบอร์นี้เลย
เพราะเบอร์โทรศัพท์นี้ของเธอเป็นเบอร์ส่วนตัวมีเพียงไม่กี่คนที่รู้ เมื่อเห็นเบอร์ไม่คุ้นโทรมาคุณหมิวก็กดตัดสายทิ้ง สักครุ่
ฝ่ายนั้นก็โทรมาใหม่ แล้วคุณหมิวก็ตัดสายทิ้งอีกครั้งพร้อมพรึมพรำในใจคนเดียวว่า ใครโทรมาทำไมนะ พวกโรคจิตแน่ๆ
เลยที่โทรมาหาแบบนี้ จนสายนั้นโทรติดๆกันอีกสามสี่ครั้ง คุณหมิวรำคาญจึงกดปิดสัญญาณของมือถือเธอไป สักพักใหญ่ๆ
จึงกดเปิดสัญญาณอีกครั้ง
………………………………………………………………..
“แม่ครับ…น้องหมิวว่าไงครับ…”
ฉัตรชัยโทรหามารดาอีกครั้ง พอเธอรับสายเขาก็รีบถามออกไปอย่างร้อนรน ด้วยความรุ้สึกเหมือนมีรางสังหรณ์ว่าจะเกิด
เรื่องร้ายกับคุ๋หมั้นสาวของตน
“แม่ติดต่อนู๋หมิวไม่ได้น่ะลูก เหมือนจะปิดโทรศัพท์….” คุณนายแจ่มจรัสก็เริ่มรุ้สึกกังวล
“งั้นเอาแบบนี้นะครับ ..แม่โทรหาเครื่องผมที่เบอร์เดิมนะครับ…..ถ้านายชัดมันรับสาย แม่ก็ทำทีว่าโทรมาคุยกับผม อย่าเพิ่ง
ให้นายชัดมันรู้ว่าแม่รู้เรื่องโทรศัพท์ผมหาย ได้มั๊ยครับ…”
“ได้จ๊ะลูก…แม่วางสายนะจ๊ะ…สักครุ่พอได้เรื่องอะไรแม่จะโทรหาลูกเอง….” พอมารดาวางสาย ฉัตรชัยก็สะดุ้งเมื่อหวานเดิน
มาอยู่ด้านหลังแล้วถามเขาว่าโทรคุยกับใคร
“เอ่อ…พี่โทรคุยกับนายจ้าง ที่พี่ไปทำงานพิเศษมาจ๊ะ…”
ฉัตรชัยตอบอ้ำๆอึ้งๆ พยายามซ่อนพิรุทเต็มที่ แต่โชคดีที่หวานไม่ได้ซักถามต่อ เธอเดินเข้ามาโอบด้านหลังของฉัตรชัย
พร้อมกล่าวขอบคุณที่เค้าซื่อข้าวของมากมายเข้าบ้าน โดยเฉพาะทีวี เธออยากได้มานานแล้ว
“จะต้องมาขอบคุณพี่ทำไมกันล่ะ…นี่มันหน้าที่ของผัวนี่จ๊ะ…”
ฉัตรชัยรู้สึกกระดากปากเหมือนกันที่พูดคำนั้นออกมา แล้วก้ยิ่งรู้สึกอึดอัดมากขึ้นเมื่อหวานรัดวงแขนแน่นขึ้น จนอกอวบอิ่ม
ของเธอแนบกับแผ่นหลังของเขาเต็มที่
“เจ้านายพี่คงจะใจดีนะจ๊ะ…พี่ถึงได้เงินมาซื้อของตั้งมากมาย…”
ฉัตรชัยจำต้องยินนิ่งค้างแข็ง เมื่อโดนวงแขนของหวานกอดรัดแน่น ส่วนหวานพอเห็นฉัตรชัยทำท่าทางแบบนั้น เธอก็ลอบ
อมยิ้มขำๆ รุ้สึกสนุกที่ได้แกล้งฝาแฝดของสามีเธอ พร้อมครุ่นคิดอยู่ในใจว่า เธอต้องทำให้ผู้ชายคนนี้สารภาพออกมาจาก
ปากให้ได้ว่า สลับตัวกันมาเพื่อประสงค์สิ่งใด
…………………………………………
“ลูกฉัตรเป็นยังไงบ้างจ๊ะ…อยู่บ้านน้องคืนนึงนอนหลับสบายมั๊ยลูก…” คุณนายแจ่มจรัสโทรเข้าเบอร์มือถือของฉัตรชัยเบอร์
เดิม พอฝ่ายตรงข้ามรับสาย เธอก็ชิงพูดขึ้นมาเหมือนกำลังโทรหาบุตรชายแฝดคนโต โดยไม่รู้เรื่องราวอื่นใด
“เอ่อ…ก็สบายดีครับแม่…ผมอยุ่ที่นี่ก็สุขสบายดี ไม่ได้ลำบากอะไรเลย ว่าแต่แม่มีธุระอะไรกับผมหรือครับ…”
ชัดชายรับสมอ้างตัวเป็นพี่ชายคุยกับมารดาทันที่ที่ได้ยินมารดาทักมาตามสาย หลังจากคุยกันอีกสักครุ่มารดาก็วางสายไป
แล้วเธอก็รีบโทรหาบุตรชายแฝดคนโตทันที แต่ไม่มีเสียงสัญญาณตอบรับ แม้จะลองกดโทรอีกสองสามครั้ง นางจึงวางสาย
แล้วเริ่มครุ่นคิดกังวลกลัดกลุ้มว่าบุตรชายแฝดคนโต มีเรื่องกังวลอะไร หรือจะเกรงว่าแฝดคนเล็กของนาง จะนัดเจอกับคุณ
หมิวคุ่หมั้นของพี่ชาย พอนางคิดถึงตรงนี้นางก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจตามไปด้วย
…………………………………………
[post]เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงกับการจราจรที่แสนติดขัดของกรุงเทพมหานคร กว่ารถรับจ้างที่คุณหมิวเรียกมา จะมาถึงห้างสรรพ
สินค้าที่คู่หมั้นหนุ่มรออยู่ พอเธอลงจากรถก็โทรไปเข้าเครื่องของเขา ทราบว่าคุ่หมั้นนั่งรออยู่ที่ร้านกาแฟ คุณหมิวก็เดินอย่าง
สง่างามไปหา ชุดแซกสั้นสีบานเย็นขับผิวขาวละเอียดของเธอใหดูผ่องสว่างสดใส ประกอบกับรูปร่างสูงโปร่งระหง ใบหน้า
สวยหวานตามแบบฉบับลูกคุณหนูมีเงิน เวลาเยื้องกายก้าวเดิน ต่างมีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่เดินสวนมาจ้องมองจนแทบเหลียว
หลัง แต่คุณหมิวเธอชินกับเหตุการณ์แบบนี้มานานนักหนา ทุกย่างก้าวเดินของเธอจึงเต็มไปด้วยความมั่นใจ เต้มไปด้วยความ
งามสง่าดุจนางแบบเดินบนแคทวอร์ค
“สวัสดีค่ะคุณพี่….”