น้องผิง ตอนที่ 20
……………………………….
Assasin008
ผมเดินเข้าไปในรีสอร์ทริมทะเลด้วยความรู้สึกแปลก ๆ เพราะว่าเมื่อกลางวันผมเพิ่งจะเดินทางจากทะเลกลับไปบ้าน แต่พอตกเย็นผมก็ต้องขับรถกลับมาที่ทะเลอีกรอบเพื่อหามิ๊งแม่ของผิง เพราะว่ามิ๊งกำลังเสียใจ กว่าจะมาถึงได้ก็พลบค่ำฟ้ามืดพอดี
เรื่องที่ทำให้ผมรู้สึกแปลก ๆ ไม่ใช่เพราะเรื่องเดินทางจนเหนื่อยหรอก แต่เป็นเพราะว่ารีสอร์ทที่มิ๊งมาเช่าพักนั้นอยู่บนหาดเดียวกันกับที่ผมพักเมื่อคืน เรียกได้ว่าเป็นรีสอร์ทติดกันเลยด้วยซ้ำ ต่างกันแค่ของผมจะราคาแพงหรูหราเน้นรับคนรวย แต่ที่พักของมิ๊งในตอนนี้จะราคากลาง ๆ ไม่แพงไม่ถูกเกินไป
ห้องโถงโรงแรมไม่ค่อยมีคนมากนัก ผมเดินเข้าไปก็สังเกตเห็นมิ๊งได้ทันที ร่างขาวเปล่งปลั่งสวยผุดผาดของแม่บ้านลูกหนึ่งเปล่งประกายสะดุดตาอยู่บนโซฟาสีแดง แค่
เห็นท่านั่งเหมือนพญาหงส์ของเธอก็ทำให้พาลคิดไปว่าเธอเป็นพวกไฮโซ เสน่ห์ของเธอดึงดูดจนหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่แถวนั้นพากันแอบมองตาเป็นมัน เพียงแต่ใบหน้าของเธอนั้นดูเศร้าสร้อยมากไปหน่อย
“มิ๊ง”
ผมเดินเข้าไปทักด้วยความเป็นห่วง สีหน้าของเธอดูเหม่อลอยมาก ตาสองข้างก็แดงช้ำเหมือนเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก แต่ถึงอย่างนั้นมิ๊งก็ยังดูสวยสง่าเหมือนกุลสตรีสูงศักดิ์
“… คุณกาย”
มิ๊งเงยหน้ามองผมช้า ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ออกมาอีกรอบ แววตาเหม่อลอยของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อมองเห็นผม
“มิ๊งเป็นอะไรหรือเปล่า”
ผมถามด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง ถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่แน่ใจว่ามิ๊งเธอเศร้าเรื่องอะไรกันแน่ แค่ทะเลาะกับสามีแล้วเครียด หรือว่ายังไง เพราะว่าเรื่องนี้น้องผิงลูกสาวของเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
“… ไม่เป็นอะไรนะค่ะ … ลำบากคุณกายต้องเดินทางมาหามิ๊งอีก … แย่จังเลย … ขอบคุณนะคะ”
มิ๊งพูดด้วยน้ำเสียงสะอื้น ผมว่าถ้าคุยกันอีกหน่อย เธอคงจะต้องร้องไห้ออกมาแน่ ๆ และคงจะไม่ดีเท่าไหร่ถ้าจะปล่อยให้เธอนั่งร้องไห้ในสถานที่มีคนเยอะแบบนี้
“ไม่ลำบากเลยสักนิด ผมก็แค่มาดูแลเมีย เราไปคุยกันบนห้องดีกว่านะ จะได้คุยสะดวกหน่อย”
ผมพูดเสนอพลางยื่นมือไปช่วยประคองร่างของเธอขึ้นมายืน ก่อนจะยื่นมือไปโอบเอวเพื่อพาเธอไปคุยกันต่อที่ห้องพัก อย่างน้อยตรงนั้นถ้าเธอจะร้องไห้หรือยังไงก็ไม่มีปัญหา แต่ดูเหมือนว่ามิ๊งจะยังไม่อยากกลับห้องพักของเธอ
“มิ๊งอยากไปนั่งริมทะเล … พามิ๊งไปได้หรือเปล่าคะ”
เธอพูดขอร้องด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง ผมยืนนิ่งชั่งใจครู่หนึ่ง เพราะว่าชายหาดอาจจะมีคนเยอะไม่ต่างกับตรงนี้ แต่พอคิดอีกทีตอนนี้ฟ้าก็มืดแล้ว ไปนั่งชายหาดก็คงไม่มีใครสนใจมองสักเท่าไหร่ ถ้าเธออยากไปผมก็ไม่ขัดข้อง
เราสองคนเดินไปทางชายหาดช้า ๆ โดยไม่ได้พูดอะไรกันสักคำ แต่มิ๊งบีบมือผมแน่นเกือบตลอดเวลาเหมือนมีความในใจคับข้องอยู่เต็มอก และไม่นานนักเราสองคนก็ไปถึงชายหาด โชคดีที่ชายหาดหน้าโรงแรมตอนนี้แทบไม่มีคนสักเท่าไหร่ แถมยังมืดจนเห็นแค่เงาลาง ๆ ผมเลยพามิ๊งไปนั่งบนพื้นทรายตรงที่มีเรือประมงจอด เผื่อใช้บังสายตาคนอื่นด้วยอีกทางหนึ่ง
มิ๊งนั่งมองไปทางทะเลเงียบ ๆ ไม่ได้พูดอะไร ผมมองไม่เห็นหน้าของเธอว่าเป็นยังไงเพราะมืดเกินไป แต่ผมก็เลือกที่จะนั่งนิ่ง ๆ อยู่ข้างเธอ กุมมือเธอไว้ตลอดเวลารอให้เธอปรับอารมณ์ของตัวเองเสียก่อน
ไม่นานนักมิ๊งก็เริ่มขยับตัว เธอขยับเข้ามาหาผมแล้วเอียงศีรษะมาซบบนไหล่ ผมเลยเอื้อมมือไปโอบไหล่ใช้มือลูบผิวนุ่มนิ่มบนแขนของมิ๊งเพื่อปลอบประโลม ถึงท่าทางของเธอจะยังเคร่งเครียด แต่อย่างน้อยก็ดีที่เธอไม่ได้ร้องไห้อยู่
“คุณกายคะ …”
“… ครับ …”
“ขอโทษอีกครั้งนะคะ … มิ๊งทำให้คุณกายลำบาก ต้องลำบากมาถึงทะเลเลย”
“โอย ไม่หรอก บอกแล้วไงว่าไม่ลำบากเลย มิ๊งก็เหมือนเมียผมแหละ ผมเป็นห่วงผมก็ต้องมาดูแล เลิกพูดเป็นคนอื่นคนไกลได้แล้ว ถ้าจะขอโทษก็ขอโทษเรื่องที่ไม่ยอมโทรบอกผมก็แล้วกัน ทีหลังเป็นอะไรก็บอกกันบ้าง รู้หรือเปล่าว่าเป็นห่วง หนีมาทะเลคนเดียวแบบนี้ถ้าเกิดอะไรขึ้นผมจะช่วยทันได้ยังไง”
ผมพูดปลอบพลางเอียงหน้าไปจูบผมของเธอเบา ๆ จนได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จะบอกว่าผมพูดสร้างภาพก็ได้ แต่ว่าผมรู้สึกโกรธจริง ๆ ที่เธอไม่ยอมโทรคุยกับผมตอนที่ไม่สบายใจ แถมยังเลือกที่จะหนีมาทะเลคนเดียวอีกต่างหาก มิ๊งทำให้น้องผิงเศร้าจนต้องร้องไห้
เสียงดุของผมทำให้มิ๊งสะท้านวูบหนึ่ง เธอหันหน้ามาทางผมแต่ผมไม่เห็นหรอกนะเพราะมืดเกินไป ผมรู้แค่ว่าตัวเธอเริ่มสั่นสะท้านและเหมือนจะเริ่มร้องไห้ออกมา
“ขอโทษค่ะ … มิ๊งกลัว … มิ๊งไม่กล้าโทรบอกคุณกาย … มิ๊งกลัวว่าถ้าคุณกายไม่สนใจมิ๊งอีกคน มิ๊งคงจะทนอยู่ต่อไปไม่ไหว ขนาดสามีที่แต่งงานกันมาเกือบยี่สิบปีก็ยังทำเหมือนมิ๊งไม่มีตัวตน … มิ๊งกลัวค่ะ”
ตอนนี้ต่อมน้ำตาของเธอเหมือนจะแตกทะลัก เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น หน้าของเธอซบบนแขนของผมจนเปียกชื้นด้วยน้ำตา สองมือกอดผมไว้แน่นจนผมรู้สึกสงสารขึ้นมา แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าที่แท้แล้วเธอกำลังเศร้าเรื่องอะไรกันแน่ เพราะเหงา ว้าเหว่ หรือว่าอะไร
ถึงจะยังไม่รู้เรื่องราว แต่ผมก็กอดร่างที่สั่นสะท้านสะอึกสะอื้นเอาไว้ ผมจูบที่หน้าผากของเธอเป็นระยะเพื่อปลอบขวัญโดยไม่รู้ว่าควรพูดอะไร ผมได้แต่คอยจนเธอเริ่มสงบลง แล้วจึงค่อยพูดปลอบอีกครั้ง
“ถ้าไม่สนใจ ผมจะมาหาถึงนี่เหรอ”
พอเธอเริ่มหายสะอื้น ผมก็พูดพลางก้มหน้าลงไปจูบปากเธอเบา ๆ มิ๊งสะท้านวูบหนึ่งแล้วนิ่งไป ก่อนจะโน้มหน้าเข้ามาหาผมพร้อมกับประกบปากจูบ เธอกอดผมแน่นพร้อมกับจูบด้วยอารมณ์ร้อนแรง ผมเองก็ตอบสนองเธอด้วยจูบที่ร้อนแรงไม่แพ้กัน รสชาติจูบในครั้งนี้ผมไม่เคยพบเจอมาก่อน มันเหมือนเต็มไปด้วยอารมณ์อันหลากหลายที่เธออยากบอกแต่ไม่กล้าพูดออกมา
เราจูบกันปากกันอย่างเร่าร้อนเนิ่นนาน ผ่านไปครู่หนึ่งเราก็เปลี่ยนลงไปเป็นท่านอน มิ๊งนอนหงายลงบนผืนทราย ส่วนผมนอนคร่อมทับลงไป แต่ตลอดเวลานั้นปากของเราสองคนแทบไม่ห่างออกจากกันเลยสักวินาทีเดียว
มือบอบบางของมิ๊งลูบไปบนแผ่นหลังผม ก่อนจะเอื้อมลงไปกดที่สะโพก สองขาของเธอเริ่มถ่างอ้าตวัดรัดรอบบั้นเอวของผมเอาไว้ ท่าทางของเธอบ่งบอกออกมาอย่างชัดเจนว่าเธอกำลังเต็มไปด้วยความต้องการ และเธอต้องการมันที่นี่เดี๋ยวนี้
ผมอยากจะตอบสนองเพราะอารมณ์โดนปลุกขึ้นมาแล้ว แถมยังอยู่ในสถานการณ์น่าตื่นเต้นบนหาดทรายอีก แต่ผมก็ต้องแอบยิ้มฝืน ๆ เพราะเกรงว่าจะไม่มีเรี่ยวแรงเหลือเพียงพอ เมื่อคืนผมเพิ่งจัดหนักกับเด็กสาวไปสี่คนผมเลยไม่แน่ใจนักว่าจะไหว
โชคดีที่พอทดลองเอื้อมมือลงไปจับตรงเป้ากางเกง อาวุธของผมมันตอบรับด้วยการฮึดสู้จนแข็งเป็นลำ ถึงจะไม่แข็งแรงเท่าตอนปกติ แต่ก็ถือว่าพอใช้งานได้ ผมเลยเริ่มจัดการถลกกระโปรงของเธอขึ้น แล้วล้วงมือลงไปเกี่ยวรูดกางเกงในให้พ้นทางสู่สวรรค์
มิ๊งร่วมแรงร่วมใจช่วยแอ่นเด้งสะโพกเปิดทางให้ผม กางเกงในของเธอก็เลยหลุดลุ่ยลงไปได้อย่างรวดเร็ว ส่วนกางเกงของผมไม่ต้องห่วง ดึงลงไปหน่อยเดียว แท่งยาวใหญ่ก็เด้งผลึงออกมาพาดอยู่ตรงโหนกนูนของมิ๊งเตรียมสอดใส่เรียบร้อยแล้ว
“อื๊อออ … อืออ … อือออ … อือออ … อือออ …”
เสียงครางลอดออกมาจากลำคอของแม่บ้านสุดสวย เราจูบปากแลกลิ้นกันอยู่ตลอดเวลา แต่ท่อนล่างนั้นผมเพิ่งสอดใส่เข้าไปจนมิดลำและเริ่มกระเด้าซอยใส่เธอแบบหนัก ๆ ตั้งแต่เริ่มต้น เพราะว่าอารมณ์กำลังรุนแรงได้ที่ เหมือนกับว่าเธออยากโดนลงโทษ และผมเองก็อยากลงโทษให้สาสมใจสักครั้ง
ระหว่างที่ผมกำลังโยกกระเด้าบั้นเอวอย่างเมามัน สองมือของผมก็เริ่มขยับไปจัดการปลดแบะเสื้อของเธอออก ผมล้วงมือลงไปขยำเต้านมอวบทั้งสองข้างของเธอแบบแรง ๆ จากนั้นก็โหมกระเด้าถี่ยิบด้วยอารมณ์ดิบเถื่อนกระสัน ร่องเสียวของมิ๊งยังคงคับแน่นเช่นเคย ถึงจะมีลูกสาวแล้วหนึ่งคนแต่ก็ยังฟิตแน่นไม่แพ้พวกสาววัยรุ่นสักเท่าไหร่
ดุ้นเนื้อของผมวิ่งเข้าวิ่งออกแหย่ทะลวงร่องโพรงถี่ยิบ มิ๊งจิกเล็บใส่ผมสุดแรงเหมือนเสียวจนแทบขาดใจ เราเสพความเสียวกันได้ราวห้านาทีมิ๊งก็กระตุกเฮือกดิ้นพราดเหมือนโดนไฟฟ้าช๊อต เธอส่งเสียงครางอู้อี้ในลำคอเสียงดัง ร่องเสียวของเธอตอดใส่ผมหนุบหนับ ส่วนผมเองก็แอ่นกระแทกปิดท้ายอีกสองสามครั้งก็กระฉูดน้ำกามซึ่งเหลืออยู่กระปริบกระปอยเข้าไปในร่องของเธอ … ผมว่าผมคงต้องพักสักหน่อย
เราสองคนนอนกอดจูบกันบนผืนทรายซึมซับความสุข รอจนลมหายใจของมิ๊งเริ่มสงบลง ผมจึงค่อยถอนปากออกมาหอบหายใจ แต่ก็ยังมองใบหน้าของเธอในความมืด
“คุณกายคะ …”
“ครับ”
“… ได้โปรด อย่าทิ้งมิ๊งนะคะ มิ๊งยินดีเป็นเมียน้อย เป็นข้าทาส เป็นอะไรก็ได้ คุณกายจะแวะมาหานาน ๆ ครั้งก็ได้ ขอแค่อย่าทิ้งมิ๊ง อย่าทำเป็นมิ๊งไม่มีตัวตน มิ๊งขอแค่นี้ก็พอแล้ว ได้โปรดนะคะ”
“ผมเคยสัญญาแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าจะช่วยดูแลมิ๊ง ตอนนี้ผมก็ยังสัญญาแบบเดิม”
เธอถามด้วยน้ำเสียงพลุ่งพล่านน่าสงสาร จริง ๆ ก่อนหน้านี้ตอนโดนผมครั้งแรก เธอก็พูดอะไรแนวนี้ เพียงแต่ตอนนี้อารมณ์ของเธอดูจะพลุ่งพล่านกว่าเดิม ก่อนหน้านี้ผมก็ตอบรับปากไปงั้น ๆ ไม่ได้คิดอะไรมาก ตอนนั้นผมมองมิ๊งเป็นเหมือนผู้หญิงขายบริการทั่วไป ไม่นานผมก็คงเบื่อ ผมเลยรับปากส่ง ๆ ไป แล้วค่อยว่ากันอีกที
ตอนนี้ต่างจากตอนนั้น อันดับแรกเลยผมเป็นห่วงน้องผิง เลยเผื่อแผ่มาถึงแม่ของเธอ และยิ่งสนิทกับมิ๊ง ผมก็ยิ่งรู้สึกว่าเธอน่าสงสารจากใจจริง หรือบางทีผมอาจจะเริ่มรู้สึกผูกพันธ์กับมิ๊งแล้วก็ได้ ครั้งนี้ผมก็เลยให้คำสัญญาด้วยความตั้งใจจริง ผมคิดว่าจะช่วยดูแลมิ๊งเท่าที่ผมจะทำได้
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอจับความจริงใจของผมได้หรือเปล่า มิ๊งถึงได้เงียบเสียงลงไป เธอจูบกับผมอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นจูบนุ่มนวลถวิลหาไม่ร้อนแรงเหมือนจูบก่อนหน้า จูบนี้คล้ายสายลมพัดผ่านจนรู้สึกอบอุ่น
“… มิ๊งรักคุณกายนะคะ รักมากที่สุด ไม่เคยรักใครมากขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต”
พอจูบกันเรียบร้อย เธอก็พูดเสียงอ่อนหวานแต่แฝงความหนักแน่นในคำพูด ขนาดผมผ่านผู้หญิงมากมารยามาเยอะก็ยังรู้สึกใจอ่อนยวบ ไม่อยากโกหกเธอมากเกินไป
“ผมก็รักมิ๊งนะ … อืม … ผมไม่กล้าบอกว่ารักมากที่สุด … ผมรู้แค่ว่ามิ๊งเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่ผมอยากดูแล”
ผมบอกเธอตรง ๆ ในสิ่งที่ผมคิดไว้ ซึ่งมันก็ไม่หวานหรอก แต่มันคือความจริง และผมว่าตอนนี้มิ๊งก็ต้องการความจริง ผมเชื่อว่าเธอจะเข้าใจในสิ่งที่ผมอยากบอก
“… มิ๊งเข้าใจค่ะ … มิ๊งบอกแล้วไงคะ ว่าจะให้มิ๊งเป็นอะไรก็ได้ เมียน้อย หรือข้าทาส มิ๊งก็จะเป็นให้ ขอแค่คุณกายไม่ทิ้งมิ๊งไปก็พอ มิ๊งสัญญาว่าจะไม่ทำให้คุณกายเดือดร้อนเรื่องนี้”
“เอาเป็นว่าเราเข้าใจกันแล้วนะ … ว่าแต่ตอนนี้เอายังไงกันต่อดี ทำกันต่ออีกรอบดีหรือเปล่า บนหาดทรายนี่ก็ตื่นเต้นดีออก เหมือนจะมีคนสงสัยแล้วด้วยว่าเราทำอะไรกันอยู่”
พอเห็นว่ามิ๊งเริ่มไม่เป็นอะไรแล้ว ผมก็แอบหยอดแซวเธอไป มิ๊งคล้ายกับเพิ่งรู้สึกตัวว่าเราเพิ่งทำเรื่องน่าอายบนหาดทรายไป เธอเลยมองซ้ายมองขวาแล้วส่งเสียงบอกให้ผมขยับออกไป แต่ผมนึกสนุกเล่นบทดื้อแพ่งนอนทับแล้วกอดจูบมิ๊งต่อไปอีกหน่อยจนเธอตัวอ่อนระทวยนอนนิ่งหอบกระเส่า
“… คุณกาย … มิ๊งอายค่ะ”
“ก่อนหน้านี้ไม่เห็นอายเลย ร้อนแรงอีกต่างหาก”
“คุณกายคะ … อย่าแกล้งมิ๊ง”
“ยังจะเรียกคุณกายอะไรอีก ลืมแล้วเหรอว่าต้องเรียกว่าอะไร”
“… ที่รัก”
“อืม ดีมาก เดี๋ยวเราไปคุยกันต่อที่ห้อง … ผมมีเรื่องจะสารภาพกับมิ๊ง แล้วก็มีคนอยากให้มิ๊งเจอด้วยหนึ่งคน”
ผมยิ้มพลางขยับบั้นเอวถอนร่างออกมา มิ๊งแอ่นสะโพกร่อนตามหนึ่งครั้งเหมือนไม่อยากให้ผมถอนออก ผมเลยได้โอกาสหยอกเธออีกรอบ ก่อนที่เราสองคนจะจัดการสวมใส่เสื้อผ้า แล้วเดินโอบเอวเข้าไปในโรงแรมเหมือนคู่รักข้าวใหม่ปลามัน เธอถามผมว่าอยากให้ผมเจอกับใครและมีอะไรจะสารภาพ แต่ผมยังไม่ตอบ ผมแค่ยกโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกไปหาน้องผิง เพื่อนัดหมายไปเจอกันในห้องพัก ด่านแรกผ่านไปแล้ว คงต้องรอดูด่านสองว่าจะเป็นอย่างไร
………………………………
ผมตื่นขึ้นมาตอนเช้าด้วยความรู้สึกสดชื่นยิ้มกริ่ม บนเตียงนอนตอนนี้มีผมอยู่ตรงกลาง ซ้ายมือคือมิ๊งแม่บ้านสาวพราวเสน่ห์ ขวามือเป็นน้องผิงนางฟ้าตัวน้อยที่ผมรักและหวง พวกเธอกำลังนอนหลับตาพริ้มมีความสุขข้างกายผม และขอบอกก่อนว่าเธอสองคนอยู่ในสภาพเสื้อผ้าครบทุกชิ้น เพราะว่าเมื่อคืนผมไม่ได้ทำอะไรกับพวกเธอเลย
แน่ล่ะว่าผมอยากทำจะแย่ บรรยากาศเมื่อคืนก็เป็นใจให้เต็มที่ แต่ร่างกายโดนใช้งานหนักจนฝืนไม่ไหว ผมเลยทำได้แค่นอนกอดนางฟ้าแม่ลูกแสนสวยทั้งสองคนแล้วหลับยาวไปเลย
เมื่อคืนนี้ตอนน้องผิงเปิดประตูเข้ามาในห้อง มิ๊งแม่ของเธอถึงกับตื่นตกใจทำตัวไม่ถูก ผมปล่อยให้น้องผิงอธิบายเล่าเรื่องราวให้ฟัง ผิงก็อธิบายให้แม่เธอฟังอย่างฉะฉานน่าเชื่อถือ แม่ผิงเข้าใจอย่างที่ผมกับผิงรวมหัวกันสร้างเรื่องนั่นล่ะครับ
มิ๊งเข้าใจว่าผิงขายตัวให้ผมพร้อมกับเธอ และผมไม่รู้มาก่อนว่ามิ๊งเป็นแม่ของผิง จนกระทั่งวันนี้ผมค่อยรู้เรื่อง หลังจากรับทราบความจริงมิ๊งก็นั่งนิ่งไปพักใหญ่ ผมกับผิงเลยได้แต่แอบลุ้นว่าผลจะออกมายังไง แต่สุดท้ายแล้วมิ๊งก็โผเข้าไปกอดผิงแล้วร้องห่มร้องไห้กันทั้งสองคน
พวกเธอกอดร้องไห้กันเป็นสิบนาที กว่าจะเริ่มคุยเปิดอกกัน ผมถึงค่อยได้รู้เรื่องรู้ราวว่าตกลงแล้วมิ๊งเธอเครียดเรื่องอะไรกันแน่ ผมขอสรุปคร่าว ๆ แบบนี้ก็แล้วกันนะครับ
เมื่อวานนี้มิ๊งทะเลาะกับสามีของเธออย่างรุนแรง สาเหตุหลักก็เพราะความไม่พอใจที่สั่งสมมานาน สามีของเธอหนีหนี้ไปทำงานต่างประเทศและไม่เคยส่งเงินมาช่วยเหลือที่บ้านเลยสักบาทเดียว มิ๊งพยายามโกหกลูกว่าพ่อส่งเงินมาเพื่อไม่ให้ผิงเกลียดพ่อ ทั้งที่เงินทุกบาทนั้นเป็นหยาดเหงื่อแรงงานของมิ๊งเพียงคนเดียว แต่ว่าผิงรู้ความจริงนี้ตั้งแต่แรกแล้ว และนั่นทำให้ผิงรู้สึกไม่ดีกับพ่อของเธอ
จุดแตกหักก็คือสามีของมิ๊งบอกว่าอยากขายบ้านเพื่อเอาเงินไปลงทุนต่างประเทศ บ้านหลังนี้แรกสุดนั้นสามีเธอเป็นคนซื้อ แต่ว่าบ้านผ่านการโดนจำนองธนาคารมาแล้ว และเป็นมิ๊งที่หาเงินไปไถ่จำนองมาได้สำเร็จ เธอจึงไม่พอใจการกระทำของสามี
จุดแตกหักต่อมาก็คือ สามีของเธอไม่รู้ว่าไปเอาข่าวมาจากใคร เขาด่ามิ๊งว่าเป็นกะหรี่ขายตัวหาเงินกิน เขาอ้างว่าเธอขายตัวมาหลายปีแล้วแต่เขาไม่อยากพูด ซึ่งแน่นอนว่าข้อมูลนี้ผิดพลาด แต่ว่ามิ๊งเถียงไม่ออกเพราะว่าเธอขายตัวกับผมจริง เพียงแต่เพิ่งขายและมีผมแค่คนเดียว
นอกจากนี้แล้วสามีของเธอยังแอบดูโทรศัพท์มือถือของน้องผิง ทำให้รู้ว่าผิงก็รู้แล้วว่ามิ๊งขายตัว นั่นคือสิ่งที่ผิงคุยกับกลุ่มเพื่อนของเธอ และที่สำคัญก็คือผิงยังไปขายตัวเหมือนกัน ซึ่งบทสนทนาที่ว่าก็คือการคุยกับผมนี่แหละ เพียงแต่เรื่องนี้มิ๊งเพิ่งรู้เรื่อง เธอเลยยิ่งตกใจทำตัวไม่ถูก พอโดนด่าว่าเป็นแม่เลวที่ดูแลลูกไม่ได้ มิ๊งก็เลยอึ้งหน้าซีด เธอจึงร้องไห้และหนีออกมาจากบ้าน
ความรู้สึกของมิ๊งก็คือ เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงเลวที่คบชู้มั่วผู้ชาย อีกทั้งยังเป็นแม่เลวที่ปล่อยให้ลูกสาวต้องแอบไปขายตัวแลกเงิน นั่นความรู้สึกผิดต่อตัวเอง ยิ่งรวมไปถึงท่าทีเย็นชาจากสามีที่ด่าทอเธอเหมือนไม่มีเยื่อใย มิ๊งเลยยิ่งเคว้งคว้างทำตัวไม่ถูก แรกทีเดียวเธออยากจะหาผม แต่เธอก็กลัวว่าผมจะไม่สนใจ จึงไม่กล้าปรึกษาปัญหานี้
ปัญหาพวกนี้ค่อย ๆ คลี่คลายลงอย่างรวดเร็วเมื่อผิงบอกว่าเธอไม่ได้เกลียดแม่เลยสักนิด เธอยังบอกด้วยซ้ำว่าเธอรักผมจริง ๆ ต่อให้ไม่ขายตัวเธอก็คงจะยอมเสียสาวให้ผมอยู่ดี
พอบรรยากาศตรงนี้เริ่มคลี่คลาย ผมก็เข้าไปกอดสองแม่ลูกแสนสวย และรับปากพวกเธอว่าจะช่วยแก้ปัญหาพวกนี้ให้ ถ้าหากผัวเลวของเธออยากได้เงินนัก ผมก็จะหาทางให้ เพื่อจะได้ไปให้พ้น ๆ จากชีวิตพวกเธอทั้งสองคน
หลังจากนี้ก็พวกเราก็ออดอ้อนกันตามประสาคนรัก ผมโดนรุมกอดจูบจากสองแม่ลูกจนเคลิบเคลิ้ม แต่น่าเสียดายที่ร่างกายท่อนล่างหมดแรงห่อเหี่ยวผงกหัวไม่ขึ้นสักนิด สองแม่ลูกเห็นแบบนี้ก็พากันหัวเราะคิกคัก แล้วเปลี่ยนมาเป็นนอนกอดจูบพูดคุยกันบนเตียงแทน
ผิงเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นว่ามีอะไรกับผมได้ยังไง จนกระทั่งถึงตอนที่มีอะไรกับเพื่อน ๆ ของเธอพร้อมกันสี่คนด้วย มิ๊งขมวดคิ้วมองผมเหมือนจะเครียด ๆ เล็กน้อย จะอย่างไรเธอก็ยังเป็นกุลสตรีดีงามที่ไม่เคยชินกับเรื่องพวกนี้ แต่สุดท้ายก็เหมือนทำใจยอมรับไป
หลังจากผิงเล่าจบ มิ๊งก็เริ่มเล่าเรื่องราวที่ได้พบกับผมให้ผิงฟัง เธอเล่าด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักเขินอายอย่างเห็นได้ชัด ส่วนน้องผิงนั้นนอนฟังตาแป๋วด้วยความสนอกสนใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะตอนที่มิ๊งเล่าให้ฟังว่าผมปลอบเธอยังไงบนชายหาด
พอสองสาวเล่าจบผมก็โดนสายตาคาดคั้นให้เล่าบ้าง ผมลังเลเล็กน้อย เพราะถ้าจะให้เล่าเรื่องสาว ๆ ทุกคนคงเล่าได้เป็นปี ผมเลยเลือกเล่าตั้งแต่ช่วงที่เริ่มมีอะไรกับน้องผิง ผมเล่าเรื่องที่ผมมีอะไรกับเชอรี่ รวมไปถึงแผนที่เสี่ยอ้วนเคยคิดจะเคลมมิ๊ง มิ๊งทำท่าตกใจเหมือนไม่อยากเชื่ออีกครั้ง แต่สุดท้ายก็พยักหน้าบอกว่าเข้าใจ
พอผมตื่นขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง สองแม่ลูกแสนสวยก็ลืมตามองผมแล้วยิ้มหวานให้ ผมเลยรวบกอดจูบฟัดสองแม่ลูกพอเป็นพิธี ก่อนจะไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันเตรียมไปหาอะไรแก้หิวเสียหน่อย ระหว่างนั้นสองสาวก็ตามประกบผมแจไม่ยอมห่าง พอผมแปรงฟันพวกเราก็แปรงฟันพร้อมกัน และอาบน้ำพร้อมกัน
หลังจากที่ผมได้นอนพักไปหนึ่งคืน ร่างกายก็เริ่มฟื้นสภาพพร้อมใช้งาน สองสาวแม่ลูกช่วยกันอาบน้ำให้ผมทั้งหน้าและหลัง พอถึงจุดสำคัญพวกเธอก็นั่งคุกเข่าลงไปใช้ปากและลิ้นแย่งกันดูดเลียจนผมเสียวแปลบเคลิบเคลิ้ม ลิ้นนุ่มนิ่มและโพรงปากอุ่นทำให้ผมรู้สึกยิ่งกว่าได้ขึ้นสวรรค์
พอโดนดูดเลียจนได้ที่ผมก็ขยับถอยออก เพราะว่ายังไม่อยากปล่อยน้ำทิ้งขว้าง ผมจับคุณแม่คนสวยมายืนอยู่ในท่าโก้งโค้ง แล้วสอดใส่กระเด้าด้วยความหื่นจนเธอและผมเสร็จสมกันไปพร้อมกัน ผมปล่อยน้ำกามร้อน ๆ ทะลักเข้าไปในร่องของคุณแม่ลูกหนึ่ง
มิ๊งลงไปนั่งพิงผนังห้องน้ำในสภาพเคลิบเคลิ้มมีความสุข ผมเลยหันมาจับร่างบอบบางของคุณลูกสาวแสนสวยมากอดจากด้านหน้า ผมจับให้สองขาของเธอพาดบั้นเอวไว้ แล้วสอดใส่กระแทกซอยยิก น้องผิงส่งเสียงครางระงมก่อนจะส่งเสียงหวีดเสร็จสมอารมณ์หมาย
ผมรีบวางร่างระทดระทวยของน้องผิงลงไปข้าง ๆ แม่ของเธอ ก่อนจะขยับตัวใช้มือรูดท่อนลำยาวใหญ่ ก่อนจะแอ่นเอวกระฉูดน้ำกามพุ่งปรี๊ดออกมาใส่ใบหน้าและร่างกายของสองแม่ลูกสุดสวยด้วยความสะใจ
ผมปิดท้ายด้วยการใช้ท่อนลำปาดไปตามใบหน้าสวยหวานปานนางฟ้าของสองแม่ลูก พวกเธอเองก็ช่วยกันอ้าปากดูดเลียทำความสะอาดให้จนสะอาดเอี่ยมแบบไม่ต้องใช้น้ำล้างก็ยังได้ โอย ผมโคตรจะมีความสุขเลย
หลังอาบน้ำกันเรียบร้อย เราสามคนผัวเมียก็แต่งเนื้อแต่งตัวลงไปหาอาหารเช้ากินกัน ความสวยน่ารักเปล่งปลั่งของสองแม่ลูกดึงดูดสายตาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่กันตาเป็นมันวาว ผมเลยต้องแสดงท่าทีเป็นเจ้าของพวกเธอด้วยการโอบเอวทั้งซ้ายและขวาแบบแทบไม่ปล่อยให้ห่าง
พวกเราตกลงใจกันว่าจะพักกันอีกหนึ่งคืน แต่เปลี่ยนไปพักโรงแรมที่สะดวกสบายกว่านี้ บรรยากาศแบบนี้ผมเองก็ยังไม่อยากกลับ สองแม่ลูกก็ยิ่งยินดีที่จะอยู่ต่อ พวกเราใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างสนิทสนมกลมเกลียวเหมือนคู่รักข้าวใหม่ปลามัน
บางครั้งพวกเราก็ควงแขนกันเดินบนหาดทราย บางครั้งก็ลงไปเล่นน้ำในทะเล บางครั้งก็ขึ้นห้องไปนอนกอดนัวเนียกันโดยไม่รู้สึกเบื่อ ผมเองก็มีความรู้สึกอบอุ่นมีความสุขอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน พวกเราเหมือนหลุดมาอยู่ในโลกแห่งความฝัน ส่วนปัญหาที่ยังมีอยู่ในโลกแห่งความจริงนั้นผมมั่นใจว่าเราจะผ่านมันไปได้โดยไม่ยากลำบากเกินไป