จอมแพทย์นิรนาม ตอนที่ 19
โดย ท่านกระปี่หัก
ก่อนที่ขโมยเฒ่าและลูกศิษย์จะลงมือก็รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของสองขบวนทั้งทางทิศเหนือและทิศใต้จึงรีบหมอบซุ้มคอยสังเกตการณ์
“ไอ้ขมิ้นเอ๋ย คืนนี้ถ้าจะสนุกล่ะ”
“อะไรอ่ะซือแป๋”
“คอยดูไว้นกกระสากับหอยทะเลาะกันเสร็จชาวประมง”
“อะไรอ่ะซือแป๋”
“เออน่าคอยดูและเงียบ ๆไว้”
**** ข้อความถูกซ่อน ตอบกระทู้เพื่อดูข้อความ *****
ทิศเหนือการแต่งกายสีดำไม่โพกหัวปิดหน้าด้วยผ้าป่านดำไม่เห็นดวงตาถืออาวุธหลากหายชนิด ส่วนทิศใต้แต่งกายชุดดำมีผ้าโพกหัวหน้าผากคาดด้วยผ้าคาดหัวทอง
เหลืองมีผ้าสีดำปิดหน้าเหลือแต่ลูกตาถือดาบแบบเกาะฟูซึง (ดาบญี่ปุ่น)ทั้งสองกลุ่มต่างเข้าไปในตัวอาคารผู้กล้าพร้อมกัน ตูม ต่างกระเด็นออกมาพร้อมกัน มีเงาอยู่สิบสายขึ้นไปบนหลังคาอาคารผู้กล้าชายกลางคนท่าทางน่าเกรงขามแต่งชุดคลุมยาวสีน้ำเงินรัดด้วยผ้าคาดเอวสีทองได้กล่าว “เล่าฮูรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่พวกท่านทั้งหลายมาเยี่ยมเล่าฮูในค่ำคืนนี้ เล่าฮูรอพวกท่านนานแล้ว ถ้าพวกท่านต้องการคัมภีร์ต้องเข้าประลองอย่างยุติธรรมแต่ถ้าต้องการแย่งชิงต้องผ่านสมาชิกสหพันธ์ก่อนเล่าฮูมือพิฆาตมังกรเป็นหนึ่งในสมาชิกสหพันธ์ผู้กล้าก็ขอเป็นส่วนหนึ่งในการต้อนรับแขกผู้มาเยือนทั้งหลาย”
ไม่มีเสียงตอบจากทั้งสองกลุ่มซึ่งบัดนี้ได้คล้ายมารวมกันเป็นพันธมิตรชั่วคราวต่างมองหน้ากันแผนที่วางไว้ดูเหมือนจะล้มเหลวไม่เป็นท่า
แต่ประมงเบ็ดเดียวซึ่งตอนนี้คลุมหน้ามีทางเลือกสายเดียวถ้าล้มเหลวมีแต่ทางตายลองเสี่ยงอาจมีหนทางรอดจึงตะโกนดังๆว่า “บุก” ทั้งสองกลุ่มผู้มาเยือนที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกันต่างโถมควักอาวุธเข้าใส่กลุ่มสมาชิกสหพันธ์ผู้กล้าทันที คนบนหลังคาและที่ซ้อนตัวข้างๆอาคารก็โถมตัวออกไปรับมือเช่นกัน ภาพที่เห็น เหล่าหลวงจีนต่างรำกระบองสิบแปดอรหันต์เข้าโรมรันพันตูกับกลุ่มชาวยุทธ์ชุดดำที่มีอาวุธหลากหลายกลุ่มนักพรตเข้าพัวพันกับกลุ่มนินจา พลังฝีมือระหว่างผู้เหย้ากับผู้เยือนมีฝีมือพอๆกัน จะเด่นก็หัวหน้านินจากับประมงเบ็ดเดียวที่ไล่ต้อนกลุ่มพันธมิตรจนแทบแตกขบวน
“หงส์ยี้เจ้าไปช่วยพวกไต้ซือ เราจะช่วยพวกเต้าหยินเอง”
“ได้เตี่ย”
พูดจบหงษ์หยกควักพู่กันหยกอาวุธที่สร้างชื่อให้กับนางจนได้เป็นยอดฝีมืออันดับสองลองจากมือพิฆาตมังกรซึ่งเป็นบิดาของนางนั้นเองใช้วิชาตัวเบาขั้นสูงสุดลงเข้าไปฟาดฟันกับประมงเบ็ดเดียวทันที ประมงได้ยินเสียงฝ่าอากาศรู้ได้ทันทีว่ามียอดฝีมือเข้ามาใกล้จึงรีบกระแทกฝ่ามือหลวงจีนที่อยู่ตรงหน้าและรีบหันมายกเบ็ดต้านทานกับพู่กันหยกฟาดมาในระดับหัวพอดี
“ข้าพเจ้ารู้ว่าท่านเป็นใคร”รั้งพู่กันหยกพร้อมรัวแทงตามจุดตามวิชาพู่กันจุดสี
“อย่าสู่รู้”ประมงควงเบ็ดอย่างเร็วร้อนเพื่อป้องกันพู่กัน เมื่อนางเข้าช่วยเหลือเหล่าหลวงจีนสามารถคุมสถานการณ์ให้คู่คี่เสมอกัน
ทางฝ่ายมือพิฆาตมังกรเข้าต่อกรกับหัวหน้านินจาที่ใช้ดาบเดียวฟันซ้ายขวาบนและล่าง มือพิฆาตมังกรได้แต่หลบดีที่มีปลอกข้อมือเหล็กที่กันอาวุธได้นานาคอยต้านทานด้วยท่าร่างที่โอ่อ่าเปิดเผยนานๆครั้งจะต่อยออกไปแต่พลังที่ออกไปมีมากกว่าร้อยชั่งทำให้หัวหน้านินจาต้องสูญเสียโอกาศรุกอยู่ไม่ใช่น้อยมือพิฆาตมังกรสมแล้วที่เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งตอนแรกเสียเปรียบด้วยไม่รู้แนวทางวิทยายุทธ์ของนินจากระบวนท่าที่ฟาดและฟันสั้นกระชับแต่ด้วยความสามารถประสบการณ์นานปีเริ่มต่อต้านควบคุมสถานการณ์ได้มากขึ้นจำนวนหมัดที่ต่อยออกไปมีระยะหวังผลมากขึ้นดีที่หัวหน้านินจามีพลังตัวเบาล้ำเลิศจึงหลบได้แต่ฉิวเฉียดเต็มที่ การต่อสู้ทั้งสองกลุ่มเต็มไปด้วยความดุเดือดมีเสียงร้องของความมั่นใจที่จะพิฆาตให้ตายมีเสียงร้องของความเจ็บปวดฝ่ายหนึ่งเพียงต้องการครอบครองอีกฝ่ายหนึ่งทำหน้าที่ปกป้องต่างมีเหตุผลของตัวเองที่จะทำ ในขณะที่ทุกคนกำลังสู้อย่างเอาเป็นเอาตายได้มีบุรุษรูปร่างเล็กใช้วิชาจิ้งจกไต่ผนังคืบคานสู่หลังคาอาคารผู้กล้าอย่างเงียบเชียบใช่แล้วเขาคือจอมขโมยนั้นเองบัดนี้จอมขโมยผู้ยิ่งใหญ่(ละมั้ง)ได้เข้าไปในตัวอาคารแล้วจอมขโมยได้ศึกษาแผนที่ตัวกลไกอาคารก่อนลงมือทุกครั้งเพราะฉะนั้นจึงไม่เป็นการยากเลยที่จะผ่านด่านกลไกต่าง ๆ ไปทีละขั้นทีละขั้น…………..
“พวกเจ้ารออยู่นี่”
นางพญาเซี่ยงวี่สั่งคนหามเกี้ยวหลังจากนางสั่งพวกประมงไปดำเนินการแล้วเพื่อความรอบคอบนางต้องตรวจว่าไม่มีใครอยู่ใกล้บริเวณนี้เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนนางใช้วิชาตัวเบาขั้นสูงสุดวิ่งรอบเชิงเขาจนพบถ้ำแห่งหนึ่งดูครั้งแรกก็ไม่คิดว่าเป็นถ้ำเพราะต้นหญ้าเถาวัลย์คลุมทับปิดเต็มไปหมดแต่ที่นางรู้เพราะมีควันสีขาวลอยกระจายออกมาจากถ้ำทำให้รู้ได้ทันทีว่ามีคนทำอะไรซักอย่างภายในถ้ำนางจึงแหวกเถาวัลย์เข้าไปดูภาพที่นางเห็นชายแต่งชุดสีขาวสวมหมวกกุ๊ยปกปิดโฉมหน้าไว้นังสมาธิร่างกายมีควันโพยพุ่งออกจากรูขุมขนแสดงถึงพลังวัตรอันดับสูง นางเห็นเช่นนั้นจึงยิ้มในใจ อือมาฝึกลมปราณขั้นสูงเสียด้วย น่าเสียดาย น่าเสียดาย ถ้ามีเวลาอีกหน่อยคงจะสำเร็จแต่เมื่อมาอยู่ในมือเรา ฮะ ฮะ ฮะ การฝึกฝีมือการกำหนดลมปราณที่สำคัญที่สุดถือสาการถูกรบกวนเพราะถ้ารบกวนก็อาจธาตุไฟแตกขั้นรุนแรงเสียชีวิตขั้นเบาก็วิกลจริต
“ก่อนตายอยากดูหน้าเจ้าซะหน่อยว่าเป็นคนมีฝีมือที่ไหน”
นางเปิดหมวกกุ๊ยออกเผยให้เห็นใบหน้าเกลี้ยงเกลารูปหน้าได้สัดส่วนหน้าแดงมีควันโพยพุ่งจากศีรษะ นางถึงกับตกตะลึงที่คนหนุ่มขนาดนี้สามารถเกร็งลมปราณไม่ต่างกับยอดฝีมือที่มีพลังวัตรมากกว่าห้าสิบปีตัวนางเองมีอายุเกือบร้อยมีพลังวัตรเกือบเก้าสิบปีแทบไม่มีใครในแผ่นดินสู้ได้เพราะนางใช้การเสพกามให้เชื้อของบุรุษบำรุงพลังวัตรยิ่งเห็นบุรุษหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาแถมมีพลังวัตรมากมายนางถึงกับน้ำลายสอ
“ดีจริงๆ ดีจริง”
นางลงมือจี้จุด ตูม ควันกระจายจากร่างของบุรุษหนุ่มหน้าแดงอย่างแรงล้มนอนหงายไร้สติทันที
“ดีจริงๆ ดีจริง”……………..
“นั้นใช่ไหมที่พักของพวกซากุระ เบาๆหน่อย มีนางสองคนยังไม่เข้านอนอยู่ที่หน้าที่พัก อ้อมไปยังด้านหลังใช้ธูปควันยาสลบมอมมันและจับมันมาเร็ว”
“ห้องนี้ใช่แล้วมีเสียงลมหายใจสองเสียงค่อยๆเป่าไปช้าๆนั่นแหละ”
โบตั๋นกับเบญจมาศยังไม่หลับทั้งสองยังเฝ้าคอยใครซักคนอยู่ ดอกท้อก็ยังไม่หลับเช่นกันจิตใจกระสับกระส่ายส่วนซากุระหลับไปนานแล้วอาจเพลียจากการเดินทางในหัวสมองของดอกท้อได้แต่คิดถึงใบหน้าอันคมสัน รอยยิ้มอันพริ้มพราย กิริยาท่าทาง บุรุษหนุ่มที่ไร้ชื่อที่เป็นเจ้าของนางทั้งร่างกายและจิตใจ “เขาจะไปไหนหนอ”ทันใดนั้นนางรู้สึกถึงกลิ่นที่ผิดปกตินางเคยสอบถามบ่อเมี้ยถึงยาและสมุนไพรต่าง ๆรวมทั้งยาสลบด้วยบ่อเมี้ยก็สอนให้ทันทีว่ามีกลื่นแบบไหนนางเกร็งลมปราณกลั้นหายใจทันทีนางกระโดดไปหยิบที่ดาบของนาง ปัง พวกเหล่านินจากรูกันเข้ามาทันทีพวกมันไม่เข้าใจทำไมถึงรู้ตัวได้แต่เวลาไม่มีให้คิดมากรีบตรงเพื่อสยบนางในทันทีถ้าเป็นดอกท้อก่อนพบบ่อเมี้ยอาจถูกสยบจากการกลุ้มรุมในทันทีแต่นี่คือดอกท้อที่ผ่านการกินผลไม้ร้อนเย็นทำให้พลังวัตรของนางเข้มแข็งขึ้นกระบวนท่าวิชาก็ถูกบ่อเมี้ยปรับปรุงจนมีความสามารถมากกว่าเดิมนางสามารถต้านทานจากดาบของเหล่านินจาเสียงดังเคร้งครั้งทั้งปัดหน้าควงดาบให้ลั่นไปหมดทำให้โบตั๋นและเบญจมาศได้ยินและรีบเข้าช่วยทันทีเมื่อสามดอกไม้มารวมกันก็สามารถก่อกำเนิดค่ายกลที่สามารถต่อสู้กับคนหมู่มากได้ หนึ่งในนินจาเห็นว่ายิ่งสู้ยิ่งลำบากจึงคว้าซากุระและออกจากห้องไปโดยมีนินจากลุ่มใหญ่คอยต้านทางกลุ่มสามดอกไม้ไว้ เมื่อเหล่านินจาเห็นผลงานที่ตั้งใจสำเร็จจึงออกจากห้องไปโดยกระจายออกเป็นสิบทิศ “รีบตาม”เบญจมาศ โบตั๋น ดอกท้อกระโดดออกจากห้องหวังตามตัวซากุระแต่เมื่อออกจากห้องกับพบว่าไม่รู้จะตามทิศทางไหนได้แต่กระทืบเท้ากระฟัดกระเฟียดอยู่ตรงนั้นเองแล้วซากุระละ……………………
บ่อเมี้ยกำลังฝึกวิชาโดยใช้วิธีเจตนคติคือฝึกตามจินตนาการโดยใช้พื้นฐานวรยุทธ์ของสามดอกไม้กงซุนเป่ย เพลงดาบนินจา วิชาฝีมือของซือแป๋ตันหยง กับประมงเบ็ดเดียวมาสู้กับตนทางจินตนาการบ่อเมี้ยบางครั้งใช้มือขวาเป็นพลังร้อนมือซ้ายเป็นพลังเย็นเข้าต่อกรกำหนดพลังลมปราณที่มือซ้ายและขวาใช้ร่างกายที่ถูกฝึกมาควบคุมลมปราณการกระโดดสัมพันธ์กับท่าร่าง ในช่วงแรกจินตนาการบ่อเมี้ยแพ้ไม่เป็นท่ากับกงซุนเป่ยจากนั้นก็ศึกษาข้อดีข้อเสียรำลึกถึงซือแป๋ที่เคยถ่ายทอดท่าวรยุทธ์ต่างๆข้อดีข้อเสียของแต่ละท่านั้นทำให้บ่อเมี้ยได้นำกระบวนท่าของซือแป๋มากำหนดท่าใหม่ให้กระชับเหมือนดาบนินจา ให้นุ่มนวลเหมือนดอกไม้ให้สุขุมเหมือนประมง โฉบเฉี่ยวเช่นกงซุนเป่ย ก็สามารถชนะมาเรื่อยๆจนถึงค่ายกลสามดอกไม้ที่บ่อเมี้ยคิดค้นให้สามสาวเป็นด่านสุดท้ายกำลังสู้พันตูอยู่โดยใช้การควบคุมพลังร้อนและเย็นส่งผลให้ร่างกายเปลี่ยนแปลงตามพลังวัตรขับไอที่เกิดจากการกระทบกันระหว่างร้อนและเย็นจุดตีบตันอีกเก้าจุดถูกกระแทกอย่างแรงแต่หามีผลใดๆไม่เมื่อระบบไหลเวียนพลังวัตรถึงทางตันได้แต่ขับออกเป็นควันจากรูขุมขน ทันใดนั้น ซี่แมะ(จุดที่สี่)ถูกกดอย่างแรงทำให้พลังวัตรที่กระแทกกระทั้นอยู่ช่วยกระแทกทำให้จุดที่สี่คลายตัวอย่างมหัศจรรย์แต่ก็ทำให้บ่อเมี้ยล้มลงเคลื่อนไหวไม่ได้แต่ได้สติมาเพียงลืมตาไม่ขึ้นประสาทหูยังได้ยิน
“ดีจริงๆ ดีจริง”………………………..