จอมแพทย์นิรนาม ตอนที่ 26
โดย ท่านกระปี่หัก
กงซุนเป่ยเดิมตั้งใจสืบหาคัมภีร์มหายุทธ์แต่คว้าน้ำเหลวกับมาเจอสามสาวมาหาผลไม้ กงซุนแอบมองแล้วน้ำลายสอ โดยเฉพาะซากุระ มันยังไม่ลืม สัดส่วนเต็มสาว ปทุมถันอวบอั๋นเต็มมือ พูดอกไม้แน่นกระชับกว่าสาวโคมเขียวที่มันมักเที่ยวอยู่เป็นประจำ ดอกท้อ ก็อยู่ในวัยเจริญพันธ์ หน้าตาน่ารักผิวพันธ์ขาวนวล มีรอยยิ้มที่ใบหน้าเสมอหน้าอกชูช่อพร้อมที่จะโตกว่านี้ตามวัยของนาง หน้าท้องแบนราบ สะโพกผายงอนกลมกลึงน่าขยำขยี้ยิ่งนัก ส่วนเด็กน้อยอีกคนกงซุนไม่สนใจแม้แต่จะมองด้วยการแต่ง
กายคล้ายผู้ชายมีหมวกหนึ่งใบคลุมผมทำให้กงซุนเป่ยคิดว่าเด็กผู้ชายด้วยซ้ำ
**** ข้อความถูกซ่อน ตอบกระทู้เพื่อดูข้อความ *****
มันสะกดรอยตามมาตั้งแต่ชายป่าด้านทิศตะวันออก ในใจก็หาแผนการต่าง ๆ นานา คิดไปคิดมาได้แต่สะกดรอยตามเพื่อหาโอกาสอย่างแรกมันต้องหาทางแยกสามคนออกจากกันเพื่อมันจะได้ลงมือสะดวกมันมั่นใจว่าวรยุทธ์พวกนางคงสู้ตนไม่ได้อย่างแน่นอน แม้จะใช้สามคนก็เถอะแต่มันไม่อยากให้ใครรับรู้เพราะนอกจากพวกนางแล้วกงซุนเป่ยยังหวังจะได้พี่สาวของพวกนาง โบตั๋น และเบญจมาศ มาคอยบำเรอกามให้แก่มันแค่คิดถึงรูปร่างน่าตากิริยาท่าทางของโบตั๋น และ เบญจมาศ คนหนึ่งมาดูดแท่งหยกมันอีกคนให้มันชิมดอกไม้ ซักพักนางที่ดูดขึ้นคล่อมนำกงซุนน้อยสวมที่ดอกไม้ของนางสองสาวจูบกัน มือต่างขยำขยี้ปทุมถันของกันและกัน ท่อนร่างกงซุนน้อยก็ซอยอย่างแรงแค่คิดแท่งกงซุนน้อยก็แข็งตัวแล้ว และประเด็นที่สองที่ทำให้มันไม่กล้าลงมือโดยพละการมันได้ชื่อฉายาเทพบุตรหน้าหยก ถ้าขืนต่อสู้กันสามต่อหนึ่งมันอาจชนะแต่อาจต้องทำให้ร่างกายบาดเจ็บมันรับไม่ได้ แต่ตอนนี้ความหงี่มีมากกว่าคิดมากมายแล้ว มันเอาผ้าแพรปิดหน้ากลับเสื้อผ้าที่อยู่ข้างในไว้ข้างนอกซุกพัดไว้ในอกเสื้อ มันหยิบหินก้อนนึงซัดไปทางซ้ายแล้วหมอบดูกิริยาของสามนาง กึก ตุบ ทั้งสามสาวหยุดเล่นทันทีหันขวับไปที่เสียงนั้น
“ซา ขมิ้นได้ยินอะไรไหม”
“โหเจ๊ ..ดังขนาดนี้ขมิ้นว่าเป็นสัตว์ป่าแถวนี้มากกว่า”
“เป็นไปไม่ได้เราคุยกันเสียงดังขนาดนี้ไม่มีสัตว์ใดเข้าใกล้มนุษย์หรอก ดอกท้อ ขมิ้น ระวังตัวไว้นะเราว่านี้เป็นการกระทำของมนุษย์มากกว่าพวกเรารวมตัวกันไว้อย่าแยกจากกันเด็ดขาด”
ซากุระสมแล้วที่เป็นลูกสาวนินจา ความรอบคอบ การวิเคราะห์เหตุการณ์ทำได้ดีทีเดียว
“เอาน่าเอาน่าพวกเราไปดูก็รู้เองแหล่ะขมิ้นรออยู่นี่ก่อนเดี๋ยวพวกเจ้เจ้มา”
ขมิ้นได้แต่หน้างอรับคำใครใช้ให้นางอายุน้อยกว่าและมาทีหลังล่ะ?!
“เอ่อ….ดอกท้อเราว่าน่าจะไปพร้อมกันหมดดีกว่านะ”
“ไม่เป็นไรน่า…ซา..พวกเราไปแป๊บเดียวเองให้ขมิ้นถือผลไม้ไปมาไม่ค่อยสะดวกนะ”
พวกนางรีบไปดูที่เกิดเหตุทันทีภาพที่ปรากฎต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งมีรอยถูกกระแทกจากก้อนหินที่ตกอยู่ข้างๆ
“ดอกท้อ ถ้าจะไม่ดีซะแล้วรีบกลับไปหาขมิ้นและกลับที่พักกันเถอะ”
ดอกท้อไม่คัดค้านเมื่อพวกนางกลับมาขมิ้นก็ไม่อยู่ซะแล้วผลไม้ที่ทั้งสามช่วยกันเก็บต่างกระจายเกลื่อนกราด ทั้งสองนางต่างชักกระบี่และดาบขึ้นมาทันที ดอกท้อปากร้องเรียกขมิ้น ขมิ้น ดังทั่วพงไพรในขณะที่ซากุระนิ่งเงียบสายตามองไปรอบๆอย่างหวาดระแวง กึก ตุบ เสียงดังจากด้านขวา ดอกท้อคิดว่าอาจเป็นขมิ้นร่างกายใช้วิชาตัวเบาพุ่งทะยานออกไปทันที กว่าที่ซากุระจะหันมาดอกท้อก็หายไปจากสายตาเสียแล้ว……………………..
หัวหน้านินจาเร่งรีบออกเดินทางพร้อมสมุนคู่ใจทันทีในคืนนั้นถึงแม้ท่านเจ้าสำนักจะให้เวลามันออกเดินทางในตอนเช้าและให้อยู่เสพสุข แต่คำสั่งเป็นปะกาศิตชี้เป็นชี้ตายแก่ชีวิตของมัน มันไม่สามารถนำชีวิตมาล้อเล่นได้จึงเร่งเดินทางทันที จากการวิเคราะห์ของมันเมื่อคราวที่แล้วซากุระถูกมอมยาสลบย่อมไม่สามารถฆ่าลูกน้องมือดีทั้งสามคนและต่อให้ไม่สลบก็ไม่สามารถทำร้ายพวกมันได้จะต้องมีบุคคลอื่นแน่นอนลูกน้องมันรู้ฝีมือดีทุกคน ทั้งสามคนที่ไปจับตัวซากุระเป็นยอดฝีมือของสำนักทีเดียวหมายความว่าผู้ที่ช่วยซากุระออกมาย่อมเป็นยอดฝีมือเช่นกัน ในข่าวที่รายงานพวกมันต่างตายในฝีมือเดียว ในยุทธภพนี้มีใครบ้างที่สามารถฆ่าพวกมันในฝ่ามือเดียว หลวงจีนเส้าหลิน นักพรตบู๊ตึ้ง แม่ชีง๊อไบ๊ ไม่ใช่ ไม่ใช่ ทั้งสามสำนักไม่ยุ่งเกี่ยวกับยุทธภพ ต่อให้มาช่วยพวกท่านก็เป็นคนของธรรมะไม่ฆ่าคนง่ายๆอย่างแน่นอน หรือสหายของมันไอ้หนุ่มหน้าแดง แต่ฝีมือก็ไม่เท่าไร คราวที่แล้วเอาแต่หนีอย่างเดียว อืมคำตอบอยู่ที่มันคนเดียวนังซากุระ………………………………………………อือ เจ้าเป็นคนที่เก้าสิบเก้าแข็งแรงมีน้ำอดน้ำทน อือ ดี กระแทกแรง ๆ..อือ…ดี…..ผัวขา….แรงๆ…..อา……อา…..อูย…..แรงอีกผัวขา….น่าน…ยังงั้น……ซีด….อา….อา(อยากให้เป็นเจ้าจริงๆ) อา….ซีด…..อา….แรงๆ(อยากให้เจ้ามาทำกับเราแบบนี้)อา…ซีด….อา….ผัวขา(เจ้าคิดถึงเราบ้างไหม)อา….ผัว…..แรงๆ ….อา(เจ้าหนุ่มหน้าแดง)ซีด…..อา………อา…….(ผัวที่รักของข้า)ปึด..อะ….อ๋าห์ห์ห์ห์ห์ห์ห์ ร่างกำยำล่ำสันถูกสูบแห้งเหี่ยวไปในทันตา เหลือเพียงอีกคนเดียวพลังฝีมือนางก็จะคืนกลับมารวมทั้งความสาวและสวยก็จะคงสภาพเดิมเหมือนเมื่อแปดสิบเก้าสิบปีก่อน นางฝึกพลังยุทธจากการเสพกามทำให้นางชินชาทำให้ไม่เคยถึงสวรรค์เลยซักครั้งจะมีแต่ใครที่นางชอบเป็นพิเศษจึงแวะเวียนเลียบขอบสวรรค์บ้างแต่เมื่อพบบ่อเมี้ยกับสร้างความหฤหรรษ์ให้แก่นาง ทั้งรูปหล่อ แข็งแรง น้ำอดน้ำทน กระแสพลังก็น่าลิ้มลองที่นางเคยดูดจากปากเสียดายที่คราวที่แล้วดูดมานิดเดียวแต่กลับต้องเสียพลังไปมากกว่าสี่สิบปีเลยทีเดียวนางคิดถึงตอนนี้แล้วแค้นแต่แปลกตรงที่ว่าเมื่อนางเสพสมกับใครนางคิดถึงหนุ่มหน้าแดงกับช่วยให้นางถึงสวรรค์อย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อคิดถึงเขาร่องสวาทเกสรดอกไม้สั่นระริกพร้อมรับการถ่ายเทพลังอีกครั้งจึงตะโกนสั่งให้นำมา ผู้ที่เข้ามาเป็นชายสูงอายุหน้าตาเหม่อลอยปากมีคราบน้ำลายไหลยืด แต่ร่างกายกำยำล่ำสัน แท่งทวนไม่ใช่ แท่งเสามันทั้งใหญ่ยาว ดำ สองมือถึงกำมิด ยาวมากกว่าหนึ่งเชี้ย(ฟุตจีน)ผงกหัวไปมา นางได้แต่ยิ้มในใจปิดท้ายด้วยของดีๆอย่างนี้ลูกน้องช่างรู้ใจนัก นางชันเข่าอ้าขากว้างๆรอรับกับการมาเยือนของแท่งแปลกหน้า ชายสูงอายุกระแทกพรวดเดียว ถึงแม้นางจะรับศึกมาตลอดรูดอกไม้เต็มไปด้วยคราบแท่งจนมันเยิ้มแต่มีของแปลกใหญ่และยาวมา นางก็ถึงกับหน้าตาเหยเกแอ่นอกเงยหน้าปากร้องซีด มันซอยเข้าช้าพยายามดันให้สุดนางได้แต่เกาะโต๊ะปากร้อง สูด ซีด ซาด ตลอด ตอนนี้มันเข้าไปได้ครึ่งแต่ชายสูงอายุเหมือนยังไม่พอยังซอยพยายามเอาเข้าไปให้ได้ นางได้แต่ตาเหลือกปากอ้าหอบหายใจแรง มันก็สาวออกอย่างช้า ๆและแทงเข้าอย่างแรงตอนนี้มันซอยจนแท่งเสาของมันเข้าไปจนสุดลำ หน้าท้องและโหนกดอกไม้ของนางขึ้นเป็นลำตามที่มันกระแทกไปนางไม่มีเสียงใดๆออกมาได้แต่อ้าปากมือเกร็งจิกไปที่โต๊ะขาลอยค้างมันทำอย่างนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากนั้นมันก็เร่งความเร็วร่างกายนางสั่นสะท้านโยกไหวปทุมถันเด้งขึ้นลงจนน่าจะหลุดจนนางทนไม่ไหวมือที่จับโต๊ะบีบจนโต๊ะแหลกคามือนี่เป็นครั้งแรกของนางที่ถึงสวรรค์โดยปราศจากความคิดถึงใครในขณะนางจะดำเนินการสูบพลังลมปราณนางคิดไว้จะสูบเพียงส่วนเดียวเก็บไว้ใช้ในครั้งต่อไปเรื่องแปลกก็เกิดขึ้นแท่งเสาหลุดจากร่างกายมันเผยให้เห็นเคียวห่วยเอ๊ยแท่งเอ๊ยหนอนเหี่ยวๆที่ไร้พิษสงพร้อมพลังฝ่ามือกระแทกที่น่าอกของนาง ตูม นางกระเด็นตกโต๊ะโดยมีแท่งเสาคาอยู่ที่ดอกไม้ของนางเลือดนางกลบปาก ชายสูงอายุแกะร่างกายปลอมดึงหนวดเคราออกและไปที่เสื้อผ้านางค้นหาอยู่ครู่นึงแล้วรีบผลุนผลันใช้วิชาตัวเบาออกไป
“ ไอ้หัวขโมย เราจะจัดการเจ้าอูย..ซีด ไม่ให้เจ้ามีวันผุดวันเกิด…ซีด..อูย..”
นางยังนอนถ่างขาอยู่อย่างนั้น…………………….
บ่อเมี้ยใช้ลมปราณอึดสุดท้ายพุ่งตรงเข้าบ้านพักไปแล้วร่างกายแข็งไปทั้งอย่างนั้นเนื่องจากบ่อเมี้ยใช้พลังความเย็นแต่สะกดพลังความร้อนไว้กระแสที่ใช้ไม่สมดุลพลังความเย็นที่ได้รับการถ่ายทอดจากนางพญาเซี่ยงวี่เมื่อถูกกระตุ้นก็กำเริบทำให้พลังกระแสร้อนถูกควบคุมในจุดที่ไม่สามารถทะลวงผ่านตอนนี้ร่างกายของบ่อเมี้ยเหมือนน้ำแข็ง โบตั๋นได้รับการบอกล่วงหน้าน้ำตายังรินไหล เบญจมาศเนื่องจากตัวเองมีกระแสเย็นจึงไม่ควรที่จะแตะตัวบ่อเมี้ยได้แต่ร้องให้หงส์หยก และ โบตั๋น มัวตะลึงร้องไห้ช่วยชีวิตบ่อเมี้ยโดยเร็วที่สุด โบตั๋นจึงสั่งให้หงส์หยกถอดเสื้อผ้าของบ่อเมี้ยออกในขณะเดียวกันนางเองก็ถอดเสื้อผ้าออกด้วยอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งสั่งให้หงส์หยกทำอย่างนาง เบญจมาศก็จุดตะเกียงล้อมรอบบ่อเมี้ย ตอนนี้บ่อเมี้ยหน้าสีแดงเปลี่ยนเป็นสีขาวซีดดั่งเทพบุตรที่หลับใหลร่างกายขาวเนื้อดีเพียงแต่มีไอความเย็นระเหยรอบๆตัว ส่วนโบตั๋น และ หงส์หยกหลังถอดเสื้อผ้า เผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามหวานซึ้งของโบตั๋นและคมสมส่วนของหงส์หยก รูปทรงที่งดงามได้สัดส่วนปทุมถันที่อวบอิ่มใหญ่น่าสัมผัส โบตั๋นจะใหญ่กว่าสักเล็กน้อยสะโพกผายก้นงอนทั้งสองสาว กลีบพูแนบชิดอวบมือปิดไม่มิดโบตั๋นจับบ่อเมี้ยตะแครงข้างนางกอดบ่อเมี้ยข้างหน้าหงส์กอดจากด้านหลังใช้ร่างกายที่มีความอบอุ่นเสียดสี ปทุมถันของโบตั๋นเสียดสีหน้าอกของบ่อเมี้ย ปทุมถันของหงส์หยกเสียดสีด้านหลังของเขา มือของหงส์จับแท่งหยกที่มีความเย็นเหมือนน้ำแข็งแต่ยังใช้การไม่ได้ ใช้มือชักเพื่อให้กระแสร้อนทำงาน ฝ่ายโบตั๋นใช้หน้าอกอันอวบอิ่มเสียดสีไปที่หน้าอกของบ่อเมี้ยมือลูบไล้ไปทั่วร่างกายมืออีกข้างเขี่ยเกสรของตนเพื่อให้น้ำหล่อลื่นทำงานปากน้อยๆของนางไล่เลียที่ติ่งหูซอกคอหน้าอกและเลื่อนไปที่แท่งหยกใช้ลิ้นเลียขอบรอบๆแท่งหยก หงส์หยก จับบ่อเมี้ยนอนหงายร่างกายนางคล่อมทับที่ร่างกายของบ่อเมี้ยเอาดอกไม้ของนางเสียดสีไปที่หน้าของบ่อเมี้ยใช้ปากน้อยช่วยเลียแท่งหยกที่บัดนี้มีไอพวยพุ่งแข็งตั้งตรงนางจึงใช้ปากของนางอมไปที่แท่งหยกโบตั๋นจึงหันไปเลียรอบๆฐานและรังไข่แทนมือข้างหนึ่งบีบไปที่ปทุมถันอีกข้างหนึ่งเขี่ยไปที่ดอกไม้ของนางจนน้ำเยิ้มเต็มพูอันโหนกนูนจนไหลย้อยมาง่ามขาฝ่ายหงส์หยกอมผงกหัวขึ้นลงอย่างเร็วดอกไม้ของนางก็เสียดสีไปที่ปากจมูกของบ่อเมี้ยจนน้ำไหลเปรอะเต็มหน้าไปหมด นางถอนปากออกโดยยังนั่งทับหน้าให้ดอกไม้สีกับปากจมูกและโยกตัวอยู่อย่างนั้น โบตั๋นก็นั่งยองๆสวมดอกไม้ของตนเข้าที่แท่งหยกอย่างช้า ความคับแน่นส่งผลให้นางเผลอร้อง อูย ซีด ออกมา เมื่อนางค่อยๆกดจนดอกไม้อมแท่งหยกหมดลำนางค่อยยกขึ้นจนเกือบสุดแล้วแทงเข้าไปใหม่นางหน้าบิดเบี้ยวแต่ก็ทำซ้ำจากค่อยๆเป็นเร่งความเร็ว ปากร้อง สูด ซีด ซาด ตลอดเวลาส่วนหงส์หยกเองก็ส่ายก้นให้ดอกไม้ครูดกับปากและจมูกของบ่อเมี้ยปากของนางก็ร้องแข่งกับโบตั๋น จนไม่รู้ใครร้องอะไร เบญจมาศ ที่ดูอยู่ตรงนี้เสื้อผ้าถอดออกตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้มือข้างหนึ่งบีบนวดหน้าอกตัวเองอีกมือเขี่ยไปที่เกสรดอกไม้ ตาดูศึกสงคราม ปากร้อง ซีด ซาด โบตั๋นเร่งความเร็ว เร็วอีก เร็วอีก จนนางถึงน้ำค้างพร่างพรมแต่ไม่หยุดซอยจนกว่าบ่อเมี้ยจะหลั่งนางจึงได้แต่หน้าเหยเกแต่ซอยไม่หยุดยั้ง หงส์เองก็เสียดสีจนนางหลั่งออกมาเต็มหน้านางรู้ว่าความร้อนยังไม่เพียงพอจึงฉี่ซ้ำลงไปเสียเลย ได้ผลไอพวยพุ่งจากร่างกายบ่อเมี้ยน้ำจากแท่งหยกพุ่งเข้าที่ดอกไม้ของโบตั๋น อย่างแรงพร้อมความเย็นสายหนึ่ง โบตั๋นเองก็สะดุ้งเฮือกและนึกขึ้นได้รับการถ่ายทอดวิธีการจากบ่อเมี้ยให้นำพลังกระแสเย็นหมุนเวียนรอบกระแสเลือดแล้วใช้พลังลมปราณแปลงเป็นกระแสร้อนค่อยส่งคืนกลับไปให้บ่อเมี้ย ซึ่งบ่อเมี้ยได้วิธีมาจากการเรียนรู้จากซือแป๋ตันหยงนั่นเองจึงนำมาบอกให้สาวๆเพื่อเป็นกำลังในการช่วยตน แต่โบตั๋นพลังวัตรไม่เท่าซือแป๋จึงต้องวนตามกระแสเลือดผ่านจุดต่างๆมากกว่าสิบรอบจึงสามารถแปลงเป็นกระแสร้อนส่งกลับไปซึ่งผลการกระทำส่งผลให้พลังวัตรของโบตั๋นเองเพิ่มสูงขึ้นด้วยในขณะเดียวกัน ร่างกายของบ่อเมี้ยกระตุกอย่างแรง ส่วนโบตั๋นหมดแรงนอนทับบ่อเมี้ยแท่งหยกคาอยู่อย่างนั้น
ส่วนหงส์หยกรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงมือที่แข็งแรงจับที่หน้าขาของนางมีบางสิ่งบางอย่างทั้งแข็งแรงและนิ่มนวลควานเข้าไปในดอกไม้ของนาง นางได้แต่ร้อง อา ซีด
“คน….ซีด … จะ……เจ้า……อา……ซีด….เล่ห์…..อูย……ฟะ…….ฟื้น…..ละ….ซีด…….แล้ว……อูย……”
เสียงของนางเบาและกระท่อนกระแท่นแต่ก็สร้างความยินดีแก่ โบตั๋น และ เบญจมาศ แต่ก็ต้องสร้างความหน้าแดงให้แก่พวกนางเช่นกันเพราะภาพที่เห็นบ่อเมี้ยกำลังชิมดอกไม้ของหงส์หยกอย่างเมามัน หงส์หยกเองก็บิดตัวแอ่นอกเงยหน้าปากร้องซีด ซาด โบตั๋นเองก็ตกใจไม่แพ้กันเพราะข้างในกายนางความคับแน่นก่อเกิดอีกแล้วเพียงแต่นางหมดเรี่ยวแรงจากเปลี่ยนกระแสลมปราณ บ่อเมี้ยจึงเป็นฝ่ายกระเด้งขึ้นแทนนางได้แต่ร้องครวญครางแข่งกับหงส์หยกเท่านั้นเอง……………… โบตั๋นและหงส์หยกเข้าเฝ้าเซียนบนสวรรค์ไม่รู้กี่รอบ โบตั๋นได้แต่ถอนออกจากแท่งหยกสลบอยู่ข้างนั้นเอง ส่วนหงส์หยกตอนนี้เปรียบเสมือนตุ๊กตาที่จับนางพลิกซ้ายขวาก็แล้วแต่บ่อเมี้ยนางได้แต่ลืมตาหอบหายใจไม่มีปากเสียงบ่อเมี้ยจับนางคุกเข่าแล้วแทงเข้าด้านหลังดอกไม้ของนางถึงแม้จะเยิ้มด้วยน้ำค้างและน้ำลายแต่ความคับแน่น บีบ ตอดรัด ยังคงอยู่สร้างความเสียวซ่านให้ทั้งสองยิ่งนักบ่อเมี้ยค่อยๆกดอย่างช้าๆนางได้แต่กัดฟันเหลียวหลังมาดู เมื่อทุกอย่างเข้าที่บ่อเมี้ยจึงซอยเข้าออกอย่างช้าๆ นางได้แต่ร้อง อา อา หน้าเชิดปทุมถันแกว่งไกวตามจังหวะจากนั้นบ่อเมี้ยก็ซอยด้วยความเร็วขึ้น แท่งหยกสวนเข้าออกกับดอกไม้จนมันแผ๊บ นางได้แต่ร้องอ้าปากส่ายหัวไปมา บ่อเมี้ยเองก็เต็มกลั้นพลังความเย็นที่แทรกซึมในร่างกายพุ่งเข้าสู่ดอกไม้พร้อมน้ำจากแท่งหยก นางเองก็สะดุ้งสุดตัวพลังความเย็นหมุนวนเข้าร่างกายนางเคยได้รับบอกกล่าวจากบ่อเมี้ยและโบตั๋นวิธีการเปลี่ยนแปลงลมปราณแต่ไม่คิดจะขนาดนี้ ทั้งเจ็บปวด ทั้งเย็นยะเยือก ทั้งเสียวซ่าน ทั้งสุขสบายหมุนวนโคจรรอบกระแสเลือดตามจุดต่างๆพลังของนางยังด้อยกว่าโบตั๋นขั้นนึงจึงวนมากกว่าสิบห้ารอบจึงแปลงกระแสเย็นเป็นร้อนคืนสู่บ่อเมี้ยได้ซึ่งบ่อเมี้ยเองก็กระตุกจนรู้ได้เลยทีเดียวตอนนี้ร่างกายของบ่อเมี้ยผิวพรรณแดงฉานสืบเนื่องพวกนางยังไม่รู้วิธีการควบคุมลมปราณให้สมดุลก่อนส่งกลับพลังที่รับจึงเป็นพลังสายร้อนเพียวๆทำให้ธาตุร้อนของบ่อเมี้ยยังมีมากกว่าธาตุเย็นเพียงแต่บ่อเมี้ยยังมีอาการที่ดีกว่าเดิม และมีสติเท่านั้น จึงถอดออกจากหงส์ซึ่งสลบคาแท่งไปแล้วจับนางมานอนข้างเคียงโบตั๋นจากนั้นเดินหยกตั้งเด่เข้าหาเบญจมาศที่มองตาค้างเมื่อบ่อเมี้ยเข้ามาใกล้นางเผลอตัวถอยหลัง บ่อเมี้ยพุ่งหอบนางพุ่งออกจากบ้านพักขึ้นเขาทันที นางได้แต่ร้องว่า “ทุกทีเลยต้องทำนอกบ้านทุกทีเลยตาหมอบ้า…………………………………..”