น้องผิง ตอนที่ 5

น้องผิง ตอนที่ 5

น้องผิง ตอนที่ 5 – การลงทุน
…………………………………….
Assasin008

ตอนนี้ผมก็ยืนอึ้ง น้องผิงที่โดนผมกระเด้าในท่าลิงอุ้มแตงก็กอดผมนิ่ง มีก็แต่ลุงดำยามประจำหมู่บ้านที่กำลังยิ้มเห็นฟันขาวจั๊วะอยู่หน้าบ้าน ยังดีที่มองไปแล้วไม่เห็นแกใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายคลิปเอาไว้

กว่าผมจะเริ่มได้สติก็ผ่านไปพักใหญ่ ตอนนี้ผมได้ยินเสียงน้องผิงครางหนัก ๆ เธอพยายามเด้งเอวใส่ผมเบา ๆ ท่าทางของเธอเหมือนผู้หญิงที่อัดอั้นอารมณ์เต็มที่จนหยุดไม่อยู่ หรือแปลตรง ๆ ก็คือ เธอทำท่าเหมือนไม่แคร์ว่ามีลุงดำแอบดูอยู่นั่นล่ะครับ ตอนนี้เธอคงแค่อยากให้ผมทำให้เธอเสร็จอย่างเดียว เรื่องอะไรก็ไม่สนแล้ว

“เดี๋ยวก่อนนะผิง หลบเข้าบ้าน ไปใส่เสื้อผ้าก่อน”

เธออยากจนสติหลุดลอยแต่ผมยัง
ควบคุมตัวเองอยู่ ก็เลยกระซิบบอกให้เธอหลบเข้าไปในบ้านก่อน ไม่งั้นถ้าโดนถ่ายคลิปเอาไว้เรื่องราวจะยิ่งแก้ไขยาก แต่น้องผิงตอนนี้เป็นเหมือนผู้หญิงโดนยาปลุกเซ็กส์อย่างแรงเข้าไป เธอกอดผมแน่นส่งสายตามองอ้อนวอนขอให้ผมพาเธอขึ้นสวรรค์ก่อน ผมจึงค่อย ๆ ขยับเดินอุ้มน้องผิงไปหลบใช้รถยนต์บังไม่ให้ลุงดำมองเห็น

พอหลบหาที่บังสายตาได้ ผมก็ชะโงกหน้าออกมาดูลุงดำ เห็นแกยังนั่งบนจักรยานยิ้มยิงฟันเหมือนเดิม แต่ว่าแกส่ายหน้าทำท่าเหมือนเสียดาย

“โธ่ ไม่ต้องหลบไปไหนหรอกคุณ ของลุงน่ะแก่เหี่ยวเป็นมะเขือเผาเอาใครไม่ได้แล้ว ไม่ทำอะไรหร๊อก ไม่บอกใครด้วย ขอแค่ดูให้ชื่นใจแค่นั้นแหละ วันก่อนลุงก็ยังแอบดูคุณเอากับเมียในสวนออกกำลังกายตอนกลางคืนอยู่เลย ดูแล้วมันให้อารมณ์คึกคักซู่ซ่าดี สมัยหนุ่ม ๆ ลุงก็ชอบแบบนี้แหละ”

ลุงดำแกพูดจนผมอึ้งไป ไม่นึกว่าตอนนั้นจะมีใครเห็น คืนนั้นผมกับแอนเพิ่งกลับมาจากข้างนอกมาถึงก็ตีสองกว่าแล้ว แอนนึกสนุกสะกิดให้ผมจอดรถที่สวนออกกำลังกายในหมู่บ้านที่ปิดไฟมืดจนเกือบมองอะไรไม่เห็น แล้วเราก็ลงจากรถไปเอากันบนศาลาให้อาหารปลา ตอนนั้นผมว่าดูดีแล้วนะ ไม่น่าจะมีใครแอบดูได้

“ตอนนั้นลุงแอบหลับอยู่ใต้ต้นไม้พอดี ตอนแรกเห็นแค่เงาตะคุ่ม ๆ ไม่สะใจเท่าไหร่ หลัง ๆ ได้ยินเสียงคราง แล้วเห็นคุณแอนขึ้นคร่อมลุงก็เลยได้เห็นของดีแบบพอหอมปากหอมคอ .. เอ้า คุณ ช่วยเด็กก่อนซิ ท่าทางกำลังลงแดงอยากเสร็จเต็มที่แล้วนั่น”

ลุงแกเหมือนจะรู้ว่าผมคิดอะไรก็เลยหันมาอธิบายให้เล็กน้อย แล้วส่งเสียงหัวเราะแห้ง ๆ ตามประสาคนสูงวัย ผมจึงค่อยหันมาสนใจน้องผิงที่กำลังหน้าแดงก่ำมองผมตาแป๋ว

“ทำต่อนะคะพี่กาย … อีกนิดเดียว …”

น้องผิงส่งเสียงออดอ้อนตาหวานฉ่ำ เธอพยายามร่อนเอวเข้าใส่ยิก ๆ แต่คงขยับไม่ค่อยถนัด เพราะท่านี้คนที่คุมเกมได้คือผมไม่ใช่เด็กสาวอย่างเธอ

เจอไม้นี้เข้าไปผมก็อดใจไม่ไหวเหมือนกัน สุดท้ายก็ปล่อยเลยตามเลย ยังไงมุมนี้ลุงดำแกก็มองไม่เห็นอยู่แล้ว ผมค่อย ๆ ขยับบั้นเอวซอยใส่น้องผิงช้า ๆ แล้วค่อย ๆ เร่งเครื่องขึ้นทีละนิด

น้องผิงสูดปากครางร้องซี้ดซ้าดเสียยกใหญ่ อารมณ์ของเธอมันล้นเต็มที่อยู่แล้ว พอผมกระแทกเอวใส่ได้ไม่นาน เด็กสาวนมโตคนนี้ก็ตัวกระตุกกอดผมแน่นเสร็จคาควยผมไปหนึ่งดอก แต่ปัญหาก็คือผมยังไม่เสร็จนี่ซิ จะทำต่อให้เสร็จก็รู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย แถมยังต้องรีบไปหามิ้งตามนัดอีก ไม่งั้นเธอคงต้องรอนาน

“พี่รักผิงนะ … ใส่เสื้อผ้าแล้วไปรอในบ้านก่อน เดี๋ยวพี่คุยกับลุงดำหน่อย”

ผมกระซิบบอกรักน้องผิงที่กำลังหลับตาพริ้มหอบมีความสุข เธอสะดุ้งนิดหน่อยตอนผมบอกว่าต้องไปคุยกับลุงดำ ท่าทางของเธอเหมือนจะลืมไปแล้วว่ามีลุงดำอยู่หน้าบ้าน ความเงี่ยนมักจะทำให้คนขาดสติได้เสมอ ไม่ว่าหญิงหรือชาย

“ค่ะ … หนูก็รักพี่กาย … หนูไปรอในบ้านนะคะ”

เธอตอบเสียงหวานแล้วจูบปากผมทีนึง ผมค่อย ๆ ถอนดุ้นออกมา แล้วปล่อยให้เธอยืนเอง แต่ดูเหมือนเธอจะยืนไม่ไหวต้องพิงรถเอาไว้ไม่ให้ล้ม

ผมยืนมองน้องผิงในสภาพควยแข็งปั๋งอีกพักใหญ่ ใจนึงก็อยากจะจัดให้ตัวเองน้ำแตกก่อน แต่ก็ฝืนใจใส่กางเกงเดินไปหยิบเสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นที่หล่นบนพื้นมาให้น้องผิงใส่ เธอรับไปแล้วยืนขาสั่นทำท่าเหมือนจะไม่ไหว ผมเลยเข้าไปช่วยใส่เสื้อกับกางเกงให้ แล้วพยุงเธอเข้าไปในบ้าน

“ลุงดำมาไม่ให้สุ้มไม่ให้เสียง ผมตกใจหมด”

ส่งน้องผิงเรียบร้อยผมก็เดินมาหน้าบ้านคุยกับลุงดำ เพราะอยากหยั่งเชิงดูก่อน ว่าแกจะมีท่าทียังไง จะหาเรื่องแบล็คเมลผมหรือเปล่า หรือถ้าแสดงท่าทีอยากฟันน้องผิง ผมจะได้หาทางป้องกันเสียก่อน

“เอ๋า ก็ลุงได้ยินเสียงแล้วนึกว่าโจร เลยย่องมาเงียบ ๆ ที่ไหนได้มาเจอคุณเย็ดนังหนูซะมันควยเลย นี่ถ้าหนุ่ม ๆ ในหมู่บ้านรู้คงอกแตกตายกันบ้าง หนูผิงนี่มีแต่คนเล็ง ๆ อยากเอาทั้งนั้น ตัวเล็กนิดเดียวแต่อวบเกินอายุ เนื้อนมไข่น่าฟัดจะตาย”

“ลุงก็อย่าไปบอกให้คนอื่นรู้ซิ”

ผมฟังเสียงแกหัวเราะแต่ยังจับไม่ได้ว่าแกมีเป้าหมายอะไรหรือเปล่า ผมก็เลยถามอ้อม ๆ กลับไปเพื่อหยั่งเชิงก่อน

“โอ๊ย ลุงไม่บอกหรอกคุณ บอกไปก็เท่านั้น ไม่ได้อะไร ดีไม่ดีจะทะเลาะกับคุณซะเปล่า ลุงเป็นแค่ยาม ส่วนพวกคุณน่ะคนรวย ๆ ทั้งนั้น ลุงไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวหร๊อก”

“ก็ดีครับ ผมยังไม่อยากให้เรื่องแดงตอนนี้ เดี๋ยวน้องผิงแกจะเสีย รอไว้ให้แกเรียนจบก่อน แล้วผมกะจะแต่งเป็นเมียคนที่สอง นี่เมียผมกับแม่เธอก็รู้แล้ว แต่ยังเก็บข่าวกันไว้ก่อน แกยังเด็กไปหน่อย”

ผมฟังแกพูดแล้วโล่งใจนิดหน่อย เหมือนลุงดำจะไม่ได้มีเจตนาแบล็คเมล์อะไร และแกก็ดูจะรู้ตัวเองดี ว่าถ้ามีเรื่องกันคนรวยแบบผมพอจะทำอะไรได้มากกว่า แต่ผมก็ยังไม่วางใจ ก็เลยพูดให้ข่าวสารหลอก ๆ ออกไปก่อน

ที่ผมบอกแบบนี้ ก็เพื่อทำให้ลุงดำคิดว่าไปแบล็คเมล์กับเมียผมหรือแม่น้องผิงไม่ได้เพราะรู้เรื่องกันแล้ว คราวนี้ถ้าลุงดำอยากจะข่มขู่ว่าไปบอกคนอื่น น้ำหนักการขู่ก็จะเบาลง เพราะคนไม่แน่ว่าจะเชื่อ ยิ่งไม่มีหลักฐานด้วยก็ยิ่งน่าจะไม่เชื่อเข้าไปใหญ่

“อ้อ ลุงเข้าใจแล้ว เอาล่ะ ไม่มีอะไรแล้ว ลุงไปล่ะ คุณก็อย่าทำอะไรประเจิดประเจ้อเกินไป แต่ถ้าคราวหลังอยากทำก็มาเรียกลุงให้ดูต้นทางได้ ลุงยินดีช่วย ขอแค่ได้แอบดูของดีสักหน่อยก็พอ”

ลุงดำพูดปิดท้ายแล้วขี่จักรยานไปตรวจตราในหมู่บ้านต่อ ผมเห็นว่าคุยกันรู้เรื่องแบบนี้ก็เริ่มโล่งใจ คิดว่าน่าจะไม่มีปัญหาอะไร แต่พอผมหันไปเห็นว่าเป้ากางเกงของลุงดำมันพองขึ้นมาเป็นท่อนลำ ผมก็เริ่มเป็นกังวลอีกครั้ง เพราะลุงดำโกหกว่าลุงแกแห้งเหี่ยวเป็นมะเขือเผาใช้งานไม่ได้ แต่เท่าที่ผมเห็นของลุงดำน่าจะประมาณท่อนไฟฉายใหญ่กว่าของผมเสียอีก

ที่น่ากังวลก็คือนอกจากโกหกแล้ว ลุงแกยังเป็นพวกหน้านิ่งจับความรู้สึกไม่ออก ดูเหมือนแกจะเจนโลกพอดูที่ไม่แสดงอะไรออกมา แล้วผมว่าคนแบบนี้ล่ะที่น่ากลัว เพราะรับมือยากมาก

“เรียบร้อยมั้ยคะพี่กาย”

ผมยืนนิ่งอยู่หน้าบ้านพักใหญ่พยายามคิดอะไรบางอย่าง แล้วน้องผิงก็เปิดประตูบ้านเดินออกมายืนอยู่ข้าง ๆ ตอนนี้หน้าของเธอสดใสเพราะได้ระบายความเงี่ยนออกไปแล้ว เป็นผมเสียอีกที่กำลังมองหน้ามองนมของน้องผิงด้วยสายตาหื่น ๆ อยากจัดหนักเธออีกรอบ

“ตอนนี้ไม่มีอะไร แต่ระวังไว้หน่อยก็ดี ผิงจำไว้นะ อย่าไปไหนกับลุงดำเด็ดขาด อย่าเปิดให้เข้าบ้าน ถ้าโดนข่มขู่อะไรไม่ต้องทำตามทั้งนั้น ลุงคนนี้น้ำนิ่งไหลลึกอันตรายทีเดียว”

“หนูว่ายังอันตรายไม่เท่าพี่กายหรอก เล่นมองผิงตาวาวซะขนาดนี้”

ผมเตือนเธอไว้ แต่น้องผิงทำสีหน้าไม่ทุกข์ไม่ร้อน แถมยังพูดย้อนใส่ผมตามแบบฉบับของยายตัวแสบที่เธอเป็นมาตลอดเสียอีก

“แหม ก็เรามันผัวเมียกันนี่นา เราไปต่อกันในบ้านดีกว่าไป”

“ไม่เอาค่ะ พี่ต้องรีบไปหาเพื่อนไม่ใช่เหรอ รีบไปเถอะค่ะ หนูก็กลัวแม่จะกลับมาก่อนเหมือนกัน”

ยายเด็กแสบเชิดใส่คำเชิญชวนของผม แล้วรีบเดินจ้ำไปทางประตูรั้วจนผมรั้งไว้ไม่ทัน ผมแทบลืมไปเลยว่ามีนัดกับมิ้งแม่ของน้องผิง

“โธ่ อย่ารีบไปซิ พี่ยังไม่หายคิดถึงเลย”

ผมรีบเดินตามไปแล้วส่งเสียงอ้อน แต่เด็กแสบรีบเปิดประตูมุดออกไปยืนแลบลิ้นใส่ผมจากหน้าบ้าน

“แหวะ ยังไม่หายคิดถึง หรือว่ายังน้ำไม่แตกคะ? กะจะหลอกหนูเข้าไปในบ้านแล้วเย็ดสดแตกในล่ะซิ วันนี้หนูไม่หลงกลหรอก แล้วหนูจะเอาคืนด้วย ปล่อยให้หนูอารมณ์ค้างตั้งสองวัน ส่วนพี่ได้ทำกับพี่แอนสบายใจ ตอนนี้หนูจะทำให้พี่อารมณ์ค้างบ้างล่ะ”

เด็กสาวมัธยมปลายแก่นเซี้ยวยังรู้ทันผมตามเคย เธอพูดดักทางผมตรงเป๋ง แถมยังใช้คำพูดคำจาแบบน่าตีปากสักที แต่ผมก็ไม่ได้บังคับเธอมากทั้งที่กำลังเงี่ยนจัด กะว่าเดี๋ยวค่อยไประบายใส่แม่ของเธอแทนก็ได้

ผมออกไปส่งให้น้องผิงกลับเข้าบ้านจนแน่ใจ แล้วย้ำให้เธอล๊อคประตูบ้านดี ๆ เผื่อว่าลุงดำจะแอบลงมือทำอะไร จากนั้นผมก็ขึ้นรถขับไปโรงแรม หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเวลา ก็เห็นว่ามีสายจากคุณมิ้งโทรมาแล้วไม่ได้รับตั้งห้าสาย

……………………………….

“ขอโทษนะครับที่มาสายไปหน่อย? วันนี้ที่รักแต่งตัวสวยน่ากินจัง”

ผมเดินเข้าไปในเลาจ์ของโรงแรมประจำ มองนาฬิกาแล้วก็รู้ว่าผมสายไปราวยี่สิบนาที แต่มองหาแวบเดียวก็เจอมิ้ง เพราะเธอสวยเด่นกว่าใคร แล้วผมก็เปิดฉากทักทายแม่บ้านสาวสวยเสน่ห์แรงที่หนุ่ม ๆ ในร้านกาแฟกำลังแอบมองกันตาลุกวาว โดยไม่ลืมที่จะนั่งข้าง ๆ เธอแล้วใช้มือโอบไหล่แสดงท่าทีเป็นเจ้าของให้คนอื่นอิจฉาตาร้อนเล่น

“ไม่เป็นอะไรค่ะ คุณกาย มิ้งเข้าใจ”

“คุณกายอะไร บอกให้เรียกที่รักไม่ใช่เหรอ?”

“ค่ะที่รัก”

มิ้งแสดงท่าทีเอียงอายหน้าแดงก่ำขึ้นมา ไม่แน่ใจว่าอายเพราะโดนผมโอบไหล่ หรือเขินที่ต้องเรียกผมว่าที่รักตามคำสั่ง แต่ในความขัดเขินนั้นก็มีรอยยิ้มหวานยินดีมีความสุข นี่สมกับเป็นอุปนิสัยของกุลสตรีไทยของเธอ ผิดกับน้องผิงที่ดูจะรู้มาก ก๋ากั่น และกล้าแสดงออกกว่า

“เพิ่งมาถึงแต่หนุ่ม ๆ แอบมองซะตาหวานเชียว ก็นะเมียผมคนนี้สวยเสน่ห์แรง มองเผิน ๆ ยังกะเด็กสาวรุ่นมหาลัยแน่ะ ผมเห็นปุ๊บไอ้นั่นก็ตื่นขึ้นมาปั๊บเลย … เอ้า นี่ดอกไม้สำหรับคนสวย”

ผมใช้ประโยคหวาน ๆ ผสมกับลามกพูดชมตามนิสัย แล้วใช้มือลูบไหล่ของเธอพลางยื่นกุหลาบสีแดงช่อเล็กที่ซ่อนอยู่ด้านหลังให้ ซึ่งที่จริงมันเป็นดอกไม้ที่ผมซื้อให้แอน แต่แอนแค่รับไว้แล้วบอกให้ผมช่วยเก็บ ผมก็เลยเอามาให้มิ้งต่ออีกทอดหนึ่ง

ส่วนเรื่องคำชมผมไม่ได้โกหก มิ้งสวยจริง ๆ แถมยังหน้าใสมองคล้ายเด็กสาววัยไม่ถึงยี่สิบด้วยซ้ำ ทั้งที่แต่งงานมีลูกมีเต้าไปแล้วหนึ่งคน

“ขอบคุณค่ะ”

มิ้งเบิกตามองดูช่อกุหลาบสีแดงเหมือนกับว่าไม่เคยได้ดอกไม้จากผู้ชายมาก่อน เธอยื่นมารับแล้วกอดแนบอกเผยรอยยิ้มจนแก้มแทบปริ ผมมองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าตอนนี้เธอหลงผมเข้าให้แล้วแบบจริงจัง สีหน้าแววตาแบบนี้มันหลอกกันไม่ได้ เธอกำลังดีใจจริง ๆ แววตานั้นเหมือนกับเด็กสาวไร้เดียงสาที่เพิ่งหลงรักผู้ชายเป็นครั้งแรก

“แค่ขอบคุณเองเหรอ? หอมแก้มหน่อยซิ”

ผมแกล้งหยอกเธอต่อด้วยสีหน้าจริงจัง มิ้งจึงมองหน้าผมแล้วหันซ้ายหันขวา พูดกระซิบเสียงเบาให้ผมได้ยินคนเดียวว่า

“ที่นี่คนเยอะ … เดี๋ยวมีคนเห็นค่ะ”

“ช่างเค้าซิ คนจะพลอดรักกัน ทำไมต้องสนคนอื่นด้วย”

ผมพูดกระตุ้นเธอต่อ มิ้งดูจะดีใจกว่าเดิมไปกับคำหวานของผม เธอจึงหันมองซ้ายทีขวาทีอีกรอบก่อนจะฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีใครมองมา แล้วรีบเอียงหน้ามาหอมแก้มซ้ายของผมฟอดหนึ่งแบบลวก ๆ เร็ว ๆ

“ขอบคุณค่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่มีผู้ชายเอาช่อดอกไม้มาให้มิ้ง”

“หือ สามีไม่เคยให้เลยเหรอ?”

“ไม่ค่ะ … เค้าเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยเอาใจใคร”

มิ้งตอบเสียงเศร้าเล็กน้อยเมื่อผมพูดไปถึงสามีของเธอที่ไม่ได้เจอกันมานาน ผมจึงกอดเธอแน่นกว่าเดิม แล้วก้มหน้าลงไปกระซิบปลอบใจเธอที่ข้างหู

“เรื่องเศร้า ๆ น่ะช่างมันเถอะ ต่อจากนี้ไปผมจะช่วยเอาอกเอาใจมิ้งจนหายเศร้าไปเลย”

เจอไม้นี้เข้าไปแม่บ้านอ่อนประสบการณ์ความรักก็ยิ้มหวานหน้าแดงก่ำ เธอก้มหน้างุดสลับกับเงยหน้าขึ้นมามองผม ทำท่าเหมือนมีอะไรอยากจะพูด แต่ก็ไม่กล้าพูด ผมจึงมองเธอแล้วรอให้เธอพูด สุดท้ายอีกพักใหญ่เธอถึงค่อยพูดความในใจออกมา

“อย่าทำแบบนี้ค่ะ … มิ้งเป็นแค่ผู้หญิงมีลูกที่ขายตัวกิน … อย่าทำให้มิ้งหลงรักซิคะ มิ้งมีสามีแล้ว คุณก็มีเมีย มีเมียน้อยอีก … เดี๋ยววันนึงพอคุณเบื่อมิ้ง แล้วทิ้งมิ้งไป มิ้งคงจะทำใจไม่ได้”

เธอพรั่งพรูความคิดที่เก็บกดไว้ ผมเคยบอกเธอว่าผมแต่งงานแล้ว แล้วก็มีเมียน้อยที่ผมส่งเงินเลี้ยงดูแบบเดียวกับเธออีกสองคน ไอ้ที่ผมบอกแบบนี้ก็เพราะตั้งใจให้เธอรู้น่ะแหละ ว่าผมมีพันธะแล้ว อย่ามาหวังสร้างพันธะระยะยาวกับผม เผื่อวันไหนผมเบื่อ จะได้ปล่อยเธอไปได้แบบไม่ต้องมีเรื่องมีราวมาก

ผมโกหกว่าผมมีเมียน้อยอีกสองคน เพื่อจะให้เธอได้สำนึกในฐานะของเธอเองแบบอ้อม ๆ และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ เผื่อว่าผมจะได้พาเธอไปเล่นแซนด์วิซกับคนอื่นเขาได้

“ผมเคยบอกแล้วไง ว่าตอนที่เรามีความสุข เราก็ควรจะสุขให้เต็มที่ จะได้ไม่เสียดายโอกาสที่ผ่านไป ตอนนี้เราก็แค่รักกันให้เหมือนผัวเมียคู่หนึ่ง อย่างน้อยก็เก็บไว้เป็นความทรงจำ ส่วนเรื่องหลังจากนี้ก็อย่าเพิ่งคิดให้ปวดสมอง”

มิ้งฟังผมทำตาเศร้าหน่อย ๆ แต่เธอก็พยักหน้าเหมือนพยายามให้ตัวเองเข้าใจ ผมเลยคว้าเธอมากอดแล้วบดปากจูบใส่ไม่ให้เธอต้องเศร้านาน ๆ

เธอแสดงท่าทีเงอะงะทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย แล้วก็ค่อย ๆ โอนอ่อน เผยอปากปล่อยให้รุกเข้าใส่แต่โดยดี พอสักพักก็เริ่มตวัดลิ้นสู้ดูดปากผมตอบดุเดือดกว่าเดิม เราเลยกอดจูบกันดังจ๊วบ ๆ แบบไม่สนใจใครอยู่ในแสงสลัว ทั้งที่รู้ดีว่ามีหลายคนกำลังมองมาทางนี้ ก็มันเรื่องปกติในเลาจ์แบบนี้อยู่แล้ว

ผมเป็นฝ่ายรุกเริ่มกดจนมิ้งพิงไปกับโซฟา แล้วผมก็เริ่มรุกหนักกว่าเดิม ใช้มือตะปบลงไปบนเต้านมแล้วบีบขยำใส่ มิ้งสะดุ้งโหยงนิดหน่อย เธอพยายามปัดมือผมออก แต่ผมฝืนขย้ำบีบนมไซส์ใหญ่กว่ามาตรฐานหญิงไทยต่อ ไม่นานมิ้งก็หมดแรงนั่งหอบครางปล่อยให้ผมบีบนมเธอแต่โดยดี

“ที่รักคะ … อืมมม … ไปทำกันในห้องนะคะ มิ้งเขิน … อูยยย”

มิ้งส่งเสียงขอร้องผมตอนที่ผมปล่อยปากเธอเป็นอิสระ แต่ผมยังอยากแกล้งเธอต่อ ก้มหน้าลงไปไซร้ซอกคอขาวเนียนแบบตั้งใจให้ผู้ชายคนอื่นอิจฉาเล่น จากนั้นก็กระตุ้นอารมณ์เธออีกหน่อยด้วยการล้วงมือลงไปตะปบบี้ ๆ คลึง ๆ ที่โคกสวาทจนมิ้งร้องวี้ดตัวกระตุกแล้วกระตุกอีก

“ซี้ดดดสสส … อ๊อยยย … ที่รักขา … มิ้งเสียว … อูยยสส …”

ยิ่งฟังเธอครางผมก็ยิ่งมีอารมณ์ ผมเองก็หื่นค้างคามาจากน้องผิงแล้ว นี่กะว่าจูบ ๆ ล้วง ๆ กระตุ้นอารมณ์ สร้างความตื่นเต้นเล็ก ๆ อีกหน่อยแล้วจะขึ้นไปบนห้องเอากันให้หายเงี่ยน แต่เหมือนช่วงนี้ผมจะมีพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกยังไงชอบกล ตอนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม ถึงต้องมีคนมาขวางตลอด

“ว่าแล้วคุ้น ๆ นึกว่าใคร ที่แท้ก็คุณกายมหาเศรษฐที่ดินนี่เอง”

เสียงหนึ่งดังขึ้นตอนที่ผมกำลังไซร้เนินอกของมิ้งอย่างเมามัน มิ้งเลยลืมตาโพลงร้องอุทานผลักผมออก ผมเลยหันไปดูด้วยความหงุดหงิดว่าใครมาขัดจังหวะ แล้วผมก็พบว่านั่นเป็นเสี่ยอ้วนนั่นเอง

เสี่ยอ้วนเป็นนายหน้าค้าที่ดิน อายุประมาณสี่สิบกว่า ๆ ร่างอ้วนท้วม ผิวขาวแบบตี๋ ๆ หน่อย ล่าสุดเขาเคยหาลูกค้ามาซื้อที่ดินของผมที่พัทยา ได้กำไรจากค่านายหน้าไปไม่น้อย ผมก็ไม่ได้สนิทอะไรมากมายหรอก แค่เคยคุยทางธุรกิจไปสามสี่ครั้ง แล้วก็เคยไปเหมาอ่างลงหม้อสุกี้กันมาสองครั้งที่พัทยา

“อ้าว สวัสดีครับเสี่ยอ้วน วันนี้เสี่ยมาหาเหยื่อถึงกรุงเทพเลยเหรอ?”

ถึงจะกำลังขัดใจอยู่ แต่ผมรีบลุกขึ้นยกมือสวัสดีทักทายตามมารยาท เพราะยังไงเสี่ยแกก็อายุมากกว่าผม ปกติแล้วเสี่ยอ้วนแกจะอยู่พัทยา นาน ๆ ทีถึงจะเข้ามากรุงเทพ

“ฮ่า ฮ่า ผมก็ร่อนไปร่อนมาน่ะแหละ วันนี้มาหาหนูเชอรี่ แล้วก็มาคุยธุระเรื่องซื้อขายที่ดินด้วย เอ้าหนูเชอรี่มาแนะนำตัวหน่อย”

เสี่ยอ้วนหัวเราะร่วนที่โดนผมแซว แล้วก็หันหลังไปจูงมือสาวรุ่นในชุดนักศึกษามหาวิทยาลัยออกมา เธอมองผมด้วยสายตาสาวมั่นแล้วยกมือไหว้อย่างมีมารยาท ผมเผลอมองดูความสวยของเธอไปพักใหญ่ เพราะเชอรี่สวยมากทีเดียว เรียกได้ว่าพอเทียบกับมิ้งได้ไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่ว่าเธอสาวกว่า และได้คะแนนพิเศษจากชุดนักศึกษาก็เลยน่ามองกว่า

“สวัสดีค่ะ เชอรี่ค่ะ”

“เดี๋ยวป๋าจะแนะนำให้รู้จักกันนะ เชอรี่นี่คุณกาย คุณกายเป็นเศรษฐีที่ดิน แกมีที่ดินเพียบเชียว ล่าสุดป๋าก็เพิ่งติดต่อซื้อที่แถวพัทยาเหนือไปสองร้อยกว่าล้าน แถมคุณกายแกยังเป็นนักลงทุนมือดีด้วย มีเสี่ยหลายคนเลยที่ไว้ใจให้แกบริหารกองทุน”

เสี่ยอ้วนแนะนำตัวผมซะเลิศลอย แต่ก็ไม่ได้ผิดจากความจริงเท่าไหร่ และตอนนี้เองที่ผมเห็นแววตาของเชอรี่มองผมเป็นประกายวิบวับ นั่นเป็นแววตาของผู้หญิงเวลาสนใจในตัวผู้ชายสักคน ดูเหมือนว่าเด็กของเสี่ยอ้วนคนนี้จะสนใจความรวยผมเข้าให้ซะแล้ว

“ว้าว ดีจัง เชอรี่ก็เรียนสายการเงินค่ะ แล้วก็อยากเป็นนายหน้าที่ดินด้วย เอาไว้เชอรี่จะขอให้พี่กายช่วยแนะนำได้มั้ยคะ?”

เชอรี่ยิ้มหวานให้ผมในแบบที่สามารถทำให้ผู้ชายทุกคนเคลิ้มได้ ผมก็เลยเผลอมองเธออีกหน่อย มองจากเข็มกลัดมหาลัยแล้วเธอเรียนอยู่มหาลัยชื่อดังทีเดียว แต่ชุดที่ใส่นี่เดาว่าคงผิดระเบียบเต็ม ๆ เพราะทั้งรัดทั้งสั้น ไม่น่าเรียกชุดนักศึกษา แต่น่าจะเรียกว่าชุดยั่วอารมณ์ป๋ามากกว่า

“คุณกายก็แนะนำคุณคนสวยที่นั่งข้าง ๆ ให้ผมรู้จักบ้างซิ เผื่อเขามีที่ดินสวย ๆ อยากขาย ผมจะได้ติดต่อธุระกิจได้”

เสี่ยอ้วนมองผมแล้วยิ้มเหมือนพอใจสายตาที่ผมมองเชอรี่ จากนั้นเสี่ยก็หันไปมองมิ้งตาลุกวาว แล้วบอกให้ผมช่วยแนะนำมิ้งให้รู้จัก และถ้ามองสายตาแล้ว ผมว่าเสี่ยอ้วนกำลังถูกใจมิ้งพอสมควร เพราะมิ้งก็สวยเซ็กซี่ไม่แพ้เชอรี่ มองเผิน ๆ คนส่วนใหญ่จะเดาว่ามิ้งอายุราวยี่สิบห้า และมิ้งยังเด่นในเรื่องกิริยาการพูดการจาที่มองแล้วเหมือนพวกคุณนายไฮโซด้วย

“ขอโทษทีครับเสี่ย ผมก็ลืมไปเลย นี่คุณมิ้ง เธอก็เป็นนายหน้าขายที่ดินเหมือนกัน กำลังติดต่อเรื่องซื้อที่กับผมอยู่”

ผมหันไปช่วยแนะนำตัวมิ้งให้เสี่ยรู้จัก แต่แอบโกหกเล็กน้อย เพื่อยกฐานะของเธอขึ้นมา ไม่ให้โดนเสี่ยมองว่าเธอเป็นสาวไซด์ไลน์อย่างที่เธอเป็น

“… สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”

มิ้งอึ้งไปเล็กน้อย แต่ก็เหมือนจะพอจับความคิดของผมได้ เธอจึงไม่ได้โต้แย้งอะไร แล้วลุกขึ้นมายกมือสวัสดีด้วยท่วงท่าอ่อนหวานสวยงาม จนเสี่ยอ้วนมองเธอตาแวววาวกว่าเดิม ถ้าผมจำไม่ผิด ผมว่าเสี่ยอ้วนเคยบอกว่าแกชอบพวกสาวไฮโซเป็นพิเศษ ถึงกับอยากได้เป็นเมียแต่งเลยทีเดียว

“สวัสดีครับ แหม่ คนก็สวย มารยาทก็งาม คุณมิ้งเป็นลูกหลานนามสกุลใหญ่ที่ไหนหรือเปล่านี่”

“เปล่าหรอกค่ะ มิ้งเป็นแค่คนธรรมดาไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่ว่าต้นตระกูลเป็นคนในวังมาก่อน ก็เลยโดนอบรมมารยาทมาตั้งแต่เด็ก”

มิ้งยิ้มตอบทั้งที่ยังหน้าแดงก่ำเพราะโดนผมลวนลาม ตอนนี้ผมถึงเพิ่งสังเกตเห็นว่าท่าทางทุกอย่างของเธอคล้ายกับพวกในสังคมไฮโซจริง ๆ ซึ่งสิ่งนี้มันแกล้งทำกันไม่ได้ แต่ต้องถูกสั่งสอนมาตั้งแต่เด็ก และดูเหมือนว่าเสี่ยอ้วนจะเห็นสิ่งนี้เหมือนกัน ก็เลยมองมิ้งตาลุกวาวกว่าเดิม

“สวัสดีค่ะพี่มิ้ง ไม่นึกว่าจะมาเจอกันอีกครั้งในที่แบบนี้นะคะ”

ขณะที่ผมกำลังประเมินความคิดของเสี่ยอ้วน เชอรี่ก็เดินออกมาหนึ่งก้าวแล้วยกมือไหว้มิ้ง และทักทายเหมือนเธอสองคนเคยเจอกันมาก่อน ผมกับเสี่ยอ้วนก็เลยหันไปมองเชอรี่แบบงง ๆ ว่าสองคนนี้รู้จักกันได้ยังไง

“ไม่ต้องแปลกใจหรอกค่ะ พี่มิ้งเป็นผู้จัดการฝ่ายขายที่บริษัทรถยนตร์ ส่วนเชอรี่ก็เคยไปสมัครเป็นพริตตี้ในงานมอเตอร์โชว์ เราเคยคุยกันนิดหน่อยค่ะ ใช่มั้ยคะพี่มิ้ง?”

“จ้ะ เพิ่งเจอกันเมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง เชอรี่สบายดีนะ”

เชอรี่พูดด้วยรอยยิ้มสดใสชวนมอง แต่ผมแอบสังเกตเห็นแววตาที่ไม่ค่อยเป็นมิตรนักเวลาที่เธอมองมิ้ง ส่วนมิ้งนั้นมองกลับด้วยรอยยิ้มไม่สดใสนักแต่ไม่ได้มีท่าทีไม่เป็นมิตรแต่อย่างใด มิ้งน่าจะแค่ไม่อยากเจอคนรู้จักตอนนี้ แต่ว่าเชอรี่ทำไมถึงทำท่าเหมือนไม่ค่อยพอใจมิ้ง?

หลังจากนั้นเสี่ยอ้วนก็ถือวิสาสะพาเชอรี่มานั่งกับพวกเราด้วย ที่น่าแปลกเล็ก ๆ ก็คือเสี่ยอ้วนดูเหมือนจะจงใจให้เชอรี่นั่งข้างผม ส่วนเสี่ยอ้วนแยกไปนั่งอีกด้านที่อยู่ติดกับมิ้ง แถมเสี่ยยังพูดยกยอผมเสียยกใหญ่ ว่ารวยอย่างงั้นรวยอย่างงี้ ตอนนี้ผมเกิดความรู้สึกแปลก ๆ เหมือนเสี่ยอ้วนจะถูกใจมิ้งเสียจนทิ้งเชอรี่ แล้วหันไปจีบมิ้งแทน

เหมือนผมจะเดาถูก เสี่ยอ้วนแสดงท่าทีสนใจมิ้งแบบออกนอกหน้า จนเชอรี่ที่มาด้วยกันขมวดคิ้วมองมิ้งด้วยสายตาเหมือนไม่พอใจเท่าไหร่ที่โดนทอดทิ้ง ส่วนผมถึงจะหวงของอยู่บ้าง แต่ค่อนข้างมั่นใจว่ายังไงมิ้งก็เป็นของผมอยู่ดีก็เลยไม่ได้กันท่ามากนัก แค่ส่งเสียงปรามบ้างเป็นระยะตอนที่เสี่ยทำท่าจะลามปามจับมือถือแขน

มิ้งคงโดนก่อกวนจนทนไม่ไหว เธอเลยขอตัวลุกไปเข้าห้องน้ำ ผมก็ขำเล็ก ๆ กะว่าสนุกพอแล้ว เดี๋ยวมิ้งกลับมาผมจะขอตัวไปขึ้นห้อง แต่เสี่ยอ้วนก็ยังไม่ยอมเลิก ทำทีเป็นสุภาพบุรุษลุกขึ้นไปส่งที่ห้องน้ำ ตอนนี้ก็เลยเหลือผมนั่งอยู่กับเชอรี่แม่สาวนักศึกษาเปรี้ยวจี๊ดเพียงลำพัง

“พี่กายคบกับพี่มิ้งมานานหรือยังคะ?”

“ก็ไม่นานเท่าไหร่ ทำไมเหรอ?”

“จริง ๆ เชอรี่ก็ไม่อยากพูดนะคะ แต่มิ้งเห็นพี่กายเป็นคนดี กลัวว่าพี่กายจะเสียท่า … พี่กายรู้มั้ยคะ ว่าพี่มิ้งเป็นคนยังไง พี่มิ้งน่ะแต่งงานแล้ว แถมยังมีลูกแล้ว ลูกสาวขึ้นชั้นมัธยมแล้วด้วย”

เชอรี่พูดพลางยิ้มน้อย ๆ แล้วแอ่นอกยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มด้วยท่าทางเหมือนตั้งใจยั่วผม ผมนั่งรับฟังทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อย เรื่องพวกนี้ผมรู้อยู่แล้ว แถมยังเคยฟันลูกสาวมิ้งแล้วด้วย ดังนั้นไม่สนใจข่าวสารนี้เท่าไหร่ แต่จากประสบการณ์ผมเริ่มจะเดาออกว่าเชอรี่ไม่ถูกกับมิ้งจริง ๆ และเธอกำลังพยายามให้ข่าวสารด้านลบ

“จริงเหรอ? แต่ก็ไม่แปลกนี่นา สวยหวานเซ็กส์ซี่ขนาดนี้ถ้ายังไม่เคยแต่งงานนี่ซิแปลก”

ผมแกล้งทำเสียงเหมือนไม่รู้มาก่อนเพื่อหยั่งเชิงดูว่าเชอรี่อยากบอกอะไรอีก

“เชอรี่ก็แค่อยากบอกว่า พี่มิ้งน่ะไม่ใช่สาว ๆ แล้ว แถมยังมีข่าวคาวในบริษัทไม่ใช่น้อย เชอรี่กลัวว่าพี่มิ้งจะมาหลอกพี่กายเหมือนที่เคยหลอกผู้ชายคนอื่น”

“ข่าวคาวงั้นเหรอ?”

“ค่ะ … พี่กายอย่าบอกนะว่ารู้มาจากหนู ในบริษัทน่ะลือกันให้แซ่ด ว่าพี่มิ้งน่ะได้เป็นผู้จัดการเพราะเป็นเมียน้อยให้บอสใหญ่ที่นั่น แถมเธอยังอ่อยเหยื่อให้พวกระดับผู้จัดการที่นั่นอีกเกือบสิบคน มีคนบอกว่าพี่มิ้งเคยโดนพวกพนักงานผู้ชายเป็นสิบคนรุมเอาพร้อมกันในห้องประชุมด้วยนะคะ เห็นสวย ๆ หวาน ๆ แบบนี้ ประสบการณ์เพียบเชียวล่ะค่ะ”

เชอรี่โน้มหน้าเข้ามาใกล้ใบหูของผม เธอตั้งใจเป่าลมใส่จนผมขนลุก แล้วก็กระซิบด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะน่าเชื่อถือ และผมก็คงจะเชื่อเธอไปแล้ว หากว่าผมยังไม่เคยฟันมิ้ง และได้รู้ว่าของมิ้งยังฟิตเหมือนไม่ค่อยได้ใช้งาน แถมยังอ่อนประสบการณ์ไม่รู้เรื่องลีลารักเลยแม้แต่นิดเดียว

“แค่ข่าวลือล่ะมั้ง มิ้งเค้าดูเรียบร้อยเป็นกุลสตรีดีออก ไม่น่าจะถึงขนาดนั้น”

ผมแกล้งขยับหน้าเข้าไปหาเชอรี่นิดหน่อย จนแก้มชนกับปากของเธอ แล้วแสร้งทำเป็นน้ำเสียงลังเลเหมือนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ตั้งใจจะรอฟังต่อว่าเชอรี่จะใส่ความอะไรมิ้งอีก

“พี่กายอ่ะ ฉวยโอกาสเอาเปรียบหนูอีกแล้ว”

เชอรี่ส่งเสียงกระซิบประท้วงออกมาเบา ๆ ฟังดูน่ารักน่าใคร่ ตอนนี้จมูกของเธอเบียดอยู่กับแก้มของผม แต่เธอไม่ได้ขยับถอยหนีปล่อยค้างเอาไว้แบบนั้นเหมือนตั้งใจจะยั่วผมเต็มที่

“เอาเปรียบคนสวยนิดหน่อยไม่ได้เหรอ? เอ้าไหนเล่าเรื่องมิ้งให้ฟังหน่อย”

“พี่มิ้งน่ะสวยอยู่หรอก แต่นิสัยไม่ไหวเลยค่ะ ทำตัวเหมือนเป็นพวกสาวไฮโซดูหยิ่ง ๆ ไม่น่าคบ น่าจะแกล้งทำไว้ยั่วผู้ชายเพื่อหลอกเงินมากกว่า หนูนะเบื่อมาก ๆ พวกผู้ชายเอาแต่สนใจเข้าข้างพี่มิ้ง แต่ก็นะคงได้เสียกันทั้งบริษัทแล้ว ก็เลยปกป้องกันเหมือนผัวเหมือนเมีย”

ผมฟังพลางพยักหน้าส่งเสียงอืม ส่วนเชอรี่ก็พูดต่อไปเรื่อย ๆ ตอนนี้ผมพอจะจับใจความได้แล้วว่าทำไมเชอรี่ถึงไม่ค่อยเป็นมิตรกับมิ้ง ยิ่งลองนึกถึงคำพูดของสาวพริตตี้ที่เคยนินทามิ้งให้ฟังผมก็ยิ่งสรุปได้ชัดขึ้น

เรื่องนิสัยยั่วผู้ชายมั่วเซ็กส์นี่ตัดทิ้งได้เลย เป็นข่าวลือหลอกลวงทั้งนั้น แต่ที่น่าจะจริงก็คือมิ้งได้รับความสนใจจากหนุ่ม ๆ จริง ๆ เพราะเธอทั้งสวยเซ็กส์ซี่เป็นกุลสตรีดูดีไปทุกกระเบียดนิ้ว พอเป็นแบบนี้ พวกผู้หญิงก็เลยกลายเป็นไม่พอใจกันขึ้นมา

ส่วนสาวมั่นอย่างเชอรี่นั้นผมเดาจากที่เธอพูดได้ว่า เธอคงไปทำงานด้วยความมั่นใจเต็มที่ว่าจะมีหนุ่ม ๆ สนใจ แต่เธอโดนมิ้งแย่งความสนใจจากผู้ชายไปได้เยอะกว่า ก็เลยสะสมเป็นความไม่พอใจแล้วมองมิ้งเป็นศัตรูตามแบบฉบับของพวกผู้หญิง

“ขอบใจมากนะที่บอกเรื่องมิ้ง พี่จะได้ระวังตัวได้ … ว่าแต่เชอรี่ล่ะ คบกับเสี่ยอ้วนมานานหรือยัง?”

“จะเรียกว่าคบก็คงไม่ถูกค่ะ … ต้องบอกว่าเสี่ยอ้วนตามจีบหนูมาได้สองสามเดือนแล้ว”

“แค่ตามจีบเหรอ?”

ผมถามด้วยความประหลาดใจ เพราะเข้าใจว่าเชอรี่น่าจะเป็นแนวสาวไซด์ไลน์ เป็นเด็กของเสี่ยอ้วน แต่ผมก็ยังไม่เชื่อที่เชอรี่พูดเท่าไหร่ เพราะอย่างเสี่ยอ้วนไม่มีทางปล่อยให้เชอรี่รอดมือมาได้แน่ ๆ

“ก็แค่นั้นล่ะค่ะ หนูกับเสี่ยอ้วนยังไม่มีอะไรกัน เสี่ยเค้าก็แค่ตามจีบซื้อโน่นให้ ซื้อนี่ให้ อยากมีอะไรกับหนูจะแย่ แต่หนูยังเอาตัวรอดได้”

“อืมม ไม่น่าเชื่อ … เชอรี่ครับ บอกไว้ก่อนนะ พี่ไม่ชอบคนโกหก เสี่ยอ้วนไม่ใช่พวกที่จะยอมขาดทุนอย่างเดียวแน่ ๆ แล้วเรื่องนี้พี่ก็ไปถามเสี่ยได้ ถ้าเชอรี่พูดโกหกเราก็ไม่ต้องคุยกันแล้ว”

ผมตีหน้าเย็นชาขึ้นเสียงน้อย ๆ จนเชอรี่หน้าเสียมองผมเหมือนคิดประเมินใหม่ เธออ้ำอึ้งไปพักนึง แล้วเริ่มใช้มารยาอีกครั้ง คราวนี้เธอโน้มหน้าเข้ามาใกล้จนริมฝีปากงับโดนใบหูของผม แล้วส่งเสียงออดอ้อนไปพร้อมกับ เบียดแขนมาเสียดสีกับแขนของผมเบา ๆ

“เชอรี่ไม่ได้โกหกนะคะ เราไม่ได้มีอะไรกัน ที่มากสุดหนูก็แค่ใช้ปากทำให้เสี่ยไปแค่สองครั้งเอง ปากที่กำลังงับหูให้พี่กายอยู่เนี่ยแหละ”

“แล้วมีอะไรอีก?”

“ก็มีใช้มือทำให้อีกหลายครั้ง แล้วก็มีโดนจูบ โดนล้วงอะไรบ้างนิดหน่อยค่ะ แต่ก็แค่ข้างนอกทั้งนั้น”

“แล้วคืนนี้ล่ะ มาเที่ยวกันดึกขนาดนี้ จะโดนเสี่ยทำอะไรอีก?”

“ไม่โดนหรอกค่ะ เพราะอีกเดี๋ยวแม่หนูจะโทรมาบอกให้กลับบ้านแล้ว”

“แม่เหรอ? ไม่ใช่มั้ง”

“คิก คิก จริง ๆ ก็เพื่อนนั่นแหล่ะค่ะ หนูนัดเวลาไว้ให้โทรมา จะได้มีข้ออ้างกลับได้”

เชอรี่หัวเราะคิกคักเหมือนสนุกที่ผมรู้ทัน แล้วเธอก็เฉลยให้ผมรู้อย่างที่ผมสงสัย นี่เป็นไม้ตายปกติของพวกสาว ๆ ที่อยากหาข้ออ้างกลับบ้าน ไม่ให้โดนเสี่ยฟัน หรือแปลได้ว่าอยากหลอกเอาเงินเฉย ๆ แนวนั้น

“ร้ายกาจนะ ทำแบบนี้มากี่คนแล้ว?”

“สามคนเองค่ะ ก็หนูต้องหาเงินค่าเทอมนี่นา แถมยังเจอแต่พวกเสี่ยแก่ ๆ ไม่ค่อยถูกใจ เรื่องอะไรหนูต้องยอมโดนด้วยล่ะ … พูดตรง ๆ นะคะ เรื่องนี้มันก็เหมือนซื้อขายของ พวกเค้าหวังใช้เงินมาจีบหนู แต่ทำให้หนูใจอ่อนไม่ได้เองต่างหาก”

“จะบอกว่าเชอรี่ยังซิงอยู่งั้นเหรอ?”

“พี่ก็ … ถามตรงไปมั้ยคะ?”

“เอ้า ก็พี่ชอบคุยกันตรง ๆ ซิงก็ซิง ไม่ซิงก็ไม่ซิง สมัยนี้สาวไม่ซิงไม่เห็นแปลก”

“… ไม่ค่ะ … หนูเคยโดนคนมอมเหล้าแล้วโดนปล้ำตอนมัธยมปลาย”

“แล้วยังไงต่อ?”

“ก็ไม่ยังไงหรอกค่ะ วันนั้นหนูเจ็บมาก ขยาดเรื่องเซ็กส์ไปเลย เค้าทำ ๆ จนเสร็จ ออกไปแล้วก็ทิ้งเงินไว้ให้”

“อืม พูดตรงดี แบบนี้ชอบ … ฝ่ายนึงอยากฟัน ส่วนอีกฝ่ายก็อยากได้เงินซินะ แล้วมาบอกพี่ทำไม ไม่กลัวพี่บอกเสี่ยเค้าเหรอ?”

“แหม หนูว่าพี่ไม่ใจร้ายแบบนั้นหรอก แต่ถ้าพูดกันตรง ๆ หนูก็จะบอกว่าตอนนี้หนูสนใจอยากคบกับพี่มากกว่า”

“อยากคบหรืออยากลงทุน พูดให้ชัดนะ ถ้าอยากคบก็ไม่มีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยว เหมือนที่พี่คบกับมิ้ง แต่ถ้าอยากลงทุนก็จะได้เงินสมน้ำสมเนื้อมากกว่าเสี่ยอ้วนแน่ ๆ”

เธอทำเสียงหวานฉ่ำฉอเลาะน่าฟัง นี่ถ้าเป็นคนพวกมือใหม่ไก่อ่อนคงหลง คิดว่าเธอแอบรักเข้าแล้ว แต่ผมผ่านมาเยอะ มองตาเธอแวบเดียวก็รู้ เธอไม่ได้มองผมด้วยความรักเหมือนที่มิ้งกับน้องผิงหรือเมียผมมอง แต่เป็นแววตาที่อยากได้เงินเสียมากกว่า

เชอรี่นิ่งไปวูบหนึ่งเหมือนโดนแทงใจดำ เธอแสดงท่าทีลังเลสับสน เหมือนไม่แน่ใจว่าจะใช้แผนไหนอ้อนผมต่อ สุดท้ายเธอก็นิ่งไปแล้วเปลี่ยนสีหน้าเปลี่ยนแผน

“สองอย่างค่ะ … หนูเรียนพวกการเงิน หนูมองหาผู้ชายที่หาเงินเก่ง คนที่สอนหนูได้ หนูอยากรวย หนูอยากมีเงิน ถ้าได้คบผู้ชายมีเงิน หนูก็อยากลงทุน”

“พูดแบบนี้ซิ ตรงดี … เอาล่ะ เหลือสองคำถาม ทำไมหนูอยากลงทุนกับพี่ และทำไมคิดว่าพี่อยากลงทุนกับหนู”

“… หนูอยากลงทุนกับพี่ เพราะหนูอยากเก่งเรื่องการเงินการลงทุน แล้วหนูก็ได้ยินเสี่ยอ้วนพูดถึงพี่ ก็เลยแอบหาชื่อพี่ในเนต แล้วหนูก็เจอว่าพี่เป็นนักลงทุนมีชื่อ แล้วพี่ก็เป็นคนรวยมีเงิน รู้จักเทคแคร์ผู้หญิง เห็นพี่มิ้งถือดอกไม้ไว้ก็รู้แล้วว่าพี่เทคแคร์ผู้หญิงเก่ง … อีกอย่าง พี่ยังหนุ่มกว่าแข็งแรงกว่าพวกเสี่ยอ้วนลงพุง”

“อ้อ ที่กดโทรศัพท์มือถือยิก ๆ นั่นคือแอบหาข้อมูลเหรอ นึกว่าแชทกับแฟนซะอีก อืม เอาเป็นว่าข้อนี้ผ่าน แล้วคำถามอีกข้อล่ะ ทำไมคิดว่าพี่อยากลงทุนกับเชอรี่?”

“คิก คิก หนูไม่มีแฟนซะหน่อย เห็นแบบนี้หนูเสปคสูงนะจะบอกให้ ไม่หล่อไม่รวยอย่าหวังมาแตะเนื้อต้องตัว … ถ้าพูดกันเรื่องทฤษฏีการลงทุน พี่น่าจะรู้ดีว่าควรลงทุนในธุรกิจที่เก็บเกี่ยวได้นานกว่า … หนูเพิ่งสิบแปด ยังสาวยังสวย เก็บเกี่ยวได้อีกนาน ไม่เหมือนพี่มิ้งที่แต่งงานแล้วมีลูกแล้ว คงเก็บเกี่ยวได้อีกไม่กี่ปี”

เชอรี่โน้มหน้ามากระซิบข้างหูผมอีกครั้ง คราวนี้เธอรุกหนักกว่าเดิมด้วยการแอ่นนมเนื้อแน่นเบียดกับไหล่ของผมแล้วบดใส่ ไอ้หนูของผมก็เลยเริ่มพองตัวขึ้นมาทันที แม่สาวเชอรี่คนนี้ลีลาร้อนแรงดีทีเดียว

“ข้อนี้เห็นด้วย แล้วยังไงอีก”

“อีกอย่างคือ การลงทุนไม่ควรลงทุนสูงกับธุรกิจที่เริ่มเสื่อม เพราะจะทำกำไรไม่คุ้มค่า พี่มิ้งอายุเริ่มเยอะแล้ว ผ่านงานมาเยอะ อะไร ๆ ก็คงไม่ฟิตไม่แน่น ผิดกับของหนูที่เพิ่งผ่านมาแค่สามครั้ง แถมยังฝึกขมิบทุกวันด้วย รับรองว่าฟิตแน่นรัดของพี่แบบใส่แล้วไม่อยากเอาออกแน่ ๆ อืมมมม”

เชอรี่โฆษณาตัวเองเสียยกใหญ่ แถมด้วยการโอบแขนกอดแล้วจูบแยงลิ้นเลียฉกระรัวใส่ใบหูของผมจนขนลุกซู่ ลีลารักของเชอรี่ร้ายเกินวัยจริง ๆ แต่ยังดีที่อ่อนกว่าน้องแอนเมียผมนิดหน่อย ผมก็เลยยังพอคุมสติไหว

“โฆษณาสินค้าเกินจริงหรือเปล่า? แล้วจูบเก่ง ๆ นี่ฝึกมายังไง?”

“เรื่องจูบก็หาอ่านในเนตเอาซิคะ มีคนบอกให้ลองจูบกับมือตัวเองดู แบบนี้ค่ะ”

เชอรี่ยิ้มหัวเราะคิกคัก แล้วเธอก็จับมือของผมยกขึ้นไปจูบที่บริเวณหัวแม่โป้ง ริมฝีปากสีชมพูสดอ้างับสลับกับแลบลิ้นเลียฉกใส่จนผมสยิว แค่นี้ผมก็อดนึกภาพตามไม่ได้ ว่าหากเธอใช้ปากดูดให้คงจะเสียวสยิวไม่แพ้กับที่น้องแอนทำให้สักเท่าไหร่

“ส่วนเรื่องโฆษณาสินค้าเกินจริงหรือเปล่า … หนูจะให้พี่ตรวจสภาพสินค้าด้วยตัวเองสักนิดหน่อยก็ได้ค่ะ หนูรับรองว่าถ้าได้ตรวจแล้วพี่คงอยากให้พี่มิ้งกลับบ้าน แล้วขึ้นเตียงกับหนูแทนมากกว่า คิก คิก”

แม่เสือสาวมองผมตาวิบวับเหมือนถูกอกถูกใจที่ผมแสดงสีหน้าเคลิบเคลิ้มไปกับจูบของเธอ แล้วเธอก็โฆษณาขายสินค้าหนักกว่าเดิม ด้วยการจับมือของผมไปวางลงบนขาอ่อน แล้วแยกสองขาออกจากกันจนเห็นกางเกงในลายลูกไม้สีดำเซ็กซี่

เจอเปิดทางกันขนาดนี้หากผมยังไม่ลุยก็คงโง่เต็มทน ผมรีบทำเวลาลูบขาเนียน ๆ ของเชอรี่นิดหน่อย แล้วก็ฉกวูบลอดกระโปรงเข้าไปตะปบที่โคกของเชอรี่จนเธอสะดุ้งโหยงสูดปากร้องซี้ดซ้าดกอดผมแน่น

เธอแสดงฝีมือไปแล้ว ผมก็เลยคิดแสดงฝีมือบ้าง มือมารของผมขยับคลึงวูบวาบกดบี้ใส่ติ่งแตดกระตุ้นอารมณ์จนเธอตัวกระตุกเฮือกติด ๆ กัน เธอโดนผมรุกจนหลับตาปี๋กอดจูบไซร้ซอกคอผมแล้วหอบคราง เธอคงคาดไม่ถึงว่าลีลาผมจะร้ายกาจขนาดนี้ หรือไม่ก็คงไม่เคยเจอใครกระตุ้นเธอได้แรงแบบนี้มาก่อน

“ซี้ดดดสสส พี่กาย … โอยยย … พี่กาย … ซี้ดดดสสส … อ๋อยยยย … เสียว … ซี้ดดดสส”

เธอครางเสียงดังขึ้น ส่วนผมก็แอบแบ่งสมาธิมองไปทางห้องน้ำซึ่งอยู่อีกฟากเป็นระยะ กะว่าถ้าเห็นมิ้งหรือเสี่ยอ้วนออกมาเมื่อไหร่ ก็จะรีบหยุดมือทันที แต่ตอนนี้ผมยังไม่เห็นใครก็เลยเริ่มทดสอบสินค้ามากขึ้นไปอีกหนึ่งขั้น

“ยกก้นขึ้นหน่อยซิจ๊ะ”

ผมกระซิบบอกเชอรี่แล้วขยับมือนิดหน่อยพยายามเกี่ยวกางเกงในของเธอออก เธอมีท่าทีอิดออดเล็กน้อยในคราวแรก แต่พอโดนผมบี้ ๆ ใส่ติ่งแตดหนักเข้า สะโพกของเธอก็ยกขึ้นนิดหน่อย เปิดทางให้ผมรูดเอากางเกงในสีดำของเธอหลุดออกมาทางปลายเท้า

ผมรีบทำเวลาด้วยการงอนิ้วสอดแยงเข้าไปในรูเสียวของเชอรี่ เธอถึงกับผวากระตุกร้องวี้ดออกมา ยังดีที่ในเลาจ์มีเสียงเพลงดังพอสมควรคนอื่นจึงไม่ตกใจกัน

ตอนนี้ผมรู้แล้วสินค้าของเชอรี่นับได้ว่าเป็นสินค้าเกรดดี สภาพยังเหมือนใหม่เอี่ยม รูฟิตแน่นเหมือนเคยผ่านงานมาแค่ไม่กี่ครั้ง ถ้าให้เทียบก็คงพอ ๆ กับของมิ้งแต่สดใหม่กว่าเล็กน้อย แต่ว่ายังฟิตสู้ของน้องผิงคนสวยขวัญใจผมไม่ได้เพราะรายนั้นทั้งเด็กกว่า สวยกว่า และยังไม่เคยผ่านงาน

ที่น่าสนใจก็คือเชอรี่ฝึกขมิบมาดีพอสมควร ถึงจะยังไม่เก่งเท่าน้องแอนเมียผม แต่ก็ถือว่าใช้ได้สำหรับอายุแค่นี้ เรียกว่าถ้าพวกไก่อ่อนได้เย็ดเธอสักที คงจะหลงกับแรงตอดแรงขมิบของเชอรี่กันหัวปักหัวปำแน่ ๆ เพียงแต่ว่าผมเคยผ่านของดีกว่านี้มาแล้วก็เลยยังไม่ถึงขั้นนั้น

ผมมองไปทางห้องน้ำอีกครั้ง แล้วรีบเร่งฝีมือ ซอยนิ้วเสียดสีใส่ร่องรูติ่งแตดของเธอด้วยลีลาทั้งหมดที่มี ส่วนด้านบนก็โอบเชอรี่มาจูบปากแล้วขยำนมอวบ ๆ ของเธอจากด้านนอกเสื้อนักศึกษาไปพลาง

มองจากภายนอกเชอรี่น่าจะเป็นพวกสาวร้อนร่านสวาทประสบการณ์สูง แต่พอผมได้ลิ้มลองก็บอกได้เลยว่าเธอน่ะไก่อ่อนมาก ๆ โดนผมปล่อยของหน่อยก็ได้แต่เป็นฝ่ายรับเปิดฉากรุกกลับไม่ได้สักท่า

“พี่ … พี่ … โอยยย … ซี้ดดสสส … อย่าหยุด … อย่าหยุด … อีกนิดเดียว … อีกนิดเดียว … อะ อ๊ายยยย”

ปฏิกิริยาของเชอรี่นี่ไก่อ่อนชัด ๆ โดนผมกระตุ้นได้ไม่ถึงสองนาทีก็กอดผมแน่น ตัวกระตุก หุบขาหนีบมือผมแน่น ถึงจุดสุดยอดคามือของผมไปแล้ว

เห็นแบบนี้ผมก็อยากจะแกล้งกระตุ้นอารมณ์เธอต่ออีกสักหน่อย แต่พอดีเหลือบไปเห็นเงามืดของใครบางคนเดินออกมาจากห้องน้ำแวบ ๆ ผมก็รีบผละออกจากเชอรี่ กระซิบบอกอะไรบางอย่างกับเธอ ส่งนามบัตรของผมให้ แล้วจัดให้เธอนั่งเรียบร้อยตัวอ่อนระทวยพิงอยู่บนโซฟา ส่วนกางเกงในของเธอน่ะผมถือวิสาสะยึดใส่กระเป๋ากางเกงเอาไว้แล้ว

ผมนั่งยิ้มยกไวน์ขึ้นมากระดกพรวดหมดแก้ว แล้วผมก็คาดไม่ผิด สักพักมิ้งก็เดินกลับมา โดยมีเสี่ยอ้วนคอยเดินตามทำท่าเหมือนเป็นเจ้าเข้าเจ้าของสาวสวยท่าทางไฮโซอย่างมิ้ง

“อ้าว เชอรี่เมาแล้วเหรอ?”

เสี่ยอ้วนเหลือบหันไปดูเชอรี่แล้วทำสายตาแปลกใจ ตอนนี้เชอรี่นอนระทดระทวยหน้าแดงก่ำตาหวานเยิ้มท่าทางเหมือนคนเมาพอสมควร เสี่ยอ้วนคงคาดไม่ถึงว่าเชอรี่จะโดนผมลวนลามจนเสร็จคามือไปหมาด ๆ

เชอรี่ไม่ได้พูดตอบ เธอพยักหน้าเล็กน้อยแล้วมองมาทางผมตาหวานฉ่ำจนผมสะดุ้งเล็ก ๆ กลัวว่าเสี่ยจะเห็นแล้วเดาบางอย่างออก แต่ยังดีที่เสี่ยไม่ได้มองเชอรี่เท่าไหร่ เอาแต่หันไปเอาใจมิ้ง

ผู้หญิงมักจะสังเกตรายละเอียดได้ดีกว่า เสี่ยอ้วนมองไม่เห็น แต่ไม่ได้หมายความว่ามิ้งจะมองไม่เห็นด้วย มิ้งขมวดคิ้วมองเชอรี่สลับกับมองผม เหมือนพยายามจะค้นหาอะไรหลักฐานอะไรบางอย่าง ดูเธอจะสงสัยแต่ยังไม่แน่ใจ

“เสี่ยครับ เดี๋ยวผมกับมิ้งขอตัวไปคุยธุระกันสองต่อสองหน่อยนะครับ”

ผมกลัวว่าจะมีเรื่องมีราวกัน เลยรีบพูดปิดฉากทันทีที่เสี่ยอ้วนนั่งลงบนโซฟา เสี่ยก็หน้าเสียไปพักหนึ่งเหมือนไม่อยากแยกกับมิ้ง ส่วนมิ้งที่กำลังหน้าบึ้งไม่พอใจก็เริ่มยิ้มออกมาน้อย ๆ เหมือนดีใจที่จะได้แยกกับเสี่ยจอมตื๊อเสียที

เสี่ยอ้วนพยายามหาเรื่องดึงผมกับมิ้งไว้ตามคาด แต่เหตุผลก็ไม่มีน้ำหนักพอจะรั้งผมไว้ แล้วตอนนั้นเองที่โทรศัพท์ของเชอรี่ดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมารับแบบหมดเรี่ยวหมดแรง แล้วพูดสนทนาเหมือนโดนแม่ดุเรื่องเที่ยวกลางคืน ถ้าคนนอกฟังเผิน ๆ จะเข้าใจว่าแม่ของเธอโกรธ ให้เธอรีบกลับทันที แต่ผมแอบยิ้มเพราะรู้แล้วว่านั่นมันการแสดงละครของเชอรี่ที่เตรียมไว้กับเพื่อนของเธอทั้งนั้น

เชอรี่รีบแยกตัวออกไปก่อน ผมนึกว่าเสี่ยอ้วนจะไปส่งเชอรี่จนผมเสียแผน แต่ว่าเสี่ยอ้วนแค่หยิบเงินให้เชอรี่ปึกหนึ่ง แล้วหันมาอ้อนมิ้งต่อ เชอรี่จึงได้ออกไปคนเดียว

ผมคุยกับเสี่ยอ้วนอีกพักหนึ่งเพื่อถ่วงเวลา กว่าเสี่ยจะยอมให้พวกผมไป ผมก็ต้องเปิดทางเล็ก ๆ ว่าจะนัดให้เสี่ยได้คุยธุระกิจโดยมีมิ้งมาฟังด้วยสักครั้ง เสี่ยถึงยอมให้ผมโอบเอวพามิ้งไปขึ้นห้อง

ระหว่างขึ้นลิฟต์ผมก็คว้ามิ้งมากอดจูบจนเธอตัวอ่อนระทวยหน้าแดง ตอนนั้นโทรศัพท์มือถือของผมก็มีข้อความส่งเข้ามาบอกว่า

‘รออยู่ห้อง 734 รีบมานะคะ จุ๊บ จุ๊บ / เชอรี่’

………………………………..

Share the Post:

Related Posts

ครั้งแรกที่โดนเจ้านายเย็ด แลกกับการไม่โดนไล่ออก

เรื่องเสียว ครั้งแรกที่โดนเจ้านายเย็ด แลกกับการไม่โดนไล่ออก ฉันรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนที่ทำงานออกมาได้ดีนัก ถูกตำหนิตั้งแต่เบื้องบนลงมากระทั่งพนักงานระดับเดียวกัน การเป็นนักศึกษาจบใหม่ไฟแรงมันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ความสามารถของฉันมันไม่ได้เข้าขั้นเลยจริงๆ และการที่จะต้องรับเงินเดือนเท่าๆ กับคนที่ทำงานมากกว่า มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ยุติธรรมสำหรับคนเหล่านั้น จึงไม่แปลกที่บ่อยครั้งฉันจะโดนเขม่นมองอยู่บ่อย ๆ สุดท้าย หัวหน้าของฉันก็เรียกฉันเข้าไป พูดอะไรต่อมิอะไรมากมาย แต่ก็ลงท้ายด้วยการยื่นข้อเสนอเรื่องหนึ่งให้ฉัน มันคือเรื่องเสียว…และเพื่ออนาคตของฉันแล้ว ฉันไม่มีทางเลือกอะไรเลย ความตื่นเต้น ความกังวลเกิดขึ้นทันที

Read More

ได้คืบจะเอาศอก ได้อมจะเอาเย็ด ลักหลับลูกพี่ลูกน้องควยใหญ่ในงานปีใหม่รวมญาติ

เรื่องเสียว ได้คืบจะเอาศอก ได้อมจะเอาเย็ด ลักหลับลูกพี่ลูกน้องควยใหญ่ในงานปีใหม่รวมญาติ ฉันยังจำเรื่องเสียวที่เกิดขึ้นช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้ไม่ลืมเลยจริงๆ ค่ะ เพราะไม่รู้เลยว่าตัวเองจะใจกล้าและบ้าบิ่นได้มากขนาดนั้น ที่กล้าลงมือลักหลับลูกพี่ลูกน้องของตัวเองแบบนี้ แต่มันช่วยไม่ได้จริงๆ ตอนนั้นฉันทั้งเมา ทั้งเงี่ยน แถมไอ้ลูกพี่ลูกน้องตัวร้ายก็นอนควยตั้งอยู่ต่อหน้าต่อตาของฉัน มันเหมือนมีอะไรที่ช่างเหมาะเจาะกันมาเจอกันในวันนี้เลยจริงๆ ค่ะ ครอบครัวของเรานั้นเป็นครอบครัวใหญ่ ปีใหม่ที่ก็จะกลับมารวมตัวที่บ้านคุณทวด ซึ่ง “บี” ลูกพี่ลูกน้องของฉันเมื่อสองปีก่อนเขาไม่ได้มาเพราะว่าต้องไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ปีนี้เขาเลยกลับมาเพื่อร่วมงานรวมญาติ

Read More