แฝดอันตราย ตอนที่11
“ผมก็ไม่รุ้ว่าพ่อหรือแม่ใครกันแน่ที่พูดปด……” ชัดชายพูดยังไม่ทัจบคำก็ถูกพี่ชายฝาแฝดตำหนิว่าห้ามพูดกับแม่แบบนั้น
“ก็ถ้านายมาเป็นเรา มาลำบากแบบเรา นายจะคิดบ้างมั๊ยว่า ทำไมแม่ถึงเลือกนาย ไม่เลือกเรา…เพราะนายอยู่อย่างสบายมี
เงินมีบ้านหรูหราน่าอยู่ มีการศึกษา มีรถหลายล้านขับ แต่เราล่ะ มีอะไร…เราไม่เคยมีอะไรสักอย่าง ฉนั้นนายอย่ามาพูดดีกว่า”
ชัดชายหันมาพูดเสียงกร้าวใส่แฝดคนพี่..
“ผมกลับนะแม่….”
หลังจากทุ่มเถียงกับฉัตรชัยจบ ก็รีบบอกลาคุณนายแจ่มจรัส พร้อมลุกขึ้นยืน จนนาง
ต้องถลากอดรัดร่างลูกชายแฝดคนเล็ก
ไว้แน่น พร้อมร้องไห้ฟูมฟาย…
“อย่าไปลูก…โฮๆๆ อย่าทิ้งแม่ไปอีกเลยลูกจ๋า….โฮๆๆๆๆๆ พ่อฉัตรช่วยพูดกับน้องให้แม่ด้วย….โฮๆๆๆๆ..”
แม้คุณนายแจ่มจรัสจะฉุดยึดร่างบุตรชายคนเล็กไว้แน่นปานใด แต่เขากลับลุกขึ้นยืนแล้วย่างก้าวลากร่างบอบบางของ
มารดาไปตามทาง จนฉัตรชัยต้องเข้าไปยึดแขนน้องชายแน่น พร้อมถามกลับไป
“นายต้องการอย่างไร..บอกมาสิ พี่จะทำทุกอย่างให้นาย..ขอเพียงนายอย่าทำแบบนี้กับแม่…” สิ้นคำพูดของฉัตรชัย ทำให้
แฝดผู้น้องชะงักหันหน้ากลับมายิ้มเหี้ยมเกรียมก่อนจะพูดช้าๆ ชัดถ้อยชัดคำว่า…..
“เราไม่ใช่ขอทาน….เก็บข้าวของเงินทองของนายไว้เถอะ…แม่ผมกลับล่ะ….” ชัดชายพูดจบก็พยามแกะมือของมารดาที่
กอดยึดไว้
“ลูกจ๋า…..อย่าไปเลยลูก…แม่เฝ้ารอลูกมากว่า30ปี แล้วลูกจะทิ้งแม่ไปอย่างนี้ได้ยังไง….โฮๆๆๆๆ….ฉัตรช่วยแม่ด้วย…”
ขาดคำร่างคุณนายแจ่มจรัสก็ทรุดฮวบอย่างอ่อนแรง ใบหน้าขาวซีด เหมือนกำลังจะเป็นลม ฉัตรชัยถลาไปประคองร่างมารดา
ขณะที่ชัดชายกับยืนมองนิ่งเฉย เหมือนคนไร้หัวใจ แต่ก็ยังไม่ได้ขยับเดินไปไหน ผ่านไปสักครู่มารดาของฝาแฝดค่อยมีสติ
ถลาไปกอดบุตรชายคนเล็กอีกครั้ง
“อย่าทิ้งแม่ไปเลยนะลุกจ๋า….ข้าวของเงินทองในส่วนของลูก แม่เตรียมไว้แล้ว…พาลูกเมียมาอยุ่กับแม่นี่บ้านหลังนี้นะลูกนะ
แม่จะยกให้หนูทั้งหมดคนเดียวเลย…”
ชัดชายยังคงนิ่งเงียบเหมือนไม่ยินดีที่มารดาออกปากจะยกเรือนหลังใหญ่นี้ให้…ส่วนฉัตรชัยนั้นไม่ได้มีความคิดริษยาน้องชาย
ฝาแฝดแม้แต่น้อย ทั้งที่ตนควรมีส่วนในสมบัติของมารดากึ่งหนึ่ง..
“ชัด…พี่ขอสักครั้งเถอะ…ถ้านายยังคิดว่าพี่กับแม่ยังชดเชยให้นายไม่พอ เราจะยกที่ดินที่แม่ให้พี่กับนายก็ยังได้ หรือถ้ายังไม่
พอใจอีก รถเราไงนายเลือกเอาไปคันหนึ่ง คันไหนก็ได้ เรายกให้….”
ข้อเสนอของฉัตรชัยแฝดผู้พี่ ทำให้แฝดผู้น้องถึงกับอึ้งยืนนิ่ง แต่ทว่าคำตอบของชัดชายกลับทำให้ทั้งมารดาและพี่ชายฝา
แฝดต่างตะลึงกับข้อเสนอพิลึกพิลั่นนั้น อย่างคาดคิดไม่ถึง
“นายเคยลำบากเหมือนเรามั๊ย…ต้องอยู่อย่างคนไร้เกียรติ ไร้ศักดิ์ศรี ถูกตราหน้าว่าเป็นลูกไม่มีพ่อไม่มีแม่ แม้จะได้ชื่อว่าลูก
ของกำนัน แต่ความจริงมันก็แค่ลูกเลี้ยง หรือพูดง่ายๆก็คือเด็กในความอุปถัมย์…เราใช้ชีวิตอย่างลำบากยากไร้มากกว่า30ปี
ในขณะที่นายเสวยสุขอยู่บนกองเงินกองทอง นายมีการศึกษา มีหน้าตาในสังคม ..เพียงเพราะแม่เลือกนายแล้วผลักไสให้
เราไปอยุ่กับพ่อ….ก็ได้ถ้านายอยากชดใช้คืนให้กับเรา…ฟังเราชัดๆนะ…นายกลับเรามาสลับตัวกัน เราลำบากมาสามสิบปี
เราขอให้นายไปลำบากแบบเราสัก30วันก็พอ…น้ำหน้าอย่างนายทำได้มั๊ยล่ะ… ถ้าทำได้เราจึงจะอยู่กับแม่…..”
คุณนายแจ่มจรัสมองหน้าบุตรชายฝาแฝดทั้งสองคนสลับไปมา แม้ใจจะอยากให้ลูกแฝดคนพี่ยอมทำตามที่น้องเสนอ แต่
นางก็ไม่สามารถบังคับให้เขาทำเช่นนี้ได้ เพราะเกรงกลัวว่าเรื่องในอนาคตมันจะยุ่งยากสับสน เพราะยังมีผู้คนอีกหลายชีวิต
ที่เกี่ยวพันอยู่ด้วย
“ได้…พี่ยอมทำตามที่นายต้องการ….” คำตอบของฉัตรชัยถึงกับทำให้มารดาตกตะลึงรีบร้องทัดทานว่า
“ทำแบบนี้ไม่ได้นะพ่อฉัตร…” เพราะรุ้ว่าอีกไม่ถึงหนึ่งเดือนลูกชายคนโตของนางก็จะเข้าพิธีวิวาห์กับหนูหมิวแล้ว แต่ชัดชาย
ถึงกลับแอบซ่อนยิ้มดีใจไว้ภายใต้วงหน้าที่ปั้นแต่งให้จริงจัง
“ไม่เป็นไรหรอกครับแม่…” ฉัตรชัยตอบเรียบๆ ใบหน้าไม่แสดงความรุ้สึกหวั่นไหวแต่ประการใด
“แม่เป็นพยานด้วยนะ….ครับ…”
คุณนายแจ่มจรัสนิ่งเงียบ วงหน้าชราของนางเต็มไปด้วยความกังวลสับสน จ้องมองหน้าลูกชายฝาแฝดทั้งสองคนสลับไป
สลับมา ใจหนึ่งก็ดีใจที่จะได้ลูกชายคนเล็กมาอยู่ด้วย แต่อีกใจหนึ่งก็สงสารลุกชายคนโตที่จำต้องยอมทำแบบนี้เพื่อนาง
ทั้งๆที่เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
“แล้วพี่จะต้องทำอย่างไรบ้างว่ามา….” ฉัตรชัยต้องการแสดงให้น้องเห็นว่าตนเองหาได้กลัวความยากลำบกแม้แต่ประการใด
“ง่ายๆ… นายไปอยู่ที่บ้านเราแต่ไม่ใช่ไปปิคนิคพักร้อนที่บ้านนอกในฐานะของพี่ชาย…นายไปอยู่เป็นตัวของเรา…โดยต้อง
ไม่ให้ลูกเมียเรารู้…ส่วนตัวเราจะอยู่กับแม่…ไม่ต้องกลัว..เราไม่ไปยุ่งกับงานของนายหรอก…เพราะเราทำไม่เป็น แต่นายต้อง
ไปทำงานแบบที่เราทำมาตลอด…ฉนั้น เพื่อให้เรามั่นใจว่านายทำได้ลำบากเป็น นายเอาบัตรเครดิตทั้งหมดของนายมาฝาก
ไว้กับแม่ เราให้นายใช้เฉพาะเงินที่มีเหลือติดกระเป๋าในตอนนี้เท่านั้น…อ่อ…เอาบัตรประชาชนมาสลับกับเราด้วย…เผื่อเมีย
เราเห็นจะสงสัยได้….”
ฉัตรชัยยอมทำตามความต้องการทุกอย่างของน้องชาย แม้การมอบประชาชนจะเกิดความเสี่ยงอย่างสูงในการยืนยันตนเอง
แต่ในขณะนั้นฉัตรชัยกลับไม่ได้นึกคิดถึงระแวงว่าน้องตนเองจะมีแผนการร้ายแต่อย่างใด เพียงเข้าใจว่าน้องคงทำเพื่ออยาก
ให้ตนเองรู้จักความยากลำบากบ้างเท่านั้นเอง
“จะปิดบังลูกเมียได้ยังไงล่ะลูก คนเคยอยู่ร่วมกันมาสิบยี่สิบปี ย่อมมองออกบ้างล่ะว่านั่นไม่ใช่พ่อ ไม่ใช่สามีตนเอง” คุณนาย
แจ่มจรัสแย้งขึ้น พร้อมยื่นมือมารับเอกสารบัตรเครดิตต่างๆของบุตรชายคนโตเก็บไว้
“ไม่รู้ล่ะ นั่นต้องแล้วแต่ความสามารถของลูกชายแม่…”
ชัดชายตอบกลับมารดา แล้วทำหน้ายิ้มเหมือนสะใจที่ได้แกล้งพี่ชายฝาแฝดของตนเอง ส่วนฉัตรชัยนิ่งใช้ความคิด จ้อง
มองน้องชายตลอดร่าง แม้สองคนจะมีหน้าตาเหมือนกัน สุ่มเสียงออกโทนเสียงเดียวกันก็จริง หลอกคนห่างน่ะพอได้ แต่จะ
มาหลอกคนใกล้ชิดทั้งเมียทั้งลูกของน้องชายคงลำบาก
เพราะยังมีข้อสังเกตุอยุ่มากมายตั้งแต่ทรงผมต่างกัน ผิวหน้าและสีผิวตามร่างก็ต่างกัน แม้จะไม่มากนัก แต่ตบตาเมียของ
น้องชายไม่ได้แน่นอน มีวิธีเดียวต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามสี่อาทิตย์หรืออาจจะหนึ่งเดือน ที่จะทำการเปลี่ยนรายละเอียด
ต่างๆที่ผิดแผกต่างกันให้ดูกลมกลืน
ฉัตรชัยจึงบอกน้องชายตนเองไปตามที่คิดไว้ ซึ่งชัดชายก็เห็นตามนั้นด้วย จึงตกลงกันที่จะต้องใช้เวลาเตรียมความพร้อม
เสียก่อน หลังจากนั้นฉัตรชัยก็ขับรถไปส่งน้องที่ปั้มน้ำมันแห่งนั้นอีกครั้ง แล้วนัดเจอกันในวันรุ่งขึ้นอีกที โดยให้น้องชายสร้าง
เรื่องว่าจะไปธุระต่างจังหวัดสักหนึ่งเดือน แล้วฝาแฝดทั้งสองค่อยมาเก็บตัวร่วมกัน เพื่อปรับเปลี่ยนทั้งพฤติกรรม นิสัย ทรงผม
ผิวหน้าและสีผิว โดยพึ่งวิทยาการสมัยใหม่ ฉัตรชัยยอมเสียเงินจำนวนมากเพื่อทำให้ความต้องการของน้องชายสัมฤทธิ์ผล
พร้อมทั้งเรียนรู้ถึงบุคคลรอบข้างที่อาจบังเอิญเข้ามาเกี่ยวข้อง
จนกระทั่งผ่านไปเพียงสามอาทิตย์ ที่ทั้งสองคนเก็บตัวร่วมกันในสถานที่แห่งหนึ่ง ถึงวันที่พร้อมจะใช้ชีวิตสลับตัวกันตามความ
ต้องการของน้องชายแล้ว ฝาแฝดทั้งสองจึงกลับมาหามารดาด้วยเครื่องแต่งกายที่เหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว แต่ทว่าทรงผม
ของทั้งสองคนก็ยังเป็นแบบเดิม รวมทั้งผิวหน้าผิวพรรณก็หาได้เปลี่ยนแปลงไปแม้สักนิด
“แม่ว่าเลิกความคิดแบบนี้เถอะลูก….สามสี่อาทิตย์แล้ว แมก็ยังจำได้อยู่ดีแหละว่าคนไหนลูกฉัตร คนไหนลุกชัด”
เสียงคุณนายแจ่มจรัสบอกชัดถึงความเหนื่อยหน่ายใจ ที่แผนการของแฝดคนน้องไร้ผล ด้วยเกรงว่าเขาจะเปลี่ยนใจกลับ
ไปบ้านนอกไม่กลับมาอยู่กับนางอีก พูดพร้อมเข้าไปกอดรัดร่างของลูกแฝดคนเล็กแน่น
“ลูกเอ๋ย…แม่ว่าล้มเลิกแผนนี้เถอะนะ…ลูกพาแม่ไปหาเมียกับลูกที่บ้าน ไปรับเค้ามาอยู่กับแม่เถอะนะจ๊ะ…” คุณนายแจ่มจรัส
เงยหน้าสบตากับลุกชายคนเล็กแล้วร้องขอ
“แม่ครับ…ถ้าแม่จะพูดกับนายชัด เขานั่งอยู่ตรงโน้นครับ นี่ผมฉัตร…”
ฉัตรชัยพูดยิ้มๆ ในความสำเร็จที่สามารถทำให้แม่จำตนเองไม่ได้ คิดว่าเป็นน้องชาย มารดาได้ยินดังนั้นถึงกับทำหน้างุนงง
ไม่เข้าใจว่านางจำลูกชายผิดคนหรือว่าสองคนกำลังแกล้งหลอกตนเองกันแน่
“ชัด…..อย่าล้อเล่นกับแม่แบบนี้สิลูก…พ่อฉัตรก็อีกคน มาหลอกแม่ได้ยังไง..” คุณนายแจ่มจรัสพูดแล้วก็มองค้อนบุตรชายอีก
คนที่นั่งฝั่งตรงข้าม เพราะแน่ใจว่าคนนั้นคงเป็นฉัตรชัยแน่นอน
“สำเร็จละนายฉัตร ขนาดแม่ยังจำเราไม่ได้ แล้วคนอื่นจะจำเราได้ยังไง…”
ลูกชายที่นั่งตรงข้ามในคราบของฉัตรชัย แต่คำพูดกลับกลายเป็นชัดชายเสียแทน ยิ่งทำให้คุณนายแจ่มจรัสมารดาของฝา
แฝดทั้งสองงุนงงหนักขึ้น นางรีบตรงไปคว้าตัวบุตรชายคนโตจับเขาหันหลังพร้อมถลกเสื้อยืดขึ้นไปจนถึงกลางหลังนางรู้ว่า
กลางหลังของบุตรชายคนโตนั้นมีปานสีน้ำตาลขนาดเท่าเหรียญสิบบาทจางๆอยู่ แต่พอเสื้อของลูกชายคนที่นางเข้าใจว่า
เป็นฉัตรชัยนั้น ถลกขึ้นไปจนถึงกึ่งกลางหลัง นางกลับพบว่ามันว่างเปล่า ไม่มีปานสีน้ำตาลอยู่เลย ครั้นหันกลับมายังชัดชาย
กลับพบปานสีน้ำตาลอยุ่ที่กึ่งกลางหลังแทน
“โอ๊ยยย..ตายแล้ว….ไปทำอะไรกันมา ถึงได้สลับกันจนแม่ยังจำผิด…”
เสียงมารดาบ่งบอกให้สองฝาแฝดรู้แล้วว่าน่าจะถึงเวลาเสียทีที่จะสลับตัวกัน ตามความต้องการของฝาแฝดผู้น้อง ฉัตรชัยคิด
แต่เพียงว่า ยอมลำบากเสียสามสิบวัน เพื่อแลกกับชีวิตของน้องชายที่จะกลับมาอยู่กับแม่ ทำให้แม่มีความสุข แต่ในความคิด
ของชัดชายกลับไม่คิดเช่นนั้น แล้วจะมีใครล่ะที่คิดได้ว่าการสลับตัวตามความต้องการของแฝดชัดชาย จะเกิดความยุ่งยาก
สร้างความลำบากให้กับคนใกล้ชิดขนาดไหน เพียงใด