แฝดอันตราย ตอนที่6
แม้จะผ่านมาแล้วหลายวัน แต่หวานก็ยังจำได้ดี และไม่คิดว่าตนเองตาฝาดไปด้วย แม้วันนั้นฝนตกหนักจนมองเห็นได้เพียง
ระยะไม่ไกลก็ตาม แต่ภาพที่เห็นสองพ่อลูกนั่งกอดกันในเพิงพักท้ายบ่อ ในลักษณะที่ไม่เหมาะสมหันหน้าเข้าหากันนั้น มัน
ทำให้เธอกังวล แม้จะยังไม่แน่ชัดว่าสิ่งที่หวานห่วงกังวลนั้น มันเกิดขึ้นมาแล้วหรือยัง เธอจึงจำต้องตัดไฟแต่ต้นลม โดยการ
พาแก้วลูกสาวคนเดียวที่ถูกสามีเธอตามใจจนจะเสียเด็ก ไปฝากไว้กับร้านตัดเสื้อผ้าบูติค ของญาติห่างๆในตัวจังหวัด แม้
สามีจะทัดทานและ
แก้วจะไม่ยินยอมไป แต่เธอก็ใช้สิทธิ์ของความเป็นแม่ ซึ่งมักจะไม่ค่อยนำออกมาใช้ พูดคุยกับชัดชาย
จนเขาต้องยอมจำนนต่อเหตุผล ที่เธอบอกเพียงว่า
“ถ้าแก้วมันไม่อยากเรียน แม่ก็คิดว่ามันควรหาอาชีพเลี้ยงตัว…เราสองคนจะเลี้ยงมันจนแก่เฒ่าได้อย่างไรล่ะพ่อ…ให้ไป
ฝึกงานอยู่กับพี่เพ็ญนั่นแหละดีแล้ว เผื่อว่าแก้วมันจะมีหัวมาทางนี้ หมั่นเอาใจใส่งาน ฝึกฝนจนชำนาญ วันข้างหน้ามันก็
จะได้มีอาชีพติดตัว…แม่หวังว่าพ่อคงไม่ทัดทานแม่นะ…”
หวานพูดพร้อมกับจ้องหน้าสามี และลูกสาว แก้วนั้นไม่ใส่ใจคำพูดของแม่อยู่แล้ว พอโดนสายตาของแม่จ้องมาก เธอก็เส
แสร้งหันหน้าออกไปดูโน่น ดูนี่ของเธอ แต่ชัดชายกลับสะดุ้ง เริ่มรู้สึกระแวงในทีท่าของเมีย ซึ่งปรกติมักไม่เคยมีปากมีเสียง
กับตนมาก่อน เหมือนวัวสันหลังหวะ พออีกาบินผ่านมาก็สะดุ้งกลัว จึงช่วยเกลี้ยกล่อมลูกสาวจนเธอยินยอมทำตามคำของ
แม่ ….แต่ใครจะรุ้ล่ะว่า เหตุผลที่แก้วยินยอมไปฝึกงานเสื้อผ้าที่ร้านป้าเพ็ญญาติข้างแม่นั้น หาใช่เพราะเชื่อตามคำพูดของ
มารดาเลยแม้สักนิด เธอกลับคิดไปอีกทางหนึ่งว่าเมื่อไปอยู่ในตัวจังหวัด ห่างตาของแม่ เวลาพ่อมาหาเธอ เธอกับพ่อน่า
จะมีโอกาสได้อยู่กันตามลำพังเท่านั้นเอง
หลังจากทำความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้วชัดชายกับหวานก็พาแก้วไปส่งที่ร้านเสื้อผ้าบูติคญาติของหวานในตัวจังหวัด
แม้แก้วจะไม่ชอบใจเท่าใดนัก แต่เพื่อจุ่งมุ่งหวังข้างหน้า เธอก็จำยอมอยู่กับป้าเพ็ญโดยไม่เอะอะโวยวาอาระวาด ตามนิสัย
ที่เอาแต่ใจตนเองของเธอ แต่ก่อนที่สองคนผัวเมียจะลาเจ๊เพ๊ญกลับ แก้วรอจังหวะที่แม่เผลอ เข้าไปกระซิบบอกพ่อของ
เธอว่า
“ถ้าพ่อไม่มาหานู๋ ตามที่สัญญานะ นู๋จะหนีกลับบ้านจริงๆ…” พูดจบก็ทำหน้าอ้อนผู้เป็นพ่อพร้อมโผกอดรัดแน่นสักครู่ ก่อน
จะรีบคลายวงแขนออกเมื่อเห็นมารดาหันมามอง
ขากลับบ้านชัดชายแวะเติมน้ำมันที่สถานนีบริการที่ฉัตรชัยกับแม่เคยเข้ามาเมื่อเกือบ10วันที่แล้ว พนักงานสาวชื่อเรรีบถลา
เข้ามาเพื่อเห็นรถชัดชายว่าที่กิ๊กของเธอขับเข้ามา รอจนชัดชายหมุนกระจกรถลง เธอกะจะแซวจะอ่อยเขาเล่น แต่ก็ชะงัก
เมื่อเธอเห็นว่าหญิงสาววัยกลางคนที่นั่งคู่มากับกิ๊กของเธอนั้น คือหวานเมียตัวจริง เธอก็สงบปากคำ รอจนชัดชายบอกให้
เธอเติมน้ำมันให้จนเสร็จแล้วเคลื่อนรถออกไปจอดพักใกล้ ๆ ห้องน้ำ เธอก็เดินกลับมาหาเพื่อนสาวอีกคน
“เห็นมั๊ยอีสา..กูบอกมึงแล้วว่าวันนั้นมึงทักคนผิด…คนนี้ต่างหากคือเฮียชัดกิ๊กของกู…..ดูดิวันนี้อีแก่แม่งเสือกนั่งมาด้วย…”
สาวเรพนักงานประจำหัวจ่ายน้ำมันหันไปคุยกับเพื่อนสาวอีกคน
“แต่เค้าหน้าเหมือนกันจริงๆนะโว๊ยอีเร….คนห่าอะไรวะ เหมือนกันยังกะฝาแฝด….”อีสาตอบโต้เพื่อนสาว พร้อมรุ้สึกอายเล็ก ๆ
เมื่อนึกถึงวันนั้น วันที่เธอปล่อยไก่ไปตัวใหญ่
“กูว่าไม่ใช่พี่น้องฝาแฝดหรอก….จะเป็นพี่น้องกันได้ไงวะ อีกคนรวยเว่อร์ขี่รถคันละตั้งเป็นล้านๆ ส่วนอีกคนขี่กระบะเก่าจน
หมาเห่าสงสัยจะหลุดเป็นชิ้นๆ ฮิฮิๆ” พูดจบสองสาวต่างก็หัวเราะขำกันลั่น
ส่วนชัดชายหลังจากที่จอดรถรอหวานเข้าห้องน้ำ ทำธุระจนเสร็จก็ขับรถกลับบ้านของตน คล้อยหลังไปไม่เกินสองชั่วโมง
รถเบนซ์คันหรูของฉัตรชัยก็ขับเข้ามาที่ปั้มน้ำมันแห่งนั้นอีกครั้ง แต่จุดประสงค์ของการเข้ามาในปั้มน้ำมันครั้งนี้ หาใช่ต้อง
การเติมน้ำมัน เขาขับรถไปจอดด้านหน้าร้านเซเว่น แล้วเดินลงมามองมาทางสองสาวพนักงานประจำหัวจ่ายน้ำมัน แต่ก็
ไม่มั่นใจว่าเธอสองคนนั้น คนไหนคือคนที่เข้ามาทักเขาว่าเฮียชัดกันแน่ สักครู่หนึ่งในสองสาวก็เดินเข้ามาที่ฉัตรชัยยืนอยู่
ข้างๆรถ
“คุณนั่นเอง….ครั้งนั้นนู๋ขอโทษนะคะ..ที่จำคนผิด…ก็หน้าของคุณกับเฮียชัดเหมือนเป็นฝาแฝดกันเลยนี่….”เธอพูดเบาๆ
พร้อมหัวเราะกลบเกลือนความอาย
[post]”ไม่เป็นไรหรอกครับ…..คนเราอาจจะเหมือนกันได้…” ฉัตรชัยกล่าวเบาๆ ไม่อยากให้พนักงานสาวคนนี้สังเกตุได้ว่า เหตุที่
เขามานั้นก็คือจะตามหาตัวน้องชายฝาแฝดของเขานั่นเอง
“ไม่ใช่แค่หน้าเหมือนนะคะ…แต่มันเหมือนมาก เหมือนคุณส่องกระจกดูหน้าตัวเองเลยค่ะ….ผิดกันแต่ว่า เฮียชัดเขาไม่รวย
เวิ่อร์แบบนี้….” พนักงานสาวยังคงยืนยันคำเดิมว่าหน้าของฉัตรชัยกับเฮียชัดของเธอนั้นเหมือนกันเหมือนมองภาพจาก
กระจกเงาทีเดียว
“น่าเสียดายจัง ถ้าคุณมาเร็วกว่านี้สักสองชั่วโมง คุณจะเจอเฮียชัด แล้วจะรู้ว่านู๋ไม่ได้พูดปด….” คำพูดของพนักงานสาวทำ
ให้ฉัตรชัยมั่นใจ มีความหวังว่าเขาจะได้เจอกับน้องชายฝาแฝดในเร็วๆวันนี้
“เอ่อ….แล้วเฮียชัดของนู๋นี่ เค้าอยู่แถวๆนี้หรอครับ…” ฉัตรชัยพยามยามบังคับน้ำเสียงให้เป็นปรกติ เหมือนถามไถ่ชวนคุยเสีย
มากกว่าที่จะให้พนักงานผู้นี้จับสังเกตุถึงความสนใจในตัวเฮียชัดของเธอ
“โอ๊ย…ฮาๆๆ ไม่ใช่เฮียชัดของนู๋หรอกค่ะ..โน่น…” พูดพร้อมกับชี้มือไปยังเพื่อนสาวอีกคน”ของอีเรโน่นมัน…เขาเป็นกิ๊กกันน่ะ….
นู๋ก็ไม่รู้หรอกค่ะว่าเฮียชัดเขาอยู่ที่ไหน คุณอยากรู้ไปทำไมคะ…” พอเจอคำถามย้อนกลับฉัตรชัยก็รีบนึกหาคำตอบ
“ก็คงเพราะอยากเห็นเหมือนที่นู๋บอกนั่นแหละ ว่าหน้าผมกับเฮียชัดนี่เหมือนฝาแฝด ถ้าจริงจะได้ขอถ่ายรูปไปลงเฟรชบุ๊คสัก
หน่อย..ฮาๆๆๆๆ” ฉัตรชัยหัวเราะกลบเกลื่นทำให้ดูเหมือนเป็นเรื่องขำๆ
“งั้นเดี๋ยวเรียกอีเรมาถามมั๊ยคะ..เผื่อมันจะรู้”
พูดจบก็ตะโกนเรียกเพื่อนสาวที่ชื่อเรเสียงดังลั่นพร้อมกวักมือหยอยๆ สาวชื่อเรก็เดินกึ่งวิ่งเข้ามาหา ฉัตรชัยมองเห็นจุดเด่น
ของกิ๊กน้องชายตนทั้งร่างมีเพียงอกที่ใหญ่มากสองเต้ากวัดแกว่งกระเพื่อมยามเดินกึ่งวิ่งเร็วๆเข้ามาหา นอกนั้นก็ดูเหมือน
สาวชาวบ้านธรรมดาทั่วๆไป
“เห้ย..อีเร..มึงรู้ป่ะว่าบ้านเฮียชัดเขาอยู่ที่ไหน… คุณเขาอยากพิสูจน์ที่กูบอกว่าหน้าเฮียชัดกับหน้าคุณเหมือนยังกะเป็นฝา
แฝดกันน่ะ ”
“กูไม่ใช่เมียเขาสักหน่อยอีสา จะได้ไปตรัสรู้ว่าบ้านช่องเฮียเค้าอยู่ตรงไหน….”คำตอบของกิ๊กน้องชายฝาแฝดฉัตรชัย ทำให้
ฉัตรชัยรุ้สึกผิดหวังเล็กๆ
“ว๊า…..แบบนี้ผมก็อดถ่ายรูปเฮียชัดของนู๋ไปลงเฟรชบุคน่ะสิ….” ฉัตรชัยทำเสียงบ่นเหมือนเสียดายโอกาส
“แต่ว่า…ป้าสมแกน่าจะรุ้นะคะ…” สาวเรพูดขึ้นมา ทำให้ฉัตรชัยตั้งใจฟัง พร้อมมีความหวังมากขึ้น
“ป้าสมนี่เป็นใครรึครับ…”
“ป้าสมที่ขายล็อตตอรี่ไงคะ…ที่วันนั้นยังทักคุณผิดเลย…” สาวเรชี้แจง ส่วนฉัตรชัยหันไปมองหน้าประตูทางเข้าร้านเซเว่น
ที่ครั้งโน้นเจอแกนั่งขายอยู่ แต่ก็ไร้วี่แวว
“วันนี้ป้าแกไม่มาขายหรอกค่ะ..ต้องอีกสองสามวันใกล้ๆหวยออกแกถึงจะมาขาย…”
สาวที่ชื่อสาที่ดูเหมือนจะฉลาดมีไหวพริบมากกว่าเพื่อนอีกคน รีบบอกเมื่อเห็นฉัตรชัยหันไปมองหาป้าสมที่เคยนั่งขาย
ล็อตตอรี่ตรงทางเข้าร้านเซเว่น
หลังจากที่ฉัตรชัยได้ข้อมูลส่วนนี้มาแล้ว ก็ลาสองสาวขับรถกลับกรุงเทพเพื่อนำเรื่องไปบอกให้มารดารับทราบ ฉัตรชัย
พยายามสืบตามหาน้องชายอย่างเงียบๆ ไม่อยากกระโตกกระตากให้ใครล่วงรู้หลายคนนัก ด้วยเหตุผลที่ว่า เขาอยากเจอ
เพียงน้องชายฝาแฝด ไม่ได้อยากเจอกับคนอีกคนหนึ่งที่เป็นผุ้ให้กำเนิดเขามา