รักร่วมใคร่ ตอนที่ 7
เราเองหลังจากแวะไปทานน้ำที่ตู้เย็น ทานผลไม้สองสามชิ้นแล้วขึ้นห้องตัวเองเปลี่ยนเสื้อผ้า นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวไปที่ห้องน้องหยก เห็นน้องหยกยืนอยู่หน้ากระจก ส่องดูความงามของตัวเองแบบเปลือยเปล่า เราเดินไปหาโอบไหล่เธอ
“หยกทำอะไรอยู่หรือ”
“หยกดูว่ามีตรงไหนช้ำเพราะอาบ้างหรือป่าวค่ะ”
“แล้วมีหรือป่าวจ๊ะ”
“ภายนอกยังไม่เห็นค่ะ แต่ภายในตรวจสอบยากจัง บางครั้งก็เจ็บอยู่ลึกๆค่ะ ไปอาบน้ำกันดีกว่า เดี๋ยวมายเค้าจะรอคนรักเค้านานไป แล้วจะมาโทษหยกกีดกัน อาเข้าไปก่อนก็ได้ ค่ะเดี๋ยวหยกตามไป”
“อายังไม่ไปดีกว่า หลานอากำลังไม่สบายใจ สงสัยติดเชื้อแสนงอนจากน้องมาย”
หยกหันมากอดเรา เพียงเพราะเราเห็นเธอเป็นคนสำคัญเสมอ พร้อมกับยิ้มหวานๆ
“ขอบคุณค่ะอาที่เป็นห่วงหยก หยกไม่สบายใจจริงๆ และติดเชื้ออย่างอาว่ามา วันหลังค่อยคุณกันใหม่ดีกว่า วันนี้ไปอาบน้ำก่อน”
น้องหยกจูงมือเราเดินเข้าไปในห้องน้ำ เห็นน้องมายนั่งอยู่ในอ่างตีฟองสบู่อยู่ แล้วมองมาที่เรา
น้องหยกเลยพูดว่า
“เอ้ามาย…..เราพามังกรน้อยมาส่ง เห็นถามหาน้องมายไปไหน น้องมายไปไหนอยู่ข้างนอกแน่ะ”
น้องมายได้ยินน้องหยกบอกแบบนั้นก็ยิ้มแฉ่ง น้องหยกฉลาดจริงๆ รู้จิตวิทยาพื้นฐานสร้างสมานฉันท์ เราพาเธอไปส่งถึงอ่าง จึงค่อยลงตามเธอตรงกลาง แล้วหันไปเล่นกับน้องมายตามปรกติ
“มาเร้ว….มังกรน้อย พี่มายจะพาไปเล่นน้ำ จับเต่าจับหอยกันเร้ว ฮิ ฮิ ฮิ”
“พี่มายอย่าหรอกมังกรน้อยน้า…..เต่ากับหอยอยู่ไหนบอกมังกรน้อยมา ต้องจับกินให้หมด 5 5 5 5”
เราทำท่าเอามือลงใต้น้ำจะจับเต่าเธอ เธอชี้ไปที่น้องหยก
“ทางโน้น…..ทางโน้น…มังกรน้อย เต่าอยู่ทางโน้น แต่หอยยังไม่เห็น”
เราเลยหันตามแกล้งไปจับเต่าน้องหยก น้องหยกเริ่มยิ้มขึ้นมาได้
“เจอเต่าแล้ว มังกรน้อยเจอเต่าแล้ว”
น้องหยกทำเป็นเขินพูดเล่นบ้าง
“เต่าหดหัวเข้ากระดองแล้วจ๊ะ…..มังกรน้อย หอยอยู่โน่น….อยู่โน่น”
เราจึงเอื้อมมืออีกข้างไปจับหอยน้องมาย
“มังกรน้อยจับได้แล้ว…..ทั้งเต่าทั้งหอยเลย 5 5 5 5”
พออยู่กันสามคนทีไร สองสาวมักจะเขินกันเอง ดูน่ารักน่าชัง เราจึงทำลายความเขินเธอสองคน
“เดี๋ยวมังกรน้อยจะพาเต่ากับหอยไปเรียนเรื่องจูบต่อ ใครจะอาสาเป็นผู้ช่วยวิทยากรหือ…..เจ้าเต่าน้อยกับเจ้าหอยเล็ก….เอ… หรือหอยใหญ่ดีหว่า…..5 5 5 5”
เราเติมความเขินให้เธอทั้งสอง เพื่อไม่ให้ใครกล้าเป็นผู้ช่วยวิทยากรในตอนนั้น เพื่อเราจะได้เป็นเอง จะได้ฉวยโอกาสให้น้องหยกรู้จักความรักบนหลังเท้า
“ถ้าไม่มีใครอาสามังกรน้อยเป็นเองน้า……5 5 5 5”
“ดีค่ะ…ดีค่ะ…..ให้มังกรน้อยเป็นนายแบบ ให้เต่ากับหอยเป็นคนดู”
สองสาวรีบแสดงความเห็นด้วย เพื่อลบความเขินในตัวเอง เราจึงขึ้นไปนั่งขอบอ่าง เลือกมุมกว้างที่สุดเพื่อให้เธอสองคนเข้าถึงเราทั้งคู่ แต่พื้นที่ก็ไม่อำนวยนัก จึงบีบให้เธอต้องนั่งทับหลังเท้าเรา เราเห็นน้องหยกยิ้มทำท่าถึงบางอ้อ เหมือนกับเธอพูดด้วยสายตาและรอยยิ้มว่าทราบแล้วค่ะ ไม่ต้องเรียนเรื่องนี้ก็รู้แล้ว จึงตัดกังวลเราในการสอนไปเรื่องนึง และเราจึงต้องปรับกลยุทธ์ใหม่ เพื่อไม่ให้เป็นทางการเกินไป ไม่เป็นธรรมชาติ จึงลงอ่างไปอีกครั้ง
“อาเปลี่ยนใจล่ะ กอดสาวดีกว่า วันหน้าค่อยเรียนใหม่”
น้องมายทำเป็นดีดดิ้นตีน้ำเหมือนในที่วี ทำให้บรรยากาสทางวิชาการหายไป
“ทำไมอ่ะ…..ฮิ ฮิ ฮิ”
“ก็มังกรน้อยอยากเล่นน้ำนี่จ๊ะ ทำอย่างนี้ดีกว่า”
เราแกล้งเข้าไปปล้ำกอดเธอจับนั่นจับนี่แล้วระดมจูบ เรียกเสียงหัวเราะเละซู่ซ่ากลับมาอีกครั้ง พร้อมกับบอกน้องหยกถูหลังให้อาหน่อย เปิดโอกาสให้เธอได้เป็นผู้กระทำเรา น้องหยกเป็นคนฉลาดทันเกมเสมอ จึงเข้ามากอดเราข้างหลัง ใช้ร่างกายตัวเองนวดคลึงเราให้เคลิ้ม พร้อมเอาแขนโอบกอดได้เล่นกับมังกรน้อย แล้วจู่ๆเธอก็พูดว่า
“อาเดี๋ยวหยกต้องไปรอรับโทรศัพท์แม่ อาเล่นกะมายที่นี่ไป ก่อน นะค่ะ”
ไม่รู้ว่าสาวสองคนมีอะไรปีนเกลียวกันอยู่ในใจหรือไม่ แต่คิดอีกที หยกเป็นคนรู้หน้าที่รู้ขอบเขต อาจไม่ได้เกี่ยวกับที่เราคิดมากก็ได้ เราได้แต่ผงกหัวรับคำ ส่วนน้องมายมองหยกกึ่งสงสัย เธอพูดจริงหรือต้องการให้เราเป็นส่วนตัวกับอากันแน่นะหยก แล้วหยกก็ใช้ฝักบัวล้างตัวอีกครั้งก่อนนุ่งผ้าเช็ดตัวเดินออกไป
“เดี๋ยวมาเล่นกันอีกนะหยก มายจะแช่น้ำรอ”
พอน้องหยกออกจากประตูไป น้องมายหันหน้ามาประจันกับเรา พาตัวเองมานั่งอยู่ที่หน้าขาเรา เอาขาตัวเองโอบรัดเราพร้อมทั้งสองแขน ทุกส่วนแบบสนิทชิดเชื้อ นมชนอก จิ๋มเทินอยู่ที่ท้องน้อย เวลาเขยิบตัวนิดหน่อย ขนเพชรเธอถูกับหน้าท้องน้อยนิ่มๆ ชวนให้เกิดอารมณ์ มังกรน้อยตื่นตัวอยากจะมุดเข้าไปในถ้ำเธอเสียนี่กระไร ทันใดนั้นเธอก็กระซิบที่ข้างหู
“เข้าไปเที่ยวในถ้ำมายไหมค่ะ มังกรน้อย”
มังกรน้อยได้ยินคำนั้น ลำตัวแข็งปั๋งแทบจะมุดเข้าถ้ำในทันที แต่สำนึกในใจกระโดดขวางเราอย่างเต็มที่ ทำให้ความคิดหมุนเร็วจี๋กว่าปรกติ ส่วนความขาวใสในผิวพรรณของน้องมาย หน้าอกเต่งตึงไร้ตำหนิชี้ปลายถันมาหาเราเหมือนจะพูดว่า “นายนั่นแหละ จงมุดเข้าถ้ำฉันไปเดี๋ยวนี้” เราตัดสินใจดันเธออกจากตัวนิดนึง พร้อมระดมจูบตั้งแต่ปาก แก้ม ติ่งหู ซอกคอ ไล่ลงมาถึงปลายถัน แล้วเลื้อยขึ้นติ่งหูเธออีกครั้ง จนเธอกระซิบสั่งเป็นครั้งที่สอง
“ไปเที่ยวในถ้ำมายนะค่ะอา……”
เที่ยวนี้เราคงทำเฉยไม่ได้อีกแล้ว จำเป็นต้องตอบคำเธอ
“ไม่ได้หรอกมาย มันผิดจรรยาบันของอา”
“ไม่ผิดหรอกค่ะ เพื่อนมายยกเว้นหยก เขาทำกันทั้งนั้น”
“ยังไงก็ไม่ได้”
เราจูบเธอไป คลึงหน้าอกเธอไป พูดกับเธอไป
“แต่มายมีถุงยางเตรียมไว้ให้แล้วนะค่ะ”
“มีก็ไม่ได้ ทำไม่ได้”
เธออารมณ์ขึ้นเต็มที่ ในขณะที่คุยกันไป คลึงกันไป หน้าแดง ขนลุก เนื้อเต้น กล้าหาญฝ่าฟันอุปสรรค ด้วยคำพูดในสิ่งที่ ผู้หญิง ควรพูดทีหลัง
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มีถุงขวางกั้นอยู่ เข้าก็เหมือนไม่เข้านะค่ะ”
เราปล่อยให้เธอพูด ส่วนเราทั้งพูดทั้งทำ ทั้งล้วงลึกด้วยนิ้ว จนเธอเริ่ม ส ดุ้งถี่ขึ้นเรื่อยๆ เราจึงดันเธอขึ้นไปนั่งขอบอ่าง แล้วอ้าเต่าเธอ เห็นเม็ดทับทิมโผล่ออกมาข่อนข้างจะแข็งและเกร็ง เราจึงประกบปากทักทายทับทิมเม็ดนั้น เธอถึงกับสดุ้งเฮือก ขนตั้งไปทั้งตัว เราเม้มริมฝีปากทั้งบนล่าง หนีบทับทิมเม็ดนั้นแล้วเลื่อนริมฝีปากไปมา เธอตัวเกร็งเป็นห้วงๆ จากเสียงพูดเปลี่ยนเป็นเสียงคราง พร้อมกับเสียงลมหายใจขาดหายเป็นตอนๆ คล้ายคนเป็นหอบก็ไม่ใช่ เหมือนเสียงสะอึกคนร้องให้ก็ไม่เชิง
“อูยยยย……เสียวค่ะ…….อูยยยยย………โอยยยย……”
เธอพยายามกลั้นตัวเองไม่ให้ไปถึงจุดสูงสุด เสียงครางไม่เคยหยุด แต่ยิ่งกั้นก็ดูเหมือนจะยิ่งใกล้ กล้ามเนื้อเกร็งหนักขึ้น เต้นมากขึ้น ในที่สุดก็จับศีรษะเรากดลงที่จิ๋มเธอ เหมือนจะบอกว่าเป็นนัยว่า “อย่าขยับเขยื้อนนะค่ะ” แล้วอาการกระตุกเต้นของกล้ามเนื้อก็ระเบิดออกมา น้ำรักไหลเอ่อจนท่วมริมฝีปากเรา เราพยายามทำให้เธอต่อ เธอร้องเสียงหลง
“โอยยยยย………พอแล้ว…..พอแล้วค่ะ..พอแล้ว ตายแน่ๆ พอแล้ว”
“เหมือนจะร้องไห้ ตัวเกร็งต่อจนกล้ามเนื้อขึ้นเป็นปีก เราเห็นดังนั้นจึงดึงคัวเธอลงจากขอบอ้าง ให้เธอกอดแน่นและนิ่งเพื่อระบายความเสียว แล้วเราก็จูบไซ้เธอที่ติ่งหู พร้อมแกล้งกระซิบกับเธอว่า
“ถุงยางอยู่ไหน อาพร้อมแล้วมาย”
เที่ยวนี้เธอทำเป็นผลักเราออกแล้วใช้มือทุบเบาๆ พร้อมพูดว่า
“อาเจ้าเล่ห์อ่ะ…..นี่ นี่ นี่……”
เราดึงเธอมากอดดูดนมเธอเล่น เธอยังเสียขนลุก ปนจักจี้ได้ต่อ ร้อยโอย ย ย พอจริงๆค่ะพอ
“ก็อายังไม่เสร็จเลยนะ….”
เธอผลักเราขึ้นไปนั่งขอบอ่าง จับมังกรเราชักขึ้นชักลง พยายามใช้ปากช่วยอมเลีย หวังให้เราเสียว แต่พอทำไปๆ ของเราเริ่มเหี่ยวลงๆ
“ทำไม่เป็นแบบนี้ค่ะอา….”
“ก็อาเสร็จตั้งแต่น้องมายชวนอาไปเข้าถ้ำน้องมายแล้วนะซิ…..”
“จริงเหรอค่ะ…..ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ”
เราแกล้งพูดเอาใจเธอ ให้เธอรู้สึกว่า สิ่งที่เธอจะให้เรานั้น มันมี ค่ามากนะ เธอหัวเราะชอบใจใหญ่ ดังเป็นผู้ชนะ จนได้ยินเสียงใจเธอพูดว่า “เห็นไหม…เห็นไหม…มายบอกแล้ว…” ซึ่งจริงๆแล้วเราเสร็จเพราะมือข้างนึงของตัวเอง ที่แอบไปทำตอนเธอเผลอ เพราะทนเธอครางเห็นเธอเกร็งบิดไปมา ไม่ไหวจริงๆ
“ตัวเบาแล้ว เราไปแต่งตัวกันเถอะ ดีไหม”
“มายยังไม่อยากไปเลย พรุ่งนี้ตอนสายมายต้องกลับบ้านแล้ว แม่มายจะกลับมาพรุ่งนี้แล้ว ไม่รู้ว่าแม่จะไปอีกเมื่อไร มายต้องคิดถึงอาแย่เลย”
“หยกเค้ารู้รึป่าว ว่ามายจะกลับบ้าน”
“มายบอกไปแล้วก่อนอาบน้ำนี่เองค่ะ เค้าเลยให้โอกาสมายกับอาอยู่กันสองคนนี่ไง เดี๋ยวอาก็ได้อยู่กับหยกสองคนแล้ว คงลืมมายแน่เลย”
“ไม่มีทางลืมแน่นอนมาย ใครจะลืมมายได้ละจ๊ะ”
“มายไม่เชื่อหรอก อาหรอกให้มายดีใจใช่ป่าวค่ะ”
“ใครจะลืมคนที่ให้เราล้างฉี่ตอนเมาได้ 5 5 5 5 ไม่ลืมแน่นอนจ๊ะ 5 5 5 5”
“บ้า…..อาบ้าเนี่ย ฮิ ฮิ ฮิ เค้าเรียกฝากรักจ๊ะอา คิ คิ คิ”
เราคุยกันต่อนิดหน่อย จับนู่นลูบนี่ไปเรื่อยเปื่อย แล้วก็แต่งตัวลงไปหาน้องหยก ซึ่งกำลังง่วนอยู่กับหนังสือ ไม่รู้ทำการบ้านหรือป่าว พอเธอเห็นเราก็ชวนน้องมายมาทำการบ้าน น้องมายเลยกลับขึ้นไปเอาหนังสือ ส่วนน้องหยกแซวเราว่า
“ตัวเบาแล้วใช่ไหมค่ะอา…..อิ อิ อิ”
“เบาแล้วจ๊ะ แม่โทรมาแล้วหรือหยก”
เธอทำเป็นค้อนเล็กๆดูน่ารัก พร้อมตอบคำถามว่าโทรมาแล้วค่ะ หลังจากนั้นน้องมายก็หอบหนังสือมาร่วมทำการบ้านของพวกเธอ เราปล่อยให้เธอสองคนมีเวลาอย่างเต็มที่ ส่วนเราออกไปนอกบ้านเดินดูความเรียบร้อยทั่วไป โทรศัพท์คุยเรื่องงานตัวเองเล็กน้อย แล้วกลับเข้าบ้านนั่งฟังเพลงดูสองสาวสบายตา จนเธอเสร็จงานจึงเก็บหนังสือหันมาถามเราว่า
“พรุ่งนี้อาจะไปส่งน้องมายที่บ้านหรือป่าวค่ะ”
“ได้ น้องมายว่าไงจ๊ะ”
“มายว่ามายนั่งแท็กซี่ไปเองดีกว่า ต้องแวะหาแม่และทำเรื่องจุกจิกของแม่หลายแห่ง ขอบคุณมากนะค่ะอา ขอบใจหยกด้วย”
“วันนี้หยกขอตัวไปนอนก่อน ง่วงมากเลย ปวดหัวอ่อนๆมาทั้งวัน สงสัยจะเป็นเพราะเบียร์เมื่อวานยังไม่หมดฤทธิ์ วันนี้ยกอาให้เธอ จะได้ล่ำลากันก่อนกลับบ้านนะมาย”
“ขอบใจมากนะหยก พรุ่งนี้ไม่ต้องตื่นไปส่งเราก็ได้ เดี๋ยวเราออกไปเอง”
น้องหยกพูดเสร็จก็เดินมากอดเรา พร้อมหอมหนึ่งทีเพื่อลาไปนอน แถมท้ายด้วยการแซวข้างหูอีกนิดหน่อย ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปห้องนอน”
“มีแรงสั่งเสียกันหรือป่าวค่ะอา อิ อิ อิ”
ส่วนน้องมายเมื่อได้โอกาสจากน้องหยกส่งให้ ก็มาเคลียคลอเราอยู่ตลอด คุยนั่นนิดจับนี่หน่อย หยอกเย้าเกาให้คันในอารมณ์ เดี๋ยวหันมากอดรัดฟัดเหวี่ยง ซึ่งเป็นธรรมชาติของวัยรุ่น ที่มีพลัง ความปารถนาในความต้องการสูง ไม่รู้จักหมด แม้จะเพิ่งใช้ไปในชั่วครู่ เราเองก็เคยเป็นเช่นนั้น ไม่เคยมีความอิ่มในรสแห่งกามา ถึงปัจจุบันอายุมากขึ้นแต่ ก็ยังถือว่าอยู่ในวัยปลายตอนต้น วัยต้นตอนกลาง ความอยากความต้องการของเราก็ไม่ลดลงไปแต่อย่างใด ด้วยเหตุที่เก็บกดไว้นาน ไม่เคยไปใช้กับหญิงคนใดมาก่อน แล้วสองสาวก็เป็นผู้หญิงที่มีรูปทรงงดงาม สวยใสไร้ตำหนิ คนหนึ่งสวยขาวคม คนหนึ่งสวยน่ารัก เป็นที่ต้องตาต้องใจของหนุ่มๆทุกคน แถมอยู่ในแถวหน้าๆอีกตะหาก ในเมื่อมีการกระเซ้าเหย้าแย่ จับโน่นคลึงนี่ พร้อมด้วยกลิ่นสะอาดของน้ำหอมชั้นดี ที่ช่วยกระตุ้นต่อมใต้สมอง มีหรือที่กระสุนเราจะยอมหมดง่ายๆ
“อามายจะกลับบ้านแล้ว อาสอนเรื่องจูบมังกรน้อยให้มายบ้างดิ มายจะเอาไว้มัดใจอานะค่ะ นะค่ะ”
“มายอยากเรียนรู้ อยากลองจริงหรือ จริงแล้วอาก็ไม่รู้เรื่องนี้หรอก อา…อาศัยธรรมชาติช่วยบอกเราว่า สัมผัสแบบนี้ใช่เลย สัมผัสแบบนี้ไม่ถูกต้อง แถมเจ็บอีกด้วย ของแบบนี้ต้องลองไปคุยกันไป ถึงจะเข้าถึงคำตอบได้อย่างแท้จริง แล้วเวลามายต้องการมันรู้สึกอย่างไร บอกอาหน่อยสิ”
“โถ….ทำท่า เหมือนปรมจารย์ จริงๆก็เหมือนกัน อิ อิ อิ เวลามายต้องการก็หงุดหงิดสิค่ะ”
“แค่เนี๊ย อะเหรอ”
“แค่นี้แหละค่ะ แต่แค่นี้อะนะ มันมีพลังมหาศาลเลยนะอา สามารถทำทุกอย่างได้ แม้พลิกแผ่นดินเลยน้า อาเชื่อหรือป่าว”
“ขนาดนั้นเลยหรือ”
“ไม่น่าเชื่อ เหลือเชื่อมากๆ”
เราสองคนคุยกันไป ลูบคลำกันไป จนน้องจิ๋มเธอเริ่มมีน้ำรักอ่อนๆเอ่อล้นขึ้นมาให้รับรู้ความต้องการ ว่าฉันอยากอีกแล้ว เราเองก็ไม่ต่างจากเธอ ตราบใดใจยังสู้ จะมีกระสุนหรือไม่ ไม่สำคัญ สำคัญแต่ว่าข้าต้องสู้ กระสุนย่อมไปหาได้ในเส้นทางข้างหน้า ในสนามรบเช่นเมื่อเวลาเห็นขนแขนเธอแสตนอัพ ร่างกายก็จะให้กระสุนเรามาหนึ่งหยด แหละถ้ารวมไว้หลายๆหยด ก็ได้การ ฉะนั้นการสู้ศึกในรอบสองจำเป็นต้องร่ายเพลงยาวๆ เพื่อให้เวลากับการผลิตกระสุน ตรงไหนให้อารมณ์ เราก็ไปหากระสุนเอาตรงนั้น จากกลิ่นกายเธอบ้าง จากสัมผัสร่างกายในทุกส่วนของเธอบ้าง จากเสียงหัวเราะออดอ้อนบ้าง จากการคุยถึงเรื่องเสียวๆที่เราทำอยู่บ้างฯลฯ ทั้งหลายเหล่านี้ก็คือแหล่งผลิตกระสุนชั้นดี ถ้าริอาจเป็นนักรัก ใจต้องมาก่อน เรื่องอื่นว่ากันที่หลัง
“อาไม่เคยดูประวัติศาสตร์ผู้หญิงเก่งเหรอค่ะ สามารถครอบงำผู้ชาย ให้รับใช้ออกรบได้ตั้งหลายคน มีประวัติอยู่หลายชาติ หลายภาษา อย่างเรื่อง ซูสีไทเฮา ภาคเหยียบดาวอังคารไงค่ะ นางใช้อำนาจที่มี พลีเรือนกาย ใช้วาทะ ที่มัดใจชายได้ เป็นอาวุธ บางคนเพียงเพื่อต้องการเสพสุขกับนางเพียงครั้งเดียว จะบุกน้ำลุยไฟที่ไหนก็ได้เลย นี่แหละคือการใช้อำนาจความอยากให้เกิดประโยชน์สูงสุดค่ะอา”
“แล้วน้องมายจะเอามาใช้กะอาหรือป่าว 5 5 5 5 5”
“โถ….มีแต่มายต้องขอร้องอา อย่าแกล้งมายให้เฉาตาย อีกหน่อยอา ก็มีฮาเล็มของตัวเอง สาวๆคงมากอดแข้งกอดขา อาค่ะ อาขา กันไม่รู้เท่าไร ยิ่งได้หยกเป็นผู้จัดให้ รับรองกระสุนไม่พอใช้ อิ อิ อิ”
น้องมายทำเป็นพูดเอาใจ เพียงเพื่อจะหันไปลูบคลำมังกรน้อยเพราะไฟปารถนา อย่างนี้ไม่ช้าไม่นาน โรงงานเราก็จะผลิตกระสุนสำเร็จ เพราะเราเองก็ช่วยลูบไล้ หยอกเหย้ากับเต่าน้อยและบัวตูมของเธอ จนมังกรเริ่มออกจากถ้ำ น้องมายเห็นสัญชาติญาณนี้ จึงเริ่มเปลี่ยนท่าทางตัวเองให้เข้าที่ ขึ้นมาค่อมตัวเราบ่ายหน้าไปหามังกรน้อย แล้วก้มตัวลงเอาปากไปอมหัวมังกร ใช้ลิ้นแลบเลียอย่างมีความสุข จนเราเห็นระหว่างกลีบกุหลาบเธอที่อยู่ระหว่างคอกับอกที่ลอยอยู่ มีน้ำใสเพิ่มปริมาณขึ้น จึงเอามือและนิ้วไปช่วยเธอ พอมือเริ่มแตะถูกน้องจิ๋ม เธอ ก็สะดุ้งเล็กน้อย เที่ยวนี้นองมายเริ่มเก่งขึ้น ไม่มีการดูดแบบรุนแรงอย่างที่เคยสอนเธอไป มีแต่การเลียและเล่นริมฝีปากนวดคลึง ทำให้เรารู้สึกสบายเป็นอย่างมาก มีเสียวเล็กๆเป็นระยะๆ พอร่างกายเรากระตุกอ่อนๆ เธอกลับชอบพร้อมบางครั้งเธอก็เกร็งกระตุกตาม รอบนี้เราพยายามสัมผัสเม็ดทับทิมเธอน้อยลง เพียงแต่มือหนึ่งคุมจังหวะ อีกมือหนึ่งเปลี่ยนเป็นลูบไล้ส่วนต่าง บ ริเวรก้นและรอบรูทวาร จนเธอสะดุ้งอยู่หลายครั้ง ถามเธอว่าเป็นอย่างไร เธอบอกว่าไม่เป็นไร มันเป็นอารมณ์ที่ส่งเสริมให้เสียวได้เร็วขึ้น แต่ไม่ใช่เสียว อยู่ระหว่างเสียวกับจักจี้ เธอว่าดีเหมือนกัน แล้วจู่ๆเธอก็ชวนให้มังกรเข้าถ้ำเธออีก เราจึงต้องเร่งลงมือทำให้เธอผ่อนคลายโดยเร็ว ด้วยการดึงเข่าเธอที่ตั้งฉากกับพื้นออก จนเต่าเธอที่ลอยอยู่ตกลงมาในปากเรา ให้เราเล่นกับเม็ดทับทิมเธอจนเธอทนไม่ไหว และเสร็จเราอีกครั้งหนึ่ง และแม้รู้ว่าเธอเสียวเสร็จแล้ว เราก็พยายามทำต่อเพื่อให้เธอหมดฤทธิ์จริงๆ เธอทั้งร้อง ทั้งคราง ทั้งบิด ทั้งเกร็ง ทั้งตีเบาะโซฟา บอกว่าเที่ยวนี้ใจจะขาดเกือบถึงตาย มันเสร็จหลายครั้งมากจนเธอเองไม่รู้ว่ากี่ครั้ง แล้วขอร้องอย่าทำซ้ำแบบนั้นอีก เพราะมันเลยสุข เข้าขั้นทรมานแม้จะเสียว เราจึงพูดกับเธอว่า
“อาขอโทษมายด้วย ทั้งหมดที่อาทำ ก็เพราะอยากจะบอกมายว่า มังกรไม่ต้องเข้าถ้ำก็เสียวได้มากมาย การ สอดใส่ถึงจะดี สมบูรณ์แบบ แต่นี่เป็นแค่การลองรักลองใคร่ตามข้อตกลงกันไว้ เมื่อมายควบคุมอารมณ์ไม่ได้ อาจึงต้องทำเพื่อเตือนสติ เนื่องด้วยวันหน้า มันจะมีผลกับวิธีคิดและการกระทำที่เปลี่ยนไป จะเกิดการยึดติดที่แก้ไขได้ยาก หรือเรียกตราบาปของลูกผู้หญิง อาไม่อยากให้มายตกอยู่ในภาวะนั้น ไม่อยากเป็นผู้ชายที่สร้างตราบาปคนนั้น ในขณะที่ปากอาบอกว่ารักมาย แต่อาไม่ได้รักแบบชู้สาว เป็นแค่วิทยาศาสตร์การเรียนรู้ ในเรื่องชู้สาว ที่เรามีให้กัน บนจุดยืนของเหตุและผลเท่านั้น และ ที่ทำตามเหตุผลนี้ก็ด้วยเรากลัวการปลดปล่อย ความใคร่กับบุคคลที่เราควบคุมไม่ได้ไม่ใช่หรือ เราไม่อยากให้มันเป็นไปตามยถากรรมไม่ใช่หรือ นี่ก็เป็นครั้งที่สองที่มายขอให้มังกรอาเข้าถ้ำมายแล้ว อาอยากให้มายลองทบทวนเรื่องนี้ใหม่ เมื่อช่วงกลับไปอยู่บ้าน วันไหนถ้าเรารักกันแบบชู้สาวและถูกต้องได้จริง วันนั้นอาต้องทำแน่ อาขอโทษมายจริงๆนะ”
“อาพูดเหมือนเราไม่รู้จักกัน เหมือนความรักมายไร้ค่า มายขอโทษ อาด้วยละกันที่ทำให้อาลำบากใจ”
เป็นเรื่องจนได้ คบเด็กสร้างบ้านแท้ๆเรา
เรารู้ว่า เธอพูดด้วยอารมณ์ที่เธอไม่สามารถต้านทานอานุภาพแห่งความใคร่ได้ แยกเรื่องรักออกจากเรื่องใคร่ไม่ได้ เราจะทำอย่างไรดี จะปล่อยไปเช่นนี้หรือ เราจึงต้องพยายามลองคุยกับเธอใหม่ ไปกอดเธอแล้วพูดกับเธอว่า
“มายใจเย็นๆนะ มายรู้หรือไม่ว่าความรักกับความใคร่มันเป็นคนละเรื่อง มายมีเส้นแบ่งความรักกับความใคร่อย่างไร”
“ความรักหรือความใคร่ของมายก็คืออันเดียวกัน เพราะรักจึงใคร่ ถ้าไม่รักก็ไม่ใคร่ค่ะ”
“มายคุยอะไรไว้กับน้องหยก ก่อนที่พวกเราจะมาลองใคร่กัน จำคำว่าไม่ปักธงได้หรือไม่”
“มายจำได้ แต่มายไม่รู้นี่ ถ้าได้ใคร่แล้วมันจะรัก และถ้ารักมันก็ต้องให้เพศสัมพันธ์แก่กันซิค่ะ”
“แล้วถ้าน้องหยกเค้าคิดอย่างมายบ้าง พูดแบบมายบ้าง มายจะทำอย่างไร”
“มายไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้มายเป็นแบบนี้ค่ะ”
เจอไม้นี้ของน้องมาย เราก็หมดทางเหมือนกัน
“เราไปหาน้องหยกให้เขาตัดสินเรื่องนี้กันไหมมาย เราต้องคุยกันแล้ว”
“หยกเค้าก็ต้องเข้าข้างอาซิค่ะ มายก็ต้องแพ้อยู่ดี แต่ที่แน่ๆมายรู้แล้วว่าอาไม่ได้รักมายเหมือนกับมายรักอา อาพูดมาทั้งหมดก็เพื่อทิ้งมาย ปัดปัญหาให้พ้นตัวใช่หรือไม่ค่ะ”
“อาว่าเราไปทำความสะอาดตัวเราก่อน แล้วไปนอนคุยกันกับน้องหยกพร้อมกัน เพราะถึงเราจะตัดสินใจอะไรไป น้องหยกก็ควรได้รับทราบอยู่แล้ว ส่วนหยกจะลำเอียงหรือไม่ เราค่อยคุยกันอีกทีดีไหมมาย อาว่าน่าจะลองดูนะ พรุ่งนี้ยังเป็นวันหยุด หยกคงไม่ว่าอะไร แต่อาไม่อยากให้มายไปพร้อมกับปัญหาของเราสามคน ที่ร่วมสร้างกันมานะ”
ตกลงน้องมายยอมอ่อนข้อทำตามที่เราเสนอ เราจึงไปเข้าห้องน้ำทำความสะอาดร่างกายด้วยกันแล้วเข้าไปหาน้องหยกตามที่ ได้คุยกัน
น้องหยกนอนได้พักใหญ่ เราเข้าไปขึ้นบนเตียงพร้อมน้องมาย เรานั่งพิงหัวเตียง ส่วนสองสาวนอนซ้ายขวา เราก้มไปหอมแก้มน้องหยก แล้วปลุกเธออย่างนิ่มนวล เธอตื่นมาแล้วยิ้มให้ เราจึงกระซิบข้างหูเธอว่า
“หยก อามีเรื่องสำคัญจะปรึกษา”
“ตอนนี้เลยหรือค่ะอา”
“ใช่ ต้องตอนนี้”
แล้วเราก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟัง เธอทำท่าครุ่นคิดอย่างหนัก ลุกขึ้นนั่งท่าทางจริงจัง ฟังไปผงกหัวรับทราบเรื่องราวต่างๆไป ก่อนจะพูดว่า
“หยกว่าเรื่องนี้ไม่มีใครผิดทั้งนั้น จะผิดก็ตรงเราไม่รู้จักความใคร่ดีพอ ไปเล่นกับมัน ทำให้อารมณ์ความใคร่จูงจมูกเรา แม้สัญญาที่คุยกันก่อนหน้านี้ ก็ไม่อาจสู้กับมันได้ หยกเองบางครั้งก็มีความรู้สึกเหมือนกับมาย จึงอยากให้มาย ให้เวลากับตัวเองดูก่อนว่า เราอยู่ในอารมณ์ ”บางครั้ง” อย่างหยกพูดหรือไม่ ก่อนที่จะตัดสินใจอะไรลงไป ถ้ามายลุกขึ้นมาเรียกร้อง หยกก็ขอเรียกร้องด้วย ได้หรือไม่ค่ะอา”
“แล้วเธอสอง คนจะเรียกร้องอะไรจากอา พวกเธอเป็นผู้ขออาให้ทำอย่างที่เธออยากจะทำ มาครั้งหนึ่งแล้ว ตอนนี้อาพูดไม่ออก เธอสองคนบอกมาจะให้ทำอย่างไร”
“มายก็แค่อยากให้อารักมายเหมือนมายรักอาค่ะ”
“หยกก็ต้องการแบบมายเหมือนกัน อาจะว่าอย่างไรค่ะ”
“อาก็รักเธอสองคนอยู่แล้วนี่ แล้วจะให้รักแบบไหนอีก”
“ก็รักมายแบบแฟน แบบคู่รักจริงๆซิค่ะ”
“ใช่….หยกก็ต้องการแบบมายแล้วตอนนี้ อาจะว่ายังไงค่ะ”
“อาไม่รู้ รู้แต่ว่ามันเริ่มเพี้ยนกันใหญ่แล้วตอนนี้ สัญญาของเราก่อนหน้านี้มันหมดความหมายแล้ว ใช่ไหม เธอสองคนไม่แคร์แล้วใช่ไหม จะให้อามีแฟนพร้อมกันสองคนเลยหรือไง”
“มายว่าไง หยกก็คิดไม่ออกว่าเราจะมีแฟนเป็นคนๆเดียวกันได้อย่างไร หยก ทำใจไม่ได้นะมาย”
“มายก็ทำใจไม่ได้เหมือนกัน”
“หยกว่าเราให้เวลาตัวเองหนึ่งสัปดาห์ แล้วเรามาคุยกันใหม่ ดีไหมมาย ดีไม๊ค่ะอา”
“อาปวดหัวแล้ว แล้วแต่พวกเธอสองคนละกัน”
“ก็ได้ อีกหนึ่งสัปดาห์มาคุยกันใหม่”
“งั้นตกลงวันนี้เราแยกย้ายกันไปนอน คิดหาทางออกที่เหมาะสมให้ตัวเอง เมื่อได้แล้วเราจะคุยกัน หนึ่งสัปดาห์นี้ต้องพบทางออก”
“งั้นอาขอตัวไปนอนก่อนละกัน ปวดหัวแล้วตอนนี้”
“เดี๋ยวค่ะอา มาให้หยกกอดทีนึงก่อนแล้วค่อยไป นะค่ะ”
หยกรักเรามาก ดึงเราไปกอดเพียงเพื่อหาโอกาสบอกเราว่า “เดี๋ยวหยกแก้ปัญหาเรื่องมายให้” เรารู้ได้ทันทีว่าน้องหยกเล่นละครหลอกน้องมายให้สงบ หนึ่งสัปดาห์ของหยกคือการซื้อเวลาเพื่อแก้ปัญหาของน้องมาย เราจึงรู้สึกสงบใจอย่างประหลาด เหมือนเรื่องนี้คืออารมณ์ของน้องมาย ที่ไม่กี่วันนี้น้องหยกจะจัดการได้ เราจึงบอกราตรีสวัสกับหยก แล้วหันไปกอดน้องมายบอกราตรีสวัสเช่นกัน น้องมายฝืนยิ้มให้ในขณะที่ใจเธอยังมีปัญหาอยู่ แต่ก็ดูน่ารัก แล้วเราจึงกลับห้องไปนอนอย่างสบายใจ เมื่อคิดถึงคำน้องหยก
และเช้าวันใหม่ก็มาถึง เราตื่นนอนทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำตามปรกติ แล้วลงไปทานกาแฟข้างล่างโดยไม่ได้แวะห้องน้องหยก กะว่ามารอส่งน้องมายกลับบ้าน หลังจากดื่มกาแฟเสร็จเกือบชั่วโมง ก็เห็นน้องมายแต่งตัวสวยน่ารักแบบรัดกุมเดินลงมา เมื่อเจอเราจึงพูดว่า
“มายไปหาอาที่ห้องนึกว่าไปไหน มาอยู่นี่เอง มายต้องไปแล้วค่ะ ขอมายหอมที”
เธอมากอดเราแบบนิ่มนวลไม่ให้เสื้อผ้ายับ แล้วหอมแก้มเราๆก็หอมเธอตอบไปหนึ่งครั้ง
“ให้อาไปส่งไหม”
“ไม่ต้องค่ะ ช่วยเปิดประตูรั้วใหญ่ให้มาย แล้วฝากลาหยกด้วย ยังไม่ตื่นเลยค่ะ”
เรารับคำทำตามที่เธอบอก ไปยืนรอเรียกรถแท็กซี่ให้เธอ พร้อมบอกเธอว่าอย่าคิดมาก และเมื่อรถมาเธอก็นั่งรถจากไป ใจเรารู้สึกหวิวอยู่น้อยๆ ไม่แน่ใจว่า ตัวเองอาลัยรักหรืออาลัยใคร่กับน้องมายกันแน่ เดินกลับเข้าบ้านปิดประตูรั้วใหญ่แบบซึมเล็กน้อย แล้วขึ้นไปดูน้องหยก เธอยังคงนอนอยู่ เราเลยไปนอนอยู่ข้างเธอเพื่อทบทวนพฤติกรรมตัวเองกับสองสาว รอน้องหยกตื่นนอน และไม่ทันที่เราจะคิดอะไร น้องหยกเปิดผ้าห่มที่ห่มไว้นิดหน่อย แล้วกลิ้งตัวมานอนกอดเรา แบบบอกให้เรารู้เป็นนัยว่าเธอตื่นนานแล้ว แต่ยังไม่อยากลุกโดยไม่ต้องพูดอะไร เรารู้สึกว่ากอดนี้อบอุ่นจริงๆ ไม่มีพิษมีภัยอะไร ให้แต่ความสุขอย่างเดียว เลยกอดเธอตอบแล้วลูบแผ่นหลังเธออยู่ไปมา เพื่อบอกให้เธอรู้เช่นกันว่า อาก็รักหยกด้วยใจบริสุทธิ์เหมือนกัน เรากอดกันนอนเงียบๆอยู่พักหนึ่ง น้องหยกก็ลุกไปเข้าห้องน้ำแบบไม่พูดอะไรเลย จนเธอเสร็จกิจส่วนตัวจึงมาดึงแขนเราพร้อมรอยยิ้มให้ลุกจากเตียง กอดเอวเราพากันเดินลงไปข้างล่าง หาอะไรทานนิดหน่อยแล้วไปนั่งอยู่ที่โซฟาด้วยกัน แล้วคำพูดแรกของวันนี้ก็ออกจากปากเธอ
“ไปส่งน้องมายหรือป่าวค่ะ เป็นไงบ้างที่ต้องจากเธอ ตอนนี้แหละคือคำตอบสำคัญว่าเรารักเขาหรือไม่”
“มายเขาให้ส่งแค่ประตูรั้วหน้าบ้านจ๊ะ”
เราตอบน้องหยกไปแบบสั้นๆ
“หยกถามตั้งสามคำถาม ตอบหยก คำถามเดียวเอง สงสัยจะให้หยกคิดหาคำตอบเอาเองเอง อิ อิ อิ”
“แล้วหยกจะตอบว่าอย่างไรดีจ๊ะ”
“ถ้าคำตอบของหยกก็คือ รัก หวง ห่วง คิดถึง ไม่อยากให้เธอจากไป อาลัยอาวรณ์ โหยหา น้ำตาจะร่วง น้ำคาตกอยู่ข้างใน ใจจะขาด อนาถใจตัวเอง เกรงจะสูญเสีย อยากคลอเคลียเธอจัง ฯลฯ”
“หยกไปสรรหาคำตอบมาจากไหนยาวเฟื้อยเลย มันเหมือนจะใช่ แต่มันไม่ใช่นะหยก”
“หยกก็ดูจากใจตัวเองสิค่ะ เวลาที่หยก ยกอาให้มายไปเชยชม หยกรู้สึกแบบนี้ก็เลยตอบแบบนี้ค่ะอา”
คำตอบของน้องหยกทำให้เราต้องดึงเธอมากอด แล้วลูบไล้ที่ผมเธออย่างแผ่วเบา น้ำตาเธอหยดแหมะๆๆๆ มาถูกแขนที่เรากอด ในขณะที่ใบหน้าเธอยิ้มแบบมีความสุข พาให้เราน้ำตารินได้เหมือนกัน ความเงียบกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ปานประหนึ่งว่าเราสองคนกำลังดื่มด่ำกับอารมณ์รักล้นใจอะไรทำนองนั้น
หลังจากวันนั้น วันเวลาก็ค่อยๆผ่านไป คำนัดหนึ่งสัปดาห์ของเราก็มาถึง แต่น้องมายหายไป ไม่มีน้องมายในวันนั้น ส่วนน้องหยกปิดปากเงียบกริบ เมื่อเวลาเราถามถึงน้องมาย น้องหยกรู้อยู่ลึกๆว่า เราคิดถึงน้องมายไม่มากก็น้อย จนสองสัปดาห์ผ่านไป เรามีโอกาสเจอน้องมายตอนไปรับน้องหยกที่โรงเรียน เธอเดินมาหาเราที่รถแล้วสวัสดีเรา ขึ้นมานั่งรถเบาะหน้าคู่กับเรา โดยที่ไม่มีน้องหยกติดตามมา เหมือนน้องหยกจะตั้งใจให้เวลาเราสองคน สะสางเรื่องราวต่างๆที่มีในใจ ให้หมดไป ทันทีที่น้องมายนั่ง เราระดมยิงคำถามใส่เธอเป็นชุดใหญ่ แบบคนอัดอั้นโหยหาเธอ
“น้องมายสบายดีหรือป่าว ทำไม่ไม่ไปหาหาบ้างเลย อาคิดถึงมายมากเลยรู้ไหม หรือน้องหยกรังแกมาย บอกมาเดี๋ยวอา จะจัดการให้ วันนี้ไปเที่ยวบ้านกะอานะ ฯลฯ
“มายสบายดีค่ะอา วันนั้นที่มายออกจากบ้านไปพบแม่ ไปเจอ กับ อา”ต่อ” เค้าเป็นผู้ร่วมงานของแม่ เขาขับรถพาแม่กับมายไปทำธุระ และเที่ยวหลายแห่ง เขารักมายค่ะและมายก็ชอบเค้า เค้ามีอะไรบางอย่างที่เหมือน อามีให้หยก แต่อาไม่มีให้มาย มายอยู่ใกล้เขาแล้วมีความสุขค่ะ ทุกวันนี้เขามาหามาย หาแม่ พาไปทานข้าวทุกวันเลย มายบอกหยกไปหมดแล้ว นึกว่าอารู้แล้ว มายขอโทษค่ะอา เมื่อมายเรียนจบ มายกับแม่จะย้ายไปอยู่เชียงใหม่ เมืองหลวงไม่เหมาะกับเรา บ้านพี่ต่อเขาอยู่เชียงใหม่ค่ะอา มายต้องไปแล้วค่ะ มายยังรักอากับหยกเหมือนเดิมนะค่ะ และขอให้ อาโชคดีค่ะ”
เราคุยกันในขณะที่จับมือกันวางอยู่ที่ตรงเกียร์รถ เอียงตัวมองหน้ากัน พอได้ยินเธอพูด น้ำตาเราไม่รู้ซึมออกมาได้อย่างไร พาให้น้องมายนำตาร่วงไปด้วย แต่ในที่สุดเราก็ต้องบอกลาเธอแบบถาวร
“อารู้แล้ว….อารู้แล้ว…..ขอให้มายมีความสุขกับคนที่มายรักมากๆนะ……อารู้แล้ว…..”
ก่อนจากไปเราสองคนต่างบีบมือกัน ก่อนจะโอบกอด บอกลา เป็นครั้งสุดท้าย แก้มต่อแก้มชนกันสนิทแนบ น้ำตาแห่งอาลัยหลั่งริน แบบไม่มีเสียงร้อง ชั่วอึดใจเธอก็เปิดประตูรถโดยไม่พูดอะไรสักคำ ได้แต่เห็นเธอวิ่งไปหามุมที่ปลอดสายตาคน ร้องให้ปล่อยโฮใหญ่ออกมา เราเองอยู่ในรถก็ร้องเหมือนกัน เมื่อเวลาผ่านไปจนเห็นน้องมายอาการดีขึ้นแล้วเดินหายไป เราเองก็อดกลั้นอารมณ์อยู่พักใหญ่ ส่วนน้องหยกฉลาดเหมือนเดิม เธอทิ้งเวลาให้เราสองคน จนแน่ใจว่าทุกอย่างน่าจะดีขึ้นแล้ว เธอจึงเดิน มาขึ้นรถหยกมือสวัสดีเราตามปรกติ แต่ไม่มีเสียงพูดสักคำ เธอปิดประตูนั่งนิ่งด้วยอาการสงบ น้ำตาแห่งความสงสารอาไหลหลั่งอยู่เงียบๆ เราเองก็มีอา การสอึก สะอื้นให้เธอเห็นอยู่เล็กน้อย จนเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง น้องหยกจึงพูดว่า
“อาเรากลับบ้านกันนะค่ะ”
“อาขอโทษนะหยก”
เมื่อเราได้สติจากเสียงเรียกน้องหยก เราจึงขับรถกลับบ้านด้วยบรรยากาศที่เงียบวังเวง นี่เองที่เค้าพูดกันว่า “นักรบเสียเลือด นักรักเสียน้ำตา”
“วันนี้เราแวะทานอาหารที่หน้าปากซอยเลยดีไหมค่ะอา”
“ได้จ๊ะหยก”
เมื่อถึงร้านอาหารน้องหยกสั่งอาหารที่เราเคยชอบให้ เธอรู้อยู่เต็มอกว่าเราทานอาหารมื้อนั้นไม่ลง นั่งเขี่ยข้าวเล่นจนน้องหยกทานเสร็จ ที่เหลือจึงต้องใส่ห่อกลับบ้าน เมื่อถึงบ้านเรายังไปนั่งซึมต่อ จนน้องหยกทำกิจประจำวันเสร็จทุกเรื่องราว เธอจึงมานั่งโอบกอดเราเอาหน้า ซบอกเรา มันช่างน่าประหลาดใจยิ่งนัก กอดของน้องหยกทำให้เราหายจากอาการซึมเศร้าเป็นปลิดทิ้ง เรากลับกระชุ่มกระชวยขึ้นมาทันตาเห็น โอบกอดเธออยู่ครู่นึง เพื่อซึมซับความอบอุ่นนั้น แล้วจึงกระซิบข้างหูเธอ
“หยกมีข้าวให้อาทานไหม อาหิวจังเลย”
น้องหยกได้ยินเสียงเราพูดแค่นั้น เธอยิ้มแป้นรีบตอบเรา
“มีค่ะ มีค่ะ อา เดี๋ยวหยกไปจัดการให้ หยก เอากลับมาจากร้านเยอะแยะเลยค่ะ”
หยกกระวีกระวาดจัดแจงอาหารให้เราพร้อมรอยยิ้มสดใส ดีใจจนออกนอกหน้า เราจึงตอบแทนเธอด้วยการ ทาน ทาน ทาน ให้เธอนั่งดูอยู่ข้างโต๊ะ จนทุกอย่างหมดเกลี้ยง เธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนจะบอกกับใจตัวเองว่า “อาไม่ตายแล้ว” เราจึงพูดกับเธอว่า
“เดี๋ยวอาช่วยล้างจาน เสร็จแล้วเราไปร้องเพลงคาราโอเกะกันนะ”
“ดีค่ะ…ดีค่ะ หยกกำลังอยากร้องอยู่พอดี ทานเบียร์ที่เหลือวันนั้นหน่อยดีไหมค่ะ”
“ไม่จ๊ะ…..อาไม่ชอบทานเบียร์ ว่างๆเรามาช่วยกันขุดหลุมหลังบ้านฝังมันไปเลย วันหน้าเผื่อเอาไว้เป็นหลักฐานให้ลูกหลานดู ว่าแม่หยกหรือน้าหยกเคยร่วมมือกับเพื่อน มอมเบียร์อาแล้วปล้นหัวใจอาไป 5 5 5 5”
“เอาอย่างนั้นเลยหรือค่ะอา คิ คิ คิ แต่รู้สึกประวัตศาสตร์มันจะเพี้ยนนะค่ะอา คนโดนมอมเบียร์ไฉนจึงมาล้างฉี่ให้หยกได้น้อ…..คิ คิ คิ”
“เออน่าๆ….เราก็ใส่ไข่ไปหน่อยซิ อาให้หยกเติมชูรส 5 5 5 5”
เราเริ่มกลับมามีความสุขอีกครั้ง เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คุยเล่นกันไป ฮัมเพลงกันไป เสียงหัวเราะกลับคืนมาในเวลาอันรวดเร็ว ด้วยพลังการกอดของน้องหยกโดยแท้ พอทานอาหารเสร็จเราช่วยหยกล้างจานแล้วก็คุยกันตามประสาอากับหลานสุดที่รัก มีช่วงหนึ่งน้องหยกถามเราว่า
“หยกคุยกับอาเรื่องมายได้ไหมค่ะ”
“ได้ซิจ๊ะหยก”
“อารู้สึกอย่างไรกับมายที่หักอกอา”
“อาก็เสียใจเท่าที่หยกเห็นไงจ๊ะ”
“แล้วถ้าเปลี่ยนเป็นหยก อาจะเสียใจแบบนี้ไหม”
“เรื่องนี้อาตอบได้แบบไม่ต้องคิดเลยหยก มายเค้าเทียบกับหยกไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง มายก็เหมือนรถใหม่ป้ายแดงของอาที่ถูกชนท้าย แล้วทำให้อาเสียใจ อารักมายเพราะเขาให้ความใคร่ความสุขอา มันก็คือรักเพราะใคร่ หรือได้ใคร่จึงรัก ถ้ารถคันนี้ซ่อมได้ อาก็อยากซ่อม แต่หยกคือชีวิต ถ้าหยกเป็นอะไรไป อาคงอยู่ไม่ได้แน่ เพียงแค่หยกกอดอาครั้งเดียว อาก็สามรถมีกำลังใจที่จะลืมรถใหม่ป้ายแดงคันนั้นแล้ว อาขอบใจหยกจริงๆนะ”
หยกหันมากอดเราน้ำตาคลอหน่วยแล้วหัวเราะแหะๆ
“อาพูดทำให้หยกอินจังเลยค่ะ แฮะๆๆๆ หยกว่าเราไปช่วยกันขุดหลุมข้างรั้วบ้าน ฝังเบียร์กันไหมค่ะอา หยกจะช่วย เมื่อก่อนหยกเห็นอากอดมาย มันรู้สึกหวงมากเลยค่ะ แต่พอคิดว่าเป็นความสุขของอา หยกกลับสบายใจ แบบเราได้ให้อะไรกับคนที่เรารักแล้วเค้าชอบ เราก็เลยมีความสุข ลืมเรื่องหึงหวงไปเลยค่ะ”
“ตกลงจ๊ะหยก เราไปช่วยกันขุดหลุมฝังเบียร์กัน”
เราออกจากบ้านพร้อมเปิดไปข้างรั้ว เอาเครื่องมือไปขุดดินตอนเกือบสองทุ่ม เผอิญรัวบ้านเราเป็นกำแพงตันๆสูงเกือบสามเมตร จึงไม่จำเป็นต้องแคร์ใคร เราคุยกันไปทำงานไปจนเสร็จ เห็นหยกมีความสุขมาก แต่เรากับคิดถึงน้องมายตลอดเวลา เพราะไปทำเรื่องที่เกี่ยวกับเธอ แม้จะรู้สึกว่าเธอเป็นรถใหม่ป้ายแดงจริงๆ ไม่ได้โกหกน้องหยกแต่อย่างใดก็ตาม
“ไปหยกเรากลับเข้าบ้านไปอาบน้ำกัน แต่บอกก่อนนะ เวลาหยกเป็นย่าเป็นยายแล้ว มาขุดหลักฐานให้หลานดู ห้ามเล่าหมดเปลือกว่าอาล้างฉี่ให้สาวๆนะ อาเสียคนแน่ๆ 5 5 5 5 แต่ใส่ชูรสแบบอื่นๆได้ แบบให้อาดูเป็นพระเอกหน่อย แบบนั้นอ่ะ 5 5 5 5”
“โอโฮ……เล่นสั่งเสียหยกแบบนี้ ประวัติศาสตร์สำคัญก็ถูกฝังไปด้วยซิค่ะ คิ คิ คิ”
เราสองคนคุยกันแบบมีความสุข เป็นรสชาติของอากับหลานแท้ๆ ที่กอดคอหยอกล้อกันเล่นกัน ไม่มีอารมณ์ชู้สาวแบบเราให้กับน้องมายเลย แม้รักกับใคร่จะใช้คำพูดแบบเดียวกัน เหมือนกัน แต่รสชาติย่อมต่างกัน การที่เราร่วมเสพสุขในความใคร่กับน้องหยก เป็นเพียงสัญญาตามหลักเหตุและผลที่เราได้คุยกันเท่านั้น ในยามที่เรามีอารมณ์เพศ เราจึงสามารถกดความรู้สึกอยู่ได้ ไม่มีการปักธงอย่างแน่นอน