เจาะเวลาหาฉิมพลี(ภาคยุทธจักร) ตอนที่ 7
“ถ้าหากท่านจะสู้ให้ได้ ในที่นี้มีอยู่คนหนึ่ง แค่กระบี่เดียว ก็ทำให้ตัวประหลาดใหญ่ท่านพ่ายแพ้แล้ว”
อ๋องไต้อี้พูดขึ้นมาด้วยความมั่นใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิ
“ฮ่าๆๆๆ ใคร ใครกันแม่หนูน้อย ลองบอกมาที” เทวราชทรงพลังหัวเราะดังลั่น ไม่ทันสิ้นเสียงหัวเราะ
อ๋องไต้อี้ก็ชี้นิ้วพร้อมพูดว่า
“พี่ชายของเรา ศิษย์เอกแห่งบู้ตึ๊ง กระบี่ล่าวิญญาณ อ๋องยู่ซัว”
อ๋องยูซัวใจหายวาบ เห็นชาวยุทธในห้องต่างมองมาเป็นตาเดียวและเทวราชทรงพลังมองตามมาอย่างช้าๆ
ก็รู้สึกหนาววาบขึ้นมา
“เป็นเจ้าหรอกเหรอ ที่เรียกว่า กระบี่ล่าวิญญาณ ”
“เป็นผู้เยาว์เอง “อ๋องยู่ซัวจำใจตอบ ต่อหน้าชาวยุทธมากมาย จะทำเป็น
ขลาดกลัวก็ไม่ได้
โดยเฉพาะต่อหน้าจางซินถงด้วยแล้ว
อ๋องไต้อี้ ยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ ไม่ได้รู้เลย ว่าทำพี่ชาย งานเข้า สะแล้ว
ในความคิดของสาวสวย ไม่มีใครเก่งกว่าพี่ชายของตนอีกแล้ว ด้วยวรยุทธงูๆปลาๆของนาง
ไม่สามารถแยกแยะระดับวรยุทธได้จากท่วงท่าหรือลักษณะภายนอก
“ฮ่าาาา เจ้าหนุ่ม เตรียมตัวให้ดี ฝ่ามือเดียวเท่านั้น ถ้าเจ้ารับได้ เราจะไม่เอาเรื่องเจ้ากับน้องสาว”
เทวราชทรงพลังกล่าวขึ้นอย่างอารมณ์ดีไม่น้อย
“ผู้อาวุโส ช่วยออมมือด้วย “อ๋องยู่ซัว ฝืนยิ้มจำใจตอบรับ
ไม่ทันขาดคำเสียงเทวราชทรงพลังก็ตวาดขึ้นเบาๆ
“รับฝ่ามือ ” เทวราชทรงพลังตบฝ่ามือเบาๆ อ๋องยู่ซัว ประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นสภาวะฝ่ามือ
ไม่ได้รุนแรง กราดเกรี้ยวสักนิด เหมือนเทวราชทรงพลังจะหยอกเล่นสะมากกว่า
ขณะกำลังจะยิ้มด้วยความโล่งอก ฝ่ามือที่มาถึงตัวกลับเพิ่มความรุนแรงอย่างฉับพลัน
อากาศรอบตัวเหมือนถูกบีบรัด หายใจแทบไม่ออก อ๋องยู่ซัวตกใจแตกตื่น
รีบรวบรวมกำลังภายในกระแทกฝ่ามือด้วยพลัง10 ส่วน เสียงฝ่ามือกระทบกันดังสนั่นห้องโถง
ร่างปลิวกระเด็นไปทางด้านหลัง ดีที่ว่าผู้ติดตามทั้งสองช่วยกันรับร่างเอาไว้ได้
อ๋องยู่ซัวกระอักโลหิตออกมา ที่ทรวงอกเจ็บแปลบไปทั่ว รู้ตัวว่าได้รับบอบช้ำภายในแล้ว
พยายามจะลุกขึ้นยืนแต่ทว่าร่างกายเหมือนไม่เป็นของตัวเอง ต้องฟุบลงไปอีก
ตั้งแต่ออกท่องเที่ยวในยุทธจักร
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ตัวเองพลาดท่าขนาดนี้
“พี่ใหญ่ !!!”อ๋องไต้อี้ ร้องด้วยความตื่นตกใจ วิ่งเข้ามาประคองพี่ชายในทันทีที่หายตกใจ
เห็นพี่ชายครึ่งนั่งครึ่งนอน ทรวงอกหายใจหอบถี่ มีเลือดเปรอะเปื้อนอยู่เป็นดวงๆ ตากลมสวย
ต้องหลั่งน้ำตาออกมาเป็นสาย เพิ่งรู้ตัวว่าเป็นต้นเหตุให้พี่ชายต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส
ชาวยุทธในห้องโถงบางคนพลอยหลั่งน้ำตาออกมาโดยไม่รู้ตัว ภาพเทพธิดาที่กำลังหลั่งน้ำตา
ทำเอาหลายคนต้องถอนใจเฮือก
“ไม่เลวๆ รับพลัง 3 ส่วนของเราเอาไว้ได้ “เสียงเทวราชทรงพลังพูดขึ้น ในใจก็ประหลาดใจเล็กน้อย
เจ้าหนุ่มนี่อายุไม่น่าเกิน 22-23 กำลังภายในไม่น่าเกิน 18-19 ปี แต่ทว่ากลับรับพลัง 3 ส่วน(30 เปอเซ็นต์)
ของตนเอาไว้ได้ โดยไม่ตาย
“ยังมีจอมยุทธคนไหน อยากรับอีกสักฝ่ามือหรือไม่ ” เทวราชทรงพลังตะโกนถามขึ้นมา
พร้อมกวาดตามองไปรอบๆ ก่อนจะมาหยุดที่ก๋วนเทียนเล้ง
ก๋วนเทียนเล้งต้องรีบก้มหน้าลงทันที ระดับฝีมือตัวเองเท่าๆกับอ๋องยู่ซัว จะต่างกันก็คงไม่มาก
อวดดีตอนนี้ไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมา รังแต่จะบาดเจ็บสาหัสเอาสะเปล่าๆ
เทวราชทรงพลัง เดินเข้าหาเทียนซิมไต้ซือช้าๆ แรงกดดันประหลาดแผ่กระจายไปทั่วห้องโถง
ชาวยุทธหลายคนต้องถอนใจด้วยความเป็นห่วง แต่ก็ไม่สามารถจะช่วยอะไรได้
ในห้องโถงเงียบกริบกระทั่งลมหายใจ ก็ยังไม่กล้าจะหายใจให้แรงนัก
“คุณหนู ข้าน้อยพอจะถามอะไรสักนิดได้หรือไม่ “เสียงนุ่มชวนฟังดังขึ้น
แม้จะไม่ดังนักแต่เนื่องจากในห้องโถงมีแต่ความเงียบ
ทุกคนจึงได้ยินอย่างชัดเจน หลายคนมองไปตามเสียง
เห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงองอาจ เดินออกมาจากมุมห้อง บางคนถอนหายใจด้วยความผิดหวัง
เนื่องจากแอบลุ้นว่า ผู้เอ่ย จะเป็นยอดฝีมือโผล่ออกมาเพื่อกู้สถาณการณ์ แต่ทว่า
ที่เห็นก็เพียงชายหนุ่มอายุ18-19 ปี ในชุดเด็กรับใช้เท่านั้น
“ยูอัน ..”คุณหนูจางเห็นยูอันพูดและเดินออกมา ก็แตกตื่นจนแทบหยุดหายใจ พยายามสบตาและส่ายหน้า
เหมือนจะบอกว่า อย่าออกมาๆเดินกลับเข้าไปๆ แต่ทว่ายูอันกลับก้าวเดินออกมาเรื่อยๆ
“เจ้า..เจ้า…”คุณหนูจางร้อนรนจนพูดไม่ออก เหลียวมองยูอัน และหันไปดูเทวราชจอมพลังสลับไปมา
ในใจก็หวาดกลัวว่า ถ้าเทวราชทรงพลังสะบัดฝ่ามือไปให้ยูอันแค่เบาๆ คนที่ไม่มีวรยุทธเช่นยูอัน
ไม่มีทางรอดชีวิตได้แน่
ยูอันเดินเข้ามาหยุดใกล้ๆจางซินถง สายตากวาดไปรอบๆห้องช้าๆ ก่อนจะหยุดที่เทวราชทรงพลัง
ในใจก็หวาดๆ รู้สึกโกรษตัวเองที่เดินออกมาพูดแบบนี้
หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ เราไม่ใช่พระเอกจะได้รอดตายได้ตลอด -*-
แต่ก็ดันปล่อยให้เรื่องเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ต้องเสี่ยงกันดูสักนิด
“ผู้อาวุโส คือเทวราชจอมพลัง ที่มีชื่อเสียงโด่งดังทั่วยุทธภพ ใช่หรือไม่ ” ยูอันคารวะอย่างนอบน้อม
เทวราชทรงพลังรู้สึกแปลกๆเล็กน้อย กวาดตามองก็ทราบทันทีว่าเจ้าหนุ่มคนนี้ ไม่มีวรยุทธแม้แต่น้อย
เมื่อได้รับคำเยินยอ ก็เพียงรู้สึกเฉยๆเท่านั้น แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเจ้าหนุ่มนี่ มันจะทำอะไรของมัน
“เฮอะ ย่อมเป็นเราเอง เจ้าหนุ่มเจ้าอยากเล่นอะไรก็รีบๆแสดง ก่อนชีวิตน้อยๆของเจ้าจะไม่ได้แสดงอะไรอีก”
“แม้ผู้ต่ำต้อย จะเป็นเพียงเด็กรับใช้ แต่ก็เคยได้ยินเรื่องราวต่างๆมาไม่น้อย…” ยูอันกล่าวเสียงนุ่มๆ
ทำเอาบรรยากาศในห้องดีขึ้นไม่น้อย หลายๆคนก็อดตั้งใจฟังไม่ได้ อาจจะยกเว้นคนเดียวคือคุณหนูจาง
ที่ยังร้อนรุ่มเพราะความเป็นห่วง อ๋องไต้อี้ที่สังเกตุเห็น แน่ใจแล้วว่าสหายสนิทของตนเอง ให้ความ ห่วงใย
เด็กรับใช้ในสำนักคนนี้เป็นพิเศษจริงๆ
“การจัดประลองกระบี่ ที่จัดทุกๆสิบปี เพื่อจัดอันดับว่าใครเป็นยอดฝีมือเชิงกระบี่ ครั้งล่าสุดเมื่อ5ปีที่แล้ว
เนื่องจากเทียนซิมไต้ซือและประมุขป้อมมังกรทอง ไม่สามารถชี้ผลแพ้ชนะกันได้
จึงรับตำแหน่งสุดยอดมือกระบี่ร่วมกัน…..มิคาดว่า เทวราชทรงพลังผู้อาวุโส เพียงผู้เดียว ที่ขึ้นไปแสดงฝีมือ
ต่อสู้กับชาวยุทธระดับยอดฝีมือมากมาย สุดท้ายสองสุดยอดมือกระบี่เทียนซิมไต้ซือ
และประมุขป้อมมังกรทอง ร่วมมือกัน ยังไม่สามารถทำอะไรเทวราชทรงพลังผู้อาวุโสได้….”
ยูอันพูดด้วยเสียงนุ่มๆ เว้นจังหวะอย่างเหมาะสม ทำเอาชาวยุทธต่างรับฟังอย่างเคลิบเคลิ้ม ทั้งๆที่เรื่องนี้
ทุกๆคนก็เคยฟังมากันมาก่อนแล้วทั้งนั้น กระทั่งเทวราชทรงพลังเอง ตอนนี้ก็อดยิ้มนิดๆอย่างภาคภูมิใจไม่ได้
รู้สึกดีกับเจ้าหนุ่มนี่ขึ้นมาเล็กน้อย
“ความอาจหาญ และพลังฝีมือที่ลึกล้ำของเทวราชทรงพลังผู้มีอาวุโส ชาวยุทธทั้งหลายต่างกล่าวขาน
เล่าต่อๆกันจนแทบจะเป็นตำนาน หลายๆคนก็ใฝ่ฝันจะได้มีโอกาสได้ชมบารมีของผู้มีอาวุโสสักครั้ง…
รวมถึงผู้ต่ำต้อยด้วย…..
แต่ทว่า คำร่ำลือ อาจจะเป็นเพียงคำร่ำลือ….หากไม่ได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง ไหนเลยจะทราบ..”
ยูอันลากเสียงยาวตอนท้าย ทำเอาเทวราชทรงพลังฉุนขึ้นมา
“เจ้าหนุ่ม เจ้า เจ้าว่า คำร่ำลือตรงไหนที่ไม่ตรงความจริง เจ้าอยากตายจริงๆใช่หรือไม่”
เทวราชทรงพลังตะโกนก้องด้วยความหงุดหงิด กำลังฟังเคลิ้มๆแท้ๆ มันยังกล้าทำให้เราหงุดหงิดขึ้นมาได้
ยูอันไม่สนใจกลับหันไปถามคุณหนูจางว่า
“คุณหนู พอจะทราบหรือไม่ ว่าระหว่าง มารกระบี่ กับเทวราชทรงพลังผู้อาวุโส ใครมีวรยุทธเหนือกว่า ?”
จางซินถง ประหลาดใจไม่น้อย ยังไม่แน่ใจว่ายูอันจะทำอะไร แต่ก็ตอบไปว่า
“ย่อมเป็นเทวราชทรงพลัง มารกระบี่เพียงสู้ได้ก้ำกึ่งกับเทียนซิมไต้ซือเท่านั้น แต่ทว่าเทวราชทรงพลัง
สามารถรับมือเทียนซิมไต้ซือกับประมุขป้อมมังกรทองพร้อมกันโดยไม่พ่ายแพ้…”
หลายๆคนในห้องโถงต่างพยักหน้าตามๆกัน เห็นด้วยในคำตอบของจางซินถง
“เฮอะ เรื่องแค่นี้เด็กทารกยังเข้าใจ “เทวราชทรงพลังสบถ
“ผู้ต่ำต้อย ไม่คิดเช่นนั้น..” ยูอันคัดค้านเสียงดัง ทุกคนหันมามองเป็นตาเดียว
บางคนเป็นห่วง บางคนก็สมน้ำหน้า บางคนก็ถอนหายใจ เจ้าหนุ่มคนนี้ คราวนี้หาเรื่องตายแท้ๆ
สำหรับยอดฝีมือ ศักดิ์ศรี สำคัญกว่าชีวิตมากมายนัก ยิ่งระดับเทวราชทรงพลังด้วยแล้ว
เทวราชทรงพลังโกรษจนหน้าแดง ชี้หน้า ตวาดเสียงดังว่า
“เจ้ามีเหตุผลอะไร รีบพูดมา ไม่เช่นนั้น นี่จะเป็นประโยคสุดท้ายที่เจ้าจะได้พูดแล้ว”
“มารกระบี่ ท้าสู้กับเทียนซิมไต้ซืออย่างเปิดเผย ทุกคนย่อมเห็นกับตา สุดท้ายมารกระบี่ได้ชัย
แต่ก็ได้รับบาดเจ็บ เทียนซิมไต้ซือก็บาดเจ็บไม่น้อย ด้วยอาการบาดเจ็บของไต้ซือตอนนี้
กระทั่งชาวยุทธธรรมดา ก็สามารถเอาชัยท่านได้อยู่แล้ว ….เทวราชทรงพลังผู้อาวุโส
นอกจากจะวรยุทธสูงแล้วยังเปี่ยมไปด้วยปัญญาเป็นเลิศ เลือกช่วงจังหวะได้เหมาะสม
หลังจากวันนี้ชื่อเสียงคงเลื่องลือไปไกล..”
เทวราชทรงพลัง พอฟังก็ถึงกับนิ่งอึ้ง รู้ทั้งรู้ว่า เจ้าหนุ่มนี่มันหลอกด่า แต่ทว่าก็ต้องยอมรับว่ามันมีเหตุผล
จะสังหารทิ้งสะ ก็จะเป็นที่อับอาย เพราะเจ้านี่มันไม่มีวรยุทธ แต่จะปล่อยให้มันลอยนวลไปเฉยๆก็รู้สึกหงุดหงิด
“เฮอะๆ ฝีปากของเจ้าไม่เลว เอาเถอะนับว่า เจ้าพูดมีเหตุผล แต่ทว่า อย่าคิดว่าเราจะปล่อยเจ้าไปง่ายๆ..”
“ผู้ต่ำต้อยเป็นเพียงเด็กรับใช้ในสำนักคุ้มกันภัยเท่านั้น ไม่คู่ควรให้ผู้มีอาวุโสลงมือ แต่ทว่า..หากผู้มีอาวุโส
ต้องการจะแสดงฝีมือให้ชาวยุทธได้ประจักษ์ ไม่ให้ใครๆเอาไปร่ำลือว่า ผู้มีอาวุโสเก่งแต่ท้าสู้กับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ
ผู้ต่ำต้อยพอจะมีวิธี ….”
“วิธีอะไร เจ้ารีบพูดออกมาให้หมด…”เทวราชทรงพลังทั้งหงุดหงิดทั้งโมโห แต่ก็อดสนใจอยากรู้ไม่ได้
“ก่อนอื่น ผู้ต่ำต้อย ขอถามผู้มีอาวุโสสักนิด อาการบาดเจ็บของเทียนซิมไต้ซือ ต้องพักรักษาตัวนานเท่าไหร่
ถึงจะหายเป็นปรกติ ?”
“ไม่ต่ำกว่า 1 เดือน”เทวราชทรงพลังตอบมา
“แล้วมารกระบี่ละ ต้องรักษาตัวนานเท่าไหร่?” ยูอันถามต่อ
“มารกระบี่ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ไม่น่าจะเกิน 10 วัน”
“ขอถามผู้มีอาวุโสอีกนิด ถ้ามารกระบี่เพียงลำพัง สู้กับมารเหินหาว กับมารหัถต์มรณะพร้อมกันเล่า
ฝ่ายไหนจะชนะ ?”
“มารกระบี่ฝีมือลึกล้ำที่สุดในสามมาร แต่อย่างไรก็ดีไม่สามารถชนะมารเหินหาวกับมารหัตถ์มรณะ
ที่ร่วมมือกันได้อย่างแน่นอน” คำวิจารณ์ของเทวราชทรงพลัง ทุกๆคนในห้องโถงไม่มีข้อโต้แย้งต่างพยักหน้างึกๆ
เห็นด้วยไปตามๆกัน
“นั่นก็ใช่แล้ว….”ยูอันโพล่งขึ้น พร้อมกล่าวต่อ
“ดังนั้น ผู้อาวุโสสามารถแสดงฝีมือได้ถึง 3 ทาง โดยไม่กระทบต่อเกียรติภูมิอันเลื่องลือของผู้มีอาวุโส
ทางแรก รออีก1เดือน ให้เทียนซิมไต้ซือ หายเป็นปรกติแล้วมาขอประลอง..”
“เราไม่มีกะใจรอนานถึงขนาดนั้น “เทวราชทรงพลังกล่าวสวนขึ้น
“ทางที่สอง รออีกสิบวัน รอมารกระบี่หายดีแล้วไปขอประลอง ถ้าผู้มีอาวุโสชนะมารกระบี่
ที่ชนะเทียนซิมไต้ซือ ก็แสดงว่าสามารถชนะทั้งมารกระบี่และเทียนซิมไต้ซือ
เป็นการยิงกระสุนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว ประลองครั้งเดียว เห็นผลแพ้ชนะถึงสองคู่
ถ้าหากชนะมารกระบี่ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องมาประลองกับเทียนซิมได้ซือแล้ว..”
หลายๆคนในห้องโถงต่างก็ส่งเสียง อืมๆๆ จริงด้วยๆ เทียนซิมไต้ซือหันไปพยักหน้า
ให้กับยูอันเล็กน้อยอย่างขอบคุณ เพราะเริ่มเข้าใจเจตนาของหนุ่มคนนี้แล้ว
เทวราชทรงพลังเองก็เริ่มจะคล้อยตามยูอันบ้างแล้ว เพราะถึงให้ตบเจ้าหนุ่มนี่ตายคามือ
ยิ่งจะทำให้เสียชื่อเสียงเกียรติภูมิของตัวเองไปเปล่าๆ แต่ก็อดต้องเอ่ยถามไม่ได้ว่า
“แล้วอีกทางหนึ่งละ ?”
“ทางที่สาม สามารถพิสูจน์ได้ในทันที แต่ทว่า ออกจะยากกว่าสองวิธีแรกมากนัก….
กระทั่งเทวราชทรงพลังผู้มีอาวุโส เกรงว่า…..” ยูอันลากเสียงยาว แล้วส่ายหน้าเบาๆ
“เจ้ารีบพูดออกมาาาา !!!!” เทวราชทรงพลังตวาดก้อง
“แค่ผู้มีอาวุโส สามารถชนะมารเหินหาวกับมารหัถต์มรณะ นั่นก็ยืนยันได้ทันทีว่า
ผู้มีอาวุโสเหนือกว่าทั้งสามมารและเทียนซิมไต้ซือ แถมสามารถทำได้ทันที เพราะทั้งสองมาร
ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรสักนิด …แต่การสู้กับสองมารพร้อมกัน…เฮ่อออ…
ผู้ต่ำต้อยว่า ผู้มีอาวุโส รออีกสิบวัน หรือหนึ่งเดือนใช้2วิธีแรกจะปลอดภัยกว่า..”
“พวกเจ้ารอดูก็แล้วกัน !!!!!!” เทวราชทรงพลังตวาดเสียงดังลั่นแล้วหายออกไปจากห้องโถงทันที
ไม่มีใครมองทันว่าใช้ท่าร่างอะไร แค่พริบตาก็หายไปแล้ว เสียงคำรามยังดังแว่วๆมาจากที่ไกลๆ
ยูอันถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก เหมือนเอาชีวิตตัวเองไปแขวนไว้บนเส้นด้ายมางั้น
แต่ก็สำเร็จจนได้……
“เจ้าฉลาดไม่เบานี่… เป็นเพียงเด็กรับใช้ น่าเสียดายๆ…”เสียงเย็นเยียบราวกับออกมาจากหล่มหิมะ
ดังขึ้น …..
ใช่แล้วอีกหนึ่งเทวราชยังอยู่ ….
ตั้งแต่ต้นจนจบเทวราชร้อยพิษไม่ได้เอ่ยปากสักนิด กลับนั่งดื่มกินอย่างเงียบๆ
กระทั่งยูอันที่ใช้สมองไปกับเทวราชทรงพลังมากมาย ก็ลืมนึกถึงอีกหนึ่งเทวราชไป
ห้องโถงกลับเงียบไปอีกครั้ง หลายคนเริ่มเหงื่อแตกโซก เทวราชร้อยพิษไม่เพียงมีพลังการฝึกปรือลึกล้ำ
แต่ทว่ายังเชี่ยวชาญการใช้พิษ แค่ขยับนิ้วนิดเดียว ทุกคนในห้องโถงก็อาจจะถูกพิษเสียชีวิตกันทั้งหมด
เทวราชร้อยพิษลุกขึ้นยืนช้าๆ แหงนหน้ามองเพดานห้องเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรสักอย่าง
นิ่งอยู่อย่างนั้นชั่วอึดใจ จากนั้นเห็นเงาวูบแล้วหายวับ เทวราชร้อยพิษก็หายไปจากห้องโถง
หลายๆคนยังไม่กล้าขยับหรือหายใจแรงๆ ต่างค่อยๆเหลือบมองไปๆมาๆ ว่า
ไปกันหมด แล้วจริงๆใช่มั้ย – – สักครู่ใหญ่ๆ ถึงโห่ร้องด้วยความโล่งอก
บางคนถึงกลับหลั่งน้ำตาออกมา วันนี้เหมือนชีวิตไปวิ่งป้วนเปี้ยนอยู่ตรงประตูยมโลกหลายต่อหลายครั้ง
บางคนก็โผเข้ากอดร่ำไห้ แค่จะมารอดูสาวงามแค่นั้น เกือบเอาชีวิตมาทิ้ง
อ๋องยู่ซัว ได้รับการรักษาจากผู้ติดตามทั้งสองก็อาการดีขึ้นไม่น้อย
แม้จะยังใช้กำลังภายในไม่ได้ แต่ก็พอเดินเหินได้แล้ว จางไท่ที่รับบาดเจ็บเพียงภายนอก
เข้ามาประคองเทียนซิมไต้ซือที่ยังมีอาการน่าเป็นห่วง ยูอันมองภาพในห้องโถงด้วยความโล่งอก
จางซินถง จ้องมองยูอันด้วยความรู้สึกตื้นตัน ปลาบปลื้ม ภาคภูมิใจ ยังไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงห่วง
เด็กรับใช้ในสำนักคนนี้นัก เหมือนในห้วงความคิดของตนเองมียูอันเข้ามาป้วนเปี้ยนๆเสมอๆ
ทั้งๆที่มีฐานะเป็นเพียงเด็กรับใช้ ใบหน้าก็ไม่ได้หล่อเหล่า เหมือนบรรดาชายหนุ่มหลายๆคนที่เข้ามา
พยายามสานสัมพันธ์
อ๋องไต้อี้ ก็เช่นกัน ต้องจ้องมองยูอันอย่างไม่เข้าใจตัวเอง ไม่อาจละสายตาได้
ทำไมเจ้าคนนี้ถึงได้บ้าระห่ำแบบนี้ ไม่มีวรยุทธแท้ๆ -*- แต่รูปร่างที่บึกบึนสูงสง่า
ยิ่งมองก็รู้สึกเพลินตาดีเหมือนกัน ถ้าหน้าตาดีกว่านี้อีกนิด…..โอ้ยย นี่เราคิดอะไร
สาวสวยรีบหยุดความคิดแล้วเข้าไปดูอาการของพี่ชาย
จางไท่ประคองเทียนซิมไต้ซือเข้ามาหายูอัน ชาวยุทธหลายคนก็เดินมาเช่นกัน
อยากเข้ามาชมใกล้ๆว่าเจ้าหนุ่มคนนี้หน้าตาเป็นยังไง ชื่อเสียงอะไร
“อาตมาต้องขอบคุณประสก เป็นอย่างมาก…”
ยูอันรีบหันมาทางเทียนซิมไต้ซือ ไม่ทันจะอ้าปาก ก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาทันที
ร่างล้มลงอย่างรวดเร็ว หมดสติตั้งแต่ยังไม่ล้มถึงพื้น หูได้ยินเสียงแตกตื่นตกใจร้องมาแว่วๆ
“ประสก ประสกๆ” “ยูอัน ”
จางซินถงเข้ามาประคองร่างยูอันไว้ก่อนที่จะกระทบพื้น ใบหน้าของยูอันดูหมองคล้ำลงอย่างน่ากลัว
ลมหายใจแผ่วล้าเหมือนจะขาดใจลงได้ทุกเมื่อ
“พิษ ..พิษ ถูกพิษ….”บางคนที่พอมีความรู้ทางการแพทย์ตะโกนออกมา
ยูอันถูกพิษ อย่างไร เมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ แถมเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ถูกพิษ
“จะทำอย่างไร ทำอย่างไรดี…”จางซินถงตื่นตกใจจนทำอะไรไม่ถูก อ้อมแขนยังประคองกอดยูอันไว้แน่น
+++++++++++++++++++++++++++++++