พี่เจนจอมเฮี้ยบ 4

พี่เจนจอมเฮี้ยบ 4

พี่เจนจอมเฮี้ยบ 4

      ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับพี่เจน พี่สาวจอมเฮี๊ยบของผมดำเนินไปตามทางของมันนะครับ ส่วนใหญ่เราก็ดูตำรากัน
ว่าง ๆ เราก็มาสานสัมพันธ์พี่น้องกัน ด้วยความระมัดระวังครับไม่หักโหม
อย่างหนึ่งก็คือพี่เจนก็ยังเป็นพี่เจนครับ ยังเฮี๊ยบอยู่ คืออย่างไรก็ตามห้ามขี้เกียจ ห้ามเกรดตก
ชีวิตในโรงเรียนของผมก็ไปตามปกติ ทำกิจกรรมบ้าง เล่นกีฬาบ้าง
เพื่อนฝูงกุล่มเดิมที่เฮฮากันอยู่ก็ยังอยู่เกือบครบ คือบางคนก็เปลี่ยนไปกลุ่มอื่น
บางคนก็เข้ามากลุ่มเราที่แปลกหน่อยคือมีเพื่อผู้หญิงคนหนึ่งมาอยู่ในกลุ่มเราด้วยคือ อุมาพร
แต่กลุ่มผมนี่ยังเคร่งเรื่องการเรียนส่วนกิจกรรมดูหนังอย่างว่าก็จะซาๆ ไปแหละครับ
เรียกว่าเกือบจะหมดไปเลย

เหลืออยู่เป็นบางครั้งที่อุมาไม่ได้มาด้วยเท่านั้น
ก็อย่างไรก็ตามยายอุมามันก็เป็นผู้หญิงนี่ครับถ้ามันเป็นกระเทยก็ไปอย่าง
พอพวกเราจับมัธยมก็แยกย้ายกันไปเรียนตามที่ต่าง ๆ
ตามแต่ที่ตัวเอง
ถนัดยายอุมาสอบเข้าเรียนที่เดียวกับพี่เจน (จอมเฮี๊ยบ) เพื่อนคนอื่นก็ไปตามทางน่ะครับ
แต่เราก็ยังคงนัดเจอกันสม่ำเสมอ พักหลัง ๆ ยายอุมาก็หายไปบ่อย ๆ แล้วก็หายไปเลยจนพวกเราขี้เกียจตาม
เพราะอย่างไรยายอุมามันก็เป็นผู้หญิง คงมาร่วมกลุ่มกับพวกเราไม่ถนัดแล้ว
พี่เจนบอกว่ายายอุมาน่ะก็ยังเรียนได้คงเส้นคงวาอยู่
แต่ก็ขยันทำกิจกรรมเพิ่มขึ้นด้วยโดยเฉพาะพวกกิจกรรมพัฒนาชนบท ผมยังฝากพี่เจนไปบอกอุมาว่า
ถ้าจะได้สามีเป็นชาวนาชาวสวนก็เลือกที่หล่อ ๆ หน่อย
อย่าให้เสียชื่อกลุ่มเรา ยายอุมาฝากพี่เจนมาด่าผมอื้อเลย

พอผมจบออกมา พี่เจนกับพี่นกก็จบไปได้สองปีแล้วครับ ต่างคนต่างทำงาน
แต่มีเวลามาให้น้องชายคนนี้ปรนนิบัติอยู่เนือง ๆ จนกระทั่งผมต้องไปทำงานอยู่ที่ชายแดนตามวิชาชีพแหละครับ
เราก็ห่างกันไปบ้าง
ส่วนชีวิตที่ชายแดนก็ไม่มีอะไรหวือหวามากหรอกครับฝั่งโน้นยิงกันตูมตามโครมครามอยู่เนือง ๆ
บางทีก็มีลูกปืนหล่นข้ามมาฝั่งเราบ้าง แต่ก็ไม่บ่อยนัก ที่อยู่อาศัยของผมก็เป็นกระต๊อบมุงแฝกหลังย่อม ๆ
ครับ
ในกระต๊อบมีแคร่ปูไม้ไผ่ไว้เป็นที่นอนและที่นั่งเขียนหนังสือ
โต๊ะก็ใช้ลังต่อจากเศษไม้ที่เอาไว้เก็บของใช้ส่วนตัวแหละครับ มีความสุขตามอัตภาพ
และปลูกอยู่ห่างจากของพวกลูกน้องออกไปหน่อย พวกนั้นจะได้เฮฮากันได้สะดวกใจ

วันหนึ่งก็มีโทรเลขจากหน่วยใหญ่ว่าจะมีกลุ่มอาสาสมัครด้านสุขภาพจะมาผ่านทางด้านที่ผมรับผิดชอบอยู่เข้าไป
ฝั่งโน้น ให้ผมอำนวยความสะดวกให้
ดูตามโทรเลขที่แจ้งมาแล้วก็เป็นอาสาสมัครขององค์กรด้านสาธารณสุขแห่งหนึ่ง
เป็นองค์กรพลเรือนประเภทสาธารณะ พวก NGO
แหละครับและที่จะข้ามไปฝั่งโน้นก็จะไปช่วยเหลือด้านสาธารณสุขฝั่งโน้น

อีกสองสามวันถัดมากลุ่มนี้ก็มากัน 5 คนครับ มีผู้หญิงเป็นหัวหน้ากลุ่ม ที่ผมแทบไม่เชื่อสายตาคือ
ผู้หญิงคนนั้นคือยายอุมานั่นเอง
ผมเห็นยายอุมาทำหน้าเครียด ๆ เลยไม่ทักทาย
แต่ก็ต้องตรวจสอบหลักฐานจำพวกบัตรประจำตัวหนังสือนำจากตัวองค์กร หนังสืออนุญาตข้ามแดน
หนังสือรับรองของสถานกงสุล และลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน
ระหว่างที่นั่งรอนี่ยายอุมานั่งหน้าเครียด คงยังจำผมไม่ได้เพราะผมคล้ำกว่าสมัยก่อน ตัดผมสั้นเกรียน
แล้วเครื่องแบบที่ใส่อยู่มันก็ทึม ๆ ยายนี่คงนึกว่าผมเป็นพวกทหารหัวรั้นทั่ว ๆ ไปกระมังครับ

“คุณจะดูเอกสารอีกนานมั๊ย”
เสียงยายอุมาถามแทรกระหว่างที่ผมพลิกบัตรประจำตัวของพวกเขาคนหนึ่งขึ้นอ่านรายละเอียด
แล้วบันทึกลงสมุดไว้

“ก็จนกว่าจะละเอียดพอแหละครับ” ผมตอบไปทันที
ในหัวนึกแต่ว่าพวก NGO นี่ฝึกคนมาได้เหมือน ๆ กันจริง คือคิดแต่ว่าธุระของพวกฉันสำคัญที่สุด
ฉันไม่สนว่าคนอื่นจะมีงานมีหน้าที่อะไรทั้งสิ้น พวกฉันทำงานให้ประชาชน ดังนั้นคนอื่น
ๆจะต้องอำนวยความสะดวกให้ฉัน

“ดูเป็นชาติ ชาติ” บ่นเสียงเบาลง
“เมื่อไรชั้นจะได้ไปทำงานของชั้นซะทีล่ะ”

“ก็จนกว่าผมจะตรวจสอบเสร็จเรียบร้อยแหละ”
ผมเงยหน้าขึ้นสบตาอุมา ตอบกลับห้วนพอ ๆ กัน

“ไม่รู้จะตรวจอะไรหนักหนากัน น่าเบื่อ”

“ก็ตรวจจนกว่าจะรู้ว่า
ถ้าเกิดพวกคุณไปตายฝั่งโน้นแล้วผมจะติดต่ออะไรกับใครได้บ้างแหละ”

“เอ๊ะ ..” เสียงเริ่มเขียวขึ้นมา “พูดยังงี้
หมายความว่ายังไง”

“คุณมีงานของคุณ ผมก็มีงานของผม” ผมตอบสวนกลับ
แล้วก้มลงบันทึกต่อ พยายามซ่อนยิ้มไว้ให้แนบเนียน
อุมานั่งหน้าหงิกไม่พูดไม่จาต่อ
“คุณผ่านเข้าไปตามทางที่เห็นนั่น”
ผมชี้ให้อุมาดูแนวถนนที่เธอจะต้องพาพวกผ่านไป
“คุณต้องกลับออกมาก่อน 5 โมงเย็น”

“นายจะบ้าเหรอไง 5 โมงเย็น ชั้นจะทำงานได้แค่ไหน”

“คุณมีเวลาที่นี่เป็นเดือน คงทำได้เยอะอยู่หรอก
แต่ผมมีหน้าที่ควบคุมช่องทางนี้ หลัง 5 โมงเย็นเราจะปิดช่องทาง ถ้าคุณไม่มาก็ต้องค้างฝั่งโน้น”
ผมตอบเรียบ ๆ แต่แทบจะกลั้นยิ้มไม่อยู่

“แล้วตอนนี้เกือบสามโมงแล้ว พวกชั้นจะกลับมาทันยังไง”

“ก็ยังไม่ต้องไปซิ” ผมเงยหน้าขึ้นจ้องตาอุมา
ตาคู่นั้นถึงจะฉายแววโมโหแต่ก็ยังคงมุ่งมั่นเหมือนเดิม

“บ้าเอ๊ย… ทำงานกันยังงี้โลกมันถึงไม่เจริญซะที”
อุมากระแทกเสียงใส่ หน้าหงิกเต็มที่ หน้าตาแบบนี้พวกเรารู้ดีว่ายายอุมากำลังจะตบะแตก
แต่แล้วก็ชะงักเมื่อผมหัวเราะออกมาเพราะกลั้นไม่อยู่อีกแล้ว
“บ้าเหรอ”

“ไม่หรอก อุมา นายนี่ ยังไม่เลิกเฮี๊ยวอีกเหรอ”
ผมตอบกลั้วหัวเราะ

“นี่นาย อย่ามาทำตีสนิท ชั้นไม่ใช่เพื่อนเล่นนาย”
ถึงคิ้วหนาดำจะขมวดแต่เสียงก็อ่อนลง สายตากวาดมาหยุดที่ป้ายชื่อหน้าอกเสื้อของผม “นาย…
เอง.. ไอ้โจ.. มาทำอะไรอยู่ที่นี่”

“เออ.. นายนี่ไม่ดูตาม้าตาเรือเหมือนเดิม” ผมหัวเราะ
มองไปเห็นพวกของอุมามองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“ชั้นก็มาทำงานซิวะ”

“นี่ชั้นจะข้ามไปได้หรือยังล่ะ” อุมายังไม่เลิกละ

“วันนี้ไม่ได้แล้ว พวกนายกลับมาไม่ทันหรอก
คืนนี้ค้างนี่แหละ เดี๋ยวเลี้ยงข้าว พรุ่งนี้เช้าค่อยไปจะให้คนไปส่ง” ผมตอบแล้วเอนหลังพิงเก้าอี้

“บ้าเอ๊ย นี่นายจะหยวน ๆ เพื่อนหน่อยไม่ได้เหรอ”
อุมาขยับเข้ามาชิดโต๊ะ ผมจึงสังเกตอุมาได้ถนัดขึ้น อุมาคล้ำกว่าเดิมบ้างคงเป็นเพราะงานของเธอ
ตัดผมบ๊อบสั้นอย่างที่เคยบอกว่าดูแลง่ายดี แต่นัยตายังคงมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้เหมือนเดิม

“ไม่มีทางหรอก ช่วงนี้ฝั่งโน้นอันตราย
ชั้นไม่ให้นายไปค้างหรอก เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยไป”
ผมตอบแล้วหันไปบอกลูกน้องให้พาเพื่อนของอุมาไปหาที่พัก ก็เบียด ๆ กันในกระต๊อบของลูกน้องของผมเอง
แล้วลุกขึ้นคว้ากระเป๋าอุมาเดินไปที่กระต๊อบของผม ระหว่างทางแวะสั่งโรงครัวให้เพิ่มอาหารสำหรับกลุ่มของ
อุมาด้วย พอถึงผมกวาดของของผมไปข้าง ๆ แล้ววางกระเป๋าอุมาลงบนเตียง
“คืนนี้นายนอนนี่ กระต๊อบชั้น ปลอดภัยแน่นอน”

“แล้วนายไปนอนไหน”
อุมาถามตอนที่เบียดผ่านตัวผมเข้าไปนั่งบนเตียง หน้าอกใต้เสื้อเบียดกับหน้าอกผม ถึงได้รู้ว่าจริง ๆ
แล้วสิ่งที่อยู่ในเสื้อตัวโคร่งนั่นก็ไม่เบาเหมือนกัน

“ไม่ต้องห่วงชั้นหรอก” ผมตอบสบาย ๆ
“ห้องน้ำอยู่ข้างหลังนะ”

อาหารมื้อเย็นจัดตามปกติของพวกเรา พวกของอุมาพรมานั่งกินกับผม
ระหว่างอาหารพวกนี้ซักถามเรื่องฝั่งโน้นกันแทบตลอดเวลา ผมก็อธิบายให้พวกเขาเข้าใจ
รวมทั้งเหตุที่ผมต้องจดบันทึกรายละเอียดต่าง ๆ ด้วย
อุมาสวมกางเกงยีนส์เสื้อยืดค่อนข้างหนาแต่ก็ยังเห็นได้ว่าไอ้ที่เธอเอามาเบียดผมตอนบ่ายนั่นไม่ใช่เล็ก ๆ
ส่วนที่ผมเบาใจคือทั้งกลุ่มกินง่าย ๆ และกระตือรือร้นที่จะทำงาน
หลังอาหารก็แยกย้ายกันไปตามกระต๊อบที่จัดให้นอน
ผมเดินไปส่งอุมาที่กระต๊อบ

“นายไปนอนไหนล่ะ โจ” อุมาพรหันมาถาม

“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า” เรานอนยังไงก็ได้ นายนอนสบาย ๆ เถอะ”

“แต่แหม..” อุมาพรทำหน้าอึดอัด
“เรามายึดกระต๊อบนายนี่นะ”

“หรือจะให้เรานอนด้วยล่ะ” ผมตอบกวน ๆ ด้วยความเคยปาก
“ไม่รับประกันความประพฤตินะ”

อุมานิ่งไปนิดหนึ่ง “ดีซิโจ นอนกับเราก็ดี แถว ๆ นี้น่ากลัวเหมือนกัน”

ผมเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ
“นายทำงานอย่างนี้ยังกลัวเหรอ”

“ปกติเราอยู่กันทั้งกลุ่มน่ะ แต่แยกมานอนโดด ๆยังงี้ไม่เคยนะ
แล้วที่นี่ก็ทั้งมืดทั้งเงียบด้วย”

“นายไม่กลัวเราปล้ำเอาเหรอ” ผมถามต่อ

“ไอ้บ้า จะนอนหรือเปล่า” เสียงเริ่มเขียว
ดูเหมือนผมจะเห็นว่ายายอุมาพรหน้าแดงด้วย

“ก็ได้ งั้นเดี๋ยวเราอาบน้ำก่อน”
ผมผลุบเข้าไปเอาเสื้อผ้าและขันน้ำออกมา อ้อมไปอาบน้ำในซุ้มที่ปลูกไว้ด้านหลัง

“นายมาอยู่นานหรือยังน่ะ โจ” อุมาถามจากในกระต๊อบแสงเทียนที่จุดข้างในวับแวมลอดออกมา

“ปีกว่าแล้ว ” ผมตอบขณะที่ฟอกสบู่แรง ๆ อากาศหัวค่ำเริ่มจะเย็น ตามปกติของที่นี่
ยิ่งเราอยู่ในป่าแล้วอากาศจะเย็นเร็ว ถึงจะเป็นกลางหน้าร้อนก็ตาม
“เออ พักหลัง ๆ นายไม่ได้มางานนัดพบเลยนี่อุมา ไปทำอะไรที่ไหนล่ะ”

“ก็ทำกิจกรรมน่ะ แล้วเราก็ทำงานด้วย
พวกเราสบายดีเหรอ…”

“ฮื่อ.. มีเราคนเดียวที่ออกมาอยู่อย่างนี้ ”
ผมเริ่มเช็ดตัว เสียงอุมาพรเงียบไป แต่ทำอะไรกุกกักอยู่ในห้อง สวมกางเกงแบบตังเกที่ใส่นอน
กับเสื้อยืด “นายทำอะไรอยู่น่ะ โป๊หรือเปล่า”

“เข้ามาเหอะ ถ้าอยากดูเดี๋ยวจะแก้ให้ดู”
อุมาตอบกลั้วหัวเราะ ผมเข้าไปเห็นอุมานอนอยู่บนแคร่ เปลี่ยนกางเกงยีนส์เป็นกางเกงตังเกเหมือนผม
แต่ยังสวมเสื้อยืดตัวเดิม ผมเอาผ้าเช็ดตัวกับชุดที่ใส่วันนี้พาดราวอีกด้านไว้
ชุดชั้นในของอุมาพาดอยู่ราวล่างที่ผมขึงไว้สำหรับตากกางเกงในกับถุงเท้า
คะเนด้วยสายตาจากขนาดเสื้อชั้นในแล้วถันของอุมาพรคงอวบอัดและขนาดเกินตัวทีเดียวผมรูดซิปผ้าตู้พลาสติกสำห
รับใส่เสื้อผ้า ค้นเอาหมอนพลาสติกมาเป่าลมจนได้ที่
แล้วดึงเอาผ้าขนหนูผืนใหญ่ออกมาอีกผืนอุมาพังพาบเอามือเท้ามองดูผมทำเงียบ ๆ
ผมหันไปยิ้มให้แล้วเอาผ้าใบมาปูพื้นก่อนโยนหมอนเป่าลมไปกอง
“นายจะนอนนั่นเหรอ” อุมาถาม

“อ้าว..” ผมร้อง “แล้วนายจะให้เรานอนเบียดเหรอ”
ผมย้อนถามเพราะขนาดแคร่ที่ผมทำนั่นถึงจะเผื่อไว้สำหรับนั่งทำงานได้ แต่ถ้าจะนอนสองคนก็ต้องเบียด ๆ
กันหน่อย

“ก็ได้ โจ อย่านอนข้างล่างเลยนะ ”
อุมาตอบแล้วขยับตัวเข้าด้านใน
“ทำให้เรารู้สึกเหมือนมาทำให้นายลำบาก”

“คิดมากไปได้” ผมพูดเบา ๆ “ก็ได้
“ผมตอบแล้วหยิบหมอนขึ้นแคร่ “นายนอนได้แล้วล่ะ
พรุ่งนี้จะต้องเดินอีกไกลเหมือนกัน” ผมบอก
อุมาพยักหน้าแล้วล้มตัวลงนอน ผมเป่าเทียนดับลงทำให้กระต๊อบมืดแทบจะสนิท
ด้านนอกมาเสียงคนพูดคุยกันงึมงำแว่ว ๆ มาตามลมปนด้วยเสียงเรไรและจักจั่น ผมเอนตัวลงนอน
จัดหมอนให้เข้าที่ แล้วหลับตา
ครู่ต่อมาเสียงหายใจของอุมาก็ราบเรียบสม่ำเสมอแสดงว่ายายอุมาหลับสนิทไปอย่างรวดเร็ว…

ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกว่ามีของหนัก ๆ
พาดมาบนหน้าอก ข้างนอกเงียบสนิทไม่มีอะไรผิดปกติ
กลิ่นหอม ๆ
ที่โชยเข้าจมูกทำให้ผมลืมตาหันไปมองมองอุมาที่นอนตะแคงหันหน้ามาทางผม
แขนข้างหนึ่งพาดขึ้นมาบนหน้าอกของผม ผมขยับตัวยกมือขึ้นดูนาฬิกา อุมาก็สะดุ้งตื่นดึงแขนกลับไป
ผมขยับตัวนอนตะแคงหันไปทางอุมา
อุมาเลิกคิ้วโก่ง ๆ ของตัวเองเหมือนจะถาม

“ไม่มีอะไร เพิ่งห้าทุ่ม” ผมบอกเบา ๆ แล้วหลับตาลง

“โจ.. หนาวจัง.. กอดหน่อยนะ” อากาศเย็น ๆโชยเข้ามาตามร่องไม่ไผ่
อุมาพูดแล้วขยับตัวเข้ามากอดผมไว้หลวม ๆ กลิ่นกายของอุมาหอมกรุ่นชัดเจนในจมูกผม
ผมลืมตาขึ้นสบตากับดวงตาใส ๆ ของอุมา

“อุมา..” ผมพูดขึ้นอย่างไม่รู้จะพูดอะไร
อุมาเลิกคิ้วเห็นราง ๆ
ปทุมถันอวบใหญ่ครัดเคร่งของอุมาเบียดเข้ากับแผงอกของผมเบา ๆ ทำเอาเลือดฉีดไปทั่ว
เจ้าหนูที่เมื่อครู่นอนสงบเสงี่ยมเริ่มกระดุกกระดิก
“ไม่ดีมั๊ง เราไม่ใช่พระอิฐ พระปูน นะ อุมา”

“เรารู้ ” อุมาตอบเบา ๆ แล้วเงียบไปอึดใจใหญ่ แล้วอุมาก็ขยับเข้ากอดผมแน่นขึ้น
“โจ.. แม่อยากให้เราแต่งงาน เราไม่อยากแต่งกับคนที่แม่หาให้”

“ทำไมล่ะ” ผมตอบงง ๆ

“ไม่รู้ซิ.. เราไม่ชอบ แม่บอกว่าเขามีบุญคุณ เราต้องแต่ง” ผมเงียบอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี
อุมาก็เงียบไปพักหนึ่งก่อนจะพูดต่อ
“เรารู้ว่าเขาช่วยพ่อกับแม่เพราะหวังจะได้ตัวเรา..
เราคงขัดพ่อกับแม่ไม่ได้ อย่างน้อยเราก็เรียนจบมาด้วยเงินที่เขาให้มานี่แหละ …
โจ ช่วยเราหน่อยได้มั๊ย”

“ช่วยได้ซิ อุมา เราเพื่อนกันนะ
ถ้ายังไงเดี๋ยวเราจะบอกพวกเราให้ เรารับรองเลย…..”
ผมตอบไม่จบเพราะมือของอุมายกขึ้นมาปิดปากผมไว้ก่อน

“ไม่ใช่ ….. โจ เป็นผู้ชายคนแรกของเราได้มั๊ย”

“เฮ้ย.. อุมา นายบ้าหรือเปล่า” ผมร้อง

“ไม่บ้าซิ” อุมาตอบ ตาจ้องตาผมเขม็ง “นะ โจ.. ”

ผมมองเข้าไปในดวงตากลมใสของอุมา “นายแน่ใจเหรอ อุมา”
อุมาพรพยักหน้าตอบ แล้วยื่นหน้าเข้ามาหอมแก้มผมเบา ๆ

“แน่ นายคงไม่ปฏิเสธเราหรอกนะ” อุมาพูด

“ใช่ เราไม่เคยปฏิเสธ” ผมรับคำแล้วค่อย ๆ
กดริมฝีปากผมลงกับปากอิ่มของอุมา

อุมาพรสะดุ้งเมื่อริมฝีปากเราสัมผัสกัน กลั้นลมหายใจเม้มปากนิ่งเมื่อริมฝีปากของผมเคล้าเคลีย
อยู่กับริมฝีปากของเธอ แล้วริมฝีปากคู่นั้นก็เผยอออกรับจูบจากผมช้า ๆ
ผมขยับทรงตัวสอดแขนข้างหนึ่งลอดใต้ตัวอุมาไป แล้วกระหวัดร่างอวบของเธอเข้ามาในอ้อมกอด
เนื้อปทุมถันก้อนใหญ่บดเข้ากับหน้าอกแข็งแรงของผม
มืออีกข้างของผมลูบไล้ไปตามไหล่ หลังของอุมาเบา ๆ
ลมหายใจของอุมาร้อนผ่าวหอมกรุ่นโชยออกมาปะทะกับใบหน้าของผมเป็นระยะ ปนกับเสียงครางในลำคอ
ผมส่งปลายลิ้นออกไปกระทบกับริมฝีปากของอุมา
อุมาเม้มริมฝีปากอีกครู่หนึ่งก่อนที่จะค่อย ๆ
คลายออกปล่อยให้ปลายลิ้นนุ่มของผมผ่านเข้าไปปัดป่ายที่ไรฟันและลิ้นเล็ก ๆ ของอุมา
มือที่ลูบไล้หลังของอุมาค่อย ๆ ลูบไล้เนินสะโพกหนั่นสอดผ่านชายเสื้อยืดเข้าไปจนถึงขอบกางเกง
สัมผัสกับผิวราบลื่นหนั่นแน่น อุมาถอนใจเมื่อมือของผมไต่ไล้ตามสีข้างเนียน

ริมฝีปากผมละจากริมฝีปากอวบอิ่มหอมกรุ่นของอุมาแล้วไต่เดียะไปจูบปลายจมูกเชิด ไต่ไปตามสันจมูก จูบเบา ๆ
บริเวณเปลือกตาแล้วลงมาจามพวงแก้มอิ่ม
ในขณะที่มือผมลูบไล้ไล่ขึ้นมาตามสีข้างจนถึงด้านข้างของถันคู่ที่เบียดหน้าอกของผม
สัมผัสบอกว่าอุมาปลดเสื้อชั้นในออกไปแล้ว
เพราะนิ้วมือของผมสัมผัสกับความอวบหยุ่นแต่ครัดเคร่งของฐานเนินถันได้อย่างถนัดถนี่
ผิวเนื้อกายอุมาราบลื่นตึงเต่ง ปากของผมก็ทำงานไล่ลงมาจูบซุกไซ้อยู่ข้างลำคอระหง
อุมาทอดถอนหายใจเอียงคอรับสัมผัสจากริมฝีปากของผม นัยตาทั้งคู่หลับพริ้ม เป่าปากเบา ๆ ผมไซ้รอบ ๆ คออุมา
ดอมดมกลิ่นกายสาวไปพร้อมกับมือข้างที่อยู่ในเสื้อแผ่ออกนวดคลึงอยู่บริเวณฐานถันนุ่มมือ

ผมขยับดึงแขนออก แล้วจัดการกับเสื้อยืดของผมจนพ้นตัวออกไป อากาศเย็นชื่นปะทะกับแผงอกของผม
กางเกงตังเกตัวหลวมหลุดออกไปกองทับเสื้อยืดบนพื้นเป็นอันดับต่อมา จากนั้น ผมค่อย ๆ
เลิกชายเสื้ออุมาขึ้น
พอชายเสื้ออุมาพ้นของกางเกงตังเกที่เธอสวมอยู่
ผิวกายนวลเนียนก็พ้นจากสิ่งกำลังมานวลเด่นในแสงวับแวมจากดวงจันทร์เบื้องนอก
ผมดันเสื้อยืดออกไปทางศรีษะอุมา แต่ใบหน้าผมลดลงประทับจูบลงตรงหน้าท้องแบนราบแผ่วเบา
อุมาสะดุ้งแขม่วท้องเกร็งพร้อมกับส่งเสียงในลำคอ
ผมจูบไล่ขึ้นมาตามแนวกลางหน้าท้องตามชายเสื้อยืดที่กำลังร่นขึ้นไป
จนกระทั่งแก้มสองข้างแทรกสัมผัสกับถันอวบใหญ่ของอุมา
ผมใช้ท่อนแขนสองข้างกอบเอาเต้าทั้งคู่ขึ้นมาแนบกับใบหน้าของผม
ในจังหวะที่อุมาดึงแขนลงพ้นจากเสื้อแล้วยกศรีษะขึ้นให้ผมผลักเอาเสื้อยืดตัวนั้นพ้นออกไป
ผมทาบตัวลงไปจูบอุมาอีกครั้ง
หน้าอกแข็งแรงราบเรียบทาบทับลงไปบนถันอวบใหญ่ของอุมา เม็ดเนื้อปลายยอดเขม็งตัวบดบี้กับหน้าอกของผม
เต้าอวบทั้งคู่โดนอกแข็งของผมเบียดจนเนื้อนุ่มแบนราบล้นทะลักออกด้านข้าง
มือข้างหนึ่งของผมลูบไล้หน้าท้องแข็งแรง แล้วมาหยุดอยู่ที่ปมเชือกที่รัดเอวกางเกงเอาไว้

“อุมา…” ผมกระซิบข้างหู “แน่ใจหรือเปล่า…”

อุมาไม่ตอบแต่ลืมตาขึ้นจ้องตาผมแน่วแน่ พยักหน้าช้า ๆ แล้วผงกศรีษะขึ้นมาประกบริมฝีปากกับผม ผมจูบตอบ
แล้วดึงเงื่อนเชือกคลายออกแล้วขยับขอบกางเกงให้คลายกว้าง
มือผมลูบไล้ลงไปที่หน้าท้องแล้วลูบลงไปจนกระทบกับขอบดงป่าขนระหว่างง่ามขาของอุมา
นิ้วมือเสยสอดผ่านดงขนหนานุ่มจนปลายนิ้วกระทบขอบร่องเนินเนื้ออูมที่ประกบกันอยู่
ท่อนขาของอุมาบีบเข้าหากันจนมือผมไม่สามารถแทรกต่อได้จึงวนนิ้วมือตรงยอดรอยประกบเบา ๆ
หยาดน้ำเหนียวอุ่นซึมขึ้นมาตามรอยแยกจนชุ่ม ริมฝีปากวนเวียนอยู่ที่รอยป้านของถันอล่างของอุมา
ปลายลิ้นปาดแผ่วที่ติ่งเนื้อปลายถันที่ลุกรัดตัวชูชัน ท่อนเนื้อของผมเองก็เบ่งพองเต็มที่จนผงกอยู่หงึก

ผมฟอนเฟ้นสองเต้าถันนั้นด้วยความตื่นเต้น มันเป็นถันคู่ใหญ่ที่สุดที่ผมเคยเจอ
น้ำหนักของมันกดลงจนเนื้อฐานล้นออกด้านข้าง
เมื่อฝังหน้าลงบนเนื้อนั้นใบหน้าทั้งหมดก็แทบจะฝังจมลงบนเนื้ออวบนุ่มครัดเคร่งปายป้านขนาดค่อนข้างใหญ่รอ
งรองติ่งเนื้อเล็กจิ๋วที่โดนผมเม้มจนลุกชูชันปลายนิ้วที่วนเวียนอยู่ที่ร่องอวบอูมเปียกลื่นไปด้วยหยาดน้ำ
เหนียวที่หลั่งออกมาจากโพรงหลืบเนื้อ ท่อนขาที่บีบแน่นนั้นก็ค่อย ๆ
คลายออกจนมือผมสามารถคืบหน้าต่อไปไล้ไปมาอยู่ที่ขอบเนินเนื้อที่ประกบกันอยู่อย่างแผ่วเบา
อุมาบิดสะโพกไปมาเหมือนจะให้เนินนูนนั้นพ้นจากนิ้วที่ลูบไล้ มือข้างหนึ่งยกขึ้นมากุมศรีษะผมและไล้ไปมา
พลางเป่าลมออกจากปากเป็นระยะ

“โจ..จ๋า.. เสียว… ” เสียงครางแผ่ว ๆ “อูยยย..”

ผมเริ่มไซ้จากปลายยอดเต้าอวบลงไปยังฐานล่างที่หนั่นแน่น
จูบสลับใช้ลิ้นฉกตวัดแผ่วเบา
หน้าท้องอุมาแบนราบเนียนลื่นจนทำให้ผมซุกไซ้อยู่พักใหญ่ก่อนที่จะเลื่อนลงไปตามลอนท้องที่แขม่วเป็นลอนตาม
จังหวะที่ปลายลิ้นฉกโดนร่างอวบอัดบิดไปมา
มือที่อยู่บนศรีษะผมบางลูบไล้ด้วยความรัญจวนใจ
ปากและจมูกของผมเลื่อนไหลลงไปถึงขอบพงขนดกสลวยที่ปกคลุมปากถ้ำไว้มิดชิด
กลิ่นหยาดน้ำเหนียวหอมกรุ่นโชยเข้าจมูกผมจนรู้สึกว่าท่อนเนื้อผมเบ่งขยายออกไปได้อีก
ปลายลิ้นของผมโลมเลียพงขนดกไปจนถึงบริเวณที่กลีบเนื้อนูนหนั่นประกบกันแล้ววนรอบจุดนั้น
อุมาบิดสะโพกด้วยความเสียว
ยกมืออีกข้างขึ้นประคองถันตนเองไว้ หอบหายใจแรง
ปลายลิ้นของผมทำงานต่อไปด้วยการสอดแทรกลงไประหว่างกลีบเนื้อนูนชุ่มฉ่ำ
ตวัดปาดไปด้านข้างของกลีบเนื้อทั้งสองข้าง
สะโพกของอุมาเกร็งแอ่นขึ้นจนโหนกนูนลอยเด่นอยู่กลางแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามารำไร
นูนเนินเนื้อที่ประกบกันสนิทโดนลิ้นผมชำแรกผ่านลงไปจนกระทบกับติ่งเนื้อชิ้นที่ขมวดเขม็งอยู่ภายใน
ผมเม้มติ่งเนื้อนั้นด้วยริมฝีปาก แล้วฉกปลายลิ้นลงจี้ไปบนติ่งเนื้อนั้น

“อ๊า……….” เสียงอุมาอุทานออกมาทันทีทันใดแล้ว
สะโพกอุมาก็แอ่นหยัดขึ้นเต็มที่ บดกลีบเนินนูนและติ่งเนื้อเข้ากับริมฝีปากของผม
ปากจิ้มลิ้มอ้าออกกว้างเหมือนจะไล่หาอากาศ ร่างเกร็งหยัก มือกดศรีษะของผมลงกับเนินเนื้ออวบอิ่มแน่น
ปลายเท้าจิกลงกับพื้นแคร่ ทั้งร่างสั่นสะท้านเฮือก ๆ แล้วเกร็งระริก ครู่ต่อมากจึงค่อย ๆ
คลายลงราบกับพื้นแคร่อีกครั้งหนึ่ง
อ้าปากหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย ก้มลงมาสบตาผม
นัยตาหวานฉ่ำเป็นประกาย “โจ.. โอย.. ดีจัง..”

Share the Post:

Related Posts

ครูคะ ไหนบอกจะหางานพิเศษให้หนูทำไง?

เรื่องเสียว ครูคะ ไหนบอกจะหางานพิเศษให้หนูทำไง? บางครั้งคนเราก็ไม่มีทางเลือกให้ชีวิตมากนัก เรื่องที่เกิดกับหนูก็เหมือนกัน เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น เวลาคิดถึงก็เสียวขึ้นมาทุกที แม้ว่าอีกใจหนึ่งจะรู้สึกผิดที่แอบไปมีเพศสัมพันธ์กับครู ถึงจะเกิดจากความเต็มใจหรือไม่ก็ตาม ไปฟังกันดีกว่าค่ะ บอกไว้ก่อนเลยว่าเรื่องนี้เสียวมากๆ อย่าเผลอชักว่าวเสร็จก่อนจะอ่านจบนะคะ หนูชื่อพลอยค่ะ เรียนอยู่ ม.5 แล้ว กำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่หนูไม่ได้มีครอบครัวที่รวยอะไรมากมายค่ะ ทุกครั้งที่ปิดเทอมจะออกไปหางานทำตลอด ส่วนมากก็จะเป็นเด็กเสิร์ฟบ้าง

Read More

เป็นชู้กับผัวป้า

เรื่องเสียว เป็นชู้กับผัวป้า สวัสดีค่ะ ชื่อเปรี้ยวนะคะ เปรี้ยวเป็นเด็กวัยรุ่น อายุประมาณ 20 ต้นๆ กำลังแตกเนื้อสาว เปรี้ยวเป็นคนนมใหญ่มาก เวลาไปไหนผู้ชายส่วนใหญ่ชอบหยุดมองนม มองอยู่นานสองนานจนเมียเขาต้องดึงมือออกไป เปรี้ยวอาศัยอยู่กับป้า ในบ้านมีอยู่กัน 3 มีเปรี้ยว ป้า และผัวป้า ส่วนลูกสาวของป้าส่งไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เล็กๆ ป้าเพิ่งจะอายุ

Read More