เจาะเวลาหาฉิมพลี(ภาคยุทธจักร)-ตอนที่ 5
ยูอันเดินทางออกจากถ้ำ ผ่านน้ำตก เข้าสู่บริเวณบึงมังกรดำ จากนั้นไม่นานก็เข้าสู่บริเวณตัวเมือง
บรรยากาศในบ่ายๆวันนี้ดูคึกคักมากกว่าปรกติ ผู้คนเดินคุยกันเสียงจอแจ หลายคนแต่งกายด้วยชุดสวยงามเป็นพิเศษ
เมื่อมาถึงสำนักคุ้มกันภัย ยูอันก็ถึงบางอ้อ ในสำนักตบแต่งอย่างสวยงามด้วยดอกไม้ และผ้าสีสวยสด
มีแขกเหรื่อหลายคนเดินทางเข้ามาเป็นระยะๆ ที่แท้ วันนี้เป็นวันเกิดของ จางไท่ เจ้าของสำนักคุ้มกันภัยนี่เอง ใช่แล้ว เราหายไปถึงสามวันแล้วนี่นา
ยูอันอ้อมเข้าไปทางประตูหลังสำนัก ทางด้านหลังก็จอแจ วุ่นวายไม่แพ้ด้านหน้า เมื่อบรรดาพ่อครัว
ทั้งหลายต่างปรุงอาหารกันโกลาหล สาวใช้หลาย
คนก็ยกอาหารออกไป บางคนก็ยกกลับเข้ามาล้างทำความสะอาด
“ยูอัน ! เจ้าหายหัวไปไหนมา..” เสียงต้าเฉียงหัวหน้าพ่อครัวที่สนิทสนมกับยูอันส่งเสียงเรียกขึ้น
“…พอดี….”ยูอันกำลังอ้ำอึ้ง ไม่รู้จะตอบยังไงดี ต้าเฉียงก็ถูกดึงตัวเข้าไปวุ่นวายในครัว ยูอันเลยถือโอกาสปลีกตัวเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องพัก เสื้อผ้าที่ใส่มาทั้งวันไม่มีกลิ่นเหม็นแต่กลับมีกลิ่นหอมอ่อนๆ นี่คงเพราะเหงื่อกลิ่นพิเศษนั่นเอง
…………………………………………………………………………………………….
สถาณที่จัดงานวันเกิดของจางไท่ แบ่งเป็น 2ส่วน คือบริเวณห้องโถงใหญ่ของสำนัก
และบริเวณลานฝึกวรยุทธด้านหน้าห้องโถง
แขกทั่วๆไป ถูกนำไปนั่งที่โต๊ะบริเวณลานฝึกยุทธ ซึ่งมีโต๊ะถูกจัดเตรียมเอาไว้
มากกว่า 60 โต๊ะ ส่วนด้านในห้องโถงใหญ่ จะเป็นที่สำหรับแขกผู้มีชื่อเสียง
หรือสนิทสนมกับจางไท่เป็นพิเศษ
แขกที่มาร่วมอวยพรวันเกิดจางไท่ นับว่ามากมายจนแออัดเลยทีเดียว
เนื่องจากเป็นผู้ประกอบอาชีพคุ้มกันภัย ทำให้มีผู้คนรู้จักมากมาย แต่อีกส่วนหนึ่ง
ที่มาก็เพราะต้องการจะชมความงามของ สะคราญลี่เจียงจางซินถงนั่นเอง
ดังนั้นแขกที่มางานจึงเต็มไปด้วยชาวยุทธหนุ่มๆมากมาย และต่างก็พากัน
พยายามเข้าไปอยู่ภายในห้องโถงใหญ่ มาตรว่าไม่ได้นั่งโต๊ะที่จัดไว้ ก็ขอยืน
อยู่ภายในก็ยังดี เพื่อที่จะได้มีโอกาสยลโฉมคุณหนูจางนั่นเอง
“ฮ่าๆๆๆ ขอบคุณทุกท่านๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ” จางไท่ เดินหัวเราะเข้ามาในห้องโถง
พร้อมกล่าวขอบคุณด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม กวาดตามองไปรอบๆเห็นชาวยุทธมากมายเต็มห้องโถง
และยิ่งเห็นแขกสำคัญ หลายคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ ก็ต้องรีบเดินเข้าไปทักทายทีละโต๊ะๆ
โต๊ะทางด้านขวา มีตัวแทนจากเส้าหลิน เทียนซินไต้ซือ นำศิษย์เส้าหลินร่วมเดินทางมาอีก 4 รูป
เทียนซินไต้ซือ เป็นหัวหน้าตึกวินัยของเส้าหลิน มีวรยุทธสูงเยี่ยม ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความเมตตา
ชาวยุทธทั้งนับถือ ทั้งยำเกรง
ส่วนโต๊ะถัดไปเป็นชายหนุ่มอายุประมาณ 23-24 ใบหน้างามสง่า สวมชุดสวยงามที่ปักเย็บอย่างดี
นั่งร่วมกับชายอายุ 40-45 อีก 2 คน ดูก็รู้ว่า ชายหนุ่มนั้นมีศักดิ์เป็นเจ้านาย ส่วนชายกลางคนทั้งสอง
เป็นผู้ติดตาม หลังจางไท่ทักทายแขกจากเส้าหลินแล้ว ก็รีบเดินเข้ามายังโต๊ะนี้ทันที
“สำนักคุ้มกันภัยเล็กๆของเรา มีเกียรติอะไร ให้คุณชายเดินทางมาด้วยตัวเอง…”
จางไท่ทักทายอย่างยิ้มแย้ม ชายหนุ่มรีบคารวะตอบ แล้วเอ่ยเสียงกังวานว่า
“ท่านเจ้าสำนักอย่าได้กล่าวเช่นนี้ ผู้เยาว์ในนามของป้อมมังกรทอง ขอเป็นตัวแทนของท่านพ่อ
อวยพรให้ท่านเจ้าสำนักสุขภาพร่างกายแข็งแรง กิจการรุ่งเรืองยิ่งขึ้นๆ ”
เสียงฮือฮา ดังขึ้นทันที ผู้ที่อยู่ในห้องโถงหันมาทางนี้กันหมด ที่แท้หนุ่มชุดเหลืองหน้าตางามสง่า
คนนี้ คือบุตรชายของประมุขป้อมมังกรทอง ที่มีชื่อเสียงและอิทธิพลทั่วยุทธจักร
ประมุขป้อมมังกรทอง ก๋วนเทียนหยู อายุ 50 ปี มีชื่อเสียงและอิทธิพลมากมาย แทบจะโด่งดัง
กว่าสำนักใหญ่อื่นๆด้วยซ้ำ การประลองกระบี่เมื่อ 5ปีก่อน ก๋วนเทียนหยู อาศัยเพลงกระบี่มังกรทอง
เข้าประลองจนชนะยอดฝีมือจากสำนักอื่นๆมากมาย สุดท้ายเข้าชิงกับ เทียนซินไต้ซือ จากเส้าหลิน
ประลองกัน อยู่ 2 วัน 2 คืน ยังไม่ปรากฏผลแพ้ชนะ
ในที่สุดถูกตัดสินให้เสมอกัน จากนั้นชื่อเสียงของป้อมมังกรทองก็โด่งดังไปทั่ว
ก๋วนเทียนหยูยังได้ชักชวนยอดฝีมือเข้าร่วมสังกัดป้อมมังกรทองมากมาย เพียง 5ปี
ป้อมมังกรทองก็มีสาขามากมาย บุคคลในสังกัดเต็มไปด้วยยอดฝีมือคับคั่ง
อย่างที่จางไท่พูดไปก็ถูกต้อง ด้วยบุคคลระดับบุตรชายของประมุขป้อมมังกรทอง
ไม่จำเป็นต้องมาอวยพรวันเกิดเจ้าสำนักคุ้มกันภัยด้วยตัวเองจริงๆ
เพียงส่งตัวแทนระดับหัวหน้าสาขามา ก็เป็นเกียรติมากมายแล้ว
ก๋วนเทียนเล้ง ฉายาเทพบุตรมังกรทอง ได้รับการฝึกฝนจากบิดามาจนหมดสิ้น
เพลงกระบี่มังกรทอง ที่ใช้โดยก๋วนเทียนเล้ง ว่ากันว่า แทบจะไม่ผิดกับบิดาสักนิด
ทั้งดุดัน ทั้งรวดเร็ว ทั้งแคล่วคล่องพลิกแพลง ว่ากันว่า อีก 5ปีข้างหน้า
การจัดประลองกระบี่ครั้งต่อไป ผู้ชนะเลิศต้องเป็นเทพบุตรมังกรทองคนนี้แน่นอน
ใช่แล้ว ก๋วนเทียนเล้ง ไม่ได้สนใจในประมุขสำนักคุ้มกันภัยแห่งนี้เท่าไรนัก
แต่ที่มา และต้องคอยยิ้มแย้มอยู่ ก็เพราะสะคราญแห่งลี่เจียงนั่นเอง
ชาวยุทธในห้องโถงต่างจับจ้องมาที่ก๋วนเทียนเล้ง มีทั้งชื่นชม อิจฉา เลื่อมใส
ยอดฝีมือรุ่นใหม่ในยุทธจักร(อายุไม่เกิน 25 ปี) ที่โดดเด่นในด้านเพลงกระบี่
มีผู้กล่าวว่า มีทั้งหมด 5 คน อาจเพราะทั้ง 5คนยังไม่เคยประลองกันสักครั้ง
จึงไม่อาจจัดอันดับได้ว่าใครเหนือกว่าใคร
ก๋วนเทียนเล้ง แห่งป้อมมังกรทอง อ๋องยู่ซัว-บู้ตึ๊ง หลินซินซิน-ง่อไบ๊
เฉาหยง-สำนักมารฟ้า และ โป่วเง็กซึง-สังกัดไม่แน่ชัด
เนื่องจากสองคนหลังมีร่องรอยไม่แน่ชัด ชาวยุทธจึงไม่มีข้อมูลอะไรมากนัก
ว่ากันว่า เฉาหยง เป็นศิษย์เพียงคนเดียวของสำนักมารฟ้า เพลงกระบี่มารฟ้าวิบัติ
ฝึกปรือถึงขั้นคนกระบี่หลอมเป็นหนึ่ง ใต้เพลงกระบี่ไม่มีผู้รอดชีวิตมาก่อน
ส่วนโป่วเง็กซึง ไม่มีผู้ทราบว่านางสังกัดสำนักอะไรหรือเป็นศิษย์ผู้ใด
แต่หลังจากนางประกาศตัวขอท้าประลองกระบี่กับเจ้าสำนักคงท้ง
ผลปรากฏว่า หญิงสาวที่อายุเพียง 17-18 ปี กลับสามารถโค่นเจ้าสำนักคงท้งได้
ในเพลงที่ 86 มีผู้กล่าวว่า ถึงแม้จะชนะแต่นางเองก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
หลังจากนั้นก็ไม่มีใครได้ข่าวของนางอีก
เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อจางซินถง เดินเข้ามาภายในห้องโถง
วันนี้คุณหนูจางใส่ชุดสีชมพู สีโปรดเช่นเคย ใบหน้าที่งามสะคราญมีสีหน้ากังวลปรากฏอยู่
แต่กระนั้น ก็ไม่อาจลบความสะคราญของนางได้ กลับทำให้บรรดาชาวยุทธต้องสงสัยว่า
เรื่องอันใด ทำให้นางต้องเป็นกังวล
ก๋วนเทียนเล้ง ก็เป็นอีกคนที่ต้องตกตะลึงมองจนตาค้าง
ด้วยศักดิ์ศรีของประมุขน้อยป้อมมังกรทอง ย่อมได้พบปะกับบรรดาสาวงามมามากมาย
แต่ตอนนี้ ในสมองเต็มไปด้วยคามชื่นชมและปรารถนา สายตา เมื่อได้พิจารณารูปร่างทรวดทรง
ที่งดงาม เปี่ยมไปด้วยสเน่ห์เย้ายวน ใบหน้าแม้ใช้เครื่องสำอางเพียงบางเบา ก็ดูงามสะคราญไม่มีที่ติ
ดวงตากลมโต ที่กวาดมาก็แทบทำให้หยุดหายใจ …ไม่เสียแรงที่มาจริงๆ ก๋วนเทียนเล้งคิดในใจ
“ฮ่าๆๆๆ เชิญทุกท่านดื่มกินกันให้เต็มที่” จางไท่ หัวเราะเสียงดังขึ้น เรียกสติของชาวยุทธ
หลายๆคนกลับคืนมา บางคนรินเหล้าจนล้นออกมาจากจอก บางคนยังคีบอาหารค้างไว้
จากนั้นจางไท่นำบุตรสาวเข้าไปคารวะแขกสำคัญๆในห้องโถง
เมื่อมาถึงโต๊ะของก๋วนเทียนเล้ง ก๋วนเทียนเล้งถึงกับใจเต้นตึกตักๆทำตัวแทบไม่ถูก
เมื่อเห็นสาวงามในระยะประชิด น้ำเสียงของจางซินถงก็ไพเราะสดใส กริยาท่าทาง
งดงามเปี่ยมไปด้วยสเน่ห์ ถึงแม้จางซินถงจะไม่ค่อยพูดอะไรออกมาก็ตาม
ใบหน้าสาวงามยังมีเค้าความกังวลอยู่ชัดเจน
“กระบี่ล่าวิญญาณ อ๋องยู่ซัว แห่งบู้ตึ้งมาถึงงงงงงง” เสียงตะโกนของเจ้าหน้าที่
ที่เฝ้าหน้าประตูห้องโถงตะโกนขึ้นมา ทำเอาชาวยุทธต้องหันไปมองตรงประตูห้องโถง
อ๋องยู่ซัว เดินนำหน้าเข้ามา ใบหน้างามสง่ายิ้มแย้ม ทำเอาหญิงสาวหลายคนในห้องโถง
ต้องมองอย่างชื่นชม 2 มือกระบี่ ใน 5มือกระบี่รุ่นใหม่
กลับมาอยู่ในห้องโถงเดียวกันเป็นครั้งแรก ชาวยุทธหลายคนต่างคาดหวังลึกๆว่า
งานวันนี้ คงมีอะไรให้ได้ชมเป็นแน่
เสียงฮือฮาดังเพิ่มขึ้นมาอีกจนกลบเสียงอื่นๆไปหมด เมื่อมีคนสังเกตเห็นหญิงสาว
ที่เดินตามหลังอ๋องยู่ซัวเข้ามาในห้องโถง หลายคนแทบไม่คิดว่านี่เป็นเรื่องจริง
หรือความฝันกันแน่ เมื่อเห็นสาวงามในชุดเหลืองอ่อนอายุ 16-17 ปี
ใบหน้างามสะคราญสดใสไร้ที่ติ ดวงตาสดใส จมูกโด่งเป็นสันงดงาม
ริมฝีปากสีชมพูน่ารักน่าถนุถนอม ผิวกายที่ขาวผุดผ่องแทบเย้ยหิมะให้อาย
เรือนร่างงดงามสมส่วนกลมกลึง ส่วนเว้าส่วนโค้ง สอดรับกันอย่างไม่มีที่ติ
” อ๋องไต้อี้ ….คุณหนูอ๋องไต้อี้ …” ในที่สุดก็มีคนโผล่งออกมาจากการตะลึงได้
ที่แท้สะคราญแห่งลี่เจียงอีกคน ก็มาปรากฏตัวที่นี่
นอกจากสองใน5 มือกระบี่รุ่นใหม่มาอยู่ในที่เดียวกันแล้ว
สองสะคราญแห่งลี่เจียง ก็ยังมาปรากฏตัวให้ชาวยุทธได้ชมพร้อมๆกันอีกด้วย
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
จากผู้เขียน
ตอนที่ 5 ก็ออกมาจนได้ *-* ตอนที่ 6 ก็กำลังเร่งเขียนอยู่เลยครับ
อาจจะได้โพสตามๆมา
ที่จริงก็เหนื่อยๆเหมือนกันครับ เพราะศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ มีเวลาพักน้อยมาก
แต่เห็นรีดเดอร์หลายคน เข้ามาคอยเม้นให้กำลังใจ เข้ามาคอยรีเฟรชหน้าจอในบลอค
ก็เลยมีแรงฮึดขึ้นมา อ่อ ใน แนะนำตัวละคร มีตัวละคร เพิ่มเข้ามาแล้วนะครับ
อย่าลืมเข้าไปชม คุณหนูอ๋องไต้อี้กัน คอมเม้นเชียร์เชียร์ตัวละครกันได้นะครับ
http://story.niyay.com/story-54253/
เพราะตอนนี้ ยังไม่ปักใจว่าใครจะรับบทเด่นขนาดไหน *-* บางทีอ่านคอมเม้นจากบางท่าน
ก็ได้ไอเดีย เปลี่ยนบทของตัวละครไปเหมือนกัน
เหมือนกับภาคแรก ที่เสียงเชียร์ของรีดเดอร์ มีผลจริงๆ