แก้วกานดา ตอนที่ 19 – แส่หาเรื่อง

แก้วกานดา ตอนที่ 19 – แส่หาเรื่อง

แก้วกานดา ตอนที่ 19 – แส่หาเรื่อง

     กานต์ ซึ่งสวมใส่ชุดนักศึกษารัดติ้วอวดสัดส่วนหนั่นแน่นเป็นวันแรกในชีวิตกำลังเดินก้มหน้างุด สายตาของหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ในบริเวณนั้นต่างจับจ้องมองเรือนร่างงามกันตาเป็นมันวาว โดยเฉพาะท่อนขาเรียวยาวที่ผุดโผล่ออกมาจากกระโปรงสั้นเต่อ รวมไปถึงทรวงอกอวบอิ่มเกินตัวที่กำลังเด้งสะท้านขึ้นลงตามจังหวะย่ำเท้า ยิ่งมองลอดร่องกระดุมจนเห็นเนื้อขาวอยู่ด้านใน หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ก็พากันกลืนน้ำลายด้วยความกลัดมัน

โดยปกติแล้วกานต์นั้นเป็นสาวขี้อาย เธอมักจะสวมใส่เสื้อผ้าหลวมโพรกรวมไปถึงแว่นกรอบหนาสีชมพูเพื่อปิดบังเรือนร่างตนเอง แต่วันนี้เป็นวันแรกที่เธอตัดสินใจสวมใส่
ชุดรัดติ้วตามสมัยนิยม โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้ชายคนรักหลงในเสน่ห์

น่าเสียดายที่เกิดเหตุแทรกซ้อนหลายอย่าง ทำให้เธอไม่ได้สนิทสนมกับชายคนรักอย่างที่ควร ยิ่งเขาส่งข้อความมาบอกว่าไม่สะดวกรอพบเธอหลังเลิกเรียน เธอก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดคับข้องใจ แต่อีกด้านนั้นก็อับอายต่อสายตาประชาชนจนใบหน้าแดงก่ำ เวลานี้เธอเพียงต้องการรีบกลับบ้านเพื่อจะได้ไม่โดนจับจ้องด้วยสายตาหื่นกระหายอย่างที่เป็นอยู่

ระหว่างที่เดินย่ำเท้าผ่านหอประชุมนั้น กานต์ก็เหลือบสายตามองไปยังสถานที่เกิดเหตุเมื่อตอนกลางวันแวบหนึ่ง แรกทีเดียวเธอไม่ได้คิดอะไรมากนัก เธอแค่มองและนึกไปถึงตอนที่โดนบอลข่มขืนตามด้วยโดนลุงยามหน้าอีกคน

ถึงจะโชคดีที่รอดมาได้หวุดหวิด แต่สาวสวยก็ยังหวาดเสียวไม่หายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอไม่กล้านึกด้วยซ้ำว่าถ้าโดนลุงยามข่มขืนจนเสร็จแล้วโดนถ่ายภาพเอาไปข่มขู่เธอจะทำยังไง แต่ดูเหมือนเธอจะโชคดีมาก ๆ ที่ลุงยามคนนั้นยอมลบภาพทุกอย่างทิ้งไป

“… เอ๊ะ … อนงค์ทำอะไรตรงนั้น”

กานต์ทำท่าจะเบือนสายตามองไปด้านหน้าเพื่อเร่งรีบเดินทาง แต่ว่าสายตาของเธอกลับมองเห็นใบหน้าของคนคุ้นเคยเข้าเสียก่อน นักศึกษาสาวร่างบางที่กำลังยืนชะเง้อมองไปมาด้วยท่าทางมีลับลมคมในนั้นคืออรอนงค์นั่นเอง ปกติแล้วกานต์จะไม่สนใจมากนักว่าอนงค์จะทำอะไรกับใคร แต่ว่าวันนี้กานต์จำเป็นต้องหยุดชะงักมองดูอนงค์ด้วยความรู้สึกใจหายวูบ

สาเหตุของความใจหายนั้นก็คือตอนนี้อนงค์ยืนอยู่ตรงทางเข้าหอประชุมด้านหลัง ซึ่งเป็นตำแหน่งเกิดเหตุที่กานต์โดนนายบอลปลุกปล้ำจนเกือบสำเร็จความใคร่ แน่นอนว่าหากเป็นนักศึกษาคนอื่นที่ยืนตรงนั้น กานต์ย่อมไม่คิดอะไรมากนัก แต่ว่าอนงค์นั้นเป็นเหมือนคู่แค้นที่คอยจะหาโอกาสเล่นงานกานต์มาตลอด ดังนั้นการที่อนงค์ไปยืนอยู่ตรงนั้นย่อมไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน

“โธ่เอ๊ย … บอลปากสว่างอีกแล้วเหรอ … ไม่น่าเลยจริง ๆ”

ความคิดหลายอย่างแวบผ่านเข้ามาในหัว กานต์ส่งเสียงตัดพ้อกับตัวเองด้วยความคับข้องรำคาญใจ เธอเดาว่าบอลจะต้องเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้อรอนงค์รู้อย่างแน่นอน ซึ่งก็เหมือนกับเรื่องที่เธอเสียครั้งแรกให้บอล และเมื่ออนงค์รู้เรื่องนี้ อนงค์ก็จะต้องหาทางทำอะไรบางอย่างเพื่อเอาหลักฐานมาเล่นงานกานต์ นั่นคือเหตุผลที่อนงค์กำลังทำท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่ตรงนั้น

หากจะมีเรื่องอะไรสักอย่างที่กานต์รู้สึกเสียใจที่สุดในชีวิต เรื่องนั้นคงจะเป็นการตัดสินใจชั่ววูบมอบความสาวให้นายบอลเป็นลำดับแรก แต่สำนึกได้ตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว เพราะเธอไม่สามารถย้อนกลับไปแก้อดีตได้

“… ทำไงดี … ลุงยามคนนั้นลบหลักฐานหมดแล้วนี่นา ไม่น่าจะมีอะไรหรอกมั้ง … แต่ว่าถ้ามีขึ้นมาล่ะ … ถ้าอนงค์ได้หลักฐานอะไรบางอย่างไปล่ะ … แบบนั้นเรื่องใหญ่แน่ ๆ เลย”

กานต์ส่งเสียงพึมพำครุ่นคิดด้วยความกระวนกระวายใจ ยิ่งได้เห็นอรอนงค์เปิดประตูเข้าไปด้านในหอประชุมกานต์ก็ยิ่งกระสับกระส่ายมากขึ้น แรกสุดนั้นกานต์เชื่อว่าไม่น่าจะมีหลักฐานอะไรอีกแล้ว แต่เมื่ออีกฝ่ายเป็นอรอนงค์ที่ตั้งใจจับผิดเธอตั้งแต่แรก กานต์ก็เริ่มไม่แน่ใจ เธอจึงกัดฟันเดินตามเข้าไปในหอประชุมอีกครั้งทั้งที่ไม่อยากเข้าไป เธอคิดว่าอย่างน้อยหากมีอะไร เธอก็อาจจะทำลายหลักฐานได้

หลังจากอรอนงค์เข้าไปได้ครู่เดียว กานต์ก็รีบเปิดประตูตามเข้าไปเงียบ ๆ สาวสวยนางหนึ่งต้องการหาหลักฐานไว้เล่นงาน ส่วนสาวสวยอีกนางนั้นต้องการปกปิดกลบเกลื่อนเรื่องราว แต่ทั้งสองสาวกลับไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าขณะที่พวกเธอทั้งสองลอบเข้าไปด้านในหอประชุมนั้น กล้องวงจรปิดได้ส่งภาพการเคลื่อนไหวของพวกเธอทั้งหมดตรงเข้าไปในห้องควบคุม และในห้องนั้นมีชายฉกรรจ์คอยจับจ้องมองอยู่ถึงสามคนด้วยกัน

“คอยดูเถอะ ครั้งนี้ถ้าไอ้บอลยังสร้างเรื่องโกหกอีกล่ะน่าดูแน่”

อรอนงค์นักศึกษาสาวสวยส่งเสียงพึมพำขณะก้าวเท้าเดินฝ่าความมืดเข้าไปในหอประชุมด้วยท่าทีกล้า ๆ กลัว ๆ หากเลือกได้อนงค์เองก็ไม่อยากเข้ามาในที่แบบนี้คนเดียว แต่ว่าเธอเคยเข้ามานี้แล้วสองสามครั้งตอนเรียนวิชาเลือกเกี่ยวกับความปลอดภัย เธอจึงไม่ได้ตื่นกลัวมากเกินไป

กระนั้นเรื่องสำคัญก็คืออนงค์ต้องการหลักฐานเพื่อไปเล่นงานกานต์ และจากคำบอกเล่าของบอลนั้น อนงค์เชื่อว่าหากเป็นจริงก็จะต้องมีภาพหลักฐานจากกล้องวงจรปิดบ้าง แต่ก็ยังไม่แน่ใจเต็มที่ ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่กล้าชวนเพื่อนสาวคนอื่นมาด้วย เพราะอาจจะเป็นการทำให้ตัวเองเสียหน้าหากไม่เป็นไปตามที่คิด

อรอนงค์เพียงกลัวว่าจะไม่มีหลักฐาน แต่เธอไม่กลัวสักนิดว่าเจ้าหน้าที่ในห้องจะไม่ให้ความร่วมมือ เพราะว่าในมือของเธอนั้นมีเอกสารปลอมหนึ่งชุด มันคือเอกสารตีตรามหาวิทยาลัย เป็นคำร้องเพื่อขอหลักฐานจากกล้องวงจรปิดที่ระบุสถานที่และเวลาชัดเจน มันคือช่วงเวลาที่บอลกล่าวอ้างว่าปลุกปล้ำกานต์ที่ประตูหลังหอประชุมใหญ่

โดยหลักการแล้วอนงค์เชื่อว่าเอกสารฉบับนี้ถือว่าเพียงพอให้ขอหลักฐานจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ และนี่ต้องขอบคุณที่เธอเลือกลงทะเบียนเรียนวิชาเลือกที่เธอแค่อยากได้เกรดสวย ๆ แบบง่าย ๆ แต่เธอไม่นึกเลยว่าจะได้ความรู้มาใช้ประโยชน์ได้แบบนี้

‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’

เสียงเคาะประตูดังขึ้นในความมืดและเงียบงัน อนงค์สูดลมหายใจเฮือกใหญ่จนทรวงอกอิ่มซึ่งซุกอยู่ในชุดนักศึกษาเด้งกระเพื่อม เธอยืนรอคอยด้วยความรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย แต่ไม่นานนักบานประตูซึ่งเธอจำได้ว่าเป็นห้องควบคุมของระบบรักษาความปลอดภัยที่นี่ก็เปิดอ้าออกจนเห็นแสงสว่างจ้า

“มาหาใครหรือครับคุณ ที่นี่เป็นห้องรักษาความปลอดภัย ถ้าไม่มีธุระห้ามเข้านะครับ”

ชายในชุดยามรักษาความปลอดภัยคนหนึ่งมองเธอด้วยท่าทางสงสัยก่อนจะเอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ อนงค์รีบปรายตามองสำรวจยามร่างเล็กวัยไม่ต่ำกว่าสามสิบปี ก่อนจะรีบกวาดตามองสำรวจเข้าไปด้านในห้องควบคุม

“สวัสดีค่ะ หนูมาที่นี่ตามคำสั่งของท่านรองอธิบดีเกี่ยวกับเรื่องล่วงละเมิดทางเพศตามเอกสารนี่ค่ะ หนูมาเอาหลักฐานไปให้คนที่โดนล่วงละเมิดฟ้องร้องคนทำ”

อรอนงค์โล่งใจเล็กน้อยที่มียามเพียงคนเดียว อีกทั้งยามคนนี้ยังดูท่าทางเรียบ ๆ ร้อย ๆ ไม่มีพิษสงอะไรพิเศษ เธอไม่เห็นว่าจะมีลุงยามหน้าเหี้ยมถือปืนแสดงท่าทีข่มขู่อะไรอย่างที่บอลบอก เธอจึงมั่นใจมากขึ้นว่าจะต้องสามารถหลอกขอหลักฐานไปได้

ยามคนนั้นยื่นมือมารับเอกสารของอนงค์ไปยืนอ่าน นักศึกษาสาวสวยใจเต้นแรงขึ้นเล็กน้อยด้วยความลุ้นระทึก แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพยักหน้าทำท่าทำทางเหมือนเชื่อในตัวเอกสารนั้น อรอนงค์ก็เริ่มใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย

“งั้นเดี๋ยวผมจะหาภาพแล้วเอาไปส่งให้นะคุณ จะให้ส่งไปที่ไหนล่ะ ท่านรองหรือเปล่า”

“เอ่อ … ขอตอนนี้เลยดีกว่าค่ะ เรื่องเร่งรีบสักหน่อย หนูรอที่นี่ได้”

อรอนงค์ดีใจที่แผนสำเร็จ แต่ก็ต้องรีบออกตัวว่าจะรอรับหลักฐาน เพราะหากอีกฝ่ายส่งไปให้กับรองอธิบดีโดยตรงตามกระบวนการปกติ แผนของเธอก็จะกลายเป็นล้มเหลวในนาทีสุดท้าย

“แล้วแต่นะคุณ เข้ามาข้างในช่วยเลือกช่วงเวลาให้ผมหน่อยก็ดี”

ยามคนนั้นพูดพลางก้าวถอยหลังเปิดทางให้อนงค์เดินเข้าไปข้างใน นักศึกษาสาวแสดงท่าทีลังเลเล็กน้อย การเข้าไปในห้องควบคุมอยู่กับชายฉกรรจ์เพียงสองต่อสองนั้นไม่ใช่เรื่องที่เธอรู้สึกว่าปลอดภัย แต่เธอก็ไม่เห็นว่ายามคนนี้จะแสดงท่าทีไม่น่าไว้ใจอะไร ทั้งยังสุภาพ และเธอยังอยากเข้าไปเลือกกำกับช่วงเวลาของภาพเพื่อให้แน่ใจว่าได้หลักฐานที่ดีที่สุดด้วยอีกทางหนึ่ง

เมื่อบานประตูปิดลง อนงค์ก็เริ่มรับรู้ได้ถึงกลิ่นอับเล็กน้อยภายในห้อง อากาศข้างในค่อนข้างเย็นจัดจนขนลุก เธอเคยมาที่นี่สองครั้ง แต่มาพร้อมกับอาจารย์และเพื่อนนักศึกษานับสิบคน ครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกที่เธอเข้ามาอยู่ในห้องนี้กับชายฉกรรจ์เพียงลำพัง อนงค์จึงตั้งสติระวังตัวตลอดเวลา พลางเอื้อมมือลงไปจับสเปรย์พริกไทยในกระเป๋าสะพาย อย่างน้อยหากมีเรื่องราวขึ้นมาเธอก็จะสามารถใช้สิ่งนี้กำราบอีกฝ่ายที่แข็งแรงกว่าได้

อย่างไรก็ตามสิ่งที่อนงค์หวาดวิตกนั้นไม่ได้เกิดขึ้น ยามคนนั้นไม่ได้แสดงท่าทีอะไรพิเศษนอกจากขยับตัวไปนั่งที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เสียงเคาะแป้นพิมพ์ดังก๊อกแก๊กทำลายความเงียบในห้อง เพียงครู่เดียวภาพของกล้องวงจรปิดก็ฉายขึ้นมาบนหน้าจอ มันคือภาพบริเวณประตูหลังของหอประชุมอย่างที่อนงค์ต้องการ

ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างเล็กน้อยด้วยความยินดี แต่เมื่อมองภาพนั้นไปอีกครู่ใหญ่ดวงตาคู่นั้นก็เริ่มหรี่ลงเล็กน้อย เพราะว่าในภาพนั้นมีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีผู้คนเดินเข้ามาในกล้องให้เห็นแม้แต่คนเดียว

“ภาพจากกล้องตามเวลาไม่มีใครนะครับคุณ อย่างที่เห็นนี่แหละ”

ยามคนนั้นหันมาส่งเสียงบอกด้วยท่าทีไม่ทุกข์ไม่ร้อน แต่อนงค์กลับกลายเป็นร้อนรนขึ้นมา เธอมองไปที่มุมขวาบนของหน้าจอซึ่งระบุวันเวลาตามที่เธอต้องการก่อนจะขมวดคิ้ว นั่นสมควรเป็นเวลาที่ถูกต้องตามที่บอลกล่าวอ้าง แต่กลับไม่มีอะไรอย่างที่เธอต้องการ

“ขอโทษนะคะ ช่วยขยายช่วงเวลาหน่อยได้หรือเปล่า แล้วก็เล่นภาพเร็ว ๆ เผื่อจะระบุเวลาผิด”

“เดี๋ยวนะคุณ ผมเล่นเครื่องพวกนี้ไม่ค่อยถนัด คุณมากดเองได้หรือเปล่าล่ะ”

“ได้ค่ะ หนูลองเอง”

ยามคนนั้นแสดงท่าทีโง่งม อนงค์แอบเบะปากด่าทอเหยียดหยามอีกฝ่ายเป็นพวกหน้าโง่ในใจ แต่ภายนอกนั้นไม่ได้แสดงอะไรออกมา เพราะว่าเธอยังต้องอาศัยยามคนนี้ เมื่อยามลุกขึ้นเธอจึงขยับลงไปนั่งควบคุมค้นหาภาพย้อนหลังเอง

“… อะไรกัน ไม่เห็นมีอะไรเลย … หรือว่าไอ้บอลจะโกหกอีกแล้ว”

อรอนงค์ส่งเสียงพึมพำผิดหวัง เธอทดลองเล่นจากช่วงเวลาเช้าตรู่ไปจนถึงตอนเย็น แต่ก็ยังไม่เห็นมีอะไรพิเศษ เธอเห็นแค่มียามเดินเข้าเดินออกไม่กี่คน นอกจากนั้นแล้วก็ไม่มีเงาใครให้เห็น เธอจึงเริ่มคิดเอนเอียงไปว่านายบอลสร้างเรื่องหลอกลวง เธอจึงโทรศัพท์ไปหาบอล แต่อีกฝ่ายกลับไม่รับสายเสียอีก

บอลอาจจะไม่น่าเชื่อถือนัก แต่อนงค์ไม่คิดว่าบอลจะหลอกเธอในเรื่องนี้ เธอจึงพยายามมองตัวเลขวันเวลาอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจ แต่จนแล้วจนรอดก็มองไม่เห็นอะไรที่ผิดปกติ เธอจึงเริ่มถอดใจยอมแพ้และคิดได้อย่างเดียวว่ากลับไปเธอจะเล่นงานนายบอลให้สาสมสักครั้ง

“สงสัยจะมีอะไรผิดพลาด เอาไว้หนูมาใหม่นะคะ”

“ครับคุณ”

อนงค์ลุกขึ้นยืนด้วยอารมณ์หงุดหงิด ยามคนนั้นยิ้มให้พลางเดินไปเปิดประตูด้วยท่าทีสุภาพ แต่ก่อนที่อนงค์จะคว้ากระเป๋าสะพายและเดินออกไปจากห้อง เธอก็รู้สึกสะกิดใจอะไรขึ้นมา เธอหันมองไปทางหน้าจออีกครั้ง ก่อนจะก้มลงมองดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือ

นักศึกษาสาวมองหน้าจอและนาฬิกาสลับไปมาหลายครั้งก่อนจะพบว่ามีเรื่องไม่ถูกต้อง นั่นเพราะช่วงเวลาบนหน้าจอตอนนี้สมควรจะเป็นช่วงเวลาที่ตัวเธอเดินผ่านประตูด้านหลังเข้ามา แต่ว่าภาพบนหน้าจอนั้นกลับไม่มีตัวเธอให้เห็น ทั้งที่ช่วงเวลาที่ระบุตรงมุมบนด้านซ้ายนั้นน่าจะถูกต้อง

ความสงสัยทำให้อนงค์ขบคิดให้ถี่ถ้วนกว่าเดิม เธอเขม้นตามองดูภาพบนหน้าจออีกครั้ง ก่อนจะพบว่าภาพส่วนใหญ่นั้นดูไม่มีอะไรผิดแผก แต่ก็ยังจุดหนึ่งที่ผิดปกติ เพราะว่าต้นหญ้าบนพื้นนั้นราบเรียบเหมือนเพิ่งโดนตัด แต่เธอจำได้ว่าต้นหญ้าที่เธอเหยียบย่ำมานั้นสูงเหนือข้อเท้าขึ้นมาเล็กน้อย

ความคิดที่แวบผ่านเข้ามาในหัวสมองทำให้อนงค์ใจหายวูบ เธอแน่ใจแล้วว่าภาพที่เห็นบนหน้าจอจะต้องโดนตัดต่อ ภาพจะต้องไม่ใช่ภาพในช่วงเวลาที่สมควรจะเป็น แม้แต่ตัวเลขเวลาที่ระบุในภาพก็ไม่ใช่ของจริง และคำถามสำคัญก็คือหากนี่เป็นภาพปลอมแปลง แล้วใครกันที่เป็นคนทำเรื่องนี้ อีกทั้งยังทำไปเพื่ออะไร

“นี่มันภาพปลอมนี่ … อุ๊บ”

อนงค์ส่งเสียงโวยวายพลางหันไปทางยามซึ่งดูเหมือนไม่มีพิษไม่มีภัยคนนั้น หากทว่าคราวนี้เธอยังพูดไม่จบประโยคยามคนนั้นก็ถลันตัวเข้ามาด้วยแววตาเย็นชาเหี้ยมเกรียม อนงค์ยังไม่ทันได้ส่งเสียงกรีดร้อง ยามคนนั้นก็คว้ากระชากร่างของเธอไปรวบและโปะผ้ามาปิดปากเธอเอาไว้อย่างรวดเร็วยิ่ง

สาวสวยตกใจทั้งพยายามดิ้นรนและพยายามหยิบสเปรย์พริกไทยในกระเป๋า หากทว่าอีกฝ่ายนั้นแข็งแรงและคล่องแคล่วกว่ามาก เธอจึงแทบไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากนี้กลิ่นยาฉุนกึกที่โชยเข้ามาในจมูกนั้นก็ทำให้เธอรู้สึกงุนงงสติเหือดหาย อนงค์พยายามดิ้นขืนตัวได้แค่อีกสองสามครั้ง ดวงตาของเธอก็เริ่มล่องลอย ร่างกายไร้เรี่ยวแรง เธอเพิ่งตระหนักได้ว่านั่นคือยาสลบอาการของเธอก็เกินจะแก้ไขแล้ว

หนังตาทั้งสองข้างปลายเป็นหนักอึ้งจนลืมตาไม่ไหว ภาพสุดท้ายที่อนงค์มองเห็นนั้นคือกรอบรูปที่วางบนโต๊ะ ในรูปนั้นมีพ่อแม่และลูกสาวสองคน เธอไม่ทราบว่ารายละเอียดในภาพนั้นเป็นอย่างไรเพราะดวงตาเริ่มพร่าเบลอ เธอแค่รู้สึกว่าภาพใบนั้นให้ความรู้สึกคุ้นเคยแปลก ๆ จากนั้น สติของเธอก็หลุดลอยหายไป

“แส่หาเรื่อง … ช่างสังเกตหาเรื่องใส่ตัวจริงนะนังหนูคนสวย ถ้าเชื่อว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นตั้งแต่แรกก็จบไปแล้ว ไม่ต้องมาใช้ยาสลบกันแบบนี้ … แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เสียดายก็แค่นายไม่ให้ทำอะไรรุนแรง ไม่งั้นล่ะก็สนุกแน่”

ยามคนนั้นส่ายหน้าส่งเสียงพึมพำทั้งที่ยังรวบกอดร่างนุ่มนิ่มเอาไว้แนบอก แรกสุดน้ำเสียงนั้นคล้ายเสียดาย แต่เมื่อกอดร่างนุ่มนิ่มไปครู่หนึ่งดวงตาก็เริ่มทอประกายความหื่นกระหายออกมา นั่นเพราะอรอนงค์ก็เป็นสาวสวยคนหนึ่ง เธอสามารถเป็นดาราหรือนางแบบได้สบาย ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ชายคนนี้จะอยากเสพสัมผัสกับเรือนร่างเต่งตึงบ้าง

เมื่อมีร่างนักศึกษาสาวที่นุ่มนิ่มหอมกรุ่นอยู่ในอ้อมกอด ยามวัยสามสิบต้น ๆ ก็มองซ้ายมองขวา และเมื่อไม่เห็นใครก็ฉวยโอกาสซุกหน้าดมความหอมหวานของซอกคอ

เขาใช้มือหยาบกร้านเลื่อนลงมาเกาะกุมที่ปทุมถันตูมตั้งแล้วบีบคลึงเบา ๆ พร้อมกันนั้นก็แอ่นเบียดเป้ากางเกงที่บวมเป่งเข้าหาสะโพกผายแล้วบดเบียดด้วยความงุ่นง่านหื่นกระหาย อย่างไรก็ตามการกระทำนี้กลับดูลังเลกล้า ๆ กลัว ๆ เหมือนไม่กล้ากระทำโจ่งแจ้งเกินไปจนทิ้งหลักฐานให้หลงเหลือไว้บนร่างกาย

อรอนงค์นั้นสลบด้วยฤทธิ์ยาไปเรียบร้อยแล้ว เธอจึงไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ากำลังโดนยามกลัดมันลวนลามเนื้อตัว ไม่เช่นนั้นแล้วเธอคงจะต้องส่งเสียงกรีดร้องด้วยความขยะแขยงที่โดนคนชั้นต่ำเช่นนี้ลวนลาม หากทว่ากานต์นักศึกษาสาวอีกคนที่ยืนอยู่หน้าประตูกลับลืมตากลมโตด้วยความแตกตื่น

ก่อนนี้กานต์เห็นว่าอนงค์เข้ามาในนี้นานเกินไปจึงเริ่มกังวล และเมื่อเห็นว่าประตูห้องเปิดออก กานต์จึงรีบย่องเดินเข้ามาเพื่อหยั่งเชิงดูก่อนว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร และเธอย่อมไม่นึกไม่ฝันเลยสักนิดว่าจะได้มาเห็นอนงค์โดนยามโปะยาสลบแบบนี้

กานต์สั่นสะท้านอยู่ในเงามืดด้านนอกห้องด้วยความเย็นเยียบ เธอไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเพราะกลัวอีกฝ่ายจะได้ยินเสียง เธอไม่กล้าเข้าไปช่วยอนงค์ในตอนนี้ แต่เธอคิดจะหนีออกไปเสียก่อน จากนั้นจึงค่อยหาคนมาช่วยอนงค์ ถึงแม้อนงค์จะตั้งตัวเป็นอริกับเธอ แต่กานต์ก็ยังไม่ได้มีความแค้นเคืองกับอนงค์มากพอที่จะปล่อยให้อนงค์โดนทำร้ายได้

น่าเสียดายที่ร่างอ้อนแอ้นก้าวไปชนเข้ากับร่างกำยำของใครคนหนึ่งที่ยืนรออยู่แล้วด้านหลัง กานต์ตกใจสะดุ้งโหยงส่งเสียงหวีดออกมาได้คำหนึ่ง แต่แค่วูบเดียวเสียงของเธอก็หายไปเหลือแต่เพียงเสียงอู้อี้ เพราะว่าใครคนนั้นเพิ่งโปะผ้าลงมาปิดปากและจับยึดร่างของเธอเอาไว้อย่างแน่นหนา

กานต์พยายามดิ้นรนขัดขืนสุดแรงแต่ก็เปล่าประโยชน์ กลิ่นฉุนกึกที่โชยเข้ามาในจมูกแค่วูบเดียวก็ทำให้ร่างของเธอหมดเรี่ยวแรง กานต์ทราบดีว่านั่นคือยาสลบเพราะเพิ่งได้เห็นกับตาตัวเองว่าอนงค์เป็นเช่นไร ด้วยเหตุนี้เธอจึงพอมีสติหลงเหลืออยู่บ้าง แม้จะอยู่ในสภาวะตื่นตกใจแต่กานต์ก็รีบกลั้นลมหายใจพยายามไม่สูดยาเข้าไปให้มากกว่านี้

ทางหนึ่งนั้นพยายามกลั้นหายใจ อีกทางก็พยายามดิ้นรน กานต์แน่ใจว่าเธอคงดิ้นสู้แรงของชายคนนี้ไม่ได้ เธอจึงตัดสินใจยอมแพ้แกล้งทำเป็นหมดเรี่ยวแรง แล้วหลับตาพริ้มทำท่าเหมือนสลบเหมือดไปทั้งที่ยังคงกลั้นหายใจเอาไว้ตลอดเวลา เธอคิดว่าหากมีโอกาสตัวเองจะรีบหาทางหลบหนีทันที

กานต์พยายามอดทนจนแทบกลั้นต่อไม่ไหว แต่ยังดีที่อีกฝ่ายเข้าใจว่าเธอสลบไปแล้ว เขาจึงปล่อยผ้าชุบยาสลบออกจากปาก แล้วค่อยรวบร่างของเธอเข้าไปในห้อง เธอจึงค่อยได้หายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดไปอีกครั้ง

กานต์จำเป็นต้องแกล้งหลับเอาไว้เพื่อให้แนบเนียน ดังนั้นเธอจึงไม่ทราบเหตุการณ์ภายในห้อง เธอทราบแค่ว่าตัวเองโดนวางลงบนโต๊ะในสภาพขาห้อยเรี่ยพื้น และสติของเธอก็ยังเบลอ ๆ ครึ่งหลับครึ่งตื่นด้วยฤทธิ์ยาอยู่บ้างพอสมควร

“หน่วยสี่รายงาน เป้าหมายมีแค่สองคน ด้านนอกไม่มีคนอื่นอีก ทราบแล้วเปลี่ยน”

“หน่วยหนึ่งรายงาน เป้าหมายแรกไม่ยอมเชื่อ ต้องใช้แผนสอง”

“หน่วยสองรายงาน จัดการเป้าหมายคนที่สองเรียบร้อยแล้ว หน่วยสี่เตรียมรถมาขนย้ายด้วย ทราบแล้วเปลี่ยน”

“หน่วยสี่ทราบแล้ว จะพารถตู้มารับของในสิบห้านาที เปลี่ยน”

ระหว่างที่นอนรออยู่นั้นกานต์ก็ได้ยินเสียงสนทนาผ่านวิทยุสื่อสารเพราะมีเสียงซ่า ๆ ดังออกมา และข้อความในการสนทนานั้นก็ทำให้เธอใจหายวูบ เพราะนั่นแปลว่าอีกฝ่ายมีการวางแผนทำเป็นกระบวนการ และยังมีแผนจะใช้รถตู้ขนย้ายพวกเธอออกไปจากมหาวิทยาลัยด้วย

กานต์ไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เธอคาดเดาเรื่องราวไม่ออกเลยสักนิด เธอแค่อยากจะตามอนงค์เพื่อมาป้องกันตัวเอง แต่กลับกลายเป็นว่าทั้งคู่โดนโปะยาสลบจับตัวเอาไว้ด้วยกัน เธอไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าคนเหล่านี้คือใครและมีเป้าหมายอะไร ส่วนลุงยามหน้าเหี้ยมที่เคยปล่อยเธอออกมานั้นไม่ทราบว่าหายไปไหนแล้วด้วย

“เฮ้ย ๆ มึงน่ะดูแต่ตามืออย่าคลำมาก เจ้านายสั่งไว้ว่าอย่าทำอะไรรุนแรง ไม่เข้าใจหรือไงวะ”

“โธ่ ๆ นิดหน่อยน่าลูกพี่ นาน ๆ จะเจอเด็กสาวสวยน่ารักน่าเอาเหมือนดาราขนาดนี้ ปกติเจอแต่กะหรี่หน้าปลาจวด ขอลูบ ๆ คลำ ๆ สักหน่อยให้พอคึกคักก็แล้วกัน ผมไม่ทำอะไรมากหรอก แค่ลูบ ๆ ด้านนอกก็พอแล้ว แล้วลูกพี่ไม่สนบ้างเหรอครับ เด็กที่พี่หิ้วมายังสวยกว่าของผมอีก สวยยังกับนางฟ้าแน่ะ”

“อย่าเพิ่งนอกเรื่อง ว่าแต่ทำไมต้องใช้ยาสลบ ภาพปลอมหลอกนังหนูมันไม่ได้หรือไง”

“จริง ๆ ก็เกือบหลอกได้แล้วนะลูกพี่ ผมว่าทำภาพปลอมเนียนแล้วนา แต่นังหนูนี่ดันฉลาดเหมือนสังเกตเห็นอะไรขึ้นมา มันทำท่าโวยวายผมเลยต้องเปลี่ยนไปใช้แผนสำรองโปะยาสลบ”

“เออ เอาเข้าไป มันหาเรื่องใส่ตัวแท้ ๆ ถ้าเชื่อว่าไม่มีอะไรก็จบไปแล้ว ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายไม่ต้องโปะยาสลบกันแบบนี้ … เออ แล้วลุงเหี้ยมไปไหนแล้ว”

“ลุงเหี้ยมไปรายงานเจ้านายแล้วครับลูกพี่ เดี๋ยวเราคงไปเจอกันที่โน่นเลย”

เสียงของชายจำนวนคนสนทนาตอบโต้กันไปมาโดยไม่รู้เลยว่ากานต์นั้นแอบได้ยินทุกถ้อยคำ กระนั้นต่อให้ได้ยิน กานต์ก็ยังนึกเชื่อมโยงเรื่องราวไม่ได้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เจ้านายที่ว่านั้นคือใคร ทำไมต้องส่งคนมาแกล้งสร้างภาพหลอกเพื่อให้อนงค์เข้าใจผิด ทั้งยังทำท่าจะพาทั้งเธอและอนงค์ไปที่ไหนสักที่ด้วย

อย่างไรก็ตามกานต์ก็ยังไม่รู้สึกแย่เกินไป เพราะเท่าที่รับฟังนั้นเจ้านายที่พูดถึงดูเหมือนจะมีเจตนาช่วยปิดบังข่าวให้ตัวเธอ แผนของพวกเขานั้นแค่เพียงพยายามทำให้อนงค์เข้าใจผิดโดยไม่ได้มีความคิดมุ่งร้ายในคราวแรก ถึงแม้จะมีการโปะยาสลบ แต่บทสนทนาจากชายสองคนนี้ก็บ่งบอกชัดเจนว่าเจ้านายห้ามไม่ให้ทำเรื่องรุนแรง

“… เออ จะว่าไป นังหนูคนนี้มันสวยจริง ๆ นางฟ้าชัด ๆ ขาว สวย นมโตยังกับลูกมะพร้าว … สวยกว่านังหนูคนแรกอีก เห็นแล้วเงี่ยนว่ะ”

“จริง ๆ พี่ เจ้านายบอกอย่าทำรุนแรง พวกเราก็แค่ลูบ ๆ คลำ ๆ นิดหน่อยก็ได้มั้งลูกพี่ ไม่ถือว่าผิดคำสั่ง ผมไม่เคยได้มีอะไรกับผู้หญิงสวยแบบนี้มาก่อนเลย”

“ไอ้นี่ กล้าผิดคำสั่งระวังจะโดนจับเผานั่งยาง”

“โธ่ ลูกพี่ นิดหน่อยเอง นังหนูสองคนมันสลบทั้งคู่ไม่รู้ตัวหรอก แล้วถ้าลูกพี่ไม่พูด ผมไม่พูด ใครจะรู้เรื่อง”

“เออ จริงว่ะ … นังหนูคนนี้ก็สวยเกินจะห้ามใจไหวจริง ๆ เอาวะ สิบห้านาที ก่อนรถมา พวกเราลูบ ๆ คลำ ๆ สักหน่อยก็แล้วกัน”

หลังจากแอบโล่งใจที่อีกฝ่ายไม่ได้แสดงท่าทีมุ่งร้ายเกินไป กานต์ก็ต้องใจหายวาบกับบทสนทนาท่อนหลังของชายทั้งสาม เพราะนั่นหมายความว่าคนพวกนี้กำลังจะฉวยโอกาสลวนลามเธอและอนงค์ไปพร้อมกัน

กานต์แตกตื่นแต่ไม่ทราบว่าสมควรต้องทำยังไง เธอแน่ใจว่าหากลุกพรวดขึ้นไปตอนนี้เธอจะต้องโดนจับโปะยาสลบอีกครั้งแน่นอน ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าทำอะไรนอกจากนิ่งเฉยแสร้งทำเป็นสลบต่อไป

“จับนังหนูสองคนมานอนคู่กันดีกว่า เดี๋ยวจะได้ลูบ ๆ คลำ ๆ ไปพร้อมกันเลย ฮ่า ฮ่า”

ครู่เดียวเธอก็ได้ยินเสียงหัวเราะหื่นกระหายจากชายทั้งสาม จากนั้นก็รู้สึกว่ามีใครอีกคนนอนเบียดใส่แขน แต่จากสัมผัสเนื้อที่เนียนนุ่มนั้นทำให้กานต์คิดว่านั่นคืออนงค์ พวกเธอโดนจับมานอนคู่กันตามคำประกาศที่ได้ยิน

กานต์นอนตัวเกร็งนิ่งด้วยความหวาดกลัวได้ไม่นาน ฝ่ามือคู่หนึ่งก็วางแหมะลงมาขยำเสื้อนักศึกษาตรงบริเวณทรวงอก เธอต้องพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่แสดงอาการสะดุ้งปัดป้องร่างกาย

เวลานี้เธอแค่รู้สึกเวทนาตัวเองที่ต้องมาประสบเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา เมื่อกลางวันเธอเพิ่งโดนนายบอลข่มขืน ตามด้วยลุงยามหน้าเหี้ยมที่เกือบจะได้ชื่อเป็นสามีของเธออีกคน ตอนนี้ยังมีชายที่เธอไม่รู้จักอีกสามคนกำลังจะลวนลามตัวเธอ

“อื้อหือ สุดยอดจริง ๆ นอกจากนมจะใหญ่แล้วยังเนื้อแน่นอีกนะนังหนูคนนี้ แน่นเปรี๊ยะเด้งดีจริง ๆ … ส่วนนังหนูอีกคน … อืม … เล็กกว่าสักหน่อย แต่ก็เนื้อแน่นพอกัน ใช้ได้ ๆ แต่ขอขยำนางฟ้าคนนี้ดีกว่า มันมือกว่าเยอะเลย ฮ่า ฮ่า”

“ไหนผมขอลองจับนางฟ้าของลูกพี่บ้างนะ”

ชายทั้งสามสนทนากันด้วยน้ำเสียงหื่นกระหาย กานต์รู้สึกโล่งเล็กน้อยเมื่อสองมือซึ่งกำลังขยำหน้าอกนั้นยกออกไป ซึ่งเดาได้ว่าคงเปลี่ยนไปลวนลามอนงค์ที่นอนอยู่ด้านข้างแทน แต่แค่ครู่เดียวมือคู่นั้นก็ขยับมาวางแหมะแล้วขยำเคล้นทรวงอกของเธอใหม่ ซ้ำร้ายยังมีมืออีกสองคู่วางแหมะลงมาแย่งขยำเคล้นใส่ด้วยอีกต่างหาก

กานต์รู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้ เธอได้แต่นอนเงียบ ๆ ปล่อยให้ผู้ชายสามคนแย่งกันลวนลามเนื้อตัวด้วยความกลัดมัน ช่วงแรกนั้นยังพอทนไหวเพราะพวกเขาแค่เพียงลูบคลำแผ่วเบา แต่แค่ครู่เดียวมือทั้งหกข้างก็เริ่มขยำแรงขึ้นจนเริ่มเจ็บแปลบ เธอได้ยินเสียงหอบหายใจของชายทั้งสามที่หนักหน่วงขึ้น ดูเหมือนอารมณ์หื่นกระหายของพวกเขากำลังพุ่งทะยานขึ้นไปอย่างรวดเร็ว

“ปลดกระดุมหน่อยได้ไหมลูกพี่ ขอสัมผัสเนื้อเต้างาม ๆ ของนางฟ้าสักครั้ง”

“เออ เอาซิวะ กูก็อยากบีบนมแน่น ๆ ให้เต็มมือดูเหมือนกัน”

เสียงสนทนาถัดมาทำให้กานต์ใจหายวาบอีกครั้ง แต่เธอก็ยังไม่กล้าทำอะไรนอกจากนอนนิ่ง ๆ ปล่อยให้ชายทั้งสามแย่งกันปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาและแบะอ้าสาบเสื้อแยกออกจากกัน กานต์ได้ยินเสียงหอบหายใจของชายทั้งสามที่หนักหน่วงขึ้น จากนั้นยกทรงของเธอก็โดนถลกรั้งขึ้นไปกองเหนือเต้าปลดปล่อยเต้าคู่สวยให้เหล่าชายหื่นได้เชยชม

กานต์นอนเกร็งกำชายกระโปรงไว้จนแน่น แต่สามชายหื่นไม่ทันสังเกตเห็นเพราะโดนเต้าคู่งามสะกดจนแทบลืมหายใจ แม้แต่ตอนที่กานต์หลับตาปี๋เม้มปากแน่นก็ไม่เห็น เพราะว่าฝ่ามือทั้งหกข้างนั้นกำลังตะปบลูบไล้ลงไปบนเนื้อเต้าเต่งเสพสัมผัสความเรียบลื่นแบบเนื้อต่อเนื้อ

เสียงหอบครางของเหล่าชายหื่นยิ่งมายิ่งดังขึ้นทีละน้อย กานต์รู้สึกอดสูเหมือนอยากจะร้องไห้แต่ก็ยังไม่กล้าส่งเสียง ยังดีที่พวกเขาไม่ขย้ำใส่รุนแรงเกินไปจนเจ็บปวด ซึ่งคงเป็นเพราะกลัวจะฝากริ้วรอยปื้นแดงเอาไว้บนผิวขาวละลานตา กระนั้นร่างกายของคนไม่ใช่ก้อนหินไร้ความรู้สึก ถึงแม้จิตใจจะต่อต้าน แต่ร่างกายกลับตอบสนองขึ้นมาทีละน้อย

“อืออออ …”

กานต์เริ่มส่งเสียงครางออกมาอย่างสุดกลั้น ลีลาเล้าโลมของชายหื่นทั้งสามทำให้ร่างกายของเธอเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมา ปลายถันสีชมพูอ่อนก็ตอบสนองด้วยการแข็งเต่งขึ้นมาเป็นเม็ด ยิ่งโดนนิ้วสะกิดเขี่ยบดบี้สลับไปมาไม่หยุดอารมณ์ของเธอก็เริ่มตื่นขึ้นมา เธอกำลังรู้สึกเสียวซ่านไปกับการโดนปลุกปล้ำจากชายแปลกหน้า

เหล่าชายหื่นยิ่งมายิ่งรุกล้ำหนักขึ้น มือของใครก็ไม่ทราบวางแหมะลงไปบนท่อนขาขาวแล้วลูบลากไล้ไปมา ก่อนจะถลกชายกระโปรงนักศึกษาขึ้นแล้วตะปบมือลงไปบนเนินสาวโหนกนูน กานต์ตัวกระตุกเฮือกแทบจะส่งเสียงหวีดออกมา แต่ก็ยังเก็บไว้ได้ทัน

“อือออ … อือออ …. อืออออ …”

เสียงครางของกานต์ดังขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยไม่อาจเก็บได้อยู่ ฝ่ามือหยาบกร้านหกข้างแย่งกันลูบไล้ขยี้ไปทั่วเนื้อตัวโดยไม่ปราณีปราศัย สองเต้าโดนเคล้นคลึงแผ่วเบาสลับกับหนักขึ้นเล็กน้อย มือข้างหนึ่งนั้นลูบบนปรางแก้มและไล้ไปตามริมฝีปากทำท่าเหมือนจะแหย่เข้าไปในโพรงปาก แต่ที่ร้ายกาจที่สุดคงเป็นฝ่ามือที่เกาะกุมบนเนินสาว มันบดขยี้สร้างความเสียวซ่านอันปั่นป่วนให้จนร่องสาวฉ่ำชื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

กานต์ทั้งเสียวซ่านและอดสูจนอยากจะร้องไห้ แต่สะโพกของเธอนั้นกำลังเด้งกระตุกรับความซาบซ่านเป็นจังหวะ เธอเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าหากชายทั้งสามคิดจะสอดใส่ยัดเยียดความเป็นสามีเข้ามาในร่างของจริง ๆ เธอจะมีเรี่ยวแรงขัดขืนหรือไม่ และตอนนี้มือของใครคนหนึ่งก็เริ่มล้วงมุดเข้ามาในกางเกงในและแหย่นิ้วแยงบุกเข้าไปในจุดยุทธศาสตร์สำคัญแล้ว

นักศึกษาสาวตัวกระตุกเฮือกเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมรุกล้ำเข้าไปในร่องสาว ร่างกายของเธอตอบสนองด้วยการตอดตุบและหลั่งน้ำหล่อลื่นออกมาจนเปียกชุ่มยิ่งกว่าเดิม ใบหน้าของเธอเริ่มแดงก่ำ ลมหายใจกลายเป็นเร่งร้อน เธอกำลังเต็มไปด้วยอารมณ์และความต้องการทางเพศ

หากกานต์ลืมตาขึ้นมาตอนนี้เธออาจจะต้องตกใจ นั่นเพราะชายทั้งสามที่ลวนลามเนื้อตัวเธออยู่นั้นกำลังหื่นกระหายกลัดมันจนถึงขีดสุด แต่ดูเหมือนว่าความยำเกรงต่อเจ้านายจะยังมากกว่า พวกเขาจึงไม่ได้กระทำเกินเลย แต่ก็เริ่มล้วงควักเอาแก่นกายขึ้นมารูดด้วยมือข้างหนึ่ง ในขณะที่มืออีกข้างนั้นลูบไล้ไปตามเนื้อตัวขาวโพลน

เสียงหอบครางของกานต์และสามชายหื่นยิ่งมายิ่งดังขึ้น แก่นกายโดนมือหยาบรูดถอกรวดเร็วถี่ยิบด้วยต้องการปลดเปลื้องอารมณ์ใคร่ ไม่นานนักชายคนหนึ่งก็สูดปากตัวเกร็งส่งเสียงครางสุดเสียว เขาบีบขยำเต้านมข้างหนึ่งของกานต์สุดแรงฝากรอยแดงจ้ำจนเธอตัวกระตุก ก่อนจะแอ่นตัวปลดปล่อยน้ำกามพุ่งปรี๊ดลงไปบนพื้นห้องเป็นหย่อมใหญ่

ชายอีกคนนั้นก็ใกล้จะเสร็จสมเช่นกัน เขาใช้นิ้วแหย่แยงในโพรงสาวที่ตอดรัวถี่ยิบ ก่อนจะส่งเสียงครางตัวเกร็ง ระเบิดน้ำกามกระฉูดลงไปนองบนพื้นห้องอีกหนึ่งหย่อมใหญ่ ตามด้วยชายคนที่สามซึ่งปลดปล่อยความใคร่ลงไปบนพื้นห้องเช่นกัน

เหล่าชายหื่นเมื่อเสร็จสมก็ยืนหอบหายใจพักเหนื่อย ดวงตาหื่นกระหายของพวกเขาจับจ้องมองดูเรือนร่างงามแทบไม่กระพริบ แน่นอนว่าพวกเขาย่อมต้องการมากกว่านี้ แต่สุดท้ายก็ยังกัดฟันจัดเสื้อและกระโปรงนักศึกษาของกานต์ให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยเช่นเดิม เพราะเสียงวิทยุดังขึ้นมาว่ารถมาถึงแล้ว

ชายหื่นทั้งสามเสร็จสมไปแล้ว หากแต่กานต์นั้นกลับอารมณ์ค้างเติ่ง ถึงแม้จะไม่ยินยอมพร้อมใจ แต่เธอก็โดนกระตุ้นจนมีอารมณ์ร่วมขึ้นมาแล้ว ตอนนี้เธอจึงไม่ทราบว่าตัวเองกำลังโล่งใจหรือกำลังเสียดายกันแน่ที่ไม่โดนคนพวกนี้ข่มขืน

ระหว่างที่อารมณ์ปั่นป่วนนั้น กานต์ก็รู้สึกว่าเธอโดนอุ้มไปวางในกล่องเล็กแคบ จากนั้นก็มีร่างของใครอีกคนวางลงมาเบียดเสียดด้วยกัน กานต์แอบปรือตามองดูแต่ก็ไม่เห็นอะไรเพราะโดนปิดฝากล่องจนมืดสนิท แต่เธอก็เดาได้จากสัมผัสนุ่มนิ่มว่าน่าจะเป็นอรอนงค์ แต่คำถามสำคัญตอนนี้ก็คือ พวกเขาจะพาเธอไปที่ไหน และจะพาพวกเธอไปทำอะไร

………………………………..

“พี่อาร์ตจะไปธุระที่ไหนคะ ให้เบลล์ไปด้วยได้หรือเปล่า หนูจะไปนั่งรอเงียบ ๆ ไม่รบกวนพี่แน่นอน รับรองได้เลย”

เบลล์ สาวน้อยในชุดนักเรียนส่งเสียงออดอ้อนขณะนั่งกอดแขนของชายหนุ่มแนบกับทรวงอกนุ่มนิ่มขนาดพอดีมือ ตอนนี้เธอกำลังนั่งอยู่ในรถแท็กซี่กับอาร์ตเพื่อเดินทางกลับบ้าน ก่อนหน้านี้เธอเพิ่งเสียสาวให้กับอาร์ตและบอล และเธอก็เริ่มหลงใหลในรสรักที่อาร์ตมอบให้เข้าอย่างจัง

การเสียตัวให้บอลนั้นเบลล์ไม่ได้ยินยอมพร้อมใจเต็มที่ เธอก็แค่เผลอปล่อยตัวไปตามอารมณ์ หลังจากเสร็จนายบอลเธอจึงพยายามอ้อนหาอาร์ต น่าเสียดายที่เขาบอกว่ามีเรื่องสำคัญต้องไปทำ และต้องออกไปทันที เขาบอกเบลล์ว่าหากเธอจะนอนพักในห้องของบอลไปก่อนก็ได้

แน่นอนว่าเบลล์ย่อมปฏิเสธ เธอแน่ใจว่าหากทำเช่นนั้นเธอคงต้องโดนนายบอลปล้ำอีกอย่างแน่นอน เบลล์จึงรีบอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวแล้วตามอาร์ตออกมา ยังดีที่เขาบอกว่าจะมาส่งเธอกลับบ้านก่อน เธอจึงยังมีเวลาได้ใกล้ชิดกับผู้ชายคนแรกของเธออยู่บ้าง

“ไปไม่ได้หรอก เอาไว้ค่อยนัดเจอกันวันหลังดีกว่า”

“ว้า เสียดายจัง … งั้นคืนนี้ดึก ๆ พี่สะดวกหรือเปล่าคะ หนูจะแอบออกมา หรือว่าพรุ่งนี้เช้าก็ได้หนูจะโดดเรียน พี่พักที่ไหนหนูจะไปหาเอง”

เบลล์ส่งเสียงบ่นอุบด้วยความเสียดาย จากนั้นเธอก็ส่งเสียงออดอ้อนเหมือนลูกแมวน้อยน่ารักตามแบบฉบับของเธอ เบลล์นั้นเป็นสาวน้อยขี้อ้อนมาแต่ไหนแต่ไร ปกติแล้วเธอจะอ้อนใส่ดาริกา แต่มาวันนี้เธอเปลี่ยนเป็นอ้อนใส่อาร์ตก็เท่านั้น

“เบลล์นี่ขี้อ้อนจังนะ แต่ว่าคืนนี้ยังไม่สะดวกหรอก พรุ่งก็ต้องไปทำงานด้วย เอาไว้ค่อยนัดกันใหม่ดีกว่า ยังไงก็มีเบอร์โทรกับไลน์แล้วนี่”

อาร์ตยิ้มน้อย ๆ ให้เบลล์ แล้วหันไปทำท่าหัวเราะกับคนขับรถแท็กซี่ อาร์ตรู้ดีว่าประโยคสนทนาของสาวน้อยท่าทางบอบบางในชุดนักเรียนกับหนุ่มหล่อในชุดยามนั้นทำให้คนขับแท็กซี่แอบชำเลืองมองด้วยความสนใจมานานแล้ว

“อือ … ก็หนูอยากอยู่กับพี่อาร์ตนี่นา … งั้นพี่ทำงานที่ไหน หนูจะไปอยู่เป็นเพื่อน”

“ฮ่า ฮ่า ถ้าเบลล์ไปอยู่ด้วยคงไม่ได้ทำงานทำการกันพอดี คงได้แอบพาเบลล์ไปขึ้นเตียงทั้งวัน”

“พี่อ่ะ แล้วตกลงพี่ทำงานอะไร ที่ไหนคะ”

เบลล์แสดงท่าทีขัดเขินพึงพอใจในคำพูดของเขา เธอชำเลืองมองคนขับแท็กซี่ที่มองเธอผ่านกระจกมองหลังแวบหนึ่ง ก่อนจะขยับเบียดกอดกระแซะใส่ร่างแข็งแรงของชายหนุ่มจนแนบแน่นกว่าเดิม

“ทำงานอะไรเหรอ ก็ทำงานเป็นยามน่ะซิ เคยบอกแล้วนี่”

“… จริงอ้ะ หนูนึกว่าพี่พูดเล่นสนุก ๆ”

“เอ้า ก็ใส่ชุดยามอยู่นี่ไง หรือจะให้ไปขับแท็กซี่เหมือนพี่คนนี้”เบลล์ชะงักอึ้งไปวูบหนึ่ง เธอแทบไม่อยากเชื่อว่าอาร์ตทำงานเป็นยาม เพราะว่าลักษณะท่าทางของเขานั้นไม่ใช่เลยแม้แต่น้อย หากจะบอกว่านายบอลป่าเถื่อนคนนั้นทำงานเป็นยามยังดูจะเหมาะกว่า

“พี่อาร์ตพูดจริงเหรอ อย่าล้อเล่นซิ”

“เปล่า ไม่ได้ล้อเล่น”

สาวน้อยกระพริบตาปริบ ๆ มองดูอาร์ตพยายามมองหาความจริง เธอหลงเสน่ห์ของอาร์ตก็จริง แต่พอตระหนักว่าเขาทำงานเป็นยาม แววตาของเธอก็มีความรู้สึกผิดหวังอับอายแสดงออกมาวูบหนึ่ง แม้แต่วงแขนที่กอดกระชับก็คลายจนหลวมออกเล็กน้อย และอาการเหล่านี้อาร์ตเองก็เหมือนจะมองออก

“เป็นไง เริ่มอายที่จะมีแฟนเป็นยามหรือไง”

“… เปล่าค่ะ ก็แค่ไม่อยากเชื่อเฉย ๆ”

เบลล์ส่งเสียงปฏิเสธเสียงอ่อน หากทว่าเธอทราบดีว่าตัวเองกำลังโกหก เธอรู้สึกผิดหวังและอายจริง ๆ เมื่อทราบว่าผู้ชายคนแรกของเธอเป็นแค่ยามธรรมดาคนหนึ่ง

“ไม่ต้องพูดฝืนความรู้สึกตัวเองหรอก พี่ก็บอกแล้วไงว่าพวกเรายังไม่ควรคบกันเป็นแฟน คำว่าแฟนมันต้องมีความรักต่อกัน แต่พวกเราแทบไม่รู้จักกันเลย ถึงจะมีอะไรกันแล้ว มันก็เป็นแค่ส่วนเล็ก ๆ ของชีวิต”

“… แล้วพวกเราเป็นอะไรกันคะ”

“เรื่องนี้ยังตอบไม่ได้หรอก เพราะต้องใช้เวลา แต่ที่แน่ ๆ ก็คือไม่ใช่แฟน หรือคนรัก”

“แฟนของพี่คือดาเหรอคะ”

น้ำเสียงของเบลล์เริ่มมีความคับข้องใจหลุดออกมา เธอยังสับสนในความสัมพันธ์ของตัวเองกับอาร์ต ต่อมาเมื่อนึกไปว่าดาริกาคือแฟนของอาร์ต เบลล์ก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดหึงหวง เพียงแต่ความหึงหวงในครั้งนี้กลับเปลี่ยนไปอีกขั้วหนึ่ง ก่อนหน้านี้เธอหึงหวงดาริกาและคิดเล่นงานอาร์ต แต่แค่เวลาผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงเธอกลับรู้สึกหวงอาร์ต จนพาลโกรธดาริกาขึ้นมาแทน

“ดาก็ไม่ใช่แฟนหรอก พวกเราเพิ่งจะรู้จักกันวันนี้เอง พวกเราเป็นแค่กิ๊กกัน”

“เพิ่งรู้จักกันวันนี้? แต่ว่าพี่กับดาสนิทกันมากขนาดนั้น”

“เบลล์แอบตามดูตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ใช่แล้วพวกเราสนิทกันพอควร เพราะว่ามีอะไรกันแล้วโดยไม่ได้ตั้งใจ ดากับเบลล์ก็คล้ายกันนี่แหละ อยู่ดี ๆ ก็มีสามีกันแบบไม่รู้ตัว”

อาร์ตตอบแบบขำ ๆ ส่วนเบลล์นั้นลืมตาโตด้วยความตื่นเต้นสงสัย เธอนึกไม่ออกจริง ๆ ว่าเรื่องราวเป็นยังไง แต่ในใจนั้นรู้สึกดีลึก ๆ เมื่อได้รู้ว่าที่แท้แล้วดาริกาก็ไม่ใช่แฟนกับพี่อาร์ต นอกจากนี้ทั้งคู่ก็ยังเพิ่งมีสัมพันธ์สวาทกันก่อนหน้าเธอแค่ไม่ถึงวัน กระนั้นเมื่อคิดย้อนไปว่าพี่อาร์ตเป็นแค่ยามคนหนึ่ง ความรู้สึกของเบลล์ก็กลายเป็นวุ่นวายสับสนจนบอกไม่ถูก

“… งั้นเบลล์จะเป็นกิ๊กกับพี่อาร์ตเหมือนดาก็ได้”

“แล้วแต่นะ เบลล์ลองทำความเข้าใจตัวเองให้ดี ถ้าเบลล์ยังชอบผู้หญิงด้วยกันจะคบกับดาต่อก็ได้ อ๊ะ ถึงแล้วใช่หรือเปล่า เบลล์ลงเลยเดี๋ยวพี่นั่งรถไปต่อ”

รถแท็กซี่จอดที่หน้าบ้านขนาดใหญ่หลังหนึ่ง เบลล์นั่งนิ่งด้วยความสับสนไปวูบใหญ่ ก่อนจะขยับตัวหอมแก้มอาร์ตด้วยท่าทางเหมือนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอเดินโซเซเข้าไปในบ้านพลางคิดทบทวนตัวเอง ที่แท้แล้วเธอต้องการอะไรกันแน่

“ไอ้น้องสุดยอดว่ะ ขอโทษที่แอบฟังนะ แต่นังหนูคนนี้เป็นทอมหรือเปล่า นอกจากสวยแล้วบ้านยังใหญ่โตน่าดู ท่าทางเหมือนลูกคุณหนู แล้วเอ็งก็ฟันคู่ทอมดี้เลยเหรอวะ อีกคนเป็นไงสวยเหมือนคนนี้หรือเปล่า”

เมื่อรถแท็กซี่ออกตัวอีกครั้ง คนขับที่คันปากมานานก็เปิดบทสนทนาด้วยความตื่นเต้น ก่อนหน้านี้มีสาวน้อยอยู่ด้วยจึงไม่สะดวกที่จะถามเรื่องลามก แต่เมื่อเป็นผู้ชายด้วยกันและเห็นว่าอาร์ตทำงานเป็นยาม คนขับรถจึงรู้สึกอิจฉาเลื่อมใสและอยากรู้เรื่องราวขึ้นมา

“ประมาณนั้นครับลุง เด็กสาวคนนี้ชื่อเบลล์ เธอชอบผู้หญิงด้วยกัน แต่เพิ่งโดนผมจัดการไปเมื่อกลางวันจนติดแจ”

“เจ๋งว่ะไอ้น้อง แล้วเอ็งทำยังไงถึงได้แม่หนูสุดสวยคนนี้ได้”

“อันนี้เป็นเทคนิคส่วนตัวบอกกันยากครับ แต่ว่าอีกคนสวยกว่าคนนี้อีก เบลล์ยังถือว่าสวยระดับธรรมดา”

“เฮ้ย สวยกว่านี้อีกเรอะ ข้าว่าเด็กคนนี้ก็สวยมากแล้วนะ เป็นดาราสบายเลย”

“มีซิครับ เอาแบบนี้ ถ้าลุงไม่คิดค่าโดยสาร ผมจะให้ลุงดูคลิปของสองสาวเอาหรือเปล่า”

อาร์ตพูดด้วยท่าทางสนุกสนาน ในขณะที่ลุงคนขับรถตาลุกวาว คนขับหันไปมองตัวเลขมิเตอร์เหมือนพยายามชั่งใจวูบหนึ่ง ค่าโดยสารทั้งหมดนั้นน่าจะราวสามร้อยกว่าบาทซึ่งนั่นนับว่าไม่น้อย แต่ว่าถ้าเทียบกับการได้ดูคลิปของสองสาวแล้วก็ยังรู้สึกว่าคุ้มค่า

“เอ็งมันร้ายว่ะ เอา ๆ ก็ได้ ข้าไม่คิดค่าโดยสารก็ได้ แต่ขอจอดดูสักหน่อย จะได้ไม่ขับไปชนคนอื่นเข้า”

เมื่อตัดสินใจแล้ว คนขับรถก็ตัดสินใจเบี่ยงรถเข้าข้างทางเพื่อจอดทันที อาร์ตหัวเราะก่อนจะเปิดประตูด้านหลังลงจากรถ แล้วขยับขึ้นไปนั่งด้านหน้า เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดให้ดูภาพเคลื่อนจนคนขับรถตาลุกวาวด้วยความหื่นกระหาย ภาพในนั้นคือเบลล์สาวน้อยที่เพิ่งลงจากรถไปอย่างไม่ต้องสงสัย

เบลล์กำลังดิ้นพล่านส่งเสียงร้องครางกระเส่าในจอภาพ สาวน้อยร่างบางโดนกระแทกกระทั้นจนกลีบงามพลิกปลิ้นไปมา และชายที่กำลังเสพเรือนร่างหอมหวานนั้นก็คือนายอาร์ตคนนี้ ภาพร้อนแรงที่เห็นทำให้ลุงคนขับกลืนน้ำลายดังอึกติดต่อกัน เป้ากางเกงตุงโด่ขึ้นมาเป็นลำ

“ส่วนคนนี้ชื่อดาริกา ผมเพิ่งจัดการไปเมื่อเช้า”

หลังจากคลิปแรกจบสิ้น อาร์ตก็เปิดคลิปอันถัดมา คราวนี้สาวน้อยไม่ใช่เบลล์อีกแล้ว หากแต่เป็นสาวผมสั้นอีกคนที่สวยน่ารักมีเสน่ห์กว่า ความสวยเหมือนนางฟ้าตัวน้อยนั้นทำให้คนขับรถลืมตาโตแทบลืมหายใจ สาวน้อยคนหลังนี้มีเสน่ห์มากกว่าสาวน้อยคนแรกจริง ๆ อีกทั้งยังมีลีลารักที่เร่าร้อนรุนแรงยิ่งกว่า

คนขับรถเขม็งตามองดูดาริกานางฟ้าตัวน้อยดิ้นพล่าน ชายหนุ่มที่โถมขย่มกระแทกใส่นั้นก็คือนายอาร์ตคนนี้ และนั่นทำให้ลุงคนขับยิ่งรู้สึกอิจฉาเลื่อมใสยามหนุ่มแทบบ้า มีแค่เบลล์คนเดียวก็น่าอิจฉาแย่แล้ว แต่นี่กลับยังมีนางฟ้าตัวน้อยอย่างดาริกาอีกหนึ่งคน

“จบแล้วครับ คนหลังสวยกว่าคนแรกใช่หรือเปล่าล่ะ”

“จริงด้วย สุดยอดไปเลยไอ้น้อง โคตรน่าอิจฉา ข้าขอยกนิ้วให้ ขอบใจที่ให้ลุงได้ดูของดี เออ แล้วตกลงจะไปไหนต่อไอ้น้อง ลุงดูเพลินจนลืมเลย อ้าวแล้วนั่นรถตู้สีดำของใครมาจอดดักหน้า”

“ไม่ต้องขอบใจหรอกครับ ผมเองก็อยากอวดตามประสาผู้ชาย แล้วลุงเองก็มารยาทดีผมเลยยอมให้ลุงดู … แต่เดี๋ยวลุงไม่ต้องส่งผมแล้วล่ะครับ รถตู้มารอรับผมแล้วคันข้างหน้านั่นแหละ”

“อ้าว มารับเอ็งเรอะ … เออ ก็ดี งั้นเอ็งก็ไปเถอะ ค่าโดยสารไม่ต้องจ่าย ไปเลยขอให้โชคดี ว่าแต่เอ็งจะไปหานังหนูนางฟ้าคนนั้นหรือเปล่า”

“ฮ่า ฮ่า เปล่าหรอกครับ แต่จริง ๆ ผมกำลังจะไปหาพี่สาวของนางฟ้าคนนั้นต่างหาก เธอสวยไม่แพ้กันเลยล่ะ แต่เป็นสาวมหาลัยแล้ว แถมบนรถยังมีสาวมหาลัยที่แส่หาเรื่องใส่ตัวอยู่ด้วยอีกคน ลาล่ะครับลุง อันนี้ไม่ใช่ค่าโดยสารนะ ถือเป็นทิปก็แล้วกัน ผมอยากให้ลุง”

อาร์ตพูดพลางหัวเราะ เขาหยิบยื่นอะไรบางอย่างให้กับลุงคนขับ แต่ลุงคนขับยังไม่ทันได้ดูว่าคืออะไร เพราะกำลังหัวสมองพองโตกับประโยคที่ได้ยิน พี่สาวของนางฟ้าตัวน้อยที่สวยไม่แพ้กันแต่เป็นเด็กมหาลัย แถมยังมีสาวมหาลัยที่แส่หาเรื่องอีกคนบนรถตู้คันนั้น

ลุงคนขับยิ่งคิดก็ยิ่งสับสนต่อเรื่องราว กระทั่งเมื่อเห็นชายหนุ่มเดินขึ้นไปบนรถตู้สีดำแล้วหายลับไปจากสายตาก็ยังเชื่อมโยงเรื่องราวไม่ได้ สุดท้ายลุงคนขับจึงสะบัดหน้าไล่ความคิดอันสับสนเตรียมตัวขับรถแท็กซี่ไปหาเงินใช้ต่อ ตอนนี้เขาจึงค่อยพบว่าในมือซ้ายมีอะไรบางอย่างที่หนุ่มหล่อคนนั้นยื่นให้

เมื่อคลี่กางออกมาดู ดวงตาของลุงคนขับรถก็เบิกกว้างด้วยความแตกตื่น เขารีบเงยหน้ามองดูไปยังทิศทางที่รถตู้สีดำหายไป ก่อนจะก้มลงมองดูสิ่งของในมือซ้ายสลับไปมาเหมือนไม่อยากจะเชื่อ

กว่าจะปรับสติอารมณ์ได้ ลุงคนขับก็ยกมือขึ้นพนมแล้วกล่าวขอบคุณ ตอนนี้เขาทราบแล้วว่าหนุ่มหล่อคนนั้นไม่มีทางเป็นยามธรรมดาเด็ดขาด นั่นเพราะในมือซ้ายของเขานั้นมีธนบัตรใบละพันบาทอยู่ปึกใหญ่ นับรวมกันแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าหนึ่งหมื่นบาท

Share the Post:

Related Posts

ครูคะ ไหนบอกจะหางานพิเศษให้หนูทำไง?

เรื่องเสียว ครูคะ ไหนบอกจะหางานพิเศษให้หนูทำไง? บางครั้งคนเราก็ไม่มีทางเลือกให้ชีวิตมากนัก เรื่องที่เกิดกับหนูก็เหมือนกัน เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น เวลาคิดถึงก็เสียวขึ้นมาทุกที แม้ว่าอีกใจหนึ่งจะรู้สึกผิดที่แอบไปมีเพศสัมพันธ์กับครู ถึงจะเกิดจากความเต็มใจหรือไม่ก็ตาม ไปฟังกันดีกว่าค่ะ บอกไว้ก่อนเลยว่าเรื่องนี้เสียวมากๆ อย่าเผลอชักว่าวเสร็จก่อนจะอ่านจบนะคะ หนูชื่อพลอยค่ะ เรียนอยู่ ม.5 แล้ว กำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่หนูไม่ได้มีครอบครัวที่รวยอะไรมากมายค่ะ ทุกครั้งที่ปิดเทอมจะออกไปหางานทำตลอด ส่วนมากก็จะเป็นเด็กเสิร์ฟบ้าง

Read More

เป็นชู้กับผัวป้า

เรื่องเสียว เป็นชู้กับผัวป้า สวัสดีค่ะ ชื่อเปรี้ยวนะคะ เปรี้ยวเป็นเด็กวัยรุ่น อายุประมาณ 20 ต้นๆ กำลังแตกเนื้อสาว เปรี้ยวเป็นคนนมใหญ่มาก เวลาไปไหนผู้ชายส่วนใหญ่ชอบหยุดมองนม มองอยู่นานสองนานจนเมียเขาต้องดึงมือออกไป เปรี้ยวอาศัยอยู่กับป้า ในบ้านมีอยู่กัน 3 มีเปรี้ยว ป้า และผัวป้า ส่วนลูกสาวของป้าส่งไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เล็กๆ ป้าเพิ่งจะอายุ

Read More