แก้วกานดา ตอนที่ 21 – กำราบ

แก้วกานดา ตอนที่ 21 – กำราบ

แก้วกานดา ตอนที่ 21 – กำราบ

       “กรี๊ดดดดด ใครมัดชั้นไว้ ที่นี่ที่ไหน ปล่อยชั้นนะ ถ้าหลุดไปได้จะแจ้งตำรวจมาจับพวกมึงไปให้หมดเลย ปล่อยนะไอ้พวกบ้า ไอ้พวกคนเลว กรี๊ดดดดดด ช่วยด้วย”

อรอนงค์ ส่งเสียงหวีดร้องด่าทอออกมาสุดเสียงพร้อมกับพยายามออกแรงดิ้นสะบัดตัวไปมาบนฟูกนุ่ม ใบหน้าสวยที่มีผ้าสีดำปิดตาเอาไว้นั้นซีดขาวและเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

เธอเพิ่งรู้สึกตัวและมีแต่ความสับสนหวาดกลัวไม่เข้าใจเรื่องราว เธอทราบแค่ว่าเธอโดนปิดตาเอาไว้จนมองอะไรไม่เห็น เธอโดนจับมัดมือสองข้างรวบมัดไว้อย่างแน่นหนา ทำให้ไม่สามารถพลิกหมุนตัวหรือขยับลุกได้ ถึงแม้ว่าลำตัวและสองขาไม่โดนมัดไว้แต่ก็ทำได้แค่ขยับขาหรือเด้งยกสะโพกได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

เรื่องเสียว อ่านเรื่องเสียว เล่าเรื่องเสียว ประสบการณ์เสียว เรื่องเล่าเสียว เล่าเสียว อ่านเสียว เรื่องเสียวแม่ลูก doujin sak รวมเรื่องเสียว

 “กรี๊ดดดดดดด ปล่อยนะ … ใครก็ได้ช่วยด้วย กรี๊ดดดดดด …ช่วยด้วย … ใครก็ได้ช่วยด้วย กรี๊ดดด … ช่วยด้วย …”

เสียงหวีดร้องบาดหูดังออกมาจากริมฝีปากบางอย่างต่อเนื่อง แต่ว่าร่ำร้องไปเท่าไหร่ก็ยังไม่มีใครตอบสนอง อนงค์จึงยิ่งร้อนรนหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม เธอพยายามนึกทบทวนเรื่องราว แต่ก็นึกไม่ออกว่าใครทำอะไรกับตนเอง เรื่องที่จำได้ล่าสุดคือเธอเข้าไปในห้องควบคุมระบบกล้องรักษาความปลอดภัยเท่านั้น

“เงียบ …”

ระหว่างที่อนงค์กำลังร่ำร้องและดิ้นรนขืนตัวอยู่นั้น อะไรบางอย่างก็คร่อมทับลงบนร่างของเธอตรงแถวสะโพก จากนั้นเสียงแปร่ง ๆ พิลึกหูคล้ายแกล้งดัดของชายคนหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นมา

“พวกแก พวกแกเป็นใคร จะทำอะไร ปล่อยกูไปนะ ไอ้พวกบ้า ไอ้พวกยามชั้นต่ำ ไม่งั้นมีเรื่องแน่ ๆ ปล่อยกูนะ”

อนงค์ซึ่งแตกตื่นหวาดกลัวอยู่แล้วเมื่อทราบว่ามีผู้ชายคร่อมทับบนร่างยิ่งแตกตื่นไปกว่าเดิม เธอส่งเสียงด่าทอหยาบคายด้วยความรังเกียจขยะแขยง ตอนนี้เธอเข้าใจว่าอีกฝ่ายคือยามที่โปะยาสลบใส่เธอ หรืออย่างน้อยก็ต้องเป็นพวกเดียวกัน พร้อมกันนั้นเธอยังพยายามเด้งตัวแต่น้ำหนักที่กดลงมาทำให้สะโพกขยับไม่ได้เลยสักนิด มีแต่เพียงสองขาที่ยังพอสามารถขยับยกไปมาได้อยู่บ้าง

“1 … 2 …”

ท่ามกลางเสียงด่าทออันเกรี้ยวกราดของอนงค์ ชายคนนั้นไม่ได้ตอบและไม่ได้ลงมือทำอะไร เขาเพียงนับหนึ่งนับสองอย่างเชื่องช้าทั้งไม่ดังเกินไปและไม่ค่อยเกินไป อนงค์ได้ยินเสียงนับของเขาหากแต่ไม่สนใจฟัง เธอยังคงส่งเสียงด่าทอต่อไปไม่หยุด

“กรี๊ดดดดด … อุ๊บบบบบ …”

อย่างไรก็ตามเมื่อชายคนนั้นนับถึงเลขสาม เสียงของอนงค์ก็ชะงักเงียบหายไปในทันที อนงค์เองก็ไม่ทราบว่าเขาทำอะไร เธอรู้สึกแค่ว่ามีอะไรบางอย่างปิดแนบลงมาบนจมูกและปาก สัมผัสนั้นบ่งบอกว่ามันคล้ายกับแผ่นพลาสติกหยุ่นยืดธรรมดาทั่วไป แต่ที่ไม่ธรรมดาก็คือแผ่นพลาสติกนั้นปิดทับจมูกและปากทำให้เธอหายใจหายคอไม่ออกเลยสักนิด

ดวงตาที่โดนผ้าผูกปิดไว้กลายเป็นเบิกกว้างด้วยความแตกตื่น แรกทีเดียวอนงค์ยังไม่ทันรู้สึกอะไร แต่แค่ครู่เดียวเธอก็เริ่มตัวเกร็งอ้าปากกว้างพยายามสูดอากาศเข้าปอด กระนั้นแผ่นพลาสติกที่ปิดทั้งจมูกและปากเอาไว้กลับปิดผนึกเอาไว้อย่างแน่นหนาจนไม่สามารถสูดอากาศได้เลยสักนิด

ร่างบางในชุดนักศึกษากระตุกเกร็งด้วยรู้สึกถึงวิกฤตการณ์ เธอพยายามสะบัดใบหน้าไปมาเพื่อควานหาอากาศหายใจ สองแขนขืนเกร็งพยายามให้หลุดจากพันธนาการ สองขาพยายามถีบตัวเด้งสะโพกอย่างบ้าคลั่ง กระนั้นทุกการกระทำของเธอกลับไร้ประโยชน์ เธอยังคงไม่สามารถสูดหาอากาศเข้าไปในปอดได้เลยแม้สักเฮือกเดียว

หากจะบอกว่านี่คือช่วงเวลาที่อนงค์รู้สึกหวาดกลัวที่สุดในชีวิตก็คงไม่ผิด ช่วงเวลานี้คือช่วงที่เธอรู้สึกใกล้ชิดกับความตายมากที่สุด เธอเพิ่งทราบว่าการขาดอากาศนั้นช่างทรมานแสนสาหัส ปอดของเธอร้อนผ่าวราวกับจะระเบิด ร่างกายนั้นบิดเกร็งกระตุกจนสั่นระริก เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังใกล้จะตายอยู่รอมร่อ

“ฮ้า ….”

อย่างไรก็ตามเมื่อร่างกายของเธอใกล้จะถึงขีดจำกัด แผ่นพลาสติกที่ปิดจมูกและปากก็โดนกระชากออกไป อนงค์รีบสูดเอาอากาศแสนหอมหวานเข้าไปในปอด เธอพ่นลมหายใจร้อนผ่าว ออกมา ก่อนจะสูดอากาศระลอกใหม่เข้าออกซ้ำไปซ้ำมา ทรวงอกอิ่มเด้งสะท้านขึ้นลงพร้อมกับเสียงหอบเหนื่อย เธอไม่เคยรู้เลยว่าการมีอากาศหายใจนั้นช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน

“ปล่อย … ปล่อยกูนะ … ไอ้พวกบ้า ไอ้พวกสัตว์นรก ปล่อยกู กรี๊ดดด …”

เมื่อได้อากาศเข้าปอด อนงค์ก็เริ่มส่งเสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง และครั้งนี้ก็เป็นเหมือนเช่นก่อนหน้า ชายคนนั้นส่งเสียงบอกให้เธอเงียบเบา ๆ ก่อนจะเริ่มนับหนึ่งใหม่ อนงค์ซึ่งกำลังอยู่ในอารมณ์แตกตื่นย่อมไม่ยอมหยุดกรีดร้อง และเมื่อโดนนับถึงสามปากและจมูกของอนงค์ก็โดนปิดผนึกอีกครั้ง

อนงค์อ้าปากค้างตัวเกร็งด้วยขาดอากาศเป็นรอบที่สอง เธอดิ้นกระตุกเฮือกสุดชีวิตในห้วงของความเป็นความตาย จนกระทั่งเมื่อใกล้ถึงขีดจำกัด เขาจึงค่อยกระชากเอาแผ่นพลาสติกออกเพื่อปล่อยให้เธอหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอดอีกครั้ง

นักศึกษาสาวรีบหอบหายใจเข้าปอดก่อนจะส่งเสียงกรีดร้องอีกครั้ง และคราวนี้เธอก็โดนปิดปากและจมูกเป็นรอบที่สาม ปอดของเธอร้อนผ่าวเหมือนจะแตกระเบิด กว่าเขาจะยอมปล่อยให้เธอหายใจสติของเธอก็แทบหลุดลอยหายไป

อนงค์รู้สึกเหมือนเพิ่งเฉียดผ่านความตายไปสามครั้งติดกัน แต่คราวนี้เมื่อตั้งตัวได้เธอก็ไม่กล้าส่งเสียงกรีดร้องออกมาอีก เธอแค่เพียงอ้าปากทำท่าจะส่งเสียงร้อง แต่ก็รีบขบเม้มริมฝีปากที่สั่นระริกเข้าหากันแน่นด้วยความหวาดกลัว เธอไม่คิดอยากจะโดนปิดปากปิดจมูกอีกเป็นรอบที่สี่ เธอหวาดกลัวความรู้สึกอันแสนทรมานนั้น

“เด็กดี เงียบแบบนี้แหละดีแล้ว … เธอชื่ออะไร”

ชายคนนั้นส่งเสียงแปร่ง ๆ ถามทำลายความเงียบ อนงค์หอบหายใจหนักหน่วงด้วยความสับสนหวาดกลัว เธอได้เรียนรู้แล้วว่าเธอต้องทำตามคำสั่งของชายคนนี้ ไม่ว่าเขาจะเป็นใครหรือต้องการอะไรก็ตาม หากเธอไม่ทำตาม เธอก็จะต้องเจอกับบทลงโทษอันโหดร้ายนั้น

“เธอชื่ออะไรคนสวย … อื้อหือ นมเนื้อแน่นเต็มไม้เต็มมือดีจริงเชียว คัพดีหรือเปล่านี่”

เขาส่งเสียงถามอีกครั้งเพราะอนงค์ยังคงนิ่งเงียบตั้งสติ แต่คราวนี้เขาไม่ถามเฉย ๆ สองมือของเขาถือวิสาสะตะปบลงไปคว้าหมับบนทรวงอกอวบทั้งสองข้างจากด้านนอกเสื้อนักศึกษา ก่อนจะบีบขยำเคล้นคลึงเสพสัมผัสความอวบหยุ่นเต่งตึงของเนื้อสาว

“กรี๊ดดดด ไอ้สัตว์นรก ห้ามแตะนะ ไอ้ยามชั้นต่ำ ไอ้ … อุ๊บบบ …”

เมื่อโดนลวนลามถึงเพียงนี้ อรอนงค์ก็ส่งเสียงกรีดร้องด่าทอออกมาอีกรอบด้วยความขยะแขยง แต่ก็เป็นเช่นก่อนหน้า ชายหนุ่มไม่พูดจาอะไรมากความ เขายังคงใช้สองมือเคล้นคลึงเต้าอวบต่อไป ก่อนจะบอกให้เงียบแล้วนับหนึ่งถึงสาม และเมื่ออนงค์ไม่ยอมเงียบเสียง เธอก็โดนเขาปิดปากปิดจมูกจนหายใจไม่ออก

นักศึกษาสาวตัวกระตุกเกร็งอีกครั้งเป็นรอบที่สี่ ยังดีที่คราวนี้เขาไม่ทรมานเธอนานเหมือนก่อนหน้า เพียงครู่เดียวแผ่นพลาสติกก็โดนกระชากออกเปิดทางให้สาวสวยสูดอากาศหายใจเข้าปอดจนทรวงอกอวบที่โดนบีบเคล้นเด้งกระเพื่อมขึ้นลงหนักหน่วง

อรอนงค์คล้ายแม่เสือสาวที่โดนเฆี่ยนตีกำราบอย่างเหี้ยมเกรียม แม้จะนึกโกรธแค้นอีกฝ่ายมากเพียงใด แต่ความหวาดกลัวที่ต้องเป็นฝ่ายโดนกระทำนั้นได้ถูกสลักลึกลงไปในก้นบึ้งของหัวใจ เธอตระหนักแล้วว่าเธอไม่สามารถต่อต้านคำสั่งของชายคนนี้ได้

ความหวาดกลัวทำให้เธอไม่กล้าส่งเสียงกรีดร้องด่าทออีก เธอทำได้แค่นอนนิ่งปล่อยให้สองมือของเขาเคล้นคลึงสองเต้าที่หวงแหนโดยไม่กล้าปริปาก และเมื่อเขาเริ่มทำการปลดกระดุมเสื้อนักศึกษา อรอนงค์ก็ยังไม่กล้าส่งเสียงเธอแค่เพียงพยายามดิ้นบิดตัวไปมาด้วยอยากปกป้องร่างกายของตนเอง

“อืม … ขาว … สวย … ผิวเนียน … นมสวยมาก …”

ชายคนนั้นกล่าวชมด้วยน้ำเสียงหื่นกระหาย ส่วนอนงค์นั้นกำลังกระอักกระอ่วนไม่ทราบสมควรทำตัวอย่างไร แม้จะโดนปิดตาเอาไว้ แต่เธอก็ทราบได้ว่าสาบเสื้อนักศึกษาโดนแบะอ้าออก ส่วนยกทรงที่คอยปกปิดทรวงอกสวยได้รูปนั้นโดนเขาถลกขึ้นไปกองเหนือเต้า สัดส่วนเนื้อตัวที่เธอหวงแหนตอนนี้กำลังอวดโฉมตระหง่านให้เขาเชยชมโดยที่เธอไม่สามารถทำอะไรได้เลย

“อ๊ะ … อะ … อะ …”

เสียงแผ่วเบาลอดออกมาจากริมฝีปากที่ขบเม้มเข้าหากันจนแน่น ร่างงามสั่นสะท้านระริกจากสัมผัสเสียวของสองฝ่ามือที่ลูบไล้ลงไปบนสองเต้าอวบกลม การลูบไล้แผ่วเบาของเขาในครั้งนี้กลับกระตุ้นทำให้ร่างกายของเธอรู้สึกวาบหวิวแปลก ๆ

“เธอชื่ออะไรคนสวย”

เขาถามซ้ำอีกครั้งขณะสองมือกำลังนวดเฟ้นหนีบปลายถันอยู่ในร่องนิ้วเพื่อเล้าโลมกระตุ้นความเสียว อรอนงค์นั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกต่อต้านและไม่ยินยอม เธอย่อมไม่มีอารมณ์ร่วม ถึงแม้จะรู้สึกสยิวซาบซ่านตามปฏิกิริยาของร่างกายอยู่บ้าง แต่เธอก็ยังคงรังเกียจขยะแขยงอยู่ดี กระนั้นเธอก็ทราบตนเองควรทำอย่างไร ดังนั้นเธอจึงรีบส่งเสียงตอบด้วยความสุภาพที่สุดเท่าที่จะกระทำได้

“… อนงค์ … หนูชื่ออรอนงค์ค่ะ ชื่อจริง อรอนงค์ พงไพรี”

“อรอนงค์ … ดีมาก … ตอบมาซิว่าเธอรู้อะไรบ้าง ทำไมเธอถึงมายุ่งกับองค์กรของพวกเรา”

ชายคนนั้นพูดพลางนวดเฟ้นกระตุ้นเร้าใส่สองเต้าอวบต่อไปโดยไม่หยุดพัก ถึงแม้จะไม่ยินยอม แต่อรอนงค์ก็ยอมรับว่าลีลานิ้วมือของเขานั้นกระตุ้นสร้างความสยิวซาบซ่าน จนทำให้ร่างกายของเธอสั่นระริกได้อย่างต่อเนื่อง

“หนู หนูไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ หนูไม่รู้ว่าพวกคุณคือใคร หนูไม่รู้เลย ขอร้อง ปล่อยหนูไปนะคะ ได้โปรด”

อนงค์ระล่ำระลักส่งเสียงอันสั่นพร่าเหมือนจะร้องไห้ จะไม่ให้ร้องไห้ได้อย่างไร ในเมื่อเธอไม่ทราบอะไรเลย เธอก็แค่อยากจะหาหลักฐานเล่นงานกานต์ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าองค์กรบ้าบออะไรพวกนี้มาเกี่ยวข้องอะไรด้วย เธอไม่ทราบว่าทำไมตนเองจึงต้องมาตกอยู่ในสภาพน่าอดสูเช่นนี้

“เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ เธอถือเอกสารเข้าไปขอภาพวงจรปิดในศูนย์ดูแลรักษาความปลอดภัยทำไม”

“หนู หนูไม่รู้เรื่องจริง ๆ หนูไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับองค์กรของคุณเลย หนูแค่ทำตามคำสั่งของคนอื่น หนูไม่รู้อะไรจริง ๆ นะคะ ได้โปรด เชื่อหนูเถอะ”

“เธอโกหกต้องโดนลงโทษ ไม่มีใครสั่งเธอ และเธอถือเอกสารปลอมเข้าไป”

“ไม่ … อย่า … อื้ออ …”

อนงค์พยายามโกหกสร้างเรื่อง แต่อีกฝ่ายกลับถอนหายใจกล่าวเปิดโปงออกมาแทบจะในทันที เธอจึงสะดุ้งตื่นตกใจเพราะเกรงว่าจะโดนลงโทษด้วยการปิดปากและจมูกไม่ให้หายใจอีก

นักศึกษาสาวพยายามเกร็งตัวสะบัดหน้าหลบ หากแต่อีกฝ่ายจับล๊อคใบหน้าของเธอไว้อย่างแน่นหนา จากนั้นอะไรบางอย่างก็กดแนบลงไปบนริมฝีปากบาง แรกทีเดียวอนงค์คิดว่าจะเป็นแผ่นพลาสติกเหมือนก่อนหน้า หากแต่คราวนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่อย่างที่เธอคิด

สัมผัสที่กดแนบลงมารวมถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่ราดรดพวงแก้มทำให้อนงค์ชะงักนิ่งตัวแข็งทื่อ อารมณ์หนึ่งนั้นเธอรู้สึกโล่งใจที่ยังหายใจได้ แต่อีกอารมณ์นั้นเธอก็กำลังแตกตื่นทำตัวไม่ถูก เพราะเธอทราบแล้วว่าเธอกำลังโดนเขาจูบบดปาก เธอแน่ใจว่านั่นเป็นจูบ เพราะว่าเธอเคยจูบกับคุณอาทิตย์มาแล้ว

“อื้อออออ …”

ปฏิกิริยาแรกของอนงค์คือการเม้มปากพยายามขัดขืน ถึงแม้จะสะบัดหน้าหนีไม่ได้ แต่อย่างน้อยเธอก็ทำให้เขาไม่สามารถสอดแทรกลิ้นเข้ามาในปากได้

ชายคนนั้นก็ไม่ได้แสดงอาการเร่งร้อนอะไรออกมา เขาแค่เพียงประกบริมฝีปากและเลียลงไปบนริมฝีปากอิ่มครู่เดียว ก่อนจะขยับใบหน้าถอยห่างเล็กน้อย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ทำให้อนงค์รู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว

“ยอมให้จูบดี ๆ … 1 … 2 …”

น้ำเสียงของเขานุ่มนิ่มคล้ายไม่มีอะไร หากทว่าก่อนหน้านี้เมื่อเขานับถึงเลขสาม เธอก็จะโดนเขาปิดปากปิดจมูกจนหายใจไม่ได้ และเมื่อโดนกระทำเช่นนั้นมาสี่ครั้งติดต่อกัน อนงค์จึงสลักลึกความหวาดกลัวในครั้งนี้ลงไปในส่วนลึกของความทรงจำโดยไม่รู้ตัว

ก่อนที่เขาจะนับถึงสาม สาวสวยก็เผยออ้าปากเล็กน้อยพร้อมทั้งผงกศีรษะควานหาริมฝีปากของเขาที่อยู่ในระยะประชิด หากจะใช้คำว่าเธอเป็นฝ่ายเสนอจูบให้เขาก็คงไม่ผิด อรอนงค์ตอบสนองคำสั่งของเขาด้วยความหวาดกลัว

เมื่อริมฝีปากของทั้งคู่ประกบกัน อนงค์ก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนกรุ่นที่ส่งผ่านมา เขาบดใส่ริมฝีปากบางหนักหน่วงหากทว่าไม่ทำให้รู้สึกเจ็บ จากนั้นลิ้นของเขาก็สอดแทรกเข้ามาตวัดพัวพันอยู่ในโพรงปากอุ่นชื้นราวกับอสรพิษอันปราดเปรียว

แรกทีเดียวอนงค์ตัวเกร็งด้วยความรู้สึกต่อต้านรังเกียจและขยะแขยง นอกจากความคิดรักนวลสงวนตัวเอาไว้ให้ผู้ชายที่จะเป็นสามีแล้ว เธอยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายเป็นใคร อีกฝ่ายอาจจะเป็นตาแก่อัปลักษณ์น่าเกลียด หรือเป็นพวกชนชั้นต่ำยากจนที่เธอรังเกียจ หรืออาจจะมีโรคร้ายน่ากลัวก็เป็นได้

ภายใต้ความคิดเช่นนี้เธอจึงเกิดความคิดที่จะหลบหนี หากแต่ความกลัวต่อบทลงโทษที่ฝังในใจทำให้เธอไม่กล้าแสดงท่าทีต่อต้านออกมา สาวสวยจึงได้แต่นอนตัวเกร็งปล่อยให้เขาจูบเสพความหอมหวานในโพรงปากโดยไม่กล้ากระดุกกระดิกร่างกายแม้แต่น้อย

น่าแค้นใจที่ชายคนนี้จูบตวัดลิ้นโลมเลียอยู่เนิ่นนานก็ยังไม่ยอมหยุด ฝ่ามือมารก็ขยำเคล้นคลึงสองเต้าอวบไม่หยุด อีกทั้งการจูบของเขายังเต็มไปด้วยลีลาชั้นเชิงปลุกเร้า ถึงแม้จะยังไม่ยินยอมพร้อมใจ แต่ความรังเกียจขยะแขยงในคราวแรกกลับเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว เธอเริ่มสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวและความรู้สึกวาบหวิวที่ส่งผ่านมาทางลิ้นอันปราดเปรียว

“… อืมมม …”

อนงค์เหยียดปลายเท้าและส่งเสียงครางออกมาคำหนึ่ง เพราะลิ้นของเขาที่กำลังละเลงไปตามไรฟันส่งผ่านความสยิววูบน่าพิศมัย แต่เมื่อเสียงครางดังขึ้น ชายคนนั้นก็ถอนริมฝีปากออกไปแทบจะในทันที อารมณ์ของอนงค์จึงเริ่มรู้สึกสับสนแปลก ๆ เพราะในความรู้สึกโล่งใจนั้น เธอกลับรู้สึกเสียดายไปด้วย

“เอาล่ะ ขอถามอีกครั้ง เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ เธอถือเอกสารปลอม เข้าไปขอภาพวงจรปิดในศูนย์ดูแลรักษาความปลอดภัยทำไม”

หลังจากถอนจูบออกไปแล้ว ชายคนนั้นก็ส่งเสียงราบเรียบถามออกมาอีกครั้ง แต่สองมือยังคงนวดเฟ้นเขี่ยปลายถันสีชมพูอ่อนเล่นโดยไม่หยุดยั้ง อนงค์ได้ยินคำถามของเขาหากทว่าสติเหมือนจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยายามหาข้ออ้างเพื่อตอบให้ดูดี เธอยังไม่กล้าตอบว่าตนเองมาหาหลักฐานเพื่อเล่นงานคู่แค้นอย่างกานต์

“… หนู … ไอ้บอล … เอ่อ ญาติหนูชื่อบอล … บอลมันบอกว่ามันไปข่มขืนนักศึกษาในมหาวิทยาลัย แล้วโดนกล้องจับภาพได้ หนูก็เลยทำเอกสารปลอม ตั้งใจจะไปลบภาพจากกล้องวงจรปิดออกเพื่อช่วยไอ้ …”

“หยุด … เธอโกหก … เลือกซิว่าจะให้ลงโทษด้วยการปิดปากหรือจูบปาก”

อนงค์เล่าเรื่องไม่ทันจบชายคนนี้ก็ส่งเสียงบอกให้หยุด ก่อนจะบอกให้เธอเลือกว่าอยากจะโดนลงโทษอย่างไร ตัวเลือกของเขาทำให้นักศึกษาสาวกลัวจนหน้าซีดและนึกเสียใจที่โกหก แต่ว่าเธอไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะรู้เรื่องของเธอทั้งหมด เขาจะรู้ได้ยังไงว่าเธอโกหก ในเมื่อคำโกหกของเธอสมเหตุสมผล อนงค์จึงพยายามดื้อแพ่งไม่ยอมรับว่าตัวเองโกหก

“ไม่นะ หนูไม่ได้โกหก หนูพูดจริง ๆ”

“อนงค์ เธอโกหกรอบที่สอง ต้องโดนลงโทษสองเท่า … ถ้าเธออยากลบภาพจากกล้อง ตอนอยู่ในห้องควบคุมเธอก็ไม่เห็นภาพนั้นอยู่แล้ว เธอสมควรจะพอใจและกลับไป แต่ว่าเธอยังพยายามหาภาพนั้นให้เจอ แสดงว่าเธอต้องการเก็บภาพนั้นมากกว่าลบมันออก เอาล่ะเลือกมาว่าจะให้ลงโทษด้วยอะไร”

คำแย้งของเขาทำให้อนงค์อับจนปัญญาไม่ทราบว่าสมควรจะสร้างเรื่องราวอย่างไรอีก แน่นอนว่าหากเป็นสถานการณ์ปกติเธออาจจะเล่นลิ้นเอาตัวรอดได้บ้าง แต่ว่าในสถานการณ์เช่นนี้เขาเป็นฝ่ายคุมเกมทุกอย่าง

ทางรอดเดียวของเธอก็คือการไม่ทำให้เขาโกรธ แน่นอนว่าเธอย่อมไม่อยากจูบกับผู้ชายที่ไม่รู้จัก แต่เธอยังหวาดกลัวการโดนปิดปากและจมูกไม่ให้หายใจมากกว่า ถึงแม้จะยังไม่เข้าใจนักว่าการโดนลงโทษสองเท่ามันเป็นยังไง แต่เธอก็ทำได้แค่กัดฟันเลือกการโดนจูบปากแทน

“จูบค่ะ … จูบปาก”

“ดี ฉลาดเลือก แต่ว่าคราวนี้เธอต้องจูบตอบด้วยนะ ถ้าแข็งเป็นตุ๊กตาเหมือนเมื่อครู่ จะโดนลงโทษด้วยการปิดปากแทน และอย่าลืมว่าต้องโดนลงโทษสองเท่า”

เขาตอบด้วยน้ำเสียงแปร่งพิลึกหูก่อนจะหัวเราะ จากนั้นร่างแข็งแรงก็นอนทาบทับลงมาบนร่างบางของนักศึกษาสาวอีกครั้ง อนงค์ยังไม่ทันได้รู้ว่าการลงโทษสองเท่าของเขาหมายถึงอะไร ริมฝีปากของเธอก็โดนเขาประกบสอดลิ้นเข้ามาตวัดพัวพันเรียบร้อยแล้ว

“… อืมมมม … อือออ …”

อนงค์จูบตอบตามคำสั่งด้วยความรู้สึกเกร็งหวาดกลัวก่อนจะส่งเสียงครางแผ่วเบา ลิ้นนุ่มนิ่มเริ่มตวัดรับลิ้นสากที่ล้วงแยงควานเข้ามาหาในโพรงปากชุ่มชื้น และเมื่อเธอเริ่มแสดงท่าทีตอบรับ ถึงแม้จะด้วยความจำยอม แต่รสจูบในครั้งนี้ก็กลายเป็นวาบหวามกว่าครั้งก่อนหน้าหลายเท่าตัว เธอรู้สึกว่ารสจูบแบบนี้ถือว่าไม่เลวเลย

“อือออ … อือออออ … อื๊อ … อื้อออออ … อื้ออออ”

นักศึกษาสาวหลับตาพริ้มปล่อยตัวให้ไหลไปกับรสจูบอันน่าเคลิบเคลิ้ม แต่ขณะที่เธอคิดว่าน่าจะไม่มีอะไรมากกว่า ร่างกายของเธอก็กระตุกเหมือนโดนไฟฟ้าช๊อตใส่ เพราะว่าฝ่ามือของเขาเพิ่งล้วงลอดกระโปรงนักศึกษาแล้วตะปบขยำลงไปบนเนินสาวอวบอูมจนเต็มมือ

ปฏิกิริยาแรกของอนงค์คือการต่อต้านขัดขืน เธอพยายามหนีบสองขาพร้อมกับเด้งสะโพกส่ายหนี หากทว่าฝ่ามือของอีกฝ่ายเกาะแน่นหนุบยิ่งกว่าหนวดปลาหมึก อีกทั้งยังลูบขยำสะกิดเขี่ยไปตามร่องสาวด้วยความเชี่ยวชาญจนเธอตัวกระตุกสะท้านแทบหมดเรี่ยวแรงขยับเคลื่อนไหว

อรอนงค์ส่งเสียงอู้อี้คล้ายอยากขอร้อง แต่ทราบดีว่าในสภาพเช่นนี้เธอคงทำอะไรไม่ได้มาก หากจะมีสิ่งเดียวที่เธอกระทำได้ก็คงมีแต่การกัดลิ้นของเขาที่สอดเข้ามาในปาก แต่หากทำให้เขาโกรธเช่นนั้นอะไรจะเกิดขึ้นกับเธอต่อไป เธอจึงไม่กล้าทำเรื่องรุนแรง และที่สำคัญก็คือเหมือนเขาจะรู้เรื่องนี้ มืออีกข้างของเขาจึงบีบกระพุ้งแก้มของเธอเอาไว้ก่อนแล้ว

“อื้อออออ … อืออออ …”

นักศึกษาสาวรู้สึกเหมือนอยากร้องไห้ เธอด่าทอสาปแช่งชายคนนี้ในใจชุดใหญ่ นอกจากเรื่องจูบปากแล้ว เขายังลวนลามสัมผัสส่วนที่เธออยากเก็บเอาไว้ให้คุณอาทิตย์ที่เธอหลงรัก แต่ว่าเธอกลับไม่สามารถดิ้นรนปกป้องตัวเองได้อย่างที่อยากทำ

ปัญหาสำคัญก็คือเธอพบว่าลีลาจูบและนิ้วมือของเขานั้นนับว่าร้ายกาจอย่างยิ่ง ปลายนิ้วที่ลากไปตามร่องสาวนั้นกรีดสะกิดใส่จุดอ่อนไหวอย่างแม่นยำต่อเนื่อง ร่างบางจึงกระตุกเฮือกด้วยความเสียวไม่หยุด เพียงครู่เดียวเธอก็หมดสิ้นซึ่งเรี่ยวแรงที่จะต่อต้านขัดขืนได้แต่นอนแผ่หราปล่อยให้เขากระทำชำเราต่อร่างงามตามแต่ที่เขาอยากจะทำ

“อืออออ … อืออออ …. อื้ออออ … อือออออ …”

เสียงครางในลำคอดังกระเส่าขึ้นทีละน้อย ลมหายใจของเธอเริ่มกลายเป็นหอบถี่กระชั้น ร่างงามกลายเป็นร้อนผ่าว ในขณะที่ร่องสาวเริ่มเปียกชุ่มฉ่ำ เพียงแค่ไม่ถึงสองนาทีสะโพกของเธอก็เริ่มเด้งร่อนส่ายรับลีลานิ้วมืออันร้ายกาจ

ชายคนนี้ก็ร้ายเหลือทั้งบดบี้ขยี้ใส่จุดอ่อนไหวเน้น ๆ อย่างต่อเนื่อง ความเสียวสยิวจึงแล่นพล่านไปทั่วร่างสาวสวย ท้องน้อยของเธอเสียวแปลบบิดเกร็งไปด้วยความกระสันรัญจวนที่เขายัดเยียดให้ เธอเผลอยกสะโพกขึ้นเพื่อเปิดทางให้เขาเกี่ยวรูดกางเกงในออกไปโดยแทบไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ

“อื๊อออ … ซี้ดดสสส … อย่า … ซี้ดดสสส …”

อนงค์สูดปากพลางส่งเสียงร้องห้ามเมื่ออีกฝ่ายยอมปล่อยจูบออก กระนั้นนอกจากเสียงห้ามแล้วก็ไม่ได้มีท่าทีต่อต้านดิ้นรนอะไร สะโพกของเธอยังส่ายเด้งไปมารับปลายนิ้วที่เริ่มแหย่แยงลากเข้าออกอยู่ในร่องสาวเสียด้วยซ้ำ

นักศึกษาสาวโดนปลุกเร้าจนสติเหือดหาย เธอลืมเลือนไปแล้วด้วยซ้ำว่ากำลังจะโดนข่มขืน ความเสียวกระสันที่เล่นงานอย่างต่อเนื่องทำให้ร่างงามบิดส่ายระริก สิ่งเดียวที่สมองของเธอรับรู้ในเวลานี้คือปลายนิ้วที่สอดแยงหยั่งลึกเข้ามาในร่างกาย รวมไปถึงสัมผัสครูดคราดกับผนังร่องสาวเมื่อมันขยับวิ่งเข้าวิ่งออก

เพียงแค่โดนจู่โจมด้านล่าง ร่างกายของเธอก็บิดไปมาด้วยความเสียวซ่านจะแย่ จากนั้นก็ยิ่งเสียวมากขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อโดนเขาอ้าปากงับดูดเลียใส่ปลายถันส่งเสียงดังจ๊วบ ในขณะที่มืออีกข้างของเขานั้นขยำขยี้เคล้นคลึงเต้าอวบขนาดพอดีมืออย่างเมามันไปพร้อมกับมืออีกข้างที่ลากนิ้วซอยยิกอยู่ในร่องสาว

“ซี้ดดดสสส … อื้อออออ … อูวววววว …”

ไม่นานนักรสราคะอันเร่าร้อนก็แผดเผาจนสาวสวยยากจะทานทน เธอส่งเสียงสูดปากดังลั่นขณะที่ร่างงามกระตุกเฮือกสุดแรง เธอส่งเสียงร่ำร้องขณะแอ่นเด้งสะโพกร่อนไหวอย่างร้อนร่าน โพรงสาวตอดรัดนิ้วมือที่สอดลึกหนุบหนับ เธอถึงจุดสุดยอดคานิ้วมือของชายที่ไม่รู้จักชื่อและหน้าตาคนนี้เสียแล้ว

“หึ หึ เสียวดีใช่หรือเปล่าคนสวย เอาล่ะ ขอถามอีกครั้ง เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ เธอถือเอกสารปลอม เข้าไปขอภาพวงจรปิดในศูนย์ดูแลรักษาความปลอดภัยทำไม คราวนี้ถ้ายังโกหกอีกล่ะก็จะโดนลงโทษหนักกว่านี้อีก”

ร่างงามยังกระตุกเร่าด้วยความเสียวซ่านไม่หยุด ชายคนนี้ก็ส่งเสียงหัวเราะและถามซ้ำด้วยคำถามเดิมอีกครั้ง หากแต่สองมือของเขายังคงเล้าโลมเธอไม่หยุด มือข้างหนึ่งบีบเคล้นทรวงอกอิ่ม ในขณะที่อีกมือนั้นหมุนนิ้วบิดคว้านไปมาอยู่ในโพรงสาวที่กำลังตอดตุบหนักหน่วง

อนงค์ดิ้นพราด ๆ เด้งสะโพกร่อนไปมาไม่หยุด เขากระตุ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ความเสียวซาบซ่านไม่คลายหายไปไหน กระแสความร้อนรุ่มยังคงอัดแน่นอยู่ตรงท้องน้อยเหมือนอยากให้เขาปลดปล่อยระบายออก สติของเธอจึงอยู่ในสภาพไม่เต็มร้อย เธอจึงเริ่มตอบคำถามไปตามความเป็นจริง

“… อือออ … หนูจะเข้าไปหาคลิป … ซี้ดดดสสส … ถ้าได้มาแล้วหนูก็จะเอาไปแฉคู่แค้นของหนู … อูวววว … หนู … หนูอยากจะทำลายชื่อเสียงของมันให้ย่อยยับ … อึ๊ยยย ซี้ดดสสส”

“คู่แค้นของเธอคือใคร”

“ซี้ดดสสส … ก … กานต์ … มันชื่อกานต์ … อูยสส …”

“กานต์คือใคร ทำไมเธอถึงเกลียดนักหนา”

“นังกานต์มันเป็นดาวมหาลัย … อือออ … มันคิดว่าตัวเองสวยนมใหญ่ มันคิดว่าทุกคนต้องมองมัน … ซี้ดดสสส… ม … มันเลยใช้เสน่ห์แกล้งทำตัวเป็นสาวขี้อาย แล้วยั่วผู้ชายไปวัน ๆ หนูเห็นแล้วหงุดหงิด”

“… เหตุผลไม่เข้าท่า น่าจะมีอะไรเป็นรูปธรรมมากกว่านี้ กานต์ทำอะไรเธอ เล่าออกมาให้หมดว่ามีเรื่องอะไรกันแน่”

อนงค์ซึ่งโดนเล้าโลมจนสติกระเจิดกระเจิงพยายามตอบตามจริงแล้ว หากแต่อีกฝ่ายก็ยังไล่บี้ถามรายละเอียดไม่ลดละ กระนั้นคำถามนี้ก็ทำให้อนงค์นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดระบายความในใจออกมาจนหมดสิ้น

“… อือ … ตอนเข้ารับน้อง … หนูชอบรุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่ง … แต่ว่ารุ่นพี่คนนั้นไม่สนใจหนู มัวแต่สนใจนางกานต์ … อืมมมม … มีผู้ชายอีกหลายคนที่ไม่สนใจหนู แต่หันไปสนใจกานต์ … ซี้ดดสสส … ที่ร้ายที่สุดก็คือมีผู้ชายคนหนึ่งตามจีบหนู แต่พอเขาเจอกานต์ ก็รีบหันไปจีบกานต์ พอกานต์ไม่เล่นด้วย ผู้ชายคนนั้นมันก็กลับมาจีบหนูอีกรอบ คนอื่นก็เลยหัวเราะใส่หนูว่าเป็นเหมือนตัวสำรอง … โอยยย … ซี้ดดสส …”

“… อืม ท่าทางเหมือนจะไม่โกหก สรุปแล้วก็คือกานต์ไม่ได้ทำอะไรเธอโดยตรง แต่เธอรู้สึกอิจฉาริษยากานต์ที่มีคนเข้าหามากกว่า”

ชายคนนั้นนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดประโยคที่ตรงไปตรงมาที่แทงใจดำของอรอนงค์เข้าอย่างจัง ไม่ว่าจะหาเหตุผลสวยหรูด่าทอกานต์อย่างไร แต่ความจริงก็คืออรอนงค์นั้นอิจฉาที่กานต์สวยโดดเด่นกว่าและแย่งความสนใจไปจากตัวเธอ

ขณะที่อรอนงค์นิ่งอึ้งไป กานต์ซึ่งโดนปิดตาและปิดปากอยู่ไม่ไกลนักก็นิ่งเงียบครุ่นคิดเช่นกัน กานต์รับทราบท่าทีของการเป็นศัตรูคู่อริจากอนงค์มาแล้วตั้งแต่แรก หากแต่เธอไม่เคยรู้มาก่อนถึงเหตุผลเบื้องลึกที่ทำให้อนงค์เกลียดเธอเหลือเกิน

เมื่อได้รับทราบเรื่องราวจากปากของอนงค์โดยตรง กานต์ก็ได้ทราบเรื่องราวมากขึ้น กระนั้นกานต์ก็ยังไม่ทราบว่าสมควรต้องทำตัวอย่างไรอยู่ดี เพราะว่าเรื่องราวเหล่านี้ไม่ได้เกิดมาจากตัวเธอเองแต่เกิดจากผู้อื่นทั้งสิ้น

ระหว่างที่ครุ่นคิดนั้นกานต์ก็คิดย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เธอถูกปิดตาจึงไม่ทราบเรื่องราวในรายละเอียด แต่ก็ได้ยินเสียงสนทนาจึงพอจะคาดเดาเรื่องราวได้บ้าง ตอนนี้เธอรู้สึกไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงพยศแบบอรอรนงค์จึงยอมทำตามคำสั่งชายคนนี้ง่าย ๆ อีกทั้งยังแสดงท่าทีเหมือนไม่ต่อต้านการโดนข่มขืนเท่าที่ควรอีกต่างหาก

แรกสุดกานต์ได้ยินเสียงกรีดร้องของอรอนงค์ซึ่งนั่นไม่แปลกอะไร แต่ที่กานต์ไม่เข้าใจก็คืออนงค์โดนทำอะไรจึงส่งเสียงอู้อี้เหมือนโดนปิดปาก กานต์ย่อมไม่คิดว่าอนงค์โดนแผ่นพลาสติกปิดปากและจมูกจนหายใจไม่ได้ เธอจึงสงสัยว่าทำไมหลังจากโดนปิดปากได้สองสามครั้งอนงค์ก็กลายเป็นหมดพยศยอมทำตามคำสั่งของเขาทุกอย่าง

เรื่องน่าสงสัยถัดมาก็คือบทสนทนาเหล่านี้ทำให้กานต์รู้สึกแปลก ๆ ไม่เข้ากับสภาพความเป็นจริง บรรยากาศการถามตอบสนทนาระหว่างชายคนนั้นกับอนงค์ทำให้กานต์รู้สึกเหมือนจิตแพทย์คุยกับคนไข้ ไม่เหมือนกับบรรยากาศของผู้ร้ายข่มเหงรังแกหญิงสาวอย่างที่ควรเป็น

นอกจากนี้กานต์ยังรู้สึกว่าผู้ชายคนนั้นมีเจตนาสอบถามขุดคุ้ยเรื่องราวความแค้นระหว่างอนงค์และตัวเธอ เพียงแต่กานต์ยังไม่แน่ใจในเรื่องนี้มากนัก เธอจึงได้แต่นิ่งเงียบและรอฟังการสนทนาอีกครั้งหนึ่ง

“เฮ้อ … น่าสงสารจริง ๆ”

ครู่ต่อมาชายคนนั้นก็ส่งเสียงถอนหายใจ เขาปล่อยมือทั้งสองข้างออกจากการเล้าโลมร่างงาม และพูดราวกับเห็นอกเห็นใจ น่าแปลกที่ประโยคสั้น ๆ นี้กลับทำให้อารมณ์โกรธของอรอนงค์พุ่งปรี๊ด เธอถึงกับขมวดคิ้วรู้สึกโกรธเคือง เธอเข้าใจว่าเขากำลังสงสารตัวเธอที่ไปอิจฉากานต์ เธอจึงส่งเสียงโพล่งด่าทอออกมาด้วยความเกรี้ยวกราดหงุดหงิด

“กรี๊ดดด ใครอยากให้ยามชั้นต่ำอย่างพวกแกสงสาร อย่ามาทำพูดดีเลย พวกแกอยากจะทำอะไรก็ทำ จะข่มขืน จะฆ่าจะแกง จะทำอะไรก็ทำ แต่พวกแกไม่มีสิทธิมาสงสารชั้น ไอ้พวกสัตว์นรก กรี๊ด”

เสียงกรีดร้องแหลมสูงที่ดังขึ้นอีกครั้งทำให้กานต์ซึ่งอยู่ไม่ไกลนักสะดุ้งด้วยความตกใจ กานต์เองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมอนงค์จึงตอบสนองรุนแรงถึงเพียงนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตอนโดนลวนลามก็ยังไม่แสดงท่าทีต่อต้านเหมือนตอนโดนสงสารเลยด้วยซ้ำ ราวกับว่าการเสียตัวนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่โตสำหรับอรอนงค์ แต่การโดนสงสารเวทนากลับเป็นเรื่องที่ใหญ่โตยิ่งกว่า

ชายคนนั้นกลับไม่แสดงอาการอะไรนอกจากหัวเราะออกมาเบา ๆ เหมือนเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า

“หึ หึ เข้าใจผิดแล้ว คนที่น่าสงสารน่ะ ไอ้พวกผู้ชายตาต่ำพวกนั้นต่างหาก หันไปเห็นก้อนกรวดดีกว่าเพชรแท้”

“… อะไร แกหมายความว่าอะไร”

“หมายความว่ากานต์น่ะเป็นเหมือนก้อนกรวด แต่เธอต่างหากที่เป็นเพชรแท้อนงค์ ผู้ชายตาต่ำพวกนั้นช่างน่าสงสารที่ดูของดีไม่เป็น อนงค์เธอน่ะเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ร้อนแรงสุดยอดที่สุดหาใครเทียบได้ยาก”

ชายคนนั้นพูดพลางหัวเราะอีกครั้ง คราวนี้อนงค์ถึงกับนิ่งอึ้งไปเพราะปรับอารมณ์ไม่ถูก ก่อนนี้เธอโกรธจนถึงที่สุด แต่ตอนนี้คำพูดของเขากลับคล้ายเติมเต็มช่องโหว่ในใจของเธอเข้าอย่างจัง ไม่เคยมีใครที่พูดกับเธอแบบนี้มาก่อน ไม่เคยมีใครเลยที่บอกว่าเธอมีดีกว่ากานต์

“แก … แกพูดอะไร …”

“ฟังไม่ชัดเหรอคนสวย อนงค์เธอน่ะเป็นเพชรแท้ แต่กานต์เป็นแค่ก้อนกรวด ฟังชัดหรือยัง”

อนงค์สยิววูบเมื่อชายคนนั้นก้มตัวลงมากระซิบพร้อมกับพ่นลมใส่ที่ใบหู เธอยังไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายต้องการสื่ออะไร แต่อย่างน้อยคำพูดของเขาก็ทำให้มุมปากของเธอปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว กระนั้นเธอก็ยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดตอบกลับไปว่า

“แกโกหก แกไม่ได้รู้จักกานต์เสียหน่อย จะรู้ได้ไงว่ามันเป็นยังไง ถ้าแกเห็นกานต์แกก็คงปรี่ไปหามันเหมือนคนอื่นนั่นแหละ”

“ฮ่า ฮ่า ทำไมจะไม่รู้จัก ต้องบอกว่ารู้จักทุกซอกทุกมุม เป็นผัวเป็นเมียกันแล้วด้วยซ้ำ กานต์ก็โดนจับมาพร้อมกับเธอนั่นแหละอนงค์ พอโดนข่มขืนไปสามรอบตอนนี้ก็กำลังนอนร้องไห้หมดแรงอยู่ห้องข้าง ๆ โน่นแน่ะ”

“หา ว่าอะไรนะ นางกานต์น่ะเหรอ …”

อนงค์ส่งเสียงโพล่งด้วยความงุนงง เธอเข้าใจว่าตัวเองโดนจับตัวมาเพียงลำพัง เธอไม่เข้าใจว่าทำไมกานต์จึงโดนจับมาด้วยกัน

“ใช่แล้ว กานต์คู่แค้นของเธอนั่นแหละ กานต์แอบเดินตามเธอเข้าไปในห้องควบคุมโดยที่เธอไม่รู้ตัว ก็เลยโดนจับตัวมาด้วยกัน แต่กานต์ตื่นก่อนเธอประมาณหนึ่งชั่วโมง ก็เลยโดนสอบสวนไปก่อนหน้านี้แล้ว”

“… นางกานต์โดนจับมาด้วยงั้นเหรอ … มาได้ยังไงกัน … มันอยู่ที่นี่ด้วย … แล้วมันโดน … ข่มขืนไปแล้วงั้นเหรอ”

“ใช่ … ดิ้นขัดขืนน่าดูทีเดียวล่ะ ครั้งแรกก็งี้แหละ แต่พอโดนจริง ๆ ก็ครางลั่นห้องแถมดิ้นพล่านยิ่งกว่ากะหรี่เสียอีก ตอนนี้กำลังนอนร้องไห้กระซิกอยู่ห้องข้าง ๆ นี่แหละ”

อรอนงค์รู้สึกหัวสมองพองโต เรื่องราวที่เขาบอกนั้นทำให้เธอปรับตัวย่อยข้อมูลข่าวสารไม่ทัน เธอไม่อยากเชื่อว่านอกจากเธอแล้ว กานต์คู่แค้นจะยังโดนจับตัวมาด้วย แต่เรื่องสำคัญก็คือเรื่องที่ว่ากานต์โดนข่มขืนไปแล้ว กานต์ที่เธอคอยริษยามานานโดนข่มขืนโดยคนชั้นต่ำพวกนี้

“จ … จริงหรือเปล่า …”

“เรื่องแบบนี้จะโกหกไปทำไมล่ะ หึ หึ เพราะลองมาแล้วไง ถึงได้บอกว่ากานต์เป็นแค่ก้อนกรวด ส่วนเธอน่ะเป็นเพชรแท้นะอนงค์ น่าเสียดายที่ผู้ชายคนอื่นไม่เห็นค่า”

“… หมายความว่ายังไง … ”

อนงค์ถามด้วยความงุนงง หากแต่ในใจกลับรู้สึกยินดีเหมือนได้รับการเติมเต็มอีกครั้ง ไม่ว่าจะเพราะอะไร แต่เมื่อได้ยินเขาเรียกเธอเป็นเพชร และเรียกกานต์เป็นก้อนกรวด อารมณ์ของเธอก็กลายเป็นดีขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ยิ่งได้ยินว่ากานต์โดนย่ำยีข่มเหงเธอก็ยิ่งรู้สึกสะใจ

“ขอยอมรับตามตรงก่อนนะ ว่าแรกสุดที่เห็นน่ะ ผมสนใจกานต์มากกว่า เพราะว่าสวยน่ารักเหมือนกับนางฟ้า ผมเลยเข้าไปข่มขืนกานต์ก่อน แต่พอเสร็จเรียบร้อย แล้วได้มาจูบมาสัมผัสเนื้อตัวของเธอนะอนงค์ ผมก็รู้ว่าจริง ๆ แล้วกานต์สวยแค่ภายนอก ผิวพรรณก็เนียนสู้เธอไม่ได้ หน้าอกที่ใหญ่เหมือนลูกมะพร้าวก็นิ่มเหลวบีบไม่มันสะใจเหมือนหน้าอกของเธอ รสชาติและกลิ่นตัวของกานต์ก็ไม่หอมหวานเท่าเธอ แถมตรงนั้นของเธอก็ยังตอดหนุบหนับดีกว่าของกานต์เยอะ แค่นึกว่าได้สอดเข้าไปก็เสียวจะแย่แล้ว แบบนี้ผมเลยบอกว่ากานต์เป็นเหมือนก้อนกรวด ส่วนเธอเป็นเพชรแท้ไงล่ะอนงค์ นางฟ้าของผม”

ชายคนนั้นหัวเราะพลางพูดบรรยายออกมาอย่างละเอียดยิบ อนงค์รับฟังด้วยความรู้สึกสะใจยินดี ริมฝีปากของเธอกลายเป็นยิ้มและเชิดอกตูมตั้งขึ้น ไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่ชอบคำชมเชยในเรื่องความสวย อีกทั้งเธอยังเพิ่งได้ฟังข่าวดีเรื่องที่กานต์โดนข่มขืนด้วย

ถึงแม้อนงค์จะไม่เชื่อใครง่าย ๆ แต่คำชมของเขาแฝงไปด้วยความจริงที่น่าเชื่อถือ หากเขาบอกว่าภาพลักษณ์ภายนอกนั้นกานต์ย่ำแย่กว่า อนงค์คงจะรู้สึกว่าเขาเจตนาพูดโกหกเอาใจ แต่เมื่อเขาออกตัวว่าแวบแรกนั้นเขาสนใจกานต์มากกว่า แต่เมื่อได้สัมผัสกับเนื้อในแล้วกลับไม่ประทับใจนัก

ยิ่งเขาแสดงท่าทีว่าชอบตัวเธอมากกว่า อนงค์ก็ยิ่งรู้สึกยินดีและเหมือนได้รับการเติมเต็มช่องว่างในใจ เธอไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้คือใคร แต่ก็เริ่มรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้ย่ำแย่เกินไปนัก ความรังเกียจในใจจึงลดทอนลงไปอย่างรวดเร็ว

ขณะที่อนงค์กำลังยิ้มกริ่มระรื่นมีความสุข กานต์ซึ่งนอนอยู่ไม่ไกลนักกลับรู้สึกหงุดหงิดขุ่นเคือง ผู้ชายคนนี้เพิ่งบอกว่าผิวของเธอไม่เนียนไม่นิ่ม เขากล้าบอกว่าหน้าอกของเธอเหลวไม่น่าบีบ คำสบประมาทเหล่านี้ทำให้กานต์รู้สึกโกรธยิ่งกว่าตอนโดนเขาข่มขืนเสียอีก กระนั้นเธอก็ยังได้แต่นอนนิ่งเงียบรอรับฟังเรื่องราวต่อไปโดยไม่ได้ทำอะไร

“อืออ … อย่า … อืมมมม … ไม่เอา”

ไม่นานนักอรอนงค์ก็ส่งเสียงครางกระเส่าออกมาอีกครั้ง เธอโดนร่างกำยำกอดแนบทับและโดนจูบไซร้ไปตามพวงแก้มและซอกคอ นักศึกษาสาวส่งเสียงร้องห้ามและดิ้นขัดขืนเล็กน้อย

ถึงแม้จะไม่รู้ตัว แต่ก็เห็นได้ชัดว่าท่าทีต่อต้านรังเกียจขยะแขยงของเธอเลือนหายไปแล้ว ร่างกายก็ไม่ฝืนเกร็งด้วยความหวาดกลัวเหมือนก่อนหน้า เหลือก็แต่เพียงความรู้สึกลังเลที่อยากเก็บความบริสุทธิ์ผุดผ่องเอาไว้ให้คนที่ควรค่าเท่านั้น อนงค์รู้สึกว่าเธออยากมอบความสาวให้ใครก็ตามที่ควรค่ากว่านี้

“ท่านครับ ขออภัยที่รบกวน”

เวลานั้นได้มีเสียงเคาะประตูพร้อมกับเสียงเรียกดังขึ้น อนงค์ได้ยินเสียงชายที่ลวนลามเธอส่งเสียงสบถและหยุดชะงักการกระทำ เขาขยับลุกขึ้นไปจากร่างทำให้เธอถอนหายใจด้วยความโล่งใจเล็กน้อย จากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงเปิดประตู และได้ยินเสียงสนทนาที่เบาพอสมควรแต่ยังจับใจความสำคัญได้

“ท่านครับคืนนี้มีนัดกับท่านไพศาล ท่านไพศาลขอพบมาหลายครั้งแล้วเกี่ยวกับเรื่องสนามกอล์ฟ ครั้งนี้หากเลื่อนออกไปอีกเกรงว่าจะไม่เหมาะนะครับ”

“อืม เลื่อนไปก่อนก็ได้มั้ง เรื่องแค่นี้เอง ยังไงเขาก็ต้องตามง้อเราอยู่ดี”

“ใช่ครับท่าน หากจะเลื่อนก็ได้ แต่ถ้าพบกันวันนี้ฝ่ายเราจะเรียกผลประโยชน์ได้สูงสุด เพราะท่านไพศาลกำลังโดนบีบอย่างหนัก หากท่านยื่นมือไปช่วยเราจะสามารถเรียกร้องอะไรก็ได้”

“… ท่าทางจะเจอมาหนักทีเดียวนะนั่น … อืม ดูเหมือนจะพอมีเวลาอยู่ แล้ววันนี้ทางนั้นมากี่คน”

“เท่าที่แจ้งไว้คือมีท่านไพศาล และภรรยาทั้งสองคน แล้วก็ยังมีลูกสาวที่เพิ่งเรียนจบสองคน … ลูกสาวทั้งสองคนเป็นนางแบบดาวรุ่งสวยเหมือนแม่อายุใกล้กันกับท่าน เท่าที่ผมประเมินหากท่านต้องการ ท่านไพศาลก็คงจะยินดีให้ท่านสนิทสนมกับลูกสาวทั้งสองคนจนตัวสั่น”

“… อือ … น่าสนใจ … ถ้าอย่างงั้นก็แค่บอกว่าสายหน่อยสักหนึ่งชั่วโมงก็แล้วกัน แค่นี้แหละ”

พูดจบแค่นี้อนงค์ก็ได้ยินเสียงปิดประตูลง หากคนทั่วไปได้ยินบทสนทนาเหล่านี้อาจจะไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ว่าสำหรับอรอนงค์ซึ่งตั้งใจศึกษาทำความรู้จักกับนักธุรกิจในประเทศนั้นกลับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

คนชื่อไพศาลอาจจะมีนับไม่ถ้วน แต่เมื่อมีคำเชื่อมโยงเกี่ยวกับสนามกอล์ฟ รวมไปถึงการมีภรรยาสองคน และมีลูกสาวสองคนเป็นนางแบบนั้นอรอนงค์แน่ใจว่ามีแค่เพียงคนเดียว ซึ่งก็คือเจ้าของเครือสนามกอล์ฟที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

ยิ่งมีการพูดเรื่องกำลังต้องการความช่วยเหลือ อรอนงค์ก็ยิ่งแน่ใจ เพราะเธอทราบมาว่ากฏหมายฉบับใหม่ที่กำลังจะออกนั้นส่งผลกระทบต่อธุรกิจในเครือนี้ ดังนั้นหากคุณไพศาลที่ว่าเป็นคนที่เธอคิด เขาก็คงจะอยู่ในสภาวะยากลำบากอยู่ไม่น้อย

ในแง่ของความร่ำรวยแล้วคุณไพศาลคนนี้น่าจะติดอันดับหนึ่งในร้อยของประเทศ และคำถามที่ทำให้หัวสมองของอรอนงค์ต้องคิดคำนวนอย่างหนักหน่วงก็คือ หากคนอย่างคุณไพศาลต้องมาขอให้ชายที่กำลังจะข่มขืนเธอช่วย เช่นนั้นแล้วชายหื่นคนนี้จะยิ่งใหญ่ร่ำรวยมีอำนาจถึงเพียงไหน

โดยพื้นฐานแล้วอรอนงค์ไม่ใช่คนที่เชื่อคนง่าย ทั้งยังเป็นคนขี้ระแวงสงสัยเสียด้วยซ้ำ หากอีกฝ่ายโอ้อวดว่าตัวเองร่ำรวย เธอคงจะตั้งป้อมไม่เชื่อเอาไว้ก่อนอย่างแน่นอน

เธอสงสัยว่าอีกฝ่ายแกล้งทำการแสดงเพื่อโอ้อวดอย่างอ้อมค้อมหรือไม่ แต่เธอเชื่อว่าอีกฝ่ายไม่น่าจะคิดละเอียดแบบนั้น และเรื่องสำคัญก็คือเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าเธอรู้จักคุณไพศาลที่ว่า ดังนั้นเธอจึงเชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่การแสดงหลอกลวง

นอกจากนี้เมื่อคิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาแล้ว ทุกอย่างก็สอดคล้องส่งเสริมกัน การที่เขาสามารถควบคุมตัวเธอเอาไว้ได้นั้นแสดงให้เห็นแล้วว่าเขามีอำนาจในระดับหนึ่ง ยิ่งเมื่อคิดเสริมเรื่องของคุณไพศาลมาขอความช่วยเหลือเข้าด้วยกัน อนงค์ก็ยิ่งเชื่อว่าชายคนนี้ไม่ใช่ชนชั้นกระจอก หากแต่ต้องเป็นบุคคลระดับทรงอำนาจมากในระดับประเทศคนหนึ่ง

ข้อสันนิษฐานนี้ทำให้อนงค์นึกเชื่อมโยงกับพฤติกรรมของเขา เธอนึกเหตุผลไม่ออกว่าทำไมเขาจึงต้องปิดตาเธอเอาไว้ ทั้งยังแกล้งทำเป็นดัดเสียง การกระทำนี้บอกกลาย ๆ ว่าเขาเป็นบุคคลมีชื่อเสียงและไม่ต้องการให้เธอรับทราบว่าเขาเป็นใคร

เมื่อร้อยเรียงความคิดเหล่านี้ไว้ด้วยกัน ดวงตาที่โดนผูกปิดเอาไว้ก็เปล่งประกายออกมาแวบหนึ่ง เธอเชื่อว่าค่ำคืนนี้ตนเองคงจะหลีกหนีชะตากรรมโดนข่มขืนไม่พ้น แต่ในวิกฤตนี้ก็นับว่าเป็นโอกาสทอง หากเธอสามารถทำให้บุคคลระดับนี้ติดใจในเรือนร่างของเธอได้ ก็ยังอาจจะคุ้มค่ากับพรหมจรรย์ที่ต้องสูญเสียไป

“… อืมมมม … ดีจังค่ะ … อืออออ … ซี้ดดดสสส”

อรอนงค์ส่งเสียงครางวาบหวามออกมาทันทีเมื่อเขาทาบทับร่างลงมากอดแนบ และจูบไซร้ไปตามซอกคอ เธอแอ่นเอียงคอแสดงท่าทีเปิดทางตอบรับการเล้าโลมของเขาอย่างเต็มที่ ไม่มีท่าทีต่อต้านอันใดให้เห็นเลยแม้แต่น้อย แม้แต่สองขาก็ขยับตวัดรัดรอบบั้นเอวของเขาเอาไว้ ดูแล้วเธอคล้ายหญิงสาวที่ยินยอมพร้อมใจจะมอบร่างกายให้ชายคนรักเชยชมด้วยซ้ำไป

“เป็นอะไร ไม่ร้องห้ามแล้วเหรอคนสวย”

“อืออ … หนูไม่ไหวแล้ว หนูยอมทุกอย่าง จะทำอะไรก็ทำเถอะ หนูยอมทุกอย่าง ช่วยหนูด้วยนะคะ … ซี้ดดสสส”

อนงค์ส่งเสียงหอบกระเส่าเร่าร้อน ก่อนจะขยับใบหน้าใช้ริมฝีปากควานหารสจูบของเขา ท่าทางของเธอไม่ต่างอะไรกับหญิงสาวที่กำลังมีอารมณ์ทางเพศเต็มที่ แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเธอแค่แกล้งแสดงหรือว่าเธอมีอารมณ์ร่วมไปด้วยจริง ๆ

“ดีมากคนสวย ถ้างั้นผมจะปลดมือให้ แต่ขอเตือนเอาไว้ก่อนว่าอย่าคิดเปิดผ้าปิดตาออกเด็ดขาด”

ชายคนนั้นส่งเสียงหัวเราะถูกใจ อนงค์ได้ยินเสียงดังกริ๊กเบา ๆ ดังขึ้น จากนั้นมือสองข้างที่โดนมัดพันธนาการเอาไว้ก็กลายเป็นอิสระ เธอรีบขยับแขนโอบกอดรัดร่างของเขาเอาไว้พร้อมกับแปะป่ายมือสำรวจไปทั่วแผ่นหลัง ทางหนึ่งนั้นเพื่อแสดงว่าเธอกำลังมีอารมณ์ แต่เจตนาที่แท้จริงนั้นคือการสำรวจว่าอีกฝ่ายมีรูปร่างลักษณะอย่างไร

ก่อนนี้เธอได้ยินลูกน้องของเขาบอกว่าชายคนนี้มีอายุใกล้เคียงกับลูกสาวของคุณไพศาลที่เพิ่งเรียนจบ และเมื่อฝ่ามือของเธอลูบไล้ไปบนแผ่นหลังของเขา เธอก็พบว่าเขายังหนุ่มแน่นและมีรูปร่างแข็งแรง ผิวพรรณก็ไม่หยาบกระด้างเหมือนชนชั้นแรงงาน

ข้อเท็จจริงนี้ทำให้เธอยิ่งรู้สึกโล่งใจ อย่างน้อยสามีคนแรกของเธอก็ไม่ใช่ตาแก่อ้วนลงพุง หรือพวกอ่อนปวกเปียก ร่างกายของเขานับว่าคล้ายนักกีฬาคล้ายนายแบบ เพียงแต่ยังไม่ทราบว่าใบหน้าของเขาเป็นเช่นไร จะหล่อเหลาหรืออัปลักษณ์

ความอยากรู้ทำให้เธอทดลองขยับฝ่ามือทั้งสองข้างมาที่หลังศีรษะของเขา ก่อนจะขยับฝ่ามือมาลูบไล้ใบหน้าของเขา ขณะที่เขากำลังก้มหน้าอ้าปากดูดเลียทรวงอกอวบของเธอราวกับเด็กน้อยที่หิวโหยนมแม่

“อืมมมม … เสียวจังค่ะ … อืออออ … ดูดแรงอีกซิคะ … อูววววว … ซี้ดดสสส …”

นักศึกษาสาวส่งเสียงครางด้วยความพึงพอใจ ไม่ว่าจะรสวาบหวามที่เขามอบให้ หรือแม้แต่ใบหน้าของเขาที่เธอใช้มือสัมผัสสำรวจนั้นไม่ทำให้เธอรู้สึกย่ำแย่ เธอไม่ทราบว่าเขาจะหล่อเหลาหรือไม่ แต่อย่างน้อยผิวพรรณบนใบหน้าของเขาก็เรียบเนียนสะอาดสะอ้านห่างไกลจากคำว่าอัปลักษณ์

เมื่อนับทุกอย่างรวมกันไม่ว่าจะความร่ำรวยมากอำนาจ อายุที่ยังไม่มาก รวมไปถึงหน้าตาที่ไม่อัปลักษณ์ แค่นี้อรอนงค์ก็โล่งใจและยิ่งมั่นใจว่าคุ้มค่าความเสี่ยงที่จะทดลองลงทุนใช้เสน่ห์เรือนร่างมัดใจชายคนนี้เอาไว้

ด้วยเหตุนี้เมื่อชายหนุ่มขยับตัวประกบจูบปาก อนงค์จึงงัดเอาสิ่งที่เคยฝึกฝนออกมาใช้ พี่สาวของเธอสอนให้อนงค์ฝึกใช้ลิ้นให้คล่องแคล่วเพื่อมัดใจผู้ชาย และเวลานี้ก็นับเป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะใช้มันออกมา ลิ้นเรียวนุ่มนิ่มเริ่มตวัดรัดพันเข้าใส่ลิ้นสากที่สอดแยงเข้ามา รสราคะวาบหวามจากการร่วมแรงร่วมใจจึงร้อนแรงขึ้นเป็นสองเท่า

“อื้มมมม … อือออ …”

อรอนงค์ส่งเสียงครางในปากพลางลูบไล้สองมือไปทั่วแผ่นหลังแกร่งของเขา เธอขยับมือไปตะปบลงบนสะโพกแกร่งแล้วบีบนวดระบายความเสียวซ่าน ในขณะเดียวกันนั้นเธอก็เริ่มรู้สึกเกร็งขึ้นมาเล็กน้อย เพราะสัมผัสได้ว่าชายหนุ่มกำลังขยับตัวจรดแก่นกายที่ขนาดไม่ธรรมดาตรงไปที่ร่องสวรรค์แล้ว

“อื้อออออออ …”

นักศึกษาสาวส่งเสียงครางแผ่วเบาขณะที่ร่างสั่นสะท้านระริกเคร่งเครียด อรอนงค์ศึกษาการร่วมรักในทางทฤษฏีมาไม่น้อย หากทว่านี่กลับเป็นครั้งแรกที่กำลังจะเสียสาว ดังนั้นหากจะบอกว่าไม่หวาดกลัวเคร่งเครียดก็คงไม่ได้

สาวสวยขบเม้มริมฝีปากแน่น สองขาอ้าถ่างออก สองมือจิกลงไปบนแผ่นหลังแกร่ง ความคับแน่นที่กดแทรกเข้ามาในร่างทำให้เธอรู้สึกตึงแน่นเจ็บแปลบจนแทบทานทนไม่ไหว ยังดีที่อีกฝ่ายไม่ตะบี้ตะบันเร่งรีบตะลุยด้วยความหน้ามืด เขาเดินหน้าใส่เข้ามาอย่างเชื่องช้าไม่เร่งรีบทำให้อนงค์พอจะมีเวลาปรับตัวได้บ้าง

“ซี้ดดสสสสส … อูยยยย …”

อรอนงค์สูดปากยาวเพื่อระบายความอึดอัดและความเสียวซ่าน เธอสัมผัสได้ว่าของเขาสอดลึกเข้ามาจนสุดทาง ความใหญ่โตแข็งแกร่งนั้นอัดแน่นจนเต็มร่อง แม้ว่านี่จะเป็นแค่ครั้งแรก แต่อนงค์ก็พอจะรู้ว่าชายหนุ่มคนนี้มีอาวุธประจำตัวที่ไม่ธรรมดา

เมื่อนับรวมคะแนนในเรื่องเซ็กส์เข้าไปอีกหนึ่งข้อ อนงค์ก็ยิ่งรู้สึกว่าชายคนนี้ยิ่งน่าสนใจกว่าเดิมขึ้นไปอีก หากผู้ชายของเธอมอบความสุขบนเตียงให้ไม่ได้ชีวิตของเธอคงไร้สีสันน่าดู

“ตอดดีจังเลยคนสวย ซี้ดดสสส”

ชายหนุ่มพูดกระซิบเสียงแผ่วที่ข้างใบหูเพิ่มความสยิวพึงพอใจต่ออนงค์อีกส่วนหนึ่ง สาวสวยที่เพิ่งสูญเสียพรหมจรรย์ยิ้มพอใจในคำชมก่อนจะกระซิบตอบด้วยน้ำเสียงร้อนร่านยั่วราคะ

“เสียวจังเลยค่ะที่รัก มันแน่นไปหมด เสียวจะตายแล้ว”

เธอพูดพลางอ้าปากงับใบหูพร้อมกับแหย่แยงลิ้นเลียฉกระรัวใส่ สะโพกของเธอเด้งเข้าหาเขาแสดงท่าทีเสนอสนอง และชายหนุ่มก็ไม่ทำในสิ่งที่เธอผิดหวัง เขาเริ่มขยับบั้นเอวหนาลากเข้าลากออกโดยไม่เร่งรีบนัก

เพียงแค่การกระทำเนิบนาบนี้ก็ทำให้อรอนงค์สูดปากครางร่ำร้องสุดเสียว และเมื่อเขาเริ่มกระเด้าซอยเร็วถี่กว่าเดิม สัมผัสที่วิ่งครูดคราดไปตามร่องรวมไปถึงแรงกระแทกกระทั้นก็ทำให้สาวสวยเสียวซ่านจนตัวสั่นระริก เธอกอดรัดเขาแนบแน่นพร้อมกับส่งเสียงครวญครางหฤหรรษ์

“ซี้ดดสสส … ที่รักขา … เสียวจังค่ะ … อูยยสสส …”

ประโยคคำพูดของอนงค์นั้นถูกปรุงแต่งเพื่อเอาใจชายหนุ่ม แต่ว่าเสียงครางและอารมณ์เสียวของเธอนั้นเป็นของจริงไม่ได้แปลกปลอม ท่าทางของเธอจึงเหมือนหญิงสาวที่เต็มไปด้วยความรักคนหนึ่งอย่างแท้จริง ไม่ว่ามองอย่างไรก็ไม่เหมือนกับการโดนปลุกปล้ำขืนใจ

“อูยยยสสส ของเธอตอดสุดยอดอันดับหนึ่งเลยนะอนงค์”

ชายหนุ่มสูดปากกล่าวชมเรียกรอยยิ้มพึงพอใจจากอนงค์ได้อีกครั้ง เธอชื่นชอบความเป็นที่หนึ่ง และเธอชื่นชอบผู้ชายที่มอบความสุขให้เธอได้เช่นนี้

อนงค์หลับตาพริ้มรับความเสียวกระสันที่เริ่มเพิ่มพูนขึ้น ร่างแกร่งเริ่มโถมทับกระแทกกระทั้นหนักหน่วงกว่าเดิมจนเบาะนุ่มเด้งยวบสั่นสะเทือน ร่างงามเด้งกระดอนไปมาอย่างบ้าคลั่งเหมือนตุ๊กตาตัวน้อย ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวเหยเกปริ่มว่าจะขาดใจตาย และเพียงครู่เดียวร่างงามก็เด้งกระตุกเฮือก

นักศึกษาสาวตัวเกร็งระริก เธอจิกเล็บลงไปบนหัวไหล่ของเขาสุดแรงพร้อมกับส่งเสียงหวีดครางออกมาดังลั่นห้อง นั่นคือเสียงแห่งความสุขสมที่แท้จริง

“อือออออออ … ที่รักขา … ซี้ดดดสสสสส … อื้อออออ”

ร่างงามที่โดนโถมทับบิดส่ายไหวไปมา อรอนงค์เพิ่งได้รับทราบว่าที่แท้แล้วความสุขจากการร่วมรักนั้นสุดยอดถึงเพียงนี้ ตอนนี้เธอไม่แปลกใจเลยที่พี่สาวของเธอทำตัวร่านสวาทควานหาผู้ชายเพื่อตอบสนองอารมณ์ใคร่โดยไม่รู้จักเบื่อ เธอทราบแล้วว่าเมื่อได้ลิ้มรสวาบหวามสุดยอดนี้ไปสักครั้ง เธอก็เริ่มติดใจเช่นเดียวกัน

“ว่าแล้วเชียวว่าของเธอจะต้องสุดยอดกว่าใคร ผมยังไม่เคยเอาใครแล้วเสียวเท่าตอนนี้เลยนะอนงค์ ยิ่งถ้าเทียบกับกานต์ก็ยิ่งคนละชั้น ถึงจะครั้งแรกเหมือนกัน แต่ของกานต์กลายเป็นหลวมโพรกไม่น่าเอาเสียเลย”

นอกจากเรื่องลีลารักที่มอบความอิ่มเอมทางร่างกายให้แล้ว คำพูดของชายคนนี้ยังมอบความอิ่มเอมทางใจให้เธอยิ่งกว่า สิ่งที่อนงค์ชอบที่สุดคือการเป็นที่หนึ่ง ยิ่งถูกยกยอว่ายอดเยี่ยมเหนือยิ่งกว่าคู่แค้นอย่างกานต์เธอก็ยิ่งสาแก่ใจ ตอนนี้เธอรู้สึกว่าอีกฝ่ายนั้นติดอกติดใจโดนเสน่ห์เรือนกายของเธอกำราบเข้าให้แล้ว

ขณะที่อรอนงค์กำลังมีความสุขทั้งร่างกายและจิตใจนั้น กานต์ซึ่งนอนอยู่ไม่ห่างออกไปกลับรู้สึกคับข้องใจถึงที่สุด เมื่อครู่ผู้ชายคนนี้เพิ่งแสดงท่าทีชื่นชอบเธออยู่หยก ๆ แต่ครู่เดียวเขาก็หันไปพูดชมอนงค์และเหยียดหยามตัวเธอ ถึงแม้กานต์จะไม่ชื่นชอบการแข่งขันและไม่รู้จักด้วยซ้ำว่าชายคนนี้เป็นใคร แต่เมื่อโดนเหยียดหยามเช่นนี้ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็ต้องรู้สึกขุ่นเคือง

อย่างไรก็ตามในความขุ่นเคืองนั้นกานต์กลับไม่เข้าใจเรื่องราว ก่อนหน้านี้อรอนงค์แสดงท่าทีต่อต้านขัดขืนอย่างบ้าคลั่ง หากทว่าแค่เพียงไม่กี่นาทีถัดมาอนงค์กลับตอบสนองร่ำร้องเรียกหาอีกฝ่ายเป็นสุดที่รัก กานต์จึงสับสนปั่นป่วนไม่เข้าใจว่าชายคนนั้นร่ายมนตราอะไร เขาจึงสามารถกำราบทำให้อรอนงค์พลิกเปลี่ยนท่าทีจากหน้ามือเป็นหลังเท้าได้เช่นนี้

ความสงสัยของกานต์ยังไม่ได้รับคำตอบ เสียงครวญครางของอรอนงค์ก็ดังแว่วให้ได้ยินอีกครั้ง กานต์รับฟังพลางหนีบสองขาเบียดเข้าหากันแน่น แม้จะโดนปิดตาจนมองไม่เห็น แต่เสียงร่ำร้องสุขสมของอรอนงค์ก็ทำให้กานต์จินตนาการนึกเห็นภาพลีลารักร้อนแรงได้เป็นฉาก ๆ ช่วงเวลานั้นกานต์รู้สึกอิจฉาอนงค์ขึ้นมาจับใจ

Share the Post:

Related Posts

ก็รปภ. เขาควยใหญ่นี่คะ

เรื่องเสียว ก็รปภ. เขาควยใหญ่นี่คะ ทักทายทุกคนค่ะ ชื่อ นุ่น นะคะ วันนี้ก็มีประสบการณ์เซ็กที่อยากจะมาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังค่ะ เป็นเรื่องราวของตัวนุ่นเอง กับยามประจำคอนโดที่นุ่นอาศัยอยู่ค่ะ ตัวของนุ่นเอง เป็นคนที่อาศัยอยู่ในเมืองพัทยาค่ะ ที่คอนโดของนุ่นเป็นคอนโดที่อยู่ลึกมาก กลางคืนจึงค่อนข้างดูอันตรายค่ะ ถึงอย่างนั้นแล้วก็ไม่เป็นปัญหากับนุ่นเท่าไหร่ เพราะแถวนั้นก็พอมีชาวบ้านอาศัยอยู่ ด้วยความที่ตัวของนุ่นทำอาชีพเป็นเด็กเอ็นน่ะค่ะ เลยทำให้ในทุก

Read More

รสสวาทหนุ่มโรงงานสุดเงี่ยน

เรื่องเสียว รสสวาทหนุ่มโรงงานสุดเงี่ยน ฉันชื่อ “มะนาว” ค่ะ เด็กบ้านนอกที่หมายมั่นอยากมาเห็นเมืองกรุงฯ ที่แสนศิวิไลซ์ ดังนั้น พอจบ ม.6 ที่บ้านนอกแล้ว เลยไม่ได้เรียนต่อ ประกอบกับ ป้าของฉันที่เปิดร้านอาหารตามสั่งอยู่แถวๆ สามโคกที่ปทุมก็อยากให้มาขายของด้วย เพราะที่นี่มีโรงงานและค่อนข้างขายดีมากๆ จนบางครั้งแกก็ขายไม่ทัน เลยอยากให้ฉันมาขายก๋วยเตี๋ยว โดยให้เงินลงทุน ที่หลับที่นอน

Read More