แก้วกานดา ตอนที่ 22 – ตัวตน

แก้วกานดา ตอนที่ 22 – ตัวตน

แก้วกานดา ตอนที่ 22 – ตัวตน

       ผกายแก้ว คล้ายนางพญาหงส์ผู้สูงส่งสง่างามท่ามกลางฝูงชน ค่ำคืนนี้เธอสวมใส่ชุดราตรีสีครีมที่แทบจะละลายกลืนไปกับสีผิวที่ขาวกระจ่างจ้า เสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวมใส่ไม่มิดชิดเกินไปและไม่เปิดเผยเกินไป สายตาของหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่พากันจ้องมองมาจึงมีทั้งความรู้สึกชื่นชมไปพร้อมกับความกลัดมันร้อนแรงอยากลิ้มลองความหวานฉ่ำของเนื้อสาว

แก้วยืนอยู่เคียงข้างเยื้องด้านหลังของหญิงสาวสวยร่างนางแบบอีกคน เธอคนนี้เป็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนสนิทของแก้ว และเป็นตัวละครหลักในงานเลี้ยงค่ำคืนนี้ เพราะว่าเธอคือเจ้าสาวในงานเลี้ยงฉลองการแต่งงานนี้ และแก้วก็รับบทบาทเป็นเพื่อนเจ้าสาวในค่ำคืนนี้
เช่นกัน

“ยินดีด้วยนะจ๊ะ”

“ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ”

เสียงของแขกเหรื่อที่เข้ามาร่วมงานคนแล้วคนเล่าแสดงความยินดีด้วยรอยยิ้ม พวกเขาต่างเป็นกลุ่มคนในสังคมชนชั้นสูง หากไม่มีอำนาจทางการเมืองในมือ ก็ต้องมีเงินร่ำรวยในระดับมหาเศรษฐี นั่นเพราะทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวนั้นก็เป็นหนึ่งในบรรดาชนชั้นสูงเช่นเดียวกัน

เจ้าบ่าวนั้นเป็นนักกฎหมายว่าที่อัยการในอนาคต ส่วนเจ้าสาวเองก็เป็นลูกเจ้าสัวร่ำรวยมีอันจะกิน ในแง่รูปร่างหน้าตา อายุ และฐานะทางสังคมนั้นนับว่าเหมาะสมกันอย่างยิ่ง

“ยัยแก้ว เธอจะสวยเด่นข้ามหน้าข้ามตาเจ้าสาวอย่างชั้นมากเกินไปแล้วนะยะหล่อน มีแต่คนแอบมองเธอกันตาเป็นมันวาวเชียว”

ในช่วงจังหวะที่ไม่มีแขกเหรื่อเข้าร่วมถ่ายรูป เจ้าสาวของงานก็แอบกระทุ้งศอกใส่แก้วผู้เป็นเพื่อนเจ้าสาวเบา ๆ ก่อนจะส่งเสียงบ่นอุบอิบด้วยรอยยิ้มขบขัน กระนั้นเธอก็ไม่ได้ไม่พอใจอะไรเพราะพอจะคาดเดาสถานการณ์ได้อยู่แล้วตั้งแต่ออกปากชวนแก้วให้เป็นเพื่อนเจ้าสาว เธอก็แค่อยากหยอกล้อกับเพื่อนเล่นไปตามเรื่องตามราวเท่านั้น

“คิก คิก ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้เธอเลือกชั้นเป็นเพื่อนเจ้าสาวล่ะ นี่ชั้นก็เลือกใส่ชุดที่เด่นน้อยลงหน่อยแล้วนะ ไม่งั้นถ้าใส่ชุดตัวเก่งมาล่ะก็ สงสัยเจ้าบ่าวสุดหล่อของเธอจะเปลี่ยนใจมาแต่งกับชั้นแทนแล้ว”

“เดี๋ยวเถอะยายแก้ว ทำเป็นพูดดี ชั้นเองก็รออยู่เหมือนกันว่าเมื่อไหร่แกจะมีแฟน ถ้ามีเมื่อไหร่นะชั้นจะฉุดแย่งมาเป็นแฟนชั้นเองบ้าง”

“แหม แหม พูดแบบนี้เจ้าบ่าวมองตาเขียวแล้วนั่น คิก คิก”

ทั้งเจ้าสาวและเพื่อนเจ้าสาวต่างส่งเสียงหยอกล้อคิกคักกันด้วยความสนิทสนม แน่นอนว่าพวกเธอไม่ได้คิดอะไรมากเกินกว่าคำว่าล้อเล่น หากแต่เจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าบ่าวนั้นกลับรับฟังแล้วรู้สึกคันยุบยิบในหัวใจ

ด้านเพื่อนเจ้าบ่าวยังพอทำเนาที่ไม่ต้องเก็บอาการอะไรมาก แต่สำหรับเจ้าบ่าวแล้วกลับรู้สึกอึดอัดคับข้องใจเพราะต้องเก็บท่าทีไว้ให้มิดชิดที่สุด

ผู้ชายที่ได้พบกับผกายแก้วนั้นแทบไม่มีใครไม่หลงเสน่ห์ร้อนแรงของเธอ เจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าบ่าวของงานก็ไม่แตกต่าง พวกเขาต่างแอบมองความสวยสง่าและเรือนร่างอวบอิ่มด้วยความรู้สึกตื่นเต้นเร้าอารมณ์ ไม่ว่าจะสัดส่วนใดบนร่างกายก็ล้วนแล้วแต่ราวกับมีมนต์ขลังดูดสะกดสายตาไม่ให้หันมองไปทางอื่น

แก้วไม่ใช่ไม่ทราบว่าเจ้าบ่าวนั้นกำลังแอบมองเธอด้วยสายตาเช่นไร หากแต่เธอเลือกที่จะไม่แสดงออก เธอเคยพบเจอกับเขามาแล้วหลายครั้งเพราะเพื่อนพามาแนะนำให้รู้จัก และทุกครั้งที่ได้พบกัน สายตาของเจ้าบ่าวคนนี้ก็จะแอบมองเธอเป็นประกายลุ่มหลงเสมอ ไม่เว้นแม้แต่ค่ำคืนงานแต่งในครั้งนี้

“แก้วไปคุยกับเพื่อน ๆ ก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวจะถึงคิวต้องเดินขึ้นเวทีแล้วล่ะ เอาไว้ค่อยรบกวนเธออีกทีตอนเลิกงาน”

“อื้ม ได้ซิ งั้นชั้นไปพักหน่อยนะ มีอะไรก็เรียกล่ะ”

แก้วยิ้มตอบเจ้าสาวพยายามทำเป็นไม่เห็นสายตาของเจ้าบ่าวที่มองมาอย่างมีความหวัง เธอก้าวเดินเยื้องย่างด้วยท่วงท่าสง่างามเข้าไปในงานพร้อมด้วยรอยยิ้มทักทายมิตรสหายผู้หลักผู้ใหญ่ที่รู้จัก ก่อนจะเดินเข้าไปยืนคู่กับหญิงสาวอีกสองนางที่เป็นเพื่อนสนิทกัน

พวกเธอทั้งสี่ซึ่งรวมเจ้าสาวด้วยนั้นเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่มัธยมปลาย และยังคงคบหาสนิทสนมกันจนถึงทุกวันนี้ เพื่อนสาวทั้งสามของแก้วนั้นเป็นสาวสมัยใหม่มีนิสัยมั่นใจกล้าแสดงออกเช่นเดียวกับแก้ว

พวกเธอแต่ละคนบุคลิกดูดีเป็นนางแบบได้สบาย ถึงแม้จะไม่สวยสง่าโดดเด่นเหมือนแก้ว แต่ก็มีดีกรีเป็นสาวเต้นนำร้องเพลงเชียร์ประจำมหาวิทยาลัย เจ้าสาวนั้นสืบทอดธุรกิจของบิดา เพื่อนคนหนึ่งนั้นทำงานเป็นพนักงานธนาคารเกี่ยวกับการเงินและการลงทุน ส่วนอีกคนนั้นทำงานอยู่ในแวดวงประกันภัย

สามสาวที่ยืนอยู่ด้วยกันดึงดูดสายตาผู้คนได้ราวกับแม่เหล็ก โดยเฉพาะผกายแก้วที่สวยโดดเด่นกว่าคนอื่น เรียกได้ว่าหากเดินสวนกันแล้วหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ต้องแอบมองกันจนเหลียวหลังคอแทบเคล็ดไปตาม ๆ กัน

“แก้ว เมื่อไหร่แกจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนเสียที ปีนี้ก็แต่งออกไปแล้วหนึ่งคน ปีหน้าชั้นก็จะแต่งงานแล้ว ส่วนยัยนี่ก็อยากแต่งจะแย่ แต่แฟนมันยังไม่ยอมขอเสียที สงสัยจะรอให้ท้องป่องสักเจ็ดเดือนเสียก่อนแล้วค่อยขอ”

“นังบ้า พูดจาน่าเกลียด ชั้นกับพี่เค้ายังไม่ได้มีอะไรกันย่ะ”

“แหม ๆ อย่ามาพูดให้ขำเลยย่ะ อย่าบอกนะว่าที่ไปทะเลกันสองต่อสองตั้งสามคืนน่ะไม่ได้มีอะไรกันเลย แต่ถ้าขนาดนี้แล้วไม่ทำอะไรจริงก็อย่าแต่งเลย ไม่ใช่ชายแท้แน่ ๆ”

“พี่เค้าไม่ใช่เกย์แน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์ย่ะ แกเหอะทำพูดดี แต่งงานปีหน้าอะไร เห็นทุกวันนี้ก็หวานซะปานจะกลืนกิน ระวังเหอะงานแต่งจะได้อุ้มท้องไปแต่งด้วย”

สองเพื่อนสาวส่งเสียงหยอกล้อกันด้วยรอยยิ้ม แก้วเองก็ยิ้มขำตามไปด้วย พวกเธอสามคนสนิทสนมกันอย่างที่เห็น เรียกได้ว่าสามารถพูดคุยกันได้เกือบทุกเรื่อง กระนั้นก็แค่เกือบทุกเรื่อง เพราะแก้วคงไม่กล้าเล่าเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับยามหนุ่มสุดหล่อให้ใครฟัง

“ยัยแก้ว อย่าทำยิ้มเงียบ ๆ ซิยะ ไหนตอบมาซิว่าเมื่อไหร่แกจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตน อย่ามัวแต่เลือกมาก เดี๋ยวก็ได้ไปอยู่คานทองนิเวศน์หรอกย่ะ”

“นี่แก แฟนนะยะ ไม่ใช่แปรงสีฟัน นึกอยากได้ก็เข้าไปซื้อในร้านขายของ”

“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงล่ะย่ะ แกน่ะสวยเข็ดฟันขนาดนี้ อยากได้หนุ่มคนไหนเข้าไปอ่อยสักหน่อยขี้คร้านจะหลงเสน่ห์แกเข้าให้ ต่อให้แต่งงานแล้วก็คงหย่าเมียแล้วมาแต่งกับแกแน่ ๆ”

“นางบ้า ชั้นไม่อยากไปแย่งสามีใครหรอกนะ”

“เหรอ แต่เจ้าบ่าวคืนนี้มองแกตาเป็นมันเชียวนะ แถมยังแอบตามจีบแกมาตั้งหลายครั้งแล้วด้วยนี่นา”

“อย่าพูดน่าเกลียด ตามจีบที่ไหน พี่เค้าก็แค่มาคุยเรื่องธุรกิจ”

“ย่ะ ธุรกิจก็ธุรกิจ แล้วตกลงยังไง ตอนนี้มีใครโดนใจบ้างหรือยัง อย่าตั้งมาตรฐานสูงเกินไปเลยนะยัยแก้ว หนุ่ม ๆ ที่เข้าหาแกแต่ละคนนั้นไฮโซโปรไฟล์หรูทั้งนั้น แต่แกดันไม่ชายตามองสักคน ชั้นล่ะอยากสวยแบบแกบ้างจริง ๆ จะได้นั่งเลือกบ้าง”

“อืม … จริง ๆ ก็ … มีอยู่มั้ง”

แก้วยิ้มให้และนึกไปถึงนายอาร์ตยามหนุ่ม ก่อนจะรีบสลายรอยยิ้มและพยายามปัดความคิดนั้นทิ้งไป เธอได้ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่สานต่อความสัมพันธ์กับอาร์ต

“เอ๋ ๆ เดี๋ยวนะ ท่าทางแบบนี้ แสดงว่าแกมีความรักจริง ๆ เหรอเนี่ย อ้าปากพูดมาเลยนะยะว่าชายผู้โชคดีที่คว้าเอาหัวใจนางฟ้าแสนสวยคนนี้ไปได้คือใครกัน เป็นคุณชายหรือลูกมหาเศรษฐีที่ไหนเอ่ย บอกมาเลยนะ”

“เอ่อ … คือ …”

แก้วสะอึกกับคำถามของเพื่อนสนิท เพียงคำถามนี้ก็บ่งบอกถึงแนวคิดทางชนชั้นฐานะออกมาอย่างชัดเจน แก้วเองก็ตระหนักถึงเรื่องนี้ดี มุมมองของเพื่อนเธอนั้นมองว่าคนที่เหมาะสมกับแก้วมีแต่ต้องระดับคุณชายหรือมหาเศรษฐี และหากแก้วบอกออกไปว่าผู้ชายที่อยู่ในใจของเธอนั้นเป็นแค่เพียงยามหนุ่มธรรมดาคนหนึ่ง เกรงว่าเพื่อนสนิททั้งสองคงยากจะทำใจเชื่อ

“แกก็อย่าไปคาดคั้นแก้วแบบนี้ซิ ถ้ามันอยากบอกเดี๋ยวมันก็บอกเองล่ะน่า ถ้าไม่บอกก็คงเพราะมีเรื่องลำบากใจ”

“ก็ชั้นอยากรู้นี่นา แต่ก็ได้ รอให้แก้วมันอยากเล่าเองก็ได้”

เพื่อนสาวอีกคนตีแขนเพื่อนสาวอีกคนที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น จากนั้นทั้งคู่ก็หันไปคุยเรื่องอื่นกันต่อ แก้วซึ่งอึกอักพูดไม่ออกจึงโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย เธอยืนฟังเพื่อนสาวทั้งสองสนทนาอีกครู่หนึ่งก็นึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้จึงเอ่ยปากถามเพื่อนสาวที่ทำงานในแวดวงประกันภัย

“ยัยหวาน บริษัทประกันที่แกทำเนี่ย เป็นบริษัทลูกในเครือของตะวันกรุ๊ปใช่หรือเปล่า”

“จ้ะ ใช่แล้ว มีอะไรหรือเปล่าแก้ว หรือเธอจะทำประกัน”

“เปล่า ๆ คือ … ชั้นมีเรื่องอยากรู้ … ได้ข่าวว่าเธอทำงานกับกลุ่มผู้บริหาร ได้คุยกับท่านตะวัน เจ้าของตะวันกรุ๊ปอยู่บ้างใช่หรือเปล่า”

“ท่านตะวันเหรอ อือ ก็มีได้คุยกันบ้างในห้องประชุมนะ แต่ไม่บ่อย ชั้นยังตำแหน่งไม่ใหญ่โต แกมีอะไรหรือเปล่า ถ้าอยากจะติดต่อธุรกิจ ชั้นจะให้เบอร์ติดต่อเลขาท่านตะวันได้อยู่นะ”

“ไม่เชิงแบบนั้นจ้ะ ชั้นก็แค่อยากรู้ข้อมูล … แกรู้จักคนที่ชื่ออาทิตย์หรือเปล่า”

ผกายแก้วอึกอักเล็กน้อยก่อนจะทำใจถามเรื่องที่อยากทราบ เธอรู้สึกเกร็งเล็กน้อยเพราะไม่เคยแสดงท่าทีสนใจผู้ชายคนไหนมาก่อน แต่เมื่อหลังจากได้คุยกับคุณน้าคมกฤชไปเมื่อกลางวัน แก้วก็ได้ลอบตัดสินใจว่าตนเองจะต้องทำความรู้จักกับคุณอาทิตย์คนนี้ให้ได้ เธอรู้สึกราวกับว่ามันมีอะไรบางอย่างเชื่อมโยงเขาและเธอเข้าหากัน

“คุณอาทิตย์ ลูกชายคนเดียวของคุณตะวันน่ะเหรอ? … นี่แกไปรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่ เอ อย่าบอกนะว่าที่แกทำท่าอ้ำอึ้งไม่กล้าพูด ก็เพราะว่าแกแอบปิ๊งคุณอาทิตย์อยู่”

หวานเบิกตากว้างส่งเสียงโพร่งออกมาด้วยความตกใจ เพื่อนสาวอีกคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวก็ตกใจตามไปด้วย ส่วนแก้วนั้นแอบดีใจที่เพื่อนสาวรู้จักกับคุณอาทิตย์ แต่ก็เกิดอาการหน้าแดงซ่านขึ้นมาที่เพื่อนเข้าใจผิดไปไกลลิบ

“เดี๋ยว ๆ ไม่ใช่แบบนั้น คือชั้นได้ยินน้าคมกฤชพูดให้ฟังว่าคุณอาทิตย์เก่งมาก ชั้นก็เลยอยากรู้จักเฉย ๆ ไม่มีอะไรพิเศษสักหน่อย”

“สองคนนี้คุยอะไรกัน ใครคือคุณอาทิตย์ เอ๊ะ ๆ เดี๋ยวนะไม่มีอะไรแล้วทำไมยัยแก้วหน้าแดงขนาดนั้น มันต้องมีอะไรสักอย่างแน่นอน”

“แกน่ะรู้จักใครบ้างยะยัยเปรียว อืม … แต่คนนี้ไม่รู้จักก็ไม่แปลกมั้ง เพราะเขายังไม่เข้ามาในวงการเต็มตัว คุณอาทิตย์เขาเป็นลูกชายคนเดียวของคุณตะวัน นอกจากจะเป็นทายาทคนเดียวแล้ว ยังหล่อมาก หล่อสุด ๆ แถมยังเก่งมากด้วย นี่ถ้าเค้ามาจีบชั้นนะ ชั้นจะยกเลิกงานแต่งงานแล้วมาแต่งกับคุณอาทิตย์แทนก็ยังได้”

“โห เป็นเอามากนะนังหวาน อะไรจะหล่อเวอร์ขนาดนั้น”

หวานทำท่าเคลิบเคลิ้มจนแก้วและเปรียวแปลกใจ นั่นเพราะหวานเองนั้นมีมาตรฐานเรื่องผู้ชายค่อนข้างสูง แฟนของหวานนั้นนอกจากจะรวยมากแล้วยังหล่อมากระดับนายแบบ แต่หวานกลับทำท่าเหมือนปลื้มคุณอาทิตย์คนนี้เสียเหลือเกิน

“หล่อที่สุด รวยที่สุด เก่งที่สุด ชั้นให้นิยามสามคำนี้เลย แถมคุยด้วยแล้วสบายใจ ถ้าแกเห็นนะรับรองว่าต้องรีบไปสมัครเป็นแม่ของลูกให้เขาทันที … เอ๊ะ เดี๋ยวนะ ว่าแต่แกถามถึงคุณอาทิตย์ทำไมยะยัยแก้ว หรืออยากจะมาแย่งว่าที่สามีชั้น”

“นี่ ๆ ยัยหวาน ตกลงใครเป็นสามีของแกกันแน่ ชั้นก็แค่อยากรู้จักเฉย ๆ แล้วก็นึกได้ว่าแกอาจจะรู้จัก ชั้นก็เลยถามดู”

“อืม จริง ๆ จะว่าไป ถ้าแกได้แต่งกับคุณอาทิตย์ก็น่าจะดี … แต่ยากหน่อยนะ เขายังไม่เข้ามาทำงานบริหารอย่างเป็นทางการ เท่าที่รู้คือช่วงนี้เขากำลังอยู่ในช่วงใช้ชีวิตอิสระเก็บประสบการณ์อะไรบางอย่าง เห็นว่าสักปีสองปีถึงค่อยเข้ามาช่วยบริหารงานนะ แต่ถ้าแกอยากเจอก็ลองไปแวะ ๆ แถวศูนย์แสดงงานศิลปะใกล้ ๆ ที่ทำงานชั้นซิ ชั้นได้ยินมาว่าคุณอาทิตย์เอาผลงานไปแสดงที่นั่นบ่อย ๆ บางทีก็ไปชมงานศิลปะของคนอื่น”

“ศูนย์แสดงงานศิลปะงั้นเหรอ”

แก้วครุ่นคิดพลางทวนคำด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาโดยที่ไม่มีใครได้ยิน เธอได้ยินจากน้าคมกฤชว่าคุณอาทิตย์คนนี้ชื่นชอบงานศิลปะ ข่าวที่หวานบอกมาจึงมีความเป็นไปได้ ยิ่งได้ยินหวานพูดชมเขาเสียเลอเลิศแก้วก็ตัดสินใจว่า เธอคงต้องลองไปหาคุณอาทิตย์คนนี้สักครั้ง เพื่อที่จะได้ประเมินดูว่าเขาเป็นคนที่คู่ควรหรือไม่

“เอ๊ะ นั่นมันเจ้ากรรมนายเวรของแกนี่แก้ว ไม่นึกว่าจะเสนอหน้ามางานนี้ด้วย ใครชวนมานะ ฝ่ายเจ้าสาวไม่ชวนแน่ หรือว่าฝ่ายเจ้าบ่าวชวนมา”

ระหว่างที่แก้วครุ่นคิดหวานก็ส่งเสียงอุทานและหันมองไปทางประตูเข้างาน และเมื่อสามสาวหันไปมองก็ได้พบเห็นหญิงสาวสวมชุดราตรีสีแดงเพลิงสั้นเต่อวาบหวิวนางหนึ่ง ทั้งสามสาวต่างก็คุ้นหน้าคุ้นตารู้จักหญิงสาวนางนี้ดี นั่นเพราะว่าอีกฝ่ายคือนก หรือกนกกรเพื่อนร่วมรุ่นที่คอยตามรังควานแก้วมาตลอดนั่นเอง

นกเองก็เหมือนจะมองเห็นแก้วและเพื่อนสาวเช่นกัน เธอชะงักเล็กน้อยก่อนจะเบะปากเชิดหน้าใส่ แล้วเดินตรงเข้าไปหากลุ่มสามสาวด้วยรอยยิ้มเหมือนอยากตอแยหาเรื่อง

“สวัสดีจ้ะ แก้ว หวาน เปรียว จริง ๆ ชั้นมาตามคำเชิญของฝ่ายเจ้าบ่าว ไม่ทันนึกเลยว่าเจ้าสาวจะเป็นคนในกลุ่มพวกเธอ พวกเธอก็ใจร้ายจังเลยนะ เล่นไม่เอ่ยปากชวนชั้นมาร่วมงานเลยสักนิด ทั้งที่ชั้นเองก็เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับพวกเธอ”

“แหม ถ้ารู้ว่าเจ้าสาวเขาไม่ต้อนรับ แล้วเธอยังจะเสนอหน้ามางานของเขาทำไมอีกล่ะจ๊ะนก”

หวานตอกกลับนกไปด้วยรอยยิ้มนิ่ง ๆ จนนกชะงักไปวูบหนึ่ง แต่แค่พริบตาเดียวนกก็ยิ้มน้อย ๆ แล้วปรายตามองไปทางเจ้าบ่าวซึ่งอยู่หน้างานด้วยท่าทีมีลับลมคมใน

“ทำไมจะมาไม่ได้ล่ะจ้ะ ถึงเจ้าสาวจะไม่ชวน แต่ชั้นกับเจ้าบ่าวน่ะออกจะสนิทสนมกลมเกลียวกันมาก่อน ตอนนั้นเขาตามจีบชั้นต้อย ๆ ตอนนี้พอเขาเอ่ยปากชวนชั้นก็ต้องมาตามคำชวนซิ”

คำพูดคำจา รวมถึงสายตาและน้ำเสียงของนกนั้นสื่อไปในทางสองแง่สามง่าม หากจะแปลความว่านกกับเจ้าบ่าวเคยมีอะไรกันมาก่อนก็คงไม่ผิด หวานและเปรียวจึงขมวดคิ้วแสดงท่าทีหงุดหงิด เพราะเจ้าบ่าวในวันนี้คือสามีของหนึ่งในกลุ่มเพื่อนสนิท เหลือก็แต่เพียงผกายแก้วที่ยังไม่แสดงท่าทีหงุดหงิด อีกทั้งยังยิ้มและพูดสวนกลับไป

“ถ้าอย่างงั้นชั้นคงต้องขอแสดงความเสียใจกับเธอด้วยนะนก เจ้าบ่าวคนนี้หล่อ นิสัยดี อนาคตไกล เธอจับเขาไม่สำเร็จ เขาเลือกเพื่อนของชั้นแทนเธอ เธอคงจะรู้สึกเศร้าแล้วก็แย่มากซินะ”

“นางแก้ว!!!”

นกส่งเสียงร้องโพล่งพร้อมกับแสดงสีหน้าขุ่นเคือง นั่นเพราะคำพูดของแก้วนั้นเล่นงานจุดอ่อนของนกเข้าอย่างจัง ก่อนหน้านี้นกและเจ้าบ่าวในงานเคยนอนด้วยกันสองสามครั้งจริง ๆ

เจ้าบ่าวคนนี้เคยตามจีบนกอยู่ช่วงหนึ่งเพราะความสวยของเธอ นกย่อมไม่พลาดที่จะเป็นฝ่ายทอดสะพานยั่วผู้ชายระดับนี้ และเธอก็ได้ผลประโยชน์มาคุ้มค่ากับการใช้ร่างกายแลกเปลี่ยน เพียงแต่น่าเสียดายที่เธอกำราบจับเขาเอาไว้ไม่อยู่

ความจริงเรื่องนี้สมควรไม่มีใครทราบ หากแต่ผกายแก้วซึ่งกนกกรจงเกลียดจงชังกลับอ่านเรื่องราวออก และคนอย่างแก้วก็ไม่ใช่สตรีไทยไร้เขี้ยวเล็บที่เอานั่งร้องไห้ยอมแพ้ปัญหา หากมีใครร้ายใส่แก้วก็จะร้ายตอบ

“เชอะ พวกแกรอดูไปเถอะ เจ้าบ่าวของชั้นน่ะทั้งหล่อ ทั้งรวยกว่าผู้ชายคนนี้หลายเท่า ส่วนน้องสาวของชั้นตอนนี้กำลังคบเป็นแฟนอยู่กับลูกชายคนเดียวของเครือตะวัน เอาไว้ถ้าแต่งงานเมื่อไหร่ชั้นจะส่งบัตรเชิญมาให้พวกเธอไปร่วมกันแสดงความอิจฉาตาร้อน”

เมื่อโดนย้อนกลับมานกก็ไม่ทราบว่าควรโต้กลับอย่างไร เธอได้แต่ตีสีหน้าแล้วส่งเสียงสร้างเรื่องอวดโอ่ ก่อนจะหมุนตัวกระทืบเท้าเดินออกห่างจากสามสาวไปทันที

“เอ๋ น้องสาวของกนกกรเนี่ยนะ คบกับคุณอาทิตย์ ใช่ที่ชื่ออรอนงค์อะไรนั่นหรือเปล่า รุ่นเดียวกับยายกานต์น้องสาวของแก้วใช่หรือเปล่า”

เมื่อนกเดินห่างออกไป เปรียวก็หันไปขมวดคิ้วถามเหล่าเพื่อนสาวด้วยความสงสัย พวกเธอมองหน้ากันไปมาครู่หนึ่งด้วยความแปลกใจเล็กน้อย เพราะเมื่อครู่พวกเธอก็เพิ่งพูดเรื่องคุณอาทิตย์คนนี้ไป และผ่านไปครู่เดียวกนกกรก็มาพูดถึงอีกรอบ

“อืม น้องสาวของนกชื่ออรอนงค์ เรียนอยู่รุ่นเดียวกับกานต์น้องสาวชั้นเอง ล่าสุดก็เพิ่งมีเรื่องกัน อนงค์กุเรื่องว่ากานต์ไปขึ้นห้องกับผู้ชาย แต่โดนกระแสตีกลับถล่มจนเสียหน้า อย่างที่ชั้นเคยเล่าให้ฟังในแชทไง”

“อ๋อ นึกออกแล้ว พอดีชั้นอ่านผ่าน ๆ ไม่ทันได้สนใจ อนงค์ท่าทางจะสติไม่ค่อยดี จะใส่ความใครไม่ใส่ ดันไปใส่ความสาวขี้อายอย่างกานต์ รายนั้นแค่โดนผู้ชายจ้องหน้าก็เขินทำตัวไม่ถูกแล้ว แต่ดันไปบอกว่ากานต์ชวนผู้ชายขึ้นห้องเนี่ยนะ บ้าจริง ๆ”

“อื้อ ตอนแรกชั้นได้ยินข่าวก็โกรธมาก ยัยนกมาเล่นงานชั้นตรง ๆ ยังพอว่า แต่นี่ยังจะให้น้องสาวของตัวเองมาใช้เรื่องสกปรกเล่นงานกานต์อีก นิสัยแย่ทั้งพี่ทั้งน้อง แถมยังทำตัวมั่วผู้ชายไม่แพ้กันทั้งคู่ …”

แก้วตอบด้วยอารมณ์หงุดหงิดก่อนจะหยุดชะงักไปเพราะรู้สึกว่าไม่ควรหลุดปากเรื่องนี้ เธอทราบพฤติกรรมของสองพี่น้องกนกกรและอรอนงค์จากโทรศัพท์มือถือที่เก็บได้ แก้วได้เห็นฉากที่สองพี่น้องใช้ปากดูดเลียให้ผู้ชายคนเดียวกัน และทราบความดำมืดเบื้องหลังความสำเร็จของกนกกร

“เอ๋ แกหมายความว่ายังไงแก้ว แกมีข่าวอะไรรีบบอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ นกกับอนงค์สองพี่น้องทำอะไรกันยังไง”

“เอ่อ ไม่มีอะไรหรอก ชั้นแค่พลั้งปากไปน่ะ ชั้นแค่หงุดหงิดที่สองคนนี้ไปหาเรื่องกับยัยกานต์ ทั้งที่ยัยกานต์ก็อุตส่าห์อยู่เงียบ ๆ ไม่ยุ่งไม่สุงสิงอะไรด้วยแล้ว”

“อ๋อ อืม ก็จริงของแกนะแก้ว น้องสาวแกเนี่ยเรียบร้อยสุด ๆ เป็นสาวหวานขี้อายอย่างกับอะไรดี ผิดกับพี่สาวสุดมั่นเปรี้ยวเข็ดฟันอย่างแกคนละเรื่อง คิก คิก ถ้าบอกว่าแกชวนผู้ชายขึ้นห้องชั้นยังพอจะเชื่ออยู่บ้างหรอก”

“ยายบ้า นี่มองชั้นเป็นผู้หญิงแบบไหน ใครจะไปทำเรื่องน่าอายแบบนั้น”

ผกายแก้วหันไปตีแขนเพื่อนสาวจนอีกฝ่ายสะดุ้งโหยง หากมองผิวเผินแล้วก็เหมือนกับไม่มีอะไร ดูแล้วเหมือนแก้วก็แค่เล่นงานเพื่อนกลับโทษฐานพูดหยอกเรื่องลามก แต่ความจริงแล้วแก้วกำลังรู้สึกเขินวูบ

ถึงแม้แก้วจะไม่ได้เอ่ยปากชวนผู้ชายขึ้นห้องโดยตรง แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับยามหนุ่มสุดหล่อนั้นก็นับว่าใกล้เคียงกับการชวนผู้ชายขึ้นห้อง เมื่อรำลึกถึงเรื่องนี้ใบหน้าของเธอจึงแดงเรื่อ

ตอนนี้แก้วรู้สึกเห็นด้วยกับเพื่อนสาว โดยนิสัยแล้วตัวเธอเองเป็นสาวมั่น หากเธอพบเจอผู้ชายที่ถูกใจ เธอก็คงเผลอทำตัวแบบเดียวกับที่ตอนมอบความสาวให้นายอาร์ต ส่วนกานต์น้องสาวขี้อายของเธอนั้นไม่น่าจะทำเรื่องอะไรแบบนั้นได้เด็ดขาด

……………………………………

“อื้อ อื้อ”

กานต์ ส่งเสียงอู้อี้เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูห้องดังขึ้น เธอไม่สามารถส่งเสียงพูดคุยและมองไม่เห็นสิ่งใด เพราะยังคงถูกมัดปิดตาปิดปากอยู่ในสภาพเกือบเปลือยเปล่าบนเบาะนอนนุ่ม

กางเกงในตัวน้อยห้อยอยู่ตรงข้อเท้าติดกับรองเท้าสีดำ สองขาขาวเพรียวยังคงหุบไม่ลงเพราะเพิ่งผ่านเกมกามมาอย่างหนักหน่วง คราบราคะสีขาวขุ่นยังอัดแน่นย้อยทะลักอยู่เต็มร่องสาวสีแดงแจ๋ ร่างท่อนบนนั้นทั้งเสื้อนักศึกษาและยกทรงต่างก็โดนถลกเปิดออกจนมองเห็นเต้านมอวบเต่งซึ่งเต็มไปด้วยริ้วรอยจ้ำแดง

นักศึกษาสาวดาวเด่นของมหาวิทยาลัยกำลังอยู่ในอารมณ์โกรธเคืองและตื่นกลัวไปพร้อมกัน ก่อนหน้านี้เธอต้องนอนรับฟังคำถากถางเหยียดหยามของชายหนุ่ม เขายกยออรอนงค์เสียจนดีเลิศ ในขณะที่พูดจาเหยียบย่ำเธอจนแทบจมดิน

นอกจากต้องนอนทนรับฟังคำเหยียดหยามแล้ว เธอยังต้องทนฟังเสียงครางกระเส่าเร่าร้อนของอรอนงค์อีกนานนม กานต์รับฟังจากเสียงและทราบได้ว่าอนงค์นั้นเสร็จไปถึงสามรอบ จากนั้นชายหนุ่มจึงค่อยเอ่ยปากพาอรอนงค์ไปอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัว แล้วจะกล่าวส่งกลับบ้านเพราะเขามีธุระสำคัญ

ด้วยเหตุนี้กานต์จึงกำลังตื่นกลัว เธอคิดว่าผู้ชายคนนั้นได้ทอดทิ้งเธอและออกไปทำธุระแล้ว แต่ว่าหลังจากเขาออกไปได้ครู่เดียว เธอก็ได้ยินเสียงประตูเปิดอีกครั้ง คำถามสำคัญก็คือใครเข้ามาในห้อง และเธอจะโดนใครทำอะไรอีกหรือไม่

กานต์รู้สึกตื่นกลัวและเวทนาในตัวเอง วันนี้คล้ายวันซวยของเธอ นอกจากจะโดนนายบอลปลุกปล้ำแล้ว เธอยังเกือบได้ลุงยามหน้าเหี้ยมเป็นสามีอีกคน ทั้งยังโดนชายฉกรรจ์สามคนลวนลามเนื้อตัวตอนที่เธอแกล้งสลบ เมื่อมาถึงที่นี่เธอก็โดนปลุกปล้ำจนมีสามีคนที่สาม เธอรู้สึกว่าที่เธออับโชคถึงเพียงนี้อาจจะเป็นเพราะเธอทำตัวไม่ดีสวมใส่ชุดนักศึกษารัดสั้นมาเรียน

“… ใคร … ใครน่ะ …”

สาวสวยรีบส่งเสียงสั่นเครือด้วยความตื่นกลัวเมื่อใครบางคนเพิ่งจะกระชากเทปกาวที่ปิดปากของเธอออกไป ริมฝีปากบางขบเม้มเข้าหากันแน่น น่าแปลกที่เธอภาวนาให้คนที่มาคือชายหนุ่มที่เพิ่งปลุกปล้ำเธอ เธอเพียงหวาดกลัวว่าจะเป็นชายอื่น

“ใคร … จะทำอะไร … อย่านะ … อย่า …”

กานต์ส่งเสียงร้องออกมาอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายไม่ตอบรับ เขาแค่ขยับไปมาจนเบาะนอนเด้งยวบ จากนั้นร่างบางก็สะดุ้งโหยงรีบหุบขาเข้าหากัน เพราะใครบางคนกำลังจับขาขาวเพรียวของเธอดันถ่างอ้าออกโดยไม่พูดไม่จาสักคำ

“อย่านะ ไม่เอา … อย่า …”

นักศึกษาสาวร้องเสียงดังพร้อมกับพยายามเด้งตัวหนี เพราะทราบว่าเรี่ยวแรงสู้อีกฝ่ายไม่ได้ แต่การกระทำเหล่านั้นก็แทบจะไร้ประโยชน์ ใครคนนั้นแทรกตัวเข้ามาตรงกลางหว่างขาได้โดยไม่ลำบากนัก กานต์ขนลุกวูบด้วยความหวาดกลัวเมื่อสัมผัสได้ว่ามีอะไรบางอย่างกำลังทิ่มแทงสะเปะสะปะอยู่ตรงเนินสาว

“อื๊ออออ … อื้อออออ … อื๊ออออออ …”

ร่างบางกระตุกสั่นสะท้านทันทีเมื่อสิ่งนั้นกดแทรกเข้ามาในร่าง แวบแรกนั้นกานต์แอบหวังให้เป็นชายคนก่อนหน้า หากทว่าสัมผัสที่สอดแทรกเข้ามาในร่างนั้นกลับแตกต่าง มันมีขนาดเล็กกว่าและสั้นกว่าทั้งยังให้ความรู้สึกลื่นหยุ่นแปลก ๆ

“… อือออ … อย่า … อื้อออออ …”

กานต์แน่ใจแล้วว่าไม่ใช่ของชายคนก่อนหน้า และนั่นหมายความว่าเธอกำลังจะมีสามีคนที่สี่ เธอจึงพยายามร้องห้ามและส่งเสียงต่อต้าน หากทว่าเขาไม่สนใจอันใด เมื่อสอดใส่เข้าไปได้จนสุด อาวุธขนาดย่อมเยาของเขาก็ขยับวิ่งเข้าวิ่งออกถี่ยิบ

นักศึกษาสาวหลับตาปี๋ขบเม้มริมฝีปากแอ่นตัวเกร็ง เธอพยายามต่อต้านหากทว่าร่างกายกลับตอบสนอง ความเสียวซ่านที่ครูดคราดไปตามร่องสาวทำให้เธอเสียววาบหมดแรง อารมณ์ที่ค้างเติ่งเพราะต้องนอนฟังเสียงครางของอนงค์ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง

“ซี้ดดสสส … อืออออ … อา … อูยยยย …”

กานต์ไม่ทราบว่าต้องทำตัวอย่างไร เธอทำได้แค่เพียงส่งเสียงครางรับความเสียวที่อีกฝ่ายยัดเยียดให้ และนี่เป็นอีกครั้งที่เธอรู้สึกเวทนาที่ตัวเองเป็นพวกความรู้สึกทางเพศรุนแรงจุดติดง่าย เธอไม่ทราบด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่เขาก็กำลังจะเป็นสามีคนที่สี่ของเธอแล้ว

อย่างไรก็ตามขณะที่กานต์รู้สึกเสียวซาบซ่านนั้น เธอกลับรู้สึกได้ถึงความอึดอัดคับข้องใจ ไม่ว่าจะนายบอล พี่อาร์ตยามหนุ่ม หรือชายปริศนาที่เพิ่งข่มขืนเธอไปก่อนหน้า สามีทั้งสามคนนี้ต่างก็มีอาวุธที่ยาวใหญ่ทรงพลัง อาวุธของพวกเขามุดทะลวงลึกจนคับแน่นเต็มร่อง ทั้งยังเข้าไปได้ลึกสุดทาง แต่ว่าตอนนี้กลับแตกต่าง

สิ่งที่สอดแทรกเข้ามาในร่างของกานต์ตอนนี้สร้างความเสียวซ่านได้ก็จริง แต่ว่ามันเบาบางไม่สาแก่ใจอย่างที่เธอเคยผ่านมา ไม่ว่าจะเรื่องความสั้นที่สอดแทรกเข้าไปได้เพียงเล็กน้อย รวมถึงเรื่องขนาดที่เล็กเกินไปจนไม่เสียวซ่านอย่างที่เคย แม้จะเสียวอยู่บ้าง แต่อารมณ์ของกานต์ในตอนนี้ยังเต็มไปด้วยความอึดอัดคับข้องจนหงุดหงิด

ความเสียวที่ไม่สุดนี้ดำเนินไปได้ราวสองสามนาทีอีกฝ่ายก็หยุดการเคลื่อนไหว กานต์เด้งสะโพกเข้าหาโดยไม่รู้ตัวเพื่อหาความสุขเสียว แต่แล้วอีกฝ่ายก็ถอนตัวออกไป ทิ้งไว้ก็แต่เพียงความรู้สึกค้างคาโหวงเหวงที่เธอแทบทนรับไว้ไม่ไหว

หัวสมองของกานต์หมุนติ้ว เธอเคยแอบศึกษาเรื่องพวกนี้มาอยู่บ้าง เธอจึงเริ่มสงสัยว่าอีกฝ่ายถึงจุดสุดยอดไปก่อนแล้วหรือไม่ เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วผู้ชายธรรมดาก็มักจะไม่อึดถึกทนเหมือนสามีสามคนแรกของเธอ เวลานี้เธอจึงค่อยเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าทำไมผู้หญิงบางคนจึงมองหาผู้ชายที่มอบความสุขบนเตียงได้ เพราะตอนนี้เธอเองก็กำลังรู้สึกหงุดหงิดขุ่นข้องใจอย่างที่สุด

กานต์ซึ่งกำลังใบหน้าแดงก่ำด้วยอารมณ์ค้างคาพูดอะไรไม่ออก เธอเม้มปากแน่นด้วยไม่แน่ใจว่าตนเองกำลังต้องการอะไร เธอควรจะเสียใจที่มีสามีคนที่สี่ หรือว่าเธอควรจะเสียใจที่อีกฝ่ายไม่สามารถทำให้เธอถึงฝั่งฝันได้กันแน่

อย่างไรก็ตามเธอก็สัมผัสได้ว่าเบาะนอนเด้งยวบ ชายที่มีอาวุธเล็กสั้นและไม่มีน้ำอดน้ำทนนั้นเหมือนจะขยับออกไปจากเบาะนอนแล้ว แต่ครู่เดียวเบาะนอนก็สั่นยวบอีกครั้งเหมือนมีใครเหยียบย่ำขึ้นมาใหม่

กานต์นอนส่งเสียงหอบไม่แสดงท่าทีขัดขืนอะไรอีกเมื่อสองขาโดนจับถ่างอ้าออก จากนั้นสิ่งที่สอดแทรกเข้ามาในร่างก็ทำให้เธอตัวกระตุกเฮือกและทราบว่าไม่ใช่ชายคนก่อนหน้า เพราะว่าขนาดของมันใหญ่คับแน่นกว่า

ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้ที่โดนกระทำเหมือนเป็นวัตถุไว้ระบายอารมณ์ทางเพศ แต่ในขณะเดียวกันเธอก็อยากให้ใครก็ตามช่วยทำให้เรื่องราวมันจบ ๆ เธอแค่เพียงอยากจะระบายอารมณ์ร้อนร่านที่แสนน่าอึดอัดนี้ออกไปจากร่าง

“อือออออ … ซี้ดดดสสสส …”

กานต์ส่งเสียงครางคล้ายพึงพอใจ ของใครคนนี้มีขนาดใหญ่กว่าคนก่อนหน้า ของเขาอัดคับแน่นสร้างความเสียวซ่านได้พอสมควร หากทว่าเมื่อเขาเดินหน้ากดจนมิดลำ ความรู้สึกขุ่นข้องใจก็กลับมาเยือนอีกครั้ง แม้ว่าขนาดของเขาจะไม่ธรรมดา แต่ว่ากลับสั้นเกินไปจนสอดเข้าไปได้ไม่ถึงไหน

“อือออ … อูยยสสส … ซี้ดดสสส … อืออออ …”

แก่นกายที่ใหญ่ขึ้นแต่สั้นไม่ถึงใจเริ่มเข้าวิ่งออก ส่งผ่านความเสียวซ่านให้กานต์อีกครั้ง ถึงแม้ว่าจะไม่เสียวสะใจเหมือนที่เคยโดนมา แต่เธอพบว่ามันยังดีกว่าอันเล็กสั้นก่อนหน้าหลายเท่า น่าเศร้าที่เขามอบความเสียวให้เธอได้แค่ราวสามนาทีก็หยุดเคลื่อนไหว ก่อนจะถอนตัวออกไป ทำให้กานต์รู้สึกหงุดหงิดใหม่

กานต์นอนหอบกระเส่าใบหน้าแดงก่ำด้วยอารมณ์ค้างคาที่สะสมซ้อนกัน ความอัดอั้นทำให้เธอรู้สึกร้อนรุ่มอึดอัดเหมือนร่างกายจะระเบิด แต่นอนได้ครู่เดียวใครบางคนก็ขยับมานั่งแทรกตรงกลางหว่างขาของเธออีกครั้ง

นักศึกษาสาวนอนนิ่งไม่ส่งเสียงร้องห้ามแม้แต่น้อย เธอเพียงนอนรอคอยด้วยความคาดหวัง แต่เมื่ออีกฝ่ายเริ่มสอดใส่เข้ามาในร่าง กานต์ก็ขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด เพราะรู้สึกได้ทันทีว่าอีกฝ่ายนั้นมีขนาดเล็กกว่าคนก่อนหน้ามากนัก

ยังดีอยู่บ้างที่ของชายคนนี้สอดลึกเข้ามาได้มากกว่าสองคนก่อน แต่ก็ยังคงเป็นเช่นเคย เขาขยับส่งผ่านความเสียวที่สาแก่ใจได้แค่สามนาทีก็หยุดชะงัก ก่อนจะถอนร่างทิ้งความรู้สึกโหวงเหวงที่มีแต่จะเพิ่มพูนให้แก่เธอ

“หึ หึ เป็นไงบ้างกานต์ ชอบผัวคนไหนมากที่สุด”

เสียงแปร่งหูที่คุ้นเคยเสียงหนึ่งดังขึ้นเมื่อชายคนล่าสุดถอนตัวออกไป เจ้าของเสียงย่อมเป็นชายที่ปลุกปล้ำเธอคนแรก กานต์นอนเหม่อลอยรับฟังเสียงหัวเราะของเขาด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย

แวบแรกนั้นเธอรู้สึกตื่นเต้นยินดีรู้สึกเหมือนได้พบเจอคนที่โหยหา จากนั้นก็กลายเป็นความรู้สึกโกรธเคืองขุ่นข้องใจ สุดท้ายคือความรู้สึกเวทนาตัวเองจนเหมือนอยากจะร้องไห้ออกมา เธอกำลังรู้สึกสับสนจนบอกไม่ถูก

“เป็นอะไร? ดีใจ? อารมณ์ค้าง? งอน? โกรธ? หึง?”

ชายหนุ่มพูดถามกลั้วด้วยน้ำเสียงหัวเราะก่อนจะขยับเข้าใกล้ เขาดึงลอกเอาแผ่นเทปกาวที่ปิดปากของกานต์ออกไป ท่าทีคล้ายรู้ทันของเขายิ่งทำให้กานต์รู้สึกหงุดหงิดจนริมฝีปากงอนเม้ม แต่ว่ากานต์ไม่ได้มีนิสัยกรีดร้องโวยวายเหมือนอนงค์ แม้ปากจะเป็นอิสระแล้ว แต่เธอก็ยังไม่คิดจะส่งเสียงอะไรออกมา

“โดนมัดท่าทางจะเมื่อย เดี๋ยวถอดกุญแจมือกับผ้าปิดตาออกให้ก่อนล่ะกัน”

ชายหนุ่มขยับมานั่งคร่อมทับบนร่างของกานต์ ก่อนจะได้ยินเสียงดังกริ๊ก จากนั้นกานต์ก็รู้สึกได้ว่ามือของเธอเป็นอิสระอีกครั้ง ดวงตาของเธอเปิดกว้างแต่ก็ยังไม่เห็นสิ่งใดนอกจากเงามืดสลัว นั่นเพราะภายในห้องหับนี้ปิดไฟจนมืดสนิท เวลานี้เธอยังไม่อยู่ในอารมณ์ยินดีหรือโล่งใจแต่อย่างใด เธอกำลังรู้สึกอึดอัดโกรธเคืองจนแทบระเบิด

“ออกไป อย่ามายุ่งกับกานต์นะ ไปหาอนงค์สุดที่รักของคุณเลยไป ออกไป อยากจะทิ้งกานต์ให้ผู้ชายคนอื่นข่มขืนกี่คนก็ทำตามใจคุณเลย เอาเลยซิ เอาเลย”

อารมณ์โกรธของกานต์ระเบิดออกมาทันทีเมื่อชายหนุ่มโถมทับลงมาทำท่าจะจูบปาก เธอขืนตัวหลบพลางใช้สองมือผลักไสร่างกำยำของเขาสุดกำลัง กระนั้นเรี่ยวแรงอันน้อยนิดของเธอย่อมทำอะไรไม่ได้ ร่างของเขายังคงกดแนบทับอยู่บนร่างนุ่มนิ่มต่อไปเช่นเดิม ยังดีที่สามารถเบือนหน้าหลบจูบของเขาได้อยู่บ้าง

“หึ หึ ทั้งหึงทั้งโกรธ แบบนี้แสดงว่าหลงลีลาบนเตียงจนยอมรับเป็นเมียของผมแล้วซิท่า”

ชายหนุ่มเห็นท่าทีขัดขืนของกานต์ก็ส่งเสียงหัวเราะคล้ายอยากยั่วให้เธอแสดงอารมณ์มากกว่าเดิม ก่อนจะระดมจูบลงไปที่พวงแก้มเนียนใสด้วยท่าทางไม่สะทกสะท้าน ในขณะที่กานต์นั้นพยายามผลักไสและสะบัดหน้าหลบการเล้าโลมของชายหนุ่มสุดกำลัง ตลอดทั้งชีวิตเธอไม่เคยแสดงอารมณ์โกรธกับใครแบบนี้ก่อนเลยสักครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเก็บความโกรธเอาไว้ไม่อยู่

กระนั้นเธอก็เริ่มสงสัยตัวเองว่าความโกรธที่พวยพุ่งอยู่ในอกนี่คือความหึงหวงจริงหรือ เธอกำลังหึงหวงโจรสวาทที่ฉุดเธอมาข่มขืนเช่นนั้นหรือ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาคือใคร ไม่รู้ว่าเขามีเจตนาเช่นไร แต่ทำไมเธอจึงคาดหวัง และไม่พอใจที่ชายคนนี้ปล่อยให้เธอโดนชายอื่นปลุกปล้ำข่มขืน

“ใครเป็นเมียคุณ เราไม่ได้เป็นอะไรกันเลยสักนิด”

กานต์ส่งเสียงดังด้วยความหงุดหงิดและอยากร้องไห้ สองมือที่เพิ่งได้รับความอิสระของเธอเปลี่ยนจากผลักไสเป็นทุบตีใส่แผงอกและไหล่กว้างของเขา หากแต่จะเรียกว่าทุบตีก็คงไม่ใช่นัก เพราะมันแผ่วเบาเกินไปจนอีกฝ่ายไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอันใด ยิ่งมองดูก็ยิ่งเหมือนท่าทีของหญิงสาวที่กำลังแสดงอาการแง่งอนต่อชายคนรักเสียด้วยซ้ำ

“ทำไมจะไม่ได้เป็นอะไรกัน เราเป็นผัวเมียกันแล้วไง”

“ชั้นไม่ได้เป็นเมียคุณ อนงค์ต่างหากที่เป็นเมียคุณ แล้วคนรักกันที่ไหนจะปล่อยให้ผู้หญิงโดนคนอื่นข่มขืน … อื๊ออ … อื้ออออ … ไม่ … อือออออ … ซี้ดดสสสส …”

กานต์ดิ้นขัดขืนเป็นพัลวัน การปัดป้องของเธอในครั้งนี้ดูจะรุนแรงกว่าครั้งแรกที่โดนเขาปลุกปล้ำเสียด้วยซ้ำ หากแต่ชายหนุ่มใช้เรี่ยวแรงกำลังที่มากกว่าเดินหน้าจับกดแขนขาของกานต์ได้โดยไม่ยากลำบากนัก

เพียงครู่เดียวสองขาขาวเพรียวก็โดนถ่างอ้าออก ก่อนที่ความแข็งกร้าวจะถูกขย่มยัดเยียดกดแทรกเข้าไปในร่างของกานต์ด้วยลีลาดิบเถื่อนจนเธอกระตุกสะท้านหมดสิ้นเรี่ยวแรง

“อืออออออ … ยะ … อย่า … อือ … อือ … อือ …”

เพียงแค่โดนสอดใส่ใบหน้าสวยหวานที่ขมวดมุ่นด้วยความขุ่นเคืองก็บิดเบี้ยวเหยเกด้วยความเสียวซาบซ่าน กานต์พยายามรวบรวบความคิดต่อต้านแข็งขืน หากทว่าขนาดยาวใหญ่ของเขากลับสร้างความเสียวสะใจให้แก่เธอเป็นอย่างมาก

เมื่อชายหนุ่มควงบั้นเอวกระแทกใส่อย่างหนักหน่วงเหมือนสัตว์ป่า อีกทั้งยังลากลิ้นเลียอย่างหื่นกระหายไปตามพวงแก้มใสและลำคอขาวผ่อง อารมณ์โกรธก็สูญสลายหายวับ หลงเหลือไว้ก็แต่อารมณ์ร้อนร่านที่ไม่ทราบว่าผุดออกมาจากส่วนใดของร่างกาย

กานต์หลับตาปี๋ผวากอดร่างแข็งแรงของเขาสุดกำลัง ร่องสาวของเธอกำลังร้อนผ่าวราวกับเพลิงไฟ แก่นกายยาวใหญ่แข็งดั่งท่อนไม้ของชายหนุ่มวิ่งเข้าวิ่งออกกระแทกกระทั้นถี่ยิบโดยไม่ปราณีปราศัย ลีลารักของเขาในครั้งนี้รุนแรงดิบเถื่อนผิดกับชายสามคนก่อนหน้าจนเธอรู้สึกจุกเสียด หากทว่ารสเสียวซาบซ่านกลับทำให้รู้สึกเสียวซ่านสาแก่ใจอย่างที่สุด

นักศึกษาสาวลืมสิ้นซึ่งความหงุดหงิด สะโพกขาวผ่องเริ่มเด้งรับจังหวะกระแทกกระทั้นเหมือนสัตว์ป่าของเขา สมองของเธอในยามนี้รู้สึกได้แต่เพียงการเคลื่อนไหวอันบ้าคลั่งของชายหนุ่ม มันอัดกระแทกลงมาจนมิดลำสร้างความจุกเสียวให้เธอแทบคลั่ง ก่อนจะกระชากครูดไปกับโพรงผนังจนเกือบสุดแล้วกระแทกสวนกลับเข้ามารอบแล้วรอบเล่าราวกับลูกสูบของรถแข่งแรงสูง

“อึ๊ยยยย … ซี้ดดสสสส … อื้ออออออ … ซี้ดดสสส …”

กานต์ส่งเสียงร้องครางระงมขณะสะบัดใบหน้าสวยหวานไปมาด้วยอารมณ์เร่าร้อน ชายหนุ่มเองก็โหมกระเด้าโถมใส่ถี่ยิบแบบไม่มียั้ง ทั้งยังโยกซ้ายโยกขวาเสยบนเสยล่างสลับไปมาไม่หยุดจนสาวสวยแทบคลั่งตาย

แค่นี้ยังไม่สาแก่ใจ เมื่อชายหนุ่มกระเด้าได้ครู่หนึ่ง เขาก็ปรับท่วงท่าจับกานต์พลิกตัวนอนคว่ำคลานสี่ขาเหมือนหมาตัวเมีย ก่อนจะเอื้อมสองมือไปขยำขยี้ทรวงเต้าเต่ง แล้วขยับโหมกระแทกใส่ร่องสาวฟิตแน่นด้วยจังหวะลีลาที่หนักหน่วงกว่าเดิม

เสียงเนื้อกระแทกเนื้อดังถี่ยิบ เบาะนอนหนานุ่มเด้งยวบอย่างบ้าคลั่ง สองเต้าอวบล้นมือโดนเขาบีบเคล้นขยี้หนักหน่วงไร้ซึ่งการทะนุถนอม รสเสียวอันบ้าคลั่งนี้ทำให้กานต์เสียวสะใจอย่างที่สุด เพียงครู่เดียวอารมณ์ร้อนร่านก็พุ่งทะยานไต่ขึ้นไปถึงจุดสุดยอดแห่งความสุข

“อื๊ออออออ … ซี้ดดดสสส … เสียว … คุณ … โอ๊ยยย … เสียว … ซี้ดดสสส … อย่าหยุดนะ … อื้อออออออ …”

เสียงหวีดร้องดังลั่นห้อง ร่างงามที่อยู่ในท่าคลานสี่ขากระตุกเฮือกเด้งร่อนด้วยความสุขหฤหรรษ์ สองมือกดจิกเล็บลงไปบนเบาะนอนสุดแรง ก่อนจะทรุดร่างแนบใบหน้าที่บิดเบี้ยวเหยเกลงไปบนเบาะนอน โดยที่สะโพกยังคงแอ่นโก้งโค้งรับแรงกระแทกของชายหนุ่ม

หลังจากส่งกานต์ขึ้นสวรรค์ ชายหนุ่มกลับยังไม่ยอมหยุดยั้ง ทั้งยังโหมขย่มกระแทกหนักหน่วงถี่ยิบยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ลีลาเหมือนสัตว์ป่าหื่นกามของเขาทำให้กานต์เสียวแล้วเสียวอีกจนตัวงอ มันเสียวแปลบปลาบจนเธอเหมือนจะคลั่งตายเสียให้ได้

นักศึกษาสาวเสียวจนน้ำลายย้อยจากปากลงเลอะเบาะนอนเป็นวง ร่องสาวของเธอก็ร้อนฉ่าเหมือนจะระเบิด น้ำหล่อลื่นไหลเอ่อทะลักออกมาผสมกับน้ำกามของชายหนุ่มเหมือนเขื่อนแตก มันแตกเป็นฟองฟอด ก่อนจะไหลย้อยลงมาตามง่ามขาจนถึงข้อพับหัวเข่าแล้วย้อยลงไปนองบนเบาะนุ่มเป็นวงกว้าง

เมื่อเสพสมด้วยท่วงท่านี้จนสาแก่ใจ ชายหนุ่มก็พลิกตัวจับร่างงามที่อ่อนระทวยพลิกเหวี่ยงเปลี่ยนตำแหน่ง ร่างกำยำแข็งแรงสลับลงไปนอนแผ่หราบนเตียง ในขณะที่ร่างกึ่งเปลือยเหลือแต่เสื้อผ้าเกือบหลุดลุ่ยขยับขึ้นมาคร่อมขย่มอยู่บนร่างของเขา

กานต์ซึ่งใบหน้าแดงก่ำด้วยรสรักนั่งกระพริบตาปริบ ๆ อยู่ในความมืดวูบหนึ่ง เธอกำลังอยู่ในอารมณ์ร้อนร่านจนไม่สนใจสิ่งใดอีก ความรู้สึกโหวงเหวงที่ไม่มีสิ่งใดสอดใส่เขามาในร่างทำให้เธอรีบขยับตัว ฝ่ามือนุ่มเร่งคว้าจับแก่นกายยาวใหญ่ของเขา พร้อมกันนั้นสะโพกผายก็ขยับเข้าหาแล้วคร่อมขย่มกลืนกินของชายหนุ่มกลับเข้าไปในร่องสาวที่กำลังร้อนฉ่าอย่างรวดเร็วยิ่ง

“อื้ออออ … ซี้ดดดสสสส … อืออออ … ซี้ดดสสส …”

เมื่อมีของชายหนุ่มสอดใส่เข้ามาในร่าง กานต์ก็รู้สึกสุขสมอารมณ์หมายราวกับว่าไม่ต้องการสิ่งใดอีกแล้ว เวลานี้กานต์แทบไม่ต่างอะไรกับกะหรี่ร่านที่ไร้ยางอาย ความกระสันร้อนแรงสีดำมืดที่วิ่งพล่านในร่างผลักดันให้เธอกระทำได้ทุกอย่างเพื่อระบายอารมณ์ร้อนร่าน

สองขาขาวเพรียวของนักศึกษาสาวสั่นระริกเล็กน้อยเมื่อเธอทิ้งน้ำหนักขย่มสะโพกลงไป เธอส่งเสียงสูดปากครางเร่าร้อนขณะยกสองมือขึ้นจิกทึ้งผมสีดำยาวสลวยเพื่อระบายความเสียว จากนั้นสาวแว่นขี้อายในสายตาคนทั่วไปก็เร่งยกสะโพกขึ้นลงขย่มใส่ชายหนุ่มด้วยความเมามันสะใจในอารมณ์

“อืออออ …. ซี้ดดสสสส … อือออออ …”

แค่นี้เหมือนจะยังไม่สาแก่ใจนักศึกษาสาว กานต์ขย่มสะโพกพลางโน้มตัวลงไปหาชายหนุ่ม เธอแนบเบียดสองเต้าอวบเข้าหาร่างแกร่ง ก่อนจะใช้ริมฝีปากควานหาเพื่อจูบปากของชายหนุ่มในความมืด และเมื่อสองปากประกบเข้าหากัน ลิ้นเรียวนุ่มนิ่มก็ฉกระรัวเข้าหาลิ้นสากราวกับโหยหารสจูบมานานแสนนาน

กานต์ส่งเสียงหอบฟืดฟาดขณะแลกลิ้นจูบปากกับชายหนุ่ม ส่วนสะโพกของเธอนั้นยังคงเด้งร่อนขย่มด้วยความแรดร่านต่อไปไม่หยุดยั้ง ส่วนชายหนุ่มในตอนนี้กำลังสนุกกับการเป็นฝ่ายตั้งรับ เขาไม่ทำอะไรนอกจากลูบสองมือไปตามแผ่นหลังเรียบเนียน สลับกับตะปบขย้ำลงไปที่สะโพกผายกลมกลึงแล้วกดให้นิ่งเหมือนเจตนาจะกลั่นแกล้ง

อาการสะดุดของสะโพกทำให้อารมณ์ของสาวสวยยิ่งค้างเติ่งหงุดหงิด เธอรีบขยับตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วขยับสองมือไปจับข้อมือของชายหนุ่มทั้งสองข้างที่ตะปบอยู่บนสะโพก ก่อนจะจับเอาสองมือของเขามาวางลงบนเต้าอวบเต่ง

ชายหนุ่มส่งเสียงหัวเราะอยู่ในความมืด ก่อนจะตอบสนองด้วยการบีบขยี้เคล้นสองเต้าอวบด้วยความหนักหน่วงเมามัน กานต์ส่งเสียงครางด้วยความเสียวสยิวและเริ่มร่อนสะโพกขย่มใส่เขาต่ออีกรอบหนึ่ง

ร่างบางบิดไหวคร่อมขย่มอย่างเร่าร้อนได้ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มก็ดันตัวขึ้นมาอยู่ในท่านั่ง เขาซุกหน้าอ้าปากงับดูดเลียใส่ปลายถันซึ่งแข็งเต่งเป็นเม็ด ก่อนจะช่วยเด้งสะโพกกระแทกสวนรับลีลารักของกานต์ไปด้วยพร้อมกัน

“อืออออ … ซี้ดดสสสส … เสียว … อืออออออ … อื้อออออ”

กานต์โอบกอดร่างแข็งแรงซึ่งชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อไม่แพ้กันอย่างแนบแน่น สองมือกดใบหน้าของเขาเข้าหาทรวงอก ในขณะที่สะโพกผายกำลังเร่งขย่มร่อนบดเสพสัมผัสความเสียวซาบซ่าน จากนั้นการกระทำของเธอก็ส่งผลสำเร็จ ร่างงามที่เสื้อผ้านักศึกษาหลุดลุ่ยสั่นสะท้านกระตุกเกร็งหนักหน่วง เธอถึงจุดสุดยอดไปแล้วอีกหนึ่งครั้ง

ด้านชายหนุ่มเองก็คล้ายกับกัดฟันรอคอยวินาทีนี้อยู่แล้ว เมื่อร่องสาวตอดตุบหนักหน่วง เขาก็สูดปากระเบิดน้ำกามร้อนผ่าวหลั่งทะลักเขาไปในร่องสาวจนชุ่มโชกเป็นฟองขาวฟ่อด

“เสียวสะใจจังกานต์ โคตรมัน สะใจกว่าเอากับอนงค์ตั้งหลายเท่า คุ้มแล้วที่อุตส่าห์อดทนเก็บน้ำมาปล่อยใส่กานต์”

เมื่อร่างของกานต์เริ่มหายเกร็ง ชายหนุ่มก็หอมแก้มชุ่มเหงื่อของเธอฟอดใหญ่ ก่อนจะพูดชมด้วยน้ำเสียงหื่นกาม และยื่นมือไปลูบไล้แผ่นหลังเรียบเนียนด้วยท่าทีรักใคร่พึงพอใจ

กานต์นั่งกอดกับเขาพลางหอบหายใจหนักหน่วง เธอรู้สึกเขินวูบต่อคำชมอันหยาบคาบหื่นกระหาย หากแต่ก็แฝงไปด้วยความรู้สึกหงุดหงิดอยู่ส่วนหนึ่ง

ก่อนหน้านี้เธอโกรธเขาจนเผลอแสดงอารมณ์ออกมา แต่หลังจากโดนเขาปลุกปล้ำข่มขืน อารมณ์โกรธขุ่นข้องใจของเธอกลับเลือนหายไปจนเกือบหมด เหลือไว้ก็แต่เพียงความรู้สึกแง่งอน เพราะว่าก่อนหน้านี้เขาเพิ่งพูดชมอรอนงค์ ทั้งยังปล่อยให้เธอโดนชายคนอื่นย่ำยี

“เห็นกานต์เป็นอะไรคะ เดี๋ยวก็จับมาข่มขืน เดี๋ยวก็บอกว่านั่นไม่ดีนี่ไม่ดี เดี๋ยวก็สลับให้คนอื่นมาข่มขืน”

“อ้าว แล้วกานต์ไม่ชอบเหรอ เห็นนอนร้องคราง ร่อนเอวเข้าหาใหญ่เลยนี่นา ผมก็เลยนึกว่าชอบเสียอีก”

คำพูดย้อนของเขาทำให้กานต์สะอึกพูดไม่ออก นั่นคือความจริงที่เธอไม่อยากยอมรับ แต่สุดท้ายความจริงก็คือความจริง ถึงแม้จะไม่สาแก่ใจ แต่ว่าร่างกายของเธอก็ตอบสนองและมีอารมณ์ร่วมไปกับรสรักที่ได้รับจริง ๆ เธอจึงรู้สึกกระดากในการกระทำขึ้นมา ทั้งที่ความจริงแล้วตนเองเป็นฝ่ายโดนกระทำด้วยซ้ำ

“คือ … กานต์ … คือ …”

“ฮ่า ฮ่า ไม่เป็นอะไรหรอก กานต์ร้อนร่านแบบนี้ดีแล้ว สวยเหมือนนางฟ้า หุ่นดี นมโต จุดติดง่ายแบบไม่แกล้งทำ เมียในอุดมคติผมเลย หาผู้หญิงแบบนี้มานานแล้วเพิ่งจะได้เจอนี่แหละ”

เขาหัวเราะร่วนให้กับท่าทีอ้ำอึ้งของกานต์ก่อนจะจูบปากเธอด้วยท่าทีเหมือนเรื่องพวกนั้นเป็นเพียงเรื่องราวเล็กน้อย กานต์รับฟังด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด ก่อนจะหลับตาพริ้มจูบปากแลกลิ้นกับเขาด้วยความรู้สึกวาบหวามเร่าร้อน

กานต์นั้นถูกเลี้ยงมาในครอบครัวที่อบอุ่นแต่เข้มงวด เธอทราบดีว่าร่างกายของตนเองนั้นมีความต้องการทางเพศรุนแรงจนยากจะยับยั้ง เมื่อเริ่มเป็นสาวเต็มตัวเธอก็เริ่มมีความคิดเอนเอียงฝักใฝ่ไปทางราคะสีดำมืดหนักขึ้นทุกวัน และนั่นนับเป็นความรู้สึกอับอายผิดบาปที่เธอแอบเก็บกดซ่อนเอาไว้

เธอรู้สึกว่าตนเองนิสัยไม่ดี มีความคิดผิดต่อจารีตประเพณีอันดีงาม ทั้งยังเกรงว่าหากพ่อแม่ทราบเข้า พวกท่านอาจจะโกรธเกลียดไม่พอใจ หากเป็นเช่นนั้นแล้วเธออาจจะยิ่งเป็นที่ผิดหวังของพ่อแม่ ไม่เหมือนกับผกายแก้วพี่สาวคนโตที่ทำให้พ่อแม่ภูมิใจเสมอมา

คำพูดของชายหนุ่มที่บอกว่าเขาไม่รังเกียจ ทั้งยังชื่นชอบด้านมืดของกานต์ ทำให้ช่องโหว่ในใจคล้ายได้รับการเติมเต็มโดยที่เธอเองก็ไม่รู้ตัว เธอแค่เพียงรู้สึกมีความสุขเหมือนได้รับการยอมรับในตัวตนที่แท้จริง ตัวตนสีดำมืดที่ซุกซ่อนเอาไว้ในส่วนลึกของจิตใจ

“อือออ … คุณ … คุณไม่รังเกียจกานต์จริง ๆ เหรอ ทั้งที่กานต์เพิ่งจะมีอะไรกับผู้ชายไปตั้งสามคน แถมทั้งที่โดนข่มขืน กานต์ก็ยังมีอารมณ์ร่วมอีกต่างหาก”

“ไม่เห็นจะเป็นอะไร แต่จะบอกอะไรสักอย่างนะ ว่าจริง ๆ แล้วกานต์ไม่ได้โดนใครข่มขืนสักหน่อย หึ หึ”

“… อะไรนะคะ?”

“ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ ไม่มีผู้ชายคนอื่นเลยนอกจากผมเข้ามาในห้องนี้ เข้าใจหรือเปล่า”

“ไม่มีผู้ชายคนอื่นเลย … แต่ว่า … แต่ …”

“กานต์ถูกผมหลอกให้เข้าใจผิดน่ะซิ ผมก็แค่ใช้ดุ้นเทียมที่มีขนาดต่างกัน ถ้าเรียงสามคนก่อนหน้า ลำดับแรกจะเป็นขนาดมาตรฐานของคนเอเชีย ไม่ว่าจะความยาวความใหญ่หรือแม้แต่ช่วงเวลาร่วมรักสามนาทีก็เป็นค่ามาตรฐาน และเห็นได้ชัดว่ากานต์ไม่ถึงใจไม่ถึงอารมณ์”

“ลำดับที่สองจะใหญ่กว่ามาตรฐานสักหน่อย แต่สั้นทู่ ส่วนลำดับที่สามจะขนาดมาตรฐานแต่ยาวกว่าปกติ แต่เวลาสามนาทีก็มาตรฐานเหมือนเดิม เวลาแค่นั้นกานต์ยังไม่ทันเครื่องร้อนด้วยซ้ำ”

“ลองคิดดูซิ ว่าถ้าอนาคตสาวไฟแรงสูงอย่างกานต์ต้องแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่เอาไหนเรื่องนี้ กานต์จะทนไหวหรือเปล่า กานต์จะเผลอใจออกไปหาความสุขเป็นชู้กับชายอื่นหรือเปล่า เอ้านี่ ทำความรู้จักกับผัวทั้งสามคนก่อนหน้าหน่อยซิ”

เขาพูดพลางหัวเราะ ก่อนจะหยิบอะไรบางอย่างยัดใส่มือของกานต์ กานต์บีบกำวัตถุสามชิ้นในความมืดด้วยความงุนงงสงสัย เธอไม่เข้าใจว่าเขาพูดถึงอะไร แต่หลังจากใช้มือลูบคลำวัตถุที่เป็นเหมือนแท่งยางยาวเรียวทั้งสามชิ้นในมือแล้ว กานต์ก็หน้าแดงก่ำเพราะนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“ดุ้นเทียมไงล่ะ ไม่รู้จักเหรอ สามชิ้น สามขนาด”

“… ของเทียม … ก่อนหน้านี้ … ไม่ใช่ผู้ชาย …”

“ใช่ ดุ้นเทียม ผมเป็นคนใช้มันกับกานต์เองแหละ ฮ่า ฮ่า ผมอยากเห็นว่านางฟ้าที่สวยที่สุดในโลกจะเป็นยังไงถ้าโดนดุ้นเทียมขนาดไม่สาแก่ใจ”

ชายหนุ่มส่งเสียงหัวเราะร่วน ส่วนกานต์นั้นหน้าแดงก่ำยิ่งกว่าเดิม เธอทั้งรู้สึกขัดเขินและโล่งใจ ไม่ว่าร่างกายของเธอจะตอบสนองอย่างไร แต่ในใจก็ยังคงรู้สึกตะขิดตะขวงใจหากต้องผ่านผู้ชายหลายมืออยู่ดี อย่างน้อยหากค่ำคืนนี้เธอแค่เสียตัวให้ชายคนนี้แค่คนเดียวก็ยังคือว่าไม่เลวร้ายเกินไป

ความขัดเขินทำให้กานต์ทำตัวไม่ถูก ยิ่งมาเธอก็ยิ่งไม่เข้าใจตัวเอง ชายคนนี้คือใครเธอก็ไม่รู้ หน้าตาเป็นอย่างไรก็ยังไม่รู้ แต่ว่าเขาสามารถทำให้อารมณ์ของเธอปั่นป่วน ทั้งโกรธและยิ้มได้ในเวลาอันรวดเร็ว เขาได้แทรกตัวเข้ามาอยู่ในหัวใจดวงน้อยของเธอแล้ว และเธอพบว่าชายปริศนานี้มีคุณค่าในใจเธอไม่แพ้พี่อาร์ตยามหนุ่มที่เธอเคยสาบานว่าจะรักเขาคนเดียว

“คนขี้โกง … ขี้โกง … แถมยังขี้โกหก ก่อนนี้ก็ชมอนงค์อย่างกับอะไรดี ตอนนี้จะเปลี่ยนใจมาชมกานต์ทำไม แล้วไหนบอกว่าจะไปงานเลี้ยงหาลูกสาวของใคร ทำไมยังไม่ไปอีก”

“ฮ่า ฮ่า ผมยอมรับนะว่าก่อนหน้านี้ผมโกหก ความจริงแล้วอรอนงค์น่ะสวยน่ารักมากทีเดียว ระดับดารานางแบบประมาณนั้น แต่ว่าสวยสู้กานต์ไม่ได้เลยสักนิด กานต์น่าฟันกว่าเยอะ”

คำพูดของเขาทำให้กานต์ยิ้มกว้างในความมืด เธอเองก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไม แต่ว่าพอได้ยินเขาพูดแบบนี้อารมณ์โกรธเคืองของเธอก็หายไปมากกว่าครึ่งแทบจะในทันที ยิ่งโดนชายหนุ่มสวมกอดและจูบไซร้ด้วยท่าทีรักใคร่ เรี่ยวแรงต่อต้านของกานต์ก็อ่อนยวบลงอย่างเห็นได้ชัด

“… หลอกอะไรใครอีก หมายความว่ายังไงคะ”

“ก็หมายความว่าไม่ได้มีงานเลี้ยงอะไร ผมก็แค่หลอกทำให้อนงค์คิดแบบนั้นเฉย ๆ ผมจะได้มีเวลากลับมาหากานต์ไง”

“ไม่เข้าใจค่ะ ก็คุณบอกว่าอนงค์ดีแบบนั้นดีแบบนี้ แล้วจะมาหากานต์ทำไม”

“ผมก็พูดโกหกเอาใจไปงั้นแหละ จริง ๆ แล้วเรื่องนี้กานต์ต้องขอบคุณผมด้วยซ้ำนะที่พูดอะไรแบบนั้น”

“… ทำไมกานต์ต้องขอบคุณที่โดนว่าขนาดนั้นด้วยล่ะคะ ผิวกระด้างบ้างล่ะ หน้าอกเหลวบ้างล่ะ ตรงนั้นหลวมโพรกบ้างล่ะ ถ้ากานต์แย่ขนาดนั้นแล้วจะมายุ่งกับกานต์ทำไมคะ … ฮึ”

กานต์โพล่งออกไปด้วยอารมณ์หงุดหงิด ก่อนจะรีบปิดปากเงียบเสียงลงเพราะรู้สึกเสียกิริยาอันอ่อนหวานที่โดนสั่งสอนมา ตอนนี้เธอตระหนักแล้วว่าเมื่ออยู่กับผู้ชายคนนี้ เธอมักจะเผลอแสดงตัวตนบางอย่างที่พยายามเก็บไว้ออกมาบ่อยครั้ง

“แบบนั้นแหละ ถ้าโกรธก็แสดงออกมาบ้าง ถ้ามัวแต่ซุกเก็บไว้ก็มีแต่จะทำให้เป็นคนไม่กล้าแสดงออก”

“…”

“มั่นใจหน่อย คิดอะไรก็พูดออกมาระบายออกมา ถ้าไม่กล้าแสดงออกกับคนอื่นก็ไม่เป็นไร แต่อยู่กับผมก็ระบายมันออกมาได้เลย ผมยินดีรับฟังเสมอ คนเราไม่ต้องเรียบร้อยเก็บอาการไว้ตลอดเวลาหรอก ถ้าทำแบบนั้นล่ะเครียดตายเลย”

เขาพูดพลางกระดกสะโพกเสยขึ้นสร้างความเสียวซ่านให้สาวสวย กานต์นั่งฟังเงียบ ๆ ในความมืดด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด ทุกคนในโลกต่างมองเธอเป็นหญิงสาวขี้อายบริสุทธิ์ใสซื่อ หากทว่าชายคนนี้กลับมองเห็นตัวตนของเธอ

เขายอมรับตัวตนอันร้อนร่าน ทั้งยังพยายามให้เธอพูดระบายในสิ่งที่เก็บกดเอาไว้ออกมา น่าแปลกที่กานต์รู้สึกดีอย่างไม่น่าเชื่อ และเธอรู้สึกว่านอกจากชายคนนี้แล้วก็ยังมีพี่อาร์ตอีกคนที่ทำกับเธอแบบนี้

อารมณ์ตื้นตันอบอุ่นที่ผุดขึ้นมาภายในอกทำให้กานต์โอบกอดโน้มหน้าประกบริมฝีปากจูบแลกลิ้นกับเขา จูบนี้ของเธอเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกวาบหวามนุ่มนวล จูบนี้ไม่ได้มีแค่อารมณ์ใคร่เหมือนก่อนหน้า หากแต่ยังแฝงอารมณ์อันนุ่มนวลอบอุ่นที่กานต์เองก็ไม่ทราบว่ามันคืออะไร

จูบนี้เป็นจูบที่ยาวนานกว่าครั้งใด กานต์ปล่อยอารมณ์เคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบจนลืมเลือนเวลา ด้านชายหนุ่มเองก็จูบตอบกอดประคองด้วยความนุ่มนวลชวนฝัน กว่าทั้งคู่จะแยกจากกันจูบนี้ก็กินเวลาไปมากกว่าห้านาทีแล้ว

“เอาล่ะ … ผมเหนื่อยแล้ว อยากจะนอนพักสักหน่อย ถ้ากานต์อยากจะเข้าห้องน้ำก็เดินไปตามแสงไฟนั่น ถ้าอยากจะกลับบ้าน หิว หรืออยากได้อะไรก็เปิดประตูเดินออกไปบอกคนรับใช้ อ้อ เสื้อผ้าถ้าอยากซักทำความสะอาดก็เอาไปให้คนรับใช้ ซักเดี๋ยวเดียวก็แห้ง”

“กลับบ้าน … กานต์กลับบ้านได้เหรอคะ”

“ได้ซิ ตามใจกานต์เลย ถ้าอยากอยู่ต่อก็อยู่ ถ้าอยากกลับก็กลับ คิดซะว่าเป็นบ้านของกานต์เอง”

ถึงตอนนี้ชายหนุ่มจูบปากเธออีกครั้ง ก่อนจะทิ้งตัวลงไปนอนแผ่หราบนเบาะนุ่มโดยที่แก่นกายของเขายังหยั่งลึกอยู่ในร่างของกานต์ สาวสวยนั่งนิ่งอยู่ในความมืดด้วยความงุนงงครู่หนึ่ง รอจนกระทั่งเมื่อได้ยินเสียงกรนแผ่วเบาดังขึ้นมา เธอจึงค่อยขยับตัวลุกขึ้นและส่งเสียงครางแผ่วเบา

ความคิดแวบแรกของเธอคือการรีบกลับบ้าน จากนั้นจึงค่อยคิดอ่านทบทวนเรื่องราวอีกครั้งหนึ่ง จะอย่างไรวันนี้เธอก็ถูกพาที่นี่โดยไม่ยินยอมพร้อมใจ

กานต์ค่อย ๆ พาร่างกายที่ช้ำระบมเดินไปทางห้องน้ำซึ่งมีแสงไฟลอดผ่านประตูออกมาเล็กน้อย น่าเสียดายที่แสงไฟเหล่านั้นไม่สว่างพอที่จะทำให้เธอมองเห็นใบหน้าของชายหนุ่ม แต่ก็มากพอที่จะทำให้เธอมองเห็นว่าห้องนี้เป็นห้องนอนที่หรูหราใหญ่โตมากทีเดียว

เมื่อเข้าไปในห้องน้ำ กานต์ก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความร่ำรวยของชายหนุ่ม ห้องน้ำแค่ห้องเดียวนี้ก็มีขนาดใหญ่และหรูหราอย่างยิ่ง แม้แต่พ่อแม่ของเธอเองซึ่งถือว่าร่ำรวยแล้วก็คงยังเทียบไม่ได้ สาวสวยจึงยืนนิ่งอึ้งเหม่อลอยอยู่หน้ากระจกเงาสูงใหญ่กว่าสองเมตร

ดวงตาคู่สวยเหม่อมองคราบกามราคะที่เปรอะเปื้อนอยู่บนเนื้อตัว เสื้อผ้าผมเผ้าของเธอในตอนนี้ยับเยินยุ่งเหยิงไม่น่ามอง กระนั้นริมฝีปากและแววตาของเธอกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันร้อนร่านเร้าราคะ

กานต์เหม่อมองดูคราบน้ำกามที่ไหลย้อยลงมาตามง่ามขาด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด เธอยื่นมือลงไปใช้นิ้วปาดน้ำกามที่ไหลย้อยอยู่ตรงโคนขาขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว มือข้างนั้นขยับเข้ามาใกล้จมูกแล้วสูดดมกลิ่นของชายหนุ่ม จากนั้นสาวสวยก็แลบลิ้นเลียหยาดราคะบนนิ้วมือ ก่อนจะอ้าปากงับแล้วดูดมันเข้าปากกลืนกินเข้าไปราวกับอาหารรสเลิศหรู

ภาพหญิงสาวร่านราคะที่สะท้อนอยู่บนกระจกเงาทำให้กานต์สะดุ้งตื่นได้สติ เธอรีบสะบัดใบหน้าไล่ความคิดสีดำมืดออกจากหัวสมอง ก่อนจะจัดการปลดเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยออกจนหมด แล้วไปเปิดน้ำเพื่ออาบล้างชำระร่างกายลบคราบราคะที่โดนฝากทิ้งไว้

ไม่นานนักกานต์ก็เดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพสวมใส่ชุดนักศึกษารัดสั้นตัวเดิม เสื้อผ้าอาจจะยับอยู่บ้างแต่ก็ยังพอสวมใส่ได้ และกานต์ไม่คิดว่าเธอจะมีชุดอื่นให้เลือกสวมใส่

เธอหยุดชะงักมองไปทางเตียงนอนขนาดใหญ่ที่ชายหนุ่มนอนอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงค่อยรีบสะบัดหน้าไล่ความรู้สึกโหยหาเดินตรงไปทางประตู เธอพบว่าเมื่อเปิดประตูออกไป สาวใช้วัยกลางคนยืนส่งยิ้มให้เธออยู่แล้ว

“สวัสดีค่ะคุณกานต์ นายท่านสั่งให้รอพาคุณกลับบ้าน จะกลับไปเลยหรือเปล่าคะ”

สาวใช้คนนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงฉะฉานน่าฟัง กานต์เหม่อมองดูสาวใช้ครู่หนึ่ง ก่อนหน้านี้เธอยังไม่แน่ใจนักว่าเขาจะปล่อยให้เธอกลับไปจริง ๆ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่โกหก

กานต์พยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าเธอจะกลับบ้าน สาวใช้คนนั้นไม่ได้พูดอะไรอีก เธอแค่เพียงเดินนำไปตามทางเดินที่กว้างขวางและทอดยาว แค่เพียงมองดูสิ่งของที่ตกแต่งบนทางเดินนี้ก็บอกได้ในแวบเดียวว่าแต่ละชิ้นนั้นมีคุณค่าแพงระยับ

ครู่เดียวกานต์ก็ถูกนำลงไปที่ด้านหน้าของคฤหาสน์หลังใหญ่โตโอ่อ่า ตรงนั้นมีรถลีมูซีนหรูหราจอดรออยู่พร้อมกับคนขับท่าทางสุภาพเรียบร้อย

“เชิญค่ะคุณกานต์”

สาวใช้กล่าวเชิญพร้อมกับผายมือไปทางประตูรถที่โดนคนขับเปิดรออยู่แล้ว กานต์ก้าวเดินเข้าไปในนั่งในรถหรูด้วยท่าทางเหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ความจริงเธอควรจะดีใจที่ได้หลบหนีไปจากสถานที่แห่งนี้ เธอควรจะดีใจที่จะได้กลับบ้าน หากทว่ามีอะไรบางอย่างที่กำลังรบกวนจิตใจจนเธอว้าวุ่น

“เดี๋ยว … เอ่อ … คือ …”

กานต์อ้าปากอยากจะพูดอะไรบางอย่าง หากแต่คำพูดที่เธอคิดพูดออกมานั้นทำให้เธอรู้สึกขัดเขินไม่กล้าพูดมันออกมา สุดท้ายเธอจึงได้แต่อ้ำอึ้งพูดอะไรไม่ออก

“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณกานต์”

“… คือ … ชั้นยังไม่อยากกลับ”

“เจ้านายสั่งเอาไว้แล้ว ถ้าคุณกานต์ยังไม่อยากกลับ ก็ให้พาคุณกานต์กลับไปส่งที่ห้องเจ้านายใหม่”

กานต์พยายามรวบรวมความกล้าอยู่ครู่หนึ่งเพื่อพูดคำนี้ออกมา แต่สาวรับใช้คนนี้ทำท่าคล้ายกับรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าเธอจะพูดแบบนี้ กานต์จึงรู้สึกอึ้งเล็กน้อยแต่เธอก็ไม่พูดอะไรอีก ร่างบางขยับลุกออกจากรถคันหรู เดินตามร่างของสาวใช้เข้าไปในตัวคฤหาสน์อีกครั้ง

เมื่อประตูห้องนอนปิดลง กานต์ยืนนิ่งอยู่ในความมืดครู่หนึ่ง เธอค่อย ๆ ปลดเปลื้องเสื้อผ้านักศึกษารวมถึงชุดชั้นในออกจนเปลือยเปล่า ก่อนจะโยนเสื้อผ้าเหล่านั้นลงไปในตะกร้าที่วางไว้ข้างประตู

นักศึกษาสาวค่อย ๆ ก้าวเท้าเข้าหาเตียงนอนที่ชายหนุ่มนอนส่งเสียงกรนแผ่วเบาออกมา เธอขยับตัวขึ้นไปบนเตียงด้วยท่วงท่านุ่มนวลที่สุดเพื่อไม่ให้รบกวนชายหนุ่ม จากนั้นก็ค่อย ๆ ลากผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างของเขาและเธอเองพร้อมกัน

กานต์ขยับเบียดร่างหอมกรุ่นเข้าไปใกล้ ก่อนจะค่อย ๆ เอนตัวลงไปนอนหนุนหมอน แล้วขยับตะแคงข้างหันหน้ามองดูเงาใบหน้าของชายหนุ่มยามหลับใหลในความมืด

สองแขนขยับกอดกระแซะแขนแข็งแรงแนบเข้าหาทรวงอกอวบอิ่มเปล่าเปลือย เธอสูดลมหายใจสูดกลิ่นกายของชายหนุ่มเข้าไปรอบหนึ่ง ก่อนจะหลับตาพริ้มแล้วนอนหลับไปด้วยรอยยิ้มมีความสุข

Share the Post:

Related Posts

ก็รปภ. เขาควยใหญ่นี่คะ

เรื่องเสียว ก็รปภ. เขาควยใหญ่นี่คะ ทักทายทุกคนค่ะ ชื่อ นุ่น นะคะ วันนี้ก็มีประสบการณ์เซ็กที่อยากจะมาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังค่ะ เป็นเรื่องราวของตัวนุ่นเอง กับยามประจำคอนโดที่นุ่นอาศัยอยู่ค่ะ ตัวของนุ่นเอง เป็นคนที่อาศัยอยู่ในเมืองพัทยาค่ะ ที่คอนโดของนุ่นเป็นคอนโดที่อยู่ลึกมาก กลางคืนจึงค่อนข้างดูอันตรายค่ะ ถึงอย่างนั้นแล้วก็ไม่เป็นปัญหากับนุ่นเท่าไหร่ เพราะแถวนั้นก็พอมีชาวบ้านอาศัยอยู่ ด้วยความที่ตัวของนุ่นทำอาชีพเป็นเด็กเอ็นน่ะค่ะ เลยทำให้ในทุก

Read More

รสสวาทหนุ่มโรงงานสุดเงี่ยน

เรื่องเสียว รสสวาทหนุ่มโรงงานสุดเงี่ยน ฉันชื่อ “มะนาว” ค่ะ เด็กบ้านนอกที่หมายมั่นอยากมาเห็นเมืองกรุงฯ ที่แสนศิวิไลซ์ ดังนั้น พอจบ ม.6 ที่บ้านนอกแล้ว เลยไม่ได้เรียนต่อ ประกอบกับ ป้าของฉันที่เปิดร้านอาหารตามสั่งอยู่แถวๆ สามโคกที่ปทุมก็อยากให้มาขายของด้วย เพราะที่นี่มีโรงงานและค่อนข้างขายดีมากๆ จนบางครั้งแกก็ขายไม่ทัน เลยอยากให้ฉันมาขายก๋วยเตี๋ยว โดยให้เงินลงทุน ที่หลับที่นอน

Read More