XO ตอนที่ 14 – เบิกเนตรไพรี

XO ตอนที่ 14 – เบิกเนตรไพรี

XO ตอนที่ 14 – เบิกเนตรไพรี

            ………………………………………….  ไททันเป็นเผ่าพันธ์ที่เรืองอำนาจในช่วงยุคทอง เหล่าไททันทั้งหลายเป็นบุตรของไกอา และยูเรนัส โดยในจารึกนั้นมีทั้งหมดเป็นจำนวน 12 องค์ด้วยกัน อันได้แก่ โอเชียนัส, โคเออุส, คริอุส, ฮิปเพอริออน, ลาเพทุส, ไธอา, รีอา, ธิมิส, นีโมซินี, ฟีบี, ทีธิส และโครนอสเป็นองค์สุดท้าย ส่วนองค์ที่สิบสามซึ่งถูกปกปิดไว้จนรอดมาจากการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ได้นั้นเป็นสตรีนามไดโอนี

เผ่าพันธ์ไททันเรียกได้ว่าเป็นเผ่าพันธ์ซึ่งมากด้วยพลังอำนาจเผ่าพันธ์หนึ่ง นอกจากร่างกายที่แกร่งกล้าแล้ว พวกเขายังสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมอันโหดร้ายได้ทุกชนิด แม้แต่พลังพิเศษทั้งสามชนิดก็ยังเชี่ยวชาญและสามารถใช้งานได้อย่างคล่องแคล่ว ไม่ว่าจะเป็นพลังจิต เวทย์มนตร์ หรือแม้แต่พลังปราณ

อย่างไรก็ตามเนื่องจากความเก่งกาจของไททันนั้นไม่สามารถถูกสืบทอดทางสายเลือดได้ เหล่าบุตรหลานทั้งหลายจึงมิได้ความสามารถอันเก่งกาจของไททันไว้ครอบครอง แต่ก็ยังมีพลังอำนาจเพียงพอที่จะเรียกตนเองว่าเผ่าเทพได้ และช่องว่างนี้เอง ที่ทำให้เกิดช่องว่างและข้อพิพาท
ระหว่างไททันทั้งสิบสอง และเหล่าเทพบุตรหลานทั้งหลาย

ช่องว่างเหล่านี้ ผนวกกับการแย่งชิงอำนาจ ทำให้เหล่าเทพซึ่งเป็นบุตรหลานรวมหัวกันล้มล้างอำนาจของเหล่าไททัน กระทั่งพวกเขาสามารถกระทำได้สำเร็จแล้วเปลี่ยนเป็นยุคแห่งเทพโอลิมปัส ไททันทั้งสิบสองบ้างถูกทำลายล้างจนสิ้นซากไม่หลงเหลือแม้แต่วิญญาณ บ้างบางส่วนก็โดนผนึกกักขังไว้ในส่วนลึกที่ไม่มีใครเข้าถึง จะหลงเหลือก็แต่เพียงไดโอนีซึ่งถูกปกปิดการมีตัวตนเอาไว้ตั้งแต่ต้น

ไดโอนีเติบโตมาด้วยความแค้นของการถูกฆ่าล้างเผ่าพันธ์ เธอเป็นไททันที่อ่อนวัยที่สุด และอาจจะมีความแข็งเกร่งน้อยที่สุด หากทว่านั่นไม่ได้หมายความว่าเธอจะเฉื่อยชาไม่มีหัวคิด ไม่มีไททันองค์ใดที่ไม่เฉลียวฉลาด และพวกเขาก็ฉลาดเพียงพอที่จะเก็บซ่อนความฉลาดเอาไว้ไม่แสดงออกมาให้เห็น

การลงมือฆ่าซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่อ้างว่าเป็นการฝึกของไดโอนีนั้นมิใช่กระทำอย่างไร้สติ แม้ใบหน้าจะเฉยชาและกระทำราวกับไม่ยินดียินร้าย แต่นี่คือสิ่งที่เธอตั้งใจกลั่นกรองเอาไว้ก่อนแล้วตั้งแต่แรก แรกสุดนั้นเธอไม่เห็นด้วยที่โครนอสผู้เป็นนายจะมอบพลังให้กับมนุษย์ที่อ่อนแอผู้นี้ หากทว่าเธอก็เข้าใจว่านี่นับเป็นฟางเส้นสุดท้ายของโครนอส

การถูกขังผนึกจองจำในความมืดมิดนานเป็นหมื่นเป็นแสนปีนั้นโหดร้ายถึงเพียงไหนเป็นที่เข้าใจได้ นั่นเหมือนกับคนจมน้ำที่เห็นฟางเส้นหนึ่ง ถึงแม้จะรู้ว่าฟางเส้นเล็กคงไม่อาจช่วยพยุงร่างเอาไว้ได้ แต่คนจมน้ำก็ยังยินดีที่จะทดลองคว้าจับฟางเส้นนั้นเอาไว้ดูสักครั้ง เพราะไม่ทราบว่าต้องรอคอยอีกกี่หมื่นกี่แสนปีจึงจะมีเศษฟางหลุดรอดมาอีก และชายหนุ่มคนนี้ก็คือฟางเส้นนั้นของโครนอสนั่นเอง

“เจ้าเคลื่อนไหวช้าลง … ลองอีกครั้ง!!!”

ไดโอนีพุ่งสะบัดมือเข้าไปฆ่าฟันอย่างไม่รู้จักเบื่อ เธอฆ่าเขาไปแล้วหนึ่งร้อยเก้าสิบเอ็ดครั้ง และนี่ใกล้จะเพิ่มเป็นอีกหนึ่งครั้ง แต่ว่าเขาดูจะเรียนรู้และขยับร่างกายได้ดีขึ้น จึงสามารถขยับหลบไปได้โดยมีเพียงรอยถากที่แขนเล็กน้อย กระนั้นนั่นก็ยังไม่เพียงพอ เพราะเมื่อเธอสะบัดแขนอีกครั้ง กำปั้นที่แลดูบอบบางก็เคาะไปโดนขมับดังตุบจนเขาลอยละลิ่วตายไปอีกหนึ่งรอบ ก่อนจะเกิดขึ้นมาใหม่ในสภาพสมบูรณ์เช่นเดิม

สีหน้าและแววตาอันนิ่งเฉยไม่ยินดียินร้ายของไดโอนีลอบมองสำรวจกิริยาของชายหนุ่มด้วยความรู้สึกพอใจ แววตานั้นยังคงนิ่งสงบเยือกเย็น ไม่มีความโกรธเกรี้ยว ขลาดเขลา หรือยอมแพ้ แม้ฝีมือของชายหนุ่มคนนี้จะไม่ได้เรื่อง แต่ในแง่ของพลังใจแล้ว เธอถือว่าเขาผ่านการทดสอบ และมีค่าพอที่จะลองเสียเวลาด้วย

การถูกฆ่าจนตายแล้วฟื้นกลับมาเพื่อถูกฆ่าซ้ำแล้วซ้ำเล่านั้นกล่าวได้ว่าโหดร้ายยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธ์ที่เข้มแข้งเพียงใด เมื่อเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ส่วนใหญ่แล้วจะจบลงที่อาการสติแตกหวาดกลัวร้องไห้ฟูมฟายหรือไม่ก็ปิดหน้าปิดตาไม่รับรู้สิ่งใดอีก คนพวกนี้นับว่าเป็นพวกอ่อนแอไร้ค่า

อาจจะมีคนส่วนหนึ่งที่เกิดอาการคลุ้มคลั่งโกรธเกรี้ยวอาละวาดอย่างไร้สติ ซึ่งนี่ยังพอจะนำไปใช้งานเป็นนักรบเพื่อบุกตะลุยได้ แต่อาจจะเพียงแค่ส่วนน้อยหลักหนึ่งในล้านที่ยังสามารถครองสติได้จนถึงนาทีสุดท้าย คนกลุ่มนี้แม้จะแพ้พ่ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่จะยังสามารถครองสติเอาไว้ได้ แววตาของคนกลุ่มนี้จะเยือกเย็น รอคอยโอกาสที่จะสวนกลับ และนั่นคือแววตาของมนุษย์หนุ่มผู้นี้ แววตาของผู้ที่สามารถขึ้นไปเป็นสุดยอดแห่งนักรบได้

ไดโอนีหยุดเล็กน้อยเพื่อตรึกตรองหนทางที่ตัวเองเลือกอีกครั้ง หากเขาไม่ผ่านการทดสอบ เธอก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลา สิ่งที่เธอต้องทำก็เพียงแค่ทำลายจิตวิญญาณของเขาให้สิ้นซาก ซึ่งนั่นก็ยากลำบากเพียงแค่ยกมือขึ้นเท่านั้น แต่ว่าเธอได้ตัดสินใจแล้ว อย่างน้อยผู้ชายคนนี้ก็ไม่ใช่ฟางเส้นเล็ก เขาอาจจะเป็นกิ่งไม้ลอยน้ำได้ที่คู่ควรให้ทดลองใช้งานในฐานะอาวุธของไททันสักครั้ง

“หนึ่งร้อยเก้าสิบสองครั้ง …”

ชายหนุ่มยืนตั้งท่าระมัดระวังอย่างเก้ ๆ กัง ๆ แล้วพูดนับจำนวนที่เขาพลาดท่าโดนฆ่าตายโดยไม่ได้มีอารมณ์โกรธเกรี้ยวแต่อย่างไร ไดโอนีจึงมองดูเขาด้วยความรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ที่เขายังมีสติพอจะนับจำนวนที่ตัวเองถูกฆ่าเอาไว้ได้อย่างแม่นยำ หากทว่าใบหน้าที่สวยงามชวนฝันนั้นยังคงไร้ซึ่งอารมณ์เฉกเช่นเคย

“ใช่แล้ว … นั่นคือจำนวนที่เจ้าโดนฆ่าตาย … แล้วจะทำไมหรือเจ้ามนุษย์?”

“192 ครั้ง … ท่องจำไว้จะได้เอาคืนทีหลัง ลูกผู้ชายแก้แค้นสิบปีก็ยังไม่สาย”

“… ช่างหลงลำพองนัก แต่เอาเถอะ ข้าชื่นชอบในความกล้าของเจ้า … เอาเป็นว่าข้าจะให้รางวัลเจ้าสักหน่อยก็แล้ว หากเจ้าโจมตีข้าโดนสักครั้ง แม้ว่าจะแผ่วเบาสักเพียงใด ข้าจะให้เจ้าร้องขอรางวัลจากข้าได้หนึ่งอย่าง … แต่คงเป็นไปไม่ได้ เพราะการเคลื่อนไหวของเจ้าเริ่มเชื่องช้าลงเพราะความเหน็ดเหนื่อยแล้ว”

ไดโอนีแถมจะเผลอยิ้มแย้มออกมาด้วยความขบขัน หากทว่ายังคงสามารถเก็บอารมณ์เอาไว้ภายใต้ใบหน้าที่เรียบเฉยได้อย่างมิดชิด กระนั้นเธอก็ยังนึกสนุกพูดเสนอในสิ่งที่เธอคิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้ออกมาเพื่อกระตุ้นเขา

“แน่นะ ว่าขออะไรก็ได้?”

“ไททันมิเคยพูดปด”

“งั้นก็ลองดูกันหน่อย”

ชายหนุ่มพูดจาด้วยน้ำเสียงยิ้มแย้มราวกับมีแผนการมั่นเหมาะ เขาพุ่งตัวเข้ามาหาเป็นครั้งแรกจนไดโอนีอดแปลกใจไม่ได้ หากทว่านั่นไม่ได้สร้างความลำบากใจให้แก่เธอแต่อย่างใด เพราะเธอมองเห็นการเคลื่อนไหวของเขาอย่างชัดเจน และมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าสามารถรับมือได้

ไดโอนีจู่โจมด้วยท่วงท่าเรียบง่ายอีกครั้ง นิ้วทั้งห้าประกบเข้าหากันราวกับมีดดาบแล้วแทงฝ่ามือออกไปอย่างตรงไปตรงมา เป้าหมายของการโจมตีคือกลางลำตัวของเขา

เสียงฉึกดังขึ้นอย่างง่ายดายพร้อมกับเลือดที่ทะลักออกมาจากบาดแผล ฝ่ามือขาวผ่องของเธอเสียบทะลุออกไปถึงกลางหลังอย่างง่ายดายกว่าครั้งใดจนเธอรู้สึกผิดหวังที่จบรวดเร็วเกินไป กระนั้นอีกเพียงเสี้ยววินาทีถัดมาเธอก็ต้องแสดงสีหน้าตื่นตกใจออกมาให้เห็นเป็นครั้งแรกในรอบหลายหมื่นปี

การพุ่งตัวของชายหนุ่มทำให้มือของเธอเสียบทะลุลึกจนเกือบสุดแขน และนั่นทำให้ร่างของเขาเข้ามาใกล้จนแทบจะแนบชิด ในเสี้ยววินาทีที่เผลอเรอไม่ทันได้ตั้งตัวนั้น เธอมองเห็นรอยยิ้มในแววตาของเขาที่โน้มเข้ามาใกล้ สองแขนของเขาโอบกอดรัดร่างของเธอไว้ แล้วประกบปากลงบนริมฝีปากที่ไม่เคยแปดเปื้อนจากผู้ใดอย่างแนบแน่น

นี่เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ไดโอนีลืมตาโพลงนิ่งอึ้งทำตัวไม่ถูก เขาเจตนาให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เพื่อโอบกอดเธอไว้อย่างอ่อนโยน ทั้งที่มือของเธอแทงทะลุตัวเขาออกไปด้านหลัง อย่างไรก็ตามริมฝีปากที่ประกบแนบนั้นกลับให้ความรู้สึกอบอุ่นนุ่มนวลยิ่งกว่า เธอสัมผัสได้ถึงความชื้นที่โลมเลียไปบนริมฝีปากนุ่ม แม้แต่ลมหายใจที่ร้อนระอุก็ยังอยู่ใกล้ถึงเพียงนี้ … สมองของเธอกลายเป็นปั่นป่วนไปเสียแล้ว

ริมฝีปากอวบอิ่มปิดเม้มเข้าหากันตามสัญชาตญาณ ลิ้นของเขาจึงไม่สามารถสอดใส่เข้ามาได้ หากทว่าเมื่อมือของเขาลูบไล้ผ่านไปที่ทรวงอก ร่างกายของเธอก็พลันบังเกิดปฏิกิริยาจนต้องเผยอปาก และนั่นทำให้ลิ้นที่คล่องแคล่วราวกับอสรพิษสามารถสอดใส่เข้าไปพัวพันระรัวอยู่ในโพรงปากของเธอได้

ความรู้สึกอันแปลกประหลาดซึ่งไม่เคยรู้สึกมาก่อน ทำให้ไดโอนีตัวแข็งทื่อ หากเธอต้องการหลุดพ้นจากสภาพอันน่าอายนี้ เพียงแค่สะบัดมือครั้งเดียวก็สามารถทำให้ร่างของเขาแตกสลายได้ หากทว่าร่างกายของเธอกลับกลายเป็นนิ่งเฉยไม่เคลื่อนไหวอย่างที่ควรเป็น

เสียงจุ๊บจ๊วบแผ่วเบาดังระรัวอยู่ในความมืด ลิ้นของเขาควานสัมผัสไปทั่วทุกตารางนิ้วในโพรงปาก ความรู้สึกวาบหวิวที่แล่นพล่านไปทั่วร่างทำให้เธอปั่นป่วนสับสน ซึ่งความจริงแล้วนั่นเป็นเพียงปฏิกิริยาตามธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด เผ่าพันธ์ไททันที่สูงส่งเช่นเธอย่อมไม่ใส่ใจต่อมนุษย์ให้เสียเวลา หากทว่าที่แนบชิดร่างอยู่นี้มิใช่มนุษย์ หากทว่าเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ไททันเช่นเดียวกับเธอ

เมื่อเป็นเช่นนี้ร่างกายของสตรีวัยเจริญพันธ์ที่สวยสดก็อดไม่ได้ต้องเกิดอาการตอบสนอง เธออาจจมอยู่กับความแค้นและความมืดมิดจนไม่ทราบว่าตนเองต้องการสิ่งใด หากทว่าร่างกายเลือดเนื้อของเธอไม่เคยลืมเลือนและไม่รู้จักหลอกลวง ไททันหนุ่มคนเดียวที่หลงเหลืออยู่ในโลกกำลังปลุกเร้าสัญชาตญาณแห่งไททันเพศหญิงจนลุกโชนขึ้นมาจนปั่นป่วน

ร่างบอบบางกระตุกเฮือกแผ่วเบาเมื่อฝ่ามือข้างหนึ่งของเขาตะปบบีบสะโพกกลมกลึง ส่วนอีกข้างนั้นล้วงสอดเข้าไปใต้เกราะอ่อนสีเงินแล้วขยำเนื้อเต่งนิ่มของทรวงอกอวบ

น่าเสียดายที่ระยะเวลาปลุกเร้านั้นกระชั้นสั้นเกินไป ร่างของชายหนุ่มหายวับตายไปปรากฎใหม่อยู่ห่างออกไป ไดโอนีซึ่งปรากฎสีแดงซ่านบนใบหน้ามองดูเขาราวกับมีสิ่งใดขาดหายไปจากชีวิต

“เอาคืนได้หนึ่งครั้งแล้ว … อย่าลืมที่สัญญาล่ะ ที่บอกว่าจะให้ทำอะไรก็ได้น่ะ”

เขามองมาด้วยรอยยิ้มพร้อมกับพูดทวงสัญญา หากทว่าไดโอนียังไม่อยู่ในสภาวะที่สามารถต่อปากต่อคำได้ เธอพยายามปรับสีหน้าที่แตกตื่นเคลิบเคลิ้มให้เป็นปกติ หากทว่ากลับไม่สามารถกระทำได้ แต่ยังดีที่มิติแห่งความฝันนี้เกิดแสงสีขาวสว่างวาบเจิดจ้าเข้ามา พร้อมกับร่างของเขาที่เลือนหายไป

ไดโอนีทรุดร่างลงไปนั่งบนพื้นอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง เพราะรู้ดีว่าเขาตื่นจากความฝันแล้ว … เธอยกนิ้วขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากตนเองด้วยแววตาเหม่อลอย แล้วนั่งนิ่งอยู่เช่นนั้นเนิ่นนาน

………………………………………….

แม็กลืมตาตื่นขึ้นมาในกระโจมพร้อมด้วยความรู้สึกเสียววาบ สิ่งแรกที่สายตาของเขามองเห็นก็คือกระโจมซึ่งสว่างจ้าจากแสงแดด จากนั้นเมื่อก้มหน้าลงไปเล็กน้อยก็พบเห็นร่างบอบบางของมีอาลูกสาวชนเผ่ากำลังผงกศีรษะอ้าปากดูดงับใส่ความเป็นชายของเขา

เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาเล็กน้อยด้วยรอยยิ้มแล้วก้มหน้าก้มตาลงไปผงกหัวดูดเลียต่อจนเขาต้องสูดปากครางซี้ด เวลานี้เขาได้รับรู้แล้วว่าชนเผ่ากีร่านั้นเป็นชนเผ่าที่บ้าเซ็กส์ไม่น้อย เมื่อคืนหลังจากที่เขาได้เปิดซิงมีอา เขาก็ค่อย ๆ สอนลีลาเกมกามให้เธอ สลับกับใช้มนตราฟื้นฟูไม่ให้เหน็ดเหนื่อยจนดึกดื่น และหากเขาจำไม่ผิด เธอน่าจะเสร็จไปไม่ต่ำกว่าสอบห้าครั้งแล้วสลบเหมือดไป จากนั้นเขาก็หลับไหลตามไปติด ๆ กระทั่งไปเจอกับไดโอนีในความฝัน

นึกถึงตอนนี้เขาก็เผยรอยยิ้มสาแก่ใจออกมา เพราะอย่างน้อยก็ได้เอาคืนไปแล้วหนึ่งครั้ง หลังจากที่โดนเธอลงมือฆ่าเป็นว่าเล่น ถึงแม้จะรู้ดีว่าครั้งนี้เขาอาศัยว่าเธอไม่ได้เอาจริงและเผลอตัว แต่ก็ถือว่าเป็นการตั้งสติวางแผนการณ์อย่างใจเย็นที่สุดครั้งหนึ่ง จนเขาเองชักจะเริ่มเชื่อแล้วว่าเขามีสัญชาตญานนักล่าที่เฝ้ารอคอยโอกาสอย่างที่แม่หมอคาร่าบอกไว้

เขาสังเกตเห็นว่าเมื่อเขาถูกฆ่าแต่ละครั้ง ไดโอนีจะลดความเร็วในการเคลื่อนไหวลงให้เขาพอหลบหลีกได้ และจะเพิ่มความเร็วขึ้นเมื่อเขาหลบได้ ดังนั้นเขาจึงซ้อนแผนด้วยการเคลื่อนไหวให้ช้ากว่าปกติ และทำท่าเหมือนหมดเรี่ยงแรงต่อสู้ ก่อนจะหงายไพ่ตายด้วยการยอมรับความเจ็บปวดของการโดนทะลวงกลางลำตัว แลกกับจูบเดียวของสาวงาม

เขาได้พบว่าแม้จะเป็นเพียงร่างวิญญาณ แต่ว่าเขาก็มีร่างวิญญาณเช่นกันจึงสามารถสัมผัสกับตัวเธอได้ ทั้งยังสามารถสัมผัสได้ถึงความหอมนุ่มนิ่มเต่งตึงของเนื้อสาวได้อย่างชัดเจนไม่ต่างอันใดกับการสัมผัสร่างเนื้อจริง ๆ รสจูบของริมฝีปากบางนั้นหอมหวานไม่แพ้รสจูบของอะโฟรไดทีและแอสโมดิอุส เรียกได้ว่าเพียงนึกถึงจูบเดียวนี้ ความเป็นชายของเขาก็ตื่นตัวเบ่งพองจนเต็มที่ขึ้นมาอีกครั้ง

มีอาเด็กสาวแสนสวยส่งเสียงร้องอุทานด้วยความถูกอกถูกใจ ก่อนจะหัวเราะคิกคักเพราะเข้าใจว่านี่เป็นผลพวงจากฝีปากของเธอ เธอจึงเร่งผงกศีรษะออกแรงดูดเป็นระวิง แต่ดูเหมือนแม็กจะรู้สึกไม่ทันใจ เขาจึงจัดการดึงร่างของมีอาขึ้นมานอนหงาย แล้วขยับตัวขึ้นไปคร่อมทับขยับกระแทกระรัวจนเธอหลับตาปี๋ครางเสียงสั่น และไม่นานนักเด็กสาวก็ส่งเสียงหวีดร้องอย่างสุขสมเมื่อเขาฉีดกระฉูดน้ำรักเข้าในร่องรักของเธอเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้

สองร่างนอนแผ่หราหอบเหนื่อยในกระโจมที่มีแสงแดดสาดส่องเข้ามา ก่อนที่มีอาจะสะดุ้งโหยงรีบลุกพรวดพราดเมื่อมีเสียงกลองดังขึ้น เธอรีบวิ่งไปหยิบฉวยเสื้อผ้าที่ทำจากใบไม้ของใครสักคนจากในกระโจมเพื่อสวมใส่ แล้วรีบวิ่งมาฉุดดึงให้แม็กลุกขึ้นพร้อมกับพูดภาษาถิ่นที่เขาไม่เข้าใจ แต่แม็กก็ลุกขึ้นแล้วสวมใส่เสื้อผ้าแต่โดยดี เพราะเดาว่าคงจะเป็นพิธีเบิกเนตรไพรีอะไรสักอย่างที่แม่หมอคาร่าเคยบอกไว้

ดูเหมือนว่าเขาจะคิดไม่ผิด เพราะมีอาลากมือของเขาวิ่งไปทางกองไฟที่เวลานี้มีแต่เถ้าถ่านสีขาว ที่ตรงนั้นมีแม่หมอคาร่าสวมใส่ชุดคลุมสีดำปกปิดความงดงามเอาไว้อย่างมิดชิด เธอยืนอยู่บนโขดหินเช่นเดิม นอกจากนั้นยังมีชนเผ่าผู้ใหญ่ท่าทางแข็งแรงอีกนับสิบคน ส่วนที่ยืนอยู่ด้านล่างนั้นล้วนแล้วแต่เป็นหนุ่มสาววัยสิบเจ็ดสิบแปดที่จะเข้าพิธีเบิกเนตรไพรี ซึ่งเขาก็ยังไม่แน่ใจนักว่าพิธีที่ว่ามันคืออะไรกันแน่ คาร่าเพียงแค่บอกให้เขาเข้าเพื่อที่จะได้แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น

มีอาเดินจากไปยืนดูอยู่ห่าง ๆ เมื่อพาเขามาส่งถึงที่ แม็กสังเกตเห็นว่าชายวัยกลางคนหัวหน้าเผ่าที่เป็นพ่อของมีอามองเขาด้วยแววตาสงสัยอยู่บ้าง แต่เขาเลือกที่จะไม่สบตาด้วยเพราะเกรงว่าจะเผยพิรุธ โดยทำทีเป็นกำลังมองหาใครสักคน ซึ่งเขาก็กำลังมองหาอยู่จริง ๆ เขากำลังมองหาเซเฟียที่ดูเหมือนจะไม่อยู่ในบริเวณนี้

เขายืนฟังแม่หมอคาร่ากล่าวอะไรยืดยาวที่เขาไม่เข้าใจ ก่อนจะมีเด็กตัวน้อยถือสิ่งที่เหมือนตะกร้าเดินมายื่นให้คนหนุ่มสาวที่ยืนอยู่ด้านล่าง เขามองเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งล้วงมือลงไป หยิบเอาสิ่งที่ดูเหมือนเขี้ยวสัตว์ป่าชิ้นหนึ่งขึ้นมาชูขึ้นเหนือศีรษะ

นักรบผู้ใหญ่หุ่นล่ำบึ้กทั้งหลายที่อยู่ด้านบนก็พยายามเพ่งสายตามองดูเขี้ยวสัตว์ป่าชิ้นนั้น ก่อนที่นักรบหญิงสาวคนหนึ่งจะกระโจนลงมาเบื้องหน้าของชายหนุ่มคนนั้น แล้วเดินนำไปหยิบข้าวของที่วางอยู่ด้านหน้า และเดินหายเข้าไปในป่า

หญิงสาวคนถัดมาก็ทำเช่นเดียวกัน เธอล้วงมือลงไปหยิบเขี้ยวสัตว์ที่มีลักษณะแตกต่างออกไปขึ้นมาแสดง แล้วก็ปรากฎนักรบผู้ใหญ่คนหนึ่งกระโดดลงไปหา แล้วทั้งคู่ก็เดินหายเข้าไปในป่า เวลานี้แม็กจึงพอจะคาดเดาได้ว่านี่เป็นการสุ่มเพื่อจับคู่ฝึกสอน … และปัญหาที่เขาเพิ่งคิดออกก็คือ เขาไม่สามารถสื่อสารกับชนเผ่าเหล่านี้ได้แม้แต่คำเดียว แล้วแบบนี้เขาจะสามารถฝึกฝนได้หรือ

ท่ามกลางความกังวลนั้น เหล่าหนุ่มสาวก็ค่อยทะยอยเดินเข้าไปในป่าทีละคู่ จนกระทั่งเหลือแต่เขายืนอยู่เพียงลำพังคนเดียว และเขาก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าบนโขดหินนั้นไม่มีนักรบผู้ใหญ่เหลืออยู่ นอกจากแม่หมอคาร่าและชายวัยกลางคนหัวหน้าเผ่าคนนั้น

แม็กยิ้มแห้ง ๆ เมื่อคิดว่าเขาอาจต้องไปฝึกกับพ่อของมีอา แต่ก็ยังยื่นมือลงไปหยิบเอาเขี้ยวสัตว์ป่าที่เหลืออยู่เพียงชิ้นเดียว และดูเหมือนจะใหญ่กว่าของใครอื่นขึ้นมาถือไว้ หากทว่าหัวหน้าเผ่าเพียงมองซ้ายมองขวาเหมือนจะหาใครโดยไม่ขยับเขยื้อนไปไหน แม็กจึงเริ่มงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น

จากนั้นแม่หมอคาร่าและหัวหน้าเผ่าก็พูดสนทนากันด้วยภาษาชนเผ่ารอบหนึ่ง หัวหน้าชนเผ่าคล้ายกับแสดงอาการไม่เห็นด้วย ทั้งยังหันไปมองดูมีอาซึ่งกำลังทำสีหน้าดีใจสุดระงับอยู่ด้านนอกสลับไปมา แต่สุดท้ายไม่ทราบว่าคาร่าพูดอะไร หัวหน้าชนเผ่าจึงค่อยสงบปากสงบคำลง

“ข้าจะเป็นพี่เลี้ยงให้เจ้าเอง … นั่นเป็นเขี้ยวของซีบร้าหัวหน้านักล่าที่ชนะการประลองเมื่อคืน แต่ว่าเขาทำผิดกฎปลุกปล้ำขืนใจพี่น้องร่วมชนเผ่าจนโดนลงโทษอย่างสาสม เขาไม่สามารถมาที่นี่ได้ด้วยโชคชะตาบางอย่าง ดังนั้นต้องมีคนทำหน้าที่แทน ซึ่งนั่นต้องเป็นนักรบอาวุโส แต่นักรบทั้งหลายโดนจับคู่หมดแล้ว จึงเหลือเพียงหัวหน้าเผ่าและแม่หมอที่อาวุโสเพียงพอ น่าเสียดายที่หัวหน้าเผ่าปวดหลังจนเดินเหินไม่สะดวก แม่หมอพยากรณ์เช่นข้าจึงต้องรับหน้าที่แทน”

แม่หมอพยากรณ์ซิบิลคาร่ากระโดดลงมาจากโขดหินยืนอยู่เบื้องหน้าเขา เธอค่อย ๆ เล่าอธิบายเรื่องราวให้ฟังด้วยภาษาปกติ ขณะพูดเน้นประโยคเหมือนจะรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าหัวหน้านักล่าไม่สามารถมาได้เพราะโดนเขาฆ่าในกระโจม

แม็กยิ้มแห้ง ๆ ที่คาร่ารับรู้ทุกอย่างที่เขากระทำ ทั้งที่ทำใจอยู่แล้วว่าเธอน่าจะรู้ แต่ก็ยังอดรู้สึกเขินขึ้นมาไม่ได้เมื่อนึกไปว่าคาร่าจะมองเห็นฉากรักร้อนแรงระหว่างเขาและมีอาหรือไม่ และที่เขากำลังสงสัยก็คือเขาไม่แน่ใจว่าการที่เขาได้จับคู่กับคาร่าเช่นนี้ เป็นเพียงแผนการณ์ของเธอ หรือว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงโชคชะตากันแน่

เหตุใดหนุ่มสาวนับสิบคนก่อนหน้าจึงไม่มีใครเลือกหยิบเขี้ยวสัตว์ป่าที่ใหญ่ที่สุดออกไปก่อนเขา เหตุใดเขาจึงกลายเป็นคนสุดท้าย และเป็นเรื่องบังเอิญเกินไปหรือไม่ ที่เขาเป็นคนลงมือจัดการหัวหน้านักรบคนนั้นจนไม่สามารถมาเป็นผู้ฝึกสอนเขาได้ แม่หมอคาร่าจึงต้องทำหน้าที่นี้แทน

ระหว่างที่เขายืนอึ้งอยู่นั้น มีอาก็วิ่งเข้ามาเกาะแขนของเขาด้วยท่าทางยิ้มกริ่มยินดี เธอแนบใบหน้ากับแขนของเขาอย่างรักใคร่ แล้วยื่นมือคว้าเอาดอกไม้สีแดงที่ทัดอยู่ข้างหูออกไป แม็กจึงเบิกตาโพลงด้วยความแตกตื่น แล้วหันไปมองดูหัวหน้าเผ่าที่กำลังถลึงตามองมาทางเขา ดอกไม้นั่นเป็นสัญลักษณ์ของสาวพรหมจรรย์ในชนเผ่า และการที่มีอาเอาดอกไม้นั้นออกไปก็คงเป็นการสื่อความหมายที่ชัดเจนอยู่แล้วว่าเธอเพิ่งสูญเสียสิ่งใดไป

“อย่ากังวลไปเลย ชนเผ่าของเราไม่ได้ยึดถือพรหมจรรย์นักหรอก หลังจากเจ้ากลับมา เจ้าเพียงล่าสัตว์ป่ามาให้พ่อตาของเจ้าสักตัว ก็ถือว่าหายกันแล้ว … ไปกันเถอะ มีอาจะไปกับพวกเราด้วย เพราะว่าเธอเติบโตเป็นสาวแล้ว … สองต่อหนึ่งแบบนี้ ข้ารับรองว่าพิธีเบิกเนตรไพรีครั้งนี้เจ้าจะต้องเหน็ดเหนื่อยอย่างแน่นอน”

คาร่าพูดด้วยน้ำเสียงคล้ายกับกำลังหัวเราะ แล้วเธอก็เดินนำไปหยิบข้าวของที่กองไว้ชุดหนึ่งเดินนำไปทางป่า ส่วนมีอาที่กำลังตื่นเต้นยินดีนั้นก็เป็นฝ่ายลากแขนเขาเดินเข้าไปในป่า … การฝึกอย่างเป็นทางการของเขากำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว โดยที่เขายังไม่รู้สักนิดว่าการเบิกเนตรไพรีนั้นคืออะไร เวลานี้เขารู้แค่ว่าเขาคงได้เบิกผ้านารีทั้งสองอย่างแน่นอน

………………………………………….

ระหว่างการเดินทางเข้าไปในป่าดิบชื้นที่อุดมสมบูรณ์นั้น คาร่าได้ปลดผ้าคลุมสีดำออกเปิดเผยเรือนร่างและใบหน้างดงามออกมาให้เห็นในช่วงที่อยู่ไกลจากหมู่บ้านแล้ว เธอบอกว่านั่นเป็นกฎของการเป็นแม่หมอพยากรณ์ในชนเผ่า และเธอก็ไม่เคยเปิดเผยโฉมหน้าให้ใครอื่นเห็น ยกเว้นก็แต่มีอาลูกสาวหัวหน้าเผ่านั้นเป็นเพื่อนสนิทวัยเดียวกันตั้งแต่เด็ก

มีอาเองก็แสดงความสนิทสนมกับคาร่าด้วยการโผเข้าไปสวมกอดกันและกัน แม็กซึ่งยืนอยู่ด้านข้างจึงมองดูสองดอกไม้ป่าที่งดงามด้วยแววตาระยิบระยับตื่นตัว

คาร่าและมีอานั้นมีอายุประมาณสิบห้าสิบหกเท่ากัน เวลานี้พวกเธอเพียงสวมใส่เสื้อผ้าที่ทำมาจากใบหญ้าปิดส่วนสำคัญไว้ หรือหากเทียบง่าย ๆ ก็คือเหมือนสวมใส่บิกินี่ว่ายน้ำแบบทูพีซ ที่แตกต่างกันหน่อยก็คือของคาร่าจะทำมาจากใบไม้สีเขียวเข้ม ส่วนมีอาจะเป็นใบไม้สีเขียวอ่อน

หากเทียบกันแล้ว คาร่าดูจะสูงเพรียวกว่าสักหน่อย นอกจากนั้นคาร่ายังสวยน่ารัก และมีเรือนร่างที่อวบอิ่มทรงเสน่ห์กว่ามีอาอยู่สองสามขั้น เพียงแต่ข้อเสียก็คือดวงตาของเธอมืดบอดไร้ประกาย มีอาจึงมีคะแนนนำในแง่ของความน่ารักสดใสไร้เดียงสา แต่จะอย่างไรก็ตามทั้งสองก็ถือได้ว่าเป็นผู้หญิงที่สวยงามมีเสน่ห์มากกว่ามาตรฐานทั่วไปไม่น้อย

เมื่อเดินชมนกชมไม้และชมดูเรือนร่างของสองสาวอย่างสบายใจไปได้สักระยะหนึ่ง คาร่าซึ่งเดินตัวปลิวราวกับดวงตาไม่ได้มืดบอดก็บอกให้ทุกคนเริ่มระวังตัว เพราะเริ่มพ้นจากพื้นที่ปลอดภัยของชนเผ่า และเข้ามาสู่พื้นที่ป่าซึ่งอาจจะมีสัตว์กินเนื้อบ้าง

แม็กซึ่งกำลังเพลิดเพลินเจริญใจจึงค่อยตื่นตัว หันไปหยิบเอาทวนที่เหลาจากไม้อย่างหยาบ ๆ ซึ่งชนเผ่าเตรียมไว้ให้ขึ้นมาถือพลางสอดส่องด้วยความระแวดระวัง ส่วนสองสาวคาร่าและมีอาก็กระทำแบบเดียวกัน โดยทั้งสามได้เดินเป็นรูปสามเหลี่ยม ให้แม็กเดินนำหน้าในฐานะผู้ชาย ส่วนคาร่าและมีอานั้นเดินประกบอยู่ด้านซ้ายขวาคอยระวังด้านข้างให้

อย่างไรก็ตาม ระหว่างการเดินทางนั้นไม่พบอันตรายอะไร คาร่าจึงค่อย ๆ เล่ารายละเอียดของพิธีเบิกเนตรไพรีให้ฟัง พิธีการนี้จะจัดขึ้นปีละครั้ง โดยมีเป้าหมายที่จะให้หนุ่มสาวชนเผ่าที่ถึงเกณฑ์ได้เข้ารับการฝึกสอนเพื่อให้เป็นนักล่า

หนุ่มสาวทุกคนจะได้รับการถ่ายทอด และฝึกสอนอย่างเป็นทางการจากนักล่าที่มีประสบการณ์ เมื่อผ่านการทดสอบนี้แล้ว หนุ่มสาวเหล่านั้นจะถือเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว สามารถแยกตัวออกไปสร้างกระโจมสร้างครอบครัวเองได้ และสามารถติดตามกลุ่มนักล่าไปล่าเหยื่อให้แก่ชนเผ่าได้

“… ฝึกฝนการล่างั้นเหรอ … แต่ เดี๋ยวนะ แบบนี้จะทำให้ต่อสู้เก่งขึ้นหรือเปล่า? แค่มาฝึกล่าสัตว์แล้วจะทำให้สู้เซเฟียได้เหรอ?”

แม็กรับฟังแล้วพยายามย่อยข่าวสาร ก่อนจะรู้สึกสงสัยไม่แน่ใจว่าการออกมาล่าแบบคนป่าแบบนี้จะส่งผลให้เขาเก่งขึ้นได้อย่างไร อย่างดีเขาก็แค่สามารถล่าสัตว์ประทังชีวิตได้ แต่หากจะให้สู้กับเซเฟียได้นั้นดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้

“การฝึกฝนต่อสู้ เจ้าสามารถกระทำได้ในฝันกับเธอผู้นั้น เธอจะสอนเจ้าให้เชี่ยวชาญได้เป็นอย่างดี แต่สิ่งที่เจ้าจะได้จากการล่านั้นข้าขอรับประกันว่ามีประโยชน์ต่อตัวเจ้าอย่างใหญ่หลวง เพราะมันจะช่วยสลายความลังเลที่จะเป็นนักล่าของเจ้า สอนให้เจ้าเข้าถึงวิถีแห่งธรรมชาติที่แสนเรียบง่ายได้ … ขอให้เชื่อข้าเถอะ”

คาร่าตอบเพียงแค่นั้นโดยไม่ยอมบอกรายละเอียดแล้วเธอก็ปิดปากเงียบ จากนั้นก็หันไปคุยกระหนิงกระหนิงกับมีอาเป็นภาษาชนเผ่า แต่แม็กก็พอจะสังเกตได้ว่าสองสาวมีสมาธิมองสำรวจระวังภัยรอบด้านอยู่ตลอดเวลา และนั่นก็สมกับการเป็นชนเผ่าซึ่งใช้ชีวิตอยู่ในป่า

ทั้งสามคนเดินทางมาถึงริมแม่น้ำแห่งหนึ่งแล้วค่อยหยุดพัก มีอาและคาร่าเดินสำรวจรอบบริเวณครั้งหนึ่ง เหมือนจะให้แน่ใจว่าไม่มีสัตว์ร้ายอยู่แถวนี้ ก่อนจะค่อยหย่อนสะโพกลงนั่งในสภาพที่มีเหงื่อชุ่มตัว แม็กจึงมองสองสาวที่มีเสน่ห์ไปอีกแบบอย่างเพลิดเพลินใจ ก่อนจะเอะใจขึ้นมาว่าเขาเดินป่ามาต่อเนื่องสามชั่วโมง แต่กลับไม่รู้สึกเหนื่อย หรือมีเหงื่อเลยสักนิด

“เอาล่ะ เรามาตั้งกฎในการฝึกฝนกันก่อน”

คาร่านั่งพักเหนื่อยได้ครู่หนึ่งก็หันพูดกับแม็กรอบหนึ่ง แล้วค่อยหันไปพูดด้วยภาษาเผ่ากับมีอารอบหนึ่ง ซึ่งทั้งสองรอบก็คงมีความหมายเดียวกัน เพียงแต่ต่างกันที่ภาษา

“นี่คือการฝึกฝนที่ต้องจริงจัง จะไม่มีการเล่นสนุกโดยไม่ฝึก ดังนั้นเราจึงต้องตั้งกฎขึ้นมาก่อน ข้อแรกก็คือห้ามแตะเนื้อต้องตัวมีสัมพันธ์กันในช่วงเวลาฝึกฝนเด็ดขาด”

คาร่าหันมาพูดกับแม็ก แล้วหันไปพูดกับมีอาจนมีอาทำหน้าบูดเหมือนไม่เห็นด้วย แต่ก็พยักหน้าตกลงปฏิบัติตาม แม็กจึงแอบยิ้มน้อย ๆ เพราะรู้สึกราวกับว่าคาร่าเป็นพี่สาวของมีอาทั้งที่พวกเธออายุเท่ากัน

“ข้อสอง ในช่วงเวลาพักผ่อน ถือเป็นช่วงอิสระ อยากทำอะไรก็ตามสบาย แต่หากไม่ผ่านการทดสอบของวันนั้น ก็ห้ามมีสัมพันธ์กันไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น”

คาร่าพูดต่อจนมีอาทำหน้าบูดอีกครั้ง และคราวนี้แม็กก็ต้องเบ้ปากไม่เห็นด้วยเช่นกัน แต่คาร่ายังคงตีสีหน้าจริงจังหันมาพูดกับแม็กและมีอา สุดท้ายมีอาก็สะบัดหน้าเชิดใส่เล็กน้อยเหมือนจะสื่อว่ายอมรับก็ได้ ซึ่งพอจะเดาได้ว่าการผ่านหรือไม่ผ่านพิธีเบิกเนตรนั้นมีความสำคัญกับชนเผ่าไม่น้อย

“แน่นอนว่าจะไม่เชื่อฟังกฎนี้ก็ได้ แต่จะถือว่าไม่ผ่านพิธีเบิกเนตรไพรีทันที และเมื่อไม่ผ่านก็จะไม่มีสิทธิไปท้าสู้กับเซเฟีย แล้วก็อย่าหวังว่าจะได้ใจจากนักรบหญิงคนนั้น และจากแม่หมอพยากรณ์คนนี้”

คาร่าคล้ายจะล่วงรู้ทุกอย่างดั่งที่เป็นแม่หมอพยากรณ์ เธอจึงส่งเสียงหัวเราะคิกคัก แล้วหันมาพูดประโยคที่ทำให้แม็กต้องชะงัก เพราะนั่นคือเป้าหมายหลักที่เขาอยากเก่งขึ้นโดยตรง

ไม่แค่นั้น คาร่ายังหันไปพูดอะไรบางอย่างกับมีอาด้วยภาษาชนเผ่า และมีอาที่กำลังเบ้ปากไม่พอใจ ก็ต้องหันมามองหน้าเขาวูบหนึ่ง แล้วหันไปพยักหน้ากับคาร่า ซึ่งแม็กไม่ทราบว่าพวกเธอตกลงกันเรื่องอะไร แต่ถ้าให้เดา ก็คงประมาณว่าหากมีอาไม่ผ่านการทดสอบ ก็จะไม่มีสิทธิอะไรกับเขาสักอย่างกระมัง

หลังจากโดนโน้มน้าวจากคาร่า แม็ก และมีอา ก็ดูจะจริงจังขึ้น คาร่าจึงยิ้มและหันมาพูดกับแม็กอีกครั้ง

“บทเรียนแรก … นักล่าจะต้องไม่หลงทิศทาง เจ้ารู้มั้ยว่าหากมีปัญหาต้องรีบกลับหมู่บ้าน เจ้าจะต้องกลับไปทางทิศใดให้เร็วที่สุด และจะใช้เวลาประมาณเท่าใด? … ห้ามใช้แผนที่ หรือต่อให้เจ้าใช้แผนที่เจ้าก็มองไม่เห็นสิ่งใด เพราะเจ้าไม่เคยมีแผนที่ของผืนป่านี้”

คำถามแรกของคาร่าทำเอาแม็กสะอึกไป เขาเหลียวมองไปยังทิศทางที่เขาเพิ่งเดินผ่านมา มองเข้าไปในป่าเขียวชะอุ่มซึ่งเขาไม่ทราบสักนิดว่าตอนนี้เขาอยู่ทิศทางไหนแห่งหนใด เขาจึงทดลองเปิดหน้าจอของระบบแสดงแผนที่ออกมา แต่สิ่งที่เขาเห็นนั้นเป็นเพียงหน้าจอดำ ๆ ไม่มีข้อมูลอะไรให้ใช้งานได้อย่างที่คาร่าว่าไว้

“ใครจะจำได้ล่ะ ก็ตอนเดินมาทั้งลัดเลาะซ้ายทีขวาที บางทีก็เดินอ้อมเนินเขา”

“ผิดแล้ว นักล่าต้องจดจำให้ได้ เพราะหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน เขาจะต้องอาศัยเส้นทางนั้นกลับบ้านให้เร็วที่สุด ทุกเวลาที่เสียให้กับความไม่รู้ อาจทำให้ตัวเองตาย หรืออาจทำให้คนที่มาด้วยตาย … ชนเผ่ากีร่าทุกคนล้วนแล้วแต่เรียนรู้สิ่งนี้”

คาร่าหันมายิ้มละไมคล้ายกับคาดเดาได้อยู่แล้วว่าเขาจะไม่รู้ จากนั้นก็หันไปพูดกับมีอา ซึ่งเดาได้ว่าคาร่าคงถามด้วยคำถามเดียวกัน เพราะเมื่อถามจบ มีอาก็ชี้นิ้วไปยังทิศทางหนึ่งอย่างมั่นใจ พร้อมทั้งส่งเสียงตอบด้วยรอยยิ้ม คาร่าเองก็พยักหน้าและยิ้มให้เหมือนจะสื่อว่ามีอาตอบได้ถูกต้อง

“มีอาตอบได้ถูกต้อง เธอชี้ไปยังทิศทางที่วิ่งตรงไปยังหมู่บ้าน ทั้งยังสามารถตอบได้อย่างมั่นใจว่าเธอสามารถวิ่งกลับไปถึงหมู่บ้านได้ภายในประมาณหนึ่งชั่วโมง”

“ทำได้ยังไง?”

“ทุกย่างก้าวของนักล่าต้องเต็มไปด้วยสติ ต้องสังเกตทิศทางของดวงอาทิตย์ จดจำทิศของการเดินทาง และระลึกให้ได้เสมอว่าอะไรอยู่ทิศใด เอาล่ะคำถามบทเรียนอย่างที่สอง นักล่าต้องสังเกตสิ่งแวดล้อมเพื่อประโยชน์ของตนเสมอ หากมีสัตว์ร้ายที่ต่อสู้ไม่ได้ และต้องหลบซ่อน ในช่วงทางเดินที่ผ่านมา มีตำแหน่งไหนบ้างที่สามารถหลบซ่อนได้? และมีตำแหน่งไหนบ้างที่มีผลไม้ หรือสัตว์ป่าที่สามารถล่าเป็นอาหารได้”

คาร่าถามอีกครั้ง และเป็นที่คาดเดาได้ว่าแม็กไม่ได้สังเกตเรื่องพวกนี้เลยแม้แต่นิดเดียว เขาจึงได้แต่นิ่งอึ้งตอบไม่ถูก หากทว่าคาร่าก็มิได้คาดคั้นอะไร เธอเพียงหันไปพูดภาษาเผ่ากับมีอา จากนั้นมีอาก็ชี้นิ้วมือไปมาพร้อมกับพูดอะไรออกมาชุดใหญ่ กระทั่งคาร่าพยักหน้ายืนยันว่าสิ่งที่มีอาพูดนั้นถูกต้องทั้งหมด

ความรู้สึกอ่อนด้อยกว่าเด็กสาวทำให้แม็กได้คิด สิ่งที่คาร่าบอกออกมานั้นไม่ผิดเพี้ยน นักล่าทุกคนสมควรที่จะสังเกตสิ่งเหล่านั้น เพียงแต่เขาเป็นคนเมืองที่ไม่ได้ดำเนินชีวิตด้วยการล่าเพื่อปากท้อง เขาจึงไม่มีสตินึกคิดจดจำเรื่องราวเหล่านี้

“มีอาตอบได้ถูกต้องทั้งหมด เอาล่ะ นี่ก็เวลาเที่ยงแล้ว คืนนี้เราจะพักกันบริเวณนี้ บทเรียนข้อที่สาม นักล่าที่ดีต้องเลือกที่พักผ่อนที่ปลอดภัยสามารถรับสถานการณ์เลวร้ายได้ เจ้าจะเลือกพักที่ไหน?”

คาร่าหันมาถามแม็กอีกครั้ง และแม็กได้แต่มองซ้ายมองขวาเลิ่กลั่กตอบไม่ถูกว่าควรเลือกอย่างไร สุดท้ายคาร่าก็ต้องหันไปถามมีอาให้เธอเลือก และมีอาก็ชี้นิ้วขึ้นไปบนโขดหินแห่งหนึ่ง ที่ต้องปีนป่ายขึ้นไปเล็กน้อย แต่ก็ให้ความรู้สึกปลอดภัย

บทเรียนที่สี่ของคาร่าก็คือให้แต่ละคนสร้างกองไฟ ล้อมรอบไว้สามทิศ งานนี้แม็กแอบยิ้มกริ่มดีใจ เขารีบวิ่งเข้าไปในป่าหาไม้ฟืนออกมาได้เป็นคนแรก แต่ปัญหาก็คือเขาไม่ทราบว่าจะจุดไฟอย่างไร จึงได้แต่นั่งคอยให้คาร่าและมีอาออกมาเพื่อลอกเลียนแบบ

เขาเห็นคาร่าและมีอาใช้วิธีปั่นไม้ให้เสียดสีกันกระทั่งลุกเป็นไฟ เขาจึงทดลองดูบ้าง แต่กลับพบว่าไม่สามารถทำให้ติดไฟได้ทั้งที่เขามั่นใจว่าเขาปั่นได้เร็วและแรงกว่าสองสาว

คาร่าหัวเราะคิกคัก แล้วเดินมาแนะนำเขา บอกว่าไม้ฟืนมีหลายประเภท ต้องเลือกไม้ที่แห้งกรอบเป็นไม้แรกเพื่อให้ติดไฟง่าย ทั้งยังสอนวิธีการแบ่งประเภทของเนื้อไม้ให้เขา จนกระทั่งเขาสามารถไปเลือกไม้ที่ถูกต้องและก่อกองไฟแรกของตัวเองได้สำเร็จ

บทเรียนถัดมาคือการจับปลา คาร่าแสดงนำด้วยการเหลาท่อนไม้ให้แหลมแล้วไปยืนในแม่น้ำ เพียงไม่นานเธอก็พุ่งท่อนไม้ปลายแหลมลงไปในน้ำ แล้วยกปลาตัวใหญ่เท่าลำแขนขึ้นมาหนึ่งตัวด้วยรอยยิ้ม

แม็กกับมีอาก็ทดลองทำตาม มีอายืนนิ่งเพียงครู่เดียวก็เสียบได้ปลาตัวใหญ่ตัวหนึ่ง แต่ว่าแม็กกลับพบว่าสิ่งที่สองสาวทำได้อย่างง่ายดายนั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่เห็น

อันดับแรกเลยก็คือ ปลาพวกนั้นไม่ได้อยู่นิ่งให้เขาจัดการ เมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้ พวกมันก็จะว่ายหนี พอเขาเร่งความเร็วดินโคลนก็ฟุ้งกระจายขึ้นมาจนมองไม่เห็นตัวปลา ต้องรอให้คาร่าแนะนำว่าต้องทำตัวนิ่ง ๆ เพื่อไม่ให้พวกปลารู้จึงค่อยสามารถหาจังหวะแทงปลาได้

กระนั้นปัญหาถัดมาก็คือเขาไม่สามารถแทงโดนปลาพวกนั้นได้อย่างถนัด กว่าจะรู้ตัวว่ามุมมองจากด้านบนลงไปในน้ำนั้นมีมุมหักเหตามหลักวิทยาศาสตร์อยู่บ้างก็ผ่านไปนานโข พอเริ่มคาดคะเนมุมได้ ก็ยังไม่แม่นยำพอทำได้แค่แฉลบไปกับเกล็ดปลาแล้วปักลงไปในพื้นน้ำ บางครั้งเผลอใส่แรงมากไปไม้ปลายแหลมก็ถึงกับหักจนต้องไปเหลาขึ้นมาใหม่

ระหว่างที่เขายังคงพยายามจับปลาของตัวเองนั้น สองสาวก็ได้ทำการชำแหละปลาเรียบร้อย ทั้งยังเสียบไม้ปิ้งไฟจนส่งกลิ่นหอมกรุ่นกระตุ้นให้ท้องของเข้าร้องโครกคราก

แม็กยังคงพยายามจับปลาอยู่อีกนานนับชั่วโมง แต่ก็ยังไม่สำเร็จ กลิ่นปลาที่ลอยอยู่ในอากาศก็ยิ่งทำให้สมาธิของเขาหลุดลอย หลายครั้งที่เขารู้สึกหงุดหงิดไม่พอใจโมโหหิวด่าทอทุกสิ่งอยู่ในใจ แต่แล้วเขาก็สังเกตได้ว่าคนที่หิวอาจจะไม่ใช่แค่เขาคนเดียว เพราะสองสาวยังคงนั่งมองดูเขาโดยไม่ได้แตะต้องปลาที่สุกดีแล้วสักคำ ราวกับจะรอให้เขาจับปลาให้ได้และมานั่งกินพร้อมหน้ากัน

“พวกเธอกินกันก่อนเถอะ อย่ารอเลย”

เขาหันไปบอกคาร่าด้วยความรู้สึกอบอุ่นใจอยู่บ้าง คาร่าจึงยิ้มให้และส่ายหน้าแทนคำตอบ ก่อนจะช่วยพูดแนะนำเขาอีกประโยคหนึ่ง

“สตรีของเผ่ากีร่าจะไม่ดื่มกินก่อนสามีที่พวกเธอรัก พวกเราจะรอคอย แต่เจ้าควรจะผ่อนคลายสักหน่อย ยิ่งเจ้าเกร็งจนเคร่งเครียดทุกอย่างก็จะยิ่งกลายเป็นเรื่องยาก ไม่ว่าจะสายตา พลัง หรือความเร็ว เจ้าล้วนแล้วแต่เหนือกว่าพวกเราหลายเท่า”

“แล้วอะไรที่ต่างกัน?” 

 “เจ้าเพียงยังมีความลังเลอยู่ในใจ เจ้าลงมือล่า แต่ใจเจ้าไม่ได้อยากล่า การลงมือจึงมีแต่ความลังเล ไม่เด็ดขาด นักล่าที่ดีจะต้องสงบนิ่งรอคอย หากไม่ล่าก็แล้วไป แต่หากต้องล่าก็จะลงมือเต็มที่เต็มกำลัง นี่เป็นเรื่องราวของธรรมชาติ สิ่งมีชีวิตอยู่ได้ด้วยการกิน หากเจ้าไม่กิน เจ้าก็จะถูกกิน สิงห์โตไล่กินกวางถือว่าโหดร้ายหรือไม่ ไก่จิกหนอนกินโหดร้ายหรือไม่ คนล่าสัตว์เพื่อกินโหดร้ายหรือไม่ หากเจ้าไม่ล่า เจ้าและครอบครัวของเจ้าก็จะอดตาย นี่เป็นวิถีของธรรมชาติ นักล่าไม่ได้โหดร้าย แต่นักล่าเพียงดำเนินชีวิตไปตามวิถี นี่คือสิ่งที่เจ้าจำเป็นต้องปรับทัศนคติของตัวเองเสียก่อน”

คำพูดของคาร่าทำให้แม็กนิ่งอึ้งไปวูบใหญ่ เขารู้สึกว่าเธอพูดถูกอยู่หลายส่วน มองจากภายนอกแล้วเขาอาจจะลงมือแทงไม้แหลมเข้าใส่ปลา แต่ว่าในใจเขากลับไม่ได้คิดว่าจะโดน นี่อาจเป็นเพราะเขาเป็นชาวเมืองที่ไม่เคยออกล่าสัตว์ เมื่อหิวก็เพียงแค่เดินเข้าร้านอาหาร เมื่อกระหายก็อาจจะเดินเข้าร้านกาแฟ ทุกอย่างสามารถหาซื้อได้ด้วยเงินโดยไม่ต้องล่า หากจะมีอะไรที่เขาออกล่าเป็นประจำก็คงจะมีแค่เพียงสิ่งเดียวเท่านั้น ซึ่งก็คือการจีบสาว

แม็กยืนนิ่งครุ่นคิดอยู่ในน้ำอีกครู่ใหญ่ ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาอย่างเงียบงัน เขาสอดส่ายสายตามองหาเหยื่อตัวหนึ่งซึ่งกำลังว่ายวนเวียนอยู่บริเวณนั้น ในหัวสมองพลันนึกถึงสิ่งที่เขาทำขณะจีบผู้หญิงสักคนหนึ่ง เขามองเหยื่ออย่างใจเย็น พยายามศึกษาลักษณะนิสัยและการเคลื่อนไหว เขามองปลาตัวนั้นด้วยสายตาที่แน่วนิ่ง กระทั่งเมื่อมองออกถึงวิถีการเคลื่อนไหวได้อย่างชัดเจน มือของเขาก็ขยับวูบเสียบไม้แหลมลงไปในน้ำราวกับหมาป่าที่พุ่งเข้าไปขย้ำเหยื่อ

ฉึก เสียงปลายแหลมของไม้พุ่งทะลุกลางลำตัวของปลาสีเงินขนาดเท่าท่อนแขนอย่างแม่นยำ แม็กจึงฉีกยิ้มและหันไปมองสองสาวซึ่งกำลังหันมายิ้มให้เขา มีอายิ้มให้ราวกับแม่ชื่นชมลูก แต่คาร่านั้นกำลังมองเขาแล้วยิ้มคล้ายกับรอคอยดูเรื่องขบขันอะไรสักอย่างที่เขาไม่เข้าใจ

เมื่อเขายกไม้ปลายแหลมขึ้นเขาก็ได้เห็นรอยยิ้มระยิบระยับของคาร่า พร้อมกับตัวปลาที่ดิ้นพราด ๆ จนหลุดออกไปจากไม้แหลมและว่ายหนีไปพร้อมกับอาการบาดเจ็บ แม็กจึงได้แต่อ้าปากเหวอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

“คิก คิก เจ้าทำได้ดีแล้ว และบทเรียนล่าสุดก็คือนักล่าจะต้องไม่ปล่อยให้เหยื่อหลุดออกจากปาก”

คาร่าส่งเสียงหัวเราะคิกคัก แล้วหยิบเอาไม้ปลายแหลมของเธอและของมีอาขึ้นมาชี้ให้เขาดูอะไรบางอย่าง ซึ่งเขาก็ได้พบว่าบริเวณปลายไม้เลยจากส่วนปลายแหลมนั้นมีรอยตัดให้ไม้ง้างออกมาเป็นแง่งเล็กน้อย ตอนเสียบปลาจะไม่ติดอะไร แต่เมื่อปลาติดแล้วก็จะดิ้นหลุดออกไปไม่ได้เพราะติดแง่งไม้

แม็กทำอะไรไม่ได้นอกจากส่ายหน้าด้วยความเสียดาย แล้วเดินกลับขึ้นไปบนฝัง เพื่อใช้มีดซึ่งทำจากหินพยายามเหลาไม้ให้มีแง่ง ก่อนจะค่อย ๆ เดินกลับลงไปในน้ำเพื่อล่าปลาใหม่อีกครั้ง โดยที่ตอนนี้พระอาทิตย์กำลังใกล้จะตกแล้ว แสงจึงเริ่มเลือนหายไป

“วันนี้เจ้าทำได้ไม่ดีนัก จึงถือว่ายังไม่ผ่าน ไม่มีสิทธิรับรางวัล”

คาร่าหันมาบอกเขาขณะที่เขากำลังจะล่าปลาจนเขาคอตก แต่เขาก็ทำใจยอมรับ เพราะว่าเขายังขาดอะไรอีกมากมายนัก กระนั้นเมื่อเธอมองเห็นเขาทำท่าคอตกก็ส่งเสียงหัวเราะคิกคัก แล้วพูดปลอบจนเขาคึกคักมีกำลังใจขึ้นมาอีกอักโข

“แต่เห็นแก่ความพยายาม นี่ก็เริ่มมืดค่ำแล้ว ถ้าเจ้าล่าปลามาได้สี่ตัวเพื่อเป็นมื้อเย็น ข้าและมีอาอาจจะยอมให้รางวัลเป็นกรณีพิเศษก็ได้นะ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นแม็กก็เริ่มหาปลาต่อด้วยความตื่นเต้น ถึงแม้ฟ้าจะมืดจนแทบมองไม่เห็นในน้ำแล้ว แต่สายตาของเผ่าพันธุ์ไททันกลับทำให้เขามองเห็นได้ราวกับเวลากลางวัน การจับปลาจึงมิได้ยากเย็นอีกต่อไป เพียงไม่นานนักเขาก็ล่าปลาได้ครบสี่ตัวตามกำหนด โดยที่มีอากำลังมองเขาด้วยความชื่นชมอย่างแท้จริง เพราะการจับปลาในช่วงที่มืดมิดไม่มีแสงนั้นใช่ว่าจะทำกันได้โดยง่าย

หลังจากนั้นแม็กก็เริ่มเรียนรู้วิธีการขอดเกล็ดปลาด้วยหินหยาบ ๆ ตามด้วยการใช้มีดที่ทำจากหินทำการผ่าท้องเอาเครื่องในของปลาออกมา มีอานำผงเกลือมาให้ทารอบตัวปลา แล้วเสียบไม้ปิ้งด้วยไฟที่เขาเป็นคนก่อขึ้นเอง ซึ่งอาหารมื้อนี้นั้นดูจะเอร็ดอร่อยเป็นพิเศษ​ เพราะมาจากน้ำพักน้ำแรงที่เขาล่ามาเอง

เรื่องหนึ่งที่แม็กไม่สงสัยก็คือ ปลาปิ้งของเขาดูจะส่งกลิ่นหอมฉุยน่ากินกว่าของคาร่าและมีอา ทั้งที่เขาก็ไม่ได้พิถีพิถันทำอะไรมากมายนัก รอจนกระทั่งเขาลองเปิดหน้าจอของระบบก็ค่อยได้พบว่าทักษะการทำอาหารระดับสูงที่ได้รับมาจากแองจี้นั้นทำงานช่วยเสริมรสชาติของอาหารให้ส่วนหนึ่ง เขาจึงลอบตั้งเป้าไว้ว่าจะลองศึกษาการทำอาหารดูบ้างสักหน่อย เผื่อว่าเวลาเดินทางผจญภัยจะได้มีสีสันมากขึ้น

ท้องฟ้ามืดมิดสนิทแล้ว เหล่าแมลงกลางคืนเริ่มส่งเสียงร้องระงมไปทั่วป่า หนุ่มสาวทั้งสามต่างผลัดกันเล่าเรื่องของตนเองโดยมีคาร่าเป็นคนช่วยแปลให้ ส่วนใหญ่แล้วคาร่าจะเน้นแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ของนักล่า ส่วนมีอานั้นจะเน้นพูดเรื่องที่ตัวเองชอบ และถามเรื่องราวเกี่ยวกับแม็ก

บรรยากาศในค่ำคืนนี้คล้ายกับครอบครัวที่สุขสันต์กลมเกลียวครอบครัวหนึ่ง ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงความสุขแปลก ๆ ที่แตกต่าง ถึงจะมีส่วนคล้ายคลึง แต่นี่ไม่ใช่แค่การจีบสาวแล้วจบลงบนเตียงนอน มันเป็นการใช้ชีวิตร่วมกัน ต่างแบ่งปันพึ่งพาอาศัยกัน เขาถึงกับรู้สึกว่าบางทีนี่อาจจะเป็นวิถีชีวิตที่เขาใฝ่ฝันอยากเป็นก็ได้

เสียงสนทนาหยอกล้อและเสียงหัวเราะสดใสเริ่มเงียบหายไป ร่างสามร่างคล้ายกับแม่เหล็กขั้วตรงข้ามที่ถูกดึงดูดเข้าหากัน ชายหนุ่มเพียงหนึ่งเดียวโดนขนาบด้วยสองดอกไม้ป่าที่มีเรือนร่างงดงามเร่าร้อน เขาโอบไหล่เธอทั้งสองเอาไว้แล้วรวบเข้ามาแนบกาย

กลิ่นหอมและสัมผัสที่แตกต่างกันสองรูปแบบทำให้แม็กรู้สึกคึกคักขึ้นมาอักโข อีกทั้งนี่ยังเป็นการสนิทสนมในป่าที่เปิดโล่งด้วยจึงให้ความรู้สึกผิดแผกเร้าใจเป็นพิเศษ เขาหันไปหอมแก้มเนียนนิ่มของคาร่าก่อนหนึ่งฟอด แล้วสลับมาหอมแก้มมีอา

สองสาวอ่อนวัยบิดกายไหวไปมาขณะส่งเสียงครางอืมสุขสม ร่างกายของพวกเธอดิ้นเร่าสั่นสะท้านระริกไปตามจังหวะพลิกพลิ้วของฝ่ามือมาร มือซ้ายและขวาของเขาตะปบโลมไล้ไปตามเรือนร่างงามของสองเด็กสาวราวกับหนวดปลาหมึก

บ้างลูบไล้เพียงแผ่วเบาให้สยิวสะท้าน บ้างตะปบขยำแล้วบีบขยี้จนเสียวแปลบปลาบร้องซี้ดซ้าดออกมาอย่างสุดเสียว เพียงพริบตาเดียวเสื้อผ้าที่ถักทอมาจากใบไม้ใบหญ้าก็หลุดลุ่ยเหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่า

สองดอกไม้ป่าต่างแอ่นกายเบียดทรวงอกอวบอิ่มเสนอเข้าหาใบหน้าของชายหนุ่มด้วยกิริยาเร่าร้อน และเขาก็ตอบสนองด้วยการอ้าปากงับสลับกับบีบขยำอย่างเมามัน พวกเธอจึงสูดปากซี้ดร้องครางออกมาประชันขันแข่งเสียงร้องของแมลงและนกที่หากินกลางคืน

กระทั่งเมื่อถึงช่วงเวลาสำคัญที่มิอาจให้ความเสมอภาคได้ ชายหนุ่มที่มีเพียงหนึ่งเดียวจึงจัดแจงให้สองสาวนอนหงายอยู่ติดกัน เขาเลือกไปนั่งจรดจ่ออาวุธเพื่อเสพสมกับคาร่าก่อน เพราะค่ำคืนที่ผ่านมานั้นเขาเพิ่งมีอะไรกับมีอาไป แต่ก็ใช่ว่าจะปล่อยให้มีอานอนเหงาเดียวดาย เพราะเขาเอื้อมมือไปสอดนิ้วลากเข้าลากออกจนเธอตัวกระตุกเด้งส่งเสียงร้องออกมาแข่งกับคาร่าได้เร่าร้อนใกล้เคียงกัน

แม็กเร่งเครื่องกระแทกใส่คาร่าเสียงดังปั้กปั้กอย่างต่อเนื่อง ร่างอวบอิ่มเกินวัยของแม่หมอพยากรณ์จึงกระเด้งกระดอนสะท้านไปมา เต้านมอวบเด้งกระเพื่อมขึ้นลงราวกับเรือน้อยในทะเลคลั่ง

ชายหนุ่มกัดฟันกรอดส่งเสียงซี้ดขณะที่คาร่าส่งเสียงหวีดร้องสุขสม ร่องสวาทที่ฟิตแน่นตอดตุบระรัวใส่ไม่หยุดยั้งด้วยหิวโหยอยากเสพรับน้ำกามของเขาเข้าไปในร่าง และคาร่าก็คงจะได้สมหวังหากว่ามีอาที่นอนอยู่ด้านข้างไม่โผร่างขึ้นมาผลักร่างของแม็กจนหลุดออกจากร่างของคาร่าเสียก่อน

มีอาซึ่งนอนรอคอยอยู่ด้านข้างแปลงร่างเป็นแม่เสือสาวในฤดูผสมพันธ์ไปเรียบร้อยแล้ว เธออดทนรอคอยจนคาร่าเสร็จสมก็นานเกินรอแล้ว เธอจึงไม่อาจอดใจรออีกต่อไป มีอาลุกขึ้นมาผลักร่างของแม็กจนลงไปนอนหงายบนพื้นดิน แล้วขยับมานั่งคร่อมขย่มอย่างรวดเร็ว

เธอจับของเขาใส่เข้าไปร่างแล้วทิ้งตัวขย่มลงมา จากนั้นก็เด้งขึ้นแล้วขย่มลงซ้ำไปซ้ำมา ความเสียวซาบซ่านทำให้เด็กสาวลูกหัวหน้าเผ่าสะบัดใบหน้าไปมาอย่างเร่าร้อน เธอเร่งขย่มด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดเท่าที่มี ทั้งยังจับสองมือของเขาให้มาบีบเคล้นขยี้ทรวงอกที่เด้งขึ้นลงของเธอ

แม็กตอบสนองด้วยการช่วยบีบขยี้ปทุมถันคู่งามพลางเด้งสะโพกขึ้นรับเป็นจังหวะ เสียงซี้ดซ้าดสุขสมจึงแว่วออกมาจากริมฝีปากของเด็กสาวอย่างต่อเนื่อง จวบจนกระทั่งเมื่ออารมณ์ของหนุ่มสาวถึงขีดสุด มีอาก็แอ่นตัวส่งเสียงร้องวี้ดออกมาสุดเสียง

แรงตอดหนุบทำให้แม็กอดทนไม่ไหวต้องส่งเสียงร้องโอยออกมา เขาปลดปล่อยน้ำรักกระฉูดเข้าไปในร่องของเด็กสาวลูกหัวหน้าเผ่าด้วยความรู้สึกสุดกลั้น ก่อนที่ทั้งคู่จะนอนแนบกายกอดก่ายส่งเสียงครางหอบกระเส่า

มีอาจูบปากเขาเนิ่นนาน ดวงตาที่เธอมองเขาเต็มไปด้วยความรักร้อนแรง แต่เพียงไม่นานเธอก็โดนคาร่าขยับมาเบียดแทรกแล้วแย่งชิงตำแหน่งที่มีอาเคยอยู่ คาร่ากลายเป็นขยับขึ้นมานั่งคร่อมร่างของแม็กเอาไว้แล้วหันไปมองดูมีอาด้วยสายตาของคู่แข่งขัน

มีอายกนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้วแล้วยิ้มทะเล้นให้คาร่า ดูเหมือนมีอาจะโอ้อวดว่าเธอทำคะแนนนำไปก่อนแล้วหนึ่งคะแนน คาร่าซึ่งดวงตามืดบอดรับรู้ได้ถึงสิ่งที่มีอาทำ คาร่าจึงส่งเสียงดังฮึ แล้วหันมาจัดแจงท่าทางขยับโยกตัวขย่มใส่ชายหนุ่มด้วยลีลาที่เร่าร้อนไม่แพ้กัน

แม็กปล่อยให้คาร่าแสดงฝีมือไปก่อนช่วงหนึ่ง รอคอยกระทั่งเธอเริ่มเกร็งสะท้านใกล้เสร็จสม ก็จัดการเปลี่ยนแปลงท่วงท่า เขาจับคาร่าไปอยู่ในท่าคลานสี่ขา แล้วสอดใส่กระแทกจากด้านหลังจนคาร่าหวีดร้อง หากคราวนี้เขายังคงกระแทกใส่คาร่าอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้งจนเธอเสร็จไปอีกรอบพร้อมกับเขา

คาร่าถูกปล่อยให้นอนคว่ำหน้าก้นโด่งฟุบกับพื้นหมดเรี่ยวแรง น้ำรักสีขาวขุ่นทะลักย้อนออกมาจากร่องหลืบทีละน้อย ขณะที่ร่างงามนั้นกระตุกสะท้านด้วยความหฤหรรษ์ที่ตกค้างอยู่ในร่างเป็นระยะ

แม็กปล่อยให้คาร่านอนพักขณะขยับร่างเข้าไปหามีอาซึ่งนั่งมองเขาตาแป๋ว สองร่างกอดรัดกันอย่างแนบแน่นแล้วเสนอจูบให้แก่กัน ก่อนจะเริ่มเชื่อมต่อร่างกายเชื่อมสัมพันธ์รักรอบใหม่โดยไม่ยอมให้เสียเวลาสูญเปล่า เสียงครางของหนึ่งหนุ่มสองสาวจึงสลับกันดังสะท้านป่าในยามราตรีไปอีกเนิ่นนาน

………………………….

Share the Post:

Related Posts

ก็รปภ. เขาควยใหญ่นี่คะ

เรื่องเสียว ก็รปภ. เขาควยใหญ่นี่คะ ทักทายทุกคนค่ะ ชื่อ นุ่น นะคะ วันนี้ก็มีประสบการณ์เซ็กที่อยากจะมาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังค่ะ เป็นเรื่องราวของตัวนุ่นเอง กับยามประจำคอนโดที่นุ่นอาศัยอยู่ค่ะ ตัวของนุ่นเอง เป็นคนที่อาศัยอยู่ในเมืองพัทยาค่ะ ที่คอนโดของนุ่นเป็นคอนโดที่อยู่ลึกมาก กลางคืนจึงค่อนข้างดูอันตรายค่ะ ถึงอย่างนั้นแล้วก็ไม่เป็นปัญหากับนุ่นเท่าไหร่ เพราะแถวนั้นก็พอมีชาวบ้านอาศัยอยู่ ด้วยความที่ตัวของนุ่นทำอาชีพเป็นเด็กเอ็นน่ะค่ะ เลยทำให้ในทุก

Read More

รสสวาทหนุ่มโรงงานสุดเงี่ยน

เรื่องเสียว รสสวาทหนุ่มโรงงานสุดเงี่ยน ฉันชื่อ “มะนาว” ค่ะ เด็กบ้านนอกที่หมายมั่นอยากมาเห็นเมืองกรุงฯ ที่แสนศิวิไลซ์ ดังนั้น พอจบ ม.6 ที่บ้านนอกแล้ว เลยไม่ได้เรียนต่อ ประกอบกับ ป้าของฉันที่เปิดร้านอาหารตามสั่งอยู่แถวๆ สามโคกที่ปทุมก็อยากให้มาขายของด้วย เพราะที่นี่มีโรงงานและค่อนข้างขายดีมากๆ จนบางครั้งแกก็ขายไม่ทัน เลยอยากให้ฉันมาขายก๋วยเตี๋ยว โดยให้เงินลงทุน ที่หลับที่นอน

Read More