XO ตอนที่ 13 – ฝันร้าย

XO ตอนที่ 13 – ฝันร้าย

XO ตอนที่ 13 – ฝันร้าย

             ………………………. แม็กลืมตาตื่นขึ้นมาในกระโจมที่มีแสงไฟสลัว นี่เป็นกระโจมของแม่หมอพยากรณ์ หรือก็คือซิบิลคาร่า เวลานี้เขานอนอยู่ในสิ่งที่เหมือนกองฟาง เพียงแต่มันให้ความรู้สึกนุ่มอุ่นสบายและไม่คันกระด้าง เรียกได้ว่าที่นอนขนเป็ดราคาแพงที่บ้านเขาก็ยังสู้ไม่ได้

เมื่อมองออกไปด้านนอกก็ได้พบว่าท้องฟ้ามืดแล้ว แต่ยังมีแสงจากกองไฟสาดส่องลอดช่องทางเข้าของกระโจมเข้ามาแวบวับ ตามด้วยเสียงกลองที่กระหน่ำระรัวเร็วจนหัวใจของเขาแทบเต้นตามไปด้วย

แม็กลุกขึ้นยืนแล้วบิดขี้เกียจ เขาพบว่าเขาเปิดหน้าจอของระบบไม่ได้อีกแล้ว แต่อย่างน้อยก็ยังดีที่รู้สาเหตุแล้วว่าเป็นเพราะอะไร เพียงแต่ที่ยังสงสัยอยู่ก็คือพวกบรรดาทักษะ หรือเผ่าพันธุ์อะไรทั้งหลายนั่น จะส่งผลต่อตัวเขามากแค่ไหน เพราะเขาไม่รู้สึกว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย

ตึง ตึง ตึง อย่างไรก็ตามเสียงกลองที่เร่ง
ระรัวก็ได้เรียกความสนใจของเขาไปได้ แม็กเดินตามเสียงกลองออกไปทางช่องว่างของกระโจม ก่อนจะยืนนิ่งตะลึงไปกับภาพที่ได้เห็น

ที่ด้านนอกกระโจมนั้นมีกองไฟกองใหญ่ซึ่งลุกโชดช่วงไปด้วยอัคคีสูงกว่าห้าเมตร บริเวณรอบกองไฟมีเหล่าชนเผ่ากีร่าซึ่งหน้าตาและรูปร่างดูดี ทุกคนคล้ายกับนายแบบนางแบบผิวสีชาวละติน ทั้งยังมีเยอะนับร้อยชีวิต

พวกเขากำลังเต้นรำสะบัดแขนขายักย้ายส่ายสะโพกอย่างเร่าร้อนไปตามจังหวะเสียงกลอง ผู้ชายพยายามโอบกอดสตรีที่ชื่นชอบ ฝ่ายหญิงสาวก็แอ่นอกแอ่นเอวอวดเผยความหนั่นแน่นเหมือนจะประกาศว่าเธอเป็นแม่พันธุ์ชั้นดีคนหนึ่ง อะไรบางอย่างทำให้แม็กรู้สึกว่านี่เป็นการเต้นรำเพื่อยั่วยวนเรียกหาเพศตรงข้าม

แม่หมอพยากรณ์คาร่ายืนเด่นอยู่ตรงนั้นบนหินก้อนใหญ่ เธอยกสิ่งที่คล้ายกับคฑาเวทย์มนตร์ขึ้นพร้อมกับส่งเสียงร้องเพลงด้วยท่วงทำนองประหลาดชวนฟัง เหล่าชนเผ่ากีร่าก็ส่งเสียงร่ำร้องคลอเคลียไปกับเสียงร้องของคาร่าราวกับเมามาย

เมื่อสิ้นเสียงเพลง กลองหนังก็ถูกตีระรัวตูม ๆ จนหัวใจคนฟังแทบเด้งกระเด็นกระดอน ก็ปรากฎบุรุษชาวกีร่าท่าทางแข็งแรงกำยำสองคนเดินออกมาจากฝูงชนคนละด้าน ฝ่ายหนึ่งถืออาวุธที่เหมือนจะเป็นขวานซึ่งทำจากหิน ส่วนอีกฝ่ายนั้นถือไม้ท่อนยาวคล้ายทวน และทั้งสองก็จัดได้ว่าหล่อเหลาเป็นนายแบบให้สาวกรี๊ดได้สบาย

ชายทั้งสองหันมายกมือแนบอกให้กับคาร่าบนหินก้อนใหญ่ นั่นคล้ายกับการแสดงความเคารพ จากนั้นชายที่ถือท่อนไม้ก็หันไปทำความเคารพชายผมขาวอีกคนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งต่ำกว่าแม่หมอพยากรณ์เล็กน้อย โดยที่ชายถือขวานหินทำเมินเฉยไม่ยอมทำความเคารพ ชายผมขาวที่น่าจะมีตำแหน่งสูงในชนเผ่านั้นจึงขมวดคิ้วแสดงท่าทีไม่พอใจออกมา

จากนั้นนักรบทั้งสองก็หันไปยกมือแนบอกให้แก่กันและกันเหมือนจะแสดงความเคารพกันเอง แล้วทั้งคู่ก็เริ่มหยิบฉวยอาวุธออกมาตั้งท่าเตรียมต่อสู้ฆ่าฟันกัน

เสียงกลองกลายเป็นระรัวเร็วถี่ยิบกว่าเดิม ขณะที่ทั้งคู่พุ่งเข้าหากันด้วยความเร็วราวกับสัตว์ป่า แม็กซึ่งยืนชมอยู่ด้านนอกยังรู้สึกได้ถึงความรวดเร็วนั้น แต่ว่านั่นยังเป็นแค่เพียงการเริ่มต้น ทั้งคู่ต่างสะบัดเหวี่ยงอาวุธเข้าใส่อีกฝ่ายอย่างรวดเร็วแม่นยำ หากทว่าอีกฝ่ายก็ยอดเยี่ยมเท่าเทียมกัน ต่างสามารถหลบหลีกหรือป้องกันการโจมตีได้อย่างดีเยี่ยม

การเคลื่อนไหวเหล่านั้นไม่ได้สวยงามเหมือนกับในภาพยนต์กำลังภายใน ทุกการเคลื่อนไหวไม่ได้สวยงาม หากทว่าทุกการเคลื่อนไหวล้วนแล้วแต่รวดเร็ว เรียบง่าย และทรงพลัง นั่นคล้ายกับสัตว์ป่าที่สะบัดเขี้ยวเล็บเข้าใส่กันโดยไม่สนภาพลักษณ์

แม็กลืมตาค้างชมดูการต่อสู้ราวกับต้องมนต์สะกด เขาไม่รู้ว่าความสามารถระดับนี้เรียกว่าเก่งกาจหรือไม่ แต่หากให้เทียบแล้ว เขาคิดว่าการเคลื่อนไหวของชนเผ่ากีร่าทั้งสองคนนี้ร้ายกาจกว่าการเคลื่อนไหวของไอ้บ้ากล้ามสตรองหลายเท่า ทั้งที่สตรองเองก็ดูเหมือนจะเป็นคนดังในเมืองเริ่มต้นอยู่บ้าง ดังนั้นชนเผ่าพวกนี้ควรจะเก่งกาจกว่าผู้เล่นระดับธรรมดาหลายขั้น

ยิ่งมองดูเขาก็ยิ่งรู้สึกเพลิดเพลินตื่นเต้น สองร่างนั้นพุ่งฉวัดเฉวียนเข้าหากันอย่างรวดเร็วราวกับภูติผี มีจังหวะหนึ่งที่ทั้งคู่กระโดดขึ้นไปฟาดฟันกันบนอากาศซึ่งอยู่สูงจากพื้นขึ้นไปมากกว่าห้าเมตร ก่อนจะลงมาแล้วพุ่งเข้าหากันใหม่อีกราวกับสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้

อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วฝ่ายที่ถือขวานหินก็เป็นฝ่ายได้ชัยไป โดยสามารถกระแทกจนอาวุธของอีกฝ่ายหักได้ ตามด้วยการเตะใส่เข้ากลางอกจนอีกฝ่ายลอยละลิ่วไถลกับพื้นไปไกลเกือบห้าเมตร ก่อนจะกระอักเลือดแล้วนอนนิ่งไม่ทราบว่าเป็นหรือตาย

ผู้ชนะยกขวานหินในมือขึ้นแล้วส่งเสียงโห่ร้องประกาศชัยชนะ ขณะที่เหล่าฝูงชนก็พากันร้องเพลงเฉลิมฉลองให้ ส่วนผู้แพ้ที่นอนนิ่งไม่ไหวติงนั้น มีชาวเผ่าสองคนวิ่งเข้าไปหอบหิ้วออกมาจากรอบกองไฟเพื่อรักษาพยาบาล

จังหวะนี้เองที่มีเด็กสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งเดินมาจับแขนของแม็กแล้วยิ้มละไม เขาจดจำได้ว่านั่นคือเด็กสาวที่เคยยื่นข้อเสนอเป็นคู่นอนให้เขาในวันแรกที่เข้ามา ชายหนุ่มจึงได้แต่เดินตามไปด้วยความงุนงง ก่อนจะพบว่าเด็กสาวได้พาเขามานั่งที่ด้านข้างของแม่หมอพยากรณ์ และที่นั่นก็มีเซเฟียนักรบสาวสวยนั่งดื่มกินอยู่แล้ว เขาจึงเดานี่คงเป็นที่นั่งอาคันตุกะ

เด็กสาวคนนั้นถือวิสาสะนั่งข้างเขา แล้วจัดเตรียมถาดอาหารให้ราวกับเป็นเด็กรับใช้ส่วนตัว แม็กจึงหันไปขอบคุณ แล้วยกมือขึ้นทักทายเซเฟีย แต่เธอไม่ทักตอบ เพียงแค่หันมามองดูเขาอย่างเย็นชาแล้วหันกลับไปยกเนื้อในถาดขึ้นมาเคี้ยวด้วยท่วงท่าเหมือนชายชาตรี ส่วนแม่หมอพยากรณ์นั้นแม็กไม่สะดวกที่จะทักทาย เพราะเธอกำลังยกชูคฑาเวทย์แล้วกล่าวอะไรบางอย่างกับชนเผ่า

กระนั้นอีกเพียงครู่เดียว แม่หมอก็ชี้คฑามาทางเขา แล้วกล่าวอะไรบางอย่าง จากนั้นชนเผ่าทั้งมวลก็หันมามองดูเขาเป็นสายตาเดียวกันจนเขาได้แต่ชะงักนิ่ง ไม่รู้ว่าควรตอบสนองต่อเหตุการณ์อย่างไร

“เจ้าบื้อ … ยืนตัวตรง ยกมือขึ้นแนบอก ทำความเคารพตอบซะ”

ยังดีที่เซเฟียช่วยบอกว่าเขาควรทำอย่างไร แม็กจึงยืนตัวตรงยกมือขึ้นแนบอกเหมือนที่นักรบสองคนเมื่อครู่เพิ่งทำให้เห็น เหล่าชนเผ่าที่จ้องมองมาจึงทำท่าเดียวกัน แล้วส่งเสียงโห่ร้องเหมือนจะบอกว่ายินดีต้อนรับ

“ขอบคุณ … พวกเขากำลังฉลองอะไรกันเหรอ?”

เมื่อทุกคนเริ่มหันไปมองแม่หมอพยากรณ์ แม็กก็ขยับลงไปนั่งข้าง ๆ เซเฟียซึ่งยังว่างอยู่ และเขาเดาว่านี่คงเป็นที่นั่งของเขา

“ไม่ได้มีอะไรพิเศษ นี่เป็นเพียงการเต้นรำรอบกองไฟที่มีกันทุกวัน แต่ที่มีการต่อสู้กันเมื่อครู่ เป็นการแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้านักล่า และหัวหน้าคนเก่ายังได้ครองตำแหน่งต่อไป”

“อ้อ … ระดับหัวหน้าซินะ ถึงว่าซิ เก่งเวอร์แบบไอ้บ้ากล้ามสตรองนั่นเทียบไม่ติดเลย”

“ไม่หรอก ชนเผ่ากีร่าต่างก็มีพลังฝีมือใกล้เคียงกัน ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย หัวหน้าคนนี้ก็แค่เก่งกว่าปกตินิดหน่อย แต่หากเทียบกับพวกนักผจญภัยที่อ่อนด้อยเช่นพวกเจ้าแล้วก็ถือว่าเป็นระดับสูงกว่ามากเชียวล่ะ”

เซเฟียสนทนาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ทั้งยังแอบแขวะใส่นักผจญภัย หรือผู้เล่นเช่นแม็กเล็กน้อย จึงพอจะคาดเดาได้ว่าเธอไม่ค่อยรู้สึกดีกับผู้เล่นสักเท่าไหร่นัก

แม็กไม่ใช่พวกถือศักดิ์ศรีอะไรพวกนี้ เขาจึงไม่ได้รู้สึกรู้สากับคำเสียดสีที่เซเฟียใช้ เวลานี้เขาเพียงคิดว่าควรสนทนาอย่างไร จึงจะสามารถใกล้ชิดเปิดใจเซเฟียได้ และจากประสบการณ์จีบสาวที่ผ่านมาไม่น้อย ทำให้เขาคิดว่าควรใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เธอยึดติด

“อืม เก่งจริง ๆ นั่นแหละ แต่ดูเหมือนว่าเซเฟียจะเก่งกว่าเยอะนะ”

แม็กหยอดคำชมที่เธอน่าจะชอบเพื่อลองเชิง และดูเหมือนว่าจะได้ผล เพราะเซเฟียยิ้มแย้มน้อย ๆ เหมือนจะบอกว่ารู้ก็ดีแล้ว จากนั้นท่าทีเย็นชาก็ลดลงเล็กน้อย แม็กจึงคิดจะพูดคุยเพิ่มความสนิทสนมอีกสักเล็กน้อย แต่ว่าเด็กสาวชนเผ่ากีร่าที่นั่งข้าง ๆ ขยับเบียดเข้ามาจนแขนแนบแขน แล้วเธอก็หยิบเนื้อย่างชิ้นหนึ่งยื่นให้คล้ายกับต้องการจะขัดจังหวะไม่ให้เขาได้สนิทกับเซเฟีย

แม็กหันไปมองแล้วพยักหน้าแสดงความขอบคุณ ก่อนจะรับถาดอาหารมาแล้วลงมือสวาปามทันที เพราะรู้สึกเหมือนใช้เรี่ยวแรงกับเรื่องราวที่ผ่านมาไปเยอะ แต่กลืนลงท้องไปได้ไม่เท่าไหร่ เขาก็เห็นนักรบที่เพิ่งสู้ชนะเมื่อครู่ชี้ขวานหินมาทางที่เขานั่งอยู่ และสายตาของชนเผ่าทุกคนก็กำลังมองมาทางนี้อีกครั้ง

แม็กหยุดเคี้ยวเนื้อสัตว์หอมหวานในปากแล้วนิ่งอึ้งอยู่ในท่วงท่าที่น่าขบขัน เขารู้สึกว่านั่นคล้ายกับการท้าสู้ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ดี ๆ นักรบคนนั้นถึงมาท้าสู้เขา

“ไม่ต้องตกใจไป เจ้านั่นไม่ได้ท้าสู้กับเจ้า มันท้าสู้กับข้า เพราะต้องการให้ข้าไปเป็นผู้หญิงของมัน”

เซเฟียเหมือนจะรู้ว่าแม็กกำลังตกใจ เธอจึงพูดอธิบายออกมา ตอนนี้แม็กจึงค่อยรู้สึกได้ว่าจริง ๆ แล้ว เจ้านักรบนั่นไม่ได้มองทางเขา แต่กำลังมองไปทางหุ่นเพรียวกระชับน่าฟัดของเซเฟียด้วยสายตาหื่นกามต่างหาก

“เดี๋ยว ๆ มีทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอ อยู่ดี ๆ ก็จะบังคับให้สู้เนี่ยนะ แถมยังจะยังคับให้เป็น … ”

“ไม่หรอก นั่นเป็นเพียงการประกาศให้รู้ ฝ่ายหญิงมีสิทธิตอบรับหรือปฏิเสธก็ได้ ไม่จำเป็นต้องลงไปต่อสู้ แต่หากมีการประกาศแบบนี้แล้ว จะเป็นการบอกกลาย ๆ ว่าผู้ชายคนอื่นห้ามข้องเกี่ยว หากผู้ชายคนไหนต้องการผู้หญิงคนเดียวกัน ก็ต้องเอาชนะคนที่ประกาศให้ได้เสียก่อน แล้วค่อยเข้ามาพูดคุยด้วย”

“อืม งั้นก็ดีไป สรุปว่าไม่ต้องสู้ก็ดีแล้ว”

“อืม ก็คงดีสำหรับผู้หญิงทั่วไปล่ะนะ แต่ข้าทนไม่ได้หรอก ที่จะโดนใครประกาศว่าข้าเป็นคนของมัน”

เซเฟียหันมายิ้มที่มุมปากแล้วลุกขึ้นเดินเยื้องย่างด้วยท่วงท่าราวกับนางแมวป่าลงไปหานักรบคนนั้น ท่วงท่าของเธอประกาศออกมาอย่างชัดเจนว่าเธอไม่ยอมรับ และขอยอมรับคำท้าสู้

เสียงโห่ร้องของชนเผ่ากีร่า และเสียงกลองหนังฮือโหมขึ้นมาอีกครา เวลานี้แม็กจึงเริ่มหวั่นวิตกแล้ว แม้ว่าเขาจะแกล้งพูดชมเซเฟียว่าเธอเก่งกว่าชนเผ่า แต่ความจริงแล้วเขาไม่แน่ใจในเรื่องนี้นัก เพราะเท่าที่เห็นการต่อสู้เมื่อครู่ นักรบของชนเผ่าคนนั้นเรียกได้ว่าแข็งแกร่งมาก เรียกได้ว่าหากไปอยู่ในโลกข้างนอกก็คงสามารถใช้มือเปล่าจัดการกับเสือโคร่งตัวใหญ่ได้สบาย ๆ

อย่างไรก็ตาม เซเฟียได้เดินลงไปแล้วด้วยความมั่นใจ แม็กจึงได้แต่แอบลุ้นว่าเธอจะไม่พ่ายแพ้ ไม่เช่นนั้นหากต้องโดนนักรบคนนั้นสอยไปก่อน เขาคงต้องเสียดายแย่

การต่อสู้เริ่มด้วยการทำความเคารพแม่หมอพยากรณ์ ทำความเคารพหัวหน้าเผ่าซึ่งนักรบคนนั้นไม่ยอมทำเช่นเคย จากนั้นทั้งคู่ก็ทำเคารพกันและกัน แต่ว่าเซเฟียลงไปมือเปล่าไม่ถืออาวุธ ทั้งยังตั้งท่าด้วยมือเปล่าเหมือนไม่เห็นว่าอาวุธจะเป็นสิ่งจำเป็น ด้านนักรบที่ถือขวานหินอยู่จึงโยนขวานในมือลงไปบนพื้น แล้วเดินย่างสามขุมเข้ากดดันด้วยท่วงท่าเหมือนกับเสือตัวใหญ่เข้าล่าเหยื่อ

แม้ว่าแววตาที่จับจ้องมองดูทรวดทรงของเซเฟียจะเต็มไปด้วยความหื่นกระหาย หากทว่านักรบคนนั้นก็ยังไม่ผลีผลามพุ่งเข้าหา คล้ายกับจะพอรู้อยู่บ้างว่าเซเฟียนั้นไม่ธรรมดา ด้านเซเฟียเองก็ยืนผ่อนคลายไม่มีท่าทีกดดันหรือทุกข์ร้อนอันใด กลับเป็นฝ่ายนักรบคนนั้นเสียอีกที่ดูจะเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด

หลังจากเดินจด ๆ จ้อง ๆ อยู่พักใหญ่ สุดท้ายนักรบคนนั้นก็ขยับตัวหลอกล่อเล็กน้อย แล้วย่อตัวพุ่งวูบเข้าหาเซเฟียด้วยความเร็วสูงราวกับเสือพุ่งหาเหยื่อ นั่นเป็นความรวดเร็วราวกับลมพัดจนแทบมองตามไม่ทัน

พล่อก!!! เสียงกระแทกเสียงหนึ่งดังขึ้นขณะที่ทุกคนเพิ่งตกใจกับความเร็วของนักรบหนุ่ม หากทว่าเสียงนั้นคือเสียงกำปั้นของเซเฟียกระแทกเข้ากับขมับของนักรบคนนั้น เธอเพียงเบี่ยงตัวหลบเล็กน้อย แล้วสวนกลับอย่างแม่นยำราวกับว่าความเร็วที่คนอื่นแตกตื่นนั้นช่างเชื่องช้าราวกับเต่าคลาน

เมื่อสิ้นเสียงกระแทก นักรบหนุ่มคนนั้นก็ยืนส่ายโงนเงนราวกับเมามาย แล้วค่อยล้มกลิ้งลงไปบนพื้นดินอย่างหมดสภาพ ร่างแกร่งกำยำเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อนั้นกระตุกเฮือก ๆ สองสามครั้ง ก่อนจะนอนแน่นิ่งสลบเหมือดไป

เหล่าชนเผ่าที่อยู่รอบกองไฟต่างเงียบกริบ ทุกคนได้แต่นั่งนิ่งมองดูเซเฟียยกมือแสดงความเคารพต่อแม่หมอพยากรณ์แล้วเดินกลับมายังที่นั่ง และเป็นแม็กซึ่งส่งเสียงโห่ร้องปรบมือชื่นชมทั้งที่ยังคงปากอ้าตาค้าง เหล่าชนเผ่าที่เหลือจึงค่อยตื่นจากภวังค์แล้วหันมาส่งเสียงโห่ร้องแบบไม่เต็มเสียงนัก เพราะว่านักรบที่แกร่งที่สุดของชนเผ่าพ่ายแพ้ต่อสตรีนอกเผ่าคนหนึ่งง่ายดายเกินไป

“หน้าไม่อาย เจ้าไม่รู้สึกเสียศักดิ์ศรีชายชาตรีบ้างหรือไง ที่เห็นผู้ชายพ่ายแพ้ แล้วมาปรบมือชื่นชมสตรีเช่นข้า”

เซเฟียขยับมานั่งพร้อมกับปั้นหน้าบึ้งใส่แม็ก เขาจึงได้แต่เอียงคอไปมาด้วยความงุนงง ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องอับอายอะไรด้วย

“ทำไมต้องอายด้วยล่ะ? เก่งก็คือเก่ง ไม่เห็นเกี่ยวว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย”

น้ำเสียงที่ดูจริงจังไม่แปลกปลอมนั้น ทำให้สีหน้าของเซเฟียทอประกายแปลกประหลาด เธออยู่ในโลกที่มองว่าผู้ชายเป็นใหญ่ และนั่นเป็นความคิดที่เธอต่อต้าน หากทว่าฟังจากสิ่งที่เขาพูดแล้ว เธอคิดว่าเขาไม่ได้มีแนวคิดแบ่งแยกชายหญิงเช่นนี้ ใบหน้าที่บึ้งตึงจึงกลายเป็นยิ้มน้อย ๆ โดยไม่รู้ตัว

“เจ้าคิดได้แบบนั้นก็ดีแล้ว”

เซเฟียพยายามพูดเสียงแข็ง หากทว่าน้ำเสียงที่ออกมากลับแว่วหวานชวนฟัง แม็กซึ่งผ่านเรื่องนี้มาไม่น้อยจึงเริ่มจะจับจุดความคิดบางอย่างของเซเฟียได้ และเขาก็เตรียมที่จะใช้จุดนี้เพื่อตีสนิทกับนักธนูสาวแสนสวยคนนี้

หลังจากการต่อสู้ ก็เป็นการเต้นรำ เหล่าหนุ่มสาวที่ยังมีเรี่ยวแรงต่างลุกขึ้นมาสะบัดแขนขาด้วยท่วงท่าร้อนแรง บุรุษแต่ละคนมีเสน่ห์ที่ผู้หญิงต้องมอง สตรีแต่ละคนก็มีเสน่ห์ที่ผู้ชายต้องมองตาม พวกเขาและเธอแต่ละคนราวกับวัตถุไวไฟที่พร้อมจะเสพสมกับใครก็ได้ที่ถูกใจ

แม็กที่หน้าตาดีก็โดนผู้หญิงของชนเผ่ามาเกี้ยวพาราสีเช่นกัน แต่ทุกคนที่เข้ามาจะโดนเด็กสาวที่นั่งข้างเขาออกปากไล่ไปจนหมด เธอคนนั้นดูจะมีอำนาจพอสมควรในชนเผ่า ผู้หญิงคนอื่นจึงได้เกรงใจเธอพอสมควร และเธอยังไม่ละความพยายาม เธอเข้ามากอดและงับต้นคอของเขาเพื่อสื่อว่าเธอต้องการเขาอีกครั้ง

เด็กสาวคนนั้นยังคงมีดอกไม้สีแดงที่ข้างหูอันเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่ายังบริสุทธิ์ไร้ราคี แววตาของเธอช่างหวานฉ่ำร้อนแรงเปี่ยมด้วยความต้องการ ร่างกายวัยสาวที่อวบอิ่มเต่งตึงเบียดแซะเข้าหาจนแม็กรู้สึกตื่นตัวแทบอยากจูบตอบกลับไปในทันที หากทว่าที่ย่ำแย่ก็คือเขาพบว่าสายตาของเซเฟียกำลังมองดูเขาอยู่

แม็กกลืนน้ำลายลงคอดังอึก เขายอมรับว่าเด็กสาวคนนี้สวยน่ารักไม่เลว อาจจะหน้าตาดูดีที่สุดในชนเผ่า หากไม่นับรวมคาร่าเข้าไปด้วย ทรวดทรงองค์เอวก็พร้อมใช้งาน และเท่าที่เซเฟียเคยบอกนั้น เขาสามารถมีอะไรได้โดยไม่มีข้อผูกมัด เขาจึงแทบอยากตอบสนองสอนเกมกามให้เด็กสาวจนแทบคลั่ง หากทว่าเป้าหมายที่สวยเซ็กส์ซี่กว่าอย่างเซเฟียกำลังจับจ้องมองดู

แน่นอนว่าเขาสามารถตอบรับและลากเด็กสาวคนนี้ไปจัดการเสียให้สมอยากเลยก็ได้ แต่ว่าสัญชาตญานนักรักบ่งบอกว่าเขาว่า หากทำแบบนั้นโอกาสที่จะได้จัดการเซเฟียคงหลุดลอยไป ส่วนแม่หมอพยากรณ์คาร่านั้นเขาไม่แน่ใจนักว่าเธอจะคิดกับเรื่องนี้อย่างไร เพราะเธอน่าจะมองเห็นการกระทำของเขาผ่านทางทักษะพยากรณ์อย่างแน่นอน

สุดท้ายเขาก็ได้แต่แสดงท่าทีตอบปฏิเสธไปทั้งที่ความเป็นชายกำลังแข็งตัวโด่เด่อยู่ในเป้ากางเกง เด็กสาวที่นั่งอยู่บนตักก็ดูจะสัมผัสถึงความต้องการของเขาที่เบียดแน่นอยู่กับสะโพกของเธอได้ เธอจึงมองเขาด้วยสายตาตัดพ้อ แล้วหันไปมองดูเซเฟียด้วยสายตาไม่พอใจ ก่อนจะสะบัดหน้าวิ่งหนีหายเข้าไปในป่า เด็กสาวคล้ายจะรู้ว่าเขาไม่เลือกเธอเพราะเซเฟีย

“จะดีเหรอ เด็กคนนั้นสวยน่ารักกว่าใครเชียวนะ น่าจะสวยน่ารักกว่าทุกคนในชนเผ่าเลย เธอชื่อมีอา ผู้ชายทุกคนอยากเป็นชายคนแรกของเธอกันทั้งนั้น”

เซเฟียมองมาด้วยสายตาที่ไม่ทราบความหมาย เธอพูดคล้ายกับจะสนับสนุนให้เขาตอบรับเด็กสาวคนนั้น แต่แม็กกลับรู้สึกว่าน้ำเสียงนั้นดูจะพออกพอใจในสิ่งที่เขาทำลงไปมากทีเดียว

“สวยน่ารักกว่าใครในชนเผ่างั้นเหรอ?”

แม็กหันไปถามกลับด้วยความงุนงง เพราะเท่าที่เขาเห็น ยังไงแม่หมอพยากรณ์คาร่าก็สวยโดดเด่นกว่าใครในชนเผ่า ยกเว้นก็แต่เธอสวมใส่ผ้าคลุมสีดำปิดหน้าปิดตาไว้ตลอดเวลาเหมือนเจตนาจะปิดบังความงามของเะอ เขาจึงค่อยได้ฉุกใจคิดว่าเซเฟียอาจจะไม่เคยได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของคาร่า

“ใช่ อยากเปลี่ยนใจก็ยังทันนะ วิ่งตามเธอไปซิ นั่นน่ะเป็นลูกสาวของหัวหน้าเผ่าที่มีอำนาจเป็นรองแค่แม่หมอพยากรณ์คนเดียว”

“ไม่เปลี่ยนใจหรอก ตอนนี้ผมมีเป้าหมายเป็นคนอื่นอยู่”

เซเฟียคล้ายพยายามจะพูดให้เขาเปลี่ยนใจ แต่ว่าแม็กยังคงส่ายหน้ายืนกราน ทั้งยังมองกลับด้วยสายตาร้อนแรงจนเซเฟียหน้าแดงและหลบสายตาไปทางอื่น

ที่เขายืนกรานตัดสินใจเช่นนั้น เพราะเขาเชื่อว่าต่อให้คืนนี้วืดจากเซเฟียไป ยังไงเขาก็น่าจะได้เจอกับแม่หมอคาร่าอีก เขามั่นใจว่าคาร่าได้ลิ้มรสสวาทของเขาเข้าไปแล้ว จะอย่างไรก็ต้องติดใจอยู่บ้าง เขาจึงคอยลอบหันไปส่งสายตาให้กับคาร่าบ่อยครั้ง หากทว่าคาร่าแทบไม่ได้มองมาทางเขาอีกเลยแม้แต่ครั้งเดียว จนแม็กเริ่มวิตกว่าคืนนี้เขาต้องนอนอ้างว้างเพียงลำพังหรือไม่

ระหว่างนั้นก็มีหนุ่มสาววัยสิบแปดสิบเก้าราวสิบกว่าคนมายืนที่ด้านหน้าของแม่หมอคาร่า เซเฟียบอกให้เขาเดินลงไปด้วยเพื่อร่วมพิธีเบิกเนตรไพรีที่ถือเป็นการฝึกนักล่า แม็กจึงเดินลงไปด้วยความงุนงง เขาได้แต่ยืนนิ่งรับฟังภาษาชนเผ่าที่ไม่เข้าใจอีกสักพักใหญ่ ก่อนจะแยกย้ายกลับมานั่งที่เดิม รู้แต่ว่าเขาคงจะเพิ่งลงทะเบียนเข้าพิธีอะไรสักอย่างไปแล้ว

อย่างไรก็ตามหลังจากเข้ารับพิธีนี้ หน้าจอของระบบที่เคยโดนปิดผนึกไว้ก็เด้งขึ้นมาให้เห็นอีกครั้ง เขาจึงค่อยทราบว่าเงื่อนไขคงเป็นเรื่องการเข้าพิธีเบิกเนตรไพรีนี่เอง

งานฉลองรอบกองไฟประจำวันจบลงหลังจากนั้นไม่นาน บางคนยังร้องรำทำเพลงกันรอบกองไฟ บางคนเริ่มแยกย้ายกันออกไป เหล่าหนุ่มสาวจับคู่จูงมือเข้าไปในป่ากันทีละคนสองคน แม้แต่แม่หมอคาร่าก็หายไปไหนไม่รู้ แม็กจึงได้แต่มองซ้ายมองขวาด้วยความงุนงงสงสัยว่าคืนนี้เขาจะนอนที่ไหน

“งานเลี้ยงเลิกแล้ว พรุ่งนี้ให้มาที่นี่ตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อเริ่มพิธีเบิกเนตรไพรี เจ้าจะได้ฝึกการเป็นนักล่าจากผู้ฝึกสอน สำหรับที่นอนเจ้าจะไปนอนที่ไหนก็ได้ หากเจ้าของกระโจมไม่ไล่ออกมา แต่ห้ามเข้าใกล้กระโจมของแม่หมอ กับหัวหน้าชนเผ่า เพราะจะมีนักรบเฝ้าอยู่ … ส่วนข้ายังต้องรอสนทนากับแม่หมอพยากรณ์อีกหน่อย หลังจากนี้ข้าจะไปนอนที่กระโจมข้างน้ำตก และขอห้ามไม่ให้เจ้าตามมาเด็ดขาด ตอนนี้เจ้าไปหาที่นอนเองได้แล้ว”

เซเฟียออกปากไล่แขกแล้วนั่งนิ่งเพื่อรอคอยแม่หมอคาร่า ตอนนี้แม็กจึงได้แต่นั่งนิ่งไม่รู้ว่าจะไปนอนที่ไหน เพราะมองไปที่กระโจมของคาร่าก็พบว่ามีนักรบสูงอายุหุ่นล่ำบึ้กสองคนยืนเฝ้าอยู่ เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าหากขอเข้าไปหา จะโดนปฏิเสธอย่างเย็นชาหรือไม่

แม็กยังคิดอะไรไม่ออก เขาจึงคิดจะปักหลักนั่งคุยกับเซเฟียไปก่อน อย่างน้อยเขาอาจจะตะล่อมให้เธอเลิกสร้างกำแพงขวางกั้นระหว่างเขาและเธอลงไปบ้าง แต่ระหว่างนั้นเองที่เขารู้สึกเหมือนมีอะไรมาสะกิดโดนแขนของเขาเข้า

แม็กหันไปมองดูโดยรอบด้วยความสงสัย ก่อนจะสังเกตเห็นเด็กสาวชื่อมีอาที่เขาเพิ่งปฏิเสธไปกำลังยืนแอบหลบอยู่ที่กระโจมด้านหลังของเขา เธอค่อย ๆ แอบโผล่หน้าออกมาพร้อมกับโบกมือเรียกหา ทำท่าเหมือนกับพยายามไม่ให้เซเฟียเห็น

เขาหันไปมองดูมีอาแล้วรีบหันกลับมามองเซเฟีย ดูเหมือนว่าเซเฟียจะไม่เห็นว่ามีอาอยู่ด้านหลัง เธอเอาแต่นั่งมองดูการเต้นรำของชนเผ่าด้วยแววตาเหม่อลอย คล้ายกับมีความในใจที่หนักอึ้ง แม็กจึงตัดสินใจเบนเป้าหมายไปที่มีอาก่อนชั่วคราว แล้วค่อยวกกลับมาหาเซเฟียอีกรอบ

“ที่นี่มีห้องน้ำหรือเปล่า?”

“… ไม่มีหรอก ต้องเข้าไปในป่า”

แม็กหันไปถามเซเฟียทั้งที่พอจะคาดเดาคำตอบได้ คนป่าที่ไหนจะมีห้องน้ำ แต่นี่เป็นแค่คำถามเพื่อเปิดโอกาสให้ตัวเองได้แยกตัวออกไปก่อน และเมื่อได้ยินคำตอบเช่นนั้น แม็กก็ลุกขึ้นยืน แล้วเดินย้อนไปด้านหลังยังทิศทางที่เด็กสาวยังโบกมือเรียกหา โดยที่ระหว่างทางที่ผ่านกระโจมแต่ละหลังนั้น เขาได้ยินเสียงครวญคราง และเสียงการร่วมรักกระตุ้นจนอารมณ์หื่นตื่นขึ้นมา

แม็กแอบดูบางกระโจมด้วยความสนใจ ก่อนจะพบว่าเผ่านี้ดูจะเสรีเรื่องเซ็กส์ไม่น้อย เพราะส่วนใหญ่แล้วจะไม่ได้ร่วมรักกับแบบหนึ่งต่อหนึ่ง บางกระโจมเป็นแบบสองต่อหนึ่ง สองต่อสอง หรือสลับคู่ชู้ชื่นมั่วรักกันตามใจ เขาจึงแน่ใจว่าหากเขาสนใจ ขอแค่เพียงมุดเข้าไปในสักกระโจม เขาก็คงจะโดนเชิญชวนให้เข้าไปมั่วเซ็กส์กันด้วยอย่างแน่นอน

น่าเสียดายที่เขาไม่ค่อยมีรสนิยมแบบนั้น เขาเป็นพวกไม่ค่อยแบ่งปันผู้หญิงกับใคร เขาอาจจะมีผู้หญิงหลายคนได้ แต่เขาไม่ยอมให้ผู้หญิงของเขามีผู้ชายหลายคนเด็ดขาด เขาจึงยังคงเดินลัดเลาะผ่านกระโจมตามมีอาซึ่งเดินนำหน้าอยู่ไกล ๆ โดยเว้นระยะห่างให้คงที่ไว้ เผื่อว่าจะมีใครเห็นเข้า

กระทั่งเมื่อเดินตามไปถึงกระโจมหลังหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากกองไฟไม่มากนัก เขาก็ได้ได้เห็นว่าเด็กสาวชื่อมีอาที่ทอดสะพานให้เขาถึงสองครั้งกำลังส่ายหน้าปฏิเสธชายหนุ่มรูปร่างกำยำผู้หนึ่ง ซึ่งเขาจำได้ว่านั่นเป็นนักรบใช้ขวานหินที่สู้แพ้ต่อเซเฟียจนสลบเหมือดไป แต่ชายคนนั้นดูจะหื่นจัดจนไม่สนการปฏิเสธ จึงจัดการปิดปากแล้วฉุดกระชากลากตัวมีอาเข้าไปในกระโจมที่ไร้แสงไฟ

แม็กซึ่งตามมาห่าง ๆ ใจหายวาบ เขารีบวิ่งตามมา และน่าแปลกที่เขากลับมองเห็นในความมืดได้อย่างชัดแจ้งราวกับตอนกลางวัน เขาได้เห็นว่าเด็กสาวชื่อมีอาโดนชายคนนั้นจับกดลงไปบนพื้นแล้วคร่อมทับ ชายคนนั้นหัวเราะเสียงหื่นขณะฉีกกระชากเสื้อผ้าซึ่งทำจากต้นไม้ใบหญ้าของมีอาจนเกือบล่อนจ้อน มีอาพยายามป้องกันด้วยการผลักและข่วนแต่ทำอะไรไม่ได้มากนัก จะส่งเสียงร้องก็ไม่ได้เพราะโดนชายคนนั้นปิดปากอยู่

การปลุกปล้ำเป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่ง ไม่มีการเล้าโลมปลุกอารมณ์ ไม่มีหยอกล้อให้อีกฝ่ายพร้อมรับ การชะงักของแม็กเพียงพริบตาเดียวมีอาที่เปลือยกายล่อนจ้อนก็โดนจับถ่างขาออกเพื่อสอดใส่ และเวลานั้นเองที่แม็กตัดสินใจหยิบเอาท่อนไม้แถวนั้นขึ้นมา แล้วหวดฟาดใส่ต้นคอของนักรบคนนั้นเต็มแรง

แม็กได้เห็นความเก่งกาจของนักรบคนนี้กับตาตัวเองมาแล้ว เขาจึงไม่แน่ใจนักว่าจะสามารถทำอะไรได้ นักรบที่สามารถเหาะเหินกระโจนขึ้นไปได้ราวกับนกคงไม่กระจอกงอกง่อย เขาจึงแค่เพียงคาดหวังว่าจะสามารถถ่วงเวลาแล้วค่อยตะโกนให้คนมาช่วยในภายหลัง

อย่างไรก็ตามความคิดของเขากลับผิดพลาดทั้งหมด ไม่ทราบว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ว่าการหวดท่อนไม้ที่แสนจะธรรมดานั้นกลับพุ่งแหวกอากาศดังฟุ่บราวกับหวดแส้ และเมื่อมันสัมผัสที่ต้นคอที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของนักรบคนนั้นก็ปรากฎเสียงดังกร๊อกเหมือนอะไรแตกหัก

เสียงนั้นคือเสียงหักของท่อนไม้ในมือที่แตกกระจุยในคราวเดียว และแรงกระแทกก็ได้ทำให้ร่างสูงใหญ่กำยำของนักรบผู้นั้นหมุนคว้างขึ้นไปในอากาศสามรอบครึ่งก่อนจะร่วงหล่นลงมากระแทกพื้นนอนหมดสภาพหน้าคว่ำกับผืนดิน แล้วร่างกายนั้นก็ค่อย ๆ สลายกลายเป็นแสงหายวับไปอย่างช้า ๆ ตามกฎของเกมที่พยายามทำให้ไม่มีศพของสิ่งที่คล้ายมนุษย์ให้รู้สึกสะอิดสะเอียนนานเกินไป

ยังดีที่เสียงร้องเพลงและเสียงกลองที่ดังแว่วมาจากรอบกองไฟนั้นดังกว่า เสียงเมื่อครู่จึงไม่ได้ทำให้ใครสนใจทางด้านนี้ หลักฐานก็คือเมื่อมองไปทางรอบกองไฟผ่านทางช่องกระโจม ซึ่งห่างจากที่นี่ไปราวห้าสิบเมตร ก็ยังเห็นทุกคนเต้นรำดื่มกินกันไปตามปกติ

แม็กเบิกตาค้างหันไปมองผลงานของตัวเองด้วยความแตกตื่น เขาแทบไม่เชื่อว่านั่นเป็นการลงมือของเขาเอง เขาไม่เคยคาดว่าจะสามารถหวดจนนักรบที่แข็งแรงขนาดนั้นตายได้ในคราวเดียว และเรื่องที่เขากำลังห่วงตอนนี้ก็คือ เขาไม่รู้ว่าการฆ่า NPC แบบนี้ จะโดนแต้มฆาตกรจนตัวแดงหรือไม่

เขายืนนิ่งอึ้งไปอีกครู่ใหญ่ ก่อนที่จะพบว่าไม่เกิดสิ่งใดขึ้นกับตัวเขา ทั้งที่ปกติแล้ว หากผู้เล่นฆ่าทหารประจำเมือง ผู้เล่นเหล่านั้นจะติดแต้มฆาตกรทันที แต่การทำให้คนชนเผ่าตายไปกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หน้าจอของระบบไม่ได้บ่งบอกว่าโดนแต้มฆาตกร ทั้งยังไม่ได้ค่าประสบการณ์จากการฆ่าฟัน มีแต่เพียงค่าทักษะการฟาดที่พุ่งพรวดขึ้นมา พร้อมกับประกาศว่าเขาทำภารกิจสำเร็จ

‘ทักษะการหวดฟาดอาวุธไม่มีคม พัฒนาขึ้นไปเป็นระดับแปด’

‘ภารกิจกำราบผู้ท้าทายอำนาจหัวหน้าชนเผ่ากีร่าสำเร็จ – อำนาจของหัวหน้าชนเผ่ากีร่าถูกท้าทายโดยหัวหน้านักล่าในเผ่า มีอาลูกสาวของหัวหน้าชนเผ่าจึงมองหานักรบที่จะสามารถกำราบหัวหน้านักล่าที่ท้าทายอำนาจนี้ โดยจะเสนอความบริสุทธิ์ของเธอให้เป็นรางวัล’

ขณะที่แม็กกำลังยืนงง มีอาซึ่งเกือบโดนข่มขืนก็ลุกขึ้นมามองเขาด้วยสายตาวิบวับเทิดทูน เธอเองก็เป็นหนึ่งในชนเผ่าที่บูชาความแข็งแกร่ง และการที่ชายคนหนึ่งสามารถจัดการกับนักรบที่แกร่งที่สุดในชนเผ่าจนเสียชีวิตในคราวเดียวได้นั้นนับได้ว่าเป็นความแข็งแกร่งอย่างยิ่ง แม้ว่านั่นจะเป็นการลงมือทีเผลอจากด้านหลังก็ตามที

มีอาหันไปมองดูศพของเพื่อร่วมชนเผ่าที่ค่อย ๆ สลายกลายเป็นแสงสีขาวด้วยสายตาโกรธเคือง เธอคล้ายไม่สนใจใยดีต่อความเป็นความตายของนักรบคนนั้น ทั้งยังแสดงท่าทางยินดีเหมือนพออกพอใจเสียด้วยซ้ำ ซึ่งนั่นก็คงเป็นไปตามคำประกาศของภารกิจ เธอคงจะมองหาใครมากำราบชายคนนี้อยู่แล้ว และบังเอิญเหลือเกินที่แม็กมารับภารกิจนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ

อย่างไรก็ตามแม็กไม่ได้สนใจเรื่องราวภารกิจมากนัก เขาเพียงจับจ้องมองดูมีอาที่อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าล่อนจ้อน อวดเรือนร่างโค้งเว้าที่เต่งตึงดั่งดอกไม้แรกแย้ม ด้านเด็กสาวรับรู้ว่าเธอกำลังโดนจ้องมองเนื้อตัว แต่ชนเผ่าเช่นเธอไม่ได้มีความขัดเขินในเรื่องแบบนี้ ทั้งยังรู้สึกภูมิใจด้วยซ้ำที่ชายหนุ่มมองดูด้วยสายตาวาววับราวกับจะจับเธอไปกลืนกิน แทนที่จะปิดบังหรือหลบหลีก เธอจึงยืนนิ่งแอ่นหน้าอกแอ่นเอวอวดเรือนร่างให้เขาชมดูเสียให้หนำใจ

“มีอา”

เด็กสาวยกนิ้วขึ้นชี้ที่ตัวเอง แล้วพูดชื่อของเธอออกมา ซึ่งความจริงแม็กก็รู้ชื่อของเธอมาก่อนแล้วจึงไม่ได้ใส่ใจนัก เขาเพียงยกนิ้วขึ้นชี้ที่ตัวเอง แล้วบอกชื่อออกมา ขณะที่สายตายังคงจับจ้องมองดูหน้าอกอูมของเด็กสาว เพราะว่าเขาและเธอมีกำแพงเรื่องภาษาที่ขวางกั้นการสื่อสารอยู่

“แม็ก”

“แม็ก … มีอา … แม็ก … มีอา … เซเฟีย”

เด็กสาวยิ้มแย้มจนแก้มป่อง เธอเรียกชื่อของตัวเองและชื่อเขาสลับไปมา จากนั้นก็ชี้นิ้วไปทางรอบกองไฟแล้วเอ่ยชื่อเซเฟียออกมา จากนั้นก็ยกนิ้วสะบัดไปมาเหมือนจะสื่อว่าเซเฟียไม่เห็นที่นี่

กิริยาแค่นั้นก็บ่งบอกได้เพียงพอแล้ว มีอาไม่ได้ไร้สติปัญญาอย่างที่คนป่าเป็น เธอมองออกว่าปัญหาที่แม็กปฏิเสธเธอมาจากเซเฟีย เธอจึงแอบเรียกให้แม็กตามออกมาให้พ้นสายตาเซเฟีย จากนั้นเธอก็ยื่นข้อเสนออีกครั้ง ด้วยการโผเข้าไปกอด แล้วใช้ปากงับต้นคอของแม็กแผ่วเบา

แม็กยิ้มกริ่มให้กับความแสนรู้ของมีอา และครั้งนี้เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ เขามองผ่านหน้าต่างของกระโจมออกไปทางรอบกองไฟแวบหนึ่ง แล้วก้มหน้าลงไปอ้าปากงับที่ซอกคอของเด็กสาวด้วยกิริยาดุดันร้อนแรงจนเธอตัวสั่นสะท้าน

มีอาส่งเสียงครางอูวตัวสั่นสะท้าน สัมผัสของบุรุษดูจะร้อนแรงเกินกว่าที่เธอเคยคาดฝันจินตนาการ ร่างกายวัยเจริญพันธ์กลายเป็นร้อนผ่าวขับหลั่งฮอร์โมนทางเพศออกมาจนผิวกายไวต่อความรู้สึกกว่าเดิม

ริมฝีปากของหนุ่มนักรักอ้างับสลับกับซุกไซร้สูดดมกลิ่นหอมของดอกไม้ป่าจากร่างเด็กสาว ไล่จากลำคอไปที่พวงแก้มแล้วประกบปากจูบแทรกลิ้นเข้าไปพัวพันในปากนุ่ม

มีอาซึ่งบริสุทธิ์ไร้เดียงสาได้แต่ปล่อยให้เขาเป็นฝ่ายรุกเร้า ความสุขหฤหรรษ์ร้อนแรงสาดซัดเข้าใส่จนเธอหัวหมุนติ้ว ยิ่งโดนเขาบดจูบร่างของเธอก็ยิ่งร้อนรุ่ม ยิ่งโดนเขาลูบไล้ขยี้เนื้อตัวมากเพียงใด ส่วนเร้นลับของเธอก็ยิ่งเปียกชุ่มฉ่ำมากขึ้นเท่านั้น

เด็กสาวลูกของหัวหน้าชนเผ่าส่งเสียงครางอูวสุดสยิวเมื่อเขาก้มหน้าลงไปโลมเลียทรวงอก เธอจิกกดหัวของเขาเข้าหาตัวสุดแรงขณะที่เขาอ้าปากงับแล้วดูดเลียที่ปลายถันสีน้ำตาลอ่อน เสียงดูดจ๊วบจ๊าบดังสลับกับเสียงครางกระเส่าสุดเสียว

นี่ไม่เหมือนกับที่เธอเคยแอบดูชนเผ่ากระทำกัน ก่อนหน้านี้เธอเพียงเข้าใจว่าการร่วมรักกันนั้นเพียงแค่ถอดเสื้อผ้าแล้วสอดแทรกของผู้ชายเข้าไปกระแทกกระทั้นสักครู่หนึ่งก็เป็นอันแล้วเสร็จ หากทว่าสิ่งที่เขากำลังทำให้นั้นเป็นอะไรที่ดูจะตื่นเต้นเร้าใจยิ่งกว่าอย่างเทียบกันไม่ได้

ความเสียวซ่านที่แล่นแปลบปลาบไปทั่วทรวงอกทำให้เธอร่ำร้องครวญคราง ยิ่งโดนเขาขบกัดดูดเม้มความเสียวก็ยิ่งแล่นพล่านจนสองขาของเธออ่อนแรงรับน้ำหนักตัวเองไม่อยู่

แม็กไม่ฝืนให้เธอยืนไว้ เขาประคองให้เธอลงไปนอนแผ่หราบนผืนหญ้าในกระโจม เขาก้มลงมองดูเรือนร่างงามของเด็กสาวไปพร้อมกับถอดเสื้อผ้าตนเองออก อะไรบางอย่างทำให้เขามองเห็นเรือนร่างของเธอชัดเจนทั้งที่อยู่ในความมืด

หากทว่ามีอาไม่มีความสามารถเช่นนั้น ภายในกระโจมที่ไม่มีแสงไฟทำให้เธอเพียงมองเห็นเงาสีดำตะคุ่มของเขา และเงาของความเป็นชายที่เด้งผึงออกมาเป็นท่อนใหญ่

มีอากลืนน้ำลายดังอึกเมื่อได้คิดว่าเจ้าสิ่งที่อวบอ้วนใหญ่โตนี้จะเข้าไปอยู่ในร่างของเธอ จากนั้นเธอก็จะกลายเป็นสาวเต็มตัวอย่างที่กฎของชนเผ่าระบุไว้

ก่อนจะเริ่มลิ้มรสสาวชาวป่า แม็กเงยหน้ามองผ่านช่องของกระโจมออกไปทางกองไฟ เขามองเห็นเซเฟียนั่งคุยอยู่กับแม่หมอพยากรณ์ซึ่งยังสวมใส่ผ้าคลุมปิดหน้าตาจนมิดชิด เขาไม่ทราบว่าทำไมเขาจึงสามารถมองเห็นทั้งสองได้อย่างชัดเจน และเขาแน่ใจว่าทั้งสองสาวไม่สามารถมองมาทางนี้ได้ เพราะนอกจากจะมีกระโจมบดบังแล้ว ในนี้ยังมืดสนิทด้วย

“แม็ก”

เด็กสาวทนต่ออาการนิ่งเงียบของแม็กไม่ไหว เธอจึงส่งเสียงร้องเรียกเขาพร้อมกับตวัดสองขาเข้ารัดรอบบั้นเอวของเขาไว้ แม็กจึงทิ้งตัวลงไปทาบทับ เขาจูบปากเธอพร้อมกับใช้สองมือบีบขยี้สองเต้าอย่างแรงจนเด็กสาวตัวกระตุก และเวลาเดียวกันนั้นความเป็นชายที่แข็งประหนึ่งท่อนไม้ก็เริ่มกดแทรกเข้าไปในความฟิตแน่นของเด็กสาว

ความเจ็บปวดของครั้งแรกทำให้เด็กสาวตัวกระตุกเฮือก เธออยากจะหวีดร้องออกมา หากทว่าริมฝีปากโดนบดจูบเอาไว้อย่างแนบแน่น เธอจึงทำได้เพียงแค่จิกเล็บลงไปบนแผ่นหลังของเขาเพื่อระบายความเจ็บปวดที่มาพร้อมกับความเสียวซ่าน

แม็กเองก็มิได้ใจร้ายเกินไป เขาร่ายเวทย์ของนักบวชเพื่อลดความเจ็บปวดและช่วยผ่อนคลายให้เด็กสาวไปพร้อมกัน ช่องทางสู่สรวงสวรรค์ของเด็กสาวจึงหยุดเกร็งและเปิดรับการบุกทะลวงได้อย่างไม่ยากลำบากนัก

มีอาหลับตาปี๋กดจิกเล็บลงบนแผ่นหลังของเขาสุดแรงเมื่อความเป็นชายของเขาสอดใส่เข้าไปจนสุดทาง เธอสัมผัสได้ถึงความใหญ่โตที่เลือดเนื้อของเธอตอดตุบ สิ่งนั้นช่างเร่าร้อนจนเธอแทบอยากกรีดร้อง

“อ๊า อ๊า อ๊า อ๊า”

เด็กสาวชนเผ่าอ้าปากเหวอส่งเสียงครางสุดเสียว ขณะที่เขาเริ่มขยับเขยื้อนกระแทกเอวเข้าใส่ สมองของเธอกลายเป็นขาวโพลนเพราะกระแสคลื่นแห่งความหฤหรรษ์ เวลานี้เธอเพียงต้องการให้เขาอัดกระแทกให้แรงขึ้นและเร็วขึ้น

“อูยยสสสส มีอา”

แม็กส่งเสียงครางกระเส่าด้วยความเสียวซ่านไม่แพ้กัน ร่องหลืบพรหมจรรย์ของเด็กสาวตอดรัดหนุบหนับแนบแน่น เขาโยกขยับเคลื่อนไหวไปตามจังหวะระรัวเร็วของเสียงกลองรอบกองไฟโดยไม่รู้ตัว เสียงเนื้อกระแทกกันจึงดังแว่วผสานไปกับเสียงกลองอย่างลงตัว แม้แต่เสียงครวญครางของเขาและเธอก็คลอเคลียไปกับเสียงร้องเพลงด้วยภาษาของชนเผ่า

เวลานั้นชายหญิงชนเผ่าคู่หนึ่งได้มุดกระโจมเข้ามา ชายหญิงคู่นั้นเพียงชำเลืองมองมาทางแม็กและมีอาที่อยู่ในเงามืดแวบหนึ่ง แล้วทั้งคู่ก็ลงไปนอนร่วมรักกันโดยไม่สนใจว่าจะมีคนอื่นอยู่ในกระโจมด้วย และนั่นก็เป็นวิสัยปกติของชนเผ่า

ฝ่ายที่ชะงักไปวูบหนึ่งกลับเป็นแม็ก แต่เมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนกำลังร่วมรักกันโดยไม่สนใจก็เริ่มขยับเอวอีกครั้ง เพราะมีอาส่งเสียงอ้อนวอนเรียกชื่อเขา โดยที่เธอเองก็ไม่สนใจทั้งสิ้นว่าจะมีใครมองดูอยู่หรือไม่

เสียงครางของคู่รักอีกคู่หนึ่งที่อยู่ห่างไปเพียงสามก้าวทำให้แม็กรู้สึกเหมือนตนเองกลายเป็นคนป่าไปด้วย เขารีดเร้นเรี่ยวแรงปลดปล่อยตัวตนไปตามสัญชาตญานสืบพันธุ์ของเพศผู้ บั้นเอวโยกกระแทกกระทั้นใส่ด้วยอารมณ์ดิบเถื่อนจนเด็กสาวกระเด็นกระดอน

มีอาตัวกระตุกเฮือกส่งเสียงหวีดร้องสุขสมไปก่อน หากทว่าแม็กยังคงเดินหน้าขย้ำเข้าใส่เด็กสาวราวกับสัตว์ป่า เขาจับเธอพลิกตะแคงเล็กน้อยแล้วกระแทกต่อ กระทั่งเมื่อเธอเสร็จไปอีกรอบเขาก็จับเธอพลิกร่างเปลี่ยนท่วงท่าอีกครั้ง

เวลานี้เด็กสาวที่ไม่ประสีประสาจึงโดนความหฤหรรษ์โถมทับจนแทบสำลัก ทุกวินาทีที่โดนเขาเสพสมล้วนแล้วแต่นำมาซึ่งความสุขที่ไม่อาจบรรยายด้วยคำพูด โดยเฉพาะเมื่อเขาส่งเสียงคำรามปลดปล่อยสิ่งที่เธอต้องการทะลักเข้ามาในร่าง

แม็กส่งเสียงครางแล้วฟุบร่างลงไปโอบกอดมีอา ความเป็นชายของเขากำลังกระตุกหงึกอยู่ในแรงตอดหนึบ น้ำเชื้อปริมาณมหาศาลพ่นพรืดออกมาอย่างต่อเนื่องเนิ่นนาน

มีอาโอบกอดชายคนแรกอย่างแนบแน่น ความสุขเสียวทำให้ร่างกายของเธอเกร็งจนหมดเรี่ยวแรงใกล้หลับไหล เธอจูบพรมไปที่ใบหน้าของเขาอย่างรักใคร่ก่อนจะหลับตาพริ้มเพื่อพักผ่อน หากทว่าเวลานั้นกลับปรากฎกระแสเวทย์อันแสนอบอุ่นหลั่งไหลเข้ามาในร่าง

มีอาลืมตาโพลงด้วยความสงสัย เพราะอาการเหน็ดเหนื่อยของเธอหายไปเป็นปลิดทิ้ง แต่เมื่อเขาหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ราวกับหมาป่าที่ยังไม่อิ่มเอม พร้อมกับเริ่มขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวกระแทกเอวอีกครั้ง เด็กสาวก็เริ่มสำนึกได้ว่าค่ำคืนนี้เธอคงจะต้องเป็นที่ระบายความใคร่ให้กับหมาป่าติดสัดที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยคนนี้อีกเนิ่นนาน แต่จะอย่างไรก็ตามเธอรู้สึกยินดียิ่งที่จะเป็นเช่นนั้น

……………………….

“เมื่อเจ้าเข้ามาแล้วก็อย่าได้เสียเวลากันอีกเลย รีบฝึกฝนกันเสียที”

สาวสวยที่มีดวงตาและผมเป็นสีเงินกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงชวนฝันหวาน เธอเดินด้วยท่วงท่างามสง่าราวกับนางแบบ ทรวดทรวงอวบอัดหนั่นแน่นที่ปลุกเร้าอารมณ์เพศชายได้อย่างง่ายดายนั้นถูกห่อหุ้มไว้ด้วยเกราะเข้ารูปบางเฉียบสีเงินวาววับไปทั่วทั้งตัว

“… ไดโอนี? ที่นี่ที่ไหน?”

แม็กจับจ้องมองดูไดโอนีสตรีเผ่าพันธุ์ไททันลำดับที่สิบสามราวกับโดนมนตร์สะกด แต่ก็ยังพอมีสตินึกขึ้นมาได้ว่าไดโอนีเป็นเพียงจิตวิญญาณที่โครนอสบอกให้ตามมาสอนเขา และที่นี่ก็ดูไม่เหมือนกับกระโจมซึ่งเขาเพิ่งระเริงรักกับมีอา เด็กสาวชนเผ่าที่แสนจะน่ารัก

ที่นี่มืดมิดรอบด้านคล้ายกับไม่มีแสงไฟสาดส่องเข้ามา หากทว่าเขากลับมองเห็นร่างของไดโอนีที่คล้ายกับยืนอยู่กลางความมืดอันว่างเปล่าได้อย่างชัดเจน

“ที่นี่คือความฝันของเจ้า ไททันลำดับที่สิบสี่ เมื่อเจ้าหลับไหล เราจะได้พบเจอกัน และนี่คือช่วงเวลาที่ข้าต้องเร่งฝึกฝนให้เจ้าเก่งกาจให้เร็วที่สุด … รีบมาเริ่มบทเรียนแรกกันเลยก็แล้วกัน”

“… เดี๋ยว ๆ ขอทำความเข้าใจก่อน … สรุปว่านี่เป็นความฝัน? แล้วเราจะได้พบกันตอนผมหลับ?”

“ถูกต้องแล้ว เมื่อเจ้าหลับข้าจะช่วยฝึกฝนเจ้า จนกว่าเจ้าจะสามารถช่วยนายของข้าได้ เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าจะเป็นนายคนใหม่ของข้า แต่หากภายในเวลายี่สิบปีเจ้าทำไม่สำเร็จ ข้าจะเป็นคนลงมือทำลายวิญญาณของเจ้าเอง”

ไดโอนีพูดด้วยใบหน้านิ่งเฉยเย็นชาราวกับหุ่นยนต์ที่ไร้ชีวิตจิตใจ ความงามของเธอจึงคล้ายกับรูปปั้นที่สลักเสลาสวยงามแต่ไร้ชีวิตชีวา

“… เรามานั่งคุยทำความรู้จักกันก่อนได้มั้ย”

แม็กชะงักไปวูบหนึ่ง เพราะเขายังไม่แน่ใจเรื่องภารกิจช่วยเหลือโครนอส ซึ่งความจริงเขาไม่ได้อยากช่วยเจ้าโครงกระดูกเฮงซวยนั่นสักนิด แต่เมื่อนึกไปว่าหากช่วยโครนอสได้สำเร็จแล้วเขาจะได้รับร่างกายและวิญญาณของไดโอนีมาครอบครอง ก็ต้องกลายเป็นลังเลไม่แน่ใจทันที

“นั่นน่าจะเป็นการเสียเวลา และไม่ได้ทำให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นหรอก ไททันลำดับที่สิบสี่”

“อย่างน้อยก็ควรรู้จักกันสักหน่อยนะ เรียกไททันลำดับที่นั่นนี่มันฟังดูแปลก ๆ เรียกผมว่าแม็กล่ะกัน ส่วนผมจะเรียกไดโอนีว่า … อืม … ได ก็ไม่เหมาะ … โอ ก็สั้นไป … งั้นเรียกว่าส้มโอแทนล่ะกัน มีคำว่าโออยู่ด้วย ผมเรียกว่าส้มโอล่ะกันนะ”

แม็กตีสีหน้าครุ่นคิดขณะนึกว่าจะเรียกชื่อย่อของไดโอนีว่าอย่างไรดี เพราะชื่อเล่นสามพยางค์ออกจะยาวเกินไปสักหน่อย แต่นึกไปเท่าไหร่ก็นึกชื่อที่เหมาะสมไม่ออก กระทั่งเมื่อเธอขยับตัวจนทรวงอกที่อวบอิ่มเหมือนลูกส้มโอสองลูกเด้งเบา ๆ เขาจึงนึกชื่อนี้ขึ้นมาได้ น้องสาวของเขาชื่อส้มเช้ง ก็ตั้งให้เธอคนนี้ชื่อส้มโอเสียเลย

“… ถ้านั่นจะทำให้เจ้าตั้งใจฝึกฝนข้าก็ไม่ขัดข้อง ข้าจะเรียกนามของเจ้าว่าแม็กตามร้องขอ ส่วนเจ้าจะเรียกข้าว่าอะไรก็แล้วแต่เจ้า ตอนนี้ได้เวลาฝึกฝนแล้ว”

ไดโอนีขมวดคิ้วเล็กน้อยจนปรากฎเค้าความมีชีวิตชีวาบนใบหน้าที่เย็นชาดุจประติมากรรมขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นเธอก็หยิบฉวยดาบสีเงินบางเฉียบออกมาจากอากาศแล้วเดินข้ามาทำท่าจะฝึกฝนเขาด้วยดาบเล่มนั้น แม็กจึงสะดุ้งโหยงรีบส่งเสียงร้องห้าม เพราะเห็นความคมของมันแล้วเขามีหวังร่างขาดเป็นสองส่วนได้ง่าย ๆ

“เดี๋ยว ๆ … ส้มโอเคยสอนคนอื่นหรือเปล่า อยู่ดี ๆ ก็ชักดาบจะฆ่าฟันกันแบบนี้”

“… ไม่เคย … แต่เข้าเคยผ่านการฝึกกับท่านโครนอสมาแล้ว”

ไดโอนีที่มีชื่อใหม่เป็นส้มโอชะงักทำหน้างุนงงเล็กน้อย เธอหันมาตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉยเหมือนไม่ทุกข์ร้อนจนแม็กต้องยกมือขึ้นเกาศีรษะ

“นั่นไง ว่าแล้วเชียว จะสอนอะไรใคร ยังไงก็ต้องบอกแผนการสักหน่อย ว่ามีขั้นตอนการฝึกยังไง เป้าหมายคืออะไร แล้วผมยังสู้กับใครไม่เป็นก็จะเริ่มด้วยการเอาดาบมาฆ่ากันเลยเนี่ยนะ”

“เจ้าอาจจะพูดถูก … เป้าหมายในการฝึกก็คือให้เจ้าเก่งกาจมากที่สุด ข้าจะสอนให้เจ้าเรียนรู้การต่อสู้ทุกแขนงที่ไททันควรรู้ และข้าจะชี้นำให้เจ้าสามารถใช้งานเวทย์กาลเวลาได้ นั่นล่ะคือเป้าหมาย”

“แล้วการต่อสู้ที่ไททันควรรู้มันมีอะไรบ้างล่ะ?”

“… ก็คือการใช้งานคุณลักษณะอันยอดเยี่ยมของเผ่าพันธุ์ในตำนานออกมา”

“แล้วไททันยอดเยี่ยมยังไง? ถ้าไม่บอกกันก่อนจะรู้มั้ย”

“เจ้าช่างโง่เง่านัก ไททันคือสุดยอดแห่งเผ่าพันธุ์ ร่างกายของพวกเราเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างรวดเร็ว ร่างกายสามารถปรับตัวต่อสภาพแวดล้อมได้ทุกชนิดอย่างรวดเร็ว หากพวกเราโดนพิษหรือคำสาป ร่างกายของพวกเราจะรักษาเอง และพิษหรือคำสาปเหล่านั้นจะใช้งานไม่ได้อีกเป็นครั้งที่สอง พวกเรามีความสามารถต่อต้านเวทย์มนตร์สูงกว่าเผ่าใด ทั้งยังสามารถเชื่อมโยงกับเวทย์มนตร์ได้ทุกธาตุ ไม่ว่าจะเผ่าเทพหรือปีศาจก็ล้วนแล้วแต่เทียบเทียมไม่ได้”

ไดโอนีเหมือนจะเห็นด้วยว่าสมควรอธิบายก่อน เธอจึงหยุดนิ่งแล้วบอกรายละเอียดด้วยสีหน้าเรียบเฉยตามปกติ หากทว่าแววตาขณะพูดเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์อันแสนน่าภาคภูมินั้น แม็กสังเกตได้ถึงแววตาที่เป็นประกายระยิบระยับวูบหนึ่ง

“เอ๋ ยอดเยี่ยมขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“ถูกต้องแล้ว เพียงแต่ว่านี่เป็นโลกแห่งความฝัน การฝึกในนี้จึงจะไม่ทำให้ร่างกายของเจ้าพัฒนาแต่อย่างใด เจ้าเพียงจะสามารถจดจำและทำความเข้าใจเพื่อนำไปใช้ในโลกภายนอกเท่านั้น”

“อืม … แต่บอกก่อนเลยนะ ว่าผมไม่เคยต่อสู้กับใครเลย ความสามารถในการต่อสู้เป็นศูนย์”

“… นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะนั่นเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว ภายในนี้ข้าสามารถลงมือได้เต็มที่ เพราะเป็นเพียงความฝันที่เจ้าจะไม่มีทางตาย อย่างดีก็เพียงรู้สึกเจ็บบ้าง ข้าก็เพียงแค่ซ้อมมือกับเจ้าซ้ำไปซ้ำมา แล้วเจ้าก็จะเก่งกาจขึ้นเอง เริ่มด้วยการใช้มือเปล่าก็แล้วกัน”

ไดโอนียืนนิ่งเงียบครุ่นคิดวูบหนึ่ง เหมือนจะหาวิธีฝึกอันเหมาะสม แต่เพียงครู่เดียวเธอก็พยักหน้าเหมือนคิดอะไรออก แล้วเดินตรงดิ่งมาหาแม็กด้วยจิตฆ่าฟันจนเขาสะดุ้งโหยง

ยังไม่ทันที่เขาจะส่งเสียงร้องห้าม ร่างงดงามสีเงินระยับก็เคลื่อนไหววูบเข้ามาอยู่เบื้องหน้า แม็กมองเห็นว่าเธอประกบมือขวาเป็นเหมือนมีดแล้วพุ่งเข้ามาใส่เขาอย่างตรงไปตรงมา

หากทว่ามองเห็นก็ส่วนมองเห็น ร่างกายของเขายังไม่ทันมีปฏิกิริยารับมืออะไร ความรู้สึกเจ็บปวดก็ปรากฎขึ้นมา เพราะมือที่ดูบอบบางข้างนั้นได้แหวกทะลวงผ่านหน้าอกของเขาทะลุไปถึงแผ่นหลังจนเลือดกระฉูดออกมาเต็มไปหมด

“แค่นี้ก็ยังป้องกันไม่ได้อีกงั้นเหรอ?”

ไดโอนีที่เพิ่งลงมือสังหารอย่างเลือดเย็นโดยสีหน้าไม่เปลี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เธอถอนมือที่เปื้อนเลือดออกมา ปล่อยให้แม็กทรุดฮวบลงไปนั่งกองกับพื้นพร้อมกับเลือดกองใหญ่

แม็กพูดอะไรไม่ออก รู้สึกได้ถึงความเย็นเยียบที่แทรกตัวเข้ามาในร่างพร้อมกับภาพที่พร่าเลือนไปทีละน้อยจนดับวูบ เขาไม่เคยเข้าใกล้ความตายมากเช่นนี้มาก่อน

“เอ๊ะ!!!”

หากทว่าเพียงพริบตาที่รู้สึกเหมือนตายตก แม็กก็ปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งในสภาพที่ไร้บาดแผล เลือดที่ทะลักออกมาอย่างมากมายเมื่อครู่ราวกับเป็นเรื่องโกหก

“เริ่มใหม่ ข้าจะเบามือลงให้อีก”

ไดโอนีไม่พูดพร่ำทำเพลง เมื่อเห็นว่าร่างจิตในความฝันของแม็กกลับมาแล้ว เธอก็ปรี่เข้ามาหาอีกครั้งพร้อมกับฝ่ามือที่ประกบนิ้วเหมือนมีดดาบด้วยท่วงท่าแบบเดิม โดยมีเป้าหมายแบบเดิมที่กลางลำตัวของเขา

การลงมือในครั้งนี้ดูจะเชื่องช้าลงไปกว่าครั้งที่แล้วมาก แม็กจึงยังพอขยับหลบไปด้านหลังได้เล็กน้อย แต่ว่านั่นยังไม่เพียงพอที่จะหลีกหนีให้พ้นการโจมตีที่ดูเรียบง่ายหากทว่ารวดเร็วนี้ ที่ดีกว่าเดิมก็คือฝ่ามือบอบบางของไดโอนีไม่ถึงกับแทงทะลุร่างออกไป แต่ก็ยังเสียบทะลุเข้าไปจนมิดข้อมือ

“อึก!!!”

ความเจ็บปวดแบบเดิม ๆ โจมตีเข้ามาอีกครั้ง หลังจากที่ไดโอนีถอนมือของเธอออกไป แม็กยืนนิ่งรับความรู้สึกหนาวเย็นที่แทรกเข้ามาในร่าง เขารู้สึกเหมือนกำลังจะตายเป็นครั้งที่สอง และเวลานั้นเองที่เขากลับคืนมาอยู่ในสภาพสมบูรณ์อีกครั้ง ราวกับว่าไม่ได้เกิดอะไรขึ้น

“การเคลื่อนไหวของเจ้ายังเต็มไปด้วยความลังเล จงใช้สัญชาตญาณให้มากกว่านี้ … ลองอีกครั้ง”

ไดโอนีไม่ยอมให้เขาได้ตั้งตัวเช่นเคย เธอพูดสอนแล้วพุ่งตัวเข้าโจมตีใส่ด้วยท่าเดิม หากทว่าลดความเร็วลงไปอีกขั้น แม็กจึงได้แต่รีบหาทางรับมือไม่มีเวลาทำอย่างอื่น

คราวนี้เขาพุ่งตัวหลบไปด้านข้างจนลำตัวไม่โดนแหวกทะลวงเช่นสองครั้งก่อนหน้า หากทว่านั่นยังไม่รวดเร็วพอ เพราะฝ่ามือที่คมเหมือนมีดดาบนั้นพุ่งเฉือนแขนซ้ายของเขาจนขาดวิ่นแทบหลุดออกจากร่าง ความเจ็บปวดจึงแล่นแปลบอีกครั้งจนเขาชะงัก

นั่นทำให้ไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าไดโอนีได้สะบัดมือเข้าใส่อีกครั้ง และคราวนี้ขมับของเขาก็โดนกระแทกอย่างแรงจนลอยลิ่วไปไกลลิบ แล้วค่อยกลับมาอยู่ในสภาพเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกครั้ง

“ทำได้ดีขึ้น แต่ยังไม่เพียงพอ … ลองอีกครั้ง”

“ลองอีกครั้ง …”

“ลองอีกครั้ง …”

“ลองอีกครั้ง …”

แม็กรู้สึกราวกับกำลังฝันร้าย เขาโดนไดโอนีฆ่า แล้วเขาก็เกิดใหม่ให้เธอฆ่าอีกรอบแล้วรอบเล่า แม้เขาจะรับมือเธอได้ดีขึ้นทีละน้อย แต่ก็ยังไม่เพียงพอ เหตุการณ์จึงเป็นเช่นนี้สลับไปมา โดยที่เขาเองก็ไม่ทราบว่าการนอนหลับในครั้งนี้เขาจะต้องโดนสาวสวยคนนี้ฆ่าอีกกี่ครั้ง

…………………………………..

Share the Post:

Related Posts

ก็รปภ. เขาควยใหญ่นี่คะ

เรื่องเสียว ก็รปภ. เขาควยใหญ่นี่คะ ทักทายทุกคนค่ะ ชื่อ นุ่น นะคะ วันนี้ก็มีประสบการณ์เซ็กที่อยากจะมาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังค่ะ เป็นเรื่องราวของตัวนุ่นเอง กับยามประจำคอนโดที่นุ่นอาศัยอยู่ค่ะ ตัวของนุ่นเอง เป็นคนที่อาศัยอยู่ในเมืองพัทยาค่ะ ที่คอนโดของนุ่นเป็นคอนโดที่อยู่ลึกมาก กลางคืนจึงค่อนข้างดูอันตรายค่ะ ถึงอย่างนั้นแล้วก็ไม่เป็นปัญหากับนุ่นเท่าไหร่ เพราะแถวนั้นก็พอมีชาวบ้านอาศัยอยู่ ด้วยความที่ตัวของนุ่นทำอาชีพเป็นเด็กเอ็นน่ะค่ะ เลยทำให้ในทุก

Read More

รสสวาทหนุ่มโรงงานสุดเงี่ยน

เรื่องเสียว รสสวาทหนุ่มโรงงานสุดเงี่ยน ฉันชื่อ “มะนาว” ค่ะ เด็กบ้านนอกที่หมายมั่นอยากมาเห็นเมืองกรุงฯ ที่แสนศิวิไลซ์ ดังนั้น พอจบ ม.6 ที่บ้านนอกแล้ว เลยไม่ได้เรียนต่อ ประกอบกับ ป้าของฉันที่เปิดร้านอาหารตามสั่งอยู่แถวๆ สามโคกที่ปทุมก็อยากให้มาขายของด้วย เพราะที่นี่มีโรงงานและค่อนข้างขายดีมากๆ จนบางครั้งแกก็ขายไม่ทัน เลยอยากให้ฉันมาขายก๋วยเตี๋ยว โดยให้เงินลงทุน ที่หลับที่นอน

Read More