XO ตอนที่ 15 – กระแสแห่งเวลา

XO ตอนที่ 15 – กระแสแห่งเวลา

XO ตอนที่ 15 – กระแสแห่งเวลา

            ………………………… แม็กนั่งเหม่อมองดูท้องฟ้ายามราตรีที่มีดวงดาวเปล่งประกายระยิบระยับสวยงามโดยไม่รู้สึกเบื่อ นี่เป็นท้องฟ้าที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน ในยุคสมัยแห่งเทคโนโลยีที่มีแต่มลพิษนั้น ท้องฟ้าเต็มไปด้วยฝุ่นควัน แสงไฟที่สว่างเจิดจ้าจากตัวเมืองแทบจะกลบความงามตามธรรมชาติของจักรวาลไปจนหมดสิ้น หากทว่าที่นี่ ภายในเกมออนไลน์ที่ชื่อว่า Xtreme Online เขารู้สึกราวกับว่าที่นี่ต่างหากที่ควรจะเป็นโลกที่มนุษย์ใช้อยู่อาศัย ไม่ใช่โลกที่เต็มไปด้วยมลพิษข้างนอกนั่น

“อืมม …”

เสียงครางแผ่วเบาที่ดังมาจากด้านหลังทำให้แม็กตื่นจากภวังค์และหันไปมองดู ที่ตรงนั้นมีร่างเปลือยเปล่าสวยสดของเด็กสาวสองร่างนอนหลับกอดกายแนบกัน เมื่อครู่นั้นเป็นเสียงครางของคาร่าแม่หมอพยากรณ์ที่ยังนอนหลับตาพริ้มมีความสุข จึงพอจะคาดเดาได้ว่าเธอคงกำลังฝันหวาน ส่วนมีอา
ลูกสาวหัวหน้าเผ่ากีร่านั้นก็นอนยิ้มพราย

อากาศในที่แห่งนี้กำลังอุ่นสบายไม่มีความหนาวเย็น จึงไม่ต้องห่มผ้าให้ แม็กซึ่งรับหน้าที่นั่งเฝ้ายามผลัดแรกจึงไม่ห่มผ้าให้พวกเธอ อย่างน้อยก็จะได้มองเห็นเรือนร่างเปลือยที่สวยงามน่าฟอนเฟ้นได้ตลอดเวลา ซึ่งข้อดีก็คือมันทำให้เขาไม่รู้สึกง่วงมากนัก แต่ข้อเสียก็คือยิ่งมองเห็นเต้าอวบสองคู่กับกลีบสวาทอูมที่เต็มไปด้วยน้ำรัก อารมณ์หื่นก็ยิ่งตื่นตัวขึ้นมาจนแข็งโด่เด่

แม็กสะบัดหน้าพยายามไล่ความหื่นที่ก่อตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เพราะแม้ว่าจะมีเวทย์ฟื้นพลังให้หายเหนื่อย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะใช้ได้ตลอดกาล เมื่อใช้ไปสักสิบครั้งอย่างต่อเนื่อง ผลของเวทย์ก็เริ่มไม่แสดงผล สองสาวที่สะบัดร่อนสูดปากซี้ดจนเหนื่อยหอบจึงสลบเหมือดหมดเรี่ยวแรงไปตามกัน นี่ไม่เหมือนกับตอนที่มีอะไรกับอะโฟรไดที และแอสโมดิสอุส ซึ่งพอจะคาดเดาได้ว่าพวกเธอเป็นเผ่าพันธุ์ระดับสูง จึงมีเรี่ยวแรงและความอดทนมากกว่าคาร่าและมีอา

“… ปล่อยให้พวกเธอพักก่อนดีกว่า … ระหว่างนี้ทำอะไรดีหว่า … อืม คาร่าบอกว่าให้สำรวจทักษะของตัวเองแล้วฝึกทดลองใช้ก่อน จะได้เอามาใช้เวลาจำเป็นได้นี่นะ ไหนลองดูหน่อยซิ”

แม็กเริ่มรู้สึกว่ามีเวลาว่างเยอะเกินไประหว่างการเฝ้ายาม จึงครุ่นคิดว่าจะหาอะไรทำฆ่าเวลาเสียหน่อย และเขาก็นึกได้ว่าคาร่าได้แนะนำให้เขาทบทวน และฝึกใช้ทักษะของตัวเองทุกวัน วันละครั้งเป็นอย่างน้อย เขาจึงกดเปิดหน้าจอของระบบขึ้นมาอ่านข้อมูลของตัวเอง

ข้อมูลพื้นฐานของตัวละคร
ชื่อ : Guyver เผ่าพันธ์ : Titan(ไททัน) ระดับ : 1 คลาส: 0
ทรัพย์สิน: 28,980 เหรียญทอง – 10 เหรียญเงิน – 1,000 เหรียญทองแดง
ชื่อเสียง: 35,012 หน่วย (ลำดับที่ 185,602,325 / 1,452,658,015)
พลังชีวิต : 10,000 / 10,000 (class limited)
พลังเวทย์ : 10,000 / 10,000 (class limited)
พลังจิต: 10,000 / 10,000 (class limited)
พลังปราณ: 10,000 / 10,000 (class limited)
ความแข็งแกร่ง : 100 (class limited)
ความคล่องแคล่ว : 100 (class limited)
ความอดทน : 100 (class limited)
ความฉลาด : 100 (class limited)
ความแม่นยำ : 100 (class limited)
ความโชคดี : 100 (class limited)
อาชีพ : Angelus (นักบวช คลาส 6)
ตำแหน่ง: ตำแหน่งที่ปรึกษาระดับสูงประจำวิหารอำนวยพร

ทาส
– Angie – เผ่าพันธุ์มนษุย์ อาชีพ นักบวชคลาส 3, แม่ครัว คลาส 2, ช่างเสื้อผ้า คลาส 1

ข้อมูลตัวละครไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนัก ส่วนใหญ่แล้วจะติดข้อจำกัดของคลาสเช่นเดิม ยกเว้นก็แต่ค่าชื่อเสียงที่ดูจะเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยโดยที่เขาไม่ทราบสาเหตุ เขาจำได้แค่ว่าเขาเคยได้ค่าชื่อเสียงมาสองหมื่นแต้มจากภารกิจร้อยแปดสาวงาม ซึ่งในตอนนั้นเขาจัดการไปได้สองคน คืออะโฟรไดที และแอสโมดิอุส

เมื่อลองไล่ย้อนค้นหาดูว่าค่าชื่อเสียงมาจากไหน เขาก็พบว่าส่วนหนึ่งมาจากการที่ได้เป็นนักบวชระดับสูง การได้เป็นที่ปรึกษาของวิหาร รวมไปถึงการได้รับการพูดถึงในเหตุการณ์ที่เขายิงธนูใส่จุดสำคัญของสตรอง และปิดท้ายด้วยการเป็นผู้เล่นคนแรกที่บุกเบิกมาถึงน้ำตกสรวงสวรรค์

เขายิ้มน้อย ๆ เมื่อหันไปเห็นชื่อของแองจี้ นักบวชสาวสวยร้อนแรงที่เขาได้มาเป็นทาสสวาท จากนั้นจึงไล่สายตาสำรวจดูรายการทักษะที่แสนจะยาวเหยียดจนแทบขี้เกียจอ่าน แต่นี่เป็นเพราะเขาเป็นผู้เล่นที่ไม่รับทราบความสำคัญของทักษะ หากเป็นผู้เล่นคนอื่นแล้วล่ะก็ การได้เห็นว่าตัวเองมีทักษะระดับสูงยาวเหยียดเช่นนี้ คงต้องยิ้มแก้มปริดีใจแทบแย่

รายการทักษะ
– จู่โจมด้วยธนู ระดับ 4 ดาว – ทักษะติดตัว (10/100) เพิ่มค่าความเสียหายจากการโจมตีด้วยธนู 10%
– พรจิตแห่งราคะ (Sense of Lust) ระดับ 6 ดาว – ทักษะติดตัว มีโอกาสเล็กน้อยที่เพศตรงข้ามในระยะรัศมีห้าเมตรจะบังเกิดความรู้สึกใคร่ และจะสามารถมองเห็นระดับของความใคร่ที่เพศตรงข้ามมีต่อตัวเอง
– พรจิตแห่งรัก (Sense of Love) ระดับ 6 ดาว – ทักษะติดตัว มีโอกาสเล็กน้อยที่เพศตรงข้ามในระยะรัศมีห้าเมตรจะบังเกิดความรู้สึกรัก และจะสามารถมองเห็นระดับของความรักที่เพศตรงข้ามมีต่อตัวเอง
– พรเสียงแห่งรัก (Voice of Love) ระดับ 6 ดาว – ทักษะติดตัว มีโอกาสเล็กน้อยที่เพศตรงข้ามจะเคลิบเคลิ้มยอมกระทำตามและบังเกิดความรักเมื่อได้ยินเสียง
– พรเสียงแห่งราคะ (Voice of Lust) ระดับ 6 ดาว – ทักษะติดตัว มีโอกาสเล็กน้อยที่เพศตรงข้ามจะเคลิบเคลิ้มยอมกระทำตามและบังเกิดความใคร่ เมื่อได้ยินเสียง
– พรสัมผัสแห่งราคะ (Touch of Lust) ระดับ 6 ดาว – ทักษะติดตัว เพิ่มระดับของความใคร่สูงกว่าปกติ เมื่อได้สัมผัสเล้าโลม ยิ่งทำให้อีกฝ่ายสุขสม ก็จะยิ่งกระตุ้นระดับของความใคร่ได้ดียิ่งขึ้น
– พรดึงดูด (Suck) ระดับ 8 ดาว – ทักษะติดตัว เมื่อทำให้อีกฝ่ายเสร็จสมหวัง จะมีโอกาสดูดเอาไอเท็มที่อีกฝ่ายติดตัวอยู่มาเป็นของตัวเอง หรืออาจเรียนรู้ทักษะหนึ่งอย่างจากอีกฝ่ายโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว
– พรสัมผัสแห่งรัก (Touch of Love) ระดับ 6 ดาว – ทักษะติดตัว เพิ่มระดับของความรักสูงกว่าปกติ เมื่อได้ใกล้ชิดและแสดงความรัก ยิ่งทำให้คนรักมีความสุข ก็จะยิ่งกระตุ้นระดับของความรักได้ดียิ่งขึ้น
– พรแบ่งปัน (Portion) ระดับ 8 ดาว – ทักษะติดตัว เมื่อทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอิ่มเอมในความรัก จะมีโอกาสได้รับไอเท็มจากอีกฝ่าย หรืออาจเรียนรู้ทักษะหนึ่งอย่างของอีกฝ่าย
– พรพลังแห่งรัก (Power of Love) ระดับ 7 ดาว – ทักษะติดตัว เมื่ออยู่ใกล้คนรักในระยะไม่เกิน 50 เมตร ค่าพลังทุกอย่างจะเพิ่มขึ้น 50% และอัตราการฟื้นฟูทุกอย่างเพิ่มขึ้น 100%”
– พรร่วมทุกข์ร่วมสุข (Share Pain) ระดับ 7 ดาว – เมื่อเรียกใช้ และอยู่ใกล้คนรักในระยะไม่เกิน 50 เมตร ค่าความเสียหายจะถูกแบ่งเฉลี่ยเท่ากัน”
– มายาราคะ (Lust Illusion) ระดับ 7 ดาว – เมื่อเรียกใช้ จะสามารถปลอมแปลงเพศ รูปร่างลักษณะ หน้าตา และเสื้อผ้าได้ตามต้องการเพื่อยั่วเย้าหลอกล่อเหยื่อ
– ทักษะลมหายใจนิรันดร (Eternal Breath) ระดับ 7 ดาว – เมื่อเรียกใช้จะมอบลมหายใจให้แก่ศพไร้ชีวิต ทำให้ศพกลับไปอยู่ในสภาพเสมือนว่ายังมีชีวิตอยู่ตลอดกาล หรือจนกว่าจะมีใครทำลายอักขระเวทย์
– สูบชีวิต (Life Drain) ระดับ 7 ดาว – เมื่อเรียกใช้ จะสามารถดูดเอาพลังชีวิตและค่าพลังพิเศษทุกอย่างจากเป้าหมายได้ด้วยการแตะสัมผัสจนกระทั่งเป้าหมายตาย หรือการสัมผัสถูกทำให้แยกจากกัน
– Natural sense of Light (สัมผัสธาตุแสงระดับธรรมชาติ) ระดับ 9 ดาว – ทักษะติดตัว สามารถสัมผัสธาตุแสงในระดับสูงได้
– Natural sense of Darkness (สัมผัสธาตุความมืดระดับธรรมชาติ) ระดับ 9 ดาว – ทักษะติดตัว สามารถสัมผัสธาตุความมืดในระดับสูงได้
– การทำอาหารระดับเชี่ยวชาญ ระดับ 4 ดาว – ทักษะติดตัว (95/100) เพิ่มความอร่อยและประโยชน์ของอาหารทุกชนิดที่ทำออกมาอีก 195%
– เย็บปักถักร้อย ระดับ 3 ดาว – ทักษะติดตัว (68/100) เพิ่มประสิทธิภาพในการเย็บปักถักร้อย 68%
– ทักษะหยั่งรู้สภาพ ระดับ 10 ดาว – ทักษะเรียกใช้ เพื่อวิเคราะห์ตรวจสอบความสามารถทั้งหมดของผู้อื่น
– พรแห่งกาลเวลา ระดับ 10 ดาว – ทักษะติดตัว สามารถเรียนรู้ทักษะเกี่ยวกับกาลเวลาได้
– ทักษะ Negate Magic (ลบล้างเวทย์มนตร์) ระดับ 10 ดาว – ทักษะเรียกใช้ ลบล้างทำให้พลังพิเศษทุกชนิดที่สัมผัสร่างกายกลายเป็นไร้ผลโดยสิ้นเชิง พลังที่ถูกลบล้างส่วนหนึ่งจะกลายมาเป็นพลังสะสมของผู้เรียกใช้ ข้อควรระวัง ไม่สามารถป้องกันการโจมตีทางกายภาพได้ และขณะเรียกใช้จะไม่สามารถใช้พลังพิเศษได้’
– ทักษะ Ruler (ผู้ควบคุม) ระดับ 10 ดาว – ทักษะเรียกใช้ เพื่อเพิ่มค่าพลังทุกอย่างให้ตนเอง 100% และภายในระยะรัศมีสามร้อยเมตรรอบตัว เพิ่มค่าพลังทุกอย่างให้กับพันธมิตร 50% ลดค่าพลังทุกอย่างของผู้ที่ไม่ใช่พันธมิตรลง 25% ข้อควรระวังหากผู้เรียกใช้เสียชีวิต ทักษะจะถูกยกเลิกทันที

ไอเท็ม
– คันธนูมนตรา ระดับ 6 ดาว – คุณสมบัติ สามารถประจุเวทย์มนตร์เข้าไปในลูกธนูที่ยิงออกไปได้
– มีดสั้นตัดวิญญาณแห่งฮาเดส ระดับ 8 ดาว – พลังโจมตีหนึ่งหน่วย สามารถใช้ตัดแบ่งแยกวิญญาณออกจากร่างกายได้ หากอีกฝ่ายอยู่ในสภาพที่ไม่มีพลังเวทย์ ปราณ หรือจิตคุ้มกายแม้แต่หน่วยเดียว
– มีดสั้นสลายสิ้นแห่งเฮเฟตัสระดับ 8 ดาว – พลังโจมตีหนึ่งหน่วย สามารถตัดผ่านและสลายพลังเวทย์ ปราณ และจิตได้อย่างสมบูรณ์
– โซ่แห่งทิวากาล ระดับ 8 ดาว ไอเท็มผูกพันธุ์ – โซ่ที่ถูกสร้างโดยเทพแห่งแสง สามารถฟื้นสภาพได้เมื่อถูกทำลาย
– จิตวิญญาณแห่งเทพระดับแปดดาว – ยังเรียกใช้ไม่ได้ เนื่องจากจิตวิญญาณยังอยู่ในระหว่างสะสมพลังงานเพื่อถือกำเนิดใหม่ สามารถแบ่งปันค่าประสบการณ์ หรือนำไปอยู่ในพื้นที่ซึ่งมีธาตุแสงเข้มข้นเพื่อเร่งเวลาถือกำเนิดได้ ระดับพลังงานสะสม 1.2%
– จิตวิญญาณแห่งมารระดับแปดดาว – ยังเรียกใช้ไม่ได้ เนื่องจากจิตวิญญาณยังอยู่ในระหว่างสะสมพลังงานเพื่อถือกำเนิดใหม่ สามารถแบ่งปันค่าประสบการณ์ หรือนำไปอยู่ในพื้นที่ซึ่งมีธาตุแสงเข้มข้นเพื่อเร่งเวลาถือกำเนิดได้ ระดับพลังงานสะสม 0%
(ที่เหลือเป็นไอเท็มพื้นฐาน ขอละไว้เพื่อไม่ให้ยาวเกินไป)

รายการภารกิจ
– ภารกิจของนักผจญภัยฝึกหัดสำเร็จ ระดับ 2 ดาว ความก้าวหน้า 100% – รับรางวัลแล้ว
– ครอบครองหนึ่งร้อยแปดสุดยอดสาวงาม ระดับ 9 ดาว ความก้าวหน้า 2/108
– ปลดปล่อยผู้นำแห่งไททันจากผนึกแห่งสามเทพ ระดับ 10 ดาว ความก้าวหน้า 0%

แม็กนั่งอ่านอยู่ราวครึ่งชั่วโมงจึงจะอ่านและทำความเข้าใจกับทักษะที่ตัวเองมี โดยส่วนแรกนั้นจะเป็นทักษะที่ได้มาจากสองเทพมารโฟร์มด ส่วนนี้มักจะเกี่ยวข้องกับเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ เป็นหลัก ทั้งยังเป็นทักษะติดตัวเสียส่วนมาก จึงไม่สามารถเรียกใช้เพื่อฝึกฝนได้

“พรมายาราคะ? … ไว้เปลี่ยนร่างงั้นเหรอ?”

เขาสะดุดสนใจกับทักษะเรียกใช้ที่ได้มาจากแอสโมดิอุสเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจทดลองเรียกใช้ดู และเมื่อลองเปิดอ่านรายละเอียดของทักษะเพิ่มเติม เขาก็หลับตาลงนึกภาพของแองจี้นักบวชสาวสวย จากนั้นก็เรียกใช้ทักษะ

ทันใดนั้นอณูสีดำก็ได้แผ่พุ่งออกมาจากร่างสร้างหมอกควันสีดำบาง ๆ ปกคลุมไปทั่วร่าง แล้วเรื่องราวน่าอัศจรรย์ก็ปรากฎขึ้น ส่วนสูงของแม็กลดลงเล็กน้อยตามความสูงของแองจี้ รูปร่างบึกบึนสมชายยืดหดเป็นสัดส่วนโค้งเว้าสุดแสนเร้าใจ ก่อนจะกลายไปเป็นร่างที่เหมือนกับแองจี้ในชุดนักบวชสีฟ้าครามอย่างไม่อาจแยกออก

แรกสุดนั้นแม็กยังไม่รู้ตัวว่าทักษะแสดงผลแล้วจึงยังยืนงงเล็กน้อย จากนั้นจึงค่อยตื่นตกใจเมื่อก้มหน้าลงไปสังเกตเห็นมือที่เรียวเล็กของตัวเอง รวมถึงหน้าอกอวบที่เด้งชูชันออกไปจากร่าง พอลองลูบคลำสำรวจเนื้อตัวแล้วก็พบว่าร่างของเขากลายเป็นนุ่มนิ่มเต่งตึงราวกับผิวกายของแองจี้

“อืมมมม …”

ด้วยความคิดอันทะลึ่งทะเล้นทำให้แม็กลองใช้สองมือขยำที่อกอวบตนเอง แล้วบีบเคล้นแรง ๆ และผลที่ได้ก็คือเสียงครางแว่วหวานของผู้หญิงที่ดังออกมาจากปากตัวเอง เพราะว่ามันเสียวแปล๊บจนขนลุกซู่

ความรู้สึกแปลกประหลาดนี้ทำให้แม็กขนหัวลุก รีบเลิกการลวนลามร่างกายตัวเอง แล้วหันไปเปลี่ยนร่างเรื่อย ๆ จากแองจี้ ไปเป็นคาร่า มีอา แอสโมดิอุส อะโฟรไดที ไดโอนี จนครบทุกคนเท่าที่เขานึกออก และเขาก็ได้พบว่าการเปลี่ยนร่างนี้ใช้เวลาเพียงแค่วินาทีเดียวก็เสร็จ และสามารถเปลี่ยนได้เรื่อย ๆ โดยใช้พลังเวทย์เพียงครั้งละหนึ่งพันหน่วย โดยต้องเว้นระยะห่างในการเรียกใช้หนึ่งนาทีเป็นอย่างน้อย

คนไม่รู้เรื่องเกมอย่างแม็กเอียงคอไปมา พยายามนึกหาประโยชน์ของทักษะนี้ แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก จึงตัดสินใจว่าทักษะนี้แค่สนุกแต่ไร้ประโยชน์ ซึ่งหากว่าผู้เล่นคนอื่นมาได้ยินเข้าล่ะก็ คงจะต้องร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด เพราะนี่นับเป็นอีกทักษะที่โกง โดยเฉพาะหากผู้ใช้คือสายลับหรือนักฆ่า เพราะจะสามารถแปลงร่างเข้าไปแทรกซึมได้ในทุกพื้นที่

“ทักษะหยั่งรู้สภาพ? ทำอะไรได้บ้างหว่า?”

แม็กลองเลื่อนสายตาไปทักษะถัดไปที่ได้มาจากคาร่า แล้วทดลองเรียกใช้พร้อมกับหันไปมองดูคาร่า ซึ่งการใช้ทักษะในครั้งนี้ไม่ได้มีแสงสีอะไรให้ตื่นตาตื่นใจ มีก็แค่ข้อความที่เด้งขึ้นมาบนหน้าจอของระบบเกี่ยวกับรายละเอียดของเป้าหมายเท่านั้น

ชื่อ : คาร่า เผ่าพันธ์ : ครึ่งเทพครึ่งมนุษย์ ระดับ : 390 คลาส: 3
อายุ: 15 ปี 11 เดือน ส่วนสูง: 156cm น้ำหนัก: 40kg สัดส่วน: 33-22-32
พลังชีวิต : 1,510,000 / 1,510,000
พลังเวทย์ : 6,910,000 / 6,910,000
พลังจิต: 450 / 450
พลังปราณ: 450 / 450
ความแข็งแกร่ง : 80
ความคล่องแคล่ว : 450
ความอดทน : 85
ความฉลาด : 675
ความแม่นยำ : 210
ความโชคดี : 62
อาชีพ : Oracle (นักพยากรณ์ คลาส 6), Hunter (นักล่า คลาส 4)
ตำแหน่ง: แม่หมอพยากรณ์ประจำชนเผ่ากีร่า

ทักษะ
– พยากรณ์ ระดับสิบดาว
– หยั่งรู้ ระดับสิบดาว
– …

แม็กให้ความสนใจกับข้อความสองบรรทัดบนมากที่สุด เพราะนั่นมีข้อมูลพวกอายุ สัดส่วน ที่เขาสนใจ ทักษะนี้จึงถูกใจเขาเป็นพิเศษโดยไม่ได้สนใจข้อมูลส่วนล่างมากนัก ทั้งที่หากเป็นนักเล่นเกมตามปกติแล้วล่ะก็ ข้อมูลค่าพลังและทักษะที่สืบมาได้ง่าย ๆ นี้เรียกได้ว่าเป็นยิ่งกว่าขุมทองเสียอีก ซึ่งก็สมกับที่เป็นทักษะระดับสิบดาว เพียงแต่น่าเสียดายที่เจ้าของทักษะกลับยังไม่รู้คุณค่าของมัน

จากนั้นเขาก็ไล่สายตาไปอ่านทักษะติดตัวที่ได้มาจากการมีเซ็กส์กับแองจี้ ซึ่งได้แก่ทักษะการทำอาหาร และเย็บปักถักร้อย จากนั้นก็เป็นส่วนที่สามซึ่งได้รับมาจากโครนอส โดยที่เขาเน้นหยุดไปที่พรแห่งกาลเวลาเสียก่อน เพราะยังไม่เข้าใจนักว่าจะใช้งานได้อย่างไร

แม็กได้แต่ลองทำตามที่ไดโอนีเคยบอกตอนลงมือฆ่าเขาเอาไว้ เธอบอกว่าการใช้เวทย์กาลเวลานั้นเป็นเรื่องยากยิ่ง เธอเองก็ไม่สามารถสอนได้ แต่หากว่าเขาอยากจะลองฝึก สิ่งแรกที่ควรทำก็คือพยายามสัมผัสกับกระแสของกาลเวลาให้ได้เสียก่อน จากนั้นจึงค่อยควบคุมมัน

ไดโอนีที่ถูกเรียกชื่อเล่นว่าส้มโอ ยังแนะนำเพิ่มว่า เขาเคยโดนโครนอสใช้พลังแห่งกาลเวลาทดสอบมาแล้ว จึงให้ลองสัมผัสกับกระแสพลังที่คล้ายกับช่วงเวลานั้นให้ได้เสียก่อน แต่ก็ยังย้ำว่าไม่ต้องรีบร้อน เพราะการฝึกพลังกาลเวลานั้นต้องใช้เวลานานมาก ไม่แน่ว่าอาจต้องใช้ถึงห้าปีสิบปีเพื่อฝึกระดับพื้นฐานเป็นอย่างน้อย

แม้จะได้ยินว่ายากลำบาก แต่แม็กก็สนใจทักษะนี้เป็นพิเศษ ซึ่งคงเป็นเพราะในโลกความเป็นจริงนั้นเขาเองก็มีพลังจิตเรื่องการมองเห็นล่วงหน้าอยู่บ้างเมื่อมีอันตรายเข้าหา เขาจึงอยากทดลองฝึกสัมผัสสิ่งที่เรียกว่ากระแสแห่งกาลเวลาดู

แม็กหยิบเอาการ์ดจิตแห่งเทพของอะโฟรไดทีออกมาถือในมือ จากนั้นก็เริ่มผนึกเวทย์ธาตุแสงให้เพื่อเพิ่มความก้าวหน้าของการจุติ ซึ่งแม้จะเพิ่มทีละน้อยนิด แต่ก็ยังถือว่าเดินหน้าใกล้เป้าหมายเข้าไปเรื่อย ๆ

ในขณะเดียวกันนั้น เขาก็ผ่อนคลายร่างกายแล้วนอนแผ่หราบนพื้นมองดูนภาดาวที่สวยงามดึงดูดใจ จากนั้นจึงค่อยหลับตาลง แล้วทดลองเปิดสัมผัสรับอะไรก็ตามที่คล้ายกับกระแสเวลาซึ่งโครนอสเคยใช้ทดสอบจนเขาเกือบตาย ซึ่งหากเขาจำไม่ผิดแล้วล่ะก็ เขาเคยสัมผัสอะไรคล้าย ๆ แบบนั้นได้ในโลกความเป็นจริงมาแล้วหลายครั้ง เพียงแต่ไม่ทราบว่ามันคืออะไร ตอนนั้นเขาที่ยังอายุน้อยจึงเกิดความรู้สึกกลัวจนพยายามปิดกั้นไม่อยากรับรู้กระแสพลังนี้

ภายหลังจากผ่อนคลายร่างกาย แรกทีเดียวเขายังไม่รู้สึกถึงอะไรแม้แต่น้อย จวบจนกระทั่งเมื่อจิตใกล้เข้าสู่ภวังค์อยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น กระแสพลังอันคุ้นเคยในวัยเด็กก็ผ่านเข้ามาในความรู้สึก

นั่นคล้ายกับความรู้สึกตอนยืนอยู่ในท้องทะเล เพียงแต่ไม่ใช่สิ่งที่สัมผัสได้จากผิวกาย คล้ายกับต้องรับรู้ด้วยใจโดยไม่สามารถอธิบายหรือพิสูจน์ออกมาในทางวิทยาศาสตร์ได้ กระนั้นที่แตกต่างก็คือ ความรู้สึกของกระแสในครั้งนี้กลับชัดเจนกว่าในโลกแห่งความเป็นจริงนับสิบเท่า

ในห้วงแห่งความรู้สึกของแม็กนั้น ร่างกายของเขาคล้ายกับกำลังลอยคว้างอยู่กลางอากาศ โดยมีกระแสพลังที่แปลกประหลาดนี้พัดพาไปโดยไม่ทราบจุดหมายปลายทาง เขาเพียงรู้สึกว่ามันเป็นกระแสคล้ายพายุหมุน หากทว่าเป็นพายุหมุนที่ยิ่งใหญ่ทรงพลังไม่มีวันหยุดลง และไม่สามารถหยั่งวัดความมหึมาได้

กระแสนั้นพัดพานำสัมผัสของเขาหมุนคว้างเข้าไปในหลุมแห่งความมืดมิดที่คล้ายจะไม่มีทางออก หากทว่าไม่นานนักสัมผัสของเขาก็พุ่งผ่านออกมาจากแสงสว่างสีขาวเจิดจ้า มองเห็นเป็นดวงดารานับไม่ถ้วนที่สว่างเจิดจ้าในห้วงอวกาศ จากนั้นสัมผัสของเขาก็วกกลับมาอยู่ที่เก่า อยู่บนผืนหญ้าในผืนป่าอันยิ่งใหญ่แห่งนี้

สัมผัสของเขาเริ่มจากร่างกายภายใน สัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจ ทิศทางการวิ่งของกระแสเลือดสีแดงในร่าง จากนั้นก็แผ่ขยายออกมาทีละน้อย เริ่มจากสำรวจไปตามใบหญ้าและผืนดินที่นอนทับอยู่

สัมผัสยิ่งมายิ่งแผ่ขยายออกไปไกลลิบราวกับไม่มีที่สิ้นสุด แม้จะไม่ได้ลืมตามอง แต่แม็กกลับสัมผัสได้ว่ามีสิ่งมีชีวิตใดบ้างที่อยู่โดยรอบ เขาสามารถนับได้ว่ามีนกกลางคืนบนต้นไม้กี่ตัว ทราบได้ว่ามีหนอนแมลงที่ซุกอยู่ในผืนดินอบอุ่นตรงตำแหน่งใดบ้าง แม้แต่การเคลื่อนไหวของค้างคาวบนท้องฟ้าก็ยังอยู่ในประสาทสัมผัส และนั่นคือความรู้สึกที่แปลกพิสดารและสุขล้นจนเผลอหลั่งน้ำตาออกมา

‘ได้รับทักษะ สัมผัสแห่งกาลเวลา ระดับ 10 ดาว – ทักษะติดตัว สามารถสัมผัสได้ถึงกระแสแห่งกาลเวลาของสรรพสิ่ง เพื่อใช้เป็นพื้นฐานในการควบคุมกาลเวลา (92/100)’

ข้อความของระบบเด้งขึ้นมาเพื่อเป็นการยืนยันความสำเร็จอันยิ่งใหญ่เหนือคาดหมาย นี่คือทักษะสัมผัสแห่งกาลเวลาที่ไดโอนีคาดว่าคงใช้เวลาอย่างน้อยที่สุดห้าปีในการฝึกฝน ซึ่งนั่นนับเป็นการประเมินอย่างสูงแล้วในสายตาของไดโอนี แต่เธอก็คงคาดไม่ถึงว่าใครบางคนจะทำได้โดยไม่ยากลำบากนัก อีกทั้งยังได้ระดับของทักษะเกือบเต็มร้อยเทียบเท่ากับโครนอสด้วยซ้ำ

ที่เธอคาดไม่ถึงอีกอย่างก็คือ ทั้งที่ได้รับทักษะระดับสูงที่พร้อมจะต่อยอดให้ถึงระดับตำนานขนาดนี้แล้ว เจ้าตัวกลับยังไม่รู้เนื้อรู้ตัวว่าตนเองได้อะไรมา

แม็กได้ยินเสียงประกาศแต่กลับขี้คร้านจะสนใจ เขาเพียงนอนผ่อนคลายดื่มด่ำกับความรู้สึกของสัมผัสแห่งกาลเวลา จวบจนกระทั่งเผลอนอนหลับไปจริง ๆ โดยที่ในมือยังคงร่ายเวทย์ผนึกธาตุแสงต่อไปเรื่อย ๆ โดยไม่สะดุดหยุดลง

เขายังไม่รู้ด้วยว่านอกจากเขาจะมีความก้าวหน้าด้านเวทย์กาลเวลาแล้ว การผนึกเวทย์อย่างต่อเนื่องไม่หยุดทั้งที่เผลอหลับไปแล้วนั้น ยังเป็นการเปิดประตูสู่การเป็นนักเวทย์อันยิ่งใหญ่ด้วยอีกทางหนึ่ง … กระนั้นนั่นก็เป็นเพียงเรื่องราวในอนาคต เพราะเวลานี้เจ้าตัวยังไม่ได้มีความคิดที่จะนำพลังเหล่านี้ไปใช้กับการต่อสู้เลยแม้แต่นิดเดียว

…………………………

“… เริ่มฝึกกันได้แล้ว”

น้ำเสียงชวนฝันดังขึ้นจนแม็กตื่นขึ้นจากภวังค์ และเมื่อเขามองไปทางต้นเสียงก็ได้เห็นสาวสวยที่มีดวงตาและผมสีเงินชวนเคลิบเคลิ้ม เธอเดินเข้ามาหาด้วยท่วงท่าสง่างามน่าหลงไหล ทรวดทรงองค์เอวที่อวบอัดหนั่นแน่นนั้นยักย้ายยั่วเย้าสะบัดไปมาราวกับร่ายรำ … เวลานี้เขามาอยู่ในความฝันอีกครั้งแล้ว

“เฮ้ย … เดี๋ยว ๆ อย่าเพิ่งเริ่ม คุยกันก่อนซิไดโอนี เอ๊ย ส้มโอ”

แม็กที่กำลังเคลิบเคลิ้มกับความงดงามนั้นรีบร้องห้ามเสียงหลงขณะดีดตัวพุ่งถอยไปด้านหลังสุดตัว เพราะเพิ่งได้เจอหน้ากัน ส้มโอ หรือไดโอนีไททันลำดับที่สิบสามก็พุ่งปราดเข้ามาพร้อมกับฝ่ามือที่ประกบเหมือนมีดดาบจ่อเข้าใส่พร้อมกระซวกแหวกร่างของเขาเสียแล้ว

“… เจ้ามีอะไรก็รีบพูดออกมา เวลาทุกนาทีล้วนแล้วแต่มีค่า”

ไดโอนีหยุดชะงักการโจมตีแรกเอาไว้ก่อนจะแหวกทะลวงผ่านกลางอกของแม็กแบบเฉียดฉิว จากนั้นก็มองดูเขาพร้อมด้วยใบหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึกราวกับก้อนสลักจากน้ำแข็งอันงดงาม

แม็กยิ้มแหย ๆ แล้วค่อย ๆ ใช้มือผลักฝ่ามือนุ่มนิ่มของไดโอนีออกไปด้านข้าง จากนั้นจึงค่อยสูดลมหายใจ แล้วพยายามเรียบเรียงความคิดอันปราดเปรียวตามแผนที่ได้คิดวางไว้ อันดับแรกของแผนการก็คือต้องสร้างความสนิทสนมกับส้มโอเสียก่อน

“รู้น่าว่าทุกนาทีมีค่า แต่บางทีเอาแต่เรียนภาคปฏิบัติอย่างเดียวมันก็ไม่ได้ผลหรอก ต้องมีภาคทฤษฏีบ้าง อย่างน้อยก็ช่วยเล่าให้ฟังหน่อย อย่างพวกวีรกรรมของเผ่าไททัน หรือเหตุการณ์สู้รบที่ทำให้โครนอสพลาดท่า พวกเทพใช้กลโกงอะไรถึงได้ชนะเผ่าไททันที่แข็งแกร่งที่สุดได้ หรือไททันมีความสามารถอะไรบ้าง”

แม็กพยายามอาศัยฝีปากของตัวเองเพื่อสร้างความสนิทสนม โดยพยายามหาหัวข้อสนทนาที่ไดโอนีน่าจะสนใจที่สุด และจากท่าทีของเธอแล้ว เขาคาดว่าเธอคงจะภาคภูมิใจต่อเผ่าพันธุ์ของตัวเองมาก หรืออย่างน้อยก็ต้องโดนโครนอสสั่งสอนมาเช่นนั้น

คำพูดของแม็กดูจะได้ผลอยู่บ้าง เพราะใบหน้าที่เฉยชานั้นแสดงรู้สึกความลังเลออกมาแวบหนึ่ง ก่อนจะลดฝ่ามือที่ประกบเหมือนมีดดาบลงไปอยู่ข้างลำตัว แล้วยืนนิ่งเงียบอีกครู่ใหญ่ทำท่าเหมือนกำลังตัดสินใจ

“… ได้ อย่างน้อยเจ้าก็เป็นหนึ่งในไททัน เจ้าสมควรรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่บรรพกาลบ้าง … เจ้าอยากรู้เรื่องอะไรล่ะ?”

ส้มโอยืนคิดนานพอดูก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย และตอบออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์เช่นเคย หากทว่าแม็กแอบสังเกตเห็นบางอย่างที่แปลกออกไป เขาเห็นว่าวันนี้เธอไม่ได้สวมใส่เกราะอ่อนสีเงินเช่นเคย มีแต่เพียงเสื้อผ้าสีเงินเนื้อบางเฉียบที่รัดรึงเข้ากับเรือนร่างงดงาม และนั่นยิ่งขับเน้นเสน่ห์ตามธรรมชาติของเธอออกมาได้อย่างรุนแรงยิ่งกว่าเดิม

“อันนี้ก็เรื่องนึง แต่ยังมีอีกเรื่องนึงที่ต้องคุยกันก่อน … คราวก่อนส้มโอบอกว่าถ้าโจมตีโดนหนึ่งครั้ง จะขออะไรก็ได้ใช่มั้ย?”

แม็กพยายามเก็บรอยยิ้มยินดีเอาไว้ภายใต้สีหน้าราบเรียบ แล้วหันไปทวงสัญญาแบบตรงไปตรงมา เพราะเขาเชื่อว่าส้มโอเป็นพวกยึดถือในศักดิ์ศรีใกล้เคียงกับเซเฟียนักธนูสาวสวย เพียงแต่ในเวลาเดียวกันเขาก็ยังสัมผัสได้ว่าส้มโอไม่ได้ยึดติดมากเท่าเซเฟีย และพร้อมจะบ่ายเบี่ยงได้หากเธอไม่เห็นด้วย

“… แน่นอน แล้วเจ้าอยากได้อะไรล่ะ?”

“จูบ … ทุกครั้งที่เข้ามาในนี้ขอหนึ่งจูบต้อนรับ และก่อนออกไปก็ขออีกหนึ่งจูบเพื่อลา แค่นี้แหละ”

แม็กบอกในสิ่งที่เขาต้องการตรง ๆ อีกครั้ง ซึ่งความจริงแล้ว เขาคิดอยากจะขอมากกว่าจูบเสียด้วยซ้ำ แต่เกรงว่าจะมากไปจนส้มโอขุ่นเคืองและบ่ายเบี่ยง ดังนั้นเขาจึงลดข้อเสนอลงมาเสียหน่อย และเผื่อให้เธอต่อรอง ซึ่งเดาว่าเธออาจจะขอต่อรองเหลือจูบเพียงครั้งเดียว

“ตกลง”

“… หา … ว่าอะไรนะ ตกลงเหรอ? ไม่ต่อรองอะไรเลยเหรอ?”

คำตอบตกลงโดยไม่มีท่าทีลังเลของส้มโอกลับเหนือความคาดหมาย แม็กจึงเกิดอาการเหวอไปพักใหญ่ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงตกลงง่ายดายถึงเพียงนี้

“ใช่แล้ว เมื่อข้าสัญญาไว้ ก็ต้องทำตามสัญญา เจ้าเรียกร้องอะไรข้าก็จะกระทำตาม หรือเจ้าคิดว่าข้าจะผิดคำสัญญา … ว่าแต่จูบคืออะไร?”

คำถามของส้มโอทำให้แม็กหายสงสัย แม้ว่าเธอจะเก่งกาจจนวัดระดับไม่ได้ แต่ก็ดูเหมือนว่าเธอจะยังเป็นเพียงสาวไร้เดียงสาไม่รู้จักเรื่องราวรัก ๆ ใคร่ ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ และเมื่อเป็นเช่นนี้หนุ่มนักรักอย่างเขาก็ยิ่งยิ้มกริ่มยินดี เพราจะมีใครบ้างเล่าที่ไม่ชื่นชอบสาวบริสุทธิ์

“… อืม เมื่อวานก็ทำไปแล้วไง … เอาแบบนี้ล่ะกันให้อธิบายคงยาก ขอลงมือทำเลยล่ะกัน ส้มโอยืนนิ่ง ๆ นะหลับตาด้วยล่ะ”

แม็กพูดพลางเดินเข้าไปหาช้า ๆ ตอนนี้ส้มโอดูเหมือนจะรู้แล้วว่าจูบคือสิ่งที่เขาทำกับเธอเมื่อคราวก่อน ดวงตาคู่สวยจึงเบิกกว้างเล็กน้อย แต่ก็ยังอยู่นิ่งยืนตัวเกร็งฝืนหลับตาลงช้า ๆ

แม็กกลืนน้ำลายดังอึกเมื่อได้ยลใบหน้าที่งดงามสะพรั่งในระยะประชิด เขาลอบสังเกตมองดูลำคอขาวสล้าง และไล่ลงไปที่ร่องนมอวบอิ่มด้วยความรู้สึกตื่นตัวจนปวดหนึบ แต่ก็ยังพยายามควบคุมสติยื่นสองมือไปโอบกอดร่างงามด้วยความแผ่วเบาราวกับสามีโอบประคองภรรยาในคืนเข้าห้องหอ

เขาสัมผัสได้ถึงอาการสั่นสะท้านเล็กน้อยของเรือนร่างงดงาม จึงลดความตื่นกลัวของเธอด้วยการสัมผัสแนบริมฝีปากอย่างแผ่วเบา เขาเสพความนุ่มนิ่มของริมฝีปากและกลิ่นหอมหวานที่ฟุ้งออกมาอย่างใจเย็น รอคอยจนอาการเกร็งของเธอลดทอนลงจึงค่อยแนบริมฝีปากเข้าไปบดบี้หนักหน่วงกว่าเดิม

ฝ่ายหนึ่งเป็นสาวไร้เดียงสาอ่อนประสบการณ์ อีกฝ่ายหนึ่งเป็นหนุ่มนักรักประสบการณ์ช่ำชอง ไม่ต้องบอกก็พอรู้ได้ว่าใครจะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ ส้มโอพยายามเม้มปากเข้าหากันตามสัญชาตญาณ แต่ก็เฉกเช่นครั้งก่อนหน้า เพียงเขาใช้มือลูบไล้ไปตามผิวกายครู่เดียวริมฝีปากก็เผยออ้าส่งเสียงครางแว่วหวานออกมา

พริบตานั้นลิ้นของแม็กก็สอดแยงเข้าไปตวัดพัวพันคละเคล้าด้วยกิริยานิ่มนวล ส้มโอถึงกับหัวหมุนติ้วในขณะที่ลิ้นของเขาสอดแทรกสำรวจไปตามไรฟันและโพรงปากเปียกชื้น กระทั่งเมื่อเขาแยงลิ้นเข้าไปมาพัวพันระรัวสัมผัสกับลิ้นของเธอ เนื้อตัวของเธอก็เกิดอาการอ่อนระทวยผวาสะท้านโอบสองแขนไปกอดรัดกับแผ่นหลังของเขาอย่างแนบแน่น

เสียงจุ๊บจ๊วบของการดูดปากดูดลิ้นดังแผ่วเบาหากทว่าต่อเนื่อง ฝ่ามือทั้งสองข้างของแม็กก็เคลื่อนไหวดุจดั่งอสรพิษร้าย บ้างตะปบขยำลงไปบนทรวงอกอวบอิ่มแล้วบีบขย้ำเคล้นคลึงจนส้มโอตัวกระตุกสั่น และในคราวนี้เธอมิได้สวมใส่ชุดเกราะแข็งกระด้างแบบคราวที่แล้ว ทุกสัมผัสจึงปลุกเร้าจนอารมณ์ของเธอปั่นป่วนร้อนแรง

นั่นเป็นหนึ่งจูบที่เนิ่นนานอย่างจงใจ แม็กวางแผนไว้แล้วว่าจะกระตุ้นอารมณ์ของส้มโอให้มากที่สุด และระดับฝีมือของเขานั้นน่าจะไม่พลาด การจูบครั้งนี้จึงต่อเนื่องปลุกปั่นอารมณ์ไม่หยุดยั้งจนส้มโอหน้าแดงก่ำ ร่างระทดระทวยบิดไหวไปมาด้วยอารมณ์กำหนัดร้อนแรง ซึ่งสังเกตได้จากมือทั้งสองข้างของเธอที่กำลังตะปบขยำสะโพกและแผ่นหลังแกร่งกำยำของเขาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังขยับบดเบียดร่างแนบเข้าหาเขาอย่างร้อนรนทุรนทุราย

“อาา อืมมมมม โอวววว อืมมมม”

เสียงครวญครางเร่าร้อนหลุดออกมาจากริมฝีปากบางทันทีที่แม็กปลดปล่อยให้เป็นอิสระ หากทว่านั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะหยุดยั้งลงแค่นั้น เพราะเขาเพียงแค่เปลี่ยนเป้าหมายเป็นจูบพรมไปที่ปรางแก้มซึ่งเริ่มมีแสงฝาดขึ้นมา จากนั้นก็ซุกไซร้ลงไปที่ลำคอขาวละลานตาจนส้มโอแอ่นร่างสะท้านคร่ำครวญ

ร่างงามที่อ่อนระทดระทวยราวกับขี้ผึ้งโดนวางลงบนพื้นอย่างแผ่วเบา หากทว่าการซุกไซร้เสพความหอมหวานของผิวเนียนกลับยิ่งดุเดือดร้อนแรง เขาอ้าปากงับฝากรอยจ้ำแดงบนลำคอขาว ก่อนจะขยับเลื่อนต่ำลงมาจูบพรมที่หัวไหล่ พร้อมกับปลดรูดชายเสื้อสีขาวที่เกี่ยวอยู่ลงไปด้านล่างเพื่อปลดปล่อยความงามของทรวงอกอวบอูมดุจภูเขาสองลูก

“อ๊ายยยยย”

ส้มโอตัวกระตุกเฮือกส่งเสียงร้องแว่วหวาน เต้าคู่งามโดนเขาบีบเคล้นขยำขยี้อย่างเมามันส์ สลับกับอ้าปากงับดูดเลียเสียงดังจ๊วบ ปลายถันสีชมพูอ่อนโดนกระตุ้นจนแข็งเต่งเป็นเม็ด อารมณ์ความสุขกระสันต์ที่พลุ่งพล่านปั่นป่วนทำให้หัวสมองของเธอขาวโพลน สองมือขยับไปจิกกดหลังศีรษะของแม็กกดเข้าหาทรวงอกของตัวเองด้วยกิริยากระหายเร่าร้อน

แม็กเสพความหอมหวานกระตุ้นจนคิดว่าเพียงพอแล้วก็เริ่มที่จะทำการโจมตีขั้นถัดไป ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดว่าการได้ร่วมรักกับไดโอนีนั้นเป็นเรื่องยากลำบากยิ่ง หากทว่าเขากลับพบว่าเธอไร้เดียงสากว่าที่คิดจนไม่มีรู้ว่ากำลังจะโดนทำอะไร อีกทั้งยังมีปฏิกิริยาตอบสนองรุนแรงจนคาดไม่ถึง ดังนั้นเวลานี้น่าจะสมควรที่จะเร่งปิดเกมเสียที

มือขวาของแม็กปล่อยเต้าอวบที่ถูกบีบจนบิดเบี้ยวให้มันดีดเด้งกลับไปสู่สภาพกลมดิกเช่นเดิม แล้วลูบเลื้อยผ่านหน้าท้องเรียบเนียนมุดเข้าไปในร่มผ้าด้านล่าง ด้วยเจตนาจะเสพสัมผัสกับจุดยุทธศาสตร์ของสาวงามให้เต็มฝ่ามือ เวลานี้เขาเต็มไปด้วยความกระหยิ่มยิ้มยินดีที่จะได้ครอบครองสาวงามอีกคน ซึ่งเขามั่นใจว่าส้มโอจะต้องติดอันดับหนึ่งในสุดยอดร้อยแปดสาวงามอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาคาดหวังกลับไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิด เพียงปลายนิ้วแตะสัมผัสกับกลีบกุหลาบในร่มผ้า สิ่งแปลกประหลาดก็บังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ความเย็นเยียบราวกับตกลงไปในหล่มน้ำแข็งแทรกซึมผ่านปลายนิ้วขึ้นมารวดเร็วเหมือนโดนไฟฟ้าช๊อต พริบตาเดียวกระแสความเย็นนั้นก็แผ่ไปทั่วร่างจนเขาตัวกระตุกออกจากอ้อมกอดนุ่มนิ่ม แล้วดิ้นพล่านทุรนทุรายบนพื้นด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส

ส้มโอซึ่งถูกเล้าโลมจนอารมณ์ค้างเติ่งลุกพรวดขึ้นมามองดูด้วยความตื่นตกใจ ในสายตาของเธอเวลานี้กำลังมองเห็นว่าร่างของแม็กโดนความมืดกลืนกิน ผิวของเขาหลอมละลายจนเห็นกระดูก จากนั้นกระดูกก็หลอมละลายราวกับเทียนไขโดนไฟลน เพียงไม่ถึงสิบวินาทีร่างทั้งร่างก็โดนหลอมละลายหายไป แต่ยังดีที่นี่เป็นเพียงโลกแห่งความฝัน เพียงพริบตาเดียวร่างที่ไร้ซึ่งรอยขีดข่วนก็ปรากฎขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

แม้จะไร้ซึ่งอาการบาดเจ็บอันใด หากทว่าความเจ็บปวดอย่างสุดแสนที่ได้สัมผัสเมื่อครู่ทำให้แม็กเหงื่อแตกพลั่กขวัญผวา อารมณ์หื่นกลัดมันที่สั่งสมไว้หายวับไปในทันที เพราะนั่นคือความเจ็บปวดทรมาณที่เขาไม่มีทางทดลองอีกเป็นอันขาด

“นั่นเป็นคำสาปพรหมจรรย์ของพระมารดา … หากผู้ใดที่คิดล่วงล้ำพรหมจรรย์ของข้า จะโดนคำสาปแห่งความมืดที่ร้ายกาจที่สุด … เจ้าคิดจะหลอกลวงพร่าพรหมจรรย์ของข้าซินะ”

ส้มโอลุกขึ้นมายืนด้วยท่าทีอ่อนระโหยโรยแรง แม้ใบหน้าจะยังแดงก่ำด้วยอารมณ์ที่คั่งค้าง หากทว่าแววตาของเธอเริ่มทอประกายเย็นชาเช่นเดิม แม้แต่เสื้อผ้าที่โดนปลดจนหลุดลุ่ยก็ยังโดนสวมใส่เรียบร้อยได้ภายในพริบตา แม็กซึ่งยังขวัญผวากับความเจ็บปวดไม่หายจึงหันไปถามเธอด้วยสีหน้างุนงง

“คำสาปอะไรนะ?”

“คำสาปพรหมจรรย์ เพื่อปกป้องพรหมจรรย์ของข้าเอาไว้จากคนชั่วช้า และเพื่อผูกสัมพันธ์กับนักรบที่แข็งแกร่งพอจะเป็นประโยชน์ต่อไททัน … ไม่ว่าใครก็ตามหากคิดล่วงล้ำพรหมจรรย์จะต้องตายด้วยคำสาป ยกเว้นก็แต่เพียงบุรุษที่สามารถปราบพิชิตตัวข้าซึ่งต่อสู้อย่างสุดกำลังได้เท่านั้น … เจ้าทำให้เราเสียเวลามากเกินไปแล้ว ฝึกซ้อมต่อเดี๋ยวนี้”

เธอตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาอีกครั้ง แม้แต่ใบหน้าก็กลับเป็นเย็นเยียบราวกับรูปปั้นน้ำแข็งเช่นเดิม จากนั้นสาวสวยร้อนรักเมื่อครู่ก็แปรสภาพกลายเป็นเครื่องจักรสังหารอีกครั้ง เธอพุ่งเข้าหาพร้อมกับลงมือฆ่าฟันโดยที่แม็กไม่ทันตั้งตัว เขาจึงโดนฆ่าตายไปอีกครั้งในทันที จากนั้นก็เป็นการถูกฆ่าครั้งที่สอง สาม สี่ ไปเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง

แม็กพยายามใช้ฝีมือป้องกันตัวเองแล้ว แต่เขาพบว่าการลงมือของส้มโอในตอนนี้ดูจะเกรี้ยวกราดรุนแรงกว่าปกติ หากเทียบกับก่อนหน้านี้แล้วเธอยังมีการยั้งมือให้เขาพอป้องกันตัวได้บ้าง แต่ในตอนนี้เธอเหมือนกับหญิงสาวที่กำลังโกรธเกรี้ยวปวดใจ จึงลงมือฆ่าฟันเขาเพื่อระบายอารมณ์เท่านั้น

หลังจากโดนฆ่าฟันไปเกือบยี่สิบรอบติดกัน แม็กก็ยืนนิ่งเฉยอ้าแขนรับความเจ็บปวดปล่อยให้เธอลงมือฆ่าโดยไม่ปัดป้องหรือหลบหนี เพราะเขามองเห็นความเศร้าซึมที่แฝงลึกอยู่ในดวงตาของเธอ

ส้มโอลงมือฆ่าฟันโดยที่เขาไม่ปัดป้องอีกเกือบสิบครั้งก่อนจะค่อยสงบลง ใบหน้าที่แลดูเย็นชาดุจปฏิมากรรมน้ำแข็งแฝงไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจชนิดหนึ่ง เธอมองดูเขานิ่งเงียบไม่แสดงอารมณ์ทางสีหน้า หากทว่าเขากลับสามารถสัมผัสได้ถึงอารมณ์ข้างใน

“อยากฆ่าก็ฆ่าเถอะ ถ้าทำแล้วจะดีขึ้น ก็ระบายอารมณ์เสียให้พอเลย …”

แม็กพูดพลางอ้าแขนเดินเข้าไปหาด้วยแววตาเหมือนเข้าอกเข้าใจ ส้มโอจึงเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาเย็นเยียบแฝงรังสีฆ่าฟัน เธอผลักฝ่ามือแฝงพลังทำลายล้างที่สามารถฆ่าฟันเขาได้ในคราวเดียว แต่แม็กก็ยังคงเดินเข้าหาอย่างไม่สะทกสะท้าน

ตุบ … ฝ่ามือนุ่มนิ่มแตะสัมผัสเข้ากับแผงอกของแม็กแผ่วเบาไร้ซึ่งพลังฆ่าฟัน เขาปล่อยให้เธอแนบฝ่ามือตรงตำแหน่งหัวใจของเขาเช่นนั้น แววตาเย็นชาของเธอเต้นระริกเมื่อสัมผัสได้ถึงความอุ่นที่สัมผัสได้ตรงใจกลางฝ่ามือ ที่ตรงนั้นหัวใจดวงหนึ่งกำลังเต้นตุบเป็นจังหวะ

“ถ้าทนไม่ไหวจริง ๆ ลองร้องไห้ออกมาบ้างก็ได้นะ … ร้องไห้ในนี้ไม่มีใครเห็นหรอก”

แม็กมองสบตากับเธอด้วยสายตาอบอุ่น และพูดปลอบให้กำลังใจพร้อมกับยื่นมือไปโอบกอดให้เธอซุกใบหน้าเข้ากับแผงอกของเขา

เครื่องจักรสังหารที่เต็มไปด้วยความเลือดเย็นแปรสภาพกลายเป็นลูกแมวน้อยที่น่าสงสารอีกครั้ง เธอซุกหน้าลงไปแนบบนอกของเขา แล้วส่งเสียงสะอื้นออกมา น้ำตาอุ่นร้อนทะลักออกมาจนเปียกชุ่ม ราวกับว่าเธอเก็บกดอารมณ์ความรู้สึกเหล่านี้เอาไว้มานานแสนนานและเพิ่งได้ระบายออก

แม็กโอบกอดเธอไว้และใช้มือลูบแผ่นหลังเพื่อแสดงความปลอบโยน ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่ทราบรายละเอียดทั้งหมด แต่จากที่เคยสนทนานั้นเขาก็พอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้อยู่บ้าง

ส้มโอ หรือ ไดโอนี เป็นไททันลำดับที่ 13 ซึ่งถูกเก็บเป็นความลับ เธอไม่เคยออกสู่โลกภายนอก เพียงถูกเลี้ยงในมิติลับที่ไม่มีใครเข้าไป ทุกวันมีแต่การฝึกฝนฝีมือให้แข็งแกร่งจากไททันอื่น ๆ จวบจนกระทั่งโดนล่าล้างเผ่าพันธุ์หลงเหลือเพียงเธอคนเดียว

เขาเดาว่าโครนอสเก็บเธอไว้ใกล้ตัวเพื่อประโยชน์ในการฟื้นฟูเหล่าไททัน ดังนั้นไม่ว่าโครนอสจะถูกกักขังมานานเพียงใด เธอก็ถูกกักอยู่ในความมืดด้วยช่วงเวลาที่เท่ากัน และนั่นนับได้ว่าเป็นสิ่งโหดร้ายยิ่งสำหรับสตรีดีงามที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาคนหนึ่ง

แม็กเริ่มรู้สึกได้ถึงความโกรธเกรี้ยวในใจ หากทว่าเขาไม่ทราบว่าควรจะเอาความโกรธไปลงกับใครดี เขาควรจะโกรธโครนอสหรือไม่ หรือควรจะโกรธพวกเผ่าเทพที่ล่าล้างเผ่าพันธุ์ไททัน หรือควรจะโกรธแม่ของเธอที่ใช้คำสาปบ้า ๆ ทำเหมือนเธอเป็นสินค้าหรือของรางวัล

เขาโอบกอดร่างที่ยังคงสะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดด้วยความรู้สึกหลากหลาย แต่เวลานี้เขาทราบแล้วว่าเขาอยากทำอะไร เขาจึงกอดเธอไว้จนแน่น แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราวกับจะสัญญากับเธอ

“คำสาปพรหมจรรย์งั้นเหรอ … ไม่ว่าจะต้องฝึกให้เก่ง หรือว่าทางไหนก็ตาม แต่ขอสาบานเลยว่าจะทำลายมันให้ได้เลย คอยดูเถอะ”

…………………………………………………

แม็กตื่นตั้งแต่เช้ามืดเพราะโดนปลุกโดยที่ไม่ได้ฝึกอะไรเลย นอกจากปลอบโยนให้กำลังใจไดโอนี เขาบอกกับตัวเองว่าต้องแข็งแกร่งกว่านี้ จึงเริ่มมีความตั้งใจต่อการฝึกมากกว่าเดิม

คาร่าคล้ายจะรับรู้ได้ถึงความตั้งใจนั้น เธอจึงสั่งสอนวิถีแห่งนักล่าให้แม็กและมีอาอย่างจริงจังกว่าเดิม โดยเริ่มจากการล่าสัตว์ขนาดเล็กเช่นกระต่ายป่า เขาฝึกฝนการวางกับดัก การตามรอยไล่ล่า รวมถึงการฝึกความเร็วในการวิ่งไล่กระต่ายตัวเล็กโดยมีต้นไม้ใบหญ้าเป็นสิ่งกีดขวาง

หลังจากล่ากระต่ายได้สำเร็จ ก็เป็นการฝึกแล่เนื้อและชำแหละ เพราะเผ่ากีร่าสอนให้ทุกคนไม่ล่าพร่ำเพรื่อ เมื่อล่าแล้วต้องเก็บทุกส่วนไว้ใช้ประโยชน์

จากนั้นในช่วงบ่าย ก็เริ่มเป็นการล่าสัตว์กินพืชขนาดใหญ่ขึ้น เช่น กวาง และหมูป่า เขาถูกสอนให้ใช้กับดัก และอุปกรณ์การล่าเช่นไม้ปลายแหลม รวมถึงคันธนู ซึ่งปรากฎว่าเขายังทำได้ไม่ดีนัก

แม้จะมีเรี่ยวแรงกำลังกว่าปกติ แต่ด้านเทคนิคและความแม่นยำนั้นยังต้องพัฒนาอีกมาก การย่องเข้าหาเหยื่อยังไม่ดีพอ เหยื่อจึงได้กลิ่นหรือได้ยินเสียงจนรู้ตัววิ่งหนีเตลิดไปก่อน การใช้ไม้ปลายแหลม และธนูก็ยังไม่เฉียบคมพอ โจมตีพลาดบ้าง หรือโดนตำแหน่งไม่สำคัญบ้าง สรุปก็คือเขายังไม่สามารถล่าสัตว์ขนาดกลางได้

ค่ำคืนนั้นเขาถูกคาร่าตัดสินว่าไม่ผ่าน จึงห้ามใกล้ชิดกับเธอและมีอา มีอาแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยเล็กน้อย แต่แม็กยอมรับว่าเขายังทำได้ไม่ดีพอ เขาจึงอาสาเป็นยามเฝ้ารอบแรกเพราะยังนอนไม่หลับ มีอาจึงได้แต่ไปนอนหลับด้วยความเมื่อยล้า เหลือแต่เพียงเขาและคาร่าที่ยังคงนั่งอยู่ข้างกองไฟ

“… คาร่า … รู้วิธีคลายคำสาปมั้ย? … คงรู้ซินะว่าหมายถึงคำสาปอะไร”

แม็กหันไปปรึกษาคาร่าโดยไม่ได้บอกรายละเอียด เพราะด้วยฐานะแม่หมอพยากรณ์ทำให้เขาคิดว่าเธอน่าจะรู้เรื่องราวอยู่แล้ว และเขาก็เดาไม่ผิด

“คำสาปพรหมจรรย์จากอูรานอสและไกอา จัดเป็นคำสาประดับตำนานตั้งแต่สมัยบรรพกาล ไม่มีตำนานอันใดเล่าขานว่าคำสาปนี้สามารถแก้ไขได้ แม้แต่นักบวชหรือเทพระดับสูงก็ยังมิอาจลบล้างมันได้ เพราะมีความเสี่ยงที่จะทำร้ายผู้ถูกคำสาปด้วยหากแก้ไขไม่ถูกวิธี โดยส่วนใหญ่แล้วจึงไม่มีใครคิดลบล้าง ได้แต่กระทำตามเงื่อนไขของคำสาปให้ถูกต้อง”

“งั้น … เงื่อนไขที่ว่าก็คือ การเอาชนะส้มโอด้วยตัวคนเดียวให้ได้ซินะ? แถมเธอต้องเอาจริงด้วยซิ”

“ใช่แล้ว เธอไม่ได้โกหก นั่นเป็นเงื่อนไขที่ถูกสร้างขึ้น เพื่อเตรียมให้เธอเป็นเครื่องบรรณาการแก่ผู้ใดก็ตามที่แข็งแกร่งพอจะให้ไททันใช้ประโยชน์ได้”

“… เอาชนะงั้นเหรอ … จะไหวเหรอเนี่ย … ขนาดล่ากวางยังทำไม่ได้เลย”

แม็กยิ้มด้วยความรู้สึกห่อเหี่ยวใจ เวลานี้เขายังมองไม่เห็นทางที่จะเอาชนะได้เลย อย่างน้อยก็ไม่ใช่ภายในเร็ววันนี้แน่ ๆ

คาร่าหันมามองท่าทางเซื่องซึมของแม็กแล้วส่งเสียงหัวเราะคิก เธอขยับเข้าไปกอดเขาจากด้านหลังด้วยท่าทีให้กำลังใจ ตามด้วยการหอมแก้มเขาฟอดใหญ่

“คิก คิก … ไม่รู้ซินะคะว่าจะไหวมั้ย แต่สัญญากับเธอแล้วนี่นาว่าจะช่วยทำลายคำสาป หรือว่าจะยอมแพ้ไม่รักษาสัญญา?”

“… ยังไม่ได้ยอมแพ้หรอก แต่ขอท้อแท้นิดนึงก็แล้วกัน ส้มโอเก่งเกินไป กว่าจะแซงได้คงอีกนาน”

“ดีแล้วล่ะ จะได้มีเป้าหมายในการฝึกให้มากกว่าเดิม ความแข็งแกร่งไม่ใช่จะได้มาง่าย ๆ ต้องผ่านการฝึกฝนด้วยความอดทน หากไม่มีความแน่วแน่เพียงพอ ไม่นานนักก็จะยอมแพ้”

“อืม ๆ เอาเถอะ ไม่ยอมแพ้หรอก คาร่าไปนอนเถอะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”

“คิก คิก ระวังเผลอหลับระหว่างเฝ้ายามอีกล่ะคะ ถึงแถวนี้จะไม่มีสัตว์ดุร้าย แต่ก็ไม่ควรประมาท … อืม จริง ๆ แล้วการแก้คำสาปก็ไม่แน่ว่าจะต้องแค่ทำตามเงื่อนไขอย่างเดียวหรอกนะ มันมีวิธีอื่นให้ลองพยายามได้อีก ลองคิดดูดี ๆ ซิคะว่าแม็กมีอะไรอยู่บ้าง”

“แก้คำสาปเหรอ … อืมม … เอ๊ะ … หรือว่าเวทย์ของนักบวช ใช่แล้ว นักบวชมีอักขระแก้คำสาปอยู่นี่นา น่าจะพอใช้ได้มั้ง … ขอบใจนะคาร่า เดี๋ยวไว้ต้องลองดูหน่อยแล้ว ตอนนี้ขอทบทวนหน่อยดีกว่า ไม่รู้จะลืมไปหรือยังเนี่ย”

แม็กลืมตาโพลงเมื่อได้ยินคาร่าพูดชี้แนะ เขาเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองก็มีอาชีพเป็นนักบวชระดับสูง ซึ่งมีจุดเด่นในด้านการขับไล่สิ่งชั่วร้ายและคลี่คลายคำสาป ตอนนี้เขาจึงหันไปหอมแก้มคาร่าหนึ่งฟอด แล้วขยับตัวมาทดลองวาดอักขระแห่งแสงทั้ง 64 ตัว เพื่อฟื้นฟูความจำ

คาร่ามองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาดเล็กน้อย แต่แล้วก็เปลี่ยนไปเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เหมือนมีอะไรบางอย่างที่ยังไม่ได้พูดออกมา เธอทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นแม็กคร่ำเคร่งฝึกฝนการใช้อักขระเวทย์แห่งแสงก็เปลี่ยนใจ ทิ้งตัวลงนอนแล้วพูดแนะนำอะไรเล็กน้อย

“อักขระแห่งแสงระดับสูงน่ะมีพลังมากก็จริง แต่อักขระเดี่ยว ๆ มีพลังจำกัด ถ้าจะฝึก ก็ต้องฝึกเอาอักขระพวกนี้มาผสมเรียบเรียงเข้าด้วยกันเพื่อเสริมพลัง เวทย์ระดับสูงบางบทอาจจะมีบันทึกไว้ในตำราระดับสูง แต่ตอนนี้ไม่มีก็ต้องทดลองผมอักขระเอาเอง ลองทำดูซิ ถ้าทำดี ๆ ล่ะก็ จะได้เวทย์ระดับสูงถึงขั้นมหาเวทย์ได้เลยนะ”

“… อืม เดี๋ยวจะทดลองดู ขอบใจนะ”

แม็กส่งเสียงอืมโดยไม่ได้หันมามองคาร่า เขากำลังพยายามใช้สมาธิเพื่อขบคิดเรียบเรียงความสามารถของอักขระทั้ง 64 ตัวในหัวเสียก่อน แล้วจึงค่อยทดลองผสมรวมพวกมันให้เป็นเวทย์บทใหญ่ เวลานี้เขาจึงไม่ทันเห็นรอยยิ้มของคาร่าที่มองดูเขา

คาร่าทำท่าเหมือนกำลังมีความคิดขัดแย้งกับตัวเอง ใจหนึ่งเธอก็อยากปล่อยให้เขาฝึกฝนเช่นนี้ แต่อีกใจก็อยากลุกขึ้นไปบอกใบ้วิธีแก้คำสาปที่เขาสามารถทำได้เลยให้เขารู้ แต่เมื่อคิดไปแล้วก็ตัดสินใจที่จะไม่บอกให้ชัดเจน เพราะอยากให้เขาตั้งใจฝึกฝนให้เก่งขึ้นเพื่อรับมือกับศัตรูอันร้ายกาจในอนาคต

‘อืม เอาไงดีนะ … ไม่ล่ะ บอกแค่นี้พอแล้ว เราก็อุตส่าห์บอกใบ้แล้ว แต่ดันบื้อแปลความไปอีกอย่างเอง … ก็ดีนะนอกจากฝึกฝีมือแล้ว ยังจะได้พยายามฝึกเวทย์มนตร์ด้วย ถ้าบอกไปว่าคำสาปนี้แก้ด้วยทักษะบางอย่างที่มีอยู่แล้วล่ะก็ คงไม่ตั้งใจฝึกพื้นฐานแหงเลย … ขอโทษด้วยนะจ๊ะไดโอนี … อดทนอีกหน่อยก็แล้วกัน รอให้นายบื้อคนนี้เก่งอีกหน่อย คงจะคิดออกเองแหละ’

คาร่าครุ่นคิดในใจ ก่อนจะผลอยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนอีกคน ปล่อยให้แม็กนั่งฝึกฝนการผสมผสานอักขระเวทย์ธาตุแสงต่อไปด้วยความมุ่งมั่นเพียงลำพัง

…………………………

Share the Post:

Related Posts

ก็รปภ. เขาควยใหญ่นี่คะ

เรื่องเสียว ก็รปภ. เขาควยใหญ่นี่คะ ทักทายทุกคนค่ะ ชื่อ นุ่น นะคะ วันนี้ก็มีประสบการณ์เซ็กที่อยากจะมาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังค่ะ เป็นเรื่องราวของตัวนุ่นเอง กับยามประจำคอนโดที่นุ่นอาศัยอยู่ค่ะ ตัวของนุ่นเอง เป็นคนที่อาศัยอยู่ในเมืองพัทยาค่ะ ที่คอนโดของนุ่นเป็นคอนโดที่อยู่ลึกมาก กลางคืนจึงค่อนข้างดูอันตรายค่ะ ถึงอย่างนั้นแล้วก็ไม่เป็นปัญหากับนุ่นเท่าไหร่ เพราะแถวนั้นก็พอมีชาวบ้านอาศัยอยู่ ด้วยความที่ตัวของนุ่นทำอาชีพเป็นเด็กเอ็นน่ะค่ะ เลยทำให้ในทุก

Read More

รสสวาทหนุ่มโรงงานสุดเงี่ยน

เรื่องเสียว รสสวาทหนุ่มโรงงานสุดเงี่ยน ฉันชื่อ “มะนาว” ค่ะ เด็กบ้านนอกที่หมายมั่นอยากมาเห็นเมืองกรุงฯ ที่แสนศิวิไลซ์ ดังนั้น พอจบ ม.6 ที่บ้านนอกแล้ว เลยไม่ได้เรียนต่อ ประกอบกับ ป้าของฉันที่เปิดร้านอาหารตามสั่งอยู่แถวๆ สามโคกที่ปทุมก็อยากให้มาขายของด้วย เพราะที่นี่มีโรงงานและค่อนข้างขายดีมากๆ จนบางครั้งแกก็ขายไม่ทัน เลยอยากให้ฉันมาขายก๋วยเตี๋ยว โดยให้เงินลงทุน ที่หลับที่นอน

Read More