XO ตอนที่ 34 – เก็บเกี่ยว
………………………………. แม็กเดินตามราชินีฟารินี่ออกไปด้านนอก ในขณะที่เจ้าหญิงพารีสยังคงนั่งรับประทานอาหารอยู่ในห้องเดิม และคราวนี้มีทหารองครักษ์หญิงใส่เกราะสีทองสี่คนรออยู่ด้านนอก พวกเธอเดินห้อมล้อมรักษาความปลอดภัยให้องค์ราชินี โดยให้แม็กอยู่ตรงกลางด้วย แม็กจึงได้แต่เดินตามไปด้วยความสงสัยว่ามหาอุปราชและราชินีสื่อสารกับทหารองครักษ์ได้อย่างไร พวกทหารจึงสามารถออกมารอรับได้ตรงเวลาเสมอ
ราชินีและทหารองครักษ์พาเขาเดินวนเวียนขึ้นบันไดไปด้านบนของวังหลวง จนกระทั่งถึงห้องบนยอดหอคอยห้องหนึ่ง จากนั้นเหล่าองครักษ์ทั้งสี่นางจึงหยุดรอคอยที่หน้าประตู ปล่อยให้เขาเดินเข้าไปในห้องบนยอดหอคอยพร้อมกับองค์ราชินีเพียงสองต่อสอง
สภาพห้องนี้ดูลึกลับแปลกประหลาดไม่น้อย มันมีสิ่งที่คล้ายกับกล้องดูดาวสมัยก่อน มีแผ่นกระดาษจดติดเต็มฝาผนัง และที่ตรงกลางห้องนั้นมีโต๊ะที่นั่ง และมีลูกแก้วใสขนาดเท่าลูกบาสลูกหนึ่งวางอยู่ นั่น
คล้ายกับลูกแก้วที่หมอดูทางยุโรปชอบใช้กัน
“จงนั่ง ข้าจะปิดตาเจ้าไว้ จากนั้นให้เจ้าดูดวงชะตาให้ผู้หญิงคนหนึ่งเพื่อเป็นการทดสอบ จงบอกสิ่งที่เจ้าเห็นออกมาให้หมดสิ้น”
องค์ราชินีกล่าวพร้อมกับชี้ไปเก้าอี้ตรงกลางห้อง จากนั้นเธอจึงค่อยเดินไปเปิดลิ้นชักและควานหาเอาผ้าผืนเล็กมาม้วนพับและมัดปิดตาของแม็กเอาไว้จนดวงตาของเขามองไม่เห็นอะไร หากทว่าที่ราชินีไม่รู้ก็คือประสาทสัมผัสของแม็กนั้นยังคงทำให้เขาสามารถรับรู้จับภาพและเสียงของสิ่งรอบด้านได้ตลอดเวลา
เมื่อราชินีฟารินี่มั่นใจว่าผูกปิดตาเรียบร้อยดีแล้ว เธอก็เดินออกไปทางประตู พูดคุยอะไรกับทหารองครักษ์ทั้งสี่นางครู่หนึ่ง ซึ่งจากประสาทสัมผัสของแม็กนั้นทำให้ทราบว่า องค์ราชินีออกคำสั่งให้ทหารองครักษ์ทั้งสี่นางลงไปอารักขาที่ด้านล่างหนึ่งชั้น ทหารสาวทั้งสี่จึงแสดงท่าทีลังเลครู่หนึ่ง แต่ก็ยอมจากไปโดยดี
ประตูห้องปิดลงอีกครั้ง ราชินีฟารินี่เดินนวยนาดถอดเสื้อคลุมฟูฟ่องแขวนไว้กับราวแขวน แม็กลอบกลืนน้ำลายดังอึก เพราะประสาทสัมผัสของเขาทำให้ทราบว่าภายใต้เสื้อคลุมฟูฟ่องของราชินีนั้น เป็นชุดเดรสเนื้อบางเว้าแหว่งอวดร่องนมขาวโพลนน่าซุกไซร้ ในขณะที่ด้านล่างนั้นชายกระโปรงก็สั้นเต่อจนสัมผัสได้ถึงความขาวโพลนของท่อนขาขาวเพรียว
เสน่ห์เรือนกายของราชินีฟารินี่ทำให้แม็กเริ่มตื่นตัวขึ้นมา ความจริงเขาไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับราชินี เพราะเขาถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงที่มีเจ้าของแล้ว เพียงแต่เมื่อได้อยู่กับเธอในบรรยากาศเงียบงันเพียงสองต่อสองแบบนี้ ความเป็นชายของเขาจึงตื่นตัวขึ้นมาโดยไม่สามารถหักห้ามอารมณ์ลงได้
ราชินีฟารินี่เดินเยื้องย่างเข้ามาด้วยเรือนร่างงามระหง เธอลากเก้าอี้มานั่งตรงกันข้ามกับแม็ก แล้วยื่นมือมาจับกับมือของเขาเอาไว้ พร้อมกับพูดด้วยเสียงที่เปลี่ยนไปจากเดิม เหมือนต้องการหลอกแม็กที่ผูกผ้าปิดตาเอาไว้ว่าเธอไม่ใช่ราชินีฟารินี่ แต่เป็นใครอีกคนหนึ่ง
“เริ่มซิ องค์ราชินีบอกให้เจ้าลองทำนายดวงชะตาของข้าดู”
เสียงนี้ของราชินีฟังไปคล้ายกับเด็กสาววัยรุ่นที่เป็นคนละคนกัน หากแม็กไม่มีสัมผัสแห่งกาลเวลา ต่อให้เขาสงสัยอย่างไรก็คงไม่นึกว่าราชินีจะแกล้งดัดเสียงมาหลอกลวงเขาเด็ดขาด
แม็กสูดลมหายใจเอากลิ่นกายหอมกรุ่นเข้าไปด้วยความเคลิบเคลิ้ม ก่อนจะออกแรงสัมผัสบีบกระชับมือนุ่มนิ่มขององค์ราชินี ใจหนึ่งนั้นเขาพยายามฝืนข่มเพราะไม่อยากผิดกฎเกณฑ์ของตนเองในแง่ที่ว่ายุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงมีเจ้าของ หากทว่าอีกใจหนึ่งนั้นกำลังหวั่นไหวไปกับความงดงามขององค์ราชินี และที่สำคัญการได้ผูกสัมพันธ์กับชนชั้นสูงระดับองค์ราชินีนั้นน่าจะเป็นอะไรที่ตื่นเต้นระทึกไม่น้อย
“อะแฮ่ม สักครู่นะ”
เขาส่งเสียงกระแอมเรียกสติตนเองรอบหนึ่ง ก่อนจะกุมกระชับมือนุ่มนิ่มแล้วเรียกใช้ทักษะหยั่งรู้สภาพ ซึ่งทักษะนี้สามารถสืบค้นรายละเอียดของผู้อื่นได้ เพียงแต่ต้องแตะสัมผัสร่างกายโดยตรงจึงจะสามารถอ่านได้ และยิ่งแตะสัมผัสลึกซึ้งก็จะยิ่งสามารถอ่านรายละเอียดที่ซุกซ่อนออกมาได้มากกว่าเดิม
‘ทักษะหยั่งรู้สภาพ’
แม็กเรียกใช้ทักษะ ก่อนจะลองอ่านข้อความของระบบ ซึ่งยังดีที่เขายังสามารถอ่านข้อความได้แม้จะมีผ้าปิดตาเอาไว้หนึ่งชั้น นี่แสดงว่าข้อความของระบบนั้นแสดงอยู่ในดวงตาของเขาโดยตรง ไม่ได้เป็นข้อความลอยอยู่ด้านนอกอย่างที่เคยคิดเอาไว้
ชื่อ : ฟารินี่ เผ่าพันธ์ : มนุษย์ ระดับ : 125 คลาส: 1
อายุ: 28 ปี 3 เดือน ส่วนสูง: 168cm น้ำหนัก: 43kg สัดส่วน: 38-24-37
พลังชีวิต : 230,000 / 230,000
พลังเวทย์ : 80,000 / 80,000
ความแข็งแกร่ง : 20
ความคล่องแคล่ว : 26
ความอดทน : 24
ความฉลาด : 120
ความแม่นยำ : 40
ความโชคดี : 62
อาชีพ: Wizard (นักเวทย์คลาส 3), Forecaster (นักทำนายคลาส 3), Ptolemy (นักดาราศาสตร์คลาส 3)
ตำแหน่ง : ราชินีแห่งเมืองเลอองนิสต์
ข้อมูลส่วนตัว :
ราชินีฟารินี่แห่งเมืองเลอองนิสต์ เป็นบุตรสาวคนเดียวของมหาอุปราชฟาร์โก้ และนางเพอร์รี่ เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับราชากีแลนในฐานะนางสนมเมื่ออายุ 13 ปี จากนั้นได้ให้กำเนิดบุตรีชื่อพารีสในปีถัดมา เธอได้รับตำแหน่งราชินีแห่งเมืองเลอองนิสต์เนื่องจากราชินีองค์ก่อนสวรรคต
ฟารินี่สูญเสียมารดาตั้งแต่ในวัยเด็ก เธอชื่นชอบการดูดวงดาวและคำทำนาย เธอจึงศึกษาการทำนายทายทักและการดูดวงดาว เธอเชี่ยวชาญการใช้เวทย์มนต์ธาตุแสงในขั้นต้น
ฟารินี่ถูกองค์ราชาสงสัยว่าเป็นตัวการทำให้องค์ราชินีองค์ก่อนสวรรคต เธอและลูกสาวจึงถูกหมางเมินจากองค์ราชา ทั้งคู่จึงไม่ได้ร่วมเรียงเคียงหมอนกันมาเลยตั้งแต่ตั้งครรภ์เจ้าหญิงพารีส
ฟารินี่ …
ฟารินี่ …
ฟารินี่ …
…
ข้อมูลส่วนตัวของราชินีฟารินี่หลั่งไหลออกมาให้แม็กอ่านทีละน้อย เขาจึงอ่านด้วยความรู้สึกตื่นเต้น เพราะไม่นึกว่าจะสามารถรับรู้ข้อมูลส่วนตัวเช่นพวกประวัติได้ด้วย แรกทีเดียวเขาเคยใช้กับคาร่าและเห็นเพียงข้อมูลค่าพลัง จึงเผลอคิดว่าทักษะนี้ทำได้เพียงแค่นี้ แต่ตอนนั้นเขาเพียงแตะแวบเดียวไม่ได้จับมือค้างไว้นานเช่นที่ทำกับองค์ราชินี ข้อมูลจึงไม่ได้ไหลออกมาเหมือนน้ำเช่นนี้
ตอนนี้เขาหายสงสัยแล้ว ว่าทำไมราชินีจึงแสดงท่าทีสนใจการทำนายทายทักมากนัก นั่นเพราะเธอมีทักษะของนักดาราศาสตร์ รวมไปถึงทักษะทางการทำนายอยู่ในระดับคลาสสามนั่นเอง
“อะแฮ่ม ทำไมเจ้าจึงเงียบไป”
องค์ราชินีส่งเสียงกระแอมและพูดด้วยเสียงที่เสแสร้งแกล้งดัดให้เป็นคนอื่น แม็กจึงค่อยรู้สึกตัวและครุ่นคิด เขาไม่แน่ใจว่าควรเปิดเผยให้รู้เลยหรือไม่ว่าเขารู้แล้ว ว่าเธอคือองค์ราชินี และเขายังไม่แน่ใจนักว่าควรจะเปิดเผยข้อมูลในรายละเอียดเยอะแค่ไหน
หากเขาเปิดเผยตรงไปตรงมาอย่างละเอียดเกินควร ความสามารถสุดโกงระดับสิบดาวนี้ก็อาจจะกลายเป็นภัยกับตัวเขาเองก็ได้ เพราะคนใหญ่คนโตอย่างองค์ราชินีคงไม่ยอมไว้ชีวิตคนที่รู้ความลับของเธออย่างแน่นอน
“สักครู่ครับ ผมยังไม่เก่งนัก ต้องใช้เวลาอ่านหน่อย อย่างน้อยก็สัก 10 นาที”
แม็กครุ่นคิดและตัดสินใจ เขาเลือกที่จะบอกกล่าวข้อมูลเท็จเกี่ยวกับความสามารถในการอ่าน หนึ่งนั้นก็เพื่อทำให้ราชินีไม่ระแวงที่จะแตะเนื้อต้องตัวเขา รวมไปถึงคนอื่นที่ราชินีจะบอกความลับด้วย และสองเขาตัดสินใจที่จะทำตัวเหมือนพวกหมอดูลวงโลก คือกล่าวอย่างคลุมเครือไม่เจาะจงชัดเจนตรงประเด็นเสียทีเดียว
“… น่าแปลก … ดวงชะตาของคุณเป็นผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ มีดวงเป็นถึงราชินีของเมืองใหญ่ … น่าแปลกเป็นไปได้ยังไง?”
แม็กนั่งกุมมือนุ่มนิ่มของราชินีพลางเรียบเรียงความคิดเป็นเวลาสิบนาทีอย่างที่บอกไว้ ก่อนจะบอกกล่าวด้วยท่าทีลังเลสับสนไม่แน่ใจ และทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็สัมผัสได้จากสัมผัสแห่งกาลเวลาว่าองค์ราชินีเบิกตาด้วยความตื่นตระหนกวูบหนึ่ง ก่อนจะเผยอยิ้มด้วยความพออกพอใจ กระนั้นเธอยังคงแสร้งดัดเสียงไม่ยอมบอกออกมาว่าเธอคือราชินีฟารินี่
“เจ้าพูดอะไรเพ้อเจ้อ ข้าเป็นแค่ทหารองครักษ์ จะเป็นราชินีได้อย่างไร ไหนลองดูอย่างอื่นต่อซิ”
“… อืม แปลกจริง … งั้นดูต่อ … อืม … ผมเห็นสตรีที่ผูกพันธ์กับดวงดาว คุณมีความเกี่ยวพันลึกซึ้งกับดวงดาว และดวงชะตา คุณมีความสามารถในศาสตร์แห่งการพยากรณ์อันลึกลับ และเป็นที่รักของเหล่าเทพยดาแห่งดวงดาว คุณเคยเป็นเผ่าเทพในอดีตชาติ จึงมีพลังแห่งธาตุแสงหลงเหลือในร่างกาย”
แม็กแสร้งทำเป็นงุนงงทั้งที่แอบขบขันที่ราชินีไม่ยอมเปิดเผยความจริง จากนั้นเขาจึงค่อย ๆ สวมบทบาทหมอดูกล่าวเรื่องราวที่ทราบอยู่แล้วว่าเป็นจริง หากทว่าพูดให้กลายเป็นดูคลุมเครือน่าพิศวง รวมถึงยังกล่าวยกย่องเชิดชูบอกว่าราชินีเคยเป็นเผ่าเทพมาก่อน ซึ่งสิ่งนี้นับเป็นสิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่ในเกมนี้ชื่นชอบถือว่าสูงส่ง
คำทำนายนี้แม้จะไม่ได้บอกกล่าวโดยตรงว่าราชินีชอบเรื่องดวงดาวและการทำนาย แต่การบอกกล่าวอย่างอ้อมค้อมคลุมเครือกลับทำให้บรรยากาศกลายเป็นลึกลับกว่าเดิม ราชินีฟารินี่ซึ่งทราบว่านี่คือความจริงจึงเบิกตาโพลงแสดงออกถึงอาการพลุ่งพล่าน เธอเหมือนกับหญิงสาวที่หลงเชื่อหมอดูคนหนึ่งเข้าแล้ว
“เผ่าเทพงั้นหรือ?”
“ใช่แล้ว ผมสัมผัสได้ว่าคุณเคยเป็นนางฟ้าที่แสนงดงามมาก่อนในชาติภพที่แล้ว คุณเคยเป็นนางฟ้าที่ดูแลหมู่ดาว เพียงแต่เคยกระทำเรื่องผิดพลาดจึงต้องเกิดเป็นมนุษย์เพื่อชดใช้”
แม็กแสดงความสูงส่งในการประจบประแจงชื่นชมออกมาอย่างแนบเนียน คำทำนายนี้เป็นทั้งคำชมว่างดงามดั่งนางฟ้า อีกทั้งยังจี้ตรงประเด็นความชอบของราชินีฟารินี่ที่สุด แม้จะมีศักดิ์ฐานะสูงส่ง แต่เธอก็ยังเป็นเหมือนเด็กสาวที่มากด้วยความฝันอันสวยงามคนหนึ่ง เธอชื่นชอบดวงดาว และใฝ่ฝันอยากเป็นเทพธิดาที่อยู่กับหมู่ดาว สิ่งที่แม็กพูดไม่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ แต่ก็นับว่าเป็นสิ่งที่เธออยากให้เป็นอย่างที่สุดเรื่องหนึ่ง
“… เจ้าเห็นสิ่งใดอีก?”
“อืม ตอนนี้ผมเห็นแค่นี้ ถ้าอยากเห็นมากกว่านี้ต้องสัมผัสร่างกายแนบเนื้อมากกว่านี้ แค่จับมือคงไม่พอ … แต่ถ้าจะสัมผัสมากกว่านี้เกรงว่าจะไม่เหมาะ”
ราชินียังคงดัดเสียงกล่าวด้วยความพลุ่งพล่าน เธอหลงเชื่อถลำลึกแล้ว และเมื่อหลงเชื่อก็ยิ่งต้องการรับฟังมากกว่าเดิม เพียงแต่แม็กซึ่งมากด้วยเล่ห์เหลี่ยมนั้นย่อมไม่ยอมบอกกล่าวง่าย ๆ โดยไร้สิ่งตอบแทน
เขาตัดสินใจวางเหยื่อหลอกล่อทั้งที่ยังลังเลไม่แน่ใจ เพราะไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงมีเจ้าของเสียทีเดียว กระนั้นเขาก็ยังยอมรับว่าเสน่ห์ของราชินีนั้นร้อนแรงเกินกว่าที่เขาจะห้ามใจตนเองอยู่ เขาจึงทดลองวางเดิมพัน หากองค์ราชินีไม่ถลำลึกก็ถือว่าเลิกราแล้วกันไป แต่หากราชินียอมงับเหยื่อที่วางไว้ ก็ต้องถือว่าสวรรค์ดลบันดาลให้รางวัลแก่เขาเอง
“ต้องสัมผัสมากเพียงไหนกัน?”
องค์ราชินีนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะถามไถ่ออกมาด้วยความรู้สึกลังเล นำ้เสียงนั้นคล้ายเด็กสาวที่กำลังหวั่นไหวอยากลิ้มลองประสบการณ์แปลกใหม่ในชีวิต
“… การดูดวงด้วยการสัมผัสนั้น สิ่งสำคัญคือการสืบค้นและอ่านกระแสพลังแห่งเวลาที่แฝงเร้นอยู่ในร่างกาย ดังนั้นยิ่งได้สัมผัสกับสัดส่วนที่อ่อนไหวมากแค่ไหน ก็จะยิ่งสืบค้นและอ่านออกมาได้ละเอียดกว่าเดิม หากต้องการดูโดยละเอียดคงต้องกอดกันในสภาพไม่มีเสื้อผ้าขวางกั้น”
แม็กตีสีหน้าเคร่งขรึมกล่าวอ้างหลักการมั่วซั่วเท่าที่นึกได้ออกมา เขาไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเขาพูดอะไรออกไป กระแสแห่งเวลาอะไรจะอยู่ในร่างกายตรงจุดอ่อนไหว เพียงแต่เมื่อเผลอพูดออกไปแล้วก็ยากจะแก้ไขได้ จึงได้แต่นิ่งเงียบรอการตัดสินใจของราชินี เขาเริ่มไม่แน่ใจว่าองค์ราชินีจะส่งเสียงต่อว่าเขาหรือไม่
“หากเจ้าถอดผ้าปิดตาออก ข้าจะฆ่าเจ้า”
ราชินีกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังในแบบที่คาดไม่ถึง ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นยืนแล้วใช้นิ้วเกี่ยวปลดเปลื้องชุดเดรสร่วงหล่นลงไปกองบนพื้น จากนั้นชุดชั้นในหรูหราสีดำสนิทก็ร่วงหล่นตามลงไป เวลานี้ราชินีฟารินี่แห่งเมืองเลอองนิสต์ซึ่งถูกกล่าวขานว่ามีความงามเป็นลำดับที่สองของเมือง กำลังยืนเปลือยเปล่าด้วยใบหน้าแดงก่ำอยู่เบื้องหน้าเขาแล้ว!!!
แม้จะผูกผ้าปิดตาไว้ แต่แม็กก็สัมผัสได้ถึงสัดส่วนเต่งตึงอวบอิ่มของราชินีฟารินี่อย่างละเอียดยิบ เขาถึงกับรู้สึกว่าการสัมผัสรับรู้เช่นนี้ดีกว่าการมองด้วยตาเปล่าเสียอีก ตอนนี้ร่างกายท่อนล่างของเขาจึงตื่นตัวขึ้นมาแล้ว
องค์ราชินียืนเปลือยเปล่าด้วยท่าทีขวยเขินครู่หนึ่ง จากนั้นจึงค่อยขยับนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม แต่แม็กสัมผัสได้ว่าลมหายใจของเธอหนักหน่วงร้อนแรงกว่าเดิม แม้แต่ดวงตาสวยคู่นั้นก็ยังทอประกายร้อนแรงบางอย่างออกมา
“เจ้าจงถอดเสื้อผ้าออกเดี๋ยวนี้”
เธอส่งเสียงออกคำสั่งที่ทำให้เขางุนงงไม่อยากเชื่อ แต่จากข้อมูลที่ผ่านมา รวมถึงสิ่งที่ได้เห็น เขาเชื่อว่าองค์ราชินีนั้นเปรียบเหมือนแม่บ้านอารมณ์เปลี่ยวผู้หนึ่ง เธอยังสาวและสวยแต่กลับต้องเป็นผู้หญิงที่สามีไม่สนใจใยดี ไม่ได้ลิ้มรสความหอมหวานระหว่างชายหญิงมาสิบกว่าปี ในเวลาปกตินั้นอาจจะไม่มีอะไร แต่เมื่อโดนกระตุ้นเร้าในบรรยากาศที่เป็นใจ อารมณ์ที่เก็บกดอยู่นั้นก็จะเริ่มปะทุเตรียมระเบิดออก
แม็กชะงักนิ่งไปครู่หนึ่ง ไม่นึกว่าเรื่องราวจะดำเนินมาถึงจุดนี้ ทั้งที่ความจริงแล้วเขาหวังจะใกล้ชิดกับเจ้าหญิงพารีสลูกสาวของเธอมากกว่า แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเขากำลังก้าวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับองค์ราชินีโดยไม่ตั้งใจตั้งแต่แรก
อย่างไรก็ตาม แม็กก็ไม่ใช่นักบุญที่ไม่ยอมทำสิ่งชั่วร้าย เขาลุกขึ้นยืนแล้วถอดเสื้ออวดกล้ามเนื้อกระชับกำยำก่อนจะปลดรูดกางเกงอวดความเป็นชายที่แข็งเป็นลำราวกับกระบองไม้ท่อนหนึ่ง และตอนนี้เองที่เขารับรู้ได้ว่าองค์ราชินีกำลังลอบกลืนน้ำลายด้วยอารมณ์ปั่นป่วนพลุ่งพล่าน เขาคิดว่าเขาคิดถูกต้องแล้ว องค์ราชินีก็เหมือนกับแม่บ้านอารมณ์เปลี่ยวเหงาขาดความรักคนหนึ่ง
แม็กขยับลงไปนั่งบนเก้าอี้รอคอย ในขณะที่องค์ราชินีนั้นแสดงท่าทีลังเลสับสน เธอกำลังรู้สึกขัดแย้งระหว่างความถูกต้องและความสุขของตนเอง กระนั้นสุดท้ายเธอก็ตัดสินขยับร่างอวบอิ่มเข้าไปใกล้ชายหนุ่ม แล้วทรุดตัวลงนั่งคร่อมบนหน้าขาของเขาพร้อมกับลมหายที่สับสนปั่นป่วน
‘ราชินีฟารินี่ แห่งเมืองเลอองนิสต์ ระดับความรัก 24% ระดับความใคร่ 52%’
เสียงประกาศของระบบยืนยันในสิ่งที่แม็กครุ่นคิด องค์ราชินีกำลังมีความต้องการ และเขาเองก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ เพราะร่างกายของเขากำลังโหยหาอยากแทรกเข้าไปในความอ่อนนุ่มของเนื้อสาวเช่นกัน
แม็กเริ่มด้วยการโอบแขนกอดรัดร่างบอบบางอ้อนแอ้น ร่างของเธอแนบชิดบดทรวงอกอวบอิ่มกับร่างแกร่งกำยำ ในขณะที่ใบหน้าแดงซ่านนั้นจ่ออยู่กับใบหน้าของเขาจนปลายจมูกแตะสัมผัสกัน
“ผมมองเห็นผู้หญิงที่น่าสงสาร เธอเป็นเหมือนตุ๊กตาที่ต้องฟังคำสั่งของพ่อตนเองตลอดเวลา เธอต้องทำตามคำสั่งมาทั้งชีวิต ต้องแต่งงานกับคนที่ตัวเองไม่ได้รัก ต้องมีชีวิตไปวัน ๆ ตามคำสั่งของผู้อื่น เธอเป็นเหมือนนกน้อยในกรงสีทองที่โหยหาอิสระเสรี แต่ปัญหาก็คือเธอไม่กล้าที่จะโผบินออกมาจากกรงทองด้วยตัวเอง ไม่กล้าที่จะใฝ่หาความสุขด้วยตนเอง”
ในท่วงท่าคล้ายจะจูบปากกันนั้น แม็กไม่ได้รุกต่อ เขาเพียงพูดบอกคำทำนายซึ่งเปรียบเทียบราชินีฟารินี่เป็นเหมือนนกน้อย เธอต้องคอยทำตามคำสั่งของมหาอุปราชฟาร์โก้ผู้เป็นพ่อตลอดมา ทั้งยังตอกย้ำว่าเธอไม่มีความสุขเพราะตัวเธอยังหวาดกลัวที่จะออกจากการควบคุม และคำพูดนี้เองที่ทำให้เธอหวั่นไหวจนหอบหายใจกระเส่าหนักหน่วงกว่าเดิม
ราชินีฟารินี่คล้ายจะตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ เธอโอบแขนกอดรั้งรัดรอบคอของแม็ก ก่อนจะเผยอริมฝีปากจูบใส่ และเมื่อเธอเริ่มเปิดฉาก แม็กก็ตอบสนองกลับอย่างเต็มที่ เขารั้งราชินีมากอดแล้วจูบใส่อย่างหนักหน่วงด้วยลีลารักอันช่ำชองจนเธอสติขาวโพลน
แม็กจูบพลางตะปบฝ่ามือขยี้ลงไปบนสะโพกผึ่งผายและทรวงอกอวบอิ่ม ลีลารักนั้นกระตุ้นเร้าแม่บ้านอารมณ์เปลี่ยวจนพุ่งกระฉูด ราชินีที่เก็บกดอารมณ์รักมาเนิ่นนานกลายเป็นแม่เสือสาวที่แอ่นร่อนสะบัดร่างด้วยลีลารักร้อนแรง
เธอส่งเสียงครวญครางแผ่วสะท้านเมื่อเขาซุกหน้าลงไปอ้าปากงับทรวงเต้าแล้วดูดเลียด้วยความกระหาย เธอจิกสองมือสลับกับลูบไล้ไปตามแผ่นหลังแกร่งกำยำ นอกจากอารมณ์ที่เก็บกดเอาไว้เนิ่นนานแล้ว เธอยังเพิ่งได้รับทราบว่าที่แท้จริงแล้วการร่วมรักนั้นสุขสมหฤหรรษ์มากมายถึงเพียงนี้ นี่แตกต่างจากสิ่งที่เธอเคยกระทำกับสามีของเธอจนเทียบกันไม่ได้เลยแม้แต่น้อย … มันเทียบกันไม่ได้เลย
“โอวววว … อูววววววว”
ร่างเปลือยเปล่ากระตุกสะท้านระริก เธอส่งเสียงครางเริ่มจากแผ่วเบาและค่อยดังขึ้นทีละน้อย ฟารินี่เด้งผวายกร่างขึ้นพร้อมกับแอ่นไปด้านหลัง ในขณะที่เขาละจากสองเต้า และค่อย ๆ ก้มหน้าซุกต่ำลงไปเลียวนที่หน้าท้องเรียบเนียน
ฟารินี่รับรู้ได้ถึงความร้อนรุ่มที่ผุดโผล่ขึ้นมาจากส่วนเร้นลับ เวลานี้เธอรู้สึกปราถนาอยากให้เขาสัมผัสกระตุ้นเร้าส่วนอ่อนไหวจนแทบคลั่ง และเขาเองก็เหมือนจะรับทราบถึงความปราถนานั้น เพราะเพียงครู่เดียว ร่างงามเหมือนนางแบบก็โดนจับยกขึ้นไปวางนอนหงายบนโต๊ะที่อยู่ด้านข้าง
“โอวววสสสสสส กายเวอร์ … โอววววว”
ฟารินี่ส่งเสียงหวีดร้องสุขเสียวเมื่อก้มหน้าลงไปละเลงความหฤหรรษ์ตรงจุดอ่อนไหว นี่เป็นครั้งแรกที่เธอโดนกระทำเช่นนี้ ความเสียวซ่านที่ไม่บันยะบันยังจึงพุ่งวาบทะลุทะลวงไปทั่วร่างงาม เธอแอ่นเด้งสะโพกไม่หยุดยั้ง เพราะความเสียวสยิวที่กระหน่ำทะลักทะลายจนหายใจหายคอแทบไม่ทัน
ราชินียิ่งมายิ่งถ่างอ้าสองขาออกกว้าง เธอจิกสองมือลงไปบนหลังศีรษะของเขาพร้อมกับแอ่นเด้งสะโพกยกขึ้นเป็นระยะ เธอรู้สึกอยากให้เขาซุกแทรกร่างเข้ามาภายใน และวินาทีนั้นเองที่เธอบรรลุถึงจุดสุดยอดจนต้องส่งเสียงหวีดร้องสุขสมออกมาดังลั่นห้อง
‘ราชินีฟารินี่ แห่งเมืองเลอองนิสต์ ระดับความรัก 41% ระดับความใคร่ 76%’
ฟารินี่นอนหอบหายใจกระเส่า ขณะที่แม็กยันร่างลุกขึ้นและอ่านข้อความของระบบด้วยรอยยิ้มสาแก่ใจ เขาตัดสินใจถอดผ้าปิดตาออกเพื่อที่จะได้มองดูความงดงามของราชินีฟารินี่ด้วยตาตนเอง และเวลานี้เธอก็กำลังมองสบตากับเขาด้วยแววตาร้อนแรงไม่สนใจว่าเขาได้ถอดผ้าปิดตาออกแล้ว
“ผมขอล่ะนะครับองค์ราชินี”
แม็กพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ก่อนจะขยับร่างเข้าไปประชิด สองขาขาวเพรียวโดนจับถ่างอ้าออก แล้วจับเอาความใหญ่โตร้อนผ่าวเข้าไปจรดจ่อที่ประตูสู่สรวงสวรรค์ซึ่งกำลังเปียกชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำรัก
ฟารินี่ก้มหน้าลงมองดูความใหญ่โตวูบหนึ่ง ก่อนจะสะดุ้งสะท้านเมื่อสิ่งนั้นสอดใส่เข้าไปในร่าง นั่นเป็นความสุขหฤหรรษ์ที่มาพร้อมกับความคับแน่นจนยากจะเดินหน้าได้ แต่ในเมื่อของเธอชุ่มฉ่ำถึงเพียงนี้ เมื่อเขากัดฟันกรอดเดินหน้าต่ออีกครู่เดียว ความเป็นชายก็ดันพรวดเข้าไปได้จนสุดลำได้ในเวลาไม่นานนัก
“โอวววว ซี้ดดดสสสส อูววววว กายเวอร์ได้โปรด ได้โปรด … อูววววววสสส”
เธอหลับตาปี๋ให้กับความคับแน่นตรงท้องน้อย แต่อารมณ์ที่เดือดพล่านจนถึงขีดสุดกลับเรียกร้องให้เขาเดินหน้าต่อ เธอพยายามถ่างสองขาออกกว้าง ดวงตาคู่สวยเปี่ยมไปด้วยอารมณ์กำหนัดร้อนแรงนั้นจับจ้องเรียกร้องขอความเมตตา
แม็กยิ้มให้กับคำร้องขอของราชินีฟารินี่ เขาตะปบสองมือลงไปขยี้สองเต้าอวบอิ่ม พร้อมกับถอนร่างออกมาช้า ๆ จนเกือบหลุด แล้วเด้งกระแทกกดสวบเข้าไปสุดแรงจนเธอสูดปากซี้ดเด้งผวา
ฟารินี่เหมือนได้พบกับโลกใบใหม่ เธอหลับตาปี๋จิกเล็บลงบนไหล่กำยำราวกับนักรบ บางครั้งเธอก็หรี่ตาปรือมองดูความหล่อเหลาของเทพธนูด้วยความลุ่มหลง ยิ่งเขากระแทกกระทุ้งความใหญ่ยักษ์เข้ามาในร่าง ปากจิ้มลิ้มก็ยิ่งส่งเสียงหวีดร้องระงม รสชาติแห่งความสุขนี้ช่างแตกต่างจากสามีของเธออย่างลิบลับ
เพียงไม่นานฟารินี่ก็ส่งเสียงหวีดร้องกระเส่าออกมาอีกครั้ง แต่คราวนี้ร่างกำยำของแม็กยังคงขยับกระแทกกระทั้นต่ออีกครู่หนึ่ง ก่อนจะกระหน่ำใส่ร่างงามสุดแรงสี่ห้าครั้งเป็นการปิดท้าย แล้วส่งเสียงสูดปากปลดปล่อยกระแสความร้อนไหลทะลักเข้าไปในร่างของเธอ
แม็กทรุดร่างลงไปนอนแนบทับ เขาจูบปากจิ้มลิ้มคราวหนึ่ง ก่อนจะนอนนิ่งหอบหายใจเหน็ดเหนื่อย จวบจนกระทั่งเมื่ออารมณ์แห่งความหฤหรรษ์เริ่มลดระดับลง เขาจึงค่อยขยับร่างขึ้นมามองดูใบหน้างดงามของราชินีฟารินี่ด้วยแววตาที่สามารถหลอมละลายหัวใจผู้หญิงได้ทุกคน
“อีกรอบมั้ย?”
เขาส่งเสียงถามหน้าตาย ราชินีที่เริ่มได้สติคืนมาจึงปั่นป่วนรวนเรไม่ทราบควรตอบอย่างไรดี ในฐานะราชินีนั้นเธอกำลังทำเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างร้ายกาจ หากทว่าในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งนั้นเธอพบว่านี่คือความสุขสุดยอดที่เธอตามหา ดังนั้นหากให้ตอบโดยไม่หลอกลวงตัวเอง เธอควรพยักหน้าตอบ
น่าเสียดายที่เวลาแห่งความสุขนั้นแสนสั้นนัก เธอยังไม่ทันได้ตอบคำ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงเรียกของทหารองครักษ์สาว ราชินีฟารินี่จึงรีบผลักไสร่างของแม็กออก และเดินไปส่งเสียงบอกว่ายังไม่เสร็จธุระ ก่อนจะรีบหาผ้ามาเช็ดเนื้อเช็ดตัว และสวมใส่เสื้อผ้าและผ้าคลุมอย่างเร่งด่วน
ต่อให้เผลอปล่อยตัวปล่อยใจไปแล้ว แต่จะอย่างไรก็ยังถือเป็นนกน้อยในกรงทอง ทหารองครักษ์ย่อมไม่มีทางปล่อยให้ราชินีอยู่กับบุรุษหนุ่มเพียงลำพังเป็นเวลานานเกินไป และราชินีฟารินี่ก็ทราบดีว่าไม่ควรอยู่เนิ่นนานเกินไป ไม่เช่นนั้นแล้วอาจจะเกิดข้อครหาที่สามารถโจมตีเธอได้
ยังดีที่อีกฝ่ายดูจะเข้าใจเธออยู่บ้าง เพราะเมื่อเธอหันหน้ามาอีกครั้ง ก็ได้เห็นเขาสวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน เพียงแต่สายตาที่มองมานั้นออกจะวิบวับราวกับหมาป่าหนุ่มซึ่งผิดแผกไปจากสายตาก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด
“หากเจ้าเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร ข้าจะฆ่าเจ้า”
ราชินีฟารินี่ตีหน้านิ่งจริงจังและกล่าวส่งเสียงเตือน แต่แม็กคล้ายไม่สนใจท่าทีขึงขังนั้น เขาเพียงเดินเข้ามาโอบกอดและจูบปากอย่างหนักหน่วงอีกหนึ่งครั้งจนเธอตัวอ่อนระทวย จากนั้นจึงค่อยยอมขยับแยกร่างออกมายืนด้วยท่าทางเรียบ ๆ ร้อย ๆ เช่นก่อนหน้า
“ตามประสงค์ขององค์ราชินีสุดที่รัก พวกเรารีบออกไปกันดีกว่า”
เขาตอบแล้วยิ้มหน้าตาย ก่อนจะผายมือไปทางประตูเป็นการสื่อสารว่าควรออกไปด้านนอกได้แล้วเพื่อไม่ให้ใครสงสัย ราชินีฟารินี่จึงส่งสายตามองค้อนแวบหนึ่ง แล้วพยายามเดินด้วยท่วงท่าสง่างามไปทางประตูห้อง ก่อนจะพบว่าเธอรู้สึกตึงหน่วงเล็กน้อยที่กลางหว่างขาเพราะการร่วมรักเมื่อครู่
“เดี๋ยวก่อน … เก็บนี่เอาไว้”
ราชินีหยุดยืนที่หน้าประตูครู่หนึ่งคล้ายกำลังชั่งใจหนักหน่วง จากนั้นเธอจึงหยิบเอาการ์ดสีทองใบหนึ่งมายื่นให้กับแม็ก และเมื่อแม็กลองพลิกดูแล้ว เขาก็ได้พบว่านั่นคือการ์ดแบบเดียวกับที่เซเฟียนักธนูเคยให้กับเขา นั่นคือการ์ดสายใยสัมพันธ์ที่สามารถเรียกหากันและกันได้
“ถ้าเจ้าบอกว่าได้มาจากใคร ข้าจะฆ่าเจ้า”
ราชินีรู้สึกร้อนวูบไปทั่วทั้งใบหน้า เมื่อหันมาเห็นมองท่าทียิ้มกริ่มของแม็ก ท่าทีของเขาทำให้เธอทราบว่าไม่ต้องอธิบายอะไรให้มากความ เธอจึงเพียงกล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงข่มขู่ เพราะว่านี่คือความเสี่ยงอย่างหนึ่ง หากใครก็ตามนำเรื่องนี้ไปบอกต่อคนอื่นก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ทางการเมือง ราชินีของเมืองมอบการ์ดสายใยสัมพันธ์ให้กับบุรุษผู้หนึ่ง
เรื่องนี้หากเปิดเผยออกไปคงจะต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่ยิ่งจนถึงโทษขั้นประหาร แต่ว่าเธอกลับยอมเสี่ยงมอบความไว้วางใจให้กับบุรุษผู้หนึ่ง บุรุษที่เธอแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเขาเลย เธอรู้แค่ว่าเขาเป็นนักรบมือฉมังที่บิดาของเธอต้องการซื้อตัวอย่างยิ่งยวดจนยอมเปิดทางให้ได้เจอกับพารีส นั่นเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เธอรู้
ประตูห้องโดนเปิดออกอีกครั้ง เหล่าทหารสาวองครักษ์ที่รอคอยอยู่ด้านนอกพากันมองสำรวจอย่างละเอียดถี่ยิบ ซึ่งก็คงโทษว่าพวกเธอไม่ได้ เพราะหากเกิดเรื่องไม่ดีไม่งามในช่วงที่พวกเธอดูแลอารักขา คงไม่พ้นต้องโดนลงโทษอย่างหนักหน่วง และดูเหมือนว่าภายใต้สายตาจับผิดของทั้งสี่นั้น พวกเธอดูจะสังเกตไม่เห็นสิ่งผิดปกติอะไร
แม็กเดินตามองค์ราชินีไปตามทางเดิน โดยมีองครักษ์สาวล้อมรอบอีกครั้ง เพียงแต่ตอนนี้เขากำลังแอบซุกซ่อนรอยยิ้มยินดีอยู่ภายใน แม้ว่าจะผิดแผนไปบ้างจนไม่ได้ใกล้ชิดสนิทสนมกับเจ้าหญิงพารีส แต่ว่าเขาเองก็ได้เก็บเกี่ยวรางวัลจากราชินีฟารินี่ไปแล้วส่วนหนึ่ง ส่วนรางวัลอื่นนั้นเขาเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าเขาจะสามารถไขว่คว้ามาจนได้ในไม่ช้า
……………………………..
‘ราชินีฟารินี่ แห่งเมืองเลอองนิสต์ ระดับความรัก 52% ระดับความใคร่ 99%’
ข้อความบนหน้าจอระบบ ทำให้แม็กรู้สึกน่าเสียดายไม่น้อย เพราะนั่นแปลความหมายได้ว่าเขายังไม่ได้บรรลุภารกิจบางอย่าง ทำให้ไม่สามารถเพิ่มระดับให้เป็นหนึ่งร้อยเต็มได้ และปัญหาใหญ่ก็คือเขายังไม่แน่ใจ ว่าราชินีฟารินี่มีภารกิจลับอะไรที่เขาต้องทำให้สำเร็จเสียก่อน จึงจะค่อยได้เธอมาครอบครอง
นอกจากนี้ตัวเป้าหมายหลักอย่างเจ้าหญิงพารีสก็ยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก เมื่อเขากลับมายังห้องอาหารพร้อมกับราชินี เจ้าหญิงพารีสก็หายตัวไปแล้ว องค์ราชินีฟารินี่เองก็ดูจะมีภารกิจบางอย่าง เธอแยกตัวไปด้วยท่าทีคล้ายไม่ยินยอมนัก จากนั้นเนทีเรียนจึงเข้ามาดูแลพาเขาเดินดูสิ่งแวดล้อมในวังหลวง พร้อมกับแนะนำตัวให้รู้จักกับทหารองครักษ์บางส่วน
“ขอแสดงความยินดีด้วย ดูเหมือนว่าท่านมหาอุปราชจะเตรียมยกเจ้าหญิงพารีสให้เป็นรางวัลเชียวนะ”
เนทีเรียนกล่าวแสดงความยินดีขณะที่ทั้งคู่เดินด้วยกันสองต่อสองในตัวปราสาท แต่น้ำเสียงและแววตานั้นดูจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก ซึ่งเดาได้ไม่ยากว่าเธอเกิดอาการหึงหวงขึ้นมาแล้ว เพียงแต่ที่ยังไม่แน่ใจก็คือนี่เป็นความรู้สึกจริง ๆ ของเธอ หรือว่าเป็นแค่เพียงการแสดงเพื่อให้เขารู้สึกเอ็นดูทะนุถนอม
“หึ หึ ไม่เอาน่า คิดว่ามหาอุปราชจะยกให้จริง ๆ เหรอ เขาก็แค่เอามาเป็นเหยื่อล่อให้ทำงานให้ต่างหากล่ะ”
แม็กหัวเราะร่วนแล้วตอบแบบตรงไปตรงมา เพียงแต่เก็บงำไม่บอกเรื่องที่ว่าเขาได้จัดการราชินีฟารินี่ไปแล้ว เขาเชื่อว่าเนทีเรียนเป็นคนรู้จักการเมือง และเขามีคุณค่าพอให้เธอคบหาด้วย เขาจึงบอกกล่าวสิ่งที่เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกมาตรง ๆ อย่างน้อยก็จะสามารถคลายความหึงหวงของผู้หญิงได้ หรือต่อให้เธอนำข้อความไปบอกต่อกับมหาอุปราช ข้อความนี้ก็ไม่ได้เป็นผลร้ายกับเขา ดีไม่ดีมหาอุปราชอาจจะต้องแสดงท่าทีเปิดทางมากกว่านี้ด้วยซ้ำ
“รู้ตัวก็ดีแล้ว ท่านมหาอุปราชน่ะ อยากให้เจ้าหญิงพารีสแต่งงานกับเจ้าชายวิลเลี่ยมจะแย่ แม้แต่เจ้าหญิงเองก็แสดงท่าทีชอบเจ้าชายวิลเลี่ยมออกมาชัดซะขนาดนั้น ท่านมหาอุปราชคงไม่ยอมยกให้ใครง่าย ๆ หรอก”
เนทีเรียนมองค้อนเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะเปิดเผยข้อมูลบางอย่างที่ขัดแย้งกันเองกับสิ่งที่เขาได้ยินมาจากราชินีฟารินี่ เพราะราชินีเล่าให้เขาฟังว่าราชากีแลนพยายามบีบให้เจ้าหญิงพารีสแต่งงานกับเจ้าชายวิลเลี่ยมโดยที่มหาอุปราชและเจ้าหญิงพารีสไม่เห็นด้วย แต่เนทีเรียนกลับบอกกล่าวอีกแบบหนึ่ง ซึ่งจะต้องมีใครสักคนโกหกหรือเข้าใจเรื่องราวผิดพลาด
“นั่นน่ะซิ ถ้าพูดกันจริง ๆ แล้ว เจ้าหญิงจะชอบเจ้าชายก็ไม่แปลก โดยเฉพาะเจ้าชายวิลเลี่ยมที่เป็นรัชทายาทของเมืองแบล็คฟอร์ด ถ้าได้แต่งงานเป็นราชินีของแบล็คฟอร์ด ยังไงก็ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง มหาอุปราชจะยอมปล่อยก็คงแปลกแล้ว”
แม็กพูดตามน้ำไป ซึ่งความจริงก็สมควรเป็นเช่นนี้ ไม่ว่ามองจากมุมไหน เป้าหมายอันดับหนึ่งของมหาอุปราชหรือแม้แต่เจ้าหญิงพารีสก็สมควรเป็นเจ้าชายวิลเลี่ยมผู้สูงศักดิ์ เพียงแต่เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าทำไมตลอดการสนทนานั้นราชินีฟารินี่และเจ้าหญิงจึงพยายามพูดให้เขารู้สึกเกลียดเจ้าชายวิลเลี่ยมเป็นลำดับแรก
“ฮึ ถ้าเจ้าชายวิลเลี่ยมประกาศรับเจ้าหญิงพารีสเป็นภรรยาหลวง ท่านมหาอุปราชคงจะรีบประเคนใส่พานถวายให้แล้วล่ะ แต่ว่าเจ้าชายวิลเลี่ยมกำลังหมายตาเจ้าหญิงเรนเน่ให้เป็นภรรยาหลวง ท่านมหาอุปราชก็เลยต้องเก็บตัวสงวนท่าที ไม่อยากให้เจ้าหญิงพารีสไปเป็นแค่นางบำเรอ”
เนทีเรียนกล่าวด้วยน้ำเสียงออกแนวสมน้ำหน้าอยู่บ้าง แม็กจึงรู้สึกแปลกใจไม่น้อย เพราะเนทีเรียนนั้นแสดงท่าทีชัดเจนว่าเคารพมหาอุปราชอย่างสูง แต่เมื่อพูดถึงเจ้าหญิงพารีสแล้ว กลับแสดงอาการอีกแบบหนึ่ง กระนั้นข้อมูลเหล่านี้ก็ถือว่ามีค่าอย่างยิ่ง เพราะมันสมเหตุสมผลกว่าเรื่องราวที่เขาได้ยินมาจากปากของราชินีและเจ้าหญิงพารีส
“แล้วเธอไม่สนใจเจ้าชายวิลเลี่ยมเหรอเนทีเรียน ดีไม่ดีอาจจะได้เป็นราชินีเชียวนะ”
แม็กพูดด้วยน้ำเสียงเชิงหยอกล้อ แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่เขาสงสัยจริง ๆ เพราะต่อให้เขาเกลียดเจ้าชายวิลเลี่ยม แต่หากพูดอย่างตรงไปตรงมาแล้ว เปลือกนอกของเจ้าชายนั้นมีความสมบูรณ์แบบเป็นเจ้าชายในฝันของผู้หญิงหลายคน แม้แต่หมิวก็เคยเผลอใจให้ ส่วนเจ้าหญิงพารีสก็ดูจะหลงเจ้าชายเช่นกัน แต่เนทีเรียนกลับไม่มีท่าทีอะไรเช่นนั้น
“ข้าเพียงมองโลกตามความเป็นจริง หากมีอะไรกับเจ้าชายวิลเลี่ยม อย่างดีข้าก็เป็นได้แค่นางบำเรอไร้ค่าคนหนึ่ง คนเช่นนั้นไม่ใช่ผู้ชายที่สามารถฝากชีวิตเอาไว้ได้เด็ดขาด ในสายตาของคนอย่างเจ้าชายวิลเลี่ยมเขาคงมองข้าเป็นเหมือนดอกไม้ริมทางดอกหนึ่ง”
“หืม งั้นฝากชีวิตไว้ที่ผมมั้ยล่ะ?”
แม็กถามพลางมองดูเนทีเรียนด้วยสายตาที่พยายามประเมินเธอใหม่ เขารู้สึกว่าเขาประเมินเธอผิดไป เนทีเรียนนั้นเป็นหญิงแกร่งที่อยู่กับความจริง เธอมองทุกสิ่งตามความเป็นจริง ไม่ได้คิดเพ้อฝันเช่นสาวน้อยไร้เดียงสา บางทีการอยู่แวดวงการเมืองอันเน่าเหม็นมานานอาจจะทำให้เธอกลายเป็นแบบนี้
“ฮึ ท่านน่ะเหรอ ข้าเชื่อว่าท่านไม่ได้เป็นคนเลวร้าย สตรีของท่านคงไม่โดนรังแกควบคุมจนทุกข์ทน ท่านจะไม่ปล่อยให้ผู้หญิงของท่านโดนรังแก แต่สตรีของท่านก็อาจจะเปลี่ยวเหงาอยู่บ้าง เพราะว่าท่านเป็นพวกผู้ชายที่นิยมฝากรักไปทั่วทุกสถานที่”
“นั่นเป็นคำชมหรือเปล่าน่ะ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้เลวร้ายใช่มั้ย?”
แม็กอมยิ้มเล็กน้อย เพราะเนทีเรียนมองเขาตามความเป็นจริงโดยไม่ผิดเพี้ยนไปมากนัก เขายังแอบฉวยโอกาสช่วงที่ไม่มีคนในบริเวณใกล้เคียงยื่นแขนไปโอบเอวคอดกิ่ว แล้วลูบไล้ขยำสะโพกของเนทีเรียนไปพลางจนเธอตัวสั่นสะท้านไปวูบหนึ่ง
“ข้าเองก็ยังไม่ทราบ … อะ … อืมมมม … อือออออ”
เธอส่งเสียงต่อว่าคำหนึ่ง แต่ไม่ได้ขัดขืนปัดป้องร่างกายแต่อย่างใด สุดท้ายเสียงครางด้วยความสยิวจึงหลุดรอดผ่านไรฟันออกมา เพราะโดนแม็กโอบร่างมากอดและจูบไซร้ซอกคอ พร้อมกับลูบไล้ขยี้ลงไปที่ทรวงอกอิ่มจนปลายถันแข็งชูชันขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง ตอนนี้แม็กรู้แล้วว่าเนทีเรียนกำลังอารมณ์ค้างเติ่งไม่ได้ปลดปล่อย
แม็กสอดมือล้วงลอดใต้ชายกระโปรงผ่านขาขาวเพรียวแล้วกดขยี้กระตุ้นจุดอ่อนไหวเร้นลับผ่านกางเกงในจนเธอตัวอ่อนระทวย เสียงสูดปากครางยิ่งมายิ่งแผ่วดัง ปลายนิ้วค่อยขยับรุกล้ำสอดลึกลอดความชุ่มฉ่ำเข้าไปทีละน้อย ก่อนจะขยับยุกยิกทีละน้อยจนร่างงามกระตุกเฮือกเป็นระยะ
หากมีเวลาอีกสักสองหรือสามนาที แม็กเชื่อว่าจะสามารถส่งเนทีเรียนถึงจุดสุดยอดได้ หากทว่าน่าเสียดายที่สถานที่ไม่เหมาะสม แม็กสัมผัสได้ว่ามีทหารองครักษ์สามคนกำลังจะเดินผ่านมาทางนี้ในอีกไม่นานนัก เขาจึงรีบหยุดมือปล่อยให้เนทีเรียนซึ่งใบหน้าแดงก่ำยืนหอบกระเส่าพิงกำแพงด้วยท่าทีระทดระทวย
เธอมองมาทางเขาด้วยแววตาสับสนตัดพ้อไม่เข้าใจว่าเขาหยุดลงด้วยเหตุใด แต่เมื่อได้ยินเสียงรองเท้าเหล็กกระทบพื้นหินเธอจึงรีบตั้งสติยกมือจัดผมเผ้าและเสื้อผ้าอย่างเร่งด่วน เธอกลับเป็นสภาพเรียบร้อยได้ภายในเวลาไม่ถึงสิบวินาที เหลือก็แต่เพียงใบหน้าที่แดงก่ำฉ่ำรักอยู่บ้าง
เนทีเรียนคล้ายจะรู้ว่าใบหน้าของตนเองน่าสงสัย เธอจึงหันหลังไปยังทิศทางที่ทหารองครักษ์เดินมา ทำท่าเหมือนกำลังยืนคุยธุระเรื่องสำคัญอยู่ เหล่าทหารที่เดินมาคล้ายจะคุ้นเคยกับเนทีเรียนอยู่แล้ว และน่าจะมียศศักดิ์ต่ำกว่า พวกเขาจึงหยุดยืนตรงยกมือขึ้นแนบอกแสดงความเคารพ แล้วเดินจากไปโดยไม่ได้พูดอะไรอีก
แม็กยืนยิ้มกริ่มนิ่งเงียบขณะที่เหล่าทหารเดินห่างออกไปจนลับสายตา เพียงมองตาเขาก็รับรู้ได้แล้วว่าเนทีเรียนต้องการอะไร และเธอเองก็มองเขาด้วยสายตาร้อนเร่าโดยไม่ปิดบัง เขาเชื่อว่าต่อให้เขาจับเธอจัดการตรงทางเดินนี้เลย เธอก็จะไม่ปัดป้องปฏิเสธ ทั้งยังจะเสนอสนองอย่างเผ็ดร้อนตามระดับอารมณ์ใคร่ที่กำลังพลุ่งพล่านด้วยซ้ำ
ท่าทีนิ่งเฉยของแม็กทำให้เนทีเรียนเงยหน้ามองค้อน ก่อนจะจับมือของเขาแล้วพาเดินเข้าไปในทางยิบย่อยของตัวปราสาท ทางเดินในช่วงนี้ค่อนข้างมืดเพราะไม่มีหน้าต่างและไม่มีคบเพลิงให้แสงไฟ ทั้งยังมีฝุ่นและหยากไย่อยู่บ้าง และเมื่อเดินไปได้ระยะหนึ่งก็กลายเป็นสถานที่ค่อนข้างมืดจนเห็นเพียงเงาสลัว
เนทีเรียนผลักประตูไม้ที่ดูเก่าแก่บานหนึ่งเข้าในห้องอันมืดทึมไร้แสงไฟ กระนั้นแม็กก็ยังสังเกตเห็นด้วยดวงตาของเผ่าพันธุ์ระดับสูงว่าในความมืดนั้นเป็นสิ่งของเก่าชำรุดเต็มไปด้วยหยากไย่ในแมงมุม และห้องนี้น่าจะเป็นห้องเก็บของเก่าที่ไม่ค่อยมีผู้คนเข้ามาใช้งานมากนัก
“พาผู้ชายมาที่แบบนี้คิดจะทำอะไรไม่ดีหรือเปล่าเนทีเรียน?”
แม็กส่งเสียงหยอกเย้าทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเนทีเรียนต้องการอะไร เขามองเห็นเนทีเรียนขมวดคิ้วทำหน้าค้อนใส่อีกครั้ง แต่เนทีเรียนน่าจะมองไม่เห็นเขาเพราะในนี้มืดมาก เธอจึงยื่นมือสะเปะสะปะมาแตะตัวของเขา ก่อนจะเลื่อนต่ำลงไปปลดกางเกงของเขาลง แล้วใช้มือประคองจับแก่นกายที่แข็งเป็นลำขึ้นมาอ้าปากงับดูดเลียด้วยลีลาเร่าร้อน
เสียงบ๊วบดังแว่วพร้อมกับเสียงครางกระเส่าของแม็ก เขายืนนิ่งส่งเสียงครางอูยด้วยความสาแก่ใจ ไม่นึกว่าเนทีเรียนจะมีลีลาใช้ปากที่เด็ดดวงขนาดนี้ และไม่นึกว่าเธอจะเงี่ยนงุ่นง่านจนต้องลากเขามาเปิดฉากรุกใส่ในห้องหับที่มืดมิดแบบนี้
ปากนุ่มนิ่มอ้าอมของเขาเข้าไปจนสุดโพรงปาก ลิ้นเรียวเล็กเลียวนฉกระรัวใส่ ความเปียกชื้นนุ่มนิ่มตอดรัดดูดใส่หนักหน่วงจนหนุ่มมากประสบการณ์อย่างแม็กยังต้องส่งเสียงครางอูวตัวงอด้วยความเสียว
เนทีเรียนคล้ายจะสาแก่ใจที่ได้ยินเสียงครางของเขา เธอจึงขยับใบหน้าไปอ้าปากอมพวงไข่ของแม็กสลับไปมาเป็นระยะ พร้อมกับเริ่มปลดเปลื้องชุดเดรสสีสวยของตนเองออกจากร่างจนเปล่าเปลือย
เธออาจจะคิดว่าเขามองไม่เห็นในความมืด แต่ว่าแม็กมองเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจนราวกับอยู่ในสนามหญ้าเวลาเที่ยงวัน เขาจึงช่วยเอื้อมมือลงไปบีบขยำเต้าอวบอิ่มของเนทีเรียนกระตุ้นเร่าจนเธอตัวสั่นกระตุกสะท้านด้วยความเสียว
แม็กคิดเปรียบเทียบระหว่างเนทีเรียนและราชินีฟารินี่ที่เขาเพิ่งมีเซ็กส์มาหยก ๆ ในแง่ของสภาพร่างกายนั้น แม้ราชินีฟารินี่จะมีอายุมากกว่า แต่ก็ยังอวบอิ่มเต่งตึงเต็มไม้เต็มมือมีเสน่ห์มากกว่าเนทีเรียนอยู่ส่วนหนึ่ง แต่หากนับเฉพาะลีลารักอันร้อนร่านเร้าใจแล้ว เนทีเรียนดูจะกินขาดกว่าหลายขั้น
หนึ่งในห้าสาวงามของเมืองผงกหัวเร่งเร้าดูดเลียไม่หยุด แม็กถึงกับอดรนทนไม่ไหวต้องตะปบมือลงบนหลังศีรษะสวยได้รูปแล้วกระเด้าเอวกระแทกใส่หมายจะปลดปล่อยในปากของเนทีเรียน หากทว่าเนทีเรียนดูจะอยากกลั่นแกล้งคน เธอจึงดิ้นจนหลุดออก ปล่อยให้แม็กยืนทำหน้าขัดใจที่ไม่ได้กระเด้าใส่ปากของเธอ
“คิก คิก ชอบแกล้งคนอื่นให้อารมณ์ค้างนัก โดนแกล้งเองซะบ้างเป็นไง”
เนทีเรียนขยับถอยห่างออกไปหนึ่งก้าวแล้วส่งเสียงหัวเราะคิกคักสดใส แม็กซึ่งกำลังอารมณ์พลุ่งพล่านจึงยิ้มไม่ออก แต่ความจริงหากเขาต้องการปลดปล่อย ก็แค่เดินหน้าจับเธอกดลงพื้นแล้วกระหน่ำรักใส่ซะก็สิ้นเรื่อง จะอย่างไรเนทีเรียนย่อมไม่ขัดข้องอยู่แล้ว เพียงแต่นั่นอาจจะไม่เข้ากับความชอบของเขา
“โธ่ ที่รักจ๋า ทำไมใจร้ายจัง ปล่อยให้สามีอารมณ์ค้างแบบนี้ได้ยังไง”
แม็กเลือกส่งเสียงออดอ้อนวอนขอ เนทีเรียนในความมืดจึงยิ้มน้อย ๆ คล้ายขบขันคล้ายพออกพอใจ มันเป็นความรู้สึกพอใจเล็ก ๆ ของสตรีเพศที่เป็นฝ่ายควบคุมเกม และแค่นั้นเธอก็พอใจแล้ว เพราะใช่ว่าเขาจะอารมณ์ค้างเพียงคนเดียวเสียเมื่อไหร่
“นอนลงซิ”
เนทีเรียนส่งเสียงบอกด้วยรอยยิ้ม จากนั้นจึงค่อยขยับควานมือคลำหาร่างของเขาในความมืด และเมื่อพบว่าเขาอยู่ในสภาพนอนหงายกับพื้นแล้ว เธอจึงขยับไปนั่งคร่อมขย่มสะโพกกลืนกินความใหญ่ยักษ์ที่ไม่เคยเจอเข้าไปในร่างจนตัวกระตุกเสียวสะท้าน
สาวสวยหลับตาปี๋จิกมือลงไปบนร่างแกร่งกำยำของเทพธนู เธอไม่ใช่สาวบริสุทธ์ผุดผ่องก็จริง หากทว่าความใหญ่โตของเขานั้นทำให้เธอรู้สึกราวกับนี่เป็นครั้งแรก เพียงปล่อยให้มุดเข้ามาได้ครึ่งลำเธอก็เสียวจนน้ำลายไหล และเมื่อเธอยกสะโพกแล้วขย่มลงมาจนกลืนกินมันเข้าไปหมดลำ คำว่าสวรรค์ก็อาจยังไม่พอบรรยายความหฤหรรษ์ในเวลานี้
สำหรับเนทีเรียนแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมีอารมณ์ร่วมอย่างเต็มที่ทั้งกายและใจ อีกฝ่ายเป็นบุรุษสุดแกร่งที่สามารถกำราบทหารรับจ้างกลุ่มนักฆ่ามังกรได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังมีอนาคตทางการเมืองไกลลิบ อีกทั้งนิสัยใจคอยังเป็นที่ถูกอกถูกใจของเธออย่างยิ่ง ดังนั้นหากจะบอกว่าเธอเผลอมีใจให้เขาไปแล้วก็คงไม่ใช่เรื่องโกหกเสียทีเดียว
แน่นอนว่าเธอย่อมยังไม่กล้าทุ่มเททุกอย่างให้กับบุรุษผู้หนึ่ง แต่แค่นี้ก็ถือว่ามากเกินควรแล้ว เพราะอนาคตไม่ใช่เรื่องแน่นอน กระนั้นเธอก็ยังอดรู้สึกหลงไหลไปกับร่างแกร่งกำยำที่อุดมไปด้วยเสน่ห์แห่งบุรุษเพศนี้ไม่ได้
“อูยยยยยสสสสส อูยยสสสสสสส”
เนทีเรียนส่งเสียงครางสุดเสียวทุกครั้งที่ขยับขย่มสะโพก ความใหญ่โตของเขาทำให้เธอเร่าร้อนราวกับภูเขาไฟ สะโพกผึ่งผายยกขึ้นแล้วกระแทกลงรอบแล้วรอบเล่าโดยไม่รู้สึกเบื่อ เธอชอบช่วงเวลาที่ความเป็นชายของเขาครูดคราดทะลวงเข้าไปในโพรงสวาท เธอชอบสัมผัสที่หนักแน่นลึกซึ้งน่าหลงไหล
แม็กเองก็ไม่ได้อยู่นิ่งเฉย สองมือของเขาคว้าตะปบบีบขยี้ทรวงอกอิ่มไปพลาง ส่วนด้านล่างนั้นแม้จะตกเป็นฝ่ายรับ แต่ก็ยังคอยเด้งสะโพกสวนขึ้นไปตามจังหวะลีลารัก
ต่างฝ่ายต่างงัดเอาลีลารักร้อนแรงออกมาใช้ เสียงครางกระเส่าจึงสะท้อนสะท้านอยู่ในห้องเก็บของ และเพียงไม่นานนักเมื่ออารมณ์ของเนทีเรียนใกล้ถึงจุดระเบิด สะโพกผึ่งผายก็โหมเร่งเด้งขย่มสุดแรงเป็นการปิดท้าย ก่อนที่ร่างงามจะกระตุกสะท้านเฮือกชุดใหญ่ แล้วส่งเสียงหวีดร้องครวญครางแว่วหวาน
แม็กเองก็อดรนทนไหม่ไหว ปลดปล่อยความสุขทะลักไหลรินเข้าไปในร่องสาวจนเอ่อล้น เขาส่งเสียงครางสะใจไปพร้อมกับเสียงครางสะท้านของเนทีเรียน จากนั้นทั้งคู่จึงค่อยนอนกอดแนบซึมซับความสุขไปด้วยกัน แต่น่าเสียดายที่ดูเหมือนว่าจะยังเงื่อนไขอะไรบางอย่างที่เขาไม่ได้กระทำ เขาจึงยังไม่ได้เนทีเรียนมาเป็นทาสอย่างที่หวังเอาไว้
‘เนทีเรียน องครักษ์วังหลวง ระดับความรัก 67% ระดับความใคร่ 99%’
จากประสบการณ์ที่ผ่านมากับราชินี ทำให้เขาไม่ลืมที่จะเรียกใช้ทักษะหยั่งรู้สภาพเพื่ออ่านข้อมูลของเนทีเรียนเอาไว้ก่อน เขาเชื่อว่าอย่างน้อยข้อมูลเหล่านี้น่าจะมีประโยชน์อยู่บ้าง เพื่อจะหาว่าเขายังขาดเงื่อนไขอะไรไป
ชื่อ : เนทีเรียน เผ่าพันธ์ : มนุษย์ ระดับ : 267 คลาส: 2
อายุ: 20 ปี 1 เดือน ส่วนสูง: 169cm น้ำหนัก: 43kg สัดส่วน: 36-24-35
พลังชีวิต : 320,000 / 320,000
พลังเวทย์ : 34,000 / 34,000
ความแข็งแกร่ง : 56
ความคล่องแคล่ว : 186
ความอดทน : 64
ความฉลาด : 124
ความแม่นยำ : 86
ความโชคดี : 16
อาชีพ: Politician (นักการเมืองคลาส 4), Assasin (นักฆ่าคลาส 3), Thief (หัวขโมยคลาส 3)
ตำแหน่ง : หัวหน้ากรมพิธีต้อนรับ แห่งเมืองเลอองนิสต์
ประวัติ:
เนทีเรียนเป็นบุตรีคนโตของตระกูลขุนนางใหญ่ในเมืองเลอองนิสต์ เธอมีน้องชายและน้องสาวต่างมารดาสี่คน บิดาของเธอเป็นขุนนางฝ่ายบริหาร มารดามีศักดิ์ฐานะเป็นนางบำเรอคนหนึ่ง แม้จะเป็นพี่สาวคนโต แต่ไม่ได้รับการยอมรับจากพี่น้องที่เหลือนัก เพราะพี่น้องที่เหลือนั้นถือกำเนิดจากภรรยาหลวงและภรรยาน้อย ในขณะที่เนทีเรียนกำเนิดจากนางบำเรอต่ำต้อย
เนทีเรียนถือกำเนิดมาโดยไม่ได้รับการใส่ใจจากบิดานัก โดยเฉพาะเมื่อหน้าตาและรูปร่างของเธอสวยเด่นกว่าเหล่าพี่น้อง เธอจึงถูกตั้งแง่รังเกียจทั้งจากพี่น้อง และจากเหล่าภรรยารวมถึงนางบำเรอคนอื่น เพราะเกรงว่าจะทำให้สามีของพวกเธอรับเนทีเรียนเป็นภรรยาน้อยอีกคน
การกีดกันไม่ให้ได้พบเจอกับบิดากลายเป็นเรื่องปกติ แต่เนทีเรียนไม่ได้ใส่ใจมากนัก เพราะเธอเองก็เป็นเด็กเฉลียวฉลาดที่พอจะทราบได้ว่าหากบิดาเห็นรูปร่างหน้าตาของเธอแล้ว ความสัมพันธ์ของเธอและบิดาอาจจะต้องเปลี่ยนไปเป็นนางบำเรอแทน
ด้วยความใฝ่รู้แสดงว่าหาอำนาจเพื่อดูแลมารดา ทำให้เนทีเรียนเริ่มศึกษาเข้าสู่แวดวงการเมือง ทั้งยังฝึกฝนวิชาการต่อสู้เพื่อปกป้องตนเอง ภายใต้ท่าทีบอบบางอ่อนแอนี้ เธอกลับสามารถผ่านการทดสอบของนักฆ่าระดับคลาสสามได้อย่างไม่น่าเชื่อ อีกทั้งยังรู้จักการเจรจาทางการเมืองจนไต่เต้าพาตนเองขึ้นไปแทนที่ตำแหน่งที่เคยเป็นของบิดา
บิดาของเธอได้พบเจอเธออีกครั้งเมื่อเธออยู่ในวัยสิบแปด และเป็นอย่างที่คาด บิดาของเธอแสดงท่าทีหลงไหลในรูปโฉมของบุตรีคนนี้อย่างออกนอกหน้า หากทว่าในวันนั้นเนทีเรียนไม่ได้เป็นเพียงเด็กน้อยที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ เธอมีทั้งพลังฝีมือและอำนาจการเมืองในระดับหนึ่ง ผู้เป็นบิดาจึงไม่สามารถกดดันเรียกร้องในสิ่งที่เขาต้องการได้
อย่างไรก็ตาม เส้นทางการเมืองของเนทีเรียนมิได้สวยหรูนัก นั่นอาจเป็นความผิดของเธอเองที่เลือกแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้ากรมพิธีการต้อนรับของพ่อเธอ เพราะนั่นคือตำแหน่งที่คอยต้อนรับผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย และนั่นคืองานที่ไม่ได้ขาวสะอาดสวยงามอย่างที่เห็นจากภายนอก
เนทีเรียนเรียนรู้ความดำมืดของสิ่งเหล่านี้อย่างรวดเร็ว เธอต้องยอมเสียครั้งแรกให้กับองค์ราชาของเมืองหนึ่งเพื่อซื้อความพออกพอใจ และครั้งต่อไปก็ง่ายขึ้น จากนั้นเธอก็ยิ่งเรียนรู้ที่จะใช้งานผู้อื่นให้กระทำแทนเพื่อมิให้เปลืองเนื้อเปลืองตัวเกินไป จนกระทั่งได้กลายเป็นคนสนิทของมหาอุปราชฟาร์โก้
เนทีเรียน …
เนทีเรียน …
เนทีเรียน …
…
“หืม นักฆ่า กับหัวขโมยคลาสสามงั้นเหรอ?”
แม็กส่งเสียงพึมพำกับตัวเองด้วยความรู้สึกไม่อยากเชื่อ ภายใต้ท่าทีบอบบางไร้พิษสงนี้ เนทีเรียนกลับเป็นนักฆ่าคลาสสาม ซึ่งเขาได้ทราบแล้วว่าการมีระดับอาชีพเป็นคลาสสามนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ นั่นย่อมหมายความว่าเนทีเรียนนั้นต้องมีฝีมือเก่งกาจน่ากลัวพอสมควร
ส่วนที่น่าสนใจที่เหลือนั้นก็คือประวัติที่ดูเหมือนจะน่าหดหู่ของเนทีเรียน แม้แต่แม็กซึ่งมีนิสัยไม่ค่อยแยแสอะไร ก็ยังรู้สึกสงสารเวทนาในชะตากรรมของเนทีเรียนอยู่ไม่น้อย อีกทั้งเขายังรู้สึกชื่นชมความแกร่งของเนทีเรียนขึ้นมาอีกหลายส่วน แม้ว่าโชคชะตาจะเลวร้าย แต่ว่าเธอก็ยังเอาตัวรอดมาได้โดยไม่ยอมแพ้
เรื่องการเสียตัวนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แม็กไม่ได้สนใจเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว เขาจึงเริ่มรู้สึกอยากปกป้องคุ้มครองเนทีเรียนขึ้นมา ทั้งที่ทราบดีว่านี่เป็นแค่เพียงเกมออนไลน์
“อะไรคะ?”
เสียงพึมพำไม่ได้ศัพท์ของแม็กทำให้เนทีเรียนส่งเสียงแผ่วเบาออกมาถาม แม็กจึงยันร่างขึ้นมาจูบปากของเธอฟอดใหญ่ แล้วพูดเสียงกระซิบบอกเธอด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า
“เนทีเรียน อดีตที่แล้วมาเคยทำอะไรไว้ก็ปล่อยมันทิ้งไป ต่อไปนี้ไม่ต้องฝืนใจทำอะไรที่ตัวเองไม่อยากทำแล้วนะ ผมจะปกป้องคุณเอง”
คำพูดสั้น ๆ ประโยคเดียวทำให้เนทีเรียนเบิกตากว้างพยายามมองดูใบหน้าของเขาในความมืด สำหรับคนอื่นประโยคนี้อาจจะไม่ได้มีความหมายสลักสำคัญอะไร หากทว่าสำหรับเนทีเรียนแล้ว นี่กลับเป็นประโยคแฝงความหมายอันลึกซึ้งเอาใจใส่อย่างที่สุด
ความตื้นตันใจที่เอ่อล้นอยู่ในทรวงอก ทำให้เนทีเรียนกอดเขาแน่นขึ้น เธอขยับริมฝีปากควานหาและบดจูบใส่ริมฝีปากของเขาในความมืด หากทว่าจูบนี้กลับแตกต่างจากก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด
หากจูบก่อนหน้าเต็มไปด้วยความเร่าร้อนแห่งตัณหา จูบในครั้งนี้ก็คงเป็นจูบมีอบอุ่นละมุนไปด้วยความรักและเสน่หา และจูบนี้ก็มาพร้อมกับเสียงประกาศอย่างหนึ่งของระบบ
‘เนทีเรียน องครักษ์วังหลวง ระดับความรัก 100% ระดับความใคร่ 99%’
‘ทักษะทาสรักทำงานเมื่อค่าความรักถึงระดับ 100% – ท่านได้รับเนทีเรียนเป็นทาสรัก ทุกสิ่งที่เคยเป็นของเนทีเรียนจะกลายเป็นของท่านทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นร่างกาย จิตวิญญาณ หรือทรัพย์สินต่าง ๆ’
‘พรแบ่งปัน จากเทพีอะโฟรไดทีทำงาน – ท่านได้รับทักษะสะเดาะกุญแจระดับสูง (Master of Lockpicking) จากเนทีเรียน’
‘พรแบ่งปัน จากเทพีอะโฟรไดทีทำงาน – ท่านได้รับทักษะย่องเบาระดับสูง (Master of Burgle) จากเนทีเรียน’
‘พรแบ่งปัน จากเทพีอะโฟรไดทีทำงาน – ท่านได้รับทักษะสุนทรพจน์ระดับสูง (Master of Speech) จากเนทีเรียน’
………