XO ตอนที่ 38 – ราชินีมารฟ้า

XO ตอนที่ 38 – ราชินีมารฟ้า

XO ตอนที่ 38 – ราชินีมารฟ้า

คุยเรื่อยเปื่อย

          ประกาศเกี่ยวกับการลงนิยายเพื่อให้เป็นที่รู้กันนะครับ จะได้ไม่ถามกันอีก 🙂

ผมจะยังลงนิยาย XO ในเวปไปเรื่อย ๆ เหมือนก่อนหน้าครับ
แต่สิ่งที่จะเปลี่ยนไปก็คือ ในบางช่วงผมจะเว้นจังหวะช้าลง และให้คนสนับสนุน E-book ได้อ่านก่อน

ยกตัวอย่างเช่น ใน XO เล่มที่ 4 จะมีตอนที่ 37 – 48 (12 ตอน) ผมก็จะลงในเวปถึงประมาณตอนที่ 42 และหยุดเรื่องนี้ชั่วคราว
เมื่อผมเขียนต่อเล่มห้าได้ระยะหนึ่งแล้ว ผมจึงค่อยมาลงตอนที่ 43 ต่อ ไปเรื่อย ๆ
และจะทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ สำหรับทุกเล่ม

ส่วนตอนพิเศษ (ตัวละคร Fox) ผมจะไม่ลงในเวปนะครับ จะลงเฉพาะใน E-book เท่านั้น
จึงขอเรียนมาให้ทราบโดยทั่วกัน และขอความกรุณางดดราม่า
(เบื่อเกรียนบางคนจนรู้สึกขี้เกียจเขียน SOSO มาแล้วหนึ่งเรื่อง 😀 )

ข้อสงสัยอื่น ๆ ลองไปอ่านในกระทู้นี้นะครับ ตอบคำถาม

 XO ตอนที่ 38 – ราชินีมารฟ้า

………………………………..  “ภารกิจรวบรวมกระบี่ผลึกฟ้าทั้งเจ็ด เป็นภารกิจอันยิ่งใหญ่ สำหรับผู้ที่มีจิตวิญญาณแห่งเทพอยู่ในร่าง และสำเร็จเคล็ดปราณสวรรค์อำไพ ข้าหวังว่าเจ้าจะยินดีช่วยตามหากระบี่ผลึกเพื่อกำราบมารร้าย เมื่อเจ้าถือกระบี่ บางครั้งกระบี่จะชี้นำเจ้าให้รู้สึกถึงกระบี่อีกเล่มที่อยู่ใกล้กัน แต่จงระวัง เพราะอาจจะมีผู้อื่นคิดรวบรวมกระบี่ผลึก และทำการแย่งชิงจากเจ้าไปด้วยเช่นกัน”

พระแม่หนี่
วากล่าวอธิบายด้วยน้ำเสียงคาดหวัง ซึ่งความจริงแล้วภารกิจระดับสิบดาวนี้ไม่ใช่เป็นภารกิจที่จะมอบให้ใครกระทำได้ง่าย ๆ แต่มันมีเงื่อนไขที่ถือได้ว่ายากยิ่งสมกับระดับของภารกิจ

เงื่อนไขแรกก็คือผู้ที่จะรับภารกิจได้ จะต้องมีจิตวิญญาณแห่งเทพอยู่ในร่าง ซึ่งนั่นหมายความว่าคนนั้นได้รับความไว้วางใจจากเผ่าเทพ ปัจจุบันกล่าวได้ว่าจากผู้เล่นหลักพันล้านคนนั้น มีผู้เล่นที่ได้รับจิตวิญญาณจากสัตว์อสูรนั้นอยู่แค่ไม่ถึงสิบราย และส่วนใหญ่จะเป็นจิตวิญญาณของบอสเผ่าพันธ์ระดับทั่วไป ไม่ใช่จิตวิญญาณของเผ่าเทพซึ่งเป็นเผ่าระดับสูงอย่างเช่นที่แม็กมี

เงื่อนไขที่สองนั้นคือจะต้องฝึกสำเร็จปราณสวรรค์อำไพซึ่งเป็นเคล็ดปราณระดับเก้าดาว และในปัจจุบันนี้อย่าว่าแต่ปราณเก้าดาวเลย สำหรับผู้เล่นแล้วหากได้ฝึกปราณหกดาวก็แทบจะกราบไหว้ขอบคุณฟ้าดินอย่างสูงแล้ว ผู้เล่นที่ได้ครอบครองปราณระดับเจ็ดดาวก็มีเพียงน้อยนิดไม่ถึงยี่สิบคนและต่างก็เป็นยอดฝีมือทั้งสิ้น ดังนั้นหากจะบอกว่าเงื่อนไขนี้ในปัจจุบันมีเพียงแม็กคนเดียวที่ผ่านก็ไม่ผิดพลาด

เงื่อนไขที่สามซึ่งไม่ได้ระบุไว้นั้นกลับยากไม่แพ้สองเงื่อนไขแรก ซึ่งก็คือต้องได้พบเจอกับพระแม่หนี่วาซึ่งเป็นเทพระดับสูง และการที่จะได้พบเจอกับเทพระดับสูงเช่นนี้ หากไม่ดวงดีจริง ๆ ก็ต้องบากบั่นขึ้นไปบนแดนสวรรค์ชั้นสูงเพื่อพบเจอ

เงื่อนไขสามอย่างนี้แทบจะฟังดูเลื่อนลอยจนเป็นไปไม่ได้ หากทว่านั่นเป็นเงื่อนไขของเวลาปัจจุบัน ผู้ออกแบบเกมย่อมไม่สร้างภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ เพียงแต่พวกเขามองว่าภารกิจระดับนี้อาจจะต้องให้ผู้เล่นใช้เวลาเล่นเกมอีกสักห้าปีสิบปีจึงจะใกล้เคียง เพียงแต่แม็กกลับอาศัยดวงจนได้รับภารกิจระดับสิบดาวนี้มาได้ และเมื่อรวมกับภารกิจปลดปล่อยโครนอสด้วยแล้ว เขาจึงมีภารกิจระดับสิบดาวอยู่ในมือถึงสองอย่าง

แม็กรับฟังพระแม่พลางจับพลิกกระบี่ผลึกมองดูด้วยความลุ่มหลง นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกอยากครอบครองอาวุธ แม้จะใช้กระบี่ไม่เป็นสักนิด แต่ว่ากระบี่เล่มนี้เปี่ยมไปด้วยความงดงามของศิลปะที่น่าลุ่มหลงในทุกตารางนิ้ว มันแทบจะเป็นศิลปะชั้นเลิศชิ้นหนึ่ง ความงดงามทางศิลปะจึงดึงดูดแม็กซึ่งนิยมชมชอบความงามทางธรรมชาติได้เป็นอย่างดี

“ยินดีครับ”

แม็กตอบรับภารกิจ เพราะเขาเองก็ไม่เห็นว่าจะเสียหายตรงไหนหากรับภารกิจ อย่างน้อยเขาก็จะได้กระบี่ระดับเทพมาไว้ให้เลือกใช้งานอีกชิ้น นอกจากเจ้าโซ่ทิวากาลที่เขาอาศัยมันมาตลอด

“ขอบใจเจ้ามาก อืม ข้ายังติดค้างรางวัลเจ้าหนึ่งอย่างเพื่อชดเชยซินะ ข้าขอเวลาขบคิดเสียหน่อย ว่ามีอะไรที่น่าจะเหมาะกับเจ้าบ้าง แต่ก่อนอื่นข้าคงต้องสนทนากับแม่หนูผู้สืบสายเลือดแห่งมารฟ้าเสียก่อน … เจ้าชื่อเตียวเสี้ยนซินะ”

พระแม่เปลี่ยนเป็นหันไปสนทนากับเตียวเสี้ยนแทน ตอนนี้แม็กจึงค่อยได้รู้ว่าเตียวเสี้ยนมีอะไรเกี่ยวพันกับมารฟ้าจริง ๆ ไม่ใช่แค่วรยุทธ์ที่เธอใช้งาน แต่เป็นถึงระดับของสายเลือดแห่งมารฟ้า … แต่เมื่อนึกย้อนไปอีกครั้ง เขาจำได้ว่าเคยเห็นข้อความของระบบบอกว่าเตียวเสี้ยนเป็นเผ่ามนุษย์ และนั่นดูจะขัดแย้งกับคำพูดของพระแม่หนี่วาอยู่พอสมควร

“ข้าน้อยเตียวเสี้ยน ขอคาระพระแม่หนี่วา”

“พบหน้ากันครั้งแรกเจ้ายังแบเบาะไม่รู้เรื่องราว แต่ตอนนี้เจ้าสมควรเติบใหญ่จนรู้เรื่องราวแล้ว เจ้าคับแค้นหรือไม่แม่หนู เพราะข้าเป็นผู้นำทัพสวรรค์ไปทำลายมารฟ้า บรรพบุรุษของเจ้าด้วยตัวข้าเอง”

แม็กรับฟังด้วยหัวสมองที่พองโต เขาเคยได้ยินเตียวเสี้ยนเล่าเรื่องมารฟ้าให้ฟัง มารฟ้าเคยเป็นเผ่าเทพมาก่อน แต่หลงไหลในศาสตร์ด้านมืดและมากด้วยราคะจิต มารฟ้าฉุดคร่าเทพสตรีไปขืนใจจนมีทายาทเป็นกองกำลังมารฟ้า สวรรค์ถึงกับปั่นป่วนไปช่วงหนึ่ง แต่ได้พระแม่หนี่วาลงมาปราบมาร จัดการกำจัดมารฟ้าและลูกหลานจนสิ้นซาก ดังนั้นหากนับกันตามเหตุผลแล้ว ก็คงกล่าวได้ว่าพระแม่หนี่วาเป็นคนทำลายล้างบรรพบุรุษของเตียวเสี้ยนนั่นเอง

“ผู้น้อยมิเคยคับแค้นใจอันใด มารฟ้าก่อกรรมทำเข็ญสมควรแล้วที่จะโดนลงโทษ และผู้น้อยเองก็มิได้รู้จักมักคุ้นกับมารฟ้า เขาเพียงจับมารดาของข้าซึ่งเป็นมนุษย์ไปกักขังและขืนใจ แต่มารดาของข้าน้อยดิ้นรนหลบหนีแย่งชิงเคล็ดมารฟ้าออกมาจนถูกแช่แข็งด้วยเคล็ดนรกยะเยือกอย่างยาวนานทั้งที่มีผู้น้อยอยู่ในครรภ์ กระทั่งเมื่อพระแม่หนี่วาได้โปรดมาช่วยเหลือผู้น้อยออกจากสภาพนั้น ทั้งยังได้ทำการสะกดสายเลือดแห่งมารฟ้าเอาไว้ให้ผู้น้อยด้วยอีกทางหนึ่ง”

เตียวเสี้ยนมิได้แสดงท่าทีโกรธเคืองอันใด เธอชายตามองมาทางแม็กแวบหนึ่ง ก่อนจะพูดตอบโตเหมือนมีเจตนาอธิบายให้แม็กได้รับทราบเรื่องราวของเธอไปด้วยพร้อมกัน และนั่นทำให้แม็กเข้าใจภาพรวมของเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาบ้างแล้ว

เตียวเสี้ยนเป็นลูกสาวสืบสายเลือดโดยตรงเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของมารฟ้า แม่ของเธอเป็นมนุษย์ที่ถูกฉุดคร่าไป แต่ก่อนจะคลอดนั้นเธอได้หลบหนีออกมาจนโดนมารฟ้าใช้หนึ่งในเจ็ดเคล็ดปราณมารฟ้าซึ่งสามารถแช่แข็งสรรพสิ่งได้ หลังจากนั้นพระแม่หนี่วาก็ได้ช่วยเหลือเตียวเสี้ยนออกมา แต่ที่เขายังไม่เข้าใจก็คือทำไมจึงต้องสะกดสายเลือดแห่งมารฟ้าในร่างของเตียวเสี้ยนเอาไว้ด้วย

“เด็กน้อยที่น่าสงสาร เจ้ามีใบหน้าที่งดงามดุจเดียวกับมารดาที่ล่วงลับของเจ้า น่าเสียดายที่นางไม่อาจฝืนรักษาชีวิตเอาไว้ได้ เพราะนางเพียงรวบรวมปราณเฮือกสุดท้ายเพื่อคุ้มครองเจ้าที่อยู่ในครรภ์ และนางก็สามารถรักษาชีวิตเจ้าในสภาพนั้นได้นานนับพันปี จากนั้นข้าเองก็จำเป็นต้องสะกดสายเลือดแห่งมารฟ้าของเจ้าเอาไว้เสียก่อน ไม่เช่นนั้นเจ้าคงไม่รอดชะตากรรมต้องถูกผู้มีความแค้นกับมารฟ้าทำร้าย”

พระแม่กล่าวด้วยน้ำเสียงเวทนา และดูเหมือนจะมีเจตนาเล่าเรื่องราวของเตียวเสี้ยนที่เหลือออกมาให้ผู้อื่นรับฟังเช่นกัน แม็กและเหล่าเจ็ดนางฟ้าสกุลเทียนจึงพากันรับฟังด้วยความสนอกสนใจ เพราะพวกเธอเองก็ยังไม่เคยรับรู้เรื่องราวนี้จากเตียวเสี้ยนมาก่อน

“ผู้น้อยเข้าใจความจำเป็นเหล่านั้น เวลานั้นผู้น้อยยังเยาว์วัยเกินไปจึงไม่มีความสามารถในการสะกดพลัง การสะกดสายเลือดมารฟ้าเอาไว้ก่อนจึงเป็นเรื่องจำเป็น และผู้น้อยนับว่าเคราะห์ดีมากแล้วที่เป็นสตรี เพราะเหล่าบุรุษเชื้อสายมารฟ้าเท่านั้นที่จะสามารถสืบทอดสายเลือดและพลังอาถรรพ์เหล่านั้นได้ ผู้น้อยจึงไม่อยู่ข่ายที่จำเป็นต้องกำจัด”

“บาปกรรม บาปกรรม … ”

เตียวเสี้ยนอธิบายต่อ ในขณะที่พระแม่หนี่วาได้แต่ทอดถอนใจด้วยความเวทนา มารฟ้าก่อกรรมทำเข็ญจนผู้คนคลั่งแค้นไปทั่วทั้งแผ่นดิน เมื่อมารฟ้าพลาดท่าการกวาดล้างจึงเริ่มต้นขึ้น ไม่ว่าใครที่มีสายเลือดของมารฟ้าล้วนแล้วแต่ต้องถูกกำจัดทิ้งเพื่อป้องกันภัยในอนาคต โดยเฉพาะเพศชายที่สามารถสืบสายเลือดและพลังอาถรรพ์ได้ผ่านการสืบพันธุ์

ส่วนเพศหญิงนั้นพวกเธอไม่สามารถสืบทอดพลังมารฟ้าให้บุตรหลานได้หากไม่ได้มีสัมพันธุ์รักกับสายเลือดมารฟ้าด้วยกัน แต่หากพวกเธอสืบสัมพันธ์รักกับมารฟ้า บุตรหลานที่คลอดออกมาก็จะยิ่งมีพลังแข็งแกร่งขึ้นมา ดังนั้นการที่เธอเป็นผู้หญิงจึงถูกยกเว้นกฎเกณฑ์ข้อนี้อยู่บ้าง

“แม่หนูน้อย ข้าคอยเฝ้าดูเจ้าอยู่ เจ้ามิใช่คนเลวร้าย และเจ้ายังได้กระทำสิ่งดีงาม ช่วยคุ้มครองปกปักษ์หลานสาวทั้งเจ็ดของข้า ทั้งยังชักนำจนพวกนางได้พบกับขลุ่ยลำนำสวรรค์ ดังนั้นเจ้าสมควรจะได้รับรางวัล และข้าคิดว่ารางวัลที่เจ้าต้องการนั้นสมควรจะเป็นการปลดปล่อยพันธะสะกดสายเลือดมารฟ้ากระมัง”

“พระแม่หนี่วา นั่นเป็นความต้องการของผู้น้อยจริง การโดนสะกดสายเลือดนั้นเหมือนกับการสูญเสียบางส่วนของจิตวิญญาณไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้น้อยคงต้องให้พระแม่เป็นผู้วินิจฉัย เพราะนี่คือสายเลือดอันชั่วร้ายในอดีต”

“… สายเลือดมิใช่สิ่งชั่วร้าย การกระทำต่างหากที่ใช่ … เจ้ามิใช่คนเลวร้าย และข้ามองไม่เห็นความเสี่ยงอันใด เพราะเจ้าเป็นสตรีเพียงผู้เดียวที่สืบสายเลือดแห่งมารฟ้าอยู่ในเวลานี้ ไม่มีบุรุษเพศอื่นอีกที่สามารถสืบทอดสายเลือดนี้ต่อไปได้ การทำลายพันธะสะกดซึ่งบีบคั้นทรมาณใจเจ้าตลอดเวลาจึงเป็นเรื่องสมควรอย่างยิ่ง และนี่สมควรจะเป็นรางวัลที่เหมาะสมยิ่งของเจ้า”

พระแม่หนี่วาไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจโบกมืออีกครั้ง หากทว่าคราวนี้ไม่ได้มีละอองแสงออกมาจากมืออย่างเช่นครั้งก่อน แต่การกระทำนั้นกลับทำให้ร่างของเตียวเสี้ยนสะท้านเฮือก ใบหน้าสวยขมวดมุ่นคล้ายเจ็บปวดอย่างหนักหนาสาหัสน่ากลัว หากทว่าเพียงแค่วูบเดียวละอองแสงสีเงินก็ค่อย ๆ ลอยออกมาจากร่างของเตียวเสี้ยนและกลับเข้าไปในมือของพระแม่หนี่วา

ละอองแสงเหล่านี้คล้ายกับฝาปิดสิ่งอาถรรพ์ลึกลับ เมื่อไร้ซึ่งละอองแสงปิดกั้น สายเลือดแห่งมารฟ้าในร่างของเตียวเสี้ยนก็พลุ่งพล่าน กระแสพลังอันดำมืดและอาถรรพ์แผ่พุ่งออกมาราวกับว่าจอมปีศาจได้ถือกำเนิด แม็กสัมผัสได้ถึงพลังธาตุมืดอันเข้มข้นที่ห่อหุ้มร่างของเตียวเสี้ยนราวกับควันไฟสีดำ และมันเป็นความรู้สึกใกล้เคียงกับตอนที่เขาใช้เคล็ดปราณเก้าร่างอวตารโดยไม่ผิดเพี้ยน

กระนั้นเพียงไม่นานนักความรู้สึกอาถรรพ์เหล่านั้นก็เลือนหายไป ร่างของเตียวเสี้ยนปรากฎขึ้นให้เห็นด้วยสายตาได้อีกครั้ง ใบหน้าของเธอขาวซีดกว่าเดิมเล็กน้อยโดยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ที่น่าแปลกก็คือภายใต้ใบหน้าเดิมนั้น ทุกคนกลับสัมผัสได้ถึงความงามอันยั่วเย้าตราตรึงที่ลึกล้ำรุนแรงยิ่งกว่าเดิม นั่นคือเสน่ห์อันเย้ายวนยิ่งยวดของอิสสตรีแห่งเผ่ามารฟ้า

‘เตียวเสี้ยน เปลี่ยนเป็นเผ่าพันธุ์มารฟ้า คลาสเจ็ด ระดับ 700’
‘ภารกิจปลดปล่อยสายเลือดแห่งมารฟ้า ความยากระดับแปดดาวสำเร็จตามเงื่อนไขระดับสูงสุด’
‘ได้รับค่าชื่อเสียง 10,000 หน่วย กลายเป็น 170,412 หน่วย (ลำดับที่ 25,197 / 1,483,598,308)’
‘เตียวเสี้ยน ได้รับตำแหน่งมารฟ้าอวตารลำดับที่สิบ ฉายาราชินีมารฟ้าจันทราสูญ’
‘ได้รับตำแหน่ง ราชามารฟ้า เนื่องจากเป็นคู่ชีวิตของราชินีมารฟ้าเตียวเสี้ยน’
‘ได้รับทักษะ Natural Sense of Spirit (สัมผัสธาตุวิญญาณระดับธรรมชาติ)’
‘ได้รับทักษะ Spirit King (เจ้าแห่งวิญญาณ) สามารถสื่อสารกับวิญญาณ และมีโอกาสสูงที่วิญญาณจะทำตามคำสั่ง ได้รับความเสียหายจากธาตุวิญญาณลดลง 30% เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ธาตุวิญญาณ 30% ลดค่าพลังเวทย์เมื่อเรียกใช้ธาตุวิญญาณ 30% เมื่ออยู่ในพื้นที่ธาตุวิญญาณ จะได้รับค่าพลังทุกอย่างเพิ่มขึ้น 10%’

ถัดจากนั้นเสียงประกาศของระบบก็แจ้งเตือนอีกครั้ง หากทว่าแม็กไม่ได้มีสติสนใจดูข้อความ เพราะว่าเขากำลังตะลึงลานลุ่มหลงในเสน่ห์ที่เพิ่มพูนอย่างกระทันหันของเตียวเสี้ยน เขาจึงไม่ทราบว่าเขาได้รับรางวัลจากภารกิจที่คล้ายกับตอนเฟิ่งหวงวิวัฒนาการมาอีกครั้ง หรือหากจะกล่าวให้ถูกต้องแล้ว ต่อให้คืนนี้เขาได้รับรางวัลเป็นทักษะระดับสิบดาวสักสิบทักษะ เขาก็ยังคงมองว่าการเปลี่ยนแปลงของเตียวเสี้ยนเป็นรางวัลที่สุดยอดที่สุดอยู่ดี

อย่างไรก็ตามนอกจากฐานะราชาแห่งเผ่ามารฟ้าแล้ว เขายังได้รับทักษะสำคัญของเผ่ามารฟ้าซึ่งก็คือทักษะที่เกี่ยวข้องกับธาตุวิญญาณ เริ่มจากสัมผัสธาตุวิญญาณในระดับธรรมชาติซึ่งเกือบจะเป็นระดับสูงสุด และนั่นเป็นระดับเดียวกับสัมผัสธาตุแสง ธาตุมืด และธาตุไฟที่เขามีอยู่ครอบครองแล้ว ดังนั้นเขาจึงมีสัมผัสธาตุในระดับสูงมากถึงสี่ธาตุจากทั้งหมดเจ็ดธาตุด้วยกัน

หากให้เรียบเรียงระดับของสัมผัสจากต่ำไปสูงก็คงแบ่งได้เป็น 5 ระดับ ดังนี้ Basic (พื้นฐาน), Expert (ชำนาญ), Master (ถ่องแท้), Natural (เป็นธรรมชาติ) และระดับสุดท้ายซึ่งเป็นระดับที่มีแต่ในตำนานนั้นเรียกกันว่าระดับ Enlightenment (ตรัสรู้)

ผู้เล่นส่วนใหญ่มักจะอยู่ในระดับพื้นฐานแทบทั้งหมด มีแต่เพียงคนเก่งส่วนหนึ่งซึ่งขึ้นไปในระดับชำนาญได้ และมีผู้เล่นเพียงหยิบมือที่ไปได้ถึงระดับถ่องแท้ อีกทั้งโดยปกติแล้วมักจะไม่ค่อยมีคนมุ่งเล่นมากกว่าสองธาตุ เพราะจะเสียเวลามากเกินไป สิ่งที่แม็กครอบครองจึงนับได้ว่าเป็นสิ่งล้ำค่าจนแทบมิอาจประเมินได้สำหรับนักเล่นเกม … อย่างไรก็ตามนั่นดูจะไม่ใช่สิ่งที่เขาสนใจนักในเวลานี้

หัวใจของเขาเต้นแรงเมื่อได้มองดวงตาที่ร้อนแรงหยาดเยิ้มของเตียวเสี้ยน เขาไม่สามารถบรรยายออกมาได้ว่าอะไรที่เปลี่ยนแปลงไป หากทว่าเสน่ห์ของเธอร้อนแรงกว่าเดิมนับสิบเท่า เพียงแต่แววตาที่ชะม้ายชายตามองมาก็แทบจะกระชากขวัญวิญญาณของเขาจนหลุดจากร่าง อย่าว่าแต่เวลานี้เธอยังอยู่ในสภาพที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเล็กรัดพันร่างกายเอาไว้แบบหมิ่นเหม่เกือบหลุดลุ่ย

“ขอบคุณพระแม่หนี่วา”

เตียวเสี้ยนยิ้มด้วยความพึงพอใจคล้ายจะเข้าใจความเปลี่ยนแปลงของร่างกายตน จากนั้นเธอจึงก้มลงกราบขอบคุณพระแม่หนี่วา แล้วจึงค่อยหันมามองดูแม็กด้วยสายตาร้อนแรงราวกับจะกลืนกินวิญญาณของเขาเข้าไปในดวงตาสีดำขลับคู่นั้น

“สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เจ้าสมควรได้รับอยู่แล้ว … สำหรับเจ้าบุรุษหนุ่ม ข้าคิดว่าข้ามีสิ่งที่เหมาะสมจะชดเชยให้เจ้าก่อนจากกันแล้ว เพียงแต่ว่าเจ้าจะมีวาสนามากน้อยเพียงใดก็คงขึ้นกับตัวเจ้าแล้ว … จงรับมันไป และหวังว่าข้าจะได้พบเจอกับเจ้าอีกครั้งในวันที่เจ้ารวบรวมกระบี่ผลึกฟ้าจนครบถ้วน เวลานี้ข้าสมควรต้องจากไปก่อนแล้ว”

พระแม่หนี่วาคล้ายไม่สนใจท่าทีละเมอลุ่มหลงของแม็ก เธอเพียงสะบัดมือวูบหนึ่งเพื่อโปรยปรายละอองแสงออกมา และคราวนี้ละอองแสงเหล่านั้นก็ไหลซึมพรั่งพรูเข้าไปในร่างของแม็กราวกับเทน้ำลงไปในทะเล จากนั้นร่างของเขาก็เริ่มสั่นสะท้าน ก่อนจะยืนเหม่อลอยราวกับกำลังมองดูอะไรบางอย่าง ในขณะที่ร่างของพระแม่หนี่วาค่อยเลือนหายไปในอากาศอันว่างเปล่า

‘ท่านได้รับการทดสอบของอาชีพลับจากพระแม่หนี่วา อาชีพ Elemental Commander (ผู้บงการสรรพธาตุ)’

……………………………………………………………..

อาชีพในเกม Xtreme Online นั้นมีสองแบบใหญ่ ๆ คืออาชีพทั่วไป และอาชีพลับ อาชีพทั่วไปหมายถึงอาชีพที่มีสถาบันเปิดสอนอย่างเป็นทางการในพื้นที่ส่วนหนึ่งส่วนใด ไม่ว่าใครก็เรียนรู้ได้ เช่น อาชีพนักบวช อาชีพนักรบ อาชีพพ่อครัว ซึ่งอาชีพในส่วนนี้ขอเพียงแค่ไปทำภารกิจที่มอบหมายสำเร็จ ก็มักจะได้รับการเข้าไปฝึกฝนทักษะต่าง ๆ

ส่วนอาชีพลับนั้น จะไม่มีสถานที่เปิดสอนอย่างเป็นทางการ เงื่อนไขในการรับก็ยุ่งยากไม่เปิดเผย เช่นอาจขึ้นกับเวลา หรือความพอใจของตัวละครนั้น ๆ เช่น หากคนที่เคยรับอาชีพลับบอกให้เพื่อนกระทำแบบเดียวกัน ก็ไม่แน่ว่าจะได้รับอาชีพลับนั้น ดังนั้นหากจะกล่าวว่าอาชีพลับในเกมนี้หาได้ยากมากก็คงไม่ผิดนัก

เมื่อหาได้ยาก อาชีพลับจึงต้องมีบางสิ่งที่เหนือกว่าอาชีพปกติเป็นธรรมดา เช่นความสามารถทางด้านทักษะ หรือสิทธิพิเศษบางอย่าง และข้อดีของอาชีพลับอีกอย่างก็คือ มีคนรู้รายละเอียดจุดอ่อนจุดแข็งหรือเงื่อนไขความสามารถน้อย และยิ่งมีคนรู้น้อยการใช้ทักษะก็ง่ายกว่าเดิม และได้ประสิทธิภาพดีกว่าเดิม

อาชีพลับผู้บงการสรรพธาตุ หรือเซียนธาตุนั้น เป็นสายความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเวทย์มนตร์ของเผ่าเทพระดับสูง ว่ากันว่าผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้จะไม่ใช่แค่นักเวทย์ธรรมดาที่ทำได้แค่เหนี่ยวรั้งและปลดปล่อยเวทย์ออก หากทว่าสามารถรังสรรค์เรียกบงการใช้เวทย์ที่มีจิตวิญญาณ มีความคิด และมีความสามารถของมันเองได้ บางกลุ่มจึงมองว่านี่เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของผู้อัญเชิญมากกว่าจะเป็นนักเวทย์

เวลานี้แม็กซึ่งยืนนิ่งอยู่นั้นกำลังอยู่ในภวังค์แห่งบททดสอบซึ่งพระแม่หนี่วาได้ทิ้งเอาไว้ให้ก่อนจากไป ภาพที่ถูกส่งตรงมายังสมองจนมองไม่เห็นและไม่สามารถสัมผัสสิ่งใดได้อีกนั้นลอยเด่นอยู่ตรงหน้า และมันก็เป็นเช่นเดียวกับทักษะสายเวทย์มนตร์อื่น ๆ ที่การทดสอบสัมผัสรับรู้ถึงอักขระเวทย์นั่นเอง

โดยปกติแล้วอักขระเวทย์เริ่มต้นของอาชีพสายเวทย์มนต์ระดับแรกนั้น มักจะมีอักขระเริ่มต้นเพียงหนึ่งหรือสองตัว ซึ่งจะสามารถจดจำและสัมผัสได้โดยง่าย หากทว่าสำหรับอาชีพลับผู้บงการสรรพธาตุนี้กลับปรากฎอักขระในระดับแรกถึงสี่ตัว ทั้งยังเป็นอักขระผสมผสานระหว่างธาตุสองธาตุในสัดส่วนที่แตกต่างกัน อันได้แก่ธาตุแสงและธาตุวิญญาณ

การผสมผสานธาตุนั้นถือเป็นทักษะขั้นสูงยิ่ง เพราะมันต้องการสัมผัสธาตุมากกว่าหนึ่งธาตุ และหากว่าขาดสัมผัสธาตุใดธาตุหนึ่งก็จะไม่สามารถสัมผัสถึงอักขระอันทรงพลังนั้นได้ทันที

“เนฟม่า (Pnevma) อักขระแห่งจิตวิญญาณ”
“เอเลฟซิ (Elefsi) อักขระแห่งการถือกำเนิด”
“อะนาฟติซิ (Anaptyxi) อักขระแห่งการเติบโต”
“…”

แม็กส่งเสียงพึมพำออกมาแผ่วเบาในห้วงภวังค์ เขามองเห็นอักขระทั้งสี่ได้จึงสามารถเข้าถึงและประทับอักขระเข้าไปในห้วงสมองได้ และนี่อาจะต้องใช้คำว่าได้รับสิ่งของทันเวลาใช้งานพอดิบพอดี เพราะหากเขาไม่ได้รับสัมผัสของธาตุวิญญาณจากตำแหน่งราชาแห่งมารฟ้ามาเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ การทดสอบนี้ก็อาจจะกลายเป็นไร้ความหมายไปในทันที

แน่นอนว่าพระแม่หนี่วาย่อมไม่ใจดำหรือไร้เหตุผลถึงเพียงนั้น เธอเพียงคิดมอบสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่จะให้ได้ หากเขาไม่ได้รับทักษะในครั้งนี้ มนตราทดสอบของพระแม่ก็จะเว้นระยะให้เขาได้ไปเรียนรู้สัมผัสธาตุเพิ่มเติม ก่อนจะแสดงผลให้เขาเห็นอีกครั้งหลังจากนี้ช่วงเวลาหนึ่ง และพระแม่เองก็ไม่ได้คาดคิดเลยสักนิดว่าเขาจะสามารถสัมผัสอักขระเหล่านี้ได้ตั้งแต่ครั้งแรก

‘เงื่อนไขเสร็จสิ้น ผ่านการทดสอบอาชีพผู้บงการสรรพธาตุ คลาส 1 Basic Element Commander ‘
‘ได้รับทักษะ Element Sphere (ลูกพลังธาตุ) ทักษะเรียกใช้ สร้างลูกพลังธาตุจากเวทย์มนตร์ออกมาเป็นรูปร่างทรงกลม สามารถบังคับให้โจมตีหรือป้องกันร่างกายได้ เรียกใช้ออกมาได้มากเท่าที่จะสามารถจินตนาการควบคุมได้’
‘ได้รับทักษะ Sphere Absorption (ซึมซับพลัง) ทักษะเรียกใช้ แปลงลูกพลังให้กลับคืนกลายเป็นพลังเวทย์ในตัว’

ข้อความประกาศของระบบดังขึ้นทันทีเมื่อเงื่อนไขครบถ้วน และนั่นหมายความว่าแม็กได้รับทักษะของอาชีพลับผู้บงการสรรพธาตุมาแล้วส่วนหนึ่ง เพียงแต่นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมดที่เขาจะได้ในเวลานี้ เพราะว่าอักขระชุดใหม่อีกแปดตัวนั้นปรากฎให้เขามองเห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งนี่ต้องขอบคุณรางวัลที่ได้รับจากการทำให้เตียวเสี้ยนเป็นราชินีมารฟ้าอย่างสูง

‘เงื่อนไขเสร็จสิ้น ผ่านการทดสอบอาชีพผู้บงการสรรพธาตุ คลาส 2 Advance Elemental Commander’
‘ได้รับทักษะ Blossom of Sphere (การพัฒนาของลูกพลัง) ทักษะติดตัว ลูกพลังธาตุที่สร้างขึ้นจะใช้พลังเวทย์น้อยลง และมีสติปัญญาระดับต่ำ สามารถรับคำสั่งง่าย ๆ และสามารถดำรงคงอยู่ด้วยการดูดซึมพลังธาตุจากรอบข้างได้’
‘ได้รับทักษะ Element Revive (การฟื้นฟูพลังธาตุ) ทักษะติดตัว ค่าพลังเวทย์สูงสุดเพิ่มขึ้น 10% การฟื้นฟูพลังเวทย์เร็วขึ้น 10% ‘
‘ปลดล๊อคข้อจำกัดแถบพลังเวทย์มนตร์ เนื่องจากขัดกับทักษะที่เพิ่งได้รับ’

‘เงื่อนไขเสร็จสิ้น ผ่านการทดสอบอาชีพผู้บงการสรรพธาตุ คลาส 3 Master Elemental Commander’
‘ได้รับทักษะ Master of Blossom of Sphere (การพัฒนาของลูกพลังระดับเชี่ยวชาญ) ทักษะติดตัว ลูกพลังธาตุที่สร้างขึ้นจะใช้พลังเวทย์น้อยลงมาก และมีสติปัญญาระดับกลาง สามารถรับคำสั่งที่ไม่ซับซ้อน สามารถเคลื่อนไหวในพื้นที่จำกัดได้ และสามารถดำรงคงอยู่ด้วยการดูดซึมพลังธาตุจากรอบข้างได้’
‘ได้รับทักษะ Master of Element Revive (การฟื้นฟูพลังธาตุระดับเชี่ยวชาญ) ทักษะติดตัว ค่าพลังเวทย์สูงสุดเพิ่มขึ้น 20% การฟื้นฟูพลังเวทย์เร็วขึ้น 20% ‘

‘เงื่อนไขเสร็จสิ้น ผ่านการทดสอบอาชีพผู้บงการสรรพธาตุ คลาส 4 Expert of Elemental Commander’
‘ได้รับทักษะ Expert of Blossom of Sphere (การพัฒนาของลูกพลังระดับสูง) ทักษะติดตัว ลูกพลังธาตุที่สร้างขึ้นจะใช้พลังเวทย์น้อยลงอย่างมาก และมีสติปัญญาระดับสูง สามารถรับคำสั่งที่ซับซ้อน สามารถเคลื่อนไหวในพื้นที่กว้างไกล และสามารถดำรงคงอยู่ด้วยการดูดซึมพลังธาตุจากรอบข้างได้’
‘ได้รับทักษะ Master of Element Revive (การฟื้นฟูพลังธาตุระดับเชี่ยวชาญ) ทักษะติดตัว ค่าพลังเวทย์สูงสุดเพิ่มขึ้น 30% การฟื้นฟูพลังเวทย์เร็วขึ้น 30% ‘

‘เงื่อนไขเสร็จสิ้น ผ่านการทดสอบอาชีพผู้บงการสรรพธาตุ คลาส 5 Celestial Elemental Commander’
‘ได้รับทักษะ Sphere of Life (ลูกพลังแห่งชีวิต) ทักษะติดตัว ลูกพลังธาตุที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพสูงขึ้น เปลี่ยนแปลงรูปร่างได้ตามจินตนาการ และสามารถพัฒนาเติบใหญ่ได้ตามกาลเวลา หากไม่สูญสลายไปเสียก่อน’
‘ได้รับทักษะ Grand Master of Element Revive (การฟื้นฟูพลังธาตุระดับเชี่ยวชาญสุดยอด) ทักษะติดตัว ค่าพลังเวทย์สูงสุดเพิ่มขึ้น 40% การฟื้นฟูพลังเวทย์เร็วขึ้น 40% ‘

‘เงื่อนไขเสร็จสิ้น ผ่านการทดสอบอาชีพผู้บงการสรรพธาตุ คลาส 6 Legend Elemental Commander’
‘ได้รับทักษะ Legend Sphere of Life (ลูกพลังแห่งชีวิตระดับตำนาน) ทักษะติดตัว ลูกพลังธาตุที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพสูงขึ้นมาก สามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้ตามจินตนาการ และสามารถพัฒนาเติบใหญ่ได้ตามกาลเวลา หากไม่สูญสลายไปเสียก่อน’

แม็กคอยสัมผัสและอ่านอักขระอย่างต่อเนื่อง เสียงประกาศของระบบจึงแจ้งข่าวดีออกมาให้อย่างไม่หยุดหย่อน สำหรับแม็กนั้นรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปรวดเร็วเพียงไม่กี่นาที หากทว่าความเป็นจริงแล้วเขากลับอยู่ในภวังค์นี้ยาวนานถึงแปดชั่วโมง

ด้วยเหตุนี้เมื่อเขาตื่นจากภวังค์เพราะไม่สามารถสัมผัสอักขระในระดับสูงสุดได้อีกต่อ เขาจึงได้แต่ยืนงุนงง เพราะมีแสงแดดยามเช้าลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา รอบข้างนั้นสาวงามทั้งแปดดูเหมือนจะไปอาบน้ำชำระล้างร่างกาย และผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าไปนอนหลับบนเตียงนอนด้วยความเหนื่อยอ่อนกันหมดแล้ว ยกเว้นก็แต่เพียงเตียวเสี้ยนที่นั่งสมาธิโคจรพลังปราณอยู่บนเตียง

เขายังคงยืนงุนงงไม่ทราบว่าควรทำอะไร เพราะไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยอยากพักผ่อนแม้แต่น้อย เขาไม่อยากรบกวนเวลานอนเหล่านางฟ้า จึงนึกย้อนทบทวนถึงทักษะของอาชีพผู้บงการสรรพธาตุที่เขาเพิ่งเรียนรู้มา ก่อนจะทดลองเรียกใช้งานออกมาอย่างเงียบงัน

“Element Sphere (ลูกพลังธาตุ)”

เขาขีดเขียนอักขระเวทย์ที่จำเป็น ก่อนจะรีดเร้นพลังเวทย์ธาตุแสงและธาตุวิญญาณออกมาส่วนหนึ่ง จากนั้นก็ปรากฎลูกบอลทรงกลมสีเงินขนาดเท่าลูกบาสลอยวนอยู่รอบตัวของเขาราวกับหลอดไฟลอยได้ดวงหนึ่ง

แม็กการให้มันหยุดนิ่งที่เบื้องหน้า ก่อนจะยื่นมือไปแตะสัมผัสด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาพบว่านั่นเป็นเพียงก้อนพลังผสมระหว่างธาตุแสงและวิญญาณ มือของเขาจึงไม่สามารถแตะสัมผัสได้โดยตรง เพียงแต่มันจะให้ความรู้สึกอบอุ่นอยู่บ้างเมื่อเข้าไปใกล้

เขาทดลองสั่งให้มันลอยออกไปนอกหน้าต่างแล้วลอยกลับมา จากนั้นให้ลอยวนรอบตัว ในขณะเดียวกันนั้นเขาก็ทดลองสร้างบอลพลังธาตุอื่นออกมาทีละธาตุจนครบสี่ธาตุเท่าที่เขาสามารถใช้งานได้ แต่ว่าไม่ได้จำกัดแค่สี่ลูก เพราะเขาอยากทดลองดูว่าจะสร้างออกมาได้มากมายขนาดไหน ก่อนจะพบว่าเขาไม่สามารถสร้างบอลพลังลูกเล็กได้มากกว่า 16 ลูก หากสร้างเป็นบอลพลังธาตุลูกใหญ่ขึ้น จำนวนที่สร้างได้ก็จะลดน้อยลงไป

บอลสีส้มแดงของธาตุไฟแผ่รังสีความร้อนจนอากาศรอบข้างสั่น มันคล้ายกับกับลูกไฟที่ลอยได้ และเขาพบว่าความร้อนของมันไม่ธรรมดาเลย เขาจึงต้องสั่งให้มันลอยห่าง ๆ ตัวเขาไว้ และห้ามลอยไปเฉียดใกล้กับผ้าม่านหรือสิ่งของอื่นใดโดยเด็ดขาด

บอลดำสนิทของธาตุมืดนั้นดูสงบนิ่งที่สุด แต่ว่ามันแฝงแรงดูดกลืน หากมันลอยเข้าไปใกล้วัตถุน้ำหนักไม่มากนัก วัตถุนั้นก็จะกระดิกทำท่าจะลอยเข้าไปหา เขาจึงต้องสั่งให้พวกมันลอยสูง ๆ ห่างจากข้าวของเข้าไว้

บอลสีขาวหม่นของธาตุวิญญาณนั้นดูทีแรกเหมือนจะมีอันตรายน้อยที่สุด เพราะมันสามารถทะลุผ่านสิ่งของได้โดยไม่เกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเขาลองยื่นมือไปแตะสัมผัสดู เขาก็ไม่กล้าแตะสัมผัสมันอีกเลย เพราะเขารู้สึกเย็นวูบโหวงเหวง ราวกับว่าวิญญาณโดนดูดออกจากร่างไปส่วนหนึ่งในทันที

จากข้อมูลพื้นฐานของทักษะนั้น เขาสามารถสั่งให้ลูกพลังพุ่งไปโจมตีได้ และดูดกลืนกลับได้ แต่ในสถานที่เช่นนี้คงไม่เหมาะสมเพราะไม่มีเป้าให้ทดลอง เขาจึงลองสั่งการอย่างอื่นแทน

‘Heal (รักษา)!!!’
‘Blessing (ให้พร)!!!’
‘Recover (เร่งการฟื้นฟู)!!!’
‘Cure (บำบัด)!!!’

ลูกพลังธาตุแสงทั้งสี่ลูกใช้เวทย์ธาตุแสงใส่ร่างของเขาอย่างต่อเนื่อง และเขาสังเกตเห็นได้ว่าเมื่อพวกมันใช้เวทย์ไปสักระยะก็จะเริ่มมีขนาดเล็กลงไปเรื่อย ๆ แต่เมื่อเขาปล่อยทิ้งไว้พวกมันก็จะค่อย ๆ ขยายขนาดโตขึ้นมาเองทีละน้อย เพราะพวกมันสามารถซึมซับพลังธาตุให้กับตัวเองได้

เขารู้สึกอยากทดลองใช้ลูกพลังธาตุอื่นบ้าง แต่ยังไม่กล้าเสี่ยงใช้ในสถานที่แบบนี้ โดยเฉพาะลูกพลังธาตุไฟที่อาจยิงเวทย์เพลิงออกมาเผาทำลายห้องทั้งห้องได้ เขาจึงทดสอบเรียกเก็บลูกพลังทั้งหมดและได้พบว่าแถบค่าพลังเวทย์ของเขาเด้งกลับคืนมาจนเกือบเต็ม

ตอนนี้เขาค่อยสังเกตเห็นว่าเตียวเสี้ยนซึ่งเปลี่ยนเป็นราชินีมารฟ้าได้ลืมตากลมโตของเธอมองดูเขา ดวงตาคู่นั้นมีทั้งอารมณ์ร้อนแรงแห่งรักและมีความรู้สึกตื่นตระหนกตกใจไปกับสิ่งที่แม็กกระทำอยู่บ้าง แม็กจึงหันไปยิ้มให้และเตรียมการแสดงเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเอาใจสาวงามเฉิดฉันท์นางนี้

แม็กยืนสงบนิ่งสร้างจินตนาการไปพร้อมกับวาดอักขระ และคราวนี้สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นเพียงลูกพลังทรงกลม หากทว่ามันกลับกลายเป็นนางฟ้าตัวน้อย พวกเธอมีรูปร่างเหมือนกับเผ่าแฟรี่ คือมีร่างกายคล้ายคนแต่มีขนาดเล็กเท่ากำปั้น แต่มีปีกใสเหมือนแมลง

แฟรี่ทั้งสิบหกร่างนั้นแบ่งเป็นธาตุแสง มืด วิญญาณ และไฟ อย่างละสี่ตัว พวกเธอต่างก็มีใบหน้าที่สวยงามน่ารักทั้งยังมีเรือนร่างเย้ายวนเฉกเช่นเดียวกับเตียวเสี้ยน

“คิก คิก”

แฟรี่ทั้งสิบหกร่างที่ถูกสร้างจากลูกพลังธาตุนั้นหัวเราะสดใสมีชีวิตชีวา พวกเธอบินวนไปมาด้วยความเริงร่า โดยเฉพาะแฟรี่ธาตุมืดที่บินไปออดอ้อนเตียวเสี้ยนราวกับลูกน้อยได้พบเจอมารดา ยกเว้นก็แต่แฟรี่ธาตุแสงที่แทบไม่ยอมเข้าใกล้เตียวเสี้ยน แต่เลือกที่จะบินวนไปมารอบห้องพร้อมกับปลดปล่อยละอองสีเงินซึ่งมีสรรพคุณฟื้นฟูคลายความเหนื่อยล้าออกมาแทน

แฟรี่ธาตุมืดคล้ายจะไม่ยินยอมพร้อมใจที่แฟรี่ธาตุแสงมีการแสดงออก แฟรี่ธาตุมืดทั้งสี่จึงหันไปมองหน้ากันแล้วบินมาล้อมเป็นวง ก่อนจะลงมือทำอะไรบางอย่างที่ทำให้แม็กใจหายวาบ เพราะพื้นที่ว่างเปล่ากึ่งกลางวงนั้นกลายสภาพเป็นเหมือนหลุมดำขนาดเล็กที่ยุบหายและออกแรงดูดกลืนสิ่งของรอบข้างเข้าไป แต่ยังดีที่แฟรี่ธาตุแสงดูจะไม่ค่อยพอใจ พวกเธอจึงพากันยิงลำแสงสีเงินสว่างข้าเข้าไปในหลุมดำจนสภาวะแรงดูดเลือนหายไป

เห็นได้ชัดว่าลูกพลังธาตุที่สร้างขึ้นมานั้นมีความคิด และมีนิสัยความชอบไปตามธาตุต้นแบบ แฟรี่ธาตุแสงจึงไม่ถูกกับแฟรี่ธาตุมืด ในขณะที่แฟรี่ธาตุวิญญาณนั้นเพียงลอยวนไปมาโดยไม่สนใจอะไร ส่วนแฟรี่ธาตุไฟนั้นพากันมารุมล้อมเหมือนจะสนับสนุนให้เกิดการทะเลาะวิวาทกัน

แม็กยิ้มแห้ง ๆ ที่เหตุการณ์ไม่สวยงามโรแมนติกอย่างที่คิดไว้ในคราวแรก เขาจึงรีบเรียกเก็บแฟรี่ทั้งหมด หากทว่าเตียวเสี้ยนกลับคิดไปอีกแบบหนึ่ง เธอผ่านการฝึกฝนต่อสู้มาไม่น้อยจึงมองเห็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้เอาชัย แม้จะไม่ทราบรายละเอียดว่าที่แท้แล้วสิ่งเหล่านี้คืออะไร แต่เธก็ยังตระหนักได้ถึงความสุดยอดของสิ่งที่เขาเพิ่งกระทำออกมา

เธอสัมผัสได้ว่าร่างเหล่านี้เป็นการรวมกันของธาตุนั้น ๆ อีกทั้งแต่ละร่างยังมีความเข้มข้นของพลังเวทย์อย่างสูง เพียงแฟรี่ไฟร่างเดียวนั้นก็สามารถเผาผลาญบ้านสักหลังได้อย่างไม่ยากลำบาก เตียวเสี้ยนถึงกับประเมินว่าการจะต่อสู้กับแฟรี่แต่ละร่างนั้น อย่างน้อยคู่ต่อสู้ก็ต้องมีระดับคลาสสองปลาย ๆ จึงจะพอสู้ได้ ดังนั้นหากเปรียบเทียบแฟรี่สิบหกร่างกับทหารหนึ่งกองร้อยก็คงไม่แปลกประหลาดนัก

สิ่งนี้เป็นความยอดเยี่ยมของอาชีพผู้บงการสรรพธาตุ ลูกพลังของแม็กที่สร้างขึ้นมานั้นนอกจากจะมีความคิดสติปัญญา และสามารถพัฒนาพลังได้นั้น พวกมันยังสามารถใช้เวทย์ระดับสูงของธาตุนั้น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะพวกมันคือจิตวิญญาณของธาตุนั้น ๆ โดยตรง

ลองนึกภาพว่าหากแม็กสร้างแฟรี่แบบนี้ขึ้นมาสักสิบหกร่าง แล้วสั่งให้พวกเธอโจมตีศัตรูด้วยเวทย์ที่แตกต่างจากทิศทางที่แตกต่าง หากศัตรูไม่รู้สึกเหมือนโดนกลุ้มรุมก็คงแปลกแล้ว หรือต่อให้ศัตรูมีจำนวนมากกว่า เมื่อเจอเข้ากับลูกพลังที่มีสติปัญญาและมีพลังทำลายล้างก็ไม่แน่ว่าจะกล้าเข้ามาต่อกรด้วย

สิ่งที่แม็กและเตียวเสี้ยนไม่ทราบก็คือ ทักษะเหล่านี้เคยเป็นของเทพระดับสูงองค์หนึ่ง ความสามารถนี้เคยทำให้เขาเป็นตำนานที่ไร้ผู้ต้าน ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ตัวต่อตัวหรือโดนกลุ้มรุม หากเรียกลูกพลังธาตุออกมาได้ ก็เหมือนกับมีขุนพลสวรรค์ออกมาช่วยเหลืออีกคนหนึ่ง อย่าว่าแต่เทพองค์น้้นสามารถเรียกออกมาได้คราวละนับร้อยลูก การออกศึกแต่ละครั้งจึงเทียบเท่ากับการนำขุนพลเทพไปด้วยนับร้อย

ความวุ่นวายเมื่อครู่ทำให้เจ็ดนางฟ้าสกุลเทียนตื่นขึ้นมานั่งมองดูด้วยความงุนงงตั้งแต่แรก พวกเธอจึงได้รับทราบถึงความยอดเยี่ยมในสิ่งที่ในสิ่งที่แม็กได้ทำลงไปเหมือนเตียวเสี้ยน ดังนั้นหากจะมีใครสักคนในห้องนี้ที่โง่งมมองไม่เห็นความสามารถอันสุดยอดในเชิงของการสู้รบ และเอาแต่คิดว่าทักษะนี้มีประโยชน์ในแง่ของความงดงามอลังการให้ผู้หญิงสนใจมอง ก็คงจะมีแต่ชายหนุ่มที่โดนเรียกว่าหน้าโง่เพียงคนเดียวเท่านั้น

ข้อมูลพื้นฐานของตัวละคร
ชื่อ : Guyver เผ่าพันธ์ : Titan(ไททัน) ระดับ : 1 คลาส: 0
ทรัพย์สิน: 48,700 เหรียญทอง – 10 เหรียญเงิน – 1,000 เหรียญทองแดง
ชื่อเสียง: 170,412 หน่วย (ลำดับที่ 25,197 / 1,483,598,308)
พลังชีวิต : 10,000 / 10,000 (class limited)
พลังเวทย์ : 6,400,000 / 6,400,000
พลังจิต: 10,000 / 10,000 (class limited)
พลังปราณ: 4,100,000 / 4,100,000
ความแข็งแกร่ง : 100 (class limited)
ความคล่องแคล่ว : 100 (class limited)
ความอดทน : 100 (class limited)
ความฉลาด : 100 (class limited)
ความแม่นยำ : 100 (class limited)
ความโชคดี : 100 (class limited)
อาชีพ : Angelus (นักบวช คลาส 6), Death Bosom (ผู้บงการศพ คลาส 6), Legend Elemental Commander (ผู้บงการสรรพธาตุ คลาส 6)
ตำแหน่ง: ที่ปรึกษาระดับสูงประจำวิหารอำนวยพร, ราชาแห่งเผ่าวิหคเพลิง, ราชาแห่งเผ่ามารฟ้า

ทาส
– Angie – เผ่าพันธุ์มนุษย์ คลาสสาม เลเวล 341 อาชีพ นักบวชคลาส 3, แม่ครัว คลาส 2, ช่างเสื้อผ้า คลาส 1
– คาร่า – ชนเผ่ากีร่า ลูกครึ่งมนุษย์และเทพ คลาสห้า เลเวล 580 นักพยากรณ์คลาส 6, นักล่า คลาส 4, ชาวประมง คลาส 2
– มีอา – ชนเผ่ากีร่า ลูกครึ่งมนุษย์และเทพ คลาสสาม เลเวล 310 นักล่าคลาส 2, เกษตรกร คลาส 3, ชาวประมง คลาส 2
– เตียวเสี้ยน – เผ่าพันธุ์มารฟ้า คลาสเจ็ด เลเวล 700 นักร้องคลาส 4, นักดนตรีคลาส 4, จอมยุทธ์คลาส 5, นักกวีคลาส 4
– เทียนซู – เผ่าพันธุ์เทพ คลาสห้า เลเวล 550 นักร้องคลาส 4, นักดนตรีคลาส 4, จอมยุทธ์คลาส 4, แม่ครัวคลาส 4
– เทียนหยาง – เผ่าพันธุ์เทพ คลาสห้า เลเวล 550 นักร้องคลาส 4, นักดนตรีคลาส 4, จอมยุทธ์คลาส 4, เกษตรกรคลาส 4
– เทียนซาง – เผ่าพันธุ์เทพ คลาสห้า เลเวล 550 นักร้องคลาส 4, นักดนตรีคลาส 4, จอมยุทธ์คลาส 4, หมอยาคลาส 4
– เทียนหวิง – เผ่าพันธุ์เทพ คลาสห้า เลเวล 550 นักร้องคลาส 4, นักดนตรีคลาส 4, จอมยุทธ์คลาส 4, แม่ค้าคลาส 4
– เทียนเซิง – เผ่าพันธุ์เทพ คลาสห้า เลเวล 550 นักร้องคลาส 4, นักดนตรีคลาส 4, จอมยุทธ์คลาส 4, ช่างทำอาวุธคลาส 4
– เทียนซิ่ง – เผ่าพันธุ์เทพ คลาสห้า เลเวล 550 นักร้องคลาส 4, นักดนตรีคลาส 4, จอมยุทธ์คลาส 4, ชาวประมงคลาส 4
– เทียนอวี้ – เผ่าพันธุ์เทพ คลาสห้า เลเวล 550 นักร้องคลาส 4, นักดนตรีคลาส 4, จอมยุทธ์คลาส 4, หมอพิษคลาส 4
– ลิลลี่ – เผ่าพันธุ์มนุษย์ คลาสหนึ่ง เลเวล 105 แม่ครัว คลาส 2, ช่างเสื้อผ้า คลาส 3
– เนทีเรียน – เผ่าพันธุ์มนุษย์ คลาสสอง เลเวล 267 Politician (นักการเมืองคลาส 4), Assasin (นักฆ่าคลาส 3), Thief (หัวขโมยคลาส 3)

สัตว์เลี้ยง
– เฟิ่งหวง – ราชินีวิหคเพลิง คลาส 7 เลเวล 1

…………………………………………………

Share the Post:

Related Posts

ครั้งแรกที่โดนเจ้านายเย็ด แลกกับการไม่โดนไล่ออก

เรื่องเสียว ครั้งแรกที่โดนเจ้านายเย็ด แลกกับการไม่โดนไล่ออก ฉันรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนที่ทำงานออกมาได้ดีนัก ถูกตำหนิตั้งแต่เบื้องบนลงมากระทั่งพนักงานระดับเดียวกัน การเป็นนักศึกษาจบใหม่ไฟแรงมันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ความสามารถของฉันมันไม่ได้เข้าขั้นเลยจริงๆ และการที่จะต้องรับเงินเดือนเท่าๆ กับคนที่ทำงานมากกว่า มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ยุติธรรมสำหรับคนเหล่านั้น จึงไม่แปลกที่บ่อยครั้งฉันจะโดนเขม่นมองอยู่บ่อย ๆ สุดท้าย หัวหน้าของฉันก็เรียกฉันเข้าไป พูดอะไรต่อมิอะไรมากมาย แต่ก็ลงท้ายด้วยการยื่นข้อเสนอเรื่องหนึ่งให้ฉัน มันคือเรื่องเสียว…และเพื่ออนาคตของฉันแล้ว ฉันไม่มีทางเลือกอะไรเลย ความตื่นเต้น ความกังวลเกิดขึ้นทันที

Read More

ได้คืบจะเอาศอก ได้อมจะเอาเย็ด ลักหลับลูกพี่ลูกน้องควยใหญ่ในงานปีใหม่รวมญาติ

เรื่องเสียว ได้คืบจะเอาศอก ได้อมจะเอาเย็ด ลักหลับลูกพี่ลูกน้องควยใหญ่ในงานปีใหม่รวมญาติ ฉันยังจำเรื่องเสียวที่เกิดขึ้นช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้ไม่ลืมเลยจริงๆ ค่ะ เพราะไม่รู้เลยว่าตัวเองจะใจกล้าและบ้าบิ่นได้มากขนาดนั้น ที่กล้าลงมือลักหลับลูกพี่ลูกน้องของตัวเองแบบนี้ แต่มันช่วยไม่ได้จริงๆ ตอนนั้นฉันทั้งเมา ทั้งเงี่ยน แถมไอ้ลูกพี่ลูกน้องตัวร้ายก็นอนควยตั้งอยู่ต่อหน้าต่อตาของฉัน มันเหมือนมีอะไรที่ช่างเหมาะเจาะกันมาเจอกันในวันนี้เลยจริงๆ ค่ะ ครอบครัวของเรานั้นเป็นครอบครัวใหญ่ ปีใหม่ที่ก็จะกลับมารวมตัวที่บ้านคุณทวด ซึ่ง “บี” ลูกพี่ลูกน้องของฉันเมื่อสองปีก่อนเขาไม่ได้มาเพราะว่าต้องไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ปีนี้เขาเลยกลับมาเพื่อร่วมงานรวมญาติ

Read More