XO ตอนที่ 39 – ซ้อนแผน
…………………………………………….. หากเวลานี้เขามีโอกาสเลือกได้ แม็กคงจะเลือกพาสาวงามที่สวยผุดผ่องขึ้นกว่าเดิมทั้งแปดนางขึ้นเตียง จากนั้นพลอดรักและนอนกอดก่ายออดอ้อนกันทั้งวัน หากทว่าเขาดูจะไม่มีโอกาสเลือกมากนัก เพราะเขาไม่ได้อยู่ในสถานที่ส่วนตัวอย่างโรงแรม แต่เป็นสถานที่ซึ่งมากด้วยผู้คนรวมไปถึงกฎระเบียบอย่างวังหลวง
ความจำเป็นอีกอย่างหนึ่งก็คือ เหล่าแปดนางงามนั้นมีกำหนดนัดซ้อมการแสดงบรรเลงเพลงกับนักดนตรีภายหลังเวลาอาหารเช้า และคงดูไม่ค่อยสมควรนักหากพวกเธอมัวแต่เริงรักจนไม่ได้ไปฝึกซ้อมตามกำหนดการ แม็กจึงไม่ได้พยายามร้องขอในสิ่งที่ไม่
เหมาะไม่ควร และได้แต่เก็บเอาอารมณ์ความรู้สึกพลุ่งพล่านเอาไว้ก่อน เพราะเขาเองก็มีนัดกับแองจี้เช่นเดียวกัน
คนที่รู้สึกไม่เพียงพออาจจะมีแค่เพียงแม็กคนเดียว เพราะสำหรับสาวงามทั้งแปดนั้น พวกเธอล้วนแล้วแต่รู้สึกว่าได้รับการรดน้ำพรวนดินดูแลเอาใจใส่จนอิ่มเอมกันพอสมควรแล้ว สีหน้าของพวกเธอจึงเปี่ยมไปด้วยความสุขและความรัก จนเปล่งประกายออกมาให้ผู้คนรอบข้างรู้สึกได้
โดยปกติแปดนางงามนั้นนับได้ว่ามีเสน่ห์เย้ายวนมากอยู่แล้ว แต่เพียงค่ำคืนเดียวที่ได้อยู่ร่วมกับชายคนรัก พวกเธอก็กลายเป็นเปล่งประกายระยิบระยับมากกว่าเดิม เหล่าทหารองครักษ์และสาวใช้ในวังจึงได้แต่รู้สึกอิจฉาเลื่อมใส และเต็มไปด้วยความพลุ่งพล่านเมื่อนึกจินตนาการไปว่าค่ำคืนที่ผ่านมานั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างในห้องนอน
ว่ากันว่าสตรีจะเปล่งประกายงดงามที่สุดเมื่อได้รับความรัก เจ็ดนางงามสกุลเทียนซึ่งเปลี่ยนไปเป็นเผ่าเทพนั้นเปล่งประกายความงามอันบริสุทธิ์ออกมารุนแรงขึ้นอีกส่วนหนึ่ง ในขณะที่เตียวเสี้ยนนั้นเปล่งประกายความงามอันยั่วเย้าเร่าร้อนออกมาอย่างโดดเด่นยิ่งกว่าใคร
หากก่อนหน้านี้บุรุษมักแสดงท่าทีเหม่อลอยเมื่อได้เห็นใบหน้าของเตียวเสี้ยน วันนี้ก็คงต้องใช้คำว่าความงดงามของเธอนั้นแทบจะพรากขวัญวิญญาณออกจากร่างของผู้คน โดยเฉพาะแววตาที่เต็มไปด้วยความยั่วเย้าทรงเสน่ห์คู่นั้น
คำถามสำคัญที่ผู้คนสงสัยใคร่รู้ก็คือ เทพธนูซึ่งเป็นบุรุษเพียงผู้เดียวในห้องหับนั้นมีน้ำอดน้ำทนถึงเพียงไหน จึงสามารถรดน้ำพรวนดินมอบความรักให้สาวงามทั้งแปดจนเบ่งบานสะพรั่งงามงดได้ถึงเพียงนี้
ผู้ที่แสดงปฏิกิริยารุนแรงที่สุดนั้นหนีไม่พ้นเจ้าชายวิลเลี่ยม อาหารมือเช้านั้นเป็นการเลี้ยงต้อนรับราชอาคันตุกะทุกท่าน และเจ้าชายย่อมไม่พลาดโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดเตียวเสี้ยน เมื่อได้พบเจอกับความงามเปล่งปลั่งที่รุนแรงกว่าเดิม เจ้าชายวิลเลี่ยมถึงกับยืนปากอ้าตาค้างจนน้ำลายแทบไหลย้อยออกมาจากปาก
มื้อเช้าในวังหลวงครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมมากพอสมควร ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นราชอาคันตุกะเช่นพวกเจ้าชายที่ตั้งใจมาเยือน เพราะหวังจะได้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงเรนเน่แห่งเมืองเลอองนิสต์ ถึงแม้เช้านี้เจ้าหญิงเรนเน่จะไม่ได้ปรากฏตัว แต่ทุกคนก็ยังไม่คิดพลาดยลโฉมแปดนางงาม และทำความรู้จักกับเทพธนูผู้เป็นนายของแปดนางงาม
เนื่องจากพระราชาและเจ้าหญิงเรนเน่ไม่ได้เข้าร่วมรับประทานอาหารเช้า โต๊ะสำหรับราชวงษ์จึงมีเพียงราชินีฟารินี่ เจ้าหญิงพารีส และมหาอุปราชฟาร์โก้นั่งอยู่ ส่วนโต๊ะรับประทานอาหารตัวอื่นนั้นจะแบ่งแยกให้กับเจ้าชายและคณะเมืองละหนึ่งชุด และแปดนางงามก็ได้รับสิทธิไปหนึ่งโต๊ะเช่นเดียวกัน
เมื่อแม็กเข้าไปพร้อมกับแปดนางงาม วูบแรกนั้นทุกคนถึงกับนิ่งอึ้งไปกับความงามที่เพิ่มพูนอย่างกะทันหันของพวก เธอ จากนั้นเนทีเรียนจึงค่อยเดินเข้ามาหาและพาเขาไปแนะนำตัวต่อราชอาคันตุกะทีละโต๊ะ ซึ่งแน่นอนว่าแม็กจำได้บ้างไม่ได้บ้างเพราะส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย เขาจดจำได้เพียงว่ามีเจ้าชายหนุ่มครึ่งหนึ่ง และมีชายวัยกลางคนอีกครึ่งหนึ่ง เขาจึงเริ่มสงสัยว่าเจ้าชายวัยกลางคนเหล่านี้ก็ยังคิดจะหมายเด็ดดอกฟ้าอย่าง เจ้าหญิงเรนเน่อีกหรือ
คำตอบของคำถามนี้ย่อมเป็นคำว่าไม่ใช่ แน่นอนว่าเจ้าชายทั้งหลายต่างคิดตรงกันว่า หากได้ครอบครองเจ้าหญิงเรนเน่ก็ถือว่าเป็นสวรรค์ประทาน แต่ต่อให้ไม่ได้ครอบครอง การเดินทางมาเชื่อมสัมพันธไมตรี และเรียนรู้เจ้าชายของเมืองอื่นย่อมเป็นอะไรที่คุ้มค่าควรให้ลงแรง
เป้าหมายของเหล่าเจ้าชายทั้งหลายย่อมไม่ได้มีแค่นั้น การเชื่อมสัมพันธ์ไม่ได้มีแค่ทางเจ้าหญิงเรนเน่ ลูกคุณหนูสูงศักดิ์ที่มีเงินตรามหาศาลอย่างแซนดี้ก็น่าสนใจ เจ้าหญิงพารีสบุตรีคนรองของเมืองเองก็น่าสนใจไม่น้อย ถึงแม้จะมีอำนาจด้อยกว่าเจ้าหญิงเรนเน่อยู่บ้าง ส่วนที่เจ้าชายทั้งหลายแอบเล็งด้วยความอยากครอบครองนั้นย่อมไม่พ้นแปดนางงาม โดยเฉพาะเตียวเสี้ยนที่มีความงามและกิริยามารยาทเทียบเท่าเจ้าหญิงเรนเน่
แม็กแสดงท่าทีต้องการนั่งร่วมโต๊ะกับแปดนางงาม หากทว่ามหาอุปราชฟาร์โก้ส่งคนมาเชื้อเชิญเขาและเตียวเสี้ยนไปนั่งที่โต๊ะของราชวงศ์ร่วมกัน เขาจึงได้แต่จำยอมแยกไปนั่งที่โต๊ะซึ่งหรูหราที่สุด
ด้วยความสามารถทางด้านการอ่านสีหน้าและแววตา รวมไปถึงประสาทสัมผัสของกาลเวลาอันละเอียดลึกซึ้ง แม็กได้พบว่าผู้คนในวังล้วนแล้วแต่สวมใส่หน้ากากปิดบังอารมณ์ความรู้สึกจนน่าขยะแขยง เมื่อเทียบกับเจ้าชายวิลเลี่ยมที่เก็บอารมณ์และสีหน้าไม่ค่อยเก่งแล้ว เจ้าชายวิลเลี่ยมซึ่งมีนิสัยเลวร้ายกลับดูดีกว่าบางคนเสียด้วยซ้ำ
มหาอุปราชฟาร์โก้ทักทายเขาด้วยรอยยิ้มคล้ายจะป่าวประกาศว่าเขาเป็นพวกของมหาอุปราช แต่แม็กกลับรู้สึกว่ามหาอุปราชกำลังไม่พอใจอะไรบางอย่าง และเขาคาดเดาว่าน่าจะเป็นเพราะการที่เขาควงแปดนางงาม
ลางสังหรณ์บอกเขาว่ามหาอุปราชเองก็หลงใหลในเสน่ห์ของเตียวเสี้ยน และมีความต้องการครอบครองเจ็ดนางงามสกุลเทียนเช่นกัน เพียงแต่เก็บเอาไว้อย่างมิดชิด และเมื่อเห็นเขาได้ครอบครองสิ่งล้ำค่าเช่นนี้ จึงบังเกิดความไม่พอใจขึ้นมา
แน่นอนว่ามหาอุปราชไม่โง่พอที่จะแสดงความไม่พอใจออกมา เพียงแต่ประสาทสัมผัสของแม็กในเกมนี้ละเอียดอ่อนเกินกว่าที่คนทั่วไปจะนึกถึง เขาจึงสามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่ควรสังเกตเห็น เช่น แววตา จังหวะการหายใจ หรือการขยับเม้มปากอันเล็กน้อย
นอกจากมหาอุปราชแล้ว ราชินีฟารินี่ที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกันก็มองเขาด้วยดวงตาเย็นชา ท่าทีภายนอกของเธอนั้นคล้ายห่างเหินไม่สนใจ หากทว่าแม็กกลับพบว่าเธอกำลังรู้สึกอิจฉาและน้อยใจ ยิ่งได้เห็นท่าทีเปี่ยมสุขของแปดนางฟ้าราชินีก็ยิ่งริษยา และนี่คือท่าทีของสตรีนางหนึ่งที่ไม่พอใจเพราะไม่ได้ใกล้ชิดคนที่เธอหลงใหล
เนทีเรียนซึ่งนั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ นั้นไม่แสดงท่าทีอะไรมากนัก แต่ดูจะมีอารมณ์น้อยใจอยู่บ้าง ส่วนที่แม็กรู้สึกแปลกใจที่สุดกลับเป็นเจ้าหญิงพารีสลูกสาวของราชินีฟารินี่
วันนี้พารีสถูกจัดให้นั่งอยู่ข้างเขา ซึ่งน่าจะเป็นความตั้งใจของมหาอุปราชและราชินีที่ต้องการวางเหยื่อล่อเขาไว้ และภายใต้ท่าทีนิ่งเฉยที่เจ้าหญิงพารีสมองมานั้น เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกหงุดหงิดขุ่นเคือง คล้ายกับว่าเขาได้ทำอะไรร้ายกาจกับเธอเอาไว้
อาหารเช้ามื้อนี้นับว่ามีรสชาติเอร็ดอร่อยหรูหราสมกับที่เป็นอาหารในวัง หากทว่าบรรยากาศที่มิค่อยรื่นรมนักนั้นทำให้รสชาติอาหารกร่อยลงไปไม่น้อย พวกเขาสนทนากันเรื่องทั่วไป คล้ายจะทำความรู้จักสนิทสนมกันโดยไม่ได้พูดเรื่องการเมืองอะไรมากนัก หรือต่อให้อยากพูดก็คงไม่เหมาะ เพราะสถานที่แห่งนี้มีผู้คนมากมาย
มหาอุปราชสอบถามแม็กว่าเขามีแผนจะทำอะไรบ้าง และหากว่าเขาไม่มีแผนการอะไรพิเศษ มหาอุปราชมีอะไรบางอย่างให้ช่วยเหลือ แม็กจึงพยายามถ่วงเวลาด้วยการบอกว่าเขามีภารกิจต้องทำเช้าวันนี้ จากนั้นเขาจำเป็นจะต้องออกจากโลกแห่งนี้ชั่วคราวเนื่องจากครบกำหนดเวลาออนไลน์
มหาอุปราชคล้ายจะแสดงความผิดหวังเล็กน้อย แต่ไม่ได้กล่าวอะไรมากนัก เพราะนี่เป็นธรรมดาของพวกนักผจญภัยอยู่แล้ว บรรดาตัวละครในเกมต่างเข้าใจกันดี ว่านักผจญภัยนั้นเดินทางมาจากมิติอื่นด้วยพลังพิเศษของเทพผู้สร้าง แต่กำหนดเวลาในการมาเยือนนั้นมีจำกัด ไม่สามารถอาศัยอยู่ในโลกของตัวละครในเกมได้อย่างถาวร
แม็กรับปากมหาอุปราชว่าจะรีบติดต่อกลับเมื่อเขาเข้ามาในเกมอีกครั้ง จากนั้นเมื่อรับประทานอาหารเช้าเสร็จสิ้น เหล่าแปดนางงามก็แยกตัวไปซ้อมการแสดง โดยมีเจ้าชายวิลเลี่ยมตามไปติด ๆ ซึ่งกรณีนี้แม็กไม่สามารถห้ามได้ เพราะเจ้าชายอ้างว่าจะไปชมดูศิลปะ ส่วนเจ้าหญิงพารีสที่สนใจเจ้าชายวิลเลี่ยมนั้นก็แสดงสีหน้าหงุดหงิดบึ้งตึง ไม่ต่างอันใดกับแม็ก
กระนั้นถึงจะไม่ค่อยพอใจ แต่การอยู่ในวังแบบนี้น่าจะถือว่าปลอดภัยสำหรับพวกเตียวเสี้ยนพอสมควร โดยเฉพาะตอนนี้พวกเธอดูจะเก่งกาจกว่าเดิมอีกไม่น้อย แม็กถึงกับเชื่อว่าหากเกิดการต่อสู้กันขึ้นจริง ๆ อย่างน้อยพวกเตียวเสี้ยนจะต้องหลบหนีออกไปจากวังได้อย่างแน่นอน เขาจึงไม่ค่อยเป็นห่วงนัก
การเดินทางออกจากวังกลับไปที่โรงแรมตามทีได้นัดไว้กับแองจี้นั้นมีอะไรพิเศษ อยู่สักหน่อย แรกสุดนั้นแม็กคิดว่าเนทีเรียนจะรับหน้าที่ไปส่งเขาเหมือนขามา แต่กลับกลายเป็นว่าขากลับนั้นเขาได้นั่งรถม้าของราชวงศ์ที่หรูหรากว่าเดิม ทั้งยังมีทหารตามคุ้มครองอีกครึ่งร้อย และนั่นคือรถม้าของเจ้าหญิงพารีสซึ่งกำลังนั่งหน้ามุ่ยแสดงท่าทีเย็นชาไม่พอพระทัยออกมา
“ท่าทางเจ้าหญิงจะอารมณ์ไม่ค่อยดีนะ”
แม็กเป็นฝ่ายเอ่ยถามก่อนหลังจากที่ทั้งคู่นั่งเงียบอยู่ในรถม้าตามลำพังมานานพอสมควร เขาและเธออยู่ด้วยกันสองต่อสองในรถม้าอันมิดชิด ส่วนด้านนอกนั้นมีกองทหารห้อมล้อมคอยอารักขาอยู่ และที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะมหาอุปราชอ้างว่าเจ้าหญิงมีธุระที่ต้องผ่านทางนี้พอดี จึงให้เขาออกเดินทางมาพร้อมกับเจ้าหญิง
การกระทำของมหาอุปราชแปลความหมายได้ชัดเจน ว่ายังคงดำเนินแผนการใช้เจ้าหญิงพารีสที่เป็นหลานสาวมาล่อเหยื่อ เพียงแต่เจ้าหญิงพารีสเองดูจะไม่เต็มใจกระทำนัก ทั้งยังหงุดหงิดไม่พอใจต่อท่าทีหมางเมินเย็นชาของเจ้าชายวิลเลี่ยม การอยู่กันตามลำพังในเวลานี้จึงเต็มไปด้วยความรู้สึกอึดอัดเสียมากกว่าการสานสร้างสัมพันธ์อันดีงามอย่างที่มหาอุปราชวางหมากไว้
“… ฮึ ใครจะอารมณ์ดีได้ล่ะ ทุกคนเอาแต่ใจตัวเอง บีบบังคับให้ข้าทำตาม ทั้งท่านแม่ทั้งท่านตา น่าหงุดหงิดแทบตายแล้ว เจ้าชายวิลเลี่ยมก็อีกคนมัวแต่ไล่ตามนางรำชั้นต่ำนางหนึ่งอยู่ได้”
เจ้าหญิงพารีสหันมากล่าวด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองแวบหนึ่ง ก่อนจะสะบัดหน้าหันมองไปทางอื่น แม็กจึงลอบมองใบหน้าสวยและทรวงอกอวบอิ่มภายใต้ชุดเจ้าหญิงฟูฟ่องสีขาวด้วย ความรู้สึกเสียรสชาติพอสมควร เพราะว่าเธอดูจะไม่มีท่าทีสนใจเขาแม้แต่น้อย อีกทั้งยังดูจะรักปักใจกับเจ้าชายวิลเลี่ยมซึ่งเป็นศัตรูคู่อาฆาตกับเขาด้วยอีกทางหนึ่ง
คำว่าบีบบังคับนั้นแม้ไม่ได้กล่าวออกมาโดยชัดแจ้ง แต่แม็กก็แปลความได้ไม่ยากว่ามหาอุปราชน่าจะเป็นฝ่ายบีบคั้นให้เจ้าหญิงพารีสทอดเสน่ห์ต่อเขา ส่วนองค์ราชินีนั้นเขาเชื่อว่าเธอยังคงพยายามที่จะดำเนินตามแผนที่เธอเคยเสนอต่อเขา นั่นก็คือให้เขาสานสัมพันธ์กับเจ้าหญิงพารีส
“เจ้าชายวิลเลี่ยมก็ไม่รักดีเอาเสียเลย ทั้งที่เจ้าหญิงพารีสก็สวยสง่าขนาดนี้แล้ว แต่ทำไมถึงยังจะไปไล่ตามผู้หญิงคนอื่นอีก”
แม็กยักไหล่หลีกเลี่ยงการวิจารณ์มหาอุปราชและราชินี เพราะจะอย่างไรเขาก็เป็นคนนอก หากพูดวิจารณ์ไปอย่างไรสุดท้ายทุกคำพูดของเขาจะต้องโดนเจ้าหญิงนำไปบอกต่อ ดังนั้นเขาจึงเลี่ยงมาพูดในเรื่องที่เจ้าหญิงอยากได้ยินแทน
การเปลี่ยนประเด็นนี้ได้ผลยิ่ง เพราะนั่นคือสิ่งที่เจ้าหญิงพารีสต้องการฟัง เธอหงุดหงิดกับการกระทำที่ไม่ได้ดั่งใจของเจ้าชายวิลเลี่ยมมามากพอแล้ว เธอจึงต้องการระบายเรื่องราวคับข้องใจนี้ออก เพียงแต่ยังไม่เจอคู่สนทนาที่เหมาะสม และใครจะเหมาะสมจะคุยเรื่องนี้ยิ่งกว่าเจ้าของผู้หญิงที่โดนเจ้าชายของเธอตามราวีอีก
“เจ้าก็เห็นด้วยใช่ไหมล่ะ ข้าเป็นถึงเจ้าหญิงที่งามพร้อม แต่เจ้าชายกลับตาต่ำเอาแต่ไล่ตามนางรำชั้นต่ำ อืม ไม่หรอกนางก็ไม่ได้ชั้นต่ำหรอกนะ เพียงแต่นางเหมาะกับเจ้าที่เป็นสามัญชนด้วยกันมากกว่า”
เจ้าหญิงยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ระบายอารมณ์ออกมา เธอปรับเปลี่ยนคำพูดเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าไม่เหมาะสมที่จะวิจารณ์ผู้หญิงของคนอื่น กระนั้นโดยก็ยังคงเต็มไปด้วยคำว่าแบ่งแยกชนชั้นเช่นเดิม และนั่นคงโทษใครไม่ได้เพราะเธอถูกสั่งสอนมาแบบนี้ตั้งแต่เด็ก
ความงดงามของเจ้าหญิงพารีสนั้นถือว่ายอดเยี่ยมแน่นอน ภายในเมืองนี้เธอเพียงเป็นรองเจ้าหญิงเรนเน่เท่านั้น ความงามของเธอเทียบเท่าองค์ราชินีฟารินี่ เธอสืบทอดความงดงามสะพรั่งมาอย่างเต็มที่ และเติบใหญ่มาท่ามกลางเสียงชื่นชมตั้งแต่เด็ก
กระนั้นเมื่อเตียวเสี้ยนปรากฏตัวขึ้นมาสายตาของเหล่าบุรุษก็เปลี่ยนไปจับ จ้องมองเตียวเสี้ยนแทน รวมไปถึงเจ้าชายวิลเลี่ยมที่เธอหมายปองด้วย ดังนั้นหากเธอจะหงุดหงิดโกรธเคืองตามประสาหญิงสาวเอาแต่ใจก็คงไม่แปลกนัก
แม็กเอียงคอเล็กน้อยกับการแสดงออกของเจ้าหญิงพารีส การพบเจอกันครั้งแรกนั้นเจ้าหญิงพารีสสวมหน้ากากมากมนุษย์สัมพันธ์จนเขามองเห็นเธอเป็นอีกคนหนึ่ง แต่สำหรับตอนนี้การโดนบีบคั้นจากรอบด้านทำให้เธอหลุดควบคุมตัวเองไม่อยู่ และแสดงให้เห็นถึงแนวคิดที่แท้จริงออกมา
เขาถอนหายใจด้วยความเสียดาย เพราะทราบแล้วว่าเจ้าหญิงพารีสนั้นถูกเลี้ยงดูมาแบบไข่ในหินและถูกพร่ำสอนในเรื่องไร้สาระอย่างเรื่องชนชั้น ในขณะที่เรื่องสติปัญญาความคิดนั้นเรียกได้ว่าต่ำต้อยอย่างยิ่งหากเทียบกับแม่ของเธอ เจ้าหญิงแทบไม่เข้าใจเรื่องราวโดยรอบเลยแม้แต่น้อย
เธอไม่ได้ตระหนักเลยด้วยซ้ำว่าเหตุใดเจ้าชายวิลเลี่ยมสุดหื่นจึงพยายามปลีกตัวออกห่าง ทั้งที่เธอเป็นเจ้าหญิงที่งดงามขนาดนี้ ยิ่งหากนำไปเทียบกับเนทีเรียนซึ่งเชี่ยวชาญด้านการเมืองแล้ว เจ้าหญิงพารีสก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กทารกที่ไร้หัวคิดเสียด้วยซ้ำ เธอได้แต่ทำตามคำสั่งของมหาอุปราชและราชินี สิ่งที่เธอมีดีก็เพียงแค่ความงดงาม และศักดิ์ฐานะเจ้าหญิงเท่านั้น
“เจ้าหญิงได้ลองคิดหรือเปล่า ว่าทำไมเจ้าชายวิลเลี่ยมถึงได้ไล่ตามผู้หญิงทุกคนในเมือง แต่ไม่กล้าไล่ตามเจ้าหญิง”
“… ถ้าข้ารู้คงไม่เครียดแบบนี้แล้ว เจ้ารู้ก็รีบบอกมาเถอะ ข้ารับรองว่าจะมีรางวัลให้”
แม็กแหย่เพียงเล็กน้อย ดวงตาของเจ้าหญิงพารีสก็เป็นประกาย เธอมองดูเขาราวกับมองดูความหวังเพียงหนึ่งเดียว ท่าทางของเธอดูเหมือนจะไม่ได้เฉลียวใจเลยสักนิดว่าอีกฝ่ายไม่ได้หวังดีกับเธอถึงเพียงนั้น
“แน่นอนว่าผมก็อยากช่วยเจ้าหญิง เพราะผมก็ไม่ชอบที่เจ้าชายมาไล่ตามเตียวเสี้ยน แต่ก่อนที่ผมจะช่วยเรื่องเจ้าหญิงกับเจ้าชายวิลเลี่ยม พวกเรามาพูดเปิดใจประสามิตรสหายกันก่อน เจ้าหญิงถูกสั่งให้มาทอดเสน่ห์ให้ผมหลงใหล เพื่อจะให้ผมทำงานกับมหาอุปราชใช่หรือไม่”
เจ้าหญิงชะงักไปวูบหนึ่ง เมื่อเจอกับคำถามตรงไปตรงมา นั่นคือความจริงที่เธอไม่ปฏิเสธ เพียงแต่การพูดยอมรับออกมาด้วยตัวเองนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เธอจึงนิ่งเงียบและครุ่นคิด ก่อนจะหันมามองดูเขาและพยักหน้าเป็นเชิงยืนยัน และเหตุผลที่เธอยอมบอกเรื่องนี้ออกมานั้น ก็เป็นเพราะเธอมองว่าแม็กอยู่ในฐานะเดียวกัน เขาเองก็ไม่ต้องการให้เจ้าชายวิลเลี่ยมไปตอแยเตียวเสี้ยน และนั่นก็เป็นความต้องการของเธอเช่นกัน
“ใช่ มหาอุปราชท่านตาของข้าสั่งการมาเช่นนั้น”
“และนั่นน่าจะเป็นการฝืนใจเจ้าหญิงเอามาก ๆ”
“เจ้าเข้าใจถูกต้องแล้ว”
“การที่ผมได้นั่งรถม้ากับเจ้าหญิงเพียงลำพัง ก็เป็นการจัดฉากของมหาอุปราชใช่มั้ย ผมเดาว่าเจ้าหญิงน่าจะถูกสั่งให้ยื่นข้อเสนออะไรบางอย่างออกมาเพื่อกดดันให้ ผมแสดงท่าทีให้ชัดเจน มหาอุปราชไม่น่าจะใจเย็นรอให้ผมเป็นฝ่ายแสดงท่าทีออกมาเองแน่ ๆ ข้อเสนอของเจ้าหญิงคืออะไร”
บทสนทนาในตอนนี้ทำให้เจ้าหญิงชะงักลงไปอีกครั้ง ท่าทางของเธอนั้นดูเหมือนกำลังรู้สึกแปลกประหลาดใจที่เขาสามารถคาดเดาเรื่องราวได้แม่นยำ เพียงแต่ในแววตานั้นยังมีรอยยิ้มเยาะแอบแฝงอยู่ ดูเหมือนว่าเธอจะเชื่อเป็นอย่างยิ่ง ว่าเขาไม่มีทางคาดเดาความสูงส่งของแผนการทั้งหมดที่มหาอุปราชได้สั่งเธอเอาไว้ได้
“เจ้าก็ฉลาดดีนะ แถมยังเก่งกาจในเชิงการต่อสู้ด้วย มิน่าล่ะท่านตาถึงได้พยายามอย่างยิ่งที่จะดึงท่านมาเป็นพวกเดียวกัน ท่านตาให้ข้ามาบอกท่านว่า หากท่านแสดงตัวว่าอยู่ฝ่ายท่านตาอย่างเป็นทางการ ท่านตาจะหมั้นหมายข้าให้กับท่านก่อนเพื่อเป็นหลักประกัน”
เจ้าหญิงกล่าวพลางเบะปากด้วยท่าทีขุ่นข้องใจ ตอนนี้แม็กจึงค่อยได้รับทราบว่ามหาอุปราชนั้นกดดันเจ้าหญิงพารีสมากเกินไป เธอจึงประท้วงด้วยการแสดงออกที่ไม่ยินยอม
การบอกปากเปล่าว่าจะยกเจ้าหญิงให้นั้นถือว่าไม่มีพันธะอะไรมากนัก แต่การหมั้นหมายอย่างเป็นทางการนั้นถือเป็นพันธะใหญ่หลวงที่บิดพลิ้วได้ยาก เขาเองก็ยังคาดไม่ถึงด้วยซ้ำว่ามหาอุปราชจะรีบหงายไพ่ลงทุนถึงเพียงนี้
“พูดกันตามตรงเลยนะเจ้าหญิง ผมรู้สึกว่ามหาอุปราชก็แค่อยากหลอกใช้ เอาการหมั้นหมายมาเป็นเหยื่อล่อ แล้วหลอกให้ผมไปทำงานอันตรายเสี่ยงตาย”
“ก็ยังดีที่เจ้ารู้จักสำนึกตัวเอง แต่เรื่องแค่นี้ยังไม่นับเป็นอะไรได้ ที่น่าแค้นใจก็คือท่านตายังบีบบังคับให้ข้าพลีกายให้ท่านเชยชมเป็นมัดจำ โดยมีเงื่อนไขให้เป็นความสัมพันธ์ภายนอกเท่านั้น ห้ามรุกล้ำถึงภายใน ท่านถึงกับบอกกำชับให้ข้ามอบจุมพิตแรกให้ท่านบนรถม้าเพื่อแสดงความจริงใจให้ ได้ด้วยซ้ำ”
เจ้าหญิงพารีสกล่าวด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดไม่พอใจไปพร้อมกับใช้นิ้วชี้ที่ริม ฝีปากอวบอิ่มตนเอง แม็กจึงถึงกับอ้าปากเหวอนึกไม่ถึง เขาไม่ทราบว่าเหตุใดมหาอุปราชจึงพยายามทุ่มทุนรวดเร็วถึงเพียงนี้ เห็นได้ชัดว่ามหาอุปราชกำลังวางแผนให้เขารวบหัวรวบหางเจ้าหญิงพารีส ถึงแม้จะกำหนดให้กระทำแค่เพียงภายนอก แต่ก็ยังนับเป็นการทุ่มทุนที่มากเกินไป และอะไรที่มากเกินไปนั้นย่อมมีอะไรแอบแฝง
เสน่ห์และท่าทีเย้ายวนชวนให้รุกล้ำของเจ้าหญิงพารีสทำให้เขารู้สึกตื่นตัวขึ้นมา แม็กพยายามรวบรวมสติที่แตกตื่นกลับคืนมาและครุ่นคิด เขาไม่เชื่อว่ามหาอุปราชจะทุ่มทุนอะไรบ้าเลือดแบบนี้ เพราะการที่เขาได้ใกล้ชิดกับเจ้าหญิงไม่ได้มีอะไรยืนยันว่าเขาจะยอมทำงานให้มหาอุปราช
กระนั้นหากให้ครุ่นคิดในเชิงลึกซึ้งแล้ว ไม่แน่ว่ามหาอุปราชอาจจะพยายามใช้ประโยชน์จากนิสัยของเขา หากเจ้าหญิงมีสัมพันธ์กับเขาแล้ว จะอย่างไรเขาก็คงไม่สามารถปล่อยให้เธอได้รับอันตรายได้ แต่ว่านั่นจะใช่เป้าหมายที่แท้จริงของมหาอุปราชหรือ เพราะมันสุ่มเสี่ยงเกินไป
“มหาอุปราชกำชับให้เจ้าหญิงมอบจูบแรกงั้นเหรอ?”
แม็กทวนคำด้วยความสงสัย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจึงต้องกำชับให้มอบจูบ หรือว่าภายใต้รอบจูบนั้นจะมีอะไรซุกซ่อนอยู่ ตอนนี้เขาจึงหันไปสนใจมองดูริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงสดน่าบดจูบอย่างละเอียด และนั่นทำให้เขาได้ค้นพบอะไรบางอย่าง
“ใช่แล้ว ข้าไม่เต็มใจหรอกนะ แต่ในเมื่อเป็นคำสั่งข้าก็ต้องทำตาม”
เจ้าหญิงพูดด้วยท่าทีไม่ยินยอมพร้อมใจ และนั่นอาจจะเป็นความคิดที่แท้จริงของเธอ เพียงแต่การแสดงออกของเธอนั้นทำให้ผู้คนเกิดความคิดอยากรุกล้ำล่วงเกิน หากทราบว่าสามารถจูบกับเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์ได้ จะมีผู้ชายสักกี่คนที่ไม่คิดลิ้มลอง
‘ทักษะสายเลือดแห่งคำสาปทำงาน ตรวจพบคำสาปจุมพิตกร่อนวิญญาณ คำสาประดับเจ็ดดาว แพร่คำสาปผ่านการจุมพิตด้วยปากต่อปาก มีผลทำให้ผู้ต้องคำสาปอยู่ในสภาวะมึนงงไร้สติ และพูดแต่ความจริง อีกทั้งยังสามารถฝังคำสั่งการบางอย่างให้อยู่ในจิตใต้สำนึกของผู้โดนคำสาปได้ โดยที่ผู้โดนคำสาปไม่มีทางรู้ตัวว่าเหตุใดจึงเผลอทำเรื่องราวเหล่านั้น’
เขารู้สึกเหมือนโดนน้ำเย็นราดรดศีรษะเมื่อทักษะสายเลือดต้องสาปทำงาน นั่นทำให้เขาพบว่าริมฝีปากอวบอิ่มเร้าใจของเจ้าหญิงพารีสนี้เต็มไปด้วยคำสาป หากเขาจูบปากกับเธอคำสาปก็จะทำงาน ทำให้เขาอยู่ในสภาวะมึนงง และตอนนั้นไม่ว่าเจ้าหญิงจะสอบถามอะไร เขาก็คงจะตอบไปตามจริง อีกทั้งยังอาจจะโดนยัดเยียดคำสั่งบางอย่างให้ทำโดยไม่รู้ตัว
นี่เป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกได้ถึงความน่ากลัวของขิงแก่อย่างมหาอุปราช ชายผู้นี้เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมมากมายถึงเพียงไหน และเจ้าหญิงพารีสเองแม้จะไม่ได้ฉลาดเฉลียวนัก แต่เธอก็รู้จักปิดบังซุกซ่อนคำสาปอันร้ายกาจเอาไว้ได้อย่างแนบเนียน เธอเองก็เป็นอสรพิษร้ายตัวหนึ่งที่ไม่แตกต่างไปจากมหาอุปราชนัก และหากว่าเขาไม่มีทักษะสายเลือดต้องสาปอยู่ในครอบครอง แผนการร้ายของมหาอุปราชจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
“ผมไม่ค่อยชอบทำเรื่องฝืนใจหรอกนะ เจ้าหญิงเองก็ไม่อยากทำไม่ใช่เหรอ เอาแบบนี้ซิ เจ้าหญิงไปบอกว่าเราจูบกันแล้วก็ได้ ถ้ามหาอุปราชมาถามผมก็จะพูดยอมรับให้”
แม็กพูดถ่วงเวลาพลางเปิดอ่านข้อมูลของคำสาปจากหน้าจอของระบบไปก่อน ทั้งที่ความจริงแล้วเขาย่อมไม่ได้เป็นคนดีขนาดนี้ หากเขาไม่ทราบว่ามีคำสาปซุกซ่อนอยู่เกรงว่าตอนนี้เขาอาจจะโผเข้าหาฉวยโอกาส เอารัดเอาเปรียบเจ้าหญิง และโดนคำสาปเล่นงานไปแล้วก็เป็นได้
‘คำสาปจุมพิตกร่อนวิญญาณระดับเจ็ดดาว เป็นคำสาปธาตุมืดและวิญญาณ วิธีกระทำนั้นต้องอาศัยดวงวิญญาณเจ็ดดวงผสมกับเถ้ากระดูกของงูพิษวิญญาณสลาย ผ่านการบริกรรมเจ็ดวันเจ็ดคืน จากนั้นให้นำเถ้ากระดูกซึ่งมีวิญญาณทั้งเจ็ดดวงไปฝังดินในสุสานอีกเก้าสิบวัน เมื่อสำเร็จเรียบร้อยจึงค่อยนำเถ้ากระดูกมาทาที่ริมฝีปากเพื่อแพร่คำสาปผ่านการจุมพิต
วิธีแก้ไข – ฆ่าคนแพร่คำสาป หรือใช้มนตราธาตุแสงระดับเจ็ดดาวขึ้นไปเพื่อลบล้าง
วิธีป้องกัน – หลีกเลี่ยงการจุมพิตด้วยปาก หรือใช้มนตราธาตุมืดระดับสูงย้อนคำสาปกลับ’
ข้อมูลจากทักษะสายเลือดต้องสาปนี้นับว่ามีประโยชน์อย่างยิ่ง จากที่ไม่ทราบว่าสมควรจะทำอย่างไร เมื่อได้ทราบรายละเอียดแม็กก็มองเห็นทางสว่าง และตอนนี้เขาทราบแล้วว่าเขาควรจะแก้ไขสถานการณ์แบบนี้อย่างไร
จากข้อมูลเหล่านี้ทำให้เขาทราบว่าคำสาปนี้นับเป็นคำสาประดับสูงที่ทำได้ยาก และไม่น่าจะถูกนำมาใช้งานบ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นการหาดวงวิญญาณเจ็ดดวง หรือการประกอบพิธีกรรมอีกเนิ่นนานนั้นนับว่าเหน็ดเหนื่อยยิ่ง แต่มหาอุปราชน่าจะเห็นว่าการใช้คำสาปนี้กับเขานั้นคุ้มค่า จึงได้สั่งการวางแผนให้เจ้าหญิงพารีสเป็นคนเผยแพร่คำสาป
“เจ้าน่ะพูดง่าย แต่ข้าไม่กล้าโกหกท่านตาของข้าหรอกนะ เอาเป็นว่าวันนี้ข้าจะลดตัวยอมให้เจ้าจูบสักครั้งก็แล้วกัน”
เจ้าหญิงพารีสพูดพลางขยับตัวลุกขึ้นจากที่นั่งฝั่งตรงข้ามเข้ามาหา เธอหลับตาพริ้มแล้วขยับโน้มหน้าเข้ามาใกล้พร้อมกับเสนอริมฝีปากสีแดงสดมอบให้เขา
เวลานี้หากแม็กยังไม่มีหนทางป้องกัน เขาคงไม่ทราบว่าต้องกระทำอย่างไร แต่ตอนนี้เขามีแผนการอยู่ในใจแล้วจึงไม่มีอาการแตกตื่น ซึ่งความจริงแล้วเขามีอยู่สองทางเลือกด้วยกัน ทางเลือกแรกคือใช้มนตราธาตุแสงชำระล้างคำสาปให้หายไปเสีย
นี่เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด แต่เมื่อคิดดูแล้วการกระทำแบบนี้เขาไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย และอาจจะทำให้เจ้าหญิงพารีสรู้ตัวเรื่องที่เขามีความสามารถธาตุแสงเสียด้วยซ้ำ ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนไปเลือกทางที่สอง ในเมื่ออีกฝ่ายร้ายมา เขาก็จะร้ายกลับไป และจะตอบแทนด้วยความร้ายกาจที่มากยิ่งกว่า
ขณะที่ริมฝีปากอวบอิ่มขยับใกล้เข้ามานั้น แม็กได้ยกมือขวาขึ้นประกบปิดปากของเจ้าหญิงพร้อมกับรวบรวมมนตราธาตุมืดอันเข้มขึ้นอาถรรพ์ขึ้นมา เจ้าหญิงพารีสคล้ายจะคาดไม่ถึงจึงเบิกตาโพลงสะดุ้ง เธอพยายามดิ้นรนออกจากการปิดปาก หากทว่าเขาได้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์เอาไว้แล้ว มืออีกข้างยื่นไปรวบร่างของเธอมากอดแนบแน่น ในขณะที่มือขวายังคงปิดประกบปากของเธอเอาไว้พร้อมกับร่ายมนตราธาตุมืดอย่างต่อเนื่อง
เจ้าหญิงคล้ายเริ่มตระหนักได้ถึงอันตรายบางอย่าง เธอจึงพยายามดิ้นและส่งเสียง หากทว่าอ้อมกอดของอีกฝ่ายนั้นแข็งแรงแน่นหนาเกินไป และเธอเองก็บอบบางไร้เรี่ยวแรงมากเกินไป เธอจึงไม่อาจทำอย่างไรได้นอกจากดิ้นขลุกขลักอยู่ในสภาพเหมือนเจ้าหญิงดีงาม กำลังโดนชายใจทรามปลุกปล้ำลวนลาม
เมื่อโดนกระตุ้นด้วยพลังมนตราธาตุมืดอันรุนแรงของแม็ก คำสาปที่แฝงอยู่บนริมฝีปากอวบอิ่มจึงขยับขยุกขยิกราวกับตัวหนอน มันพยายามพุ่งออกจากริมฝีปากตามคำสั่งของคำสาป หากทว่าพลังที่ขวางกั้นไว้นั้นรุนแรงเข้มข้นเกินไป คำสาปที่สมควรจะออกไปภายนอกจึงย้อนกลับเข้าไปภายใน และนั่นทำให้เจ้าหญิงพารีสติดสถานะของคำสาปจุมพิตกร่อนวิญญาณจนสติมึนงงแทน
‘ท่านแพร่คำสาปจุมพิตกร่อนวิญญาณระดับเจ็ดดาวใส่เจ้าหญิงพารีสสำเร็จ ระยะเวลาทำงานของคำสาปคือหนึ่งชั่วโมง หรือจนกว่าจะสั่งหยุดคำสาป สามารถฝังคำสั่งไว้ในจิตสำนึกได้ด้วยการพูดคำสั่งนั้นซ้ำไปซ้ำมาอย่างน้อยเจ็ดครั้ง’
‘ระดับความเชี่ยวชาญในการใช้คำสาปเพิ่มขึ้นเป็นระดับเชี่ยวชาญ (Master of Curse)’
‘ท่านไม่ถูกหักคะแนนชื่อเสียงในการทำร้าย NPC เนื่องจากอยู่ในสภาวะเผชิญหน้ากันด้วยเล่ห์เหลี่ยม’
เสียงของระบบดังขึ้นพร้อมกับอาการอ่อนระทวยไร้สติของเจ้าหญิงพารีส ตอนนี้ดวงตาของเธอดูเหม่อลอย ได้แต่ปล่อยให้เรือนร่างอวบอิ่มอยู่ภายใต้อ้อมกอดของแม็กโดยไม่มีท่าทีเคลื่อนไหวอื่นใดอีก
สิ่งที่น่าสนใจจากประกาศของระบบก็คือ ระบบมองว่าเขาเป็นคนแพร่คำสาปใส่เจ้าหญิงพารีส จึงได้ระดับความเชี่ยวชาญมา แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่โดนหักคะแนนชื่อเสียงข้อหาทำร้าย NPC เพราะถือเป็นการเผชิญหน้ากันด้วยเล่ห์เหลี่ยม ไม่ได้เป็นการแอบลงไม้ลงมือทำร้ายด้วยเจตนาไม่ดี ซึ่งโดยปกติแล้วระบบจะมีการหักคะแนนในกรณีนี้เพื่อป้องกันความไม่สงบจากผู้เล่นที่เจตนาทำร้าย NPC โดยไม่มีเหตุผลนั่นเอง
แม็กโอบกอดร่างนุ่มนิ่มหอมกรุ่นของเจ้าหญิงพารีสเอาไว้ พร้อมกับมองซ้ายมองขวาว่าจะมีใครรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นหรือไม่ และเมื่อเห็นว่ารถม้ายังคงขยับต่อไปเรื่อย ๆ เขาจึงค่อยคลายใจและหันมาสนใจเจ้าหญิงแสนสวยที่ไร้ซึ่งสติในอ้อมกอดของเขาแทน
“ปกติไม่ได้ชอบทำแบบนี้หรอกนะ แต่กรณีนี้ถือว่าเป็นฝ่ายมาหาเรื่องเองช่วยไม่ได้ … ตามคำอธิบายตอนนี้เจ้าหญิงจะต้องพูดความจริงทุกอย่าง แล้วเราก็จะมอบคำสั่งฝังไว้ในจิตสำนึกได้ซินะ คำสาปแบบนี้ก็สะดวกดีแฮะ เอาไว้ลองฝึกทำบ้างน่าจะดี”
แม็กฉวยโอกาสซุกหน้าลงไปจูบแก้มเนียนนิ่มของเจ้าหญิงพารีสเพื่อสูดดมความหอมรอบหนึ่ง ในขณะที่เจ้าหญิงนั้นเพียงส่งเสียงครางอือตามปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกาย ส่วนดวงตาทั้งสองข้างนั้นยังคงเหม่อลอยไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะเช่นเดิม
“เธอชื่ออะไร”
“ข้าชื่อ พารีส เดอ เลอองนิสต์ เจ้าหญิงรัชทายาทอันดับสองของเมืองเลอองนิสต์”
“พารีสคิดยังไงกับเทพธนู”
“… สามัญชนคนชั้นต่ำที่น่ารังเกียจ มันเป็นนักสู้หยาบกระด้าง และอาจจะฉลาดนิดหน่อย ท่านตาจึงให้ความสนใจหลอกไว้ใช้งาน”
“คิดยังไงกับเจ้าชายวิลเลี่ยม”
“เจ้าชายวิลเลี่ยมคือเจ้าชายในฝันของข้า ท่านงามสง่า เก่งกาจ เป็นสุดยอดแห่งบุรุษในใต้หล้า”
คำตอบตรงไปตรงมาเนื่องจากไร้สติของพารีสทำให้แม็กขมวดคิ้วด้วยความไม่สบอารมณ์ เจ้าหญิงพารีสดูจะปักใจหนักแน่นกับเจ้าชายวิลเลี่ยมอย่างเห็นได้ชัด และในขณะเดียวกันนั้นเธอก็มองเขาเป็นเพียงสามัญชนชั้นต่ำธรรมดาที่น่ารังเกียจคนหนึ่ง
“มหาอุปราชมีแผนจะทำอะไร บอกมาให้หมด”
“ท่านตาสั่งให้ข้ามาแพร่คำสาปใส่เทพธนู ท่านตาต้องการให้เทพธนูยกเตียวเสี้ยนรวมถึงเจ็ดนางงามสกุลเทียนให้ และสั่งให้เทพธนูเชื่อฟังคำสั่งทุกอย่างของท่านตา”
“มหาอุปราชวางแผนจะสั่งให้ผม เอ่อ … ให้เทพธนูทำอะไร”
“ข้าไม่ทราบ”
“มหาอุปราชไม่ได้บอกอะไรเลยเหรอ”
“ท่านตาเพียงสั่งงาน แต่ท่านตาไม่นิยมบอกแผนการทั้งหมดให้คนอื่นฟัง”
แม็กส่งเสียงด้วยความขัดใจที่ไม่สามารถรีดข้อมูลได้ แต่ก็นับว่าสิ่งที่เจ้าหญิงพารีสพูดออกมานั้นสมเหตุสมผล คนเจ้าเล่ห์อย่างมหาอุปราชฟาร์โก้ย่อมไม่มีทางบอกแผนการของตนเองให้คนอื่น รับรู้ได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะกับเจ้าหญิงพารีสที่ไม่ได้ฉลาดเฉลียวในเชิงการเมืองมากนัก
“งั้นจงบอกเรื่องเกี่ยวกับแผนของมหาอุปราชเท่าที่รู้ทั้งหมดออกมา สิ่งที่เขาได้ทำลงไปแล้ว สิ่งที่เขากำลังจะทำ และสิ่งที่เขาคาดหวังอยากได้”
แม็กเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะนึกคำถามปลายเปิดเพื่อให้เธอเป็นฝ่ายเล่าเรื่อง ราวเท่าที่เธอรู้ออกมาเอง และในขณะที่เธอเปิดปากเล่าข้อมูลให้ทราบนั้น เขาก็มีหน้าที่รับฟังและฉวยโอกาสหากำไรจากเรือนร่างของเจ้าหญิงพารีสให้สาสมกับที่เธอวางแผนจะแพร่คำสาปใส่เขา
“ท่านตาต้องการชิงตำแหน่งราชาของเมือง …. อืมมมม … ท่านกำลังรอคอยโอกาส … อาาาา … อูยยสสสสส”
เจ้าหญิงพารีสเล่าเรื่องราวไปตามคำสั่ง แต่น้ำเสียงหวานนั้นออกจะกระท่อนกระแท่นไม่ค่อยต่อเนื่อง เพราะแม็กกำลังก้มหน้าก้มตาซุกไซร้จูบไปที่ลำคองามระหงโดยไม่หยุดยั้ง ส่วนสองมือนั้นขยับลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างอวบอิ่มจนเธอสั่นสะท้านระริก
ชุดเจ้าหญิงฟูฟ่องที่สวมใส่อยู่นั้นโดนปลดเปลื้องออกทีละน้อย เม็ดกระดุมตรงแผ่นหลังโดนปลดออกไล่ลงไปถึงเอวคอดกิ่วจนมองเห็นแผ่นหลังขาวเนียน จากนั้นชุดฟูฟ่องก็ค่อยโดนปลดจนหลุดจากหัวไหล่กลมกลึง เปิดเผยให้เห็นทรวงเต้าขาวผ่องขนาดล้นทะลักมือที่เด้งขึ้นเด้งลงราวกับเจตนา จะยั่วเย้าให้แตะสัมผัส
แม็กลากมือจนเนื้อผ้าลงไปกองที่หน้าท้อง ก่อนจะถลกชุดชั้นในออกจนเนื้อในขาวผ่องเด้งทะลักออกมาให้เห็นโดยไม่สิ่งใดปิดบังขวางกั้นเอาไว้อีก เจ้าหญิงพารีสยังคงเล่าเรื่องราวต่อไปในขณะที่ร่างงามระหงสั่นสะท้านระริก เพราะทรวงอกคู่งามเปลือยเปล่ากำลังโดนบีบขยี้เคล้นคลึงเล้าโลมด้วยลีลารักช่ำชอง
“อือออ … อืมมมม … อูยยยสสสส”
เจ้าหญิงพารีสยิ่งมายิ่งไม่สามารถเล่าเรื่องราวได้ เสียงของเธอยิ่งมายิ่งแผ่วเบา สวนทางกับเสียงครางที่แว่นหวานดังขึ้นทีละน้อย ทุกสัมผัสที่นวดเฟ้นเคล้นคลึงลงบนร่างปลุกเร้าให้ร่างของเธอร้อนรุ่มขึ้น ใบหน้าขาวนวลเนียนกลับกลายเป็นแดงก่ำด้วยอารมณ์ร้อนรัก
แม็กทำท่าเหมือนจะไม่สนใจข้อมูลจากปากของเธออีกแล้ว เพราะเขาขยับใบหน้าไปประกบจูบปากแล้วสอดลิ้นเข้าไปกระตุ้นระรัวจนทั่วโพรงปากที่ยังไม่เคยมีใครรุกล้ำ เจ้าหญิงที่อยู่สภาวะภวังค์แห่งคำสาปจึงได้แต่หลับตาปี๋ด้วยความเสียวซ่านวาบหวิว
ปลายถันสีชมพูอ่อนโดนปลายนิ้วบดบี้กระตุ้นจนแข็งชูชันตระหง่านเป็นเม็ด เธอสะดุ้งเฮือกแอ่นทรวงอกขึ้นรับลีลาเล้าโลมสลับกับส่งเสียงครางด้วยความเสียวสยิวอยู่ในลำคอ โดยเฉพาะเมื่อเขาจับร่างของเธอเอียงตะแคงแล้วก้มลงไปดูดเลียเสียงดังจ๊วบ
ยังดีที่ภายในรถม้าของราชวงศ์นั้นมักจะมีการลงอักขระมนตราป้องกันเสียงไม่ให้หลุดออกไปภายนอก เสียงครางของเจ้าหญิงพารีสจึงไม่หลุดไปถึงหูของเหล่าทหารองครักษ์ที่อยู่ด้านนอก ไม่เช่นนั้นแล้วนี่อาจจะกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์ของเมืองเลอองนิสต์ก็เป็นได้
“หืม สงสัยต้องเร่งเวลาแล้วมั้งเนี่ย ใกล้ถึงโรงแรมของเราแล้วนี่นา”
แม็กพยายามระงับอารมณ์มาเปิดดูตำแหน่งของตนเองในแผนที่บนหน้าจอระบบ ก่อนจะพบว่าเขามีเวลาจัดการกับเจ้าหญิงพารีสอีกเพียงไม่ถึงสิบนาที และนั่นหมายความว่าเขาคงไม่มีเวลาให้ค่อยเล้าโลมกระตุ้นความเสียวอย่างที่เขาชอบกระทำมากนัก
“ถ้าอย่างงั้นก็ขอชิมเลยก็แล้วกัน ส่วนคำสั่ง ต้องพูดซ้ำไปซ้ำมาเจ็ดครั้งซินะ งั้นเอาคำสั่งนี้ กับคำสั่งนี้ก็แล้วกัน …”
เขาพูดพลางจับร่างของเจ้าหญิงนอนหงายลงไปบนที่นั่งอันกว้างขวาง กระโปรงฟูฟ่องหรูหราโดนตลบขึ้นไปด้านบน กางเกงในตัวจิ๋วโดนรูดออกจนหลุดลุ่ยลงมาที่ข้อเท้าเหลือไว้แต่เพียงถุงน่อง สีขาวที่กลืนไปกับสีผิวขาวผ่องราวหิมะแทบเนื้อเดียวกัน
เขาก้มหน้าลงไปกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างกับเจ้าหญิงพารีสซ้ำไปซ้ำมาเจ็ด ครั้งตามรายละเอียดของคำสาป ในขณะเดียวกันนั้นก็กดนิ้วสะกิดเขี่ยกรีดบดบี้ไปที่จุดอ่อนไหวจนเธอกระตุก เฮือกดิ้นพล่าน และเพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้นปลายนิ้วของเขาก็สัมผัสได้ถึงความชุ่มฉ่ำที่เอ่อทะลักออกมา
“อูยยสสสส โออยยยยยยย อาาาาาาา”
เจ้าหญิงพารีสส่งเสียงครวญครางสุขสม ดวงตาที่เหม่อลอยไร้สตินั้นทอประกายเต็มไปด้วยความสุข แม้จะไม่มีสติจดจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเวลานี้ แต่ทุกรสสัมผัสที่เขาบีบขยี้เคล้นคลึงทรวงอก รวมไปถึงรสชาติอันเร่าร้อนที่เขาใช้นิ้วเขี่ยกระตุ้นนั้นล้วนแล้วแต่ถูก บันทึกลงไปในความทรงจำส่วนลึกจนหมดสิ้น โดยเฉพาะความรู้สึกตอนที่เธอส่งเสียงหวีดร้องเพราะโดนเขากระตุ้นอารมณ์ถึงขีดสุด
เธอเสร็จสมไปแล้วหนึ่งรอบ แต่ว่าแม็กยังไม่ อารมณ์ที่อัดอั้นที่พลาดจากแปดนางงามทำให้เขาจับสองขาของเธอถ่างออกกว้าง ก่อนจะเดินหน้ากดสะโพกสอดใส่ความแกร่งกร้าวกำยำสอดแทรกเข้าไปในร่างงาม
พารีสกระตุกเฮือกด้วยความเจ็บของสาวบริสุทธิ์ หากทว่าไม่มีการดิ้นรนขัดขืนอันใดเนื่องจากยังคงอยู่ในภวังค์ของคำสาป แม็กจึงยังคงสามารถกัดฟันเดินหน้าทะลวงเข้าไปได้อย่างต่อเนื่อง จวบจนกระทั่งเข้าไปได้สุดทาง
ความจุกแน่นที่มาพร้อมกับความเสียวซ่าน ทำให้พารีสสะบัดหน้าเริดไปมา ริมฝีปากมีน้ำลายเอ่อย้อยออกมาเล็กน้อย ในขณะที่สองมือจิกลงไปบนแขนแกร่งกำยำสุดแรงเมื่อเขาเริ่มเดินหน้าขยับสะโพก โหมกระแทกด้วยลีลาอันหนักแน่นเร่าร้อน
แม็กสูดปากด้วยความสาแก่ใจก่อนจะค่อย ๆ เร่งจังหวะบั้นเอวขึ้นทีละน้อย เขาจูบปากสูดดมความหอมหวานของเนื้อสาว ในขณะที่สองมือนั้นตะปบตะโปมขยี้ใส่เนื้อตัวของพารีสด้วยความเมามัน กระนั้นเขาก็ยังไม่ลืมที่จะพยายามยั้งเรี่ยวแรงส่วนหนึ่งไว้เพื่อป้องกันไม่ให้รถม้าสั่นสะเทือนมากเกินไป
ความสุขเสียวถาโถมเข้าใส่ราวกับทะเลคลั่ง พารีสร้องครวญครางด้วยความหฤหรรษ์สุดชีวิต สะโพกผึ่งผายส่ายร่อนเด้งรับลีลารักเร่าร้อนโดยไม่ต้องใช้สติสัมปชัญญะควบคุม จากนั้นสุดยอดแห่งความสุขก็มาเยือนเธออีกครั้งจนต้องส่งเสียงหวีดร้องแห่งความหฤหรรษ์ออกมา
แม็กต้องหยุดเคลื่อนไหวชั่วคราวเพราะความคับแน่นที่ตอดรัดเข้าใส่ เวลานี้ไม่ทราบว่าเขาตื่นเต้นสะใจถึงเพียงไหนที่มีโอกาสได้ตักตวงความสุขจากตัวละครระดับเจ้าหญิงในเกมนี้ได้ สิ่งที่น่าแค้นใจเพียงอย่างเดียวก็คือเขามีเวลาน้อยเกินไปสักหน่อย
เขารอคอยจนอาการเกร็งของเธอหายไป จากนั้นจึงก้มไปลงกระซิบกระซาบฝังคำสั่ง พร้อมกับเริ่มเดินหน้าปรนเปรอความสุขให้เธอและให้ตัวเองอีกครั้ง เพียงพริบตาเดียวความเสียวก็ก่อตัวขึ้นจนพารีสดิ้นพล่านอีกครั้ง และคราวนี้เขากำลังเคลื่อนไหวสะโพกด้วยความดุดันราวกับสัตว์ป่าตัวหนึ่ง
พารีสส่งเสียงร้องครางออกมาไม่ได้สรรพ ทรวงอกที่กระเด้งกระดอนไปมานั้นโดนบีบเคล้นอย่างเมามันจนปรากฏริ้วรอยแดงจ้ำ ผิวขาวเนียนปรากฏเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาจนชุ่มฉ่ำ จากนั้นเธอก็ต้องหลับตาปี๋ส่งเสียงหวีดร้องออกมาอีกครั้งเมื่อเขาโหมกระแทกปิดท้าย ก่อนจะปลดปล่อยความร้อนผ่าวหลั่งไหลทะลักเข้าไปในร่างของเธอ
‘เจ้าหญิงพารีส ความรัก 0% ความใคร่ 99%’
เสียงประกาศของระบบดังขึ้นพร้อมกับเสียงครางอูยของแม็ก เขาฟุบหน้าลงไปกอดเรือนร่างงดงามของเจ้าหญิงเอาไว้แนบแน่น ขณะที่ยังคงปลดปล่อยความรักร้อนแรงหลั่งไหลเข้าไปในร่างของเธอจนล้นทะลัก
เขาอยากจะนอนกอดกับร่างงามนี้อีกสักระยะ แต่น่าเสียดายที่เวลาไม่เพียงพอ เขาจึงต้องรีบลุกขึ้นใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดไปพร้อมกับใช้เวทย์ของนักบวช เพื่อรักษาฟื้นฟูสภาพร่างกายของเจ้าหญิงเสียก่อน ซึ่งนั่นไม่ใช่งานที่ยากเลยในเมื่อเขามีทักษะอันยอดเยี่ยมอยู่แล้ว เพียงพริบตาเดียวร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยจ้ำแดงของเจ้าหญิงพารีสก็ฟื้นคืนสภาพเดิม ไม่มีร่องรอยอันใดให้สืบสาวแม้แต่น้อย
เมื่อการกลบเกลื่อนทำลายหลักฐานเสร็จสมบูรณ์ รถม้าก็เริ่มเคลื่อนไหวช้าลงจนกลายเป็นหยุดนิ่ง จากนั้นก็มีเสียงของทหารองครักษ์ที่ด้านนอกแจ้งให้ทราบว่าถึงโรงแรงที่พักของเขาแล้ว
เวลานี้เจ้าหญิงพารีสกำลังนั่งมองซ้ายมองขวาด้วยความงุนงง ความทรงจำที่หายไปช่วงหนึ่งทำให้เธอรู้สึกสับสน แต่นั่นก็เป็นแค่เพียงวูบเดียวเธอก็ลืมเลือนความรู้สึกงุนงงนี้ไปจนหมดสิ้น ความทรงจำใหม่ที่แม็กสั่งไว้ในช่วงที่โดนคำสาปย้ายเข้ามาแทนที่
สิ่งที่เธอจำได้ในเวลานี้ก็คือ เธอทำภารกิจที่มหาอุปราชมอบหมายให้เสร็จสมบูรณ์แล้ว เธอเข้าใจว่าเธอได้แพร่คำสาป และได้สั่งการให้เขาเชื่อฟังคำสั่งของมหาอุปราชแล้ว เพียงแต่ยังรู้สึกแปลกประหลาดอยู่บ้าง ที่บังเกิดความรู้สึกวาบหวามแปลก ๆ กับเทพธนูที่เธอเคยตั้งแง่รังเกียจจนต้องเปิดผ้าม่านหน้าต่างและมองดูเขาตาแทบไม่กระพริบ
แม็กโบกมือลาขณะลงไปจากรถม้า เขายืนมองเจ้าหญิงซึ่งชะโงกหน้าออกมาทางหน้าต่าง ดวงตาของเธอคลับคล้ายกับหญิงสาวที่ไม่อยากจากชายคนรัก ในขณะที่แววตาของเขานั้นกลับเป็นรอยยิ้มของผู้ชนะคนหนึ่ง
ถึงแม้จะน่าเสียดายที่เขายังไม่ได้ครอบครองเจ้าหญิงอย่างสมบูรณ์ แต่เวลานี้เขาเข้าใจแล้วว่าการครองครองในสักคนโดยสมบูรณ์นั้นจะต้องผ่านภารกิจบางอย่าง เสียก่อน และนั่นคงไม่ใช่เรื่องยากเกินไปในเมื่อเขาได้ย้อนแผนแอบวางคำสั่งบางอย่าง ไว้ในหัวของเจ้าหญิงพารีสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เอาไว้ให้เขาทำธุระของแองจี้ให้เสร็จเรียบร้อยเสียก่อนแล้วค่อยมาสานต่อก็ยังได้
…………………………………