XO ตอนที่ 4 – จำใจจาก
…………………………………………
แอสโมดิอุสไม่เคยพลาดท่าเสียทีใครจนเฉียดกับความตายแบบนี้มาก่อน แม้ว่าเธอจะไม่ได้แข็งแกร่งที่สุดในหมู่บาปทั้งเจ็ดประการ และไม่ได้ติดอันดับแข็งแกร่งที่สุดในหมู่เผ่าพันธุ์ปีศาจ แต่ไม่ว่าจะเป็นสงครามระหว่างเทพมารครั้งใดเธอก็ไม่เคยตกอยู่ในสภาวะย่ำแย่เช่นนี้
เธออาจจะเคยถูกเหล่าเทพไล่ล่าสังหาร แต่ว่าเธอคือตัวแทนแห่งราคะ เพียงชะม้ายชายตามองและพูดยั่วยวนเพียงเล็กน้อย เหล่าเทพที่ถือดีในศักดิ์ศรีเหล่านั้นก็ไม่แคล้วต้องบังเกิดความใคร่และหลงกลจนเธอเอาชีวิตรอดมาได้เสมอ
หากทว่าวันนี้เธอกลับพลาดท่าให้กับคู่แค้นอย่างอะโฟรไดทีจนแทบถูก
กระชากวิญญาณออกจากร่าง แต่แล้วในห้วงแห่งความเป็นความตายนั้นกลับมีบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งที่ยื่นมือมาปกป้องเธอเอาไว้ และนั่นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ก่อตัวถือกำเนิดมาที่มีใครคนหนึ่งช่วยปกป้องเธอโดยที่ไม่ได้ตกอยู่ภายใต้มนตราแห่งความใคร่
“แม็ก … ทำไมท่านจึงช่วยเหลือมารร้ายอย่างข้า … มนุษย์อย่างพวกเจ้ายืนอยู่ฝ่ายเทพ และคอยไล่ล่าสังหารมารร้ายเช่นข้าเสมอมามิใช่หรือ”
แอสโมดิอุสขยับลุกขึ้นนั่งด้วยท่วงท่าเย้ายวนแล้วมองดูเขาด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด เธอไม่อาจอธิบายได้ว่านั่นคือความรู้สึกใดเพราะไม่เคยเป็นมาก่อน เธอทราบเพียงว่ามันเป็นความอบอุ่นขุมหนึ่งที่แล่นพล่านอยู่ในความรู้สึก และความรู้สึกนี้มีแต่จะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่ออยู่ใกล้เขา
“เรื่องแบบนั้นต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ ก็แค่ทำเรื่องที่อยากทำ”
แม็กรับรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณนักรักว่าสาวสวยคนนี้เผลอไผลตกหลุมรักเขาเข้าแล้ว เพียงแต่เขาเองก็ไม่สะดวกใจนักที่จะตอบออกไปตามตรงว่าไม่อยากฆ่าเธอทิ้งเพราะเสียดายรูปร่างหน้าตา เขาจึงคิดประดิษฐ์คำพูดที่ฟังดูดีออกมาเป็นคำตอบแทนไปก่อน
ความจริงแล้วนี่เป็นคำตอบที่เหมือนไม่เป็นคำตอบซึ่งอาจจะตีความไปทางร้ายหรือดีก็ได้ แต่เวลานี้แอสโมดิอุสกำลังเป็นเช่นเดียวกันกับอะโฟรไดที เธอกำลังตกอยู่ในบ่วงแห่งรักที่ยากจะไถ่ถอน เพราะการอยู่ต่อหน้าเทพีแห่งความรักนั้นก็กระตุ้นอารมณ์รักได้พอดูอยู่แล้ว
เมื่อเพิ่มแม็กซึ่งได้รับพรแห่งรักเข้าไปอีกคน เธอจึงหลงรักเขาแทบจะทันที ดังนั้นไม่ว่าเขาจะตอบว่าอะไร สมองของเธอก็จะพาลคิดไปในแง่ดีก่อนเสมอ ดั่งคำพูดที่ว่าความรักมักทำให้คนตาบอด และเธอก็กำลังเป็นเช่นนั้นจริง ๆ
‘เขาอยากปกป้องเราจริง ๆ ปกป้องเราโดยไม่เรียกร้องสิ่งตอบแทน’
แอสโมดิอุสส่งเสียงรำพึงอยู่ในใจด้วยความรู้สึกร้อนวาบหวาม เธอจับจ้องมองดูเขาด้วยแววตาร้อนระอุ ก่อนจะขยับร่างทำท่าคลานสี่ขาเหมือนแม่เสือสาวแล้วเยื้องย่างบิดสะโพกยั่วเย้าเข้าไปหาเขา พร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย้ายวนใจ
“ตอนนั้น … ตอนนั้น ที่ท่านปฏิเสธคำขอของยัยเทพีโลกสวยนั่น ท่านตอบเธอว่าอะไรนะ ท่านช่วยพูดอีกครั้งได้มั้ย?”
“ตอนนั้น? … นึกก่อนนะ …”
แม็กจับจ้องมองดูท่วงท่าของแม่เสือสาวยั่วสวาทพร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอไปอีกหลายอึก เพราะท่วงท่าคืบคลานเช่นนี้ทำให้แลเห็นหน้าอกอวบที่มีชุดหนังรัดรั้งไว้ชัดเจนกว่าเดิม และมันช่างยั่วน้ำลายเขาเสียจนดุ้นเอ็นลุกแข็งโด่ขึ้นมาอีกครั้งทันที
เขาพยายามนึกย้อนกลับไป ว่าตอนที่เขาปฏิเสธที่จะลงมีดนั้นเขาพูดอะไรออกไป แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก จึงหันไปส่ายหน้าและผายสองมือออกเพื่อสื่อว่าอับจนปัญญา
“นึกไม่ออกแฮะ ผมพูดว่าอะไรเหรอ?”
“ท่านอาจจะไม่ได้เสแสร้งแกล้งดัดจึงจดจำไม่ได้ แต่ข้าจดจำได้อย่างแม่นยำ ท่านกล่าวว่า ‘ผมทำไม่ลงหรอก สาวสวยน่ารักคนนี้เธอก็ดูไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไรนี่นา ทำไมต้องทำกับเธอขนาดนั้นด้วยล่ะ’ … ท่านกล่าวเช่นนี้กับข้า”
“อ๊ะ ใช่ ตอนนั้นพูดแบบนี้จริง ๆ”
“ท่านบอกว่าข้าน่ารัก … ข้าน่ารักจริง ๆ เหรอ?”
แอสโมดิอุสคืบคลานเข้ามาจนจมูกชนกันกับเขา ใบหน้าอันแดงซ่านของเธอในตอนนี้แฝงความน่ารักสดใสจนยากที่จะเชื่อว่าเธอคือเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวแทนของบาปแห่งราคะ ไม่ว่ามองอย่างไรก็ให้ความรู้สึกราวกับว่าเธอเป็นเด็กสาวไร้เดียงสาที่กำลังมีรักครั้งแรกคนหนึ่ง ซึ่งนี่ก็เป็นเพราะเธอในตอนนี้กำลังขับเคลื่อนไปตามมนตราแห่งรักที่แผ่ฟุ้งอยู่ในร่างนั่นเอง
“ใช่ น่ารักมาก ๆ เลยล่ะ”
“แต่ข้าเป็นเผ่าปีศาจที่โหดร้าย ข้าสามารถฆ่าท่านได้โดยไม่กระพริบตา ท่านจะยังบอกว่าข้าน่ารักอีกงั้นเหรอ”
แม็กพยักหน้ายืนยันคำพูดพร้อมกับมองสบตากับดวงตาสีดำขลับคู่นั้น แต่แล้วก็ต้องรู้สึกเย็นวาบที่ลำคอ เพราะว่าแอสโมดิอุสขยับนิ้วชี้ไปจ่อที่บริเวณเส้นเลือดใหญ่ข้างลำคอ พร้อมกับเล็บคมกริบสีแดงดั่งเลือดที่ยืดยาวออกมาดั่งคมดาบ
ใบหน้ามนุษย์ที่สวยงามสะท้านใจแปรเปลี่ยนไปเป็นสีดำแดง เรือนร่างอวบอิ่มขาวนวลเนียนก็เปลี่ยนแปลงเป็นผิวสีดำแดงหยาบกระด้างเช่นเดียวกัน ในขณะที่กลางหลังก็ปรากฎปีกสีแดงดำขนาดใหญ่ที่เหมือนปีกค้างคาวผุดโผล่ออกมา และนี่คือลักษณะทางกายภาพในลักษณะปกติของเผ่าพันธุ์ปีศาจ
หากเป็นชายหนุ่มทั่วไปเจอการขู่ฆ่ากระทันหันแบบนี้เข้าคงต้องขวัญหนีดีฝ่อถอยหนีไปแล้ว แต่ว่าแม็กนั้นผ่านมารยาร้อยเล่มเกวียนมาเยอะจนจับอารมณ์ผู้หญิงได้ไม่ยากว่านี่เป็นแค่การละเล่นอย่างหนึ่งของเธอ เป็นการละเล่นเพื่อลองใจ ก่อนที่เธอจะมอบกายและใจให้แก่เขา
เขาอาจจะตื่นตกใจต่อความเปลี่ยนแปลงของรูปลักษณ์อยู่บ้าง หากนั่นเป็นเพียงแค่แวบเดียว เพราะแววตาของเธอยังไม่เปลี่ยนไป และนี่ก็เป็นแค่เกมเขาจึงไม่ได้บังเกิดความรู้สึกกลัวตายแต่อย่างใด เวลานี้เขาจึงไม่ได้รู้สึกตื่นกลัว แต่กลับกำลังรู้สึกสงสัยด้วยซ้ำว่าหากให้เธอแปลงร่างอยู่ระหว่างครึ่งปีศาจครึ่งมนุษย์แล้วมีอะไรกันคงจะเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นพิลึก
“น่ารักก็คือน่ารักซิ น่ารัก น่ารักมาก … ต่อให้ต้องตายก็ยังขอยืนยันว่าน่ารัก”
แม็กยิ้มอย่างอบอุ่นพร้อมกับยื่นออกไปแตะสัมผัสลูบไล้ที่ปรางแก้มซึ่งกลายเป็นแข็งกระด้างสีแดงดำ และเขาดูจะอ่านใจเธอได้ถูกต้อง แอสโมดิอุสไม่ได้คิดจะฆ่าเขาจริง ๆ เธอจึงเอียงใบหน้าไปมาเพื่อถูไถกับฝ่ามือหยาบกร้านของเขาราวกับลูกแมวน้อยตัวหนึ่ง จากนั้นปลายเล็บสีแดงคมกริบก็หดสั้นลงเหลือเพียงแค่นิ้วมือเรียวสวยน่าสัมผัส
ครู่ต่อมาเรือนร่างและใบหน้าของเธอก็ค่อยแปรเปลี่ยนจากรูปลักษณ์อันน่ากลัวของปีศาจกลับมาเป็นสตรีที่งดงามยั่วราคะเช่นก่อนหน้า แต่ที่ไม่เหมือนเดิมก็คือเวลานี้เสื้อผ้าได้หายไป เหลือเพียงเรือนร่างเปลือยเปล่าอวบอัดสมกับคำว่าวัตถุแห่งความใคร่ที่บุรุษเพศทุกคนอยากเชยชม
“เดี๋ยวก็ฆ่าให้ตายจริง ๆ ซะหรอก”
แอสโมดิอุสพยายามเค้นเสียงกล่าวด้วยน้ำเสียงข่มขู่ หากทว่าสุ้มเสียงที่หลุดออกมากลับอ่อนหวานเหมือนเด็กสาวที่อยู่ในห้วงแห่งรัก ซึ่งความจริงแล้วเธอก็กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งรักจริง ๆ เพียงแต่ไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง เธอเพียงรู้สึกหัวใจพองโตจนแทบรับไว้ไม่ไหว ยิ่งเห็นเขาไม่แสดงท่าทีรังเกียจหรือตื่นกลัวรูปลักษณ์ของเผ่าพันธุ์เธอก็ยิ่งรู้สึกสุขล้นจนมิอาจปกปิดรอยยิ้มบนใบหน้าได้ไหว
“ขอเรียกชื่อสั้น ๆ ว่า ‘มด’ ได้มั้ย? แอสโมดิอุสยาวไปหน่อยเรียกยาก แถมชื่อนี้เข้ากันดีเหมือนนักร้องสมัยก่อน โฟร์ มด ”
“ตามใจท่านซิ ท่านจะเรียกอะไรก็เรียกเถอะ”
“งั้นเรียกว่ามดที่รักได้มั้ย?”
แอสโมดิอุสทานทนรับถ้อยคำหวานหูไม่ไหวอีกต่อไป เธอโผเข้าไปผลักให้เขานอนหงายลงกับพื้น แล้วก้มลงไปโอบกอดประกบปากจูบปลดปล่อยตัวตน ปลดปล่อยสัญชาตญาณให้ขับเคลื่อนร่างกายเพื่อระบายความสุขที่ล้นปรี่ให้แก่เขาบ้าง
นี่เป็นครั้งแรกที่เธออยากใช้ร่างกายปรนเปรอบุรุษคนหนึ่งให้มีความสุขสมอย่างที่เธอกำลังรู้สึก หากทว่าท่วงท่าลีลารักนั้นกลับช่ำชองชำนาญงานยิ่งกว่าใคร เพราะทุกอย่างที่เกี่ยวกับราคะนั้นอยู่ในสายเลือดจนมิต้องฝึกฝนเรียนรู้ให้เสียเวลา
ลิ้นเรียวงามตวัดแหย่พัวพันเข้าไปแตะกระตุ้นอารมณ์ชายหนุ่มจนทั่วทั้งโพรงปาก เมื่อเขาตวัดลิ้นเข้าต่อกรเธอก็ตวัดรัดแล้วดูดแลกลิ้นกันเสียงดังจ๊วบจ๊าบ
นี่เป็นครั้งแรกที่แม็กรู้สึกเพลี่ยงพล้ำในลีลารัก เขามั่นใจอย่างยิ่งว่าจูบของเขาสามารถทำให้สาว ๆ ทุกคนพ่ายแพ้ตัวอ่อนระทวย หากทว่าลิ้นของแอสโมดิอุสกลับคล่องแคล่วไหลลื่นปราดเปรียวราวกับมีชีวิตเสียจนเขาต้องยอมแพ้ และปล่อยให้เธอเป็นฝ่ายรุกเข้าใส่อยู่ฝ่ายเดียว
เมื่อจูบสู้ไม่ได้แม็กจึงพยายามจะเล้าโลมเธอทางอื่น เขายื่นมือไปหมายจะลูบคลำแผ่นหลังและสะโพกผึ่งผายของแม่ปีศาจสาวให้สมอยาก หากทว่าเธอกลับคว้ามือของเขาแล้วกดลงบนพื้นพร้อมกับทำหน้าดุแยกเขี้ยวใส่เหมือนต้องการสื่อว่าให้เขาอยู่เฉย ๆ แล้วเธอจะทำทุกอย่างให้เขาเอง
‘พี่ไม่ต้อง น้องทำเองซินะ แบบนี้ก็ดี หึ หึ’
แม็กยิ้มกริ่มและหัวเราะร่วนในใจ เพราะเขาเองก็ไม่ค่อยจะได้เจอผู้หญิงสายรุกแบบนี้มากนัก ส่วนใหญ่แล้วในฐานะผู้ชายเขาจะเป็นฝ่ายรุกเสียมากกว่า ดังนั้นเขาจึงยอมนอนนิ่งให้เธอปรนเปรอโดยดี ถึงแม้ว่าจะให้ความรู้สึกเหมือนผู้ชายโดนผู้หญิงปลุกปล้ำอยู่ก็ตามที
“อูยยสสสส อืมมมมม ดีจังครับมด”
ไม่ทันไรเขาก็ร้องครางเพราะเสียวจนขนลุกซู่ หลังจากแอสโมดิอุสแยกเขี้ยวขู่ เธอก็ก้มหน้าลงไปจูบไซร้และแยงลิ้นเข้าไปเต้นระรัวบริเวณใบหู ก่อนจะไล่ผ่านซอกคองับดูดเสียงดังบ๊วบฝากรอยจูบเอาไว้สองรอย จากนั้นก็ขยับถูไถสองเต้าลงไปเบื้องล่าง อ้างับเลียวนไปรอบหัวนมสีน้ำตาลเข้มของเขาสลับไปมาทั้งสองข้าง
ลีลาเหลือร้ายที่เหนือความคาดหมายทำให้แม็กครางอูวไม่หยุด เขาจิกสองมือลงไปบนผืนดินด้วยความรู้สึกสุดจะทานทน ลิ้นและริมฝีปากของแอสโมดิอุสราวกับมีมนตร์ขลังที่ไม่ว่าแตะสัมผัสส่วนใด ก็จะกระตุ้นอารมณ์เสียวอย่างมากมายมหาศาล อีกทั้งลีลารักของเธอก็ช่างเหลือร้ายร้อนแรงเสียยิ่งกว่าผู้หญิงคนไหนที่เขาเคยพบเจอ แม้แต่สาวมากประสบการณ์ที่เขาเคยลิ้มลองก็ยังหมองเมื่อเทียบกับลีลาของแอสโมดิอุส
‘ซี้ดดดสสส ลีลาสุดยอดแบบนี้ เจ้าแม่อ่างยังอายเลยนะเนี่ย เสียวโคตร อู้วววว’
แม็กร่ำร้องครวญครางโดยไม่ส่งเสียงออกมา ในขณะที่สาวสวยหุ่นเอ็กซ์เริ่มละเลงลิ้นไล่ต่ำลงไปเลียระรัวใส่สะดือและกล้ามเนื้อซิกส์แพ็ค แล้วเขาก็ต้องตัวกระตุกสะท้านเมื่อฝ่ามือนุ่มนิ่มทั้งสองข้างขยับไปเกาะกุมที่ท่อนลึงค์พร้อมกับขยับรูดไปมาอย่างแผ่วเบา
แอสโมดิอุสจับจ้องมองดูดุ้นเนื้ออันแรกที่เธอได้สัมผัสแทบไม่กระพริบ ซึ่งความจริงเธอย่อมเคยเห็นสิ่งนั้นของเพศผู้มาแล้วไม่น้อย ไม่ว่าจะเผ่าพันธุ์มนุษย์ เทพ มาร หรือแม้แต่เผ่าพันธุ์อื่น เพียงแต่เธอยังมิเคยเปลืองเนื้อเปลืองตัวใช้เนื้อหนังมังสาเข้าแตะสัมผัสด้วยตนเองดั่งเช่นเวลานี้
การกระทำครั้งแรกย่อมมิใช่อุปสรรคต่อบาปแห่งราคะ เธอขยับนิ้วทั้งสิบนวดบดคลึงไปตามลำลึงค์ด้วยน้ำหนักพอดิบพอดี ก่อนจะก้มศีรษะลงไป แล้วอ้าปากแลบลิ้นเลียวนไปตามปลายหัวบาน ก่อนจะละเลงลิ้นระรัวลงไปที่รูระบายน้ำกาม
“อู้วววว ซี้ดดดสสสส”
ขนาดเตรียมใจเอาไว้แล้วว่าลีลาเธอน่าจะไม่ธรรมดา แต่แม็กก็ยังเสียวแปลบจนตัวกระตุก ความเสียวซ่านแทบจะทำให้ต้องน้ำแตกออกมาในวินาทีนั้น แต่ยังโชคดีที่เพิ่งได้ระบายน้ำใส่อะโฟรไดทีไปแล้วหนึ่งยก จึงยังพอมีความอดทนไม่เสียหน้าล่มปากอ่าวไปเสียก่อน
แอสโมดิอุสรับฟังเสียงครางเปี่ยมสุขของเขาด้วยความรู้สึกเบิกบานใจยิ่ง นั่นคล้ายกับความรู้สึกของเด็กน้อยที่ได้พบว่าผู้ใหญ่ชื่นชอบการกระทำของตนเอง และเมื่อเธอเห็นว่าเขาชื่นชอบ เธอก็ยิ่งแสดงฝีมือออกมาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยยิ่งกว่าเดิม
ริมฝีปากบางสีแดงสดอ้าออกกะให้พอดีกับขนาดของเขา แล้วกดศีรษะลงไปช้า ๆ ปล่อยให้พื้นผิวตะปุ่มตะป่ำครูดคราดไปกับริมฝีปากอุ่นนุ่ม เธออมของเขาเข้าไปในปากจนสุดทาง ก่อนจะเริ่มสำแดงฝีมือและฝีปากตวัดลิ้นโลมเลียและดูดดังจ๊วบไปพร้อมกันจนเขาตัวกระตุกเฮือกอีกรอบ
หลังจากแสดงฝีมือเรียกน้ำย่อยจนอีกฝ่ายเกือบน้ำแตก แอสโมดิอุสก็เริ่มผงกศีรษะขึ้นลงจนผมเผ้าสะบัดกระจาย เวลานี้ดุ้นเอ็นที่แข็งโด่เด่คล้ายกลายสภาพเป็นอมยิ้มแสนหวานที่เธอชื่นชอบ จึงไม่มีพื้นที่หรือซอกหลืบส่วนไหนเลยที่จะหลุดรอดจากริมฝีปากและลิ้นนุ่มนิ่ม
กระนั้นเธอก็ไม่ได้จำกัดพื้นที่ความเสียวเอาไว้แค่ตรงส่วนนั้น บางครั้งก็ขยับอ้าปากงับดูดเลียพวงไข่ของเขาทั้งสองข้างสลับไปมา บ้างก็ลากลิ้นต่ำลงไปจนถึงประตูหลังแล้วลากสลับมาโลมเลียที่ด้านหน้าใหม่
แม็กส่งเสียงร้องครางไม่หยุด แต่ก็ยังไว้ลายหนุ่มนักรักไม่เอาแต่รับฝ่ายเดียว เขาใช้สองมือจิกขยำที่หลังศีรษะของแอสโมดิอุสพร้อมกับเด้งสะโพกซอยยิกใส่ปากของเธออย่างเมามันด้วยอยากระเบิดน้ำกามเข้าใส่ปากของปีศาจแห่งราคะคนนี้สักครั้ง
สาวสวยคล้ายจะเข้าใจความต้องการของเขา เธอไม่ขยับไปพื้นที่อื่นใดอีกนอกจากก้มหน้าก้มตาดูดเลียพร้อมกับใช้สองมือรูดถอกดุ้นเอ็น ดังนั้นอีกเพียงไม่กี่นาที แม็กก็ล๊อคศีรษะของเธอจนแน่น แล้วเด้งเสยบั้นเอวซอยยิกใส่ปากของเธอด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี ก่อนจะส่งเสียงร้องครางออกมาพร้อมกับระเบิดน้ำกามกระฉูดเข้าไปในโพรงปากของเธอด้วยความรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
สายธารน้ำร้อนผ่าวและคาวข้นที่ทะลักอยู่ในปากทำให้แอสโมดิอุสรู้สึกยินดียิ่ง เธอปล่อยให้เขารั้งดึงศีรษะลงไปโดยไม่ขัดขืน โพรงปากออกแรงดูดเสียงดังบ๊วบจนสองแก้มลีบตอบ น้ำรักของเขามีปริมาณไม่น้อย หากทว่าความรู้สึกกระหายอยากของเธอนั้นมากยิ่งกว่า เธอจึงออกแรงดูดด้วยอยากจะได้ของเขาทั้งหมด กระทั่งดูดกลืนลงไปจนสะอาดเกลี้ยงเกลาแล้ว เธอก็ยังดูดต่อเพราะเกรงว่าจะเผลอพลาดปล่อยให้หลุดรอดออกไปได้
แม็กนอนหอบหายใจด้วยความสุขสุดยอด เขายังไม่เคยรู้สึกสุดยอดต่อการน้ำแตกใส่ปากใครเช่นนี้มาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว ดุ้นเอ็นที่ควรจะอ่อนตัวลงจึงยังคงแข็งตัวไม่ยอมหยุดพักคล้ายจะบอกว่าอยากลิ้มรสชาติความเสียวแบบนี้ใหม่อีกสักรอบ
แอสโมดิอุสรับรู้ได้ถึงสิ่งที่เขาต้องการด้วยสัญชาตญาณ เธอถอนปากออกจากดุ้นเอ็นสะอาดเอี่ยมก่อนจะก้มลงไปจูบเบา ๆ หนึ่งครั้ง แล้วขยับร่างขึ้นไปนั่งคร่อมจัดแจงตำแหน่งให้ตรงกับดุ้นเอ็นซึ่งแข็งตระหง่านคอยท่าอยู่แล้ว
สาวสวยใช้ดวงตาอันฉ่ำเยิ้มจ้องมองดูเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะเริ่มขย่มกลีบสวาทที่ฉ่ำเยิ้มเต็มทีลงไปอย่างเชื่องช้า กระนั้นลีลาที่จัดเจนกลับขัดแย้งกับหนทางที่คับแคบยากแหวกผ่านอยู่ไม่น้อย เนื่องจากเธอยังคงความบริสุทธิ์เอาไว้ และเมื่อต้องมาเจอกับความยาวใหญ่ที่ไม่ธรรมดาใบหน้าของสาวร้อนก็ต้องบิดเบี้ยวเหยเกด้วยความรู้สึกเจ็บแปลบที่กลางหว่างขา
“ไม่ต้องรีบร้อน ค่อย ๆ ทำ จะได้ไม่เจ็บ อูยยสสส แน่นเหมือนของโฟร์เลย”
แม็คส่งเสียงเตือนด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดใจอยู่บ้าง เพราะไม่แน่ใจนักว่าทำไมสาวลีลาระดับเทพอย่างเธอจึงดูเหมือนจะยังใหม่สดซิงไม่เคยผ่านชายใด แต่เมื่อสัญชาตญาณบอกกับเขาว่าเธอยังซิง เขาจึงเอื้อมมือออกไปยกสะโพกเธอเพื่อบ่งบอกมิให้รีบร้อนเกินไป ด้วยเกรงของเขาอาจจะถลอกปอกเปิกเพราะความคับแน่นก็เป็นได้
“ใจดีจังเลยนะ …”
แอสโมดิอุสยิ้มหวานเพราะเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นห่วงเป็นใย แต่ด้วยศักดิ์ศรีของบาปแห่งความใคร่ ทำให้เธอตัดสินใจยอมทนความเจ็บ เธอสูดปากแผ่วเบา ก่อนจะทิ้งน้ำหนักกดสะโพกขาวอวบลงไปแบบพรวดเดียว ดุ้นเอ็นที่ตั้งฉากรอคอยจึงเสียบแทงแหวกผ่านความคับแน่นมุดเข้าไปได้ถึงครึ่งทางในคราวเดียว
แม็กร้องซี้ดด้วยความเจ็บแปลบและเสียวหฤหรรษ์ที่บีบรัดรอบลำลึงค์ เขาย่อมคาดไม่ถึงว่าเธอจะบุกตะลุยแบบดุเดือดเลือดพล่านเช่นนี้ กระนั้นก็รู้สึกได้ว่าลีลาที่คาดเดาไม่ได้ของเธอก็สร้างความตื่นเต้นกระสันให้แก่เขาไม่น้อย
“ซี้ดดดสสสสสส โออววววววว”
แอสโมดิอุสส่งเสียงครางออกมาเป็นครั้งแรกเพราะสุดจะกลั้นไหว ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวเหยเกด้วยคาดไม่ถึงว่าจะรู้สึกเจ็บและสุขสมมากถึงเพียงนี้ ตอนนี้เธอไม่ทราบว่าควรจะเดินหน้าต่อ หรือถอยออกมาตั้งหลักเสียก่อน เพราะจะให้ถอนร่างออกไปก็เสียดายความรู้สึกเสียว แต่เมื่อกดค้างคาไว้เช่นนี้ความรู้สึกเจ็บก็กำลังเล่นงานจนชาดิก
ยังดีที่เขามีประสบการณ์มาไม่น้อย จึงช่วยเอื้อมมือขึ้นไปบีบขยำเคล้นคลึงสองเต้าอวบใหญ่กระตุ้นอารมณ์เสียวเพื่อให้คลายจากความเจ็บปวด และนั่นก็ดูจะได้ผลพอสมควร เพราะแอสโมดิอุสเอื้อมมือไปสัมผัสกับสองมือของเขาด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุข ก่อนจะโยกเอวขึ้นแผ่วเบา แล้วกระแทกตุ้บลงไปใหม่อีกครั้ง
คราวนี้หนุ่มสาวร้องครางอูวออกมาพร้อมกันเพราะสอดลึกเข้าไปได้จนสุดลำแล้ว แอสโมดิอุสเปิดใจรับความเสียวกระสันที่เธอเคยรู้สึกสะอิดสะเอียนเข้ามาอย่างเต็มที่ ความแข็งแกร่งสมชายที่เต้นตุบอยู่ในร่างกำลังทำให้เธอคลั่งไคล้จนน้ำลายสอ
สะโพกผึ่งผายส่ายวนไปมาอยู่หลายรอบเพื่อสร้างความคุ้นเคย ก่อนที่เจ้าของร่างจะยกสะโพกขึ้นไปด้านบนจนดุ้นเอ็นเกือบหลุด แล้วทิ้งตัวกระแทกปั้กลงมากลืนกินของเขากลับเข้าไปใหม่
เธอทำเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมา จากเชื่องช้ากลับกลายเป็นรวดเร็ว สะโพกผึ่งผายกระดกขึ้นแล้วกระแทกลงเสพสมความหฤหรรษ์ที่ครูดคราดอยู่ในร่องเสียวอย่างเมามันไม่รู้เบื่อ
แม็กสูดปากครางปล่อยให้เธอเป็นฝ่ายรุกต่อไป แต่ก็ไม่ปล่อยให้สองเต้าอวบกลมที่กำลังเด้งขึ้นเด้งลงได้อยู่ว่าง สองมือของเขายังคงเคล้นคลึงบีบขยำเสพความเต่งตึงของนวลเนื้ออย่างต่อเนื่อง
ปั้ก … ปั้ก … ปั้ก … เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นเป็นจังหวะระรัวเร็ว แอสโมดิอุสเด้งขย่มอย่างร้อนร่าน ในขณะที่แม็กก็เริ่มทนไม่ไหวต้องเด้งเอวสวนไปตามจังหวะแห่งความเสียว พร้อมทั้งระบายอารมณ์ใส่สองเต้าจนปรากฎริ้วรอยแดงจ้ำบนทุกตารางนิ้วของพื้นที่
สวรรค์ที่ใกล้แค่เอื้อมทำให้สองหนุ่มสาวรีดเร้นเรี่ยวแรงเร่งจังหวะหนักหน่วงกว่าเดิม เสียงปั้กปั้กจึงดังอีกเพียงไม่กี่ครั้งก่อนที่ร่างของทั้งคู่จะกระตุกเกร็งพร้อมกัน เขาสูดปากส่งเสียงครางดังลั่น ในขณะที่เธอแอ่นร่างไปเบื้องหลังแล้วส่งเสียงหวีดร้องแห่งความสุขสมออกมาจนสุดเสียง
แม็กนอนหอบหายใจอยู่พักใหญ่ ก่อนจะดันร่างขึ้นไปอยู่ในท่านั่งโอบแขนกอดคลอเคลียกับแอสโมดิอุส เขาตอบแทนความอิ่มเอมที่เธอมอบให้ด้วยการกระซิบบอกรักและจูบไซร้ไปทั่วพวงแก้มและลำคอ
เมื่อได้ลิ้มรสสองสาวสวยสุดยอดติด ๆ กัน เขาก็อดนำทั้งคู่มาเปรียบเทียบกันไม่ได้ เขาพบว่าเขาไม่สามารถบอกได้ว่าใครที่มีเสน่ห์มากกว่ากัน เพราะทั้งสองคนนั้นต่างก็ให้ความรู้สึกไปคนละแบบ
แอสโมดิอุสให้ความรู้สึกสะใจอิ่มเอมต่อความใคร่ เพราะลีลารุกเร้าของเธอนั้นช่างร้ายเหลือ และเหมาะที่จะให้เธอเป็นฝ่ายคุมเกมเอง แต่กับอะโฟรไดทีนั้นเธอทำให้เขารู้สึกอิ่มเอมร้อนวาบไปที่อารมณ์รักอันนุ่มนวล และเหมาะที่จะให้เขาเป็นฝ่ายเปิดเกมรุกย่ำยีความบริสุทธิ์ของเธอเสียมากกว่า
เขานั่งเคลิบเคลิ้มซึมซาบรสรักอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะได้ยินเสียงของระบบเกมที่ข้างหูอีกครั้ง และข้อคามในคราวนี้ก็ดูจะคล้ายกับตอนที่เขาได้รับอะโฟรไดทีเป็นทาสราคะ เพียงแต่ต่างกันตรงที่แอสโมดิอุสนั้นจะเป็นทาสรักแทน … ว่าแต่สองอย่างนี้มันต่างกันยังไง?
“ทักษะจิตแห่งรักทำงาน”
“ทักษะสัมผัสแห่งรักทำงาน”
“ทักษะจิตแห่งราคะทำงาน”
“ทักษะสัมผัสแห่งราคะทำงาน”
“แอสโมดิอุส บาปแห่งราคะ มีระดับค่าความรักที่ 100% และมีระดับค่าความใคร่ที่ 86%”
“ทักษะทาสรักทำงานเมื่อค่าความรักถึงระดับ 100% – ท่านได้รับแอสโมดิอุสเป็นทาสรัก ทุกสิ่งที่เคยเป็นของแอสโมดิอุสจะกลายเป็นของท่านทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นร่างกาย จิตวิญญาณ หรือทรัพย์สินต่าง ๆ”
“ทำภารกิจลับ ครอบครองหนึ่งในร้อยแปดสุดยอดสาวงามได้สำเร็จ กรุณาติดต่อรับของรางวัลได้ที่อาคารช่วยเหลือผู้เล่น”
แม็กยังไม่ทันทราบถึงความแตกต่าง ร่างนุ่มนิ่มหอมกรุ่นกระตุ้นอารมณ์ของอะโฟรไดทีก็โผเข้ามาผลักร่างของแอสโมดิอุสออกไป จากนั้นเธอก็โอบกอดเขาด้วยแววตาหวานฉ่ำเยิ้ม
เขาโอบกอดและจูบปากเทพีแห่งความรักด้วยความรู้สึกสาแก่ใจเล็ก ๆ ที่ทำให้เธอกล้าแสดงออกถึงขนาดนี้ หากทว่าอีกใจก็กำลังเริ่มรู้สึกว่าร่างกายของตนจะไหวหรือไม่ เพราะเพิ่งน้ำแตกไปหลายรอบติด ๆ กัน และหากจะให้ต่อเนื่องเลยอีกรอบโดยไม่พักก็เกรงว่าจะไม่ไหว
“Sanctuary!!! (สถานศักดิ์สิทธิ์)”
เหมือนเธอจะรู้ว่าเขากำลังเหน็ดเหนื่อยเกินไป เธอจึงหลับตาพริ้มแล้วร่ายเวทย์มนตร์ขึ้นมาบทหนึ่ง จากนั้นบนพื้นก็ปรากฎแสงสีเงินขึ้นเป็นพื้นที่วงกลมรัศมีราวสองเมตร
แม็กที่นอนอยู่ในพื้นที่แสงนั้นรู้สึกได้ว่าพละกำลังเริ่มฟื้นคืนมาอย่างรวดเร็ว อาการเหน็ดเหนื่อยก็แทบจะหายเป็นปลิดทิ้งในพริบตา ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะเวทย์ Sanctuary นั้นเป็นเวทย์ที่มีเพื่อการนี้อยู่แล้ว มันเป็นเวทย์แสงระดับสูงที่มีไว้เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ และฟื้นฟูสภาพร่างกาย ดังนั้นแม็กจึงกลับสู่สภาพสมบูรณ์เช่นในคราวแรกได้อย่างรวดเร็ว
อะโฟรไดทียิ้มหวานให้เขาก่อนจะโผเข้าไปจูบปากของเขาอีกครั้ง จากนั้นชายหนุ่มที่ฟื้นฟูพละกำลังและน้ำรักจนล้นปรี่ก็บรรจงจูบปากของเทพีแห่งความรัก ก่อนจะซุกหน้าลงไปฟอนเฟ้นเสพสมกับทรวงอกอวบทะลักเพื่อเปิดเกมรักรอบใหม่กับเทพีแห่งความรัก
หากทว่าเวลาเดียวกันนั้นแอสโมดิอุสซึ่งกำลังเหนื่อยอ่อนกลับต้องรีบคืบคลานออกจากรัศมีของเวทย์ Sanctuary เนื่องจากเธอเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจที่อาศัยอยู่กับธาตุมืดจึงไม่ถูกกับธาตุแสงอย่างรุนแรง
“ฝากไว้ก่อนเถอะยัยเทพโลกสวยตัวแสบ”
แอสโมดิอุสส่งเสียงบ่นพึมพำแผ่วเบาพร้อมกับหันไปส่งสายตาเอาเรื่อง แต่อะโฟรไดทีไม่ได้มองตอบกลับมาเพราะกำลังตาปรือฉ่ำเยิ้มหลงไปรสราคะ
แอสโมดิอุสแน่ใจว่าอะโฟรไดทีเจตนาทำเช่นนี้เพื่อกลั่นแกล้งเธอไปด้วยทางหนึ่ง เพราะแทนที่จะใช้เวทย์รักษาแบบระบุเป้าหมายซึ่งได้ผลมากกว่า และสิ้นเปลืองพลังงานน้อยกว่า อะโฟรไดทีกลับเลือกใช้เวทย์พื้นที่ซึ่งมีประสิทธิภาพน้อยกว่าและใช้พลังงานมากกว่าโข ทั้งยังตั้งใจขึงพื้นที่เวทย์ค้างไว้ให้เปลืองพลังเวทย์เล่น จึงคาดเดาได้อย่างเดียวว่าอะโฟรไดทีเจตนาขับไล่ให้แอสโมดิอุสต้องออกห่างนั่นเอง
“เดี๋ยวเถอะ ข้าจะใช้เวทย์แห่งความมืดสร้างพื้นที่กระตุ้นให้เกิดอารมณ์ดุเถื่อนบ้าง คิก คิก แต่ตอนนี้ปล่อยเจ้าไปก่อนก็ได้ ขอนอนพักเอาแรงชมดูเจ้าไปก่อน”
แอสโมดิอุสย่อมรู้สึกขุ่นเคืองอยู่บ้าง กระนั้นเธอกลับนึกถึงเรื่องที่สนุกสนานยิ่งกว่าขึ้นมา เพราะหากอะโฟรไดทีใช้เวทย์แห่งแสงเพื่อฟื้นฟูพลังของเขาได้ เธอก็ย่อมจะสามารถทดลองละเล่นเวทย์แห่งความมืดกระตุ้นอารมณ์ดิบเถื่อนของเขาให้คลั่งเหมือนอสูรร้ายได้ด้วยเช่นกัน และเมื่อนึกถึงเวลาที่เขาจะกระทำกับเธออย่างรุนแรงเช่นนั้นแล้ว เธอก็รู้สึกยินดีจนฉ่ำแฉะขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ด้านชายหนุ่มผู้โชคดีได้เชยชมลิ้มลองรสสวาทของเทพและมารที่เลอโฉมที่สุดพร้อมกันกลับไม่รู้เรื่องรู้ราว เขาเพียงทุ่มเทฝีมือเสพกามกับเนื้อหนังมังสาที่สวยสะคราญในรูปแบบที่แม้แต่เหล่าทวยเทพหรือหมู่มารต่างต้องบังเกิดความอิจฉาตาร้อน
………………………………………………………
แม็กนอนโอบซ้ายกอดขวามองดูดวงดาวยามค่ำคืนด้วยความรู้สึกสุขสมอิ่มเอม สองสาวเทพมารในอ้อมกอดนอนตะแคงร่างเปลือยเปล่าลูบไล้ฝ่ามือไปบนเนื้อตัวของเขาด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุขไม่แพ้กัน
ภาพที่เห็นอาจทำให้ไม่สามารถเชื่อมโยงพวกเธอเข้ากับสตรีที่ทรงพลังอำนาจขนาดทำลายล้างผืนป่าผืนหนึ่งได้อย่างสบายมือ เพราะจะอย่างไรภาพที่เห็นก็ดูเหมือนสตรีโฉมสะคราญที่อ่อนหวานสองคนกำลังออดอ้อนพลอดรักกับคู่ครองจนดวงดาวบนฟากฟ้ายังต้องอิจฉา
“น่าเสียดายจัง เดี๋ยวผมต้องออฟไลน์ออกจากเกมแล้ว … เอ่อ หมายถึงต้องออกไปข้างนอกสักระยะน่ะ”
แม็กลูบไล้แผ่นหลังขาวเนียนของอะโฟรไดทีและแอสโมดิอุสอย่างหลงไหล ก่อนจะพูดจาตะกุกตะกักเล็กน้อยเมื่อพยายามจะสื่อว่าเขาอยุ่ในเกมจนเกินเวลาแล้ว จึงจำเป็นจะต้องจากพวกเธอไปสักระยะเวลาหนึ่ง ส่วนที่เขารู้สึกลำบากใจในการสื่อออกไปก็เป็นเพราะไม่แน่ใจนักว่า NPC ในเกมอย่างพวกเธอทั้งสองคนจะเข้าใจเรื่องการออฟไลน์ออนไลน์หรือไม่อย่างไร
แรกทีเดียวแม็กเคยคิดว่าใครจะบ้านอนเล่นเกมออนไลน์ได้คราวละแปดชั่วโมงต่อวัน แต่เวลานี้เขาได้รู้ซึ้งชัดแจ้งแล้วว่านี่เป็นเวลาที่แสนสั้นนัก ต่อให้เวลาในเกมจะเดินเร็วกว่าเวลาจริงถึงหกเท่า หรือก็คือเมื่อเวลาออนไลน์ผ่านไปแปดชั่วโมงในโลกจริง แต่เวลาในเกมจะเดินไปแล้วถึงสี่สิบแปดชั่วโมง หรือก็คือสองวันสองคืน
เวลาสองวันสองคืนที่ผ่านมานั้นเขาใช้ไปกับการเสพสุขกับสองสาวเทพมารอย่างไม่รู้เบื่อ ซึ่งเขาไม่มีทางทำแบบนี้ในโลกแห่งความเป็นจริงได้เด็ดขาด ไม่ว่าจะเรื่องเรี่ยวแรงกำลังที่มีจำกัด หรือว่าเพราะความเบื่อหน่ายต่อรสเดิมกลิ่นเดิม ๆ หากทว่าในเกมนี้เขากลับสามารถทำได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เรื่องเรี่ยวแรงกำลังนั้นอะโฟรไดทีสามารถช่วยเหลือฟื้นฟูได้อย่างดีเยี่ยม เมื่อเขาเหน็ดเหนื่อยเธอเพียงร่ายเวทย์หนึ่งครั้ง ร่างกายของเขาก็ฟื้นฟูขึ้นมาอยู่ในสภาพสมบูรณ์เต็มเปี่ยม บางครั้งออกจะแข็งแรงเกินไปด้วยซ้ำเมื่อแอสโมดิอุสผสมโรงร่ายเวทย์ปลุกอารมณ์ดิบแปลก ๆ ของเขาออกมา
มีครั้งหนึ่งที่แอสโมดิอุสร่ายเวทย์บ้าคลั่งอะไรสักอย่างใส่เขาตอนกำลังเล้าโลมอะโฟรไดที เขาก็เหมือนหลุดจากบังเหียนโผเข้าไปอ้าปากงับใส่สองเต้าของเทพีแห่งรักอย่างแรงจนเกือบเห็นเลือด กระนั้นแทนที่เธอจะเจ็บปวด นางฟ้าที่สวยที่สุดในสรวงสวรรค์องค์นี้กลับสูดปากร่ำร้องซี้ดซ้าดด้วยอารมณ์ร้อนแรงกว่าเดิม จนคนลงมือกลั่นแกล้งต้องทำหน้าเซ็งเบื่อโลกออกมาให้เห็น
“แม็กต้องกลับมิติตัวเองแล้วซินะ … พวกนักผจญภัยก็เป็นแบบนี้แหละ อยู่ต่อเนื่องนาน ๆ ไม่ได้ สักพักก็ต้องกลับไปมิติตัวเอง น่าหงุดหงิดจริง ๆ”
แอสโมดิอุสพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง ตอนนี้แม็กจึงค่อยได้รู้ว่าบรรดา NPC ในเกมนั้นเข้าใจการเข้าเกมและออกเกมของผู้เล่นว่าเป็นข้อจำกัดในการข้ามมิติ ซึ่งความเข้าใจของพวกเธอก็สมเหตสมผลหากมองจากมุมมองที่ว่าพวกเธอก็คือชีวิตหนึ่งที่อยู่ในอีกโลกใบหนึ่งหรืออีกมิติหนึ่ง
“เหลือเวลาอีกเท่าไหร่คะแม็ก”
อะโฟรไดทีตอบสนองด้วยปฏิกิริยาที่แตกต่างออกไป เธอเพียงเอ่ยเสียงหวานแฝงอารมณ์เง้างอนด้วยไม่อยากพรากจาก แม็กจึงได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นเพราะเขาเองก็ยังไม่อยากจากพวกเธอทั้งสองคนไป เพียงแต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าจะอยากอยู่ในเกมยาวนานเช่นนี้
เขาเข้าเกมนี้มาโดยไม่ได้ปรับแต่งการทำงานของเครื่องแต่อย่างใด เขาเพียงตั้งเวลาปลุกเพื่อให้ทันไปมหาลัยในตอนเช้า จากนั้นเครื่องแคปซูลก็ตั้งค่ามาตรฐานให้เขาทุกอย่าง ทั้งที่ความจริงแล้วเครื่องที่เขาใช้นั้นเป็นเครื่องรุ่นใหม่ล่าสุดที่มีระบบยังชีพ และสามารถทำให้เขาออนไลน์ในเกมได้ติดต่อกันนานถึง 24 ชั่วโมงโดยไม่กระทบต่อสุขภาพ
เขาย่อมเสียดายที่ไม่ได้ตั้งเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงเอาไว้ตั้งแต่แรก ไม่เช่นคงมีเวลาได้พลอดรักกับสองเทพมารอีกอักโข กระนั้นอีกใจก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่สามารถออนไลน์ได้นานขนาดนั้น เพราะยังมีภารกิจต้องไปมหาลัย และเข้าร่วมกับสังคมในโลกภายนอกอีก ซึ่งเวลาเช่นนี้เองที่ทำให้เขาเข้าใจว่าเหตุใดจึงมีคนหลายคนที่เลือกใช้ชีวิตในเกมคราวละเป็นวัน ๆ แทนที่จะออกไปอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง
“ยังอยู่ได้อีกประมาณยี่สิบนาที … แต่กว่าจะได้เข้ามาอีก น่าจะราวสามถึงสี่วันในนี้”
แม็กคิดคำนวณเวลาคร่าว ๆ ในใจ เขามีเรียนจนถึงบ่าย จากนั้นเขามีนัดเล่นกีฬากับเพื่อน ๆ และเขานัดหมิวเอาไว้ด้วย ดังนั้นกว่าจะสามารถเข้าเกมได้อีกครั้งก็คงประมาณสองถึงสามทุ่ม ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเวลาประมาณเกือบ 12 ชั่วโมงบนโลกข้างนอก หรือก็คือประมาณสามวันสำหรับเวลาในเกม
สองสาวตอบสนองคำตอบของเขาด้วยการกอดกระชับแนบกายเบียดความนุ่มนิ่มเข้าหามากกว่าเดิม ทั้งยังจูบพรมไปทั่วหัวไหล่และใบหน้าด้านข้างราวกับจะเรียกร้องความเห็นใจจากเขาไม่ให้จากไปไหน ซึ่งเขาก็คงจะหักใจไม่ลงหากว่าเขามีทางเลือก เพียงแต่เขาไม่มีทางเลือกมากนัก เพราะมีข้อจำกัดอีกอย่างที่ระบุไว้ชัดเจนว่า หลังจากออฟไลน์แล้ว จะยังเข้าเกมไม่ได้จนกว่าจะครบหกชั่วโมงเต็ม
“ไม่ได้หรอก มันเป็นข้อจำกัดน่ะ เอาไว้ครั้งหน้าผมจะอยู่ยาว ๆ เลยนะ ผมสัญญา”
แม็กพยายามพูดปลอบประโลม แต่สองสาวก็ยังแสดงท่าทีอิดออดไม่ยินยอมราวกับเป็นคู่รักที่รักใคร่คบหากันมานานแสนนานทั้งที่ความจริงนั้นเขาและพวกเธอเพียงบังเอิญเพิ่งได้พบเจอกันไม่นานนัก
นี่เป็นจุดเด่นหนึ่งที่ทำให้ผู้คนหลงไหลเกมออนไลน์นี้ เพราะเหล่า NPC ในเกมนั้นจะมีอุปนิสัยและการตอบโต้เสมือนมนุษย์ที่มีชีวิตคนหนึ่ง ทั้งยังมีความแตกต่างทางนิสัยกันไปคนละแบบคนอย่าง
แต่หากสามารถทำให้ NPC ใดหลงรักหรือกลายเป็นทาสได้ พวกเธอจะถูกโปรแกรมใหม่ให้ทุ่มเททุกอย่างเพื่อคนรักหรือเจ้านาย แม้แต่ชีวิตก็ยังยอมสละให้ได้ และสิ่งนี้เองที่ทำให้เหล่านักเล่นเกมทั้งชายและหญิงต่างพยายามตามหาคู่รักที่เป็น NPC ในเกมกันอย่างบ้าคลั่ง
แน่นอนว่ามีคนทำสำเร็จอยู่บ้าง แต่ก็จะเป็นแค่เพียง NPC ระดับทั่วไปที่มีรูปร่างหน้าตาธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษ แต่สำหรับ NPC ระดับสูงที่มีรูปร่างหน้าตาดึงดูดใจกว่านั้นจะผูกสัมพันธ์ยากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ ยิ่งสวยยิ่งหล่อก็จะยิ่งเก่งกาจในระดับสูง ทั้งยังมีเงื่อนไขในการพิชิตใจที่ยากยิ่ง จึงยังไม่เคยมีใครประสบความสำเร็จในการผูกสัมพันธ์รักกับ NPC ระดับสูงมาก่อน
นี่ย่อมยกเว้นกรณีของแม็กที่มีความบังเอิญซ้อนอยู่ในความบังเอิญจนยากจะทำใจเชื่อ เพราะทั้งอะโฟรไดทีและแอสโมดิอุสนั้นจัดได้ว่าเป็นสุดยอดแห่งสาวงาม 108 อันดับแรก ที่มีระดับความยากสูงยิ่ง ไม่ว่าจะเรื่องพลังฝีมือหรือเงื่อนไขในการพิชิตใจ หากทว่าความบังเอิญกลับทำให้เขาทำได้สำเร็จ
อะโฟรไดทีเทพีแห่งความรักนั้นถูกกำหนดไว้ว่าจะหลงไหลต่อชายที่ทำให้เธอเกิดความใคร่ และนี่เป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ หรืออย่างกรณีของแอสโมดิอุสบาปแห่งราคะก็เช่นกัน เธอถูกกำหนดไว้ว่าจะหลงไหลต่อชายที่ทำให้เธอเกิดความรู้สึกรัก
การจะทำให้ได้เงื่อนไขหนึ่งในสองอย่างนี้จึงยากเย็นราวกับปีนป่ายขึ้นสรวงสวรรค์หรือดำดิ่งลงไปสู่ขุมนรก หากทว่าเมื่อพวกเธอสองคนอยู่ร่วมกัน ประตูแห่งโอกาสบานใหญ่ก็เปิดกว้างขึ้นโดยไม่มีใครคาดคิดมาก่อน จนแม็กได้รับโอกาสนั้น
“เอาเถอะ ยังไงก็ได้ ตอนนี้ข้ากับยายนางฟ้าโลกสวยเป็นทาสของแม็กแล้วนี่ แล้วแต่เจ้านายก็แล้วกันว่าจะเอายังไงต่อ”
“อืม เดี๋ยวต้องกลับเข้าเมืองก่อน แล้วค่อยออฟไลน์ … ว่าแต่ช่วงที่ผมไม่อยู่ โฟร์ กับ มด จะไปไหนยังไง? ไปเที่ยวเล่นในเมืองมนุษย์ก่อนมั้ย? รอผมกลับมาแล้วเราค่อยไปหาที่สนิทสนมกันใหม่”
“คิดง่ายเกินไปแล้ว เวลานี้พวกเราอยู่ในมิติที่ข้าและยายเทพโลกสวยนี้สร้างขึ้น ดังนั้นจึงยังไม่มีใครล่วงรู้ความเป็นไป แต่หากพวกเราไปพลอดรักกันที่อื่น คงไม่อาจรอดหูรอดตาจากพวกเทพและมารที่หลงเสน่ห์ของเราสองคน หากเมื่อถึงเวลานั้น … เกรงว่าเจ้านายจะต้องกลายเป็นศัตรูร่วมของเทพและมาร โทษฐานแย่งชิงนางฟ้าและปีศาจที่สวยที่สุดไปครอบครอง”
น้ำเสียงเคร่งเครียดของแอสโมดิอุสค่อยทำให้แม็กและอะโฟรไดทีได้คิด เวลานี้เขาและเธอจึงค่อยตระหนักถึงความหนักหนาสาหัสของเรื่องราว
หากดอกไม้งามอย่างอะโฟรไดทีหรือแอสโมดิอุสยังไม่มีเจ้าของ เหล่าเทพและมารที่คาดหวังจะยังไม่กล้าออกตัวแรงเพราะมีคนเฝ้าคุมเชิงอีกนับไม่ถ้วน แต่หากพบว่าดอกไม้งามที่มาดหมายมีเจ้าของแล้ว ใครจะทราบได้ว่าบุรุษเพศเหล่านั้นจะระบายความริษยาเคียดแค้นกับคนรักของพวกเธอหรือไม่
“อา … งั้นทำอย่างไรดี? หรือว่าข้าอะโฟรไดทีจะไม่ได้พบเจอท่านแม็กอีกแล้ว?”
“ไม่น่าจะเป็นอะไรขนาดนั้นมั้ง อย่างดีพวกเราก็ไปพบกันในที่มิดชิดสักหน่อย แล้วเท่าที่รู้ ถ้าเป็นทาสแล้วผมจะทำให้โฟร์กับมดกลายเป็นการ์ดแล้วเก็บไว้กับตัวได้แบบไม่น่าจะมีใครเห็นนะ”
“คิดแบบนี้ถือง่ายเกินไป และประเมินความสามารถของเหล่าเทพและมารต่ำเกินไป การตามหาของพวกเราไม่ใช่เพียงการรับรู้ผ่านสายตาเช่นพวกมนุษย์ แต่พวกเราสามารถสัมผัสได้ถึงดวงจิตจากระยะไกลทั้งยังสามารถแยกแยะได้ว่าเป็นผู้ใดเคยพบเจอมา ถึงแม้ว่าพวกเราจะสามารถซุกซ่อนจิตได้ แต่ก็คงไม่สามารถกระทำได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะในช่วงที่กำลังมีความสุขจนจิตไม่มั่นคง”
แอสโมดิอุสกล่าวจบก็แสดงสีหน้าเอียงอายผสมผสานไปกับความยั่วเย้า และในความหมายของเธอก็คือ เวลาปกติพวกเธออาจจะซุกซ่อนจิตไว้ไม่ให้ใครสัมผัสได้ แต่หากในห้วงเวลาแห่งความสุขวาบหวามนั้นคงยากที่จะตั้งสติซ่อนตัวตน และนั่นอาจจะเป็นการเปิดเผยร่องรอยของตัวเองออกไปอย่างไม่รู้ตัว
“งั้นทำยังไงได้บ้างล่ะ?”
แม็กถามสืบต่อ แต่แอสโมดิอุสกลับแสดงสีหน้าอับจนปัญญาไม่มีทางออก เขาจึงได้แต่ยิ้มเฝื่อน ๆ ด้วยความเสียดายหากว่าเขาจะไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดตามใจอยากทั้งที่อุตส่าห์โชคดีได้พวกเธอทั้งสองคนมาเป็นทาสในเกมแล้ว
“จริง ๆ ก็มีอีกวิธีนึง”
ทั้งสามนิ่งเงียบไปพักใหญ่เพราะพยายามใช้ความคิด จากนั้นอะโฟรไดทีก็พูดโพล่งออกมาด้วยน้ำเสียงเปี่ยมความหวัง แม็กจึงต้องรีบตะแคงหน้าหันไปมอง แม้แต่แอสโมดิอุสที่นอนอยู่อีกข้างก็พลิกร่างขึ้นมานอนเกยกับแม็กแล้วเบิกตามองดูเทพีแห่งความรักด้วยความสงสัยว่าหนทางที่ว่าคือสิ่งใด
“… วิธีที่ว่านี้ ข้า กับยายมารราคะคนนี้อาจจะต้องเสียสละสักหน่อย แต่หากกระทำก็จะทำให้ไม่มีใครจดจำพวกเราได้อย่างแน่นอน อีกทั้งยังจะสามารถแบ่งพลังอำนาจส่วนหนึ่งทำให้แม็กแข็งแกร่งขึ้นด้วยอีกทาง”
“เสียสละงั้นเหรอ? เจ้าหมายถึงอะไรกันยายเทพีโลกสวย?”
“ใช่เสียสละ … ข้าเองพร้อมที่จะเสียสละ แต่เจ้าล่ะยายมารราคะ เจ้าพร้อมจะเสียสละให้แม็กหรือไม่?”
“เฮอะ เพื่อแม็กข้ายอมทำได้ทุกอย่างนั่นแหละ อย่างน้อยก็ยอมทำมากกว่าเจ้าก็แล้วกันยายเทพีโลกสวย”
“ให้มันจริงเถอะ”
“จริงแท้แน่นอน เจ้าเองก็เลิกอมพะนำได้แล้ว รีบบอกมาเสียทีว่าต้องทำยังไง”
“… ใช้ของสองสิ่งนี้ … เจ้าคงจะเดาออกแล้วกระมัง ว่าข้าหมายความว่าอย่างไร”
อะโฟรไดทียิ้มด้วยความรู้สึกเหนือกว่า ก่อนจะขยับคืบคลานไปหยิบเอามีดสั้นตัดวิญญาณของฮาเดส และมีดสั้นสลายพลังของเฮเฟตัสที่กองอยู่บนพื้นขึ้นมายื่นให้แอสโมดิอุส
แอสโมดิอุสเลิกคิ้วจับจ้องมองดูมีดสั้นทั้งสองเล่มแสดงสีหน้าครุ่นคิด แต่ก็ดูเหมือนจะยังคิดไม่ออก แม็กที่ไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวในเกมนี้จึงยิ่งงุนงงหนักเข้าไปอีกขั้น เพราะเขาเพียงรู้ว่าสรรพคุณของมีดทั้งสองเล่มก็คือ หนึ่งตัดวิญญาณออกจากร่างกาย สองคือสลายพลังป้องกันทุกอย่างออก … แล้วเจ้ามีดสองเล่มนี้จะมาเกี่ยวข้องกับเรื่องที่จะทำให้เขาและพวกเธอสองคนได้อยู่ร่วมกันยังไง?
“… หรือว่า!!!! … นี่เจ้าเอาจริงงั้นหรืออะโฟรไดที!!!”
แต่แล้วเมื่อผ่านไปอีกช่วงหนึ่ง แอสโมดิอุสก็เหมือนจะคิดอะไรออก เธอเบิกตากว้างด้วยท่าทีตื่นตะลึงก่อนจะสลับมองไปมาระหว่างอะโฟรไดทีและมีดสั้นทั้งสองเล่มนี้
อะโฟรไดทียิ้มอย่างมั่นใจก่อนจะก้มหน้าลงไปจูบแก้มของแม็ก จากนั้นเธอก็ยื่นเอามีดทั้งสองเล่มให้กับแม็ก แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่นออกมาว่า
“ข้าเบื่อชีวิตบนสวรรค์เต็มที ข้าอยากเริ่มต้นใหม่ เป็นคนใหม่ที่มีอิสระเสรี เจ้าล่ะคิดแบบเดียวกับข้าหรือเปล่าแอสโมดิอุสเอย”
………………………………………………………