ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 91

ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 91

ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 91 “บทเรียนที่ต้องจำขึ้นใจ!!!” 

      “หมู่บ้านบ้าอะไรฟะหมอกลงทั้งปีทั้งชาติ!?…หือ?”
“………………………………………..”
“แน่ๆๆพี่ม่อน…มาอีกแล้วมุขเดิม…แปลงโฉมเป็นยายแก่”
(เดี๋ยวสวยๆ)
“โอ้ย!!”
“เอ๊ะ?”
“ทำอะไรนี่?”
“อะ…มะ…ไม่ใช่พี่ม่อนหรอกเหรอ?”
…ของจริงนี่หว่า!!!…ผมมาที่หมู่บ้านโยนกบูรพาเพื่อจะพบพี่เซคและเห็นยายแก่คนนึงนั่งในศาลาเลยเข้าใจไปว่าเป็นพี่ม่อนปลอมตัวมา…อูย~~…เมื่อกี้ดึงแก้มคุณยายซะแรงเชียววุ้ย!!!…
(ก็กะจะให้หน้ากากหลุดติดมือออกมา)
“ขอโทษครับยาย!!!…ผม…ผมไม่ได้ตั้งใจ…เอ่อ–”
“ไม่ตั้งใจอะไรดึงแก้มข้าซะแรง?…เด็กอะไรเล่นไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!!!”
“…………………………………………”
“นี่ถ้ามีไม้อยู่ใกล้ๆจะตีกบาลแยก…รู้จักคนเฒ่าคนแก่น้อยไปซะแล้วไอ้เด็กสมัยนี้”
(เวรจริงๆ…เจอคนแก่ของจริงเข้าให้…อื๋อ?…คนที่นั่งอยู่บนเนินดินนั่น)
“พี่ม่อน”
“………………………………………..”
(มาหลับตานั่งขัดสมาธิอะไรแถวนี้?…เมื่อกี้จะเห็นเราหยิกแก้มคุณยายหรือเปล่า?)
“………………………………………..”
(หรือว่าหลับ?…ไม่น่ะ!!…เจ้าหล่อนอาจจะตื่นแล้วกำลังมองกับยิ้มเยาะเราอยู่ก็ได้)

“………………………………………..”
(แต่ดูเหมือนเธอจะหลับจริงๆแฮะ)
“พี่”
“………………………………………..”
“พี่ม่อนครับ”
…ผมเรียกตั้งนานญาติสาวผู้พี่ก็ไม่มีการตอบสนองตอบและพอมองดีๆศีรษะของเธอก้มนิดหนึ่งด้วย…นี่มันอาการของคนหลับยามชัดๆเลย!?…ไม่ได้…จะมามัวเสียเวลาอยู่ได้ยังไงต้องรีบไปบ้าน “ราศีกาญจนา” ด่วนไม่งั้นเกิดพี่เซคออกไปข้างนอกซะก่อนจะเสียเที่ยว…
(“วันนี้คนมองฉันราวกับเป็นตัวประหลาด”
“ก็ขานายหายดีในเวลาแค่ครึ่งเดือนเป็นใครก็ต้องแปลกใจ…ยัยป้อมงงเป็นไก่ตาแตกเลย”
“เพราะงั้นฉันถึงต้องขึ้นมาบนเขานี่ไง”
“จะไปสนใจคนอื่นทำไม?”
“…………………………………………..”
“แล้วนายจะไปบ้านยัยซกมกแอบจิตหมายเลขหนึ่งเมื่อไหร่?”
“ก็ว่าจะไปแล้ว”
“ให้ฉันไปด้วยนะ”
“อืม–…ดี…ไม่ๆๆ”
“?”
“…ฉันไปคนเดียวดีกว่า”
“ทำไม?”
“เดี๋ยวพี่เซคก็เยาะเย้ยฉันอีกว่าหลบอยู่ใต้กระโปรงคอยให้ผู้หญิงออกหน้า”
“หลบยังไงยะฉันนุ่งกางเกงเฟ้ย~~”
“ยังจะมีอารมณ์ขันนะ”
“ได้…นายไปคนเดียวก็ระวังตัวมั่งล่ะกันถึงฉันเชื่อว่ายัยศรเพทายจะไม่โง่พอทำเรื่องบ้าๆสองครั้งติดกันก็เถอะแต่ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลรีบติดต่อฉันนะ”)
“ไปดีกว่าเรา”
“หึ!”
“?
“มิรู้จักที่ต่ำที่สูง”
“พี่ม่อน”
…ที่แท้ก็ตื่นอยู่และเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างเลยด้วย…เอ๋!?…ไม่อยู่ตรงนั้นแล้วแต่ได้ยินเสียงหญิงสาวจากด้านหลัง…หมายความว่าเธอ…
(อยู่ข้างหลังเราและยืนหันหลังให้)
“เจ้าคงจะเข้าใจว่าเป็นเราสิ?”
“ผมคิดว่าเป็นพี่…หนอย~~…ชอบหลอกคนอื่นเล่นอยู่แล้วนี่!!”
“วันนี้เรามิได้ตั้งใจจะเล่นสนุกกับเจ้าดอก”
“แล้วพี่มานั่งทำอะไรบนนั้น?”
“มิจำเป็นที่เจ้าจะต้องรู้แล้วเจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
“ไม่จำเป็นที่พี่ม่อนจะต้องรู้เหมือนกัน”
“ขาเดินได้เป็นปกติก็ปากกล้าเชียวหรือ?…เจ้าคนมิรู้สำนึกบุญคุณ”
“ไร้สาระ…ผมไม่สำนึกบุญคุณอะไร?…โอ๊ย!!!”
(แขนเราจู่ๆก็เหมือนมีอะไรมาบีบจนปวดแปลบ!!!!)
“เมื่อคืนนี้อย่างไร…ชิ!!”
“เฮ้ย!!!…เธอน่ะมาตีกับฉันดีกว่ามั้ง?”
“อ๋อม”
“กับยัยนี่มันต้องฉัน…นายรีบไปซะ”
“…………………………………………..”
“อย่ามาหาเรื่องกันนักเลยนางพญาเสือ…เราเบื่อเต็มทน”
“ฉันก็เบื่อเหมือนกันโว้ยแต่ใครใช้ให้เธอคอยมายุ่งกับผัวฉันเล่า!!!”
“พูดออกมาได้อย่างมิอายปาก”
“อายทำไมเมื่อมันเป็นเรื่องจริง…ไปสิบอล”
“อือ”
…โชคดีที่อ๋อมตามผมมาไม่งั้นพี่ม่อนจะทำอะไรที่เกินความคาดหมายอีกก็ไม่รู้…ให้ตายเถอะ…ช่างเป็นคนที่น่ากลัวจริงๆแค่ผมหันไปมองหน้าเธอก็ “เจอดี” เข้าให้…
“เห–…ฉันจำได้ว่าไม่เคยจุดธูปอัญเชิญแกมานะ?”
(ปากคอเราะร้ายฉิบหา-…ไม่มีท่าทีจะรู้สึกสลดสักนิดด้วย!!!)
“เผอิญผมยังไม่ตายสมใจพี่สินะครับ?”
“โฮ่~~…เพราะขาเดินได้ปกตินี่เองถึงมาทำท่ายโสต่อหน้าฉันถึงที่นี่?”
“ไม่เกี่ยวกับขาหรืออะไรแต่มันเกี่ยวกับพี่โดยตรงต่างหาก”
“ฉันเรอะ?”
“ใช่–…คนขี้ขลาดอย่างพี่เซคนั่นแหละรู้ไว้ซะด้วย!!”
“ไอ้หนู!!!…พูดจาระวังปากหน่อย”
(ผู้ชายสองคนนี่ใครไม่เคยเห็นมาก่อน…อุ!!…ตัวใหญ่ชะมัด)
“ไม่เป็นไรๆ…พอดีฉันได้ยินประโยคที่น่าสนใจจากหมอนี่…นายสองคนถอยไปข้างหลังก่อน”
“………………………………………….”
“………………………………………….”
(ไอ้สองคนนี้แววตาเอาเรื่องน่าดู…คนคุ้มกันของพี่เซคแน่ๆ)
“นั่งก่อนสิ”
“ไม่ต้องครับ…ผมใช้เวลาพูดไม่นาน”
“ห๊ะ!?…บอลมาเหรอ?”
(ฝนก็อยู่ที่นี่รึ?)
“เค้าได้ยินว่าขาของตัวเองหายเป็นปกติอ่ะ…จริงๆเหรอนี่?”
“จริง…ดูสิๆ”
“โอ้โห~~…ไม่น่าเชื่อเลย!!!…ทีแรกเค้านึกว่าเป็นเรื่องโกหก”
“ได้ยินแล้วทำไมไม่ไปหาฉันล่ะ?”
“ก็อยากไปแต่ยายเรียกฝนกับเจ๊มาที่นี่ก่อน”
“ทำอะไรหรือ?”
“เฮ่ๆ…คุยข้ามหัวเลยนะทั้งสองคน!”
“เปล่าจ้ะพี่เซค”
“หึๆ…ขอโทษครับที่ลืมพี่ไปซะสนิท…นึกว่าไม่มีตัวตนอยู่ที่นี่แล้วซะอีก”
“หนอย~~”
“แก!!!”
“ใจเย็น!!”
“ฮื่อ!!…พวกนายลองเข้ามาใกล้บอลสิ…ฉันเตะไม่เลี้ยงแน่คอยดู!!!”
“คุณหยาดฝนเก่งก็จริงแต่คนเดียวคงรับมือพวกเราไม่ไหวมั้งครับ?”
“เหรอ?…ถ้าฉันคนเดียวอาจจะไม่ไหวแต่โน่น…สองต่อสองคงพอฟัดพอเหวี่ยงนะ”
…พี่แคทเดินออกมาข้างนอกโดยในมือเธอถือจานใส่คุ้กกี้…รึว่าที่ยายเรียกทั้งคู่มาก็เพื่อจะสอนการทำขนม?…ไม่อยากถูกว่าเป็นคนขี้กลัวหรือใจเสาะหรอกแต่โคตรจะโล่งใจเลยที่เห็นสองลูกพี่ลูกน้องอยู่ที่นี่…
(เพราะยังไงซะพวกเธอก็คงไม่ยอมให้เราเป็นอะไรไปต่อหน้าต่อตาแน่นอน)
“หึๆ…ทีนี้ว่าไง…จะลองวัดกันสักตั้งมั้ย?”
“เดี๋ยวๆๆ…มันอะไรกัน?”
“พอแล้วๆ…ทุกคนใจเย็นกันก่อนนะ…ปัญหานี้แก้ไขได้”
“พี่เซคคะ…ทำเสร็จแล้ว…เชิญค่ะ”
“น่ากินจัง!!…ไหนๆ…ให้พี่ชิมซิ”
(ไม่ให้เรากินด้วยเหรอ?)
“อื้อ!!…อร่อยมาก”
(พี่แคทใจร้ายไม่ชวนเรากินมั่งเลย…อูย!!!…หล่อนเหยียบเท้าเราทำไมเนี่ย?)
“ขาหายปุ๊บก็หาเรื่องปั๊บเชียว”
“ไม่ใช่นะครับ”
“ไม่ใช่อะไร?…แล้วที่บุกมาถึงนี่จะอธิบายว่ายังไง?…กลับไป!!”
“พี่”
(สาวเจ้ากระซิบข้างหู)
“ฉันรู้ว่าเธอมาเพื่อต้องการอะไรแต่อย่าเพิ่งวู่วามได้มั้ย?…กลับไปบ้านของเรา”
“แต่”
“น้องแคทจ๊ะ…ดูท่าบอลเขาอยากคุยกับพี่มากๆน่ะจึงไม่อยากกลับไปตอนนี้”
“ใช่เลยครับ”
“บอล!”
“ผมอยากคุยกับพี่มาก…มากจนไม่เคยรู้สึกขนาดนี้มาก่อน”
“เอ้า!!…เชิญนั่ง…แกมีเรื่องอะไรก็พูดออกมาให้หมดเปลือก”
“ได้ครับ…ผมขอพูดอีกครั้งหนึ่งนะ”
“ว่า?”
“พี่เซคน่ะมันคนขี้ขลาด!!!”
“!!”
“!?”
…ทั้งพี่แคทกับฝนต่างมีท่าทางตกใจไม่น้อยที่ได้ยินส่วนเจ้าสองคนนั่นไม่ต้องพูดถึง…มองหน้าผมราวกับจะกินเลือดกินเนื้อกันเลยเชียว…ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วก็ถอยกลับไม่ได้ล่ะวะ!!…
(อย่างน้อยมีพี่แคทกับฝนอยู่ที่นี่ก็ช่วยให้เราใจชื้นขึ้นมาหน่อย)
…………………………………………………………………………………………………………………………..

“เหตุใดจึงมานั่งทำแววตาถอดอาลัยเช่นนี้ขอรับ?”
“…ผมอยากอยู่คนเดียว”
“ยอดเยี่ยมมากเลยขอรับ”
“พี่เอ้!!…นั่นไม่ใช่ตัวผมนะ”
“มิใช่ตัวผม…หมายความว่าอย่างไร?”
“เอาเป็นว่าไม่ใช่ผมแน่…มันเป็นคนอื่น”
“หมัดชกเข้าปลายคางและตามด้วยรัวหมัดใส่ลำตัวนับสิบๆครั้งก่อนจะเอาเท้าถีบจนพี่สมพลกระเด็นไปไกล…มิทราบว่าไปฝึกหัดมาตั้งแต่เมื่อไหร่ขอรับ?”
“ก็บอกว่านั่นไม่ใช่ผม!!!!”
“จะมิใช่ได้อย่างไรขอรับในเมื่อกระผมเห็นกับตาตนเองแลดูไปการออกกำปั้นก็คล้ายคลึงกับหมัดยมทูตของท่านพี่สุรีย์พรรณแล้วยังกระบวนท่าถีบสุดท้ายอีก?…นั่นคือบาทามรณะของน้องนางหยาดฝนด้วยนะขอรับ”
(นี่ไอ้หน้าหยก!!!…คนที่ไม่เคยฝึกหัดวิชาบู๊อย่างเราจะไปทำแบบนั้นได้ยังไงเล่า?…ถึงนายจะเห็นก็…ปัทโธ่วุ้ย!!!…จะพูดยังไงให้เชื่อได้ว่าตัวเราตอนที่กำลังจะหมดสติน่ะถูกใครก็ไม่รู้ “สิง” ร่าง!?)
…โธ่เว้ย!!!…มันเป็นเหตุการณ์ที่สุดแสนพิศวงยากที่ใครจะเชื่อและต้องหาว่าผมเป็นบ้าไปแล้ว…
(“พี่เซคน่ะมันคนขี้ขลาด!!!”
“จะมากไปแล้วโว้ยไอ้หนู!!”
“…………………………………………..”
“คุณหนูใหญ่ทำไมถึงไม่ตอกกลับไปบ้างครับ?…ผมได้ยินแล้วคันไม้คันมือจริงๆ”
“ใช่ครับ…ปล่อยให้ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมบุกมากำแหงถึงนี่…คุณหนูใจเย็นผิดปกติแล้ว”
“ฉันรู้ว่าพวกนายไม่นับถือเจ้านั่นแต่ยังไงก็เป็นญาติของฉัน…ฝืนเกรงใจศักดิ์ศรีของมันหน่อยล่ะกัน”
“ไม่ต้องมาเกรงใจกันหรอก…ผมไม่ใช่คนถือยศถือตัวเหมือนใครบางคนแถวนี้”
“…………………………………………..”
“อ๊ะๆๆ…อย่าดีกว่าพวกนาย…ฉันเตือนแล้วใช่หรือเปล่าว่าอย่าคิดจะทำอะไรบอล?…หัดรู้จักตัวเองซะมั่ง!!!”
“คุณหยาดฝนคงจะไม่ได้ลืมไปนะครับว่าเราสองคนก็เป็นศิษย์ของคุณอรศินีย์?”
“แล้วยังเป็นองครักษ์แพรแดงที่ขึ้นตรงต่อคุณหนูใหญ่ด้วย”
(อะไรนะ?)
“ฉะนั้นอย่างน้อยก็น่าจะเคารพพวกเราในฐานะศิษย์พี่…จริงไหมครับคุณสุรีย์พรรณ?”
“ยิวยิตสึของสองคนนี้ไม่เลวนะ…ฝนกับพี่ประลองกับพวกเขาสองครั้งอาจผลัดกันแพ้ชนะและต้องมีครั้งที่สามเพื่อตัดสิน”
“ชิ!!”
(เก่งขนาดนั้นเชียว!!…มิน่าถึงได้กร่างน่าดู?)
“ฉันน่ะหรือกลัวแกจะมาแย่งตำแหน่งผู้นำตระกูล?”
“ใช่…ถึงได้ใช้วิธีขี้ขลาดตาขาวร่วมมือกับคนนอกวางแผนลักพาตัวผมไง”
“นี่คือคำตอบของแก”
“?
“ฮ่าๆๆๆๆ…แกน่ะมันกระจอก”
“ไม่ต้องมาย้อนด่าผมนะ!!!”
“ฉันพูดจริง…คำตอบของแกมันไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของฉันเลยสักนิดเพราะฉันรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าแกต้องมาไม้นี้…กระจอกมาก!!…กระจอกอย่างที่สุด!!!…คนอย่างแกก็มีเพียงเท่านี้เอง”
…พูดจบยังยกแก้วจิบน้ำชาอย่างสบายอารมณ์นะนังผู้หญิงคนนี้…เออ!!…กระจอกแล้วยังไง?…รู้คำตอบของผมแล้วยังไงเล่า?…นึกว่าตัวเองวิเศษวิโสกว่าคนอื่นงั้นเหรอ?…
“อือ–…ฉันเคยพูดกับแกไว้แล้วนี่ว่าถ้าอยากขึ้นมานั่งบนหัวฉันก็ต้องแสดงความสามารถออกมาให้เห็นและการไปที่ตำบลศรีไตรตรึงษ์ในฐานะตัวแทนของวิษณุมนตรีก็เป็นภารกิจที่สำคัญไม่น้อย…หึ!…แต่แค่นี้แกยังทำไม่ได้แล้วจะรับผิดชอบเรื่องที่สำคัญกว่านี้ได้รึ?”
“…ก็ไม่เห็นต้องใช้วิธีบังคับกันแบบนี้”
“จะใช้วิธีอะไรก็ช่างแต่แกสมควรคิดให้กว้างๆและยาวๆ…การเห็นแค่ประโยชน์เฉพาะหน้าไม่ใช่คุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นผู้นำ…แกสอบตก!!!!”
“เชอะ!!…บททดสอบนี้ไม่มีใครสอบผ่านหรอกครับเพราะคนตรวจให้คะแนนมันลำเอียงอย่างน่าเกลียดที่สุด!!!!”
“หยุดเดี๋ยวนี้!!!”
“พี่แคท”
“มีแต่คนบ้าที่จะตั้งตัวเป็นศัตรูกับพี่เซค…กลับไปตอนนี้เลย”
“ฝนพาไปเองค่ะ”
“ให้มันกลับไปคนเดียว!!!”
“เอ๋?”
“งานที่คุณยายสั่งยังไม่เสร็จ…แล้วมันมาเองได้ก็ต้องกลับเองได้…ใช่มั้ย?”
“ฮึ!!…อย่าคิดว่าพี่จะปัดความผิดของตัวเองพ้น”
“เชิญแกมาคิดบัญชีได้ทุกเมื่อเลย…ฉันจะรอ”
“พี่แคท”
“อืม–…พี่รู้”
…………………………………………………………………………………………………………………………………….

… “เรื่องเร่งด่วน” ที่ท่านพี่สุรีย์พรรณใช้ให้เรามาที่แท้ก็เป็นการคอย “คุ้มกัน” เอกคเชนทร์ห่างๆจากสององครักษ์แพรแดงของท่านพี่ศรเพทาย…
(“เอ้…พี่ขอร้องนะ”
“กระผมจะปฎิบัติตามที่ท่านพี่สุรีย์พรรณขอร้อง…มิต้องเป็นห่วงดอกขอรับ”)
“ทำให้ขาหักอีกรอบเป็นยังไง?”
“ก็ดี…แต่ที่จริงอย่าให้ถึงกับนอนหยอดน้ำข้ามต้มล่ะกัน…เอาแค่สั่งสอนเบาะๆก็พอ”
“ท่านทั้งสอง”
“คุณสุริยาวรรณมีอะไรหรือครับ?”
“เมื่อครู่กระผมได้ยินเรื่องที่น่าสนใจ…ท่านพี่ศรเพทายสั่งพวกท่านมาหรือขอรับ?”
“…เปล่าครับ”
(“หมายความว่าจะกระทำโดยพลการอย่างนั้นสิ?)
“เช่นนั้นทั้งสองอาจจะมีปัญหาในภายหลัง”
“มีแน่ครับ…ถ้าใครรู้ว่าพวกเราปล่อยให้ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมมายืนด่านายตัวเองฉอดๆโดยไม่ทำอะไรคงได้โดนหัวเราะเย้ยหยัน”
“เด็กที่พี่สมพลพูดถึงคือลูกพี่ลูกน้องของท่านพี่ศรเพทายนะขอรับ”
“แล้วไงครับ…คนไร้ความสามารถแบบนั้นจะปล่อยให้เป็นผู้นำตระกูลได้เรอะ?”
“ใช่แล้วครับ…ไม่มีใครจะเหมาะสมไปกว่าคุณหนูใหญ่อีก”
“กระผมคงยอมให้เกิดขึ้นมิได้”
“พวกเราแค่จะสั่งสอนพอหอมปากหอมคอเท่านั้น…คุณสุริยาวรรณอย่าเพิ่งตื่นเต้น”
“พอหอมปากหอมคอที่พี่ปัญญาเอ่ยนั้นคืออะไรขอรับ?”
“เราจะบังคับให้นายบอลสาบานว่าจะไม่คิดแย่งชิงตำแหน่งนายใหญ่ของวิษณุมนตรีอีก”
“ทำเช่นนี้มิสมควร…”
(“ฝนขอร้องพี่เอ้ล่ะค่ะ…สายตาของพี่เซคที่มองบอลวันนี้น่ะยิ่งกว่าสายตาที่มองศัตรู”
“ยิ่งกว่า?”
“เป็นไปได้ว่าพี่เซคจะเกลียดชังบอลยิ่งกว่าศัตรูที่เคยเจอมาน่ะสิคะ”)
“กระผมชักอยากจะเห็นซะแล้ว”
“?”
“ที่ว่าจะสั่งสอนพอหอมปากหอมคอน่ะขอรับ”
“แสดงว่าคุณสุริยาวรรณจะไม่ขัดขวาง?”
“แต่หากกระผมเห็นว่าท่านทั้งสองกระทำเกินเลย”
“เชิญใช้ดาบที่เหน็บเอวนั่นบั่นคอพวกผมได้”
“…………………………………………………….”
“เฮ้ย!!…จะรีบไปไหนวะ?”
“พวกนาย!?”
“เมื่อกี้ซ่าเต็มที่นะเรา”
“จะ…จะทำอะไรน่ะ?”
“ฮึๆ”
“นั่นสิ…จะทำอะไรดีล่ะ?”
“นี่…พี่เซคสั่งพวกแกมาเหรอ?”
“ไม่ต้องรู้หรอกโว้ยไอ้หนู!!!”
……………………………………………………………………………………………………………………………………

“วิ่งหนีมิทันไรก็ถูกจับได้…จะคอยให้ท่านพี่สุรีย์พรรณแลน้องนางหยาดฝนคุ้มครองทุกครั้งก็มิไหวนะขอรับ”
(ถูกพี่ปัญญาที่ทั้งตัวใหญ่และบึกบึนกว่าล็อคคอจากด้านหลัง…เป็นเรายังลำบาก)
“กะ…แก…ปล่อยเซ่~~”
“ไอ้หนู…สาบานมาซะว่าต่อไปนี้จะไม่ไปอวดดีกับคุณหนูใหญ่อีก”
“อย่างแกน่ะมันไม่มีอะไรจะเทียบคุณหนูใหญ่ได้สักนิดเดียว”
“หึ!!…ให้…ให้ตายกูก็ไม่…สะ…สาบาน!!!!”
“ไอ้นี่!!…อยากขาหักอีกใช่มั้ยวะ?”
“อึย…ไอ้พวก…ไอ้พวกหมารับใช้เอ้ย!!!!”
“ปากดีนัก!!…พล…หักขามัน!!!”
“อะ…เอาซี่~~…เก่งจริงก็หักสิวะ!!…ยะ…อย่างพวกมึงมันก็ดีแต่รังแกคนอ่อนแอกว่า…กับหลบอยู่ใต้ชายกระโปรง”
“หนอย!!!…ทีแรกกะจะเอาแค่สั่งสอนเบาะๆแต่ปากดีแบบนี้เห็นทีเอาไว้ไม่ได้ละ”
“จริงด้วย…กูชักจะโมโหแล้ว”
(ท่าจะมิได้การ!!…สองคนนั้นเลือดขึ้นหน้าแล้วเพราะในหมู่องครักษ์แพรแดงของท่านพี่ศรเพทายทั้งสองคนนี้นับว่ามีความ “จงรักภักดี” มากที่สุด)
“อีกเดี๋ยวมันก็จะหมดสติถึงตอนนั้นแกหักขามัน…เอาให้ไอ้เด็กเปรตนี่ร้องด้วยความเจ็บปวดสุดชีวิตเลยนะ”
“ได้!…กูจัดการเอง”
“อือ…อืออออออ”
(เมื่อใดที่เอกคเชนทร์หมดสติ…เราจะออกไปจัดการพี่สมพลทันที)
“เฮ่!!…ตาเริ่มเหลือกแล้วว่ะ”
“ตอนนี้แหละ…ให้มันจดจำเราสองคนไปจนวันตาย”
(เอาล่ะ…อื๋อ!?)
“เอ้ย!?…มันยิ้มอะไร?”
“อะไรของมึง?”
“ไอ้เด็กนี่มันยิ้ม…ก็ไหนว่าหมดสติไง?”
“มึงพูดบ้าอะไรวะ?”
“ก็เนี่ย…อั๊กกกกกกกกกกก”
“ไอ้พล!?”
…เอกคเชนทร์ที่สองผู้คุ้มกันของท่านพี่ศรเพทายหรือแม้แต่เราคิดว่าได้หมดสติไปแล้วจู่ๆก็ยกเท้าถีบพี่สมพลที่มิทันตั้งตัวกระเด็นลอยไป…หลายเมตร…มิน่าเชื่อ!!!!…เขาไปเอาพละกำลังขนาดนั้นมาจากไหนกันแลในภาวะที่หมดสติเช่นนี้ด้วย!?…
“ฤทธิ์มากเหรอ?…กะ…แก~~”
“…………………………………………”
“อะ…อะไรวะ?…เป็น…เป็นไปได้ยังไง?”
(เอกคเชนทร์เอามือจับแขนพี่ปัญญาแล้วค่อยๆดึงออกจากคอตนเองจนหลุด…เราตาฝาดไปหรือเปล่านี่?)
“แก!…ทำไม?”
“โอ๊อออออออออออออออออออ!!!!!!!!!!!!”
(ญาติหนุ่มผู้น้องแหงนหน้ามองไปบนฟ้าแล้วร้องคำรามเสียงดังกึกก้องแล้วก็ดวงตาข้างซ้ายได้กลายเป็นสีดำสนิทแลข้างขวาเป็นสีขาวปลอดซึ่งมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!?)
“หนอยแน่ะ!!!…จะลองดีกับกูใช่…อึ๊ก!?…อุ!!!”
(พี่ปัญญาที่จะตะครุบข้างหลังเอกคเชนทร์อีกครั้งอยู่ดีๆก็หัวทิ่มลงไปนอนกองกับพื้นเพราะถูกจับเหวี่ยงอย่างแรงแล้วเอกคเชนทร์ก็ไปนั่งทับข้างบนแล้วก็โถมศีรษะโขกใส่หน้าผากพี่ปัญญาอย่างรวดเร็วแลมินับครั้งอีกด้วย)
“เฮ่ยหยุด…ฮึ่ม!!!”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
(พี่สมพลที่ถูกถีบเดินกุมท้องตั้งใจจะมาช่วยเพื่อนแต่เอกคเชนทร์ใช้แขนท้าวพื้นแล้วยกตัวสะบัดเท้าทั้งสองรัวใส่เป็นเชิงขู่…ไปฝึกท่าแบบนี้มาจากไหนถึงใช้ได้อย่างคล่องแคล่ว?)
“ไอ้นี่มันเป็นบ้าอะไร?”
“ชะ…ช่วยกูด้วย~~…อ๊ากกกกกกกก!!!!!!”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“โอ๊ยยยยยยยยยยย…ช่วย…ช่วยด้วย~~”
“โอ๊ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
(คราวนี้เอกคเชนทร์ระดมสาวหมัดชกไปที่ท้องแลก็ที่ใบหน้าพี่ปัญญามินับพลางหัวเราะไปพร้อมกัน…สุ้มเสียงที่เราได้ยินนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความบ้าคลั่งยิ่งกว่าตอนที่ท่านพี่สุรีย์พรรณในภาวะ “ตะวันเลือด” เสียอีก!!!!)
“ฮะๆๆๆๆๆๆๆๆ…ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ”
(ทีแรกเราตั้งใจจะช่วยเอกคเชนทร์ทว่าหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้พี่ปัญญาต่างหากที่ต้องถึงแก่ความตายอย่างแน่นอน!?)
“หยุดเถิดขอรับ”
“เฮอะๆๆๆๆๆๆๆ”
“มิเช่นนั้นกระผมจะ…โอ๊ะ!?”
(ทันใดนั้นเอกคเชนทร์ก็ลุกขึ้นมาเหวี่ยงหมัดพลางเดินเซไปมาอย่างไร้จุดหมายในขณะที่พี่ปัญญานอนแน่นิ่งโลหิตไหลเปรอะเต็มหน้าไปหมด…ท่วงท่าการออกหมัดช่างมั่วซั่วสิ้นดีหรือจะยังมีอะไรซ่อนเร้นอยู่?)
“มึงต้องชดใช้ไอ้เด็กเวร!!!!”
“อย่าเข้าไป!!!”
“!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
…เอกคเชนทร์ที่ปล่อยหมัดวืดวาดเมื่อสักครู่ก็ประกายตาลุกวาวหมุนตัวมาชกเสยคางพี่สมพลที่เข้ามาในระยะอย่างจังจนหน้าหงายจากนั้นระดมกำปั้นชกที่ท้องมินับครั้งแล้วตามด้วยถีบพี่สมพลลอยไปกระแทกกับต้นไม้แลร่วงลงไปในสระน้ำ…
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
(สุดท้ายญาติหนุ่มผู้น้องของเราก็ยืนแหงนหน้าหัวเราะอยู่เป็นเวลานานประดุจว่าไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะอย่างสิ้นเชิง…เพียงชั่วมิกี่อึดใจก็สามารถจัดการกับองครักษ์แพรแดงฝีมือดีถึงสองคนของท่านพี่ศรเพทายลงได้อย่างราบคาบ!!!!)
………………………………………………………………………………………………………………………………….

“จะไม่เกินไปหน่อยหรือ?”
“ไม่เกินไปหน่อยเหรอ?”
“ท่านทั้งสองกล่าวอะไรขอรับ?”
“เรารู้ว่าเป็นการกระทำของท่าน”
“รู้ว่าเป็นการกระทำของท่าน”
“คราวหน้าอย่าทำอีกนะ”
“อย่าทำอีกล่ะ…สหายแห่งเรา”
“…ข้าพเจ้ามิได้กระทำการใดๆทั้งนั้น”
“นี่นะ…น้องสีตล”
“อะไรคะ?…พี่อุษณ”
“เวลาพญาคชสารโกรธ…น่ากลัวจริงๆ”
“จริงด้วย!!…น่ากลัวจริงๆ”
“……………………………………………”
…………………………………………………………………………………………………………………………………….

“พี่เอ้ยิ้มอะไร?”
“หมัดชกเข้าปลายคางและตามด้วยรัวหมัดใส่ลำตัวนับสิบๆครั้งก่อนจะเอาเท้าถีบจนพี่สมพลกระเด็นไปไกล…มิทราบว่าไปฝึกหัดมาตั้งแต่เมื่อไหร่ขอรับ?”
“ก็บอกว่านั่นไม่ใช่ผม!!!!”
“จะมิใช่ได้อย่างไรขอรับในเมื่อกระผมเห็นกับตาตนเองแลดูไปการออกกำปั้นก็คล้ายคลึงกับหมัดยมทูตของท่านพี่สุรีย์พรรณแล้วยังกระบวนท่าถีบสุดท้ายอีก?…นั่นคือบาทามรณะของน้องนางหยาดฝนด้วยนะขอรับ”
(นี่ไอ้หน้าหยก!!!…คนที่ไม่เคยฝึกหัดวิชาบู๊อย่างเราจะไปทำแบบนั้นได้ยังไงเล่า?…ถึงนายจะเห็นก็…ปัทโธ่วุ้ย!!!…จะพูดยังไงให้เชื่อได้ว่าตัวเราตอนที่กำลังจะหมดสติน่ะถูกใครก็ไม่รู้ “สิง” ร่าง!?)
“น่าประทับใจจริงๆขอรับ”
…ไม่ไหว!!!…ไม่มีเชื่อกันเลยแต่ที่สำคัญเจ้า “คน” ที่สิงอยู่ในร่างของผมเป็นใครกันแน่นั่นคือคำตอบที่อยากรู้ยิ่งกว่าสิ่งใดในตอนนี้…เดี๋ยวซิ!!…นั่นมันใช่ “คน” แน่เรอะ?…
(“อะ…อือออออออออ…ปล่อย…ปล่อย…อื๊อออออออออออ”
“…………………………………………………”
“อะ…ไร?”
“จะ…แม่…ท่าน…เสีย”
“!?”)
“เอกคเชนทร์ขอรับ”
(สี่คำที่เราได้ยินมันมาจากประโยคเต็มว่าอะไร?)
“เอกคเชนทร์!”
“เอ้ย!!”
“กระผมพูดกับเธออยู่”
“ผมกำลังใช้ความคิด”
(น่าเสียดายมากที่เราได้ยินสี่คำปริศนานั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกแล้วพอรู้สึกตัวอีกทีก็มาอยู่บนเขานี่และคนที่พามาก็ไม่ใช่ใครอื่น)
“……………………………………………..”
(จะมองอะไรเรานักหนา?)
“……………………………………………..”
“มะ…มีอะไรครับ?”
“คอยังเป็นรอยแดงอยู่”
…พี่เอ้ยื่นมือมาแตะที่คอซึ่งมันทำให้ผมใจไม่ค่อยดีเพราะอย่าได้ลืมว่าคนๆนี้หน้าตาเหมือนพี่แคทราวกับพิมพ์เดียวกันจึงอาจทำให้หัวใจสั่นสะท้านได้ง่ายๆ…เอ๊ะ?…ไอ้คราบสีแดงตรงข้อมือญาติหนุ่มผู้พี่นั่นคือ?…
“ละ…เลือดที่มือพี่มันอะไรกัน?”
“……………………………………………..”
“หรือว่าพี่…”
“ใจเย็นขอรับ…นี่เพราะน้องเอกคเชนทร์ต่างหาก”
“ผม”
“เลือดนี่เป็นของพี่ๆองครักษ์แพรแดงที่เธอเล่นงานจนลุกมิขึ้นอย่างไรล่ะขอรับแลคงจะกระเซ็นมาติดตอนที่กระผมไปช่วยพวกเขา?”
“ไม่ใช่ผมๆๆ”
“เช่นนั่นคนที่ยืนหัวเราะหลังจากถีบพี่สมพลตกน้ำแล้วยังตามไปกวักมือเรียกเป็นใครอื่นอีกเล่า?”
“ว่าไงนะ?”
“ผีสิงรึ?”
“!?”
“หากพูดประโยคนี้ออกมาจะต้องเป็นเรื่องน่าขันมากอย่างแน่นอน…ฮะๆๆ”
“………………………………………………”
“………………………………………………”
…ผมพยายามสังเกตหลายครั้งแล้วว่าหมอนี่ก็มีจริตจะก้านคล้ายผู้หญิงอยู่เหมือนกันอย่างเช่นการยิ้มหรือการชายตามองผู้อื่นและจะว่าไปรุ่นพี่ที่เคารพในวงเหล้าก็เคยหล่นประโยคทองไว้…
(“ผู้ชายคนไหนแต่งตัวเป๊ะใส่ใจทุกรายละเอียดดูเจ้าสำอางล่ะก็ชัดเลย…เกย์แน่ๆ…ในวงเหล้าไม่มีโกหกว่ะ”)
…แล้วเมื่อกี้พี่เอ้ชำเลืองมองแล้วก็ขยิบตาให้ผมด้วยนะ!?…มิ…มิน่าถึงได้มีผู้ชายแวะเวียนมาหาตั้งหลายคนเพราะที่แท้นายก็เป็น…เป็น…มะ…ไม่ได้การแล้ว!!!…ขืนอยู่ใกล้ไอ้เวรนี่มากๆมีหวังได้พลาดท่าเข้าสักวันแน่!!!!…ต้องรีบตัดบทๆ…
“นี่!!…ผมกลุ้มแทบตายพี่ยังจะมายิ้มอะไร?”
“กระผมจะยิ้มหรือจะอะไรก็ช่างเถิดขอรับ”
“ผะ…ผมจะกลับบ้านแล้วส่วนเรื่องนั้นรบกวนพี่ด้วย”
“…………………………………………….”
(เอ๊ะ?…ขาของเราทำไมเริ่มมีอาการปวด?…ไม่สิ…แม้กระทั่งมือแขนขึ้นไปถึงหน้าผากอีก)
…………………………………………………………………………………………………………………………….

“ไม่อร่อยเหรอ?…กินน้อยจัง”
“ผมไม่ค่อยหิว…เท่าไหร่ครับอา”
“อย่าเครียดเลยนะตัวเอง”
“เธอหมายถึง?”
“ก็ที่บ้านพี่เซคไง”
“เปล่า–…ฉันไม่ได้เครียดเรื่องนั้น”
“…………………………………………..”
“ผมขอตัวก่อนครับ”
(แน่นอนว่าพี่แคทกับฝนรวมถึงคนอื่นไม่รู้เรื่องของสององครักษ์แพรแดงบ้าบอของพี่เซคและพี่เอ้เป็นคนรับอาสาจัดการเรื่องนี้เองทั้งหมด)
“ปวดแข้งปวดขาจนกินข้าวไม่อร่อยแถมหน้าผากก็ปวดตุบๆเหมือนมีใครเอากำปั้นมาทุบเลยเว้ย!!!”
…เวลาผ่านไปยิ่งเจ็บไปทั้งตัวตั้งแต่หน้าผากลงไปที่มือลามถึงปลายเท้า…ใช้ยานวดก็พอจะบรรเทาได้บ้างแต่ล้มตัวนอนแล้วไม่อยากลุกขึ้นอีกจริงๆผับผ่าสิและพรุ่งนี้จะเดินได้หรือเปล่ายังเป็นข้อสงสัย!?…ฟังจากที่พี่เอ้บรรยายแล้วให้ชวนอึ้งเนื่องจากเจ้าคนที่ “สิง” ร่างของผมเล่นงานไอ้สองตัวนั่นหนักโดยเฉพาะนายสมพลที่ถูกถีบตกลงไปในน้ำแล้วพี่เอ้ยังสำทับอีกว่าผมตามไปนั่งยองๆที่ริมตลิ่งกวักมือเรียกพลางหัวเราะเยาะหยัน…
(เราไม่ได้เป็นคนกวนอวัยวะเบื้องล่างขนาดนั้นสักหน่อย!!)
“บอล”
“พี่แคทเหรอ?”
“เข้าไปได้มั้ย?”
“ครับ…ประตูไม่ล็อค”
“…เข้าไปนะ”
“……………………………………………….”
“เป็นอะไรกันแน่?”
“หือ?”
“นึกหรือว่าพี่จะดูไม่ออก?…ร่างกายเธอเป็นอะไรบอกมาอย่าปิดบัง!”
“มัน…เจ็บทั้งตัว”
“เจ็บยังไง?”
“ระบมไปหมดครับ”
“ไปหักโหมออกกำลังกายมาหรือ?”
“เอ่อ–”
(จะพูดแบบนั้นก็ไม่ใช่ซะทีเดียว)
“ขอดูซิ”
“อูย!!”
“นี่!…พี่แค่แตะหน่อยเดียวเอง…จะอ่อนแอเกินไปละ!!”
“ผมเจ็บจริงๆนะ~~”
“อืม–…รอยฟกช้ำก็ไม่เห็นจะมีเลยสักที่”
“แต่ผมไม่ได้สำออยหรอกครับ”
“ก็ยังไม่มีใครว่าอะไร?”
(เมื่อกี้ว่าเราอ่อนแอ)
“อย่าทำอะไรเกินตัว”
“ผมเปล่า…”
“เงียบ!”
…พี่แคทเอานิ้วแตะริมฝีปากตัวเองก่อนจะเอามาแตะที่ริมฝีปากผม…ภายนอกอาจดูไม่ค่อยสนใจแต่ภายในผมรู้ดีว่าเธอเป็นห่วงมาก…สาวเจ้าจะถามตลอดว่าจับตรงนี้เป็นยังไงเจ็บหรือเปล่า?…
“อะไรนะ?…ทายาแต่ไม่นวด”
“ครับ”
“เธอนี่!!…ทายาแล้วไม่นวดคลึงมันจะได้ผลเหรอจ๊า~~”
“มันปวดจนผมไม่กล้า”
“ใจเสาะไปได้…เอ้าๆๆ…พี่นวดให้”
“คร้าบ~~”
“…………………………………………….”
(เจ็บแต่ก็มีความสุขวุ้ย!!!)
“ตรงนี้ปวดมากมั้ย”
“พอไหวครับ”
“ถ้าหนักมือไปก็บอก”
“พี่แคทใจดีจัง”
“แล้วชอบให้ใจดีหรือเปล่าล่ะ?”
“ชอบสิจ๊ะ”
“มือนี่อีก…ไหนบอกว่าปวด?”
“อื๋อ?”
“อย่าจับก้นพี่!!…ยังจะซน”
“คืนนี้นอนกับผมนะ”
“คนบ้า~~…เดี๋ยวคุณพ่อรู้”
“ไม่มีใครบอกแล้วใครจะรู้?”
“ฝนนี่แหละจะบอก”
(อ้าว!?…มาอยู่ในห้องตั้งแต่เมื่อไหร่?)
“ถ้าไม่ให้เค้านอนด้วย”
“โอเคๆ…ไม่มีปัญหาคืนนี้ควบสอง…โอ๊ว!!!”
“เป็นอะไรน่ะตัวเอง?”
“ดูท่าคืนนี้บอลคงจะอดเล่นซนล่ะนะ”
(กรรมจริงๆเลยกูเอ๊ย!!!)
“ว้า!!…น่าเสียดายจัง~~”
“แต่ก็ดี…พรุ่งนี้ก็จะกลับไปเรียนแล้ว…เก็บแรงไว้ดีกว่า”
“แล้วหากผมฟื้นคืนชีพกลางดึกพี่แคทจะว่ายังไง?”
“นั่นมันก็เรื่องของบอล”
“ไหงงั้น?”
(ออกจากห้องไปซะแล้ว~~)
“ตัวเองไม่ต้องกลัวหรอก…เจ๊มาแน่ๆ”
“จริงๆเรอะ?”
“อื้อ!…ถ้าไม่จริงคืนนี้ฝนให้บอลปล้ำทั้งคืนเล้ย!!”
…แต่ผมจะมีแรงปล้ำไหวหรือเปล่าเนี่ยสิปัญหา!!…เวรแท้ๆ…อาหารอร่อยรสเด็ดอยู่ตรงหน้าแต่ช้อนส้อมเสือกจะไม่อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน…ฝนอยู่คลอเคลียกับผมตั้งแต่หัวค่ำจนเกือบสี่ทุ่มจึงนอนและพอปิดไฟได้สักครู่พี่แคทก็เปิดประตูเข้ามาจริงๆ…
(อยากจะบ้าตาย!!!!…สองพี่น้องสุดสวยนอนขนาบซ้ายขวาแต่ร่างกายปวดชาจนขยับแทบจะไม่ได้…แบบนี้เขาเรียก “เสียเชิง” ให้ผู้คนเอาไปเย้ยหยัน)
…………………………………………………………………………………………………………………………….

“พื้นหินทอดยาวขนานไปกับเวิ้งน้ำกว้างใหญ่และดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ที่ลอยเด่นตรงข้ามกัน…เราเคยเห็นมาก่อนนี่?”
…ความทรงจำค่อยๆไหลเข้ามาในหัว…ใช่…แล้วผมก็ได้เจอกับสองเด็กหญิงฝาแฝดที่คนหนึ่งผมขาวยาวสลวยและอีกคนผมสั้นดำขลับ…
“ทำอย่างนี้นะ”
“ทำอย่างนี้”
“!?”
(อยู่ตรงนั้นไง)
“รวมจิตเป็นหนึ่งเดียว”
“รวมจิตเป็นหนึ่งไม่มีสอง”
“นี่…พวกหนูทำอะไรกันจ๊ะ?”
“…………………………………………….”
(ไม่ถอยหนีเหมือนครั้งที่แล้วแต่ก็ไม่ได้สนใจถึงการมาของเราสักนิดทั้งที่จะเข้าใกล้อีกไม่เกินห้าก้าวล่ะ)
“…………………………………………….”
(สองแฝดทำอะไรอยู่?…วาดมือสองข้างวนไปมาในอากาศและก็พร้อมเพรียงกันดีซะด้วย…อืม–…ดูไปก็เหมือนกับการร่ายรำเหมือนกัน)
“น่ารักดีจัง…อื๋อ?”
(“มาเล่นทายปัญหากัน”
“ทายปัญหากัน”
“หากตอบถูกหนูจะพูดในสิ่งที่ท่านต้องการรู้”
“พูดในสิ่งที่ท่านต้องการรู้”
“จะ…จะทายอะไรเหรอ?”
“ระหว่างพวกเราใครคือพี่แล้วใครคือน้อง?”
“ใครคือพี่แล้วใครคือน้อง?”)
“…………………………………………….”
(“ในเมื่อตอบผิดก็ต้องโดนลงโทษ!!!”
“ต้องโดนลงโทษ!!!”
“ฮ้า!?…มะ…มีงี้ด้วย!!!…ไม่เห็นบอกกันก่อนเลยนี่นา?”
“งั้นก็ไม่สนุกสิ”
“ไม่สนุก”)
…ความทรงจำต่างๆยังพรั่งพรูเข้ามาอีก…ใช่แล้ว!!!…เด็กหญิงทั้งสองนี้ชวนผมเล่นทายปัญหาว่าใครคือพี่ใครคือน้องและผมก็ทายผิดจากนั้นพวกเธอจึงบอกจะทำโทษ…
(เฮ้ย!?…เมื่อ…เมื่อกี้ไม่ได้ตาฝาดไปใช่มั้ย?…เราเห็นดวงตาสีดำมืดของหนูรัศมีผมขาวส่องประกายขึ้นแวบหนึ่งและพอมองไปอีกทาง…ดะ…ดวงตาสีขาวปลอดของหนูรัศมีผมดำก็สว่างวาบขึ้นครั้งหนึ่งเช่นเดียวกัน)
“ท่าจะไม่ดีหนีดีกว่าเรา…ว้าก!!!”
“ฮื่อ!”
“คิก!”
(สองหนูแฝดมาล้อมหน้าล้อมตั้งแต่เมื่อไหร่และเมื่อกี้ยังไม่สนอกสนใจเรานี่นา!?)
“เพราะนึกออกจึงคิดหนี”
“นึกออกจึงคิดหนีเหรอ?”
“……………………………………………..”
“กังวลเกินเหตุ”
“กังวลเกินไป”
“ตอนนั้น..พวกหนูจะทำอะไร?”
“นั่นสินะ…จะทำอะไร?”
“จะทำอะไรหนอ?”
(แล้วเราจะรู้ไหม?)
“ฮิๆๆๆ”
“ฮะๆๆๆ”
…ตอนแรกที่นึกออกผมก็กลัวๆนะแต่ตอนนี้ผ่อนคลายไปเยอะแล้วล่ะอีกอย่างแม้จะมองดวงตาของแม่หนูทั้งสองได้อย่างไม่สนิทใจทว่ากลับรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก…ไม่แน่พวกเธออาจจะเป็น “ลูกสาว” ของผมกับผู้หญิงคนใดคนหนึ่งก็เป็นได้…อยากจะสัมผัสตัวสองหนูน้อยแต่ไม่กล้ายื่นมือออกไปเพราะเกรงว่าจะถอยหนีกันอีก…
“……………………………………………..”
“……………………………………………..”
(จับได้แล้ว!!…ไม่หนีหรือหลบด้วย)
“ทีนี้มายืนคู่กันหน่อยสิจ๊ะ”
“จะรู้อะไร?”
“จะทำอะไร?”
“อือ–…ฝาแฝดกันจริงๆด้วย”
“ก็ใช่สิ”
“ก็ใช่ไง”
“อายุ…เท่าไหร่เหรอ?”
“สิบขวบค่ะ”
“สิบขวบจ้ะ”
“อ๋อ~~…เท่ากันเพราะเป็นฝาแฝดนี่นะ?”
“มาเล่นทายปัญหากัน”
“ทายปัญหากัน”
“อีก…อีกแล้ว…จะทายอะไรเหรอ?”
“ระหว่างพวกเราใครคือพี่แล้วใครคือน้อง?”
“ใครคือพี่แล้วใครคือน้อง?”
(คำถามเหมือนครั้งก่อนนี่!?)
“ตอบได้ไหม?”
“ตอบได้หรือเปล่า?”
…โธ่แม่หนูเอ๊ย!!…ถ้าผมยังตอบผิดก็ไม่สมควรเกิดมาเป็นคนละ…สองแฝดคงคิดว่าผมจำไม่ได้เลยล่ะมั้งถึงถามคำถามเดิม?…ไม่มีทางตอบผิดแน่นอน…
“เอานะ…หนูผมขาวเป็นน้องและหนูผมดำก็เป็นพี่”
“!?”
“!?”
“ฮะๆๆ”
“หัวเราะด้วยความมั่นใจซะจริง”
“ท่าทางมั่นใจมากเลย”
“ผิดแล้ว…หนูเป็นพี่ต่างหาก”
“ผิดล่ะ…หนูเป็นน้องต่างหาก”
(สองหนูน้อยมีสีหน้าค่อนข้างจะขุ่นเคืองต่างจากครั้งที่แล้วที่หัวเราะชอบใจ)
“ในเมื่อตอบผิดก็ต้องโดนลงโทษ!!!”
“ต้องโดนลงโทษ!!!”
“จะลงโทษอะไรก็มาได้เลย”
“เอ๋?”
“อ๋า!”
…ที่จริงผมจงใจตอบผิดเองแหละเพราะอยากแกล้งแม่หนูคืนไปมั่ง…ถามว่ากลัวแสงจากดวงตาของพวกเธอมั้ย?…ก็หวั่นๆเหมือนกันแต่ผมเชื่อว่าสองเด็กแฝดต้องไม่มีเจตนาร้ายแน่เพราะถ้ามีคงลงมือไปนานแล้ว…
“เจ้าเล่ห์นัก”
“เจ้าเล่ห์จริงๆ”
“ตัวเล็กน่ากอดเหลือเกิน”
“จะไม่ยกโทษให้แน่”
“จะไม่ยกโทษให้เลย”
“งั้นพี่ต้องทำยังไงถึงจะยกโทษ?”
(พูดจบเด็กหญิงผมขาวก็ยกแขนสองข้างขึ้น…ที่แท้จะให้อุ้มนี่เอง…เรื่องเล็กมาก!!!)
“น่ารักจังเลย…อื๋อ?”
(หนูผมดำดึงเสื้อเรา…ถึงจะไม่พูดออกมาแต่ก็รู้ว่าเธออยากให้อุ้มเช่นกัน…ช่วยไม่ได้)
“งั้นขอวางหนูก่อนนะ…โอ๊ย!!”
“……………………………………………”
(ทีนี้ยัยหนูผมขาวหน้าบึ้งตึงเชียววุ้ยแถมเหยียบเท้าเราอีก)
“เอาไงดีเนี่ย?…ถ้าอย่างงั้น…”
“ฮืออออออออ”
“!!!”
…วุ่นแล้วไง~~…ผมอุ้มหนูน้อยผมขาวไม่ทันจะเรียบร้อยหนูน้อยผมดำก็ดึงเสื้อกับมองด้วยแววตาอ้อนวอนด้วยความใจอ่อนจึงวางหนูผมขาวแล้วอุ้มหนูผมดำบ้างแต่หนูผมขาวกลับตีหน้าบึ้งเหยียบเท้าผม!!…ทีนี้วางหนูผมดำแล้วจัดแจงจะอุ้มหนูผมขาวอีกครั้งกลายเป็นว่าพอเท้าแตะพื้นหนูผมดำก็ร้องให้เสียงดังลั่น!?…
“พี่จะอุ้มพี่หนูก่อนไงจ๊ะ”
“ฮืออออออออออออ”
“โอ๋ๆๆ…หยุดร้องซะนะ…เด็กดีๆ”
(แต่ปลอบโยนยังไงยัยหนูก็ไม่ยอมหยุด)
“ไม่เคยเลี้ยงเด็กซะด้วยสิเรา…เอาไงดี?”
“…………………………………………”
“หนูจ๋า~~…หนูเป็นพี่นะ…ยังไงก็…”
“ฮึ!!!”
“อุ๊ย!!”
(หนูน้องผมขาวยิ่งชักสีหน้าบึ้งตึงไปกันใหญ่ทำเอาเราสะดุ้งเชียว…เหมือน…เวลาโกรธเหมือนพี่แคทมากนะเนี่ย!?)
“อ่ะก็ได้!!…พี่จะอุ้มหนูพร้อมๆกัน”
“!?”
“!?”
(พอได้ยินแบบนี้สองฝาแฝดก็หันขวับมามองเราเป็นตาเดียว…ต้องทำให้ได้ด้วยนะนี่ไม่งั้นขายหน้าตาย!!!)
“มะ…นั่งบนแขนพี่เลยหนูๆจ๋า~~”
“…………………………………………..”
(ข้างซ้ายหนูผมขาวข้างขวาหนูผมดำ)
“อึ๊บ!!”
“…………………………………………..”
“อ้า!!…พี่ทำได้แล้วเห็นไหมจ๊ะ?…อุ้มหนูๆพร้อมกันเล้ย!!!…ฮ่าๆๆๆๆ”
“ฮิๆๆๆๆๆ”
“คิกๆๆๆๆๆ”
…ผมนี่ก็ทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากไปได้!!…มันไม่เห็นจะยากตรงไหนเล้ยก็แค่อุ้มพร้อมกันสองคนก็สิ้นเรื่อง!!…เห็นมะสองแฝดหัวเราะเอิ้กอ้ากกันสนุกเชียว…แต่…แต่อุ้มเด็กวัยสิบขวบตั้งสองคนจะหนักไปหน่อยมั้ย?…แล้ว “แม่” ของหนูน้อยทั้งสองหายไปไหนล่ะ?…
(อยากรู้ว่าเป็นใครและจะใช่ “เมีย” ของเราหรือเปล่า?)
“แม่ไม่มา”
“ไม่มาหรอก”
“แล้วแม่พวกหนูเป็นใครจ๊ะ?”
“แล้วพ่อหนูเป็นใคร?”
“พ่อหนูเป็นใครหรือ?”
(เอ๊ะ?)
“…………………………………………..”
“…………………………………………..”
“หรือว่า…พี่จะเป็น…”
“ถ้าไม่ใช่พ่อ…หนูก็ไม่มีทางให้อุ้มหรอก”
“ไม่ใช่พ่อก็ไม่มีทางให้อุ้มแน่”
(นั่นไงเล่า!!!…เป็นลูกของเราจริงๆด้วย)
“พ่อ…พ่อดีใจเหลือเกินลูก!!!!…แล้วทำไมไม่บอกกันแต่แรกปล่อยให้พ่อกลัวอยู่ได้?”
“บอกก็ไม่สนุกสิ”
“ไม่สนุก”
“ใช่เรื่องสนุกตรงไหนจ๊ะ?…แม่หนูน้อยของพ่อเนี่ยซนจริงๆ…ขอหอมแก้มสักทีซิ”
“ฮื่อ!!”
“ไม่ลืมหรอกจ้า~~”
(จะหอมแก้มหรือทำอะไรให้แค่คนเดียวไม่ได้ต้องเสมอภาคกันไม่งั้นจะโดนหนูน้อยผมดำหยิกหูอย่างที่เราเจอเมื่อกี้)
“พ่อ…หนูหิวค่ะ”
“หนูหิวจ้ะพ่อ”
(แล้วเราจะไปหาอะไรให้ลูกๆกินและก็จากที่ไหนล่ะ?)
“ไม่ไกลจากนี้มีต้นพุทราอยู่”
“พุทราหวานอร่อยมาก”
“ได้เลย!!…พ่อจะพาไปเอง”
…แรกๆก็หนักนะแต่พอนานเข้ากลับรู้สึกเบาอย่างน่าประหลาด…อย่างนี้ทั้งวันก็ไม่มีทางเมื่อยล้า…เออ!!…ผมยังไม่รู้ชื่อของแม่หนูน่ารักทั้งสองเลย…
“ก็ชื่อรัศมีไงคะ”
“ชื่อรัศมีไงจ๊ะ”
“พ่อว่าเรียกรัศมีดำกับรัศมีขาวไม่ค่อยจะเข้าทีเท่าไหร่นะ?”
“เรียกหนูว่าหนึ่ง”
“เรียกหนูว่าสอง”
“หนูหนึ่งกับหนูสอง…ใครตั้งให้จ๊ะ?”
“พ่อ”
“แม่”
(มีงี้ด้วยวุ้ย!!)
“แล้วแม่ของพวกหนูคือ…”
“…………………………………………..”
“…………………………………………..”
“ชื่อสุรีย์พรรณ…อ้าว!?”
(หนูหนึ่งกับหนูสองกระโดดออกจากอ้อมแขนไปอยู่ที่พื้นทันทีพลางมองหน้า…เราทำให้ทั้งสองไม่พอใจอะไรหรือเปล่าหว่า?)
“เอ่อ–…ถ้าพ่อพูดอะไร…”
“ถึงแล้ว”
“ถึงล่ะพ่อ”
“?”
“นั่น…ต้นพุทรา”
“นั่น…ผลพุทรา”
….โอ้โฮ!?…สาบานนะว่านี่คือต้นพุทราทำไมถึงได้สูงใหญ่ขนาดนั้น?…นี่ผมต้องเงยหน้าจนคอตั้งฉากถึงจะเห็นผลของมันแล้วจะปีนขึ้นไปเก็บได้หรือเปล่านี่?…
(แต่เอาวะ!!!…ในเมื่อลูกๆอยากกิน…จะให้เสียชื่อพ่อได้ยังไงกัน?)
“ไม่ได้บอกจะให้พ่อปีนขึ้นไปสักหน่อย”
“ไม่ได้บอกสักหน่อย”
“อ้าว!?…แล้วจะได้ลูกพุทรามายังไงถ้าไม่ปีน?…ตรงนี้ไม้ยาวๆก็ไม่มี”
“มีผู้ที่จะช่วยเราได้”
“ช่วยเราได้แน่”
“ไหนจ๊ะ?”
“น้องช้าง”
“มาช่วยเราที”
“!?”
“มาแล้วล่ะ”
“มาแล้วนะ”
…โอ้โห!!!!…แล้วนี่ก็ช้างอะไรทำไมตัวใหญ่มหึมาขนาดนี้แถมงาก็แหลมงอนยาวเฟื้อย!?…ผมเคยเห็นช้างตัวเป็นๆเมื่อตอนไปเที่ยวที่ลำปางสมัยเรียนมัธยมต้นแต่เจ้าตัวที่กำลังเดินมาใกล้นี่ใหญ่กว่าตั้งสี่ห้าเท่าได้มั้ง?…ก้าวเดินแต่ล่ะทีพื้นกระเทือนมาถึงตรงที่ผมยืนอยู่ทีเดียว…
“พวกหนูกับพ่ออยากกินพุทรา…น้องช่วยทีสิ”
“ช่วยทีนะน้องช้าง”
“นะ…น้องเหรอ?”
““ใช่…เป็นน้อง”
“น้องของเรา”
“………………………………………..”
“พ่อถอยออกมาห่างๆ”
“ห่างกว่านี้”
“อยู่ใกล้หนู
“อย่าออกห่างจากหนูนะ”
“จะโค่นต้นหรือเปล่า?”
“ไม่ค่ะ”
“ไม่จ้ะ”
“แล้วจะ…เอ้ย!!…อะ…เอาเท้าเตะเรอะ?”
(ช้างตัวนั้นชูงวงพลางแผดเสียงร้องดังกึกก้องก่อนจะยกเท้าเตะต้นพุทราจนแผ่นดินถึงกับสะเทือนเลื่อนลั่นชนิดที่เราเกือบยืนไม่อยู่แน่ะ!!!…ทว่าหนูหนึ่งกับหนูสองกลับไม่แสดงอาการตื่นตระหนกอะไรทั้งสิ้น)
“หล่นมาเยอะแยะเลย”
“เยอะแยะเลยๆ”
…แค่เตะครั้งเดียวผลพุทราก็ตกลงมาราวกับห่าฝน…ผลของมันมีสีแดงสดซึ่งนับว่าแปลกประหลาดกว่าที่เคยเจอ…สองเด็กหญิงต่างดีอกดีใจรีบช่วยกันเก็บมากองรวมกันแต่พอผมจะช่วยเก็บบ้างผลพุทรากลับอันตรธานหายไป!?…
“ให้หนูเก็บเอง”
“หนูเก็บเองนะ”
(ช้างตัวเมื่อกี้เดินหายเข้าไปในป่าแล้ว…นี่ต้องไม่ใช่ช้างธรรมดาแต่น่าจะเป็นถึงระดับหัวหน้าฝูง…ไม่สิ…เรียกว่าพญาช้างล่ะมั้ง?…อื้อฮือ…เรียกให้มาเตะต้นพุทราเพื่อเอาลูกมากิน…ลูกสาวเรานี่ไม่ธรรมดา)
“มากินกัน”
“มากินเถอะ”
“เออ–…มีผลสีเขียวด้วยแบบนี้พ่อเคยเห็นแต่ไอ้ผลสีแดงนี่…ไม่เคยเห็นเลย”
“อ้าปากจ้ะ”
(หนูสองป้อนพุทราสีเขียวใส่ปาก…ไม่…ไม่รู้รสและไม่รู้สึกว่าได้กินเลยสักนิด…เหมือนกับข้าวสีเหลืองทองที่หนูรินเคยป้อนให้กิน)
“พ่อ”
“จ้ะๆ”
(ทีนี้หนูหนึ่งป้อนพุทราสีแดงให้บ้าง…เหมือนกัน…ไม่รู้รสชาติแต่อย่างใดทั้งสิ้น)
“อย่ากังวลไป”
“อย่าวิตกเลย”
“มันจะไม่สูญเปล่า”
“ไม่สูญเปล่าแน่”
“ขอให้หายเจ็บ”
“ขอให้หายปวด”
(อวยพรเราหรือ?…รู้สึกตื้นตันในหัวอก)
“กาลเวลาจงอยู่เคียงข้าง”
“ห้วงมิติจงอยู่ใกล้ชิด”
“……………………………………………”
“ร้อนแรงดังแสงแห่งดวงตะวัน”
“เยือกเย็นดังแสงแห่งดวงจันทรา”
“……………………………………………”
…สองหนูน้อยป้อนพุทราถึงปากผมพร้อมกับกล่าวคำอวยพรไปด้วยแต่หลังๆไม่ใช่ภาษาที่ผมเคยได้ยินเลยคือฟังๆไปก็คล้ายเป็นบทสวดอะไรสักอย่างน่ะ…
“พ่อกลับเถอะ”
“ถึงเวลาแล้ว”
“แต่พ่ออยากอยู่กับพวกหนูนานกว่านี้”
“ทำไมคะ?”
“ทำไมจ๊ะ?”
“ไม่มีคำตอบอื่นนอกจากพ่ออยากจะรู้จักลูกสาวทั้งสองให้มากกว่านี้น่ะสิ”
“แต่ก่อนหน้านั้นพ่อควรจะรู้จักแม่เสียก่อน”
“รู้จักแม่เสียก่อนจะรู้จักพวกหนู”
“แล้วแม่หนูเป็นใคร?”
“ต้องรู้ด้วยตัวเอง”
“ต้องทราบด้วยตัวเอง”
“………………………………………………”
……………………………………………………………………………………………………………………………

“เรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่กลางวันแต่ฉันเพิ่งจะมารู้กลางดึกเนี่ยนะ?”
“………………………………………………”
“สองคนนั้นเป็นยังไงบ้าง?”
“บาดเจ็บสาหัสเจ้าค่ะ”
“ฝีมือเอกคเชนทร์?”
“เจ้าค่ะ”
“ไม่อยากเชื่อ…มันเล่นงานสององครักษ์แพรแดงฝีมือดีของฉันได้ยังไง?…มันเก่งขึ้นได้อย่างไร?…แล้วที่สำคัญขาก็เพิ่งจะถอดเฝือกมาอีกต่างหาก”
“ไหมก็มิเข้าใจเจ้าค่ะ”
“เอาล่ะ…เธอไปนอนเถอะ”
“………………………………………………”
“คงจะต้องให้เล่าแล้วล่ะนะว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นยังไงบ้าง?…น้องอ้อ”
“เจ้าคะ?”
“แต่พี่สงสัยน่ะ”
“?”
“เอกคเชนทร์มันตัดหูสองคนนั้นไปด้วยหรือ?”
“มิได้เจ้าค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น…อื๋อ?”
“…………………………………………….”
“นี่มัน?…อ้อ!!!…เธอเป็นคน…”
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ…น้องเป็นผู้ที่ตัดหูพวกมันเอง”
“ทะ…ทำไมกัน?…แล้วก็เอามาให้ตอนนี้มันต่อคืนไม่ได้แล้ว!!!!…น้องจะไม่อำมหิตเกินไปหน่อยเหรอ?”
“เพราะพวกมันบังอาจ…มายุ่งกับเขาแลยังจะทำร้าย…ด้วย”
“!!!”
“คิกๆๆ”
“อุ๊ก!!…นี่…นี่น้องถึงกับเอามีดจ่อคอพี่!?…คิดจะเปลี่ยนใจไปเข้าข้างเจ้าเคี่ยมนั่นอีกคนรึ?”
“หาได้เป็นเช่นนั้นไม่เจ้าค่ะ…อ้อยังอยู่ฝ่ายท่านพี่ศรเพทายเช่นเดิม”
“อ้อ…”
“น้องตั้งใจจะตัดหัวเสียบประจานเสียด้วยซ้ำแต่ตัดหูไปคนละข้างก็ถือว่าเมตตาพวกมันมากแล้วเจ้าค่ะ”
“……………………………………………..”
“ต่อไปท่านพี่ศรเพทายน่าจะให้ความยำเกรงท่านเอกคเชนทร์บ้างก็จะดีนะเจ้าคะเพราะน้องคิดว่า…เขามิใช่ธรรมดาเลย”
“ไม่ธรรมดายังไง?”
“อย่างน้อยในสายตาของน้อง…เขาก็…เป็น…สัตว์ป่าเจ้าค่ะ”
“สัตว์ป่า?”
……………………………………………………………………………………………………………………

…ตัวอย่างในตอนหน้า…ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 92 “แขกผู้มาเยือนที่คาดไม่ถึง!?”

“พี่เซคเคยพูดว่าผมมันก็เปรียบเสมือนลูกไก่ในกำมือ…จะบีบก็ตายจะคลายก็รอดใช่มั้ย?”
“ใช่…แล้วยังไง?”
“แต่สำหรับผม…พี่ก็เป็นได้แค่กบที่กำลังเผชิญหน้ากับงูพิษเช่นผม…ไม่มีทางรอดนอกจากถูกฉกกัดจนตาย”
…………………………………………….
“ฉันขอบอกตรงๆนะว่านายไม่จำเป็นต้องฝึกอะไรแบบนี้…นายทำหน้าที่เป็นสามีของฉันกับเลี้ยงลูกก็พอ”
“อ๋อมพูดอย่างนี้ทำร้ายจิตใจฉันมากเลยนะ”
“แต่นายต้องฟังและยอมรับ…เขี้ยวพยัคฆ์มีผลข้างเคียงที่อันตรายซึ่งถ้าไม่จำเป็นจริงๆฉันก็จะไม่ใช้”
…………………………………………….
“นี่!!…คุณเข้ามาในห้องดิฉันได้อย่างไรกันคะ?”
“จะด้วยวิธีใดนั้นหาใช่ประเด็นสำคัญ…ที่เรามาในวันนี้ก็เพราะมีเรื่องเร่งด่วนจะสนทนากับเจ้า…ศกุนตลา”
“แต่ดิฉันไม่มีอะไรจะพูดด้วย…เชิญกลับไปซะเถอะค่ะ…คุณหนูศรมุกดา”

…………………………………………………………………………………………………………

Share the Post:

Related Posts

ครั้งแรกที่โดนเจ้านายเย็ด แลกกับการไม่โดนไล่ออก

เรื่องเสียว ครั้งแรกที่โดนเจ้านายเย็ด แลกกับการไม่โดนไล่ออก ฉันรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนที่ทำงานออกมาได้ดีนัก ถูกตำหนิตั้งแต่เบื้องบนลงมากระทั่งพนักงานระดับเดียวกัน การเป็นนักศึกษาจบใหม่ไฟแรงมันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ความสามารถของฉันมันไม่ได้เข้าขั้นเลยจริงๆ และการที่จะต้องรับเงินเดือนเท่าๆ กับคนที่ทำงานมากกว่า มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ยุติธรรมสำหรับคนเหล่านั้น จึงไม่แปลกที่บ่อยครั้งฉันจะโดนเขม่นมองอยู่บ่อย ๆ สุดท้าย หัวหน้าของฉันก็เรียกฉันเข้าไป พูดอะไรต่อมิอะไรมากมาย แต่ก็ลงท้ายด้วยการยื่นข้อเสนอเรื่องหนึ่งให้ฉัน มันคือเรื่องเสียว…และเพื่ออนาคตของฉันแล้ว ฉันไม่มีทางเลือกอะไรเลย ความตื่นเต้น ความกังวลเกิดขึ้นทันที

Read More

ได้คืบจะเอาศอก ได้อมจะเอาเย็ด ลักหลับลูกพี่ลูกน้องควยใหญ่ในงานปีใหม่รวมญาติ

เรื่องเสียว ได้คืบจะเอาศอก ได้อมจะเอาเย็ด ลักหลับลูกพี่ลูกน้องควยใหญ่ในงานปีใหม่รวมญาติ ฉันยังจำเรื่องเสียวที่เกิดขึ้นช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้ไม่ลืมเลยจริงๆ ค่ะ เพราะไม่รู้เลยว่าตัวเองจะใจกล้าและบ้าบิ่นได้มากขนาดนั้น ที่กล้าลงมือลักหลับลูกพี่ลูกน้องของตัวเองแบบนี้ แต่มันช่วยไม่ได้จริงๆ ตอนนั้นฉันทั้งเมา ทั้งเงี่ยน แถมไอ้ลูกพี่ลูกน้องตัวร้ายก็นอนควยตั้งอยู่ต่อหน้าต่อตาของฉัน มันเหมือนมีอะไรที่ช่างเหมาะเจาะกันมาเจอกันในวันนี้เลยจริงๆ ค่ะ ครอบครัวของเรานั้นเป็นครอบครัวใหญ่ ปีใหม่ที่ก็จะกลับมารวมตัวที่บ้านคุณทวด ซึ่ง “บี” ลูกพี่ลูกน้องของฉันเมื่อสองปีก่อนเขาไม่ได้มาเพราะว่าต้องไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ปีนี้เขาเลยกลับมาเพื่อร่วมงานรวมญาติ

Read More